มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับพระราชวงศ์ไทย เทิดพระเกียรติในหลวงและราชวงศ์จักรีที่ห้องนี้ครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

Postby network1974 » Fri Mar 11, 2011 6:50 pm

มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ

“คำพ่อสอน”

“…ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งปณิธานร่วมกันด้วยว่า จะประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของชาติ ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและบทกฎหมายของบ้านเมือง ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต ขยันหมั่นเพียร ให้บังเกิดประโยชน์ในการที่จะช่วยสร้างตนเองและครอบครัวให้ผาสุกสมบูรณ์ ก่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นมั่นคงในทางเศรษฐกิจของชาติ นำสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราสืบไป…”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ประชาชน ชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่ปี 2500 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2499

…………………………………..

“มูลนิธิพระดาบส” เป็นองค์กรการกุศลที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้เป็นองค์กรในอันที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ โดยเฉพาะประชาชนในครอบครัวยากจนด้อยโอกาสในแทบทุกทางเฉพาะอย่างทางการศึกษาเพื่อให้มีช่องทางได้ศึกษา ได้รับความรู้ทั้งภาคสายสามัญและสายวิชาชีพเพื่อนำไปเป็นเครื่องมือในการสร้างฐานะสร้างครอบครัว ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เป็นภาระของสังคม ในเวลาเดียวกันก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้ตามความเหมาะสม

ที่สำคัญผู้คนเหล่านี้ต้องได้รับการปลูกฝังอบรมบ่มนิสัยความดีงามด้วยหลักคุณธรรมติดแน่นอยู่ในกมลสันดานด้วย เพื่อจะเป็นคนดีที่จะไปเพิ่มประชาชนคนดีในสังคมไทยให้เพิ่มมากขึ้น

ย้ำว่าถึงจะทรงเน้นการศึกษา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นย้ำว่าจะมีวิชาความรู้ไม่ว่าจะด้านสามัญและด้านอาชีพอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเน้นศึกษาด้านการอบรมบ่มนิสัยหล่อหลอมปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ต้องตระหนักถึงการดำรงมั่นอยู่ในศีลธรรมความดีงามเคียงคู่กันไปด้วย นั่นคือต้องได้รับการหลอมหล่อความขยันหมั่นเพียร ความอดทน รู้จักอดออม มีความกตัญญูกตเวที ไม่ตั้งตัวอยู่ในความโลภ พยายามห่างไกลอบายมุขทุกประเภทด้วยเพราะเห็นโทษอย่างแท้

มูลนิธิพระดาบสเป็นโครงการในพระราชดำริเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2519 รับผู้ที่ด้อยโอกาสเข้าเรียนหนังสือและวิชาชีพโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เป็นการศึกษานอกระบบหลักสูตร 1 ปีในสาขาวิชาชีพช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างอีเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมบำรุง ช่างไม้เครื่องเรือน ช่างเชื่อม การเกษตรพอเพียงและหลักสูตรวิชาชีพเคหบริบาล มีผู้เรียนสำเร็จแล้ว1,257 คนจากทั่วประเทศ(เฉพาะหญิง)

การดำเนินกิจกรรมตามพระราชประสงค์ทำต่อเนื่องกันมาจนถึงวันนี้ รวมทั้งการจัดกิจกรรมอื่นๆเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลและเพื่อสนองพระราชปณิธานคือการสร้างประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนคนไทยโดยการน้อมนำพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ผ่านพระบรมราโชวาท ผ่านพระราชดำรัสโดยจัดพิมพ์เป็นหนังสือในโครงการ “คำพ่อสอน” ดำเนินการต่อเนื่องมาถึงวันนี้รวบรวมไว้ 3 เล่มแล้ว เผยแพร่แพร่สู่ประชาชนคนไทยที่จะได้น้อมนำไปสร้างกระกระบวนการเรียนรู้น้อมนำสู่การปฏิบัติอย่างกว้างขวาง



เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา14.00 น. ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรีในฐานะเลขาธิการมูลนิธิพระดาบสพร้อมด้วยพลเรือโทชัยณรงค์ เจริญรักษ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรือฝ่ายกิจการพลเรือนและนางสาวอรสุดา เจริญรัถประธานคณะทำงานโครงการคำพ่อสอน ร่วมกันแถลงแก่สื่อมวลชน ณ ห้องประชุมกองทัพเรือ ถึงโครงการขับเคลื่อน “คำพ่อสอน”ประจำปี 2554 เป็นโครงการประชาสัมพันธ์เชิงรุกในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เพื่อคนไทยได้น้อมนำสู่การประพำฤติปฏิบัติอย่างกว้างขวาง โดยดำเนินการผ่านกิจกรรมต่างๆเช่นหนังสือ หนังสิ้น รายการวิทยุ บทเพลง และกิจกรรมอื่นๆอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินการเชิงรุกในปี2554 นี้

เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา7รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ที่จะถึงนี้

“การขับเคลื่อนโครงการคำพ่อสอนเพื่อให้เกิดการขยายผลสู่การประพฤติปฏิบัติอย่างกว้างขวาง การจะขยายไปให้ประสบผลดังเป้าประสงค์ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมเข้ามาเป็นเครือข่าย โดยเฉพาะเยาวชน นั่นคือให้เกิดการเรียนรู้ ให้เกิดการซึมซับการทำความดี ให้รู้จักทำงานเป็น อันเป็นภาพรวมของแนวพระราชดำริซึ่งผู้ที่จะเป็นหลักสำคัญในการถ่ายทอดก็น่าจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง คุณครู คุณธรรมดังกล่าวล้วนอยู่ในพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสซึ่งนอกจากมูลนิธิพิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่มาถึงสามเล่มแล้ว ยังได้ถ่ายทอดผ่านสื่ออื่นๆทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนแล้วอย่างเช่นโครงการบทเพลงคำพ่อสอนและบทเพลง อยู่อย่างพอเพียงที่แต่งคำร้องและทำนองโดยนิติพงษ์ ห่อนาคเรียบเรียงโดยชาญวิทย์ บุญแย้มและคำร้องโดยสุรักษ์ สุขเสวี ทำนองโดยโสฬส ปุณกบุตรและเมธี ทวีทรัพย์ ทั้งสองเพลงร้องโดยสำราญ ช่วยจำแนก(อี๊ดวงฟลาย) โครงกาภาพยนตร์สั้น โครงการเว็บไซต์www.kamphosorn.org

“รวมทั้งโครงการคำพ่อสอนสัญจร รจัดประกวดหนังสั้นที่มีการตัดสินได้ชนะเลิศ 18 เรื่องฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ เสนอทางเคเบิ้ลแล้วก็ทางโทรทัศน์ เผยแพร่ผ่านทางสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการอีก 2 พันแห่ง อันเป็นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญโดยเฉพาะการปูพื้นฐานให้เกิดในประชาชนกลุ่มหลักคือเยาวชน การดำเนินโครงการ มีหน่วยงานที่ร่วมกันดำเนินการในเบื้องต้นคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กองทัพเรือเป็นต้น อีกทั้งยังได้เยาวชนจากโรงเรียนต่างๆเข้ามาเป็นเครือข่ายที่นับเป็นเป้าหมายสำคัญ ทั้งหมดนี้ทางมูลนิธิพระดาบสร่วมกับทุกภาคส่วนที่กล่าวมาดำเนินการเชิงรุกเผยแพร่ “คำพ่อสอน”ซึ่งก็คือพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพรพะเจ้าอยู่หัวสู่ประชาชนทุกเพศทุกวัยทุกอาชีพทุกช่วงอายุอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลดังกล่าว” ศาสตราจารย์นายแพทย์เกษม วัฒนชัยองคมนตรี กล่าว

พณฯองค์มนตรีบอกว่าพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่เชิญมารวบรวมไว้เป็นหนังสือชื่อ “คำพ่อสอน” เล่มที่สามนี้เป็นคำสอนเกี่ยวกับความสุขในการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไม่เฉพาะแค่คนไทยที่ได้ซึมซับ ทั่วโลกเขาก็ให้ความสนใจแล้วมีจำนวนมากที่ไม่ได้แค่อ่านคำสอน แต่ได้เข้ามาฝังตัวศึกษาการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงในประเทศไทยเลย เพื่อนำกลับไปใช้ดำเนินชีวิตในประเทศของเขา และก็เชื่อว่าเขาจะนำไปเผยแพร่ต่อกับสังคมของเขาด้วย มหาวิทยาลัยของเราเองหลายแห่งก็น้อมนำเอาไปทำหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเป็นต้น เมื่อตอนพระราชพิธีมหามงคลที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เดือนมิถุนายน 2549 นายโคฟีอานัน ก็ได้ขอพระบรมราชานุญาตถวายราชสดุดีเป็นการยกย่องเทิดทูนในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานหลักการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางนำประชาชนที่ปฏิบัติจะไม่ตกเป็นทาสแห่งวัตถุนิยม

“ทีนี้ก็คงต้องมาช่วยกันว่าทำยังไงถึงจะให้คนไทยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนได้สัมผัสพระบรมราโชวาทพระราชดำรัสเพื่อที่จะซึมซับและนำสู่การปฏิบัติได้จริง” ฯพณฯ องคมนตรีกล่าว

ด้าน พลเรือโทชัยณรงค์ เจริญรักษ์ รองเสนาธิการทหารเรือฯ กล่าวโดยสรุปว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือพ่อของแผ่นดิน ทหารก็คือลูกคนหนึ่งเหมือนกันเหมือนคนไทยทุกคน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณต่อกองทัพเรืออย่างยิ่ง อย่างเช่นทรงแนะนำให้กองทัพเรือต่อเรือสร้างเรือด้วยตัวเอง กองทัพเรือก็ได้สนองพระมหากรุณาธิคุณทำตามพระราชกระแสแนะนำได้สร้างเรือมาหลายลำแล้ว ล่าสุดสร้างเรืออังสนาที่ประทับทอดพระเนตรประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริเมื่อไม่นานมานี้

“พระองค์ยังได้พระราชทานพระราชดำริให้ใช้น้ำมันดีเซล ก็ได้สนองพระมหากรุณาธิคุณใช้ดีเซลมานานแล้วทหารเรือทุกคนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”

พลเรือโทชัยณรงค์กล่าวว่าสำหรับกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติที่ร่วมกับมูลนิธิพระดาบสก็ให้ความร่วมมือมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษาที่จะถึงนี้ กองทัพเรือได้น้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส “คำพ่อสอน”มาถ่ายทอดผ่านคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติในรูปของบทเพลง

สำหรับ นางสาวอรสุดา เจริญรัถ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิพระดาบส กล่าวว่า โครงการ “คำพ่อสอน” ทำมา 12 ปีแล้วเผยแพร่ในลักษณะต่างๆ ที่ทำเป็นหนังสือเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนสู่ประชาชนเพื่อการน้อมนำปฏิบัติ โดยเฉพาะเยาวชน มาถึงวันนี้น่าดีใจว่าขยายไปมากมีพันธมิตรที่ร่วมกันทั้งปฏิบัติและเผยแพร่ต่อไป เป็นการช่วยเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณไปสู่สังคมวงกว้าง เพื่อเป็นการร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล

การจัดแถลงข่าวโครงการ “คำพ่อสอน” โดยมูลนิธิพระดาบสดังกล่าว มีนักเรียนหลายโรงเรียนที่สมัครเข้ามาเป็นเครือข่ายซึมซับและเผยแพร่พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสผ่านหนังสือคำพ่อสอนและ นอกจากนี้ยังได้รับการถ่ายทอดเรียนรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนคนไทยอันได้แก่การทุ่มเทพระองค์ผ่านพระราชกรณียกิจเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่คนไทยทุกคนอย่างเช่นแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเป็นต

นางสาวชนิศา บุณยวุฒกุล จบม.6 โรงเรียนสาธิตเกษตร กำลังจะเข้าเรียนคณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรหนึ่งในจำนวนนักเรียนหลายแห่งเช่นอัสสัมชัญศึกษา อัสสัมชัญคอนแวน เซ็นต์ดอมินิก กรุงเทพคริสเตียน สาธิตจุฬาฯเป็นต้นรวม 20 คนที่มาร่วมกิจกรรมโดยมาร่วมร้องเพลง “คำพ่อสอน” และ “อยู่อย่างพอเพียง” โดยการฝึกของอี๊ด วงฟลาย บอกว่า

“มีการประชาสัมพันธ์ชวนเยาวชนเข้ามาเป็นเครือข่าย พอมีเครือข่ายก็มีการชวนกันต่อๆ ก็ได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมดีใจมาก เคยอ่านพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสคำพ่อสอนอยู่พอสมควรในห้องสมุด อีกทั้งยังได้รับรู้พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำเพื่อประชาชนผ่านสื่อต่างๆ ก็ได้น้อมนำเอาคำสอนหลายอย่างเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้เรามีความสุข ไม่ว่าจะดำรงชีวิตเป็นสุข เรียนหนังสือเป็นสุข คำพ่อสอนที่สัมผัสมาจำได้จะทรงเน้นให้มีความขยัน มีความอดทน รู้รักสามัคคี มีความกตัญญู ไม่โลภ รู้จักหน้าที่ รู้จักพอเพียง อย่างเราเป็นนักเรียนก็ต้องรู้จักว่าหน้าที่เราคือตั้งใจเรียนเรียนแบบปรกติแต่ต้องขยัน ดีใจมากเลยที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมคำพ่อสอนของมูลนิธิพระดาบส มีโอกาสก็จะถ่ายทอดคำพ่อสอน นอกจากทำตามด้วย”นางสาวชนิศากล่าว

ผู้ที่ประสงค์จะโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิทำบุญร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเทเวศร์ ชื่อบัญชี “สำนักงานมูลนิธิพระดาบส” เลขบัญชี 020-2-54900-4 แล้วแฝกสำเนาใบนำฝากไปยังหมายเลข 02-280-0155 ผู้บริจาคสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้
User avatar
network1974
 
Posts: 138
Joined: Fri Mar 11, 2011 6:39 pm

Re: มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

Postby sweet2011 » Sat Mar 12, 2011 11:02 am

พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ ผู้สร้าง และพัฒนา
เพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถพึ่งตนเองได้
และมีคุณธรรมในจิตใจ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
User avatar
sweet2011
 
Posts: 179
Joined: Sat Feb 05, 2011 10:41 am

Re: มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

Postby tarato13 » Mon Mar 14, 2011 8:37 am

๑.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ก่อตั้ง "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์" โดยมี
พระราชดำริให้ตั้งทุนเพื่อหาดอกผลสงเคราะห์เด็กที่ครอบครัวต้องประสบวาตภัยภาคใต้ และขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู
รวมทั้งช่วยเหลือราษฎรผู้ซึ่งประสบสาธารณภัยทั่วประเทศด้วย
๒.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาสำหรับประชาชนที่อยู่ใน ชนบทเป็นอย่างมาก
ทรงริเริ่มตั้ง "ศาลารวมใจ" ตามหมู่บ้านชนบทเพื่อให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่อ่านหนังสือ โดยพระราชทานหนังสือ
หนังสือประเภทต่างๆ แก่ห้องสมุด "ศาลารวมใจ" นอกจากนั้นมีพระราชดำริ จัดทำโครงการพระดาบส เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙
๓.ความสุขของ พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังใหญ่โตสวยงาม แห่ล้อม ด้วยข้าราช
บริพาร หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือ เมื่อประชาชนของพระองค์ ท่านรักสามัคคีกัน รู้จัก
ความพอเพียง และมีสติ- เพียงเท่านี้เอง
๔.ความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น มีอยู่ในสายเลือดของชาวไทยทุกผู้ทุกคน
๕.พระมหากษัตริย์จึงเป็นหลักชัยของประเทศ ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจ และทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจ
ของประชาชนทั้งประเทศ
๖.บรรพบุรุษของไทยใจนักสู้ ป้องไทยอยู่คงไว้ให้ลูกหลานแผ่นดินนี้ที่สุขมานมนาน ไทยโบราณเสียชีวิตมาเท่าไร
๗.เราลูกไทยหลานไทยจงได้คิด รวมดวงจิตสามัคคีที่สดใสสร้างความดีเพื่อพ่อหลวงของปวงไทย ด้วยดวงใจรู้รักสามัคคี
๘.เราเป็นไทยมิใช่ใครที่ไหน ควรมีใจรักกันฉันท์น้องพี่ จะหนักนิดเบาหน่อยค่อยปราณี รวมไมตรีพัฒนาไทยให้เจริญ
๙.เกิดเป็นไทยเราต้องบำรุงชาติ เชิดชูศาสน์กษัตราน่าสรรเสริญ
เราเป็นไทยต้องรักไทยใฝ่จำเริญ อย่ามัวเพลินแย่งอำนาจชาติมลาย
๑๐.ผืนแผ่นดินไทยยืนหยัดอยู่ได้เพราะบุญบารมีของท่านในหลวง
๑๑.ฐานะที่เคารพบูชาพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุขมาเกือบตลอดชีวิต ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ยึดมั่นในความสามัคคี
จึงขอเชิญชวนทุกท่านเดินตามรอยพระองค์ท่าน โดยเฉพาะในสภาวะบ้านเมืองกำลังเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ
ปัญหาความแตกแยกของสังคม มั่นใจว่าหากได้ยึดปฏิบัติเช่นนี้ เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่าน
คงทำให้ทุกคนมีความสุข
๑๒.คนไทย รักษาชาติ รักษาแผ่นดิน เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถ และด้วยคุณความดี อิสรภาพ เสรีภาพ
ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญ ทุกอย่างที่มีอยู่บัดนี้ เราทั้งหลายในปัจจุบัน จึงต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบ
อย่างสำคัญ ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป
(พระราชดำรัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2521)
๑๓.บ้านเมืองไทย สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆได้โดยดี เพราะว่าจิตใจสามัคคีและแสดงออกซึ่งสามัคคี ถ้าตราบใดเรา
รักษาความสามัคคี ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ไว้ได้ เราก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุขตราบนั้น
(พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะประชาชน จ.ราชบุรี พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน 26 พ.ย.2531)
๑๔. มีราษฎรจำนวนไม่น้อยที่รับพระมหากรุณาและไว้วางพระราชหฤทัยให้ทำงานสนองพระบรมราชโองการ
อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องยาวนาน
๑๕.นานมาแล้ว พ่อได้ทำสิ่งที่ไร้ค่า ให้กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ทำให้เกิดสิ่งดีดี แก่ประชาชนชาวไทยมาโดย
ตลอด โดยที่พ่อไม่เคยเหน็ดเหนื่อย เราคนไทยทุกคน ควรร่วมใจกัน สมัครสมานสามัคคี ทำความดีเพื่อถวายแด่พ่อ
หลวงของเรา
๑๖.นับเป็นบุญอันประเสริฐของประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยที่มี”พระพ่อของแผ่นดินผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ
อย่างอเนกอนันต์
๑๗.ความสามัคคี" คำที่พระองค์ท่านย้ำเสมอ ไม่ว่าโอกาสใด หากคนไทยไม่มีความสามัคคี ชาวไทยจะอยู่ได้ อย่างไร
๑๘.สายพระเนตรที่ยาวไกล ดุจน้ำพระทัยด้วยสายชล อันความพอเพียงหล่อเลี้ยงใจตน เป็นดั่งฝนแห่ง คุณความดี
๑๙.เป็นพลัง ของแผ่นดิน ทุกถิ่นเทศ พระปกเกศ คุ้มเกล้า เราทั้งผอง
หกสิบล้าน ดวงใจ ไทยปรองดอง ธ ทรงครอง ราชย์รวม หกสิบปี
๒๐.ไม่เพียงแต่ชาวไทยเท่านั้นที่ยกย่องในพระอัจริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชาวต่างชาติก็เช่นกัน

๒๑.ในทุกครั้งที่พระองค์เสด็จ พระราชดำเนินไปทรงงานในพื้นที่ต่างๆ แทบทุกภูมิภาคของประเทศ ของสิ่งหนึ่งที่จะทรงใช้
จดเขียนบันทึกข้อมูลอยู่ตลอด คือ ดินสอไม้ เหตุใดพระองค์จึงใช้ดินสอไม้ราคาเยาว์ ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงอยู่ในฐานะ
ที่สามารถใช้ดินสอหรือปากการาคาแพงได้อย่างมิต้องกังวล
๒๒.โครงการหลวงหลายโครงการที่ทรงได้ พระราชทานแนวคิดอย่างง่ายๆ แต่ชัดเจนในแนวทางแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อน
เช่น น้ำดีไล่น้ำเสีย ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ป่าสามอย่างประโยชน์สี่อย่าง แกล้งดิน และแก้มลิง เป็นต้น
๒๓.พระทรงคอยปัดเป่า ทุกข์และความกังวล หลอมรวมใจปวงชน ประหนึ่งดังพระนามภูมิพล มหาราชเกริกไกร ...
ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ....
๒๔.ขอรองบาทราชวงศ์พงศ์จักรี...จนชีวีสูญสิ้นดินกลบกาย
๒๕. คนไทยยังรักกัน มาเริ่มต้นกันใหม่ยังไม่สาย เพราะชาติเรายังเป็นชาติได้ไม่เคยหวั่น แค่วันนี้ลูกหลานได้มีสุขยิ้มให้กัน
วีระชนที่พลีนั้นคงหลับสบาย
๒๖.เราจะไม่เพียงแค่รักในหลวงเท่านั้น แต่จะบำเพ็ญตนให้บรรลุถึงความปรารถนาในพระราชหฤทัย ด้วยการเป็น
พลเมืองไทยที่มุ่งดีมุ่งเจริญ
๒๗.พวกเราต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่คู่คนไทย และขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลพิภพ
จงดลบันดาลให้ พ่อของแผ่นดิน และแม่ของแผ่นดิน ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และดลใจให้คนไทยรู้รักสามัคคี
คนไม่ดีจงกลับใจ ให้เมืองไทยสงบร่มเย็น ตลอดไป
๒๘.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงอุทิศพระองค์ พระอัจฉริยะและพระอุตสาหะทั้งมวล เพื่อราษฎรในทุกภูมิภาค
๒๙.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าพระราชหฤทัยในความเป็นไปของเมืองไทยและคนไทยอย่าง
ลึกซึ้งและกว้างไกล ได้ทรงวางรากฐานในการพัฒนาชนบท และช่วยเหลือประชาชนให้สามารถพึ่งตนเองได้มี
ความ " พออยู่พอกิน" และมีความอิสระที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องติดยึดอยู่กับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลง
ของกระแสโลกาภิวัฒน์ ทรงวิเคราะห์ว่าหากประชาชนพึ่งตนเองได้แล้วก็จะมีส่วนช่วยเหลือเสริมสร้าง
ประเทศชาติโดยส่วนรวมได้ในที่สุด
๓๐.ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ในหลวงไม่เคยละทิ้งประชาชนคนไทย” ไม่เคยละทิ้งประเทศไทย
User avatar
tarato13
 
Posts: 368
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:47 am

Re: มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

Postby kuron23 » Mon Mar 14, 2011 8:52 am

เป็นโครงการที่ดีที่ช่วยส่งเสริมสร้างความรู้ สร้างอาชีพ ให้กับบุคคลที่สนใจขวนขวายหาความรู้ แต่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาวิชาชีพระดับต่างๆ หากมีช่องทางช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ให้มีความรู้วิชาชีพได้ ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ พระองค์ได้ทรงรำลึกถึงการประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาของพระดาบสในสมัยโบราณ จึงทรงจัดแบบเป็นการศึกษานอกระบบ นอกจากจะช่วยให้ผู้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้ความรู้เป็นวิชาชีพแล้ว ยังช่วยให้ผู้นั้นเป็นผู้ที่มีศีลธรรมจรรยา มีน้ำใจ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาสังคมส่วนรวมได้ผลยิ่งขึ้น
User avatar
kuron23
 
Posts: 407
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:34 am

Re: มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

Postby VEE99999 » Mon Mar 14, 2011 3:52 pm

ความรู้กับคุณธรรมและความสุจริต

"...การที่จะทำงานให้สัมฤทธิ์ผลที่พึงปรารถนา คือ ที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรมด้วยนั้น
จะอาศัยความรู้แต่เพียงอย่างเดียวมิได้ จำเป็นต้องอาศัยความสุจริต ความบริสุทธิ์ใจ
และความถูกต้องเป็นธรรมประกอบด้วย
เพราะเหตุว่าความรู้นั้นเป็นเหมือนเครื่องยนต์ ที่ทำให้ยวดยานเคลื่อนไปได้ประการเดียว
ส่วนคุณธรรมดังกล่าวแล้วเป็นเสมือนหนึ่งพวงมาลัยหรือหางเสือ
ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำพาให้ยวดยานดำเนินไปถูกทาง ด้วยความสวัสดี
คือปลอดภัยจนบรรลุถึงจุดหมายที่พึงประสงค์
ดังนั้น ในการที่จะประกอบการงานเพื่อ เพื่อส่วนรวมต่อไป ขอให้ทุกคนสำนึกไว้เป็นนิตย์
โดยตระหนักว่าการงาน สังคมและบ้านเมืองนั้น ถ้าขาดผู้มีความรู้เป็นผู้บริหารดำเนินการ
ย่อมเจริญก้าวหน้าไปได้โดยยาก แต่ถ้างานใด สังคมใด และบ้านเมืองใดก็ตาม
ขาดบุคคลผู้มีคุณธรรม ความสุจริตแล้ว จะดำรงอยู่มิได้เลย..."


พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญาบัตรของมหาวิทยาลัยรามคำแหง
User avatar
VEE99999
 
Posts: 378
Joined: Sat Aug 14, 2010 10:32 am

Re: มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

Postby น้ำตก » Mon Mar 14, 2011 5:08 pm

ท่านทรงจัดตั้งมูลนิธินี้ขึ้นเพื่อให้คนที่ไม่มีทุนในการศึกษา
ได้มีโอกาสเรียนวิชาชีพและนำไปประกอบอาชีพได้
ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ทำให้คนมีอาชีพได้โดยที่ไม่ต้องเดือดร้อน
คนอื่น
User avatar
น้ำตก
 
Posts: 370
Joined: Wed Sep 08, 2010 9:32 pm

Re: มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ "คำพ่อสอน"

Postby chaobaan » Sat Mar 26, 2011 2:44 pm

. . . ความ สุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึงความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรม ทั้งในเจตนาและการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น ความเจริญที่แท้นี้มีลักษณะเป็นการสร้างสรรค์ เพราะอำนวยประโยชน์ถึงผู้อื่นและส่วนรวมด้วย ตรงกันข้ามกับความเจริญอย่างเท็จเทียม ที่เกิดขึ้นมาด้วยความประพฤติไม่เป็นธรรมของบุคคล ซึ่งมีลักษณะเป็นการทำลายล้าง เพราะให้โทษบ่อนเบียนทำลายผู้อื่นและส่วนรวม การบ่อนเบียนทำลายนั้น ที่สุดก็จะกลับมาทำลายตน ด้วยเหตุที่เมื่อส่วนรวมถูกทำลายเสียแล้ว ตนเองก็จะยืนตัวอยู่ไม่ได้ จะต้องล่มจมลงไปเหมือนกัน . . .

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและอนุปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๘
User avatar
chaobaan
 
Posts: 288
Joined: Tue Aug 17, 2010 7:28 pm


Return to ห้องเฉลิมพระเกียรติ