by tarato13 » Fri May 27, 2011 2:51 pm
“สิ่งที่ทรงหวัง”
ครั้งหนึ่งผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่งได้ขอพระราชทานสัมภาษณ์ และได้กราบบังคมทูลถามว่า การที่เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรและมีโครงการตามพระราชดำริเกิดขึ้นมากมายนั้นทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งตอบว่า “มิได้ทรงสนพระทัยว่าคอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่ แต่ทรงสนพระทัยว่าประชาชนของพระองค์จะหิวน้อยลงหรือไม่”
บทสัมภาษณ์ที่ในหลวงให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อครั้งเดินทางไปที่อเมริกา ว่าเพราะเหตุใดพระองค์ถึงไม่ทรงยิ้มหรือพระสรวลบ้างเลย เวลาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว พระองค์ทรงชี้ไปที่พระราชินีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พระองค์ พร้อมกับตอบคำถามที่นักข่าวคนนั้นถามว่า “She's my smile” “ราชินีคือร้อยยิ้มของข้าพเจ้า” เมื่อนักข่าวมองไปที่พระราชินี ท่านก็ทรงยิ้มให้กับนักข่าวต่างประเทศเหล่านั้น
เมื่อมีผู้สื่อข่าว BBC ขอพระราชทานสัมภาษณ์เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Soul of Nation ในปี ๒๕๒๒ โดยได้กราบบังคมทูลถามถึงพระราชทัศนะเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ได้พระราชทานคำตอบว่า “การที่จะอธิบายว่า พระมหากษัตริย์ คืออะไรนั้น ดูเป็นปัญหาที่ยากพอสมควร โดยเฉพาะในกรณีของข้าพเจ้า ซึ่งถูกเรียกโดยคนทั่วไปว่า พระมหากษัตริย์ แต่โดยหน้าที่ที่แท้จริงแล้ว ดูจะห่างไกลจากหน้าที่ที่พระมหากษัตริย์ที่เคยรู้จักหรือเข้าใจกันมาแต่ก่อนหน้าที่ของข้าพเจ้าในปัจจุบันนั้น ก็คือทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ ถ้าถามว่า ข้าพเจ้ามีแผนการอะไรบ้างในอนาคต คำตอบก็คือไม่มี เราไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราก็จะเลือกทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเรา”
“ก่อนหน้าที่จะเห็นท่านในวิดีทัศน์บนเครื่องบินฉันเพียงรู้ว่าประเทศไทยมีกษัตริย์ แต่สำหรับฉันแล้วชาวตะวันตกโตมากับการสนใจเรื่องของตัวเองมากกว่า เมื่อฉันเห็นท่านก็รู้สึกว่าท่านเป็นความน่าประหลาดใจที่งดงามยิ่ง เมื่อได้ทราบว่ามีบุรุษผู้หนึ่งบนโลกนี้ที่ใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม การเกษตร และประชาชน มานาน ๖๐ ปีแล้ว สำหรับฉันแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นความรู้สึกอุ่นใจ”
เมื่อฉันมาถึงประเทศไทย ฉันเที่ยวถามผู้คนมากมายว่า พวกเขารู้สึกอย่างไรต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งบางครั้งผู้คนก็ร้องไห้ออกมา เหมือนกับเมื่อครั้งที่ฉันเห็นท่านเป็นครั้งแรก สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันประทับใจมาก แต่ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันต้องร้องไห้ออกมาและทำไมฉันถึงอ่อนไหวเหลือเกิน เมื่อมาพิจารณาดูฉันก็พบว่า คำตอบอยู่ในพระเนตร (ดวงตา) พระหทัย (หัวใจ) และ พระหัตถ์ (มือ) ของพระองค์ กษัตริย์ผู้ชนะใจปวงชนด้วย “ความรัก” ฉันรู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ ในประเทศอื่น ๆ ผู้คนมักจะมีการแสดงออกที่ไม่ดีนักต่อผู้นำของตน ซึ่งฉันคิดว่าสาเหตุก็เพราะประชาชนนั้นจะรักและเคารพต่อผู้ที่จริงใจเท่านั้น ฉันรู้ว่าความเสียสละขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวชนะใจปวงชนชาวไทย และฉันพบเห็นเรื่องราวเหล่านี้ทุกวัน พบเห็นผู้คนพูดถึงความรักอันสุดซึ้งต่อพระองค์ ทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นชาวต่างชาติและไม่รู้จักพวกเขามาก่อน “การที่ผู้คนเอ่ยถึงพระองค์อย่างจริงใจด้วย ‘ความรัก’ ...’ความรัก’ นะมิใช่ ‘ความกลัว’ (เสียงเน้น) ทำให้ฉันประทับใจมาก เพราะโดยส่วนตัวฉันเองก็เชื่อใน ความรัก และ พลังของความรัก”
สุดท้ายนั้นคือคำให้สัมภาษณ์ของ เคลลี นิวตัน-เวิร์ดสเวิร์ท (Kelly Newton-Wordsworth) ศิลปินเพื่อชีวิตชาวออสเตรเลียคนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เพียงปีกว่า ๆ แล้วกลายเป็นฝรั่งผู้หลงรัก “ในหลวง” หลงรัก “พ่อหลวง” ของปวงชนชาวไทย จนแต่งออกมาเป็นเพลง “Long Live The King of Thailand”
แล้วพวกเราล่ะ รู้สึกอย่างไร รักมากขึ้น หรือรักมากกว่าคนอื่น ถามใจตัวเองดูเถอะครับ แล้วเราจะยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ