[color=#0040FF][color=#00BF00]เรื่องเล่าห้วยโทห้วยยางน้ำพระทัยในหลวง
ปลุกคนเมืองรู้คิดใช้ทรัพยากร
จะมีใครรู้หรือไม่ว่า ที่เรามีน้ำใช้อย่างสุขสบาย มีไฟฟ้าใช้อย่างเหลือเฟือ เป็นความคิดของใคร หลายคนอาจจะรู้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นใคร โดยเฉพาะเหล่าเด็กรุ่นใหม่ที่อยู่อย่างมีความสุข อาจจะไม่รู้ว่า หากเราไม่มีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ เราประชาชนชาวไทยจะไม่มีน้ำ ไฟฟ้า มีป่าไม้ไว้ให้เห็นอย่างอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้
ครั้งนี้ คนไทยและเด็กไทยจะได้เห็นตัวอย่างหนึ่งของโครงการในพระราชดำริ ที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่แห้งแล้งตำบลเหล่าโพนค้อ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย กลับมาชุ่มชื้นและทำให้ประชาชนของพระองค์ลืมตาอ้าปากมีอาชีพและสามารถเลี้ยงชีพให้อยู่บนความพอเพียงได้ โดยผ่านเรื่องราวอย่าง “เรื่องเล่าห้วยโท ห้วยยาง”
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ที่ได้รู้เรื่องเล่าห้วยโท ห้วยยาง ก็เพราะได้ไปเยือนบ้านเกิดของ พระราชรัตนมงคล (มนตรี อภิมนติโก ยางธิสาร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พร้อมด้วย พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ได้พาไปเยี่ยมเยือนอ่างเก็บน้ำห้วยโท ห้วยยาง โดย พระราชรัตนมงคล เล่าให้ฟังเรื่องราวของอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ว่า สมัยก่อนชาวบ้านแถวนี้ยากจน แถมแห้งแล้ง เพราะเป็นบ้านเกิดของเรา เราได้เห็นสภาพเช่นนี้ ประกอบกับการเดินทางของหน่วยราชการที่จะเข้ามายังพื้นที่นี้ก็ยากลำบาก แต่รู้หรือไม่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมา เมื่อพระองค์ทรงเห็นว่า พสกนิกรของพระองค์เป็นทุกข์ ซึ่งในปี พ.ศ. 2527 หรือเมื่อ 27 ปีมาแล้ว ลองคิดดูว่า ถนนหนทางจะเป็นเช่นไรในแถบบ้านนอกบ้านนาเช่นนี้ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาบำบัดทุกข์ให้ชาวบ้าน
“พระบาท[color=#00BF00]สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาสำรวจการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยโทห้วยยางด้วยพระองค์เองตั้งแต่[color=#00BF00]ปี พ.ศ. 2527 โดยมีพระราชดำริให้จัดสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าวขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากความแห้งแล้งและความยากจนให้ประชาชนในพื้นที่ ทางราชการได้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2528 และในปี พ.ศ. 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และคณะทูตานุทูต ทรงเปิดอ่างเก็บน้ำห้วยโทห้วยยาง นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ชาวบ้านสามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง รวมถึงทำกล้าไม้ ปลูกยาสูบ ส่งผลให้พสกนิกรของพระองค์มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น”
ไม่เพียงเท่านั้น ในหลวงของเรา ยังทรงสร้างความประทับใจให้แก่ชาวบ้าน พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรในพื้นที่ ซึ่งพระองค์ได้ทรงวางแผนและเปิดอ่างเก็บน้ำห้วยโทห้วยยางด้วยพระองค์เอง รวมทั้งตั้งชื่อให้อ่างเก็บน้ำดังกล่าวว่า “พัทยาน้อย” แสดงให้เห็นถึงน้ำพระทัยที่พระองค์อยากเห็นชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ยังได้มาส่งเสริมอาชีพทอผ้าไหมมัดหมี่สกลนครให้ชาวบ้านมีอาชีพอีกด้วย
เหล่านี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ในหลวง ทรงพระราชทานน้ำไว้ให้เราได้ใช้ พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานราชการสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำให้เหล่าเกษตรกร รวมถึงประชาชนตัวน้อย ๆ อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ได้ใช้ แถมเขื่อนยังใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าให้เราใช้อยู่ทุกวันนี้ด้วย
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เราคนไทยจึงตอบได้เต็มปากเต็มคำว่ารักในหลวง และในหลวงยังสอนให้เราพอเพียง รู้จักใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่อย่างรู้ค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กรุ่นใหม่ควรเรียนรู้ สถานศึกษาควรสอน แม้แต่ชาวสกลนครบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยโท ห้วยยาง ยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 หน่วยงานราชการ องค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าโพนค้อ อำเภอโคกศรีสุพรรณ และประชาชนชาวจังหวัดสกลนคร จึงได้ร่วมกันจัดสร้างศาลาทรงงานรัชกาลที่ 9 เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยโท ห้วยยาง อันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากศาลาทรงงานหลังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาประทับทรงงานและทรงเปิดอ่างเก็บน้ำห้วยโทห้วยยาง ได้พังลงตามกาลเวลา ทางกลุ่มชาวบ้านและส่วนราชการ จึงได้สร้างศาลาทรงงานให้เหมือนหลังเดิมขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในพระมหากรุณาธิคุณที่ทำให้พื้นที่ห้วยโทห้วยยางมีความอุดมสมบูรณ์จนถึงปัจจุบัน[/color]ขณะที่ นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร บอกว่า ถึงแม้เรื่องห้วยโท ห้วยยางจะผ่านมาแล้วเกือบ 30 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยโทห้วยยาง ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ดังนั้น การสร้างศาลาทรงงานขึ้นมาใหม่จะเป็นอนุสรณ์ให้พสกนิกรได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและให้เห็นว่า เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเข้ามาได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้การเข้ามาอ่างเก็บน้ำก็ยังไกลอยู่ดี ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำให้ประชาชนเห็นถึงความห่วงใยที่พระองค์มีต่อราษฎร[/color]เรื่องเล่าห้วยโท ห้วยยาง เป็นเรื่องราวที่พระมหากษัตริย์ ทรงบำบัดทุกข์ให้แก่พสกนิกรของพระองค์ เป็นต้นแบบของการอนุรักษ์น้ำ บริหารจัดการน้ำที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกวันนี้เราคนเมืองหลวงใช้ทรัพยากรกันอย่างสบายใจ จนลืมไปว่า เมื่อ 60 กว่าปีที่แล้ว มีผู้ชายคนหนึ่ง ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกาย คิดระบบการจัดการรักษาผืนป่า รักษาแหล่งน้ำ สร้างไฟฟ้า ถึงแม้ว่า ผู้ชายคนนั้นจะไม่เคยรู้จักเราหลาย ๆ คนที่อยู่ในผืนแผ่นดินนี้ก็ตาม ต่อไปนี้หากเราจะใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันก็ควรหันไปมองรูปผู้ชายคนหนึ่งที่ติดอยู่บนข้างฝาบ้าน อย่าลืมความเหนื่อยยากของคนคนนั้นที่ได้ชื่อว่า พ่อของแผ่นดิน.
มนตรี ประทุม[/color][/color]