Page 1 of 1

คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Sat Jan 08, 2011 4:13 pm
by katib
คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


“...ในปัจจุบันนี้เป็นที่ทราบว่า ประเทศชาติอยู่ในภาวะที่ต้องอาศัยความเข็มแข็ง เพื่อที่จะให้อยู่รอด ประเทศไทยจะอยู่ได้ก็ด้วยทุกคน ทุกฝ่ายสามัคคีกัน ความสามัคคีนั้นได้พูดอยู่เสมอว่าต้องมี แต่อาจจะเข้าใจยากว่าทำไมสามัคคีจะทำให้บ้านเมืองอยู่ได้ สามัคคีก็คือ การเห็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิถีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองอยู่ได้ สามัคคีนี้ก็คือ การเห็นแก่บ้านเมือง และช่วยกันทุกวิถีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และไม่ทำลายงานของกันและกัน และทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต้องส่งเสริมงานของกันและกัน และไม่ทำลายงานของกันและกัน มีเรื่องอะไรให้ได้พูดปรองดองกัน อย่าเรื่องใครเรื่องมัน และงานก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม...”
(พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๙)

จากพระราชดำรัสดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า ความสามัคคี คือ ความสามารถจะทำงานเพื่อส่วนรวม หรือความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันและกัน เพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งความสามัคคีแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ความสามัคคีของวิชาการ และความสามัคคีในจิตใจ ความสามัคคีวิชาการคือ การประสานความรู้ และทักษะของผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มากมาย เพื่อส่งผลสำเร็จในด้านต่าง ๆ มาสู่ประเทศ ส่วนความสามัคคีในจิตใจเป็นลักษณะของการปรองดองกัน โดยเกิดจากความเมตตากรุณากันและกัน มีจิตใจผูกพันที่จะช่วยเหลือกันและกัน เพื่อให้งานนั้น ๆ บรรลุเป้าหมาย

คำว่า “สามัคคี” แปลว่า ความพร้อมเพรียง ได้แก่ ความพร้อมเพรียงกันทางกายวาจา และใจ พร้อมเพรียงช่วยกันทำกิจที่บังเกิดผลเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม พร้อมเพรียงกันทำงานในหน้าที่ของตน ใครมีหน้าที่อย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ตั้งใจทำให้เต็มกำลัง เต็มความสามารถของตน อย่างนี้เรียกว่า “สามัคคี”

ปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดความสามัคคี คือ ความสามัคคีกลมเกลียวกัน หรือความร่วมมือและร่วมใจกัน เป็นสิ่งที่สำคัญที่คนไทยทุกคน ๆ คนพึงมีอยู่ในจิตสำนึก และช่วยกันสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น พื้นฐานที่สุดของการจรรโลงความสามัคคีกลมเกลียวกันให้บังเกิดขึ้น และดำรงอยู่ต่อไปอย่างแน่นแฟ้น คือ การรู้จักหน้าที่ของตนเอง ในหมู่สมาชิกของสังคม และประเทศนั้น ๆ กล่าวคือ ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดอยู่ ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการณ์ทันเวลา โดยเต็มกำลัง ความรู้ ความสามารถ และโดยบริสุทธิ์จริงใจ ผลงานของแต่ละคนจักได้ประกอบส่งเสริมกันขึ้นเป็นความสำเร็จและความมั่นคงของชาติ

การที่จะเกิดความสามัคคีได้ในการกระทำต้องเริ่มจากใจภายในเสียก่อน ถ้าทุกคนมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว ประเทศชาติย่อมคลาดแคล้วจากภัยของศัตรู และตั้งมั่นมีความสุขสมบูรณ์อยู่ได้ หากขาดความสามัคคี ไม่รักใคร่ไว้วางกัน ปราศจากความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การดำเนินงานย่อมจะไม่สำเร็จ

ธรรมที่เสริมสร้างความสามัคคีของหมู่คณะคือ สังคหวัตถุ ๔ ประการซึ่งได้แก่
ทาน คือ การให้ปันของแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน ตลอดจนให้ความรู้ ความเข้าใจ และศิลปวิทยา

ปิยวาจา คือ พูดจาปรารัยด้วยถ้อยคำอ่อนหวานไพเราะเป็นที่เจริญใจ มีวาจาที่นิ่มนวลไพเราะ อ่อนหวาน เป็นคุณ ทำให้เกิดความพอใจแก่ผู้ได้ยินได้ฟัง

อัตถจริยา คือ การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กันและกัน ช่วยเหลือกันด้วยกำลังกาย กำลังความคิด และกำลังทรัพย์ เป็นต้น

สมานัตตตา คือ ความเป็นผู้วางตนเหมาะสม ประพฤติปฏิบัติตามที่ควรจะเป็น วางกิริยาอัธยาศัยให้เหมาะกับฐานะ หรือตำแหน่งหน้าที่
การเสริมสร้างความสามัคคี มีแต่ได้ไม่มีเสียหาย ขอให้ปรารถนาดีต่อกันอย่างจริงจัง และปฏิบัติตามธรรม ๔ ประการ ข้างต้น เมื่อได้ประพฤติปฏิบัติ ความสามัคคีย่อมจะเกิดขึ้น เมื่อเกิดความสามัคคีขึ้นแล้ว การงานทุกอย่างแม้จะยากสักเพียงใด ก็กลายเป็นง่าย ชีวิตมีแต่ความราบรื่น แม้จะเกิดอุปสรรคก็สามารถขจัดให้หมดสิ้นได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “สามัคคีคือพลัง” เพียงแต่ทุกคนดำรงชีวิตบนพื้นฐานแห่งคุณธรรม ให้ทุกคนมีความรัก และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความสามัคคีและเสียสละเพื่อส่วนรวม ดังพุทธภาษิตว่า “สุขา สงฆสส สามคี แปลว่า ความสามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข”

เอกสารอ้างอิง คู่มือครู :การอบรมความรู้และจริยธรรมเพื่อชีวิตตอนที่ ๒ เขียนโดยอาจารย์กนก จันทร์ขจรหนังสือวัฒนธรรมกับสันติภาพ ของ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Thu Jan 13, 2011 1:34 pm
by chaobaan
นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า “การทำงานของพระองค์ท่านยังเน้นเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม อย่างข้าราชการที่ทำงานสนองพระยุคลบาททุกคน จะต้องไม่มีที่ดินอยู่รอบโครงการ ถ้าหากว่าใครมีก็จะต้องลาออก ถึงแม้ว่าจะไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดจริยธรรม ใครไม่รู้แต่เรารู้ และจะซื่อสัตย์สุจริต พระองค์ท่านเคยรับสั่งไว้ถ้าหากโกงทุกอย่างก็จบ และ ถ้าอยากร่ำรวย ก็จะต้องลาออกจากข้าราชการ”

นสพ.สยามรัฐ

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Thu Jan 13, 2011 2:08 pm
by ae_mon
อยากให้ข้าราชการทำงานตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง
มีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต รักสามัคคีกัน

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Fri Jan 14, 2011 10:29 am
by tarato13
ถ้าเรารู้รักสามัคคี ให้อภัยซึ่งกันและกัน ประเทศชาติก็จะรอดพ้นจากวิกฤตแห่งความแตกแยกได้

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Fri Jan 14, 2011 12:04 pm
by tragedy
ความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม คุณธรรม เห็นประโยชน์ส่วนรวม
ตั้งใจทำงาน จะทำให้ประเทศไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี จงร่วม
ใจกันทำความดีตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Mon Jan 24, 2011 9:35 pm
by รักเมืองไทย55
สามัคคี คือการเป็นแก่บ้านเมือง และช่วยกันทุกวิธีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตแย่งตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมนั้นคือความมั่นคงของบ้านเมือง

(พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล 15 มกราคม 2519)

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Tue Jan 25, 2011 9:39 pm
by น้ำตก
ถ้าทุกคนสามารถทำตามแนวพระราชดำรัสของในหลวงได้ จะทำให้
ประเทศเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก ซึ่งแนวพระราชดำรัสที่ว่าความสามัคคีในการกระทำ
ต้องเริ่มจากใจภายในเสียก่อน ถ้าทุกคนมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว
ประเทศชาติย่อมคลาดแคล้วจากภัยของศัตรู

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Wed Jan 26, 2011 11:14 am
by kuron23
ถ้าทุกคนได้ปฏิบัติตามแนวพระราชดำริเรื่องคุณธรรม ความสามัคคี แล้วบ้านเมืองของเราก็จะมีแต่ความสงบ พัฒนาก้าวหน้า เศรษฐกิจมั่นคง ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Sat Jan 29, 2011 4:16 pm
by tita_pw
ความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม คุณธรรม เห็นประโยชน์ส่วนรวม
ตั้งใจทำงาน จะทำให้ประเทศไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี จงร่วม
ใจกันทำความดีตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว


เห็นด้วยแบบสุด ๆ :P :P :P

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Mon Feb 07, 2011 10:23 am
by chaobaan
พระราชกรณียกิจสำคัญประการหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในทศพิธราชธรรมคือ“อวิโรธนะ” ได้แก่ ความไม่คลาดธรรม คือ วางองค์เป็นหลักหนักแน่นในธรรม คงที่ ไม่มีความเอนเอียงหวั่นไหว สถิตมั่นในธรรม ทั้งส่วนยุติธรรม คือ ไม่ประพฤติให้คลาดเคลื่อนวิบัติไปจากความเที่ยงธรรม และนิติธรรมอันเป็นระเบียบแบบแผนหลักการปกครอง ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามธรรมราชาประการนี้คือ “การพระราชทานความเป็นธรรม” ที่พระราชทานแก่ประชาชนตลอดมาทั้งในเรื่องที่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ตามกฎหมาย และทั้งในกรณีอื่น

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Tue Feb 08, 2011 8:49 am
by sareesri_39
"...ขอให้ท่านทั้งหลายจงช่วยกันรักษาความสามัคคี ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และร่วมกันตรวจตราระมัดระวัง
อย่าให้เหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นได้ เพื่อความปลอดภัยและวัฒนาถาวรของประเทศเรา..."
กระแสพระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2505 วันที่ 31 ธันวาคม 2504

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Tue Feb 08, 2011 6:33 pm
by น้ำตก
ถ้าทุกคนในชาติมีความสามัคคี รักกัน ไม่เชื่อฟังคำของคนอื่นง่าย
ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่น่าอยู่ และเป็นปึกแผ่น
ไม่มีใครมาทำลายได้แน่นอน

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Wed Feb 09, 2011 9:43 am
by NUBO
คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง
ไม่ต้องแปลต่อเพียงแค่ฟังไม่ต้องคิดมากปฏิบัติตามพระราชดำรัสก็
จะทำให้ประเทศไทยสงบสุขภัยภายในยังไม่สามัคคีแล้วใครจะมาสามัคคีกับเรา

Re: คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสในหลวง

PostPosted: Wed Feb 09, 2011 12:59 pm
by NUBO
เมื่อไหร่ชาวไทยทั้งหลายจะสามัคคีกัน
ไม่มาดากันขึ้นเวทีให้พ่อหนักใจไม่สบายใจเมื่อไหร่นะ