มูลนิธิพระดาบสรุกเผยแพร่พระราชดำรัสผ่านโครงการ
“คำพ่อสอน”
“…ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งปณิธานร่วมกันด้วยว่า จะประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของชาติ ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและบทกฎหมายของบ้านเมือง ประกอบอาชีพด้วยความสุจริต ขยันหมั่นเพียร ให้บังเกิดประโยชน์ในการที่จะช่วยสร้างตนเองและครอบครัวให้ผาสุกสมบูรณ์ ก่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นมั่นคงในทางเศรษฐกิจของชาติ นำสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราสืบไป…”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ประชาชน ชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่ปี 2500 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2499
…………………………………..
“มูลนิธิพระดาบส” เป็นองค์กรการกุศลที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้เป็นองค์กรในอันที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ โดยเฉพาะประชาชนในครอบครัวยากจนด้อยโอกาสในแทบทุกทางเฉพาะอย่างทางการศึกษาเพื่อให้มีช่องทางได้ศึกษา ได้รับความรู้ทั้งภาคสายสามัญและสายวิชาชีพเพื่อนำไปเป็นเครื่องมือในการสร้างฐานะสร้างครอบครัว ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เป็นภาระของสังคม ในเวลาเดียวกันก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้ตามความเหมาะสม
ที่สำคัญผู้คนเหล่านี้ต้องได้รับการปลูกฝังอบรมบ่มนิสัยความดีงามด้วยหลักคุณธรรมติดแน่นอยู่ในกมลสันดานด้วย เพื่อจะเป็นคนดีที่จะไปเพิ่มประชาชนคนดีในสังคมไทยให้เพิ่มมากขึ้น
ย้ำว่าถึงจะทรงเน้นการศึกษา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นย้ำว่าจะมีวิชาความรู้ไม่ว่าจะด้านสามัญและด้านอาชีพอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเน้นศึกษาด้านการอบรมบ่มนิสัยหล่อหลอมปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ต้องตระหนักถึงการดำรงมั่นอยู่ในศีลธรรมความดีงามเคียงคู่กันไปด้วย นั่นคือต้องได้รับการหลอมหล่อความขยันหมั่นเพียร ความอดทน รู้จักอดออม มีความกตัญญูกตเวที ไม่ตั้งตัวอยู่ในความโลภ พยายามห่างไกลอบายมุขทุกประเภทด้วยเพราะเห็นโทษอย่างแท้
มูลนิธิพระดาบสเป็นโครงการในพระราชดำริเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2519 รับผู้ที่ด้อยโอกาสเข้าเรียนหนังสือและวิชาชีพโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เป็นการศึกษานอกระบบหลักสูตร 1 ปีในสาขาวิชาชีพช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ช่างอีเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมบำรุง ช่างไม้เครื่องเรือน ช่างเชื่อม การเกษตรพอเพียงและหลักสูตรวิชาชีพเคหบริบาล มีผู้เรียนสำเร็จแล้ว1,257 คนจากทั่วประเทศ(เฉพาะหญิง)
การดำเนินกิจกรรมตามพระราชประสงค์ทำต่อเนื่องกันมาจนถึงวันนี้ รวมทั้งการจัดกิจกรรมอื่นๆเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลและเพื่อสนองพระราชปณิธานคือการสร้างประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนคนไทยโดยการน้อมนำพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ผ่านพระบรมราโชวาท ผ่านพระราชดำรัสโดยจัดพิมพ์เป็นหนังสือในโครงการ “คำพ่อสอน” ดำเนินการต่อเนื่องมาถึงวันนี้รวบรวมไว้ 3 เล่มแล้ว เผยแพร่แพร่สู่ประชาชนคนไทยที่จะได้น้อมนำไปสร้างกระกระบวนการเรียนรู้น้อมนำสู่การปฏิบัติอย่างกว้างขวาง
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา14.00 น. ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรีในฐานะเลขาธิการมูลนิธิพระดาบสพร้อมด้วยพลเรือโทชัยณรงค์ เจริญรักษ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารเรือฝ่ายกิจการพลเรือนและนางสาวอรสุดา เจริญรัถประธานคณะทำงานโครงการคำพ่อสอน ร่วมกันแถลงแก่สื่อมวลชน ณ ห้องประชุมกองทัพเรือ ถึงโครงการขับเคลื่อน “คำพ่อสอน”ประจำปี 2554 เป็นโครงการประชาสัมพันธ์เชิงรุกในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เพื่อคนไทยได้น้อมนำสู่การประพำฤติปฏิบัติอย่างกว้างขวาง โดยดำเนินการผ่านกิจกรรมต่างๆเช่นหนังสือ หนังสิ้น รายการวิทยุ บทเพลง และกิจกรรมอื่นๆอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินการเชิงรุกในปี2554 นี้
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา7รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ที่จะถึงนี้
“การขับเคลื่อนโครงการคำพ่อสอนเพื่อให้เกิดการขยายผลสู่การประพฤติปฏิบัติอย่างกว้างขวาง การจะขยายไปให้ประสบผลดังเป้าประสงค์ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมเข้ามาเป็นเครือข่าย โดยเฉพาะเยาวชน นั่นคือให้เกิดการเรียนรู้ ให้เกิดการซึมซับการทำความดี ให้รู้จักทำงานเป็น อันเป็นภาพรวมของแนวพระราชดำริซึ่งผู้ที่จะเป็นหลักสำคัญในการถ่ายทอดก็น่าจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง คุณครู คุณธรรมดังกล่าวล้วนอยู่ในพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสซึ่งนอกจากมูลนิธิพิมพ์เป็นหนังสือเผยแพร่มาถึงสามเล่มแล้ว ยังได้ถ่ายทอดผ่านสื่ออื่นๆทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนแล้วอย่างเช่นโครงการบทเพลงคำพ่อสอนและบทเพลง อยู่อย่างพอเพียงที่แต่งคำร้องและทำนองโดยนิติพงษ์ ห่อนาคเรียบเรียงโดยชาญวิทย์ บุญแย้มและคำร้องโดยสุรักษ์ สุขเสวี ทำนองโดยโสฬส ปุณกบุตรและเมธี ทวีทรัพย์ ทั้งสองเพลงร้องโดยสำราญ ช่วยจำแนก(อี๊ดวงฟลาย) โครงกาภาพยนตร์สั้น โครงการเว็บไซต์www.kamphosorn.org
“รวมทั้งโครงการคำพ่อสอนสัญจร รจัดประกวดหนังสั้นที่มีการตัดสินได้ชนะเลิศ 18 เรื่องฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ เสนอทางเคเบิ้ลแล้วก็ทางโทรทัศน์ เผยแพร่ผ่านทางสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการอีก 2 พันแห่ง อันเป็นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญโดยเฉพาะการปูพื้นฐานให้เกิดในประชาชนกลุ่มหลักคือเยาวชน การดำเนินโครงการ มีหน่วยงานที่ร่วมกันดำเนินการในเบื้องต้นคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กองทัพเรือเป็นต้น อีกทั้งยังได้เยาวชนจากโรงเรียนต่างๆเข้ามาเป็นเครือข่ายที่นับเป็นเป้าหมายสำคัญ ทั้งหมดนี้ทางมูลนิธิพระดาบสร่วมกับทุกภาคส่วนที่กล่าวมาดำเนินการเชิงรุกเผยแพร่ “คำพ่อสอน”ซึ่งก็คือพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพรพะเจ้าอยู่หัวสู่ประชาชนทุกเพศทุกวัยทุกอาชีพทุกช่วงอายุอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลดังกล่าว” ศาสตราจารย์นายแพทย์เกษม วัฒนชัยองคมนตรี กล่าว
พณฯองค์มนตรีบอกว่าพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่เชิญมารวบรวมไว้เป็นหนังสือชื่อ “คำพ่อสอน” เล่มที่สามนี้เป็นคำสอนเกี่ยวกับความสุขในการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไม่เฉพาะแค่คนไทยที่ได้ซึมซับ ทั่วโลกเขาก็ให้ความสนใจแล้วมีจำนวนมากที่ไม่ได้แค่อ่านคำสอน แต่ได้เข้ามาฝังตัวศึกษาการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงในประเทศไทยเลย เพื่อนำกลับไปใช้ดำเนินชีวิตในประเทศของเขา และก็เชื่อว่าเขาจะนำไปเผยแพร่ต่อกับสังคมของเขาด้วย มหาวิทยาลัยของเราเองหลายแห่งก็น้อมนำเอาไปทำหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเป็นต้น เมื่อตอนพระราชพิธีมหามงคลที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เดือนมิถุนายน 2549 นายโคฟีอานัน ก็ได้ขอพระบรมราชานุญาตถวายราชสดุดีเป็นการยกย่องเทิดทูนในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานหลักการดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางนำประชาชนที่ปฏิบัติจะไม่ตกเป็นทาสแห่งวัตถุนิยม
“ทีนี้ก็คงต้องมาช่วยกันว่าทำยังไงถึงจะให้คนไทยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนได้สัมผัสพระบรมราโชวาทพระราชดำรัสเพื่อที่จะซึมซับและนำสู่การปฏิบัติได้จริง” ฯพณฯ องคมนตรีกล่าว
ด้าน พลเรือโทชัยณรงค์ เจริญรักษ์ รองเสนาธิการทหารเรือฯ กล่าวโดยสรุปว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือพ่อของแผ่นดิน ทหารก็คือลูกคนหนึ่งเหมือนกันเหมือนคนไทยทุกคน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณต่อกองทัพเรืออย่างยิ่ง อย่างเช่นทรงแนะนำให้กองทัพเรือต่อเรือสร้างเรือด้วยตัวเอง กองทัพเรือก็ได้สนองพระมหากรุณาธิคุณทำตามพระราชกระแสแนะนำได้สร้างเรือมาหลายลำแล้ว ล่าสุดสร้างเรืออังสนาที่ประทับทอดพระเนตรประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริเมื่อไม่นานมานี้
“พระองค์ยังได้พระราชทานพระราชดำริให้ใช้น้ำมันดีเซล ก็ได้สนองพระมหากรุณาธิคุณใช้ดีเซลมานานแล้วทหารเรือทุกคนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”
พลเรือโทชัยณรงค์กล่าวว่าสำหรับกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติที่ร่วมกับมูลนิธิพระดาบสก็ให้ความร่วมมือมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษาที่จะถึงนี้ กองทัพเรือได้น้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส “คำพ่อสอน”มาถ่ายทอดผ่านคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติในรูปของบทเพลง
สำหรับ นางสาวอรสุดา เจริญรัถ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิพระดาบส กล่าวว่า โครงการ “คำพ่อสอน” ทำมา 12 ปีแล้วเผยแพร่ในลักษณะต่างๆ ที่ทำเป็นหนังสือเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการขับเคลื่อนสู่ประชาชนเพื่อการน้อมนำปฏิบัติ โดยเฉพาะเยาวชน มาถึงวันนี้น่าดีใจว่าขยายไปมากมีพันธมิตรที่ร่วมกันทั้งปฏิบัติและเผยแพร่ต่อไป เป็นการช่วยเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณไปสู่สังคมวงกว้าง เพื่อเป็นการร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล
การจัดแถลงข่าวโครงการ “คำพ่อสอน” โดยมูลนิธิพระดาบสดังกล่าว มีนักเรียนหลายโรงเรียนที่สมัครเข้ามาเป็นเครือข่ายซึมซับและเผยแพร่พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสผ่านหนังสือคำพ่อสอนและ นอกจากนี้ยังได้รับการถ่ายทอดเรียนรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนคนไทยอันได้แก่การทุ่มเทพระองค์ผ่านพระราชกรณียกิจเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่คนไทยทุกคนอย่างเช่นแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเป็นต
นางสาวชนิศา บุณยวุฒกุล จบม.6 โรงเรียนสาธิตเกษตร กำลังจะเข้าเรียนคณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรหนึ่งในจำนวนนักเรียนหลายแห่งเช่นอัสสัมชัญศึกษา อัสสัมชัญคอนแวน เซ็นต์ดอมินิก กรุงเทพคริสเตียน สาธิตจุฬาฯเป็นต้นรวม 20 คนที่มาร่วมกิจกรรมโดยมาร่วมร้องเพลง “คำพ่อสอน” และ “อยู่อย่างพอเพียง” โดยการฝึกของอี๊ด วงฟลาย บอกว่า
“มีการประชาสัมพันธ์ชวนเยาวชนเข้ามาเป็นเครือข่าย พอมีเครือข่ายก็มีการชวนกันต่อๆ ก็ได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมดีใจมาก เคยอ่านพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสคำพ่อสอนอยู่พอสมควรในห้องสมุด อีกทั้งยังได้รับรู้พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงทำเพื่อประชาชนผ่านสื่อต่างๆ ก็ได้น้อมนำเอาคำสอนหลายอย่างเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้เรามีความสุข ไม่ว่าจะดำรงชีวิตเป็นสุข เรียนหนังสือเป็นสุข คำพ่อสอนที่สัมผัสมาจำได้จะทรงเน้นให้มีความขยัน มีความอดทน รู้รักสามัคคี มีความกตัญญู ไม่โลภ รู้จักหน้าที่ รู้จักพอเพียง อย่างเราเป็นนักเรียนก็ต้องรู้จักว่าหน้าที่เราคือตั้งใจเรียนเรียนแบบปรกติแต่ต้องขยัน ดีใจมากเลยที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมคำพ่อสอนของมูลนิธิพระดาบส มีโอกาสก็จะถ่ายทอดคำพ่อสอน นอกจากทำตามด้วย”นางสาวชนิศากล่าว
ผู้ที่ประสงค์จะโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิทำบุญร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเทเวศร์ ชื่อบัญชี “สำนักงานมูลนิธิพระดาบส” เลขบัญชี 020-2-54900-4 แล้วแฝกสำเนาใบนำฝากไปยังหมายเลข 02-280-0155 ผู้บริจาคสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้