Page 1 of 2

พระราชดำรัส

PostPosted: Sat Jan 08, 2011 5:22 pm
by network1912
. . .การที่ในประเทศใด มีประชาชนทั้งหมดอยู่ร่วมกันโดยสันติ ก็เป็นสิ่งที่ปรารถนาของทุกคน. ไม่มีใครอยากให้มีความวุ่นวายในหมู่คณะ ในประเทศชาติ เพราะว่าถ้ามีความวุ่นวายนั้น เป็นความทุกข์. ทุกคนต้องการความสุข หากความสุขนั้นก็จะมาจากความปรองดอง และความที่ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปโดยยุติธรรม. . .

พระราชดำรัส
ในโอกาสที่รองประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำกระทรวงเข้าเฝ้าฯ
ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ครั้งแรก
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันพุธที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๓๗

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Mon Jan 10, 2011 2:04 pm
by NUBO
พระองค์ทรงต้องการให้คนไทย
มีความรักและสามัคคีกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
อย่าได้มีความแตกแยกให้ชาติอื่นเข้ามาแทรกแซงได้
คนไทยต้องรักกัน

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Mon Jan 10, 2011 3:37 pm
by chaobaan
การงานทุกอย่างทุกอาชีพ ย่อมจะมีจรรยาบรรณของตนเอง จรรยาบรรณนั้นจะบัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่ยึดถือกันว่าเป็นความดีงาม ที่คนในอาชีพนั้นพึงประพฤติปฏิบัติ หากผู้ใดล่วงละเมิดก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งแก่บุคคล หมู่คณะ และส่วนรวมได้. เหตุนี้ ผู้ปฏิบัติงานในทุกสาขาอาชีพ นอกจากจะต้องมีความรู้ในสาขาของตนอย่างลึกซึ้ง จัดเจนและศึกษาให้ก้าวหน้าอยู่เสมอแล้ว ยังจะต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณในวิชาชีพของตน ทั้งข้อที่ควรปฏิบัติและไม่พึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วย จึงจะสามารถประพฤติตนปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จ ได้รับความเชื่อถือยกย่องในเกียรติ ในศักดิ์ศรี และในความสามารถด้วยประการทั้งปวง

พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Mon Jan 24, 2011 10:10 pm
by รักเมืองไทย55
โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และโบราณสถานทั้งหลายเป็นของมีคุณค่า และจำเป็นแก่การศึกษาค้นคว้าในทางประวัติศาสตร์ศิลปะโบราณคดี เป็นการแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชาติไทย ที่มีมาแต่อดีต ควรสงวนรักษาไว้ให้คงทนถาวร เป็นสมบัติส่วนรวมของชาติไว้ตลอดกาล

(พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 26 ธันวาคม 2504)

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sat Feb 12, 2011 10:56 am
by โดราเอมอน
"ในบ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีเสียงกล่าวกันว่า ความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อม ความประพฤติที่เป็นความทุจริตหลายอย่างมีท่าทีจะกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปพากันยอมรับ และสมยอมให้กระทำกันได้เป็นธรรมดา สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนมืดมัวลงไป เป็นปัญหาใหญ่ที่เหมือนกระแสคลื่นอันไหลบ่าเข้ามาท่วมทั่วไปหมด จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฝืนคลื่นที่กล่าวนั้น
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใด ๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่า ชั่วเสื่อมเราต้องฝืนต้องต้านความคิด และความประพฤติทุกอย่าง ที่รู้สึกว่าขัดต่อธรรมะ เราต้องกล้า และบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่า เป็นความดีเป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริง ๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้น ๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ"

พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสพระราชทานเพื่ออัญเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒
ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓
ที่มา http://www1.tv5.co.th/service/mod/herit ... rama91.htm

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sat Feb 12, 2011 11:14 am
by sweet2011
"...ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิชาการต่างๆ ทำให้โลกของเราทุกวันนี้แคบลง และประเทศต่างๆ ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่ว่าใหญ่หรือน้อยโดยอาศัยความเคารพไว้วางใจและเข้าใจดีต่อกันเป็นรากฐาน ย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าจึงเชื่อแน่ว่า ด้วยความร่วมมือซึ่งกันและกันอย่างจริงจังเท่านั้น จะเป็นผลให้โลกมีสันติสุขอันถาวร และมนุษยชาติทั้งมวลประสบความเจริญรุ่งเรือง..."
พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sat Feb 12, 2011 11:16 am
by sweet2011
"...ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิชาการต่างๆ ทำให้โลกของเราทุกวันนี้แคบลง และประเทศต่างๆ ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่ว่าใหญ่หรือน้อยโดยอาศัยความเคารพไว้วางใจและเข้าใจดีต่อกันเป็นรากฐาน ย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าจึงเชื่อแน่ว่า ด้วยความร่วมมือซึ่งกันและกันอย่างจริงจังเท่านั้น จะเป็นผลให้โลกมีสันติสุขอันถาวร และมนุษยชาติทั้งมวลประสบความเจริญรุ่งเรือง..."
พระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Tue Feb 15, 2011 10:20 am
by รักเมืองไทย55
ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้นเพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัวโดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกันจะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้น แต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ

พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ คณะบุคคลต่างๆที่เข้าเฝ้าฯเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2533

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sun Mar 13, 2011 8:24 am
by โดเรมอน01
การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัว ช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย
(พระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 31 ธ.ค.2502)

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Tue Mar 15, 2011 8:42 am
by sareesri_39
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2541
วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พุทธศักราช 2540
“…ขอให้ท่านทั้งหลาย ตั้งความหวัง ตั้งความเพียรอันมั่นคงไว้ ที่จะช่วยตัวช่วยชาติให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ทั้งด้วยการขะมักเขม้นทำงานให้เต็มกำลังความสามารถ ทั้งด้วยการดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังและเป็นอยู่อย่างพอเหมาะพอสม จะประพฤติปฏิบัติการใด ก็ยึดมั่นในประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นเป้าหมายสูงสุด…”

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Wed Mar 16, 2011 9:38 pm
by bluedog
"...คำว่าพอเพียงมีความหมายอีกอย่างหนึ่ง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอสำหรับใช้เองเท่านั้น แต่มีความหมายว่าพอมีพอกิน พอมีพอกินนี้ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง..."

"...พอเพียงนี้ก็หมายความว่า มีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอแม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ถ้าทำให้มีความสุข ถ้าทำได้ก็สมควรที่จะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ..."

"...Self - Sufficiency นั้นหมายความว่า ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอซื้อคนอื่น อยู่ได้ด้วยตัวเอง..."

"...คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิดคิด-อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข..."


พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Thu Mar 17, 2011 8:52 am
by sareesri_39
กระแสพระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2506
“…งานของชาติที่จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากท่านทั้งหลายยังมีอีกมาก งานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นงานที่ทุก ๆ คน จะต้องมีส่วนช่วยเหลือ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคงของชาติ เพื่อให้ชาติของเรามีความสงบสุข ขอท่านทั้งหลายจงอย่าได้ประมาท ความพร้อมอยู่เสมอที่จะเผชิญต่อภัยทั้งปวงที่จะมีมาซึ่งอาจน่ากลัวยิ่งกว่าภัยธรรมชาติก็ได้ ขอท่านทั้งหลายจงช่วยกันภัยอันตรายใดๆ อันจะมีมาในภายหน้า ดังเช่นบรรพบุรุษของเราได้ฟันผ่ามาแล้วในอดีต และรักษาความเป็นไทยของชาติไว้ให้ยืนยง…”

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Thu Mar 17, 2011 5:12 pm
by น้ำตก
พระราชดำรัสท่านมีมากมาย ล้วนแต่ให้ข้อคิดที่ดีต่าง ๆ
มากมายจริง ๆ ถ้าทุกคนนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
สักข้อหนึ่งก็คงจะดี

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Fri Mar 18, 2011 9:33 am
by babycat
พระราชดำรัส
พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย
ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
วันอาทิตย์ ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓

ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระที่จะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุก ๆ คน ทั้งขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่มีไมตรีจิตร่วมมือ สนับสนุนข้าพเจ้า ในภาระทั้งปวงด้วยดีตลอดมา ในรอบปีที่ผ่านไป มีเหตุการณ์หลายอย่าง เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ที่สำคัญควรแก่การชื่นชม เป็นพิเศษ ก็คือการที่นักกีฬาของเรา ได้เหรียญทอง และเหรียญทองแดง ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ตกถึงปลายปี ก็มีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจ คือเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ภาคใต้ เป็นผลให้ชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนต้องสูญเสียไปมิใช่น้อย แต่ภัยพิบัติครั้งนี้ ก็ทำให้ได้เห็นน้ำใจ และความสามัคคีของคนไทย อย่างเด่นชัดอีกครั้งหนึ่ง เราต่างพร้อมใจ และเต็มใจช่วยเหลือกันและกันทันที โดยเต็มกำลังและเสียสละ ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี ถึงความสามัคคี และความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน ที่ยังมีบริบูรณ์ อยู่ในจิตใจของคนไทย ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าประเทศของเรา จะประสบกับปัญหา หรือภาวะอันไม่ปรกติใด ๆ คนไทยเราจะหันหน้าเข้าหากัน และร่วมมือร่วมใจกัน ปฏิบัติแก้ไข ให้ผ่านพ้นปัญหา หรือภาวการณ์นั้น ๆ ไปได้อย่างแน่นอน ในปีใหม่นี้ ขอให้ท่านทั้งหลาย จงรักษาความสามัคคี และจิตใจอันดีนี้ไว้ให้มั่นคง แล้วพยายามเร่งรัดปฏิบัติสรรพกิจการงาน ให้ประสานสอดคล้อง และเกื้อกูลกัน ด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ใจ และด้วยความไม่ประมาท โดยยึดเอาประเทศชาติ และประโยชน์ของส่วนรวม เป็นจุดหมายสูงสุด

ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัย ทุกเมื่อทุกสถาน บันดาลให้มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา ที่จะประกอบกรณียกิจน้อยใหญ่ ให้บรรลุผลเลิศทุก ๆ ด้าน เพื่อยังความเจริญวัฒนา ให้เกิดแก่ประเทศชาติไทย ขอให้มีความสุขกาย สุขใจ และประสบแต่สิ่งพึงปรารถนา ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Mon Mar 21, 2011 1:25 pm
by NUBO
พระราชดำรัสทั้งใหม่และเก่าๆๆก็ต้องการให้คนไทยรักกันสามัคคีกันไม่แตกแยก
เน้นให้รักกันให้ทำเพื่อประเทศไทย

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Mon Mar 21, 2011 2:05 pm
by tragedy
ความสุขของพระองค์คือการที่คนไทยมีความสุข
ถ้าคนไทยมีความรัก ความสามัคคี พระองค์ท่านก็
มีความสุขด้วย

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Fri Mar 25, 2011 3:22 pm
by keatudomhospital
อยากให้เหงื่อ พ่อแห้ง พักตร์แดงเรื่อ
องค์หน่อเนื้อ สละสุข ทุกข์ยังฝืน
หกสิบปี ที่ทรงงาน ทุกวันคืน
พ่อนั้นตื่น ทุกเวลา จนชาชิน
ลูกทั้งหลาย ได้พักผ่อน ตอนหกสิบ
องค์พ่อทิพย์ แปดสิบศก ยังผกผลิน
ทำเพื่อลูก เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน
ทั่วโลกยิน ล้วนยกย่อง พ่อผองไทย

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sat Mar 26, 2011 12:45 pm
by chaobaan
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในวันขึ้นปีใหม่ 2499

"ขอให้ทุกฝ่ายจงตั้งจิตร่วมใจกัน สร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ ยึดมั่นในอุดมคติ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุุ่่งต่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อประเทศของเราจะได้เจริญวัฒนาสถาพรสืบไป"

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sat Mar 26, 2011 1:32 pm
by VEE99999
...คนดีทำให้คนอื่นดีได้ หมายความว่าคนดี ทำให้เกิดความดีในสังคม คนอื่นก็ดีไปด้วย.
ความเลวนั้นจะทำให้คนดีเป็นคนเลวก็ยาก แต่เป็นไปได้.ถ้าคนดีเข้มแข็งในความดี
จะทำให้คนเลวมาทำให้คนดีเป็นคนเลวยาก.สำคัญอยู่ที่ความเข้มแข็งของคนดี...

คัดตัดตอนจากพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ
ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sat Mar 26, 2011 2:10 pm
by sweet2011
คำสอนของพระองค์ท่านประเสริฐที่สุด
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Thu Apr 21, 2011 3:02 pm
by รักเมืองไทย55
"...ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และวิชาการต่างๆ ทำให้โลกของเราทุกวันนี้แคบลง และประเทศต่างๆ ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่ว่าใหญ่หรือน้อยโดยอาศัยความเคารพไว้วางใจและเข้าใจดีต่อกันเป็นรากฐาน ย่อมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าจึงเชื่อแน่ว่า ด้วยความร่วมมือซึ่งกันและกันอย่างจริงจังเท่านั้น จะเป็นผลให้โลกมีสันติสุขอันถาวร และมนุษยชาติทั้งมวลประสบความเจริญรุ่งเรือง..."

"...The World today is becoming smaller and ever more interdependent due to the advancement in the fields of science and technology. International co-operation based on mutual trust, respect and friendly understanding between countries, big or small, are therefore of vital importance. It is my firm belief that only along this road of mutual constructive co-operation a lasting peace and prosperity for mankind can be achieved."


คัดตัดตอนจากพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Sun May 15, 2011 9:49 am
by รักเมืองไทย55
การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ

(พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ครูและนักเรียน โรงเรียนจิตรลดา 27 มีนาคม 2523)

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Thu May 19, 2011 10:55 am
by chaobaan
ความสามัคคีพร้อมเพรียงกันเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการปฏิบัติบริหารงาน ใหญ่ๆ เช่นงานของแผ่นดิน. และความสามัคคีนี้จะเกิดมีขึ้นมั่นคงได้ ก็ด้วยบุคคลในหมู่ในคณะมีคุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวผูกพันจิตใจของกันและ กันไว้.คุณธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจนั้นประการหนึ่งได้แก่การให้ คือให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือกัน ให้อภัยไม่ถือโทษกัน ให้คำแนะนำตักเตือนที่ดีต่อกัน. ประการที่สอง ได้แก่การมีวาจาดี คือพูดแต่คำสัจ คำจริงต่อกัน พูดให้กำลังใจกัน พูดแนะนำประโยชน์กัน และพูดให้รักใคร่ปรองดองกัน. ประการที่สามได้แก่การทำประโยชน์ให้กันและกัน คือประพฤติปฏิบัติตนให้เกิดประโยชน์เกื้อกูล ทั้งแก่กันและกัน และแก่หมู่คณะโดยส่วนรวม. ประการที่สี่ได้แก่การวางตนได้สม่ำเสมออย่างเหมาะสม. คือไม่ทำตัวให้ดีเด่นเกินกว่าผู้อื่น และไม่ด้อยให้ต่ำทรามไปจากหมู่คณะ. หมู่คณะใดมีคุณธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวกันไว้ดังกล่าวหมู่คณะนั้นย่อมจะมีความ เจริญมั่นคงขึ้นด้วยสามัคคีธรรม . . .

พระราชดำรัสพระราชทานแก่สามัคคีสมาคมฯ ในการเปิดประชุมประจำปี ๒๕๒๕ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ เมษายน ๒๕๒๕

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Tue Jul 12, 2011 8:14 pm
by โดเรมอน01
การสร้างงานศิลปะทุกอย่างทุกประเภท นอกจากจะต้องใช้ความฝึกหัดชัดเจนในทางปฏิบัติ ประกอบกับวิธีการที่ดีอย่างเหมาะสมแล้ว ศิลปินจำต้องมีความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจในงานที่ทำด้วย จึงจะได้ผลงานที่มีค่าควรแก่การยอมรับนับถือ

(พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีเปิดการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 21 8 กันยายน 2515)

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Wed Jul 13, 2011 11:29 am
by keyboard
“สังคมใดก็ตาม ถ้ามีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ด้วยความมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน
สังคมนั้นย่อมเต็มไปด้วยไมตรีจิต มิตรภาพ มีความร่มเย็นเป็นสุข น่าอยู่”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่ออัญเชิญลงพิมพ์ในนิตยสารที่ระลึกครบ ๓๖ ปี ของสโมสรไลออนส์ กรุงเทพฯ ๓๑ มี.ค.๓๘

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Fri Jul 15, 2011 9:19 am
by รักเมืองไทย55
สัจจวาจา นั้นเป็นรากฐานของการทำงาน หรือการดำรงชีวิตที่ดีที่งามที่มีความก้าวหน้า มีความสำเร็จ “สัจ” เป็นการตั้งใจ ตั้งจิตใจ “วาจา” เป็นคำพูดออกมา แสดงถึงคำพูดนั้นต้องออกมาจากใจ คือเป็นการตั้งใจที่จะทำอะไรเพื่อความสำเร็จในงานนั้น
(พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ผู้พิพากษาประจำกระทรวงยุติธรรมเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ 18 มีนาคม 2525)

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Fri Jul 15, 2011 9:51 am
by sareesri_39
ความสามัคคี
ความสามัคคีที่สำคัญที่สุดคืออะไร ก็คือ สามัคคีในชาติ ไม่ใช่ว่า
ความสามัคคีในคณะไม่ดี แต่ต้องระวัง ถ้าสามัคคีกัน แต่ว่าไปก้าวก่าย
หรือไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ในสถาบันก็เป็นความผิด ถ้าสามัคคีในสถาบัน
ไปทำให้คนอื่นเสียหายหรือเดือดร้อนก็ไม่ดี เพราะทำให้เสียหายต่อสามัคคีของชาติ...
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 เมษายน 2503)

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Mon Aug 15, 2011 2:28 pm
by โดเรมอน01
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะชมรมผู้ค้าทราย เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๑๖
ถ้าอยากได้ความเจริญ ความก้าวหน้า ความอยู่ดีกินดี ก็จะต้องทำงานนั้น ด้วยความสามารถเต็มที่ ด้วยความตั้งใจ ด้วยความรู้ความบริสุทธิ์ใจ สุจริตใจ

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Mon Aug 15, 2011 9:15 pm
by sweet2011
"...ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้ปรากฏตลอดมาว่า ชาติใดเสื่อมสูญย่อยยับอับปางไป ก็เพราะประชาชาติขาดสามัคคีธรรม แตกแยกเป็นหมู่คณะ เป็นพรรคเป็นพวก
คอยเอารัดเอาเปรียบ ประหัสประหารซึ่งกันและกัน บางพรรคบางพวก ถึงกับเป็นไส้ศึกให้ศัตรูมาจู่โจมทำลายชาติของตนดังนี้ ข้าพเจ้าจึงขอชักชวนพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย
ให้ระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษ ซึ่งได้กอบกู้รักษาบ้านเกิดเมืองนอนของเรามานั้นให้จงหนัก แล้วถือเอาความสามัคคี ความยินยอมเสียสละส่วนตัวเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่
ของประเทศชาติ เป็นคุณธรรมประจำใจอยู่เนืองนิจ จึงขอให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลาย จงบำเพ็ญกรณีกิจของตนแต่ละคน ด้วยซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทนและกล้าหาญ แล้วอุทิศความเสียสละส่วนตัว ความเหน็ดเหนื่อยลำบากยากแค้น เป็นพลีบูชาบรรพบุรุษ ผู้ซึ่งได้ก่อสร้างชาติเป็นมรดกตกทอดมาถึงพวกเราชาวไทยจนบัดนี้"

พระราชดำรัส ที่พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2494

Re: พระราชดำรัส

PostPosted: Tue Aug 16, 2011 8:37 am
by militaryloveking
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นสิ่งประเสริฐยิ่ง สมควรน้อมนำเอาไปปฏิบัติให้เป็นมงคลแก่ชีวิต