พระบารมีอันบดบังมิได้

เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับพระราชวงศ์ไทย เทิดพระเกียรติในหลวงและราชวงศ์จักรีที่ห้องนี้ครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby อธิปัตย์ » Sun May 15, 2011 2:08 pm

Image

เมื่อสักครู่นี้ได้มีโอกาสชมงานพระราชพิธีเสกสมรสของเจ้าชายแห่งอังกฤษ บรรยากาศหน้าพระราชวังที่มีประชาชนออกมารอรับเสด็จเนืองแน่น ทำให้ผมนึกย้อนไปครั้งงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในทันที

ภาพในจอโทรทัศน์วันนี้แปดเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของพสกนิกรชาวอังกฤษและทั่วโลก แม้นไม่เคยได้สัมผัสพระบารมีของพระราชวงศ์แห่งอังกฤษแต่ก็สามารถรับรู้ถึง ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาจากสีหน้าของเหล่าพสกนิกรได้เป็นอย่างดี

เช่นเดียวกับวันนั้น วันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ผมเฝ้ารอภาพพระราชพิธีอย่างใจจดจ่อแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต ภาพพสกนิกรของพระเจ้าแผ่นดินที่ต่างเฝ้ารอชมพระบารมีและรอฟังพระบรมราโชวาท โดยไม่เกรงแสงแดดที่แผดเผา ภาพของมหาชนที่สวมเสื้อสีเหลืองวันพระราชสมภพเต็มลานพระบรมรูปทรงม้ายาวไปถึงถนน และภาพของน้ำตาที่อาบนองแก้มของหญิงชราที่ถูกฉายแพร่ออกไปทั่วประเทศและทั่วโลก ยังคงตรึงในใจผมและเป็นแรงกระตุ้นอย่างมหาศาลที่จะทำให้ผมต้องค้นหาคำตอบแห่งปรากฎการณ์นี้

สองพระราชพิธีนี้แตกต่างวัน แตกต่างวาระ และจัดกันคนละมุมโลก แต่ที่เหมือนกันคือความเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาติที่ยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้อีกแล้ว

ฝากหนึ่งในเครือจักรภพ วันนี้ประชาชนหน้าตาแช่มชื่น โห่ร้องและรื่นเริงในงานเสกสมรสครั้งนี้ และเมื่อหลายปีที่แล้ว ณ ที่ประเทศแห่งนี้ หน้าตาของประชาชนนั้นก็ไม่ได้ต่างจากที่อังกฤษ แต่ต่างกันที่ความปลื้มปิตินั้นได้นำพาน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวของประชาชนที่เป็นที่รักของพระเจ้าแผ่นดิน ภาพพระเจ้าแผ่นดินที่เจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา แต่ยังคงซึ่งพระบารมีที่หาสิ่งใดมาบดบังมิได้ ทรงแย้มพระสลวลและโบกพระหัตถ์รับกับเสียงทรงพระเจริญที่ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณ กลายเป็นสิ่งที่ยังคงติดตาตรึงใจผมไปอีกนานแสนนาน

แต่แล้วสิ่งที่ผมรับรู้ในวันนี้กลับทำให้ผมเสียใจและไม่นึกไม่ฝันเลยว่า วันนี้ยังมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่พยายามจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ใส่ร้ายพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ด้วยข้อหาการเมืองสารพัด การรณรงค์ของคนเหล่านี้อาศัยช่องโหว่ของคนไทยได้เป็นอย่างดี ช่องโหว่ที่ว่านั้นคือ "ความรัก"

กลุ่มคนที่คิดไม่ดีนั้นใช้ตรรกะ "ความศรัทธาเป็นบ่อเกิดของการปิดหูปิดตา" คำว่า "ปิดหูปิดตา" ที่ว่านั้น ไม่ใช่พระเจ้าแผ่นดินปิดหูปิดตา แต่เป็นประชาชนที่ปิดหูปิดตาตัวเอง ประชาชนที่คิดว่าเมื่อเกิดปัญหาอะไรก็ตามในบ้านเมืองก็จะได้รับพระราชทาน ความช่วยเหลือจากพระเจ้าแผ่นดิน หรือกระทั่งการรณรงค์เรื่องความแตกแยกทางความคิดทางการเมือง ก็มีการนำวลี "รักพ่ออย่าทะเลาะกัน" มาเป็นสิ่งกระตุ้นจิตใจ ซึ่งผมพิจารณาว่าเป็นการกระทำของเราเองที่ "ปิดหูปิดตา" ตัวเอง คิดแต่จะพึ่งพระเจ้าอยู่หัวอยู่ถ่ายเดียว

การปิดหูปิดตาตัวเองของคนไทยที่รักพระเจ้าอยู่หัวอย่างที่สุด ทำให้เราไม่รับรู้ว่าทรงกระทำสิ่งใดให้กับบ้านเมืองเมื่อในอดีต การปิดหูปิดตานั้นเพราะความรักที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัวอย่างที่สุด เมื่อใครมาว่าพระเจ้าอยู่หัว ความรักนั้นก็จะสำแดงออกโดยการตอบโต้คนเหล่านั้นไม่ว่าจะสื่อออกทางใดก็ตาม เมื่อคนคิดไม่ดีต่อพระเจ้าอยู่หัวเห็นจุดบกพร่องของคนไทยส่วนใหญ่แล้ว ก็ใช้จุดนี้เป็นยุทธศาสตร์ในการทำงาน คนที่คิดไม่ดีอาศัยเรื่องการทรงงานที่น้อยคนนักจะรู้ น้อยคนนักจะเห็น น้อยคนนักจะเข้าใจ และน้อยคนนักที่จะปฏิบัติ มาเป็นเครื่องมือในการให้ร้ายพระเจ้าอยู่หัว

Image

ความรักที่ปิดหูปิดตาคนไทยจำนวนหนึ่ง ทำให้คนไทยนั้นเพิกเฉยและไม่ได้เหลียวหลังไปดูในสิ่งทีพระเจ้าแผ่นดินทรงทำไว้ เรารู้เพียงว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงงานหนักเพื่อประชาชนในถิ่นทุรกันดารและที่อื่นๆอีกมากมาย แต่เมื่อโดนถามว่า "รู้ได้อย่างไรว่าทรงงานหนัก?" แค่เท่านั้นผมเชื่อเลยว่าหลายๆคนก็ตอบไม่ได้ ซึ่งผมเองก็เคยได้รับคำถามเช่นนี้จากคนเหล่านั้น จนกลายเป็นการบ้านชั้นดีที่ทำให้ผมต้องไปหาคำตอบ คำตอบนั้นไม่ได้ถูกหามาเพื่อตอบคนไม่หวังดี แต่เพื่อมาตอบตัวเองเพื่อให้อย่างน้อยๆผมอาจจะได้เปิดหูเปิดตามองเห็นสิ่งที่พระเจ้าแผ่นดินทำไว้ให้กับราษฎรของพระองค์เสียที

และเพื่อไม่ให้คนไม่หวังดีมาว่าเราว่า "ความศรัทธาเป็นบ่อเกิดของการปิดหูปิดตา" เพราะผมนั้นจะพยายามผันศรัทธาที่มีเปิดหูเปิดตาตนเองและคนรอบข้างเท่าที่จะเป็นไปได้

ผมได้วิเคราะห์คนที่ไม่หวังดีเหล่านั้นด้วยตรรกะเช่นเดียวกันคือ "ความไม่ศรัทธาเป็นบ่อเกิดของการบิดเบือน"

เพราะคนเราถ้าไม่ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผูกใจเจ็บสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะพยายามสร้าง "อคติ" ขึ้นมากับสิ่งนั้นๆ และเมื่ออคติบดบังพระเจ้าอยู่หัว จึงกลายเป็นที่มาของ "การบิดเบือน" ไม่ว่าจะกระทำโดยลักษณะใดก็ตาม

การอาศัยความรู้ทางรัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ กฎหมาย มาเป็นพื้นฐานอธิบายลักษณะการทรงงานของพระเจ้าอยู่หัวของคนเหล่านี้แนบเนียน จนทำให้เกิดการคล้อยตามได้โดยง่ายหากไม่มีหลักใดให้ยึดเหนี่ยว และเมื่อความบิดเบือนถูกเขียนด้วยหลักทางวิชาการ ความน่าเชื่อถือที่ตามมาส่งผลให้ผู้ที่รับข้อมูลเหล่านี้(ซึ่งต้องมีความอ่อนไหวในเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เป็นพื้นฐานมาแต่ก่อน)เชื่อถือโดยสนิทใจ และสามารถวิเคราะห์ต่อยอดจนเกิดเป็นคำถามจำนวนมากที่ยากจะหาใครมาตอบสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด

ปัญหาในทุกวันนี้คือคนรู้ไม่มีโอกาสชี้แจง คนมีโอกาสชี้แจงกลับไม่รู้ ประเด็นต่างๆที่กลายเป็นคำถามล้วนถูกถามกับเยาวชนและวัยรุ่นที่เพิ่งสนใจประวัติศาสตร์ และประเภทศึกษาแบบฉาบฉวยซึ่งจะไคว่เขวได้ง่าย บางประเภทไม่ได้เชื่อในตอนแรก แต่เพราะไม่เคยได้รับข้อมูลอีกด้านก็ทำให้เกิดการอยากรู้และติดตามจนกลายเป็นเชื่อไปเอง บางประเภทรู้แล้วชอบพูดทีเล่นทีจริง พูดประมาณประชดประชัน ยิ่งพูดบ่อยเข้าก็กลายเป็นเชื่อจริง เป็นต้น

สิ่งเหล่านี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งในวันนี้และวันข้างหน้า ผมเขียนบทความรณรงค์ให้รัฐดูแลเรื่องการจัดงานเฉลิมพระเกียรติที่มีบ่อยครั้งในปีหนึ่งๆมาหลายครั้งก็เพราะเห็นว่าตรงนี้ก็เป็นจุดอ่อนอีกอย่างหนึ่ง ที่คนไม่หวังดีใช้เป็นเป้าโจมตี โดยเฉพาะเรื่อง "ประชาสัมพันธ์ด้านเดียว" และงบประมาณการจัดงานของหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ใช้ชื่อต่อท้ายงานว่า "เฉลิมพระเกียรติ" หรือที่บางจังหวัดตั้งชื่อการประกวดร้องเพลงที่ผมมองเห็นแล้วว่าไม่สมควรคือ "ประกวดร้องเพลงเทิดทูนสถาบันฯ" หรือแผ่นป้ายคัตเอาท์ขนาดใหญ่ของบางจังหวัดที่ว่า "คน...เทิดทูนสถาบันฯ" และอีกหลายๆแห่ง ซึ่งผมมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่บังควร

ความจงรักภักดีนั้นมีอยู่ แต่ความจงรักภักดีนั้นไม่ใช่แค่คำพูด การจัดงาน การร้องเพลง ที่ขึ้นตามป้ายคัตเอาท์ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้หน้า หน่วยงานที่จัดได้หน้าหรืองบประมาณที่ไม่ค่อยมีการคัดค้านจากทางภาครัฐเพราะเป็นการเฉลิมพระเกียรติ แม้ว่าบางท่านจะบอกว่าลักษณะการจัดงานเฉลิมพระเกียรติทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการประกวด การแข่งขัน นั้นทำให้งานนั้นได้รับความร่วมมือร่วมใจ และสร้างสรรค์ให้ยิ่งใหญ่ได้โดยง่ายกว่างานทั่วไปที่จะแสวงหาความร่วมมือได้ยากกว่า และทำให้รู้สึกว่าได้ทำอะไรๆให้ในหลวง

Image

ซึ่งผมกลับมองว่าการจะทำอะไรสักอย่างให้ในหลวง ไม่ใช่แค่ร้องเพลงเทิดทูน ไม่ใช่แข่งกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ที่จบงานแล้วจบเลย แต่ต้องเป็นลักษณะการทำงานทียั่งยืนและสานต่องานของพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงทำไว้ให้ดียิ่งๆขึ้นไปต่างหาก

ตลอดช่วงที่ทรงงานถิ่นทุรกันดาร ประพาสป่าเขา เพื่อสำรวจภูมิประเทศและเข้าใจความเป็นอยู่ของราษฎรนั้น ทรงใช้ความเป็น "พระเจ้าแผ่นดิน" ของพระองค์เร่งรัดหน่วยงานราชการ และเค้นมันสมองของข้าราชการเหล่านี้ออกมาเพื่อสนองพระราชดำริที่ทรงวางไว้ ให้ข้าราชการสานต่อและทำงานเพื่อราษฎรอย่างจริงๆจังๆ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ทรงใช้การทรงงานของพระองค์เป็นแบบอย่างให้ข้าราชการตามเสด็จได้เห็น หลายโครงการตามพระราชดำริทรงคิดและพระราชทานให้ไปทำต่อ หลายโครงการตามพระราชดำริทรงถามข้าราชการเหล่านั้นว่าจะทำอย่างไร แล้วให้ไปคิดต่อมาเสนอพระองค์

นี่คือการใช้ "พระบารมี" เพื่อกระตุ้นข้าราชการ ที่แปลว่าข้าของพระราชาให้ทำงานเพื่อราษฎร ไม่ใช่แบบเช้าชามเย็นชาม เลิกงานแล้วกลับบ้านแบบสมัยนี้

หลายๆโครงการสำเร็จด้วยดี บางโครงการก็ไม่สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อประชาชนไม่ต้องการโครงการของพระองค์ พระองค์ก็ไม่ทรงบังคับ และทรงมีดำริว่า "ยังมีอีกหลายที่ที่ต้องทำ"

วันนี้หากเราจะเปลี่ยนแปลงการ "เฉลิมพระเกียรติ" ด้วยการจัดงานอย่างมโหฬาร แสงสีตระการตา มาเป็นการสานต่องานในพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัว แม้นว่าจะเห็นผลช้า แต่สิ่งที่พระองค์ทรงทำมาอย่างยาวนานนั้นก็จะสร้างความยั่งยืนให้กับคนไทยได้ไม่น้อย

เราละเลยความพอเพียง เราละเลยรากฐานทางเกษตรกรรม เราละเลยการดูแลทรัพยากรป่า น้ำ ดิน มาอย่างยาวนาน เป็นเพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้ลงมาทรงงานให้เราเห็นแบบสมัยก่อนหรืออย่างไร? ทำให้เรา "ละเลย" สิ่งเหล่านี้ไปมากขนาดนี้

ความจงรักภักดีกลายเป็นคำพูดติดปากคนใหญ่คนโต กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ทรงพลานุภาพ หากคนใช้ผิดพลาด คนที่ใช้เสียหาย แต่พระเจ้าอยู่หัวเสียหายกว่า

เรารับเอาพระราชดำรัสมาปฏิบัติในช่วงเวลาสั้นๆ หากเราศึกษาให้ถ่องแท้จะพบว่าหลายปีมานี้และก่อนหน้านี้ทรงเน้นย้ำ "หน้าที่" มาโดนสม่ำเสมอ เพราะคนไทยไม่รู้จักหน้าที่ ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย คนที่มีหน้าที่แต่ไม่ปฏิบัติ กับคนที่ปฏิบัติไม่ตรงหน้าที่ กลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ จนนำไปสู่การพระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเตือนสติคนเหล่านั้นอยูบ่อยครั้ง

Image

ภาพพระเจ้าอยู่หัวพระชนมายุ ๘๔ พรรษา แค่ได้เห็นน้ำตาก็ปริ่มนั้น ยิ่งทำให้กินใจไปทุกที ความรู้สึกของคนไทยหลายๆคนคงเป็นแบบผม ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องเขียนอธิบายเพราะเราย่อมรู้กันอยู่แก่ใจทั้งสิ้น


เขียนเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔
User avatar
อธิปัตย์
 
Posts: 8
Joined: Sun Apr 03, 2011 9:35 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby chaobaan » Thu May 19, 2011 11:07 am

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกคนควรตั้งสติ สมาธิ สำรวจว่าตนกำลังทำอะไร มีหน้าที่อะไรที่ต้องทำ
ทำเพื่อใคร สร้างสรรค์ หรือทำลาย และใครได้ประโยชน์จากการกระทำนั้น สุดท้ายประเทศชาติจะได้อะไร
User avatar
chaobaan
 
Posts: 288
Joined: Tue Aug 17, 2010 7:28 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby tarato13 » Thu May 19, 2011 12:02 pm

พระองค์ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ทรงทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรชาวไทย สิ่งที่ทุกคนทำได้คือ รู้รัก รู้สามัคคี ทำความดีเพื่อในหลวง
User avatar
tarato13
 
Posts: 368
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:47 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby kuron23 » Fri May 20, 2011 8:22 am

รูปของในหลวงซึ่งมีอยู่ทุกบ้านไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชนบท เปรียบเสมือนตัวแทนของพระองค์ที่เราได้เคารพบูชาและถือเป็นมงคลของบ้านอีกด้วย
User avatar
kuron23
 
Posts: 407
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:34 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby VEE99999 » Fri May 20, 2011 2:46 pm

ร้อยรัดร้อยล้านดวงใจเพื่อเทิดไท้องค์ราชัน ที่พระองค์ทรงฝ่าฟันให้ไทยนั้นได้ร่มเย็น
User avatar
VEE99999
 
Posts: 378
Joined: Sat Aug 14, 2010 10:32 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby ae_mon » Thu May 26, 2011 10:31 am

ในหลวงของเรา ทรงเป็นบิดาของแผ่นดิน เป็นพ่อของคนไทยทุกคน
พระองค์ทรงให้ความรัก เป็นห่วงเป็นใยในทุกข์สุขของประชาชน
อยากให้คนไทยทุกคนร่วมใจกันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวา 2554
User avatar
ae_mon
 
Posts: 365
Joined: Mon Jul 26, 2010 11:24 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby น้ำตก » Thu May 26, 2011 11:37 am

ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ของประเทศอะไรก็ตาม ทุกคนต่างก็รักและชื่นชม
ในกษัตริย์ของตัวเองทั้งนั้น และมีความปลาบปลื้มใจทุกครั้งที่ได้เห็น
User avatar
น้ำตก
 
Posts: 370
Joined: Wed Sep 08, 2010 9:32 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby VEE99999 » Fri May 27, 2011 7:09 am

หนทางจะกันดารลำบากยากแค้นแดนไกลสักปานใดก็ตาม พระองค์ไม่ทรงเคยย่อท้อ
ทรงเสด็จไปบำรุงสุขให้กับราษฎรของพระองค์ทุกพื้นที่ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
User avatar
VEE99999
 
Posts: 378
Joined: Sat Aug 14, 2010 10:32 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby tarato13 » Fri May 27, 2011 2:57 pm

“เก็บร่ม”
ครั้งหนึ่งที่โครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ราษฎรและข้าราชการที่มาเข้าแถวรอรับเสด็จต่างเปียกปอนกันหมด แต่ก็ยังตั้งแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่อย่างนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ นายตำรวจราชองครักษ์ที่ตามเสด็จได้เข้าไปกางร่มถวาย ทรงทอดพระเนตรเห็นบรรดาข้าราชการและราษฎรที่มายืนตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่ต่างก็เปียกฝนโดยทั่วกัน จึงมีรับสั่งให้นายตำรวจราชองครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงพระดำเนินเยี่ยมข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเสด็จ โดยทรงเปียกฝนเช่นเดียวกับข้าราชการ และราษฎรทั้งหลายที่ยืนรอรับเสด็จในขณะนั้น
User avatar
tarato13
 
Posts: 368
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:47 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby เพียงดิน2889 » Fri May 27, 2011 6:06 pm

พระองค์ทรงมีพระบารมี ประชาชนชาวไทยเคารพและเทิดทูนพระองค์ทุกคน สังเกตได้จากทุกบ้านจะมีรูปของพระองค์ เพื่อไว้กราบไหว้บูชาท่าน บารมีของท่านจะช่วยคุ้มครองปกป้อง ให้ประชาชนพ้นภัย มีกำลังใจ เป็นที่พึ่งทางใจให้สามารถต่อสู้ต่ออุปสรรคต่างๆ ได้ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
User avatar
เพียงดิน2889
 
Posts: 158
Joined: Mon Feb 07, 2011 5:39 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby chaobaan » Sun May 29, 2011 11:13 am

สำหรับประเทศไทยแนวคิดในเรื่องพระมหากษัตริย์เริ่มปรากฏชัดเจนในยุคกรุงสุโขทัยโดยใช้คำว่า “พ่อขุน” ราษฎรมีความใกล้ชิดกับองค์พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นเรียกว่าพ่อขุนก็พร้อมที่จะช่วยประชาชน โดยประชาชนที่ร้อนอกร้อนใจก็สั่นกระดิ่งเพื่อร้องขอให้พิจารณาอรรถคดีต่างๆ ได้ ทุกวันพระก็ชักชวนข้าราชบริพารและหมู่เหล่าปวงชนพร้อมใจกันฟังเทศน์รับพร ประชาชนใกล้ชิดผู้ปกครองใช้หลักครอบครัวมาบริหารรัฐและใช้หลักศาสนาเข้าผูกใจคนให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ดังนั้นพ่อขุนหรือพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยนั้นจึงเรียกว่า “อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ” หมาย ถึงพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนและเหล่าอำมาตย์เลือกพระองค์ขึ้นปกครองประเทศ อย่างไรก็ดีในช่วงการเปลี่ยนแผ่นดินและศูนย์กลางความเจริญย้ายลงมาทางใต้ อาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเริ่มเจริญขึ้นการแพร่ของแนวคิดต่างๆ ที่อยู่รอบๆ อาณาจักรใหม่ทั้งจากชาติตะวันตกที่เข้ามาค้าขายและชนชาติเขมรหรือขอมก็เข้าสู่แนวคิดเรื่องพระมหากษัตริย์ในช่วงนี้ แนวคิดเรื่องพระมหากษัตริย์จึงมีการผสมผสาน ดังนั้น พระมหากษัตริย์จึงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างพ่อขุนแต่เป็นบุคคลที่เป็นคนสร้างชาติ รวมแผ่นดิน แนวคิดทั้งฝรั่ง และเขมรจึงทำให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจใจการปกครองสูงสุดดุจได้รับเทวสิทธิ์ และขณะเดียวกันพระมหากษัตริย์ทรงใช้หลักการปกครองโดยมีหลักศาสนากำกับ เพราะพระมหากษัตริย์มีนิติราชประเพณี ทศพิธราชธรรม และทรงมีพระมโนธรรมกำกับ นอกจากนี้พระมหากษัตริย์ไทยยังทรงอยู่คู่กับราษฎรไทยเสมอมา
User avatar
chaobaan
 
Posts: 288
Joined: Tue Aug 17, 2010 7:28 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby sweet2011 » Sun May 29, 2011 10:32 pm

พ่อหลวงไทย มีความห่วงใยประชาชน คอยชี้แนะ ให้คำสอน เตือนสติ ให้รู้รัก สามัคคี อย่างต่อเนื่องเสมอมา
User avatar
sweet2011
 
Posts: 179
Joined: Sat Feb 05, 2011 10:41 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby สมศรี422อาร์ » Mon May 30, 2011 9:40 pm

ท่านทรงรักและทรงทำสิ่งดีๆเพื่อประเทศไทยเสมอมา อยากให้ชาวไทยรักและเคารพท่านให้มากๆ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
User avatar
สมศรี422อาร์
 
Posts: 208
Joined: Sun Oct 17, 2010 1:27 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby ปลาบู่ทะเล » Tue May 31, 2011 4:55 pm

พระองค์ทรงมีพระบารมีจริงๆๆๆ
เราก็ไปอยู่ทามกลางยังยิ้มไม่หยุดเลย
User avatar
ปลาบู่ทะเล
 
Posts: 208
Joined: Thu Jul 22, 2010 9:11 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby ปลาบู่ทะเล » Tue May 31, 2011 6:27 pm

พระองค์ทรงมีพระบารมีมากๆๆๆ
ขอให้พระองค์หายจากประชวรโดยเร็ว
มาอยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราคนไทยตลอดไป
เรารักในหลวง
User avatar
ปลาบู่ทะเล
 
Posts: 208
Joined: Thu Jul 22, 2010 9:11 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby militaryloveking » Fri Jun 03, 2011 11:22 am

พระบารมีของพระองค์ทรงทำให้ประชาชนชาวไทยทุกคนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
User avatar
militaryloveking
 
Posts: 587
Joined: Tue May 24, 2011 9:27 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby tragedy » Sun Jun 05, 2011 7:17 pm

พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน
ทำให้ปวงชนชาวไทยได้รับความสุข
ช่วยแก้ไขปัญหา ในยามทุกข์ ท่านทรงแก้ไข
พัฒนา ทรงเป็นห่วงและเอื้ออาทรต่อทุกข์สุข
ของปวงชนชาวไทยและต่างประเทศ จะเห็น
ได้จากท่านได้นำเงินส่วนพระองค์มาช่วยหลือ
ให้ทุกชีวิตมีความสุข พระบารมีของพระองค์
ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ขอให้หพระองค์
ทรงหพระเจริญ
User avatar
tragedy
 
Posts: 184
Joined: Wed Sep 15, 2010 5:55 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby รักเมืองไทย55 » Sat Jun 25, 2011 7:59 am

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้นแบบของโครงการที่พระองค์ทรงทำเพื่อชาวไทย
User avatar
รักเมืองไทย55
 
Posts: 476
Joined: Tue Aug 24, 2010 11:12 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby VEE99999 » Wed Jun 29, 2011 11:27 am

พวกเราชาวไทยพอเห็นรอยยิ้มของพระองค์ท่าน พวกเรามีความสุขกันมาก
และก็อยากให้คนไทย ทุกคนรักและสามัคคี เพื่อเป็นของขวัญที่ดีให้กับพ่อของเรา
User avatar
VEE99999
 
Posts: 378
Joined: Sat Aug 14, 2010 10:32 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby fullmoon » Wed Jun 29, 2011 5:08 pm

พระองค์ทรงมีอัจฉริยภาพในหลาย ๆ ด้าน
และทรงเป็นผู้นำ
เป็นกษัตริย์ที่ประชาชนรักและเคารพ
User avatar
fullmoon
 
Posts: 29
Joined: Thu Nov 04, 2010 4:39 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby น้ำตก » Thu Jun 30, 2011 2:10 pm

ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่มีประเทศไหนเหมือน
ท่านทรงอุทิศต้นเพื่อประชาชนชาวไทยทุกคน
เราทุกคนจึงรักท่าน
User avatar
น้ำตก
 
Posts: 370
Joined: Wed Sep 08, 2010 9:32 pm

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby sweet2011 » Thu Jun 30, 2011 8:13 pm

วันนี้ ( 27 มิ.ย.2554) เวลา 17.38 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชโอกาสให้ ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลและคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลรายงานโครงการแก้ปัญหาจราจรโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช
โครงการแก้ปัญหาจราจรโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช เป็นการดำเนินการต่อเนื่องกับโครงการทางคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนี และสะพานพระราม 8 เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากสี่แยกศิริราชเป็นจุดเชื่อมต่อของโครงข่ายจราจร ถนนอรุณอัมรินทร์กับถนนพรานนก ถนนอิสรภาพและถนนจรัญสนิทวงศ์ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้มาเข้ารับการรักษาพยาบาล และประชาชนในพื้นที่ผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก เกินกว่าระบบโครงข่ายถนนที่มีอยู่จะรองรับได้
การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระราชกระแสให้คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร กระทรวงคมนาคม กองทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาจราจรรอบโรงพยาบาลศิริราช โดยใช้ที่ดินของโรงพยาบาลศิริราช การรถไฟแห่งประเทศไทย และกองทัพเรือ โดยกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดำเนินงานสำรวจ และออกแบบโครงการก่อสร้างต่างๆ อาทิ การต่อเชื่อมสะพานพระราม 8 กับถนนพรานนก ถึงพุทธมณฑล สาย 4 งานขยายสะพานอรุณอัมรินทร์ ตลอดจนผิวการจราจรกลับรถใต้สะพานอรุณอัมรินทร์ และสะพานข้ามคลองบางกอกน้อย ถนนจรัญสนิทวงศ์ การก่อสร้างทางรอดใต้ทางสามแยกไฟฉาย และสะพานข้ามแยกถนนเลียบทางรถไฟ
ทั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มโครงข่ายถนนที่เชื่อมโยงพื้นที่ฝั่งตะวันตก และตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการจราจร บริเวณแยกอรุณอัมรินทร์ แยกศิริราช แยกพรานนก สามแยกไฟฉาย และทางแยกอื่นๆ ที่ต่อเนื่องกัน พร้อมกันนั้นยังช่วยลดจุดตัดและทางแยกสัญญาณไฟจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของถนนวงแหวนรัชดาภิเษก ซึ่งทำให้ถนนวงแหวนรัชดาภิเษกฝั่งธนบุรี สัญจรได้สะดวกขึ้นด้วย
โอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงซักถามเกี่ยวกับการจัดทำระบบรถไฟฟ้าบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งทรงซักถามเกี่ยวกับการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ไปในส่วนภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ
“ที่จริงรถไฟนี้จะได้ประโยชน์มาก เพราะว่าดีกว่าการคมนาคมทางถนน ทางถนนมันแพงมาก รถไฟจะถูกลงไปมาก ดีสำหรับการเศรษฐกิจของไทยถ้าทำได้สำเร็จโดยเร็ว”
ที่มา สำนักข่าวเจ้าพระยา
User avatar
sweet2011
 
Posts: 179
Joined: Sat Feb 05, 2011 10:41 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby militaryloveking » Tue Oct 11, 2011 8:57 am

สานใจให้ชาติรุ่ง สานใจให้ชาติเจริญ แล้วรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อพ่อของเราเอง
User avatar
militaryloveking
 
Posts: 587
Joined: Tue May 24, 2011 9:27 am

Re: พระบารมีอันบดบังมิได้

Postby รักเมืองไทย55 » Sun Oct 16, 2011 7:49 am

นานมาแล้ว พ่อได้ทำสิ่งที่ไร้ค่า ให้กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ทำให้เกิดสิ่งดีดี แก่ประชาชนชาวไทยมาโดย ตลอด โดยที่พ่อไม่เคยเหน็ดเหนื่อย เราคนไทยทุกคน ควรร่วมใจกัน สมัครสมานสามัคคี ทำความดีเพื่อถวายแด่พ่อ หลวงของเรา
User avatar
รักเมืองไทย55
 
Posts: 476
Joined: Tue Aug 24, 2010 11:12 am


Return to ห้องเฉลิมพระเกียรติ