๘๔ พรรษา ๘๔ ล้านกิโลกรัม ร่วมใจรีไซเคิลเพื่อพ่อ(๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔)
ปัญหาขยะมูลฝอยที่เพิ่มขึ้นทุกวันในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการอุปโภคบริโภคของมนุษย์ที่เน้นความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยหารู้ไม่ว่าผลของความสะดวกสบาย ความมักง่าย ความอยู่ดีกินดีนั้น กำลังจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในอนาคต ไม่ว่าจะด้วยภาวะโลกร้อนหรือเป็นกระแสของโลกก็ตาม
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษในปี ๒๕๕๒ พบว่าปริมาณขยะเกิดขึ้น ๑๕.๑๑ ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๑ ประมาณ ๐.๐๘ ล้านตัน หรือร้อยละ ๐.๕๓ ของปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ในขณะที่มีการนำกลับมาใช้ใหม่เพียงร้อยละ ๒๐.๖๕ เท่านั้น สังเกตได้ว่าปริมาณขยะที่เกิดขึ้นค่อนข้างมากและมีผลต่อการนำไปกำจัด โดยประเทศไทยมักนิยมนำไปกำจัดด้วยวิธีการเทกอง ฝังกลบ หรือการเผา หากมีการจัดการที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสม จะส่งผลกระทบต่อคน สัตว์ หรือสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ได้ ดังนั้น แนวทางหนึ่งในการส่งเสริม ให้มีการจัดการขยะอย่างถูกต้อง ด้วยการใช้หลัก 3R คือการลด (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมในการจัดการขยะ
อย่างไรก็ดี การลดขยะด้วยวิธีการเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยประชาชนควรให้ความสนใจ ตระหนักและรับรู้ถึงปัญหาของขยะในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้หน่วยงานทุกภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญในการจัดการขยะกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ต่างก็ดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
ด้านสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ดำเนินการด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการส่งเสริมการคัดแยกวัสดุรีไซเคิลตั้งแต่ต้นทาง ได้เล็งเห็นถึงปัญหาบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วซึ่งกำลังต้องการการจัดการที่ถูกต้อง ได้จัดทำโครงการ “๘๔ พรรษา ๘๔ ล้านกิโลกรัมร่วมใจรีไซเคิลเพื่อพ่อ” ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษาในปี ๒๕๕๔ พร้อมกระตุ้นให้คนไทยเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว และการคัดแยกตั้งแต่ต้นทาง โดยตั้งเป้าที่จะรวบรวมวัสดุรีไซเคิล โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว เช่น ขวดแก้ว ขวดน้ำพลาสติก กระป๋องเครื่องดื่ม กล่องเครื่องดื่ม และกล่องกระดาษ ฯลฯ ให้ได้ ๘๔ ล้านกิโลกรัม ในระยะเวลา ๑ ปี เป้าหมายดังกล่าวจะสำเร็จได้ หากเกิดจากความร่วมมือร่วมใจจากทุกคนหรือทุกหน่วยงานในการรวบรวมวัสดุรีไซเคิลหรือการคัดแยกวัสดุรีไซเคิล ทั้งนี้ หากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถติดต่อได้ที่ สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โทร. ๐ ๒๒๗๒ ๑๕๕๒-๓ หรือเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.tipmse.or.th