แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่
นับตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ พระองค์ได้เสด็จแปรพระราชฐาน และเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมพสกนิกร โดยเฉพาะประชาชนในชนบทและท้องถิ่นทุรกันดารทั่วราชอาณาจักรอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้ง ได้เห็นความทุกข์ยากของพสกนิกรโดยเฉพาะที่เป็นเกษตรกร ซึ่งประสบปัญหาในการประกอบอาชีพ เนื่องจากเกษตรกรต้องพึ่งพาปัจจัยต่าง ๆ มากมาย
ด้วยน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาเมื่อทรงทราบและตระหนักถึงความทุกข์ยากของพสกนิกรจึงทรงมีพระดำริในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพของเกษตรกร โดยเน้นเกษตรกรที่มีความยากจนในเขตน้ำฝน ซึ่งมีอยู่กว่าร้อยละ 70 ของเกษตรกรทั้งประเทศ ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยมีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 5-15 ไร่ โดยมีแนวทางในการแก้ปัญหา คือ จัดการแหล่งน้ำให้เพียงพอ หากมีน้ำเพียงพอ เกษตรกรก็สามารถปลูกพืชได้ทั้งปี มีงานทำ มีรายได้ตลอดทั้งปีและไม่ต้องอพยพเคลื่อนย้ายไปทำงานที่อื่น ดังกระแสพระราชดำรัสความว่า “ หลักสำคัญต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่ามีชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ “ นอกจากการจัดการในเรื่องแหล่งน้ำแล้ว การแก้ปัญหาในการประกอบอาชีพตามแนวพระราชดำริยังเน้นการจัดระบบการปลูกพืชที่เหมาะสม เช่น แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวไว้บริโภคในครอบครัวและพื้นที่ปลูกพืชอื่น ๆ ไว้บริโภค ใช้สอย และจำหน่าย ทั้งนี้ แนวทางการประกอบอาชีพการเกษตรดังกล่าวนี้ จะทำให้เกษตรกรมีงานทำ มีอาหารไว้บริโภค มีรายได้พอเพียงต่อการครองชีพสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามอัตภาพ นับเป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร และก่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติในอนาคต
โดยแนวคิดแก้ปัญหาการประกอบอาชีพการเกษตรตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นี้ เรียกว่า “ทฤษฏีใหม่”
ในปี ๒๕๕๔ เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ พสกนิกรชาวไทยต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันเปี่ยมด้วยพระเมตตา ที่ทรงวางแนวพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยให้พ้นจากความทุกข์ยากในการดำรงชีวิต ยังผลให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างอเนกอนันต์