สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับพระราชวงศ์ไทย เทิดพระเกียรติในหลวงและราชวงศ์จักรีที่ห้องนี้ครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby network1974 » Mon Jun 06, 2011 4:40 pm

โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

http://thainews.prd.go.th/king84year/do ... php?cid=29

ที่มา: กรมประชาสัมพันธ์
User avatar
network1974
 
Posts: 138
Joined: Fri Mar 11, 2011 6:39 pm

Re: สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby babycat » Sat Jun 11, 2011 6:22 pm

โครงการบรรเทาอุทกภัย
เป็นโครงการที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อแก้ไข หรือช่วยบรรเทาปัญหา ที่น้ำในแม่น้ำลำคลองซึ่งมีระดับสูงมาก ในฤดูน้ำหลาก ไม่ให้ท่วมทำความเสียหาย ให้กับพื้นที่เพาะปลูกพืช หรือพื้นที่ในเขตชุมชน ตามเขตโครงการ ที่กำหนด โครงการประเภทนี้ ได้แก่ โครงการเก็บกักน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัย โดยส่วนรวมให้กับตัวเมืองเชียงใหม่ ด้านการปฏิรูป และพัฒนาที่ดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบว่า เกษตรกร ซึ่งเป็นประชากร ส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง จึงทรงมุ่งที่จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ ในที่ดินและ การใช้ประโยชน์จากที่ดินให้ได้ผลคุ้มค่าที่สุด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพัฒนา ที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งหมดสภาพจากเป็นป่าสงวนของชาติแล้ว นำมาพัฒนาให้มีสภาพเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แล้วนำเอามาจัดสรรให้แก่เกษตรกรที่ต้องการ ให้ได้เข้าไปทำกิน ในที่ดินจัดสรรนั้นในรูปของสหกรณ์ โดยสมาชิกมีสิทธิ์ ที่จะทำกินในที่ดินตลอดชั่วลูกหลาน แต่ไม่มีสิทธ์ที่จะนำเอาที่ดินนั้นไปขาย ทั้งนี้เพื่อ เป็นการป้องกัน มิให้ที่ดินตกไปเป็นของนายทุน โครงการที่จัดทำขึ้นในลักษณะดังกล่าว ได้แก่
•โครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์หุบกระพง จังหวัดเพชรบุรี
•โครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ที่ดอยขุนห้วย จังหวัดเพชรบุรี
•โครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ที่หนองพลับ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
•โครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ที่ทุ่งลุยลาย จังหวัดชัยภูมิ
•โครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ที่กะลุวอ จังหวัดนราธิวาส
•โครงการพัฒนาที่ราบเชิงเขาตามพระราชดาริ ที่ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
•โครงการปฏิรูปที่ดินในที่นาของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ฯลฯ
การชะล้างพังทลายของหน้าดิน จนอินทรีย์วัตถุและแร่ธาต ุซึ่งเป็นอาหารของพืชถูกทำลายไป ทำให้ดินที่ไม่มีคุณภาพดีพอสำหรับทำการเกษตรกรรม เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพบสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ผืนดิน ถูกชะล้าง พังทลายไปนั้น เกิดจากการบุกรุก ทำลายป่า ทำให้ดินขาดสิ่งปกคลุม เมื่อมีฝนตกลงมา ในปริมาณมากๆ น้ำไม่สามารถไหลซึม ลงไปในดินได้ทัน ทำให้เกิดน้ำไหลบ่าพัดพาเอาหน้าดินไหลลงสู่ที่ต่ำกว่า จนแม่น้ำ ลำคลอง ห้วย หนอง คลอง บึง พลอย ตื้นเขินไปด้วย แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ แห่งองค์ในหลวงของเรา ปัญหานี้ จึงได้รับการแก้ไข ด้วยการนำ หญ้าแฝกมาปลูกตามแนวไหล่เขา คันดินริมแหล่งน้ำต่างๆ ฯลฯ ซึ่งก่อนที่จะทรงนำ หญ้าแฝก มาเผยแพร่นั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการศึกษาวิจัยจนพบว่าหญ้าแฝก เป็นพืชที่มีรากหยั่งลึก เป็นแนวตรงไปกับลำต้น สามารถยึดเกาะดินให้ติดแน่น ก่อให้เกิดความชุ่มชื้นในดิน อีกทั้งลำต้น และใบยังสามารถสกัดดักตะกอนหน้าดินที่ถูกชะล้างไม่ให้ ไหลผ่านลงไปยังแม่น้ำ ลำคลองที่อยู่ต่ำกว่า
นอกจากนี้หญ้าแฝก เมื่อนำไปปลูก จะไม่แตกพุ่ม แพร่กระจายออกไป รบกวนพืชชนิดอื่นๆ ที่อยู่ข้างเคียง แต่กลับให้ประโยชน์ โดยที่ราก ลำต้น และใบของมันสามารถนำไป
•ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษ เชือก เสื่อ หมวก ตะกร้า
•ทำเป็นตับใช้มุงหลังคาที่พักอาศัย
•ทำเป็นอาหารให้แก่สัตว์ จำพวก โค กระบือ แกะ และปลาจีน
•เป็นวัสดุคลุมดินบนแปลงที่ใช้ปลูกพืชผักหรือพืชไร่ ซึ่งจะช่วยให้ดิน ที่ถูกคลุม มีความชุ่มชื่นสูง
•ใช้เป็นที่รองในคอกสัตว์
•ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำปุ๋ยหมัก
•สกัดทำเป็นน้ำหอมสำหรับสบู่ เพราะมีคุณสมบัติ ช่วยป้องกันแมลงและหนูได้ ฯลฯ
User avatar
babycat
 
Posts: 266
Joined: Wed Aug 11, 2010 2:01 pm

Re: สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby tragedy » Sun Jun 12, 2011 12:05 pm

พระองค์ท่านเป็นนักพัฒนาและมองเห็นปัญหา ท่านทรงเห็นถึงปัญหาภัยแล้ง
น้าท่วม น้ำกัดเซาตลิ่ง เป็นสาเหตุให้ประชาชนเดือดร้อน โครงการพัฒนาที่ดิ
ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น มีกำลังใจในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ
ได้ เพราะเราโชคดีที่มีพระองค์ท่านสนพระทัยในความเป็นอยู่ของประชาชน
อย่างแท้จริง ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และทรงพระเจริญ
เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป
User avatar
tragedy
 
Posts: 184
Joined: Wed Sep 15, 2010 5:55 am

Re: สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby tarato13 » Thu Jun 16, 2011 9:51 am

แกล้งดิน โครงการของในหลวงเพื่อชาวไทยครับ
แกล้งดิน
ทฤษฎี "แกล้งดิน" อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ. 2524 ทรงพบว่า หลังจากมีการชักน้ำออกจากพื้นที่พรุเพื่อจะได้มีพื้นที่ใช้ทำการเกษตรและเป็นการบรรเทาอุทกภัยนั้น ปรากฎว่าดินในพื้นที่พรุแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด ทำให้เพาะปลูกไม่ได้ผล จึงมีพระราชดำริให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่พรุที่มีน้ำแช่ขังตลอดปีให้เกิดประโยชน์ในทางการเกษตรมากที่สุดและให้คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ด้วย การแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด เนื่องจากดินมีลักษณะเป็นเศษอินทรีย์วัตถุหรือซากพืชเน่าเปื่อย อยู่ข้างบนและมีระดับความลึก 1-2 เมตรเป็นดินเลนสีเทาปนน้ำเงิน ซึ่งมีสารประกอบกำมะถัน ที่เรียกว่า สารประกอบไพไรท์ (Pyrite : FeS2) อยู่มาก ดังนั้น เมื่อดินแห้ง สารไพไรท์จะทำปฏิกิริยากับอากาศปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินแปรสภาพเป็นดินกรดจัดหรือเปรี้ยวจัด ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่อง มาจากพระราชดำริ จึงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริโครงการ "แกล้งดิน" เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของดิน เริ่มจากวิธีการ "แกล้งดินให้เปรี้ยว" ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินเป็นกรดจัดจนถึงขั้น "แกล้งดินให้เปรี้ยวสุดขีด"จนกระทั่งถึงจุดที่พืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้จากนั้นจึงหาวิธีการปรับปรุงดินดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชได้ วิธีการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวจัดตามแนวพระราชดำริ
ปัจจุบันคนทั่วไป จะคุ้นเคยกับคำว่า"แก้มลิง" อันเป็น โครงการจัดระบบการบริหารจัดการด้าน น้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานครและ เขตปริมณฑลตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่ หน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ และคนภาคใต้มักจะคุ้นเคยกับคำว่า "แกล้งดิน"มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
ทำไมถึงต้อง "แกล้งดิน " สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราช ฐานและทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภาคใต้ อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2516 เรื่อยมา ทำให้ทรง ทราบว่าราษฎรในพื้นที่แถบจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดใกล้เคียง ประสบปัญหาอยู่นานัปการ ราษฎรขาดแคลนที่ทำกิน อันเป็นสาเหตุสำคัญใน การดำรงชีพพื้นที่ดินพรุที่มีการ ระบายน้ำออกจะแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด เนื่องจากสารไพไรท์ที่มีอยู่ในดินทำ ปฏิกริยากับออกซิเจนในอากาศแล้วปลดปล่อย กรดกำมะถันออกมามากจนถึงจุดที่เป็น อันตรายต่อพืชที่ปลูกหรือทำให้ผลผลิต ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจึงได้มี พระราชดำริให้จัดตั้ง "โครงการศูนย์ศึกษา การพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ" ขึ้น ณ จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2524 เพื่อศึกษา และปรับปรุงแก้ไขปัญหาพื้นที่พรุให้ สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและด้าน อื่นๆ ได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2527 ณ ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจาก พระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวได้มีพระราชดำริเกี่ยวกับเรื่อง "แกล้งดิน" ความว่า
"...ให้มีการทดลองทำดินให้เปรี้ยวจัดโดย การระบายน้ำให้แห้งและศึกษาวิธีการแกล้ง ดินเปรี้ยว เพื่อนำผลไปแก้ปัญหาดินเปรี้ยว ให้แก่ราษฎรที่มีปัญหาเรื่องนี้ในเขตจังหวัด นราธิวาสโดยให้ทำโครงการศึกษาทดลอง ในกำหนด2 ปี และพืชที่ทำการทดลอง ควรเป็นข้าว..."
แกล้งดินทำอย่างไร
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ทำการศึกษาวิจัยและปรับปรุงดิน โดยวิธีการ "แกล้งดิน" คือ ทำให้ดินเปรี้ยว เป็นกรดจัดรุนแรงที่สุด กล่าวคือ การทำให้ดินแห้ง และเปียกโดยนำน้ำเข้าแปลงทดลองระยะหนึ่ง และระบายน้ำออกให้ดินแห้งระยะหนึ่งสลับกัน จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดกรดมากยิ่งขึ้น ด้วยหลักการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงให้เลียนแบบสภาพธรรมชาติ ซึ่งมีฤดูแล้งและฤดูฝนเป็นปกติในแต่ละปี แต่ให้ใช้วิธีการร่นระยะเวลาช่วงแล้ง และช่วงฝนในรอบปีให้สั้นลง โดยปล่อยให้ดินแห้ง 1 เดือน และขังน้ำให้ดินเปียกนาน 2 เดือน สลับกันไป เกิดภาวะดินแห้ง และดินเปียก 4 รอบ ต่อ 1 ปี เสมือนกับมีฤดูแล้งและฤดูฝน 4 ครั้ง ใน 1 ปี หลังจากนั้นจึงให้หาวิธีการปรับปรุงดิน ดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้
แกล้งดินแล้วปรับปรุงดิน
: วิธีการที่สำคัญ
เมื่อดำเนินการตามกรรมวิธี "แกล้งดิน" แล้วก็ใช้วิธีการปรับปรุงดิน ซึ่งเปรี้ยวจัดให้สามารถใช้เพาะปลูกได้ โดยมีหลายวิธีการด้วยกันดังนี้
ใช้ปูน เช่น ปูนขาว หินปูนฝุ่น ใส่ลงไปในดิน แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปูนจะทำปฏิกริยากับกรดกำมะถันในดิน เกิดสารสะเทิน ปริมาณกรดในดินจะลดลง ซึ่งหากใส่ในปริมาณที่มากพอจะช่วย ให้ดินมีสภาพเป็นกลาง
- ใช้น้ำจืดล้างกรดและสารพิษออกจากดินโดยตรง วิธีการนี้ใช้เวลานานกว่าวิธีใช้ปูน เนื่องจากกรดจะชะล้างออกไปอย่างช้าๆ แต่ได้ผลเช่นกัน
- ยกร่อง เพื่อปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น โดยมีคูน้ำอยู่ด้านข้าง ให้นำหน้าดินจากดินในบริเวณที่เป็นคูมา เสริมหน้าดินเดิมที่เป็นคันร่อง ก็จะได้หน้าดินที่หนาขึ้น ส่วนดินที่มีสารไพไรท์จะใช้เสริมด้านข้าง เมื่อใช้น้ำชะล้างกรดบนสันร่อง กรดจะถูกน้ำชะล้างไปยังคูด้านข้าง แล้วระบายออกไป
- ควบคุมระดับน้ำใต้ดิน ให้อยู่เหนือชั้นดินเลนตะกอนทะเล ป้องกันไม่ให้สารไพไรท์ทำปฎิกริยากับออกซิเจน กรดกำมะถันจึงไม่ถูกปลดปล่อยเพิ่มขึ้น
- ใช้พืชพันธุ์ทนทานต่อความเป็นกรด มาปลูกในดินเปรี้ยว
- ใช้วิธีการต่างๆ ข้างต้นร่วมกัน
การดำเนินงานศึกษาทดลองอย่างต่อเนื่อง ในโครงการแกล้งดิน
ได้มีการดำเนินการในช่วง ต่างๆ ตามแนวพระราชดำริดังนี้
ช่วงที่ 1 (มกราคม 2529-กันยายน 2530) เป็นการศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของดิน เปรียบเทียบระหว่างดินที่ปล่อยทิ้งไว้ตามธรรมชาติ กับดินที่ทำให้แห้งและเปียกสลับกัน โดยวิธีการสูบน้ำเข้า-ออก การทำดินให้แห้งและเปียกสลับกัน ดินจะเป็นกรดจัดรุนแรง และมีผล ต่อการเจริญเติบโตของพืช พบว่าข้าวสามารถ เจริญเติบโตได้ แต่ให้ผลผลิตต่ำ
ช่วงที่ 2 (ตุลาคม 2530-ธันวาคม 2532) ศึกษาการเปลี่ยน แปลงทางเคมีของดินโดยเปรียบเทียบระหว่างระยะเวลา ที่ทำให้ดินแห้งและ เปียกแตกต่างกัน การปล่อยให้ดินแห้งนานมากขึ้น ความเป็นกรดจะรุนแรงมากกว่าการใช้ น้ำแช่ขังดินนานๆ และการให้น้ำหมุนเวียนโดยไม่มีการระบายออก ทำให้ความเป็นกรดและ สารพิษสะสมในดินมากขึ้น ในการปลูกข้าวทดสอบความรุนแรงของกรด พบว่าข้าวตายหลังจากปักดำได้ 1 เดือน
ช่วงที่ 3 (มกราคม 2533-ปัจจุบัน) ศึกษาถึงวิธีการปรับปรุงดิน โดยใช้น้ำชะล้างความเป็นกรด ใช้น้ำชะล้างควบคู่กับการใช้หินปูนฝุ่น ใช้หินปูนฝุ่นอัตราต่ำ เฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของดิน หลังจากที่ปรับปรุงแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีการใช้ประโยชน์ และศึกษาการเปลี่ยนแปลงของดินเปรี้ยวจัด เมื่ออยู่ในสภาพธรรมชาติ ในปริมาณเล็กน้อย พบว่าวิธีการใช้น้ำชะล้างดิน โดยขังน้ำไว้นาน 4 สัปดาห์ แล้วระบายออก ควบคู่กับการใช้หินปูนฝุ่นในปริมาณเล็ก น้อยจะสามารถปรับปรุงดินเปรี้ยวจัด ได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธีการใช้น้ำชะล้างก็ให้ผลดีเช่นเดียวกัน แต่ต้องใช้เวลานานกว่า หลังจากมีการปรับปรุงดินแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ดินกลับเป็นกรดจัดรุนแรงขึ้นอีก สำหรับพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดตามธรรมชาติ ที่ไม่มีการปรับปรุงการเปลี่ยนแปลง ของความเป็นกรดน้อยมาก
เมื่อปี 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีรับสั่งเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนิน ตรวจแปลงศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็น กรดของดินกำมะถันว่า "...นี่เป็นเหตุผลอย่างหนึ่ง ที่พูดมาสามปีแล้วหรือสี่ปี ว่าต้องการน้ำสำหรับมาให้ดินทำงาน ดินทำงานแล้วดินจะหายโกรธ อันนี้ไม่มีใครเชื่อ แล้วก็มาทำที่นี้แล้วมันได้ผล... อันนี้ผลงานของเราที่ทำที่นี่ เป็นงานที่สำคัญที่สุด เชื่อว่าชาวต่างประเทศ เขามาดูเราทำอย่างนี้แล้ว เขาก็พอใจ เขามีปัญหานี่แล้วเขาก็ไม่ได้ แก้หาตำราไม่ได้ ..." ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงได้จัดทำคู่มือ การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัด เพื่อการเกษตรขึ้นเมื่อปี 2536
แกล้งดินสำเร็จแล้วราษฎรได้ประโยชน์อะไร
เมื่อผลของการศึกษาทดลอง สำเร็จผลชั้นหนึ่ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้นำผลการศึกษาทดลองขยายผลสู่พื้น ที่ทำการเกษตรของราษฎร ที่ประสบปัญหาดินเปรี้ยวจัด ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีพระราชดำริว่า
"...พื้นที่บริเวณบ้านโคกอิฐ และโคกในเป็นดินเปรี้ยว เกษตรกรมีความต้องการจะปลูกข้าว ทางชลประทานได้จัดส่งน้ำชลประทานให้ ก็ให้พัฒนาดินเปรี้ยว เหล่านี้ให้ใช้ประโยชน์ได้ โดยให้ประสานงานกับชลประทาน..."
จากการพัฒนาบ้านโคกอิฐ และบ้านโคกใน ปรากฏว่าราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว สามารถปลูกข้าวให้ได้ผล ผลิตเพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย ถึงกับมีรับสั่งว่า "...เราเคยมาโคกอิฐ โคกใน มาดูเขาชี้ตรงนั้นๆ เขาทำ แต่ว่าเขาได้เพียง 5 ถึง 10 ถัง แต่ตอนนี้ได้ขึ้นไปถึง 40-50 ถัง ก็ใช้ได้แล้ว เพราะว่าทำให้เปรี้ยวเต็มที่แล้ว โดยที่ขุดอะไรๆ ทำให้เปรี้ยวแล้วก็ระบาย รู้สึกว่านับวันเขาจะดีขึ้น... อันนี้สิเป็นชัยชนะที่ดีใจมาก ที่ใช้งานได้แล้ว ชาวบ้านเขาก็ดีขึ้น ...แต่ก่อนชาวบ้านเขาต้องซื้อ ข้าว เดี๋ยวนี้เขามีข้าวอาจจะขายได้"
อย่างไรก็ตาม " โครงการแกล้งดิน " มิได้หยุดลงเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่จะต้องดำเนินการต่อไป "...งานปรับปรุงดินเปรี้ยวควรดำเนินการต่อไป ทั้งในแง่การศึกษาทดลองและการขยายผล..." ซึ่งปัจจุบันได้นำผลการศึกษาทดลอง ไปขยายผลแก่ราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะนี้จะมีการนำผลของการ "แกล้งดิน" นำไปใช้ในพื้นที่จังหวัดนครนายก และจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย
ดังนั้น " โครงการแกล้งดิน " จึงเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับราษฎรทั่ว ทั้งประเทศ สร้างความปลื้มปิติ แก่เหล่าพสกนิกรเป็นล้นพ้นที่พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรง ยอมตรากตรำพระวรกายลงมา "แกล้งดิน" เพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ พ้นจากความยากจนกลับ มาเบิกบานแจ่มใสกันทั่วหน้า
User avatar
tarato13
 
Posts: 368
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:47 am

Re: สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby kuron23 » Fri Jun 17, 2011 8:37 am

เป็นสารคดีที่ดีที่ในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนินไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อทรงช่วยเหลือประชาชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน มาตลอดระยะเวลาตั้งแต่ที่พระองค์ทรงครองราชย์จนถึงปัจจุบัน และยังคงช่วยเหลือประชาชนในเรื่องต่างๆ ผ่านทางโครงการหลวงอีกหลายพันโครงการ ซึ่งพระองค์ทรงสละความสุขส่วนพระองค์และทรงงานหนักก็เพื่อประขาชนอย่างแท้จริง
User avatar
kuron23
 
Posts: 407
Joined: Thu Jul 22, 2010 8:34 am

Re: สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby น้ำตก » Thu Jun 23, 2011 7:04 am

โครงการพัฒนาที่ดิน เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ทรงมุ่งที่จะแก้ปัญหาเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ ในที่ดินและ การใช้ประโยชน์จากที่ดินให้ได้ผลคุ้มค่าที่สุด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพัฒนา ที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งหมดสภาพจากเป็นป่าสงวนของชาติแล้ว นำมาพัฒนาให้มีสภาพเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์
User avatar
น้ำตก
 
Posts: 370
Joined: Wed Sep 08, 2010 9:32 pm

Re: สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby สมศรี422อาร์ » Sat Jun 25, 2011 1:36 pm

ท่านทรงพัฒนาผืนแผ่นดินระเทศไทยเพื่อให้ชาวไทยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขเสมอมาอย่างไม่เคยรู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
User avatar
สมศรี422อาร์
 
Posts: 208
Joined: Sun Oct 17, 2010 1:27 pm

Re: สารคดี/โครงการพัฒนาที่ดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

Postby ปลาบู่ทะเล » Wed Jun 29, 2011 3:39 pm

สารคดีเพื่อในหลวง ทุกสารคดี
ทำดีและน่าดูทั้งนั้นเลยของขอบคุณ
ทุกท่านที่ได้จัดทำสารคดีที่ดีๆๆๆเช่นนี้
User avatar
ปลาบู่ทะเล
 
Posts: 208
Joined: Thu Jul 22, 2010 9:11 am


Return to ห้องเฉลิมพระเกียรติ