ทรงพระเจริญ

เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับพระราชวงศ์ไทย เทิดพระเกียรติในหลวงและราชวงศ์จักรีที่ห้องนี้ครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

ทรงพระเจริญ

Postby santikaarmy » Wed Aug 24, 2011 8:16 am

สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักที่สำคัญสูงสุดของชาติ
User avatar
santikaarmy
 
Posts: 6
Joined: Tue Aug 23, 2011 12:32 pm

Re: ทรงพระเจริญ

Postby militaryloveking » Wed Aug 24, 2011 8:53 am

สถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้ประเทศของเราเป็นเอกราชอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
User avatar
militaryloveking
 
Posts: 587
Joined: Tue May 24, 2011 9:27 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:34 pm

พระอัจฉริยภาพด้านภาษาและวรรณกรรม
“...ภาษาไทยนั้นเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษาทั้งหลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ชนิดหนึ่ง คือเป็นทางสำหรับแสดงความเห็นอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่ง เช่นในทางวรรณคดีเป็นต้น ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาไว้ให้ดี ประเทศไทยนั้นมีภาษาของเราเองซึ่งต้องหวงแหนประเทศใกล้เคียงของเราหลาย ประเทศมีภาษาของตนเอง แต่ว่าเขาก็ไม่แข็งแรง เขาต้องพยายามหาทางที่จะสร้างภาษาของตนเองไว้ให้มั่นคง เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้...”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านภาษาและวรรณกรรมเป็นอย่าง ยิ่ง แม้ว่าพระองค์จะทรงเจริญพระชันษาในต่างประเทศ ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศ แต่พระองค์ยังทรงมีพระอัจฉริยภาพในการใช้ภาษาไทยได้อย่างยอดเยี่ยม และยังทรงห่วงใยต่อภาษาไทยอีกด้วย
http://www.howeverz.com/the-king/skill.php
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:34 pm

พระอัจฉริยภาพด้านศิลปกรรม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยในงานวิจิตรศิลป์เป็นอย่างยิ่ง และจิตรกรรมก็เป็นสาขาหนึ่งที่พระองค์ท่านทรงสนพระราชหฤทัยมากจนกระทั่งได้ ทรงฝึกฝนด้วยพระองค์เองทรงเริ่มเขียนภาพอย่างจริงจังเมื่อ พ.ศ. 2502 ซึ่งภาพที่ทรงเขียนส่วนมากจะเป็นพระสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทุกพระองค์ แต่มักจะเป็นภาพเขียนครึ่งพระองค์ ผลงานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเผยแพร่มากขึ้น เมื่อคราวที่ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพร่วมแสดงในการแสดงศิลปกรรม ครั้งที่ 14 พ.ศ. 2506 จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ปรากฏแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะใหญ่ๆ
http://www.howeverz.com/the-king/skill.php
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:35 pm

พระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพ
พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในการถ่ายภาพอย่างจริงจังมาตั้งแต่ยัง ทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงศึกษาและฝึกฝนการถ่ายภาพด้วยพระองค์เอง จนเป็นนักถ่ายภาพที่มีพระปรีชาสามารถยิ่ง พระองค์ทรงเชี่ยวชาญแม้กระทั่งการล้างฟิล์ม การอัดขยายภาพทั้งภาพขาวดำและภาพสี โดยทรงสร้างห้องมืด (Dark Room) ขึ้นในบริเวณชั้นล่างของตึกที่ทำการสถานีวิทยุ อ.ส. ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทรง “ สร้างภาพ ” ให้เป็นศิลปะอย่างถูกต้องและรวดเร็วด้วยพระองค์เอง
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ปรากฏในหนังสือพิมพ์สแตนดาร์ดของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ในปี พ.ศ. 2489 พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสด้วยพระอารมณ์ขันแก่ผู้ใกล้ชิดผู้หนึ่งถึงการเป็น ช่างภาพอาชีพของพระองค์ว่า
“ ฉันเป็นกษัตริย์ก็จริง แต่ฉันก็ยังมีอาชีพเป็นช่างภาพของหนังสือ พิมพ์ สแตนดาร์ด ได้เงินเดือนเดือนละ 100 บาท ตั้งหลายปีมาแล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นเขาขึ้นเงินเดือนให้สักทีเขาก็คงถวายเดือนละ 100 บาท อยู่เรื่อยมา ”
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์ส่วนใหญ่จะเป็นภาพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทูลกระหม่อมทุกพระองค์ อีกทั้งเป็นรูปที่พระองค์ทรงเสด็จราชการตามสถานที่ต่างๆ เพื่อใช้ประกอบการทรงงาน
http://www.howeverz.com/the-king/skill.php
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:35 pm

พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยดนตรีมาตั้งแต่ยังทรงศึกษาอยู่ที่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงฝึกฝนวิชาดนตรีอย่างแท้จริง คือการเขียนโน๊ตและบรรเลงแบบคลาสสิก แนวดนตรีที่ทรงสนพระราชหฤทัยคือแนวแจ๊ส (Jazz) ทรงศึกษาประวัตินักดนตรีที่มีชื่อเสียงและทรงเปรียบเทียบฝีมือการเล่นดนตรี ต่างๆ จากแผ่นเสียงสไตล์ที่โปรด เช่น สไตล์การเป่าโซปราโน แซกโซโฟนของชิดนี่ เบเซ่ (Sydney Bechet) ออโต แซกโซโฟน ของจอห์นนี่ ฮอดเจส (Johny Hodges) เป็นต้น
http://www.howeverz.com/the-king/skill.php
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:36 pm

พระอัจฉริยภาพด้านกีฬา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดกีฬามาตั้งแต่ยัง ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงโปรดกีฬาเทนนิส หมากรุก จักรยาน สกี สเกตน้ำแข็ง และฮอกกี้น้ำแข็ง เป็นต้น
ต่อมาพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในกีฬาเรือใบ ทรงต่อเรือใบด้วยพระองค์เองที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และเมื่อ 19 เมษายน พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเรือใบประเภท โอ.เค ขนาด 13 ฟุต ชื่อ เวคา จากหน้าพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีข้นธ์ ข้ามอ่าวไทยไปยังอ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้ทรงนำธง “ ราชนาวิกโยธิน ” ปักเหนือยอดก้อนหินใหญ่ที่ชายหาดของอ่าวเตยงาม แล้วได้ทรงลงพระปรมาภิไธยบนแผ่นศิลาจารึกข้อความถวายสดุดีแด่พระองค์ท่าน
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:36 pm

พระอัจฉริยภาพด้านการศึกษา และเทคโนโลยี
“… ในประเทศไทยนี้ถ้าดูจากสถิติก็มีพลเมืองเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน จึงสันนิษฐานได้ว่าพลเมืองของประเทศไทยนี้อยู่ในวัยเรียนอยู่เป็นส่วนมาก ทุกๆ ปี การที่ส่วนรวมคือ ประชาชนทั้งประเทศเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาเป็นสิ่งที่ดีแล้ว จึงต้องช่วยกันจัดการให้เยาวชน ให้ประชาชนที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้ได้มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี เราจะไปอาศัยรัฐบาลหรืออาศัยทางราชการที่จะช่วยให้บ้านเมืองมีความเจริญด้าน เดียวไม่ได้เพราะว่าในสมัยนี้ถือว่าเป็นสมัยประชาธิปไตยทุกคนมีส่วนในงานของ ประเทศชาติ... ”
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:36 pm

คุณธรรม ๔ ประการ
ประการแรก คือ การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตามุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน
ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และกับประเทศชาติ
ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกาและในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน
ประการที่สี่ คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิดความเห็นของตนให้ถูกต้องเที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล หากความคิดจิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยเดียวกันในทางที่ดี ที่เจริญนี้ ยังมีพร้อมมูลในกายในใจของคนไทย ก็มั่นใจได้ว่า ประเทศชาติไทยจะดำรงมั่นคงอยู่ตลอดไปได้

พระราชดำรัสตอบแก่ พระบรมวงศานุวงศ์และพสกนิกรที่เข้าเฝ้าฯ เนื่องในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:37 pm

ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม
"...การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว
ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ
แต่สำคัญที่สุดคือความอดทน คือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม
สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง
คือมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึ ต้องมีความอดทน
เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอน
ในความอดทนของตน ในความเพียรของตน
ต้องถือว่าวันนี้เราทำยังไม่ได้ผล อย่าไปท้อ
บอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก วันนี้เราทำ
พรุ่งนี้เราทำ พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ เดือนหน้าเราก็ทำ
ผลอาจปีหน้า หรืออีกสองปีหรือสามปีข้างหน้า..."

พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา
ครูและอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2516
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:37 pm

กระแสพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2494

“…ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้ปรากฏตลอดมาว่าชาติใดเสื่อมสูญย่อยยับอับปางไป ก็เพราะประชาชาติขาดสามัคคีธรรม แตกแยกเป็นหมู่คณะ เป็นพรรคเป็นพวก คอยเอารัดเอาเปรียบ ประหัสประหารซึ่งกันและกัน บางพรรคบางพวก ถึงกับเป็นไส้ศึกให้ศัตรูมาจู่โจมทำลายชาติของตนดังนี้ ข้าพเจ้าจึงขอชักชวนพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ให้ระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษ ซึ่งได้กอบกู้รักษาบ้านเกิดเมืองนอนของเรามานั้นให้จงหนัก แล้วถือเอาความสามัคคี ความยินยอมเสียสละส่วนตัวเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่ของประเทศชาติเป็นคุณธรรมประจำใจอยู่เนืองนิจ จึงขอให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลาย จงบำเพ็ญกรณีกิจของตนแต่ละคน ด้วยซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทนและกล้าหาญ แล้วอุทิศความเสียสละส่วนตัว ความเหน็ดเหนื่อยลำบากยากแค้น เป็นพลีบูชาบรรพบุรุษ ผู้ซึ่งได้ก่อสร้างชาติเป็นมรดกตกทอดมาถึงพวกเราชาวไทยจนบัดนี้”
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:38 pm

ธรรมะจากในหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาปสาทะอันแน่วแน่มั่นคง
ในบวรพุทธศาสนา โดยได้เสด็จออกทรงพระผนวช ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2499 ในระหว่างนั้นได้ทรง ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ดังที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ได้ทรงเล่าถึงพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะทรงพระผนวชว่า

“...พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะได้ทรงพระผนวชตามราชประเพณีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นหามิได้ แต่ทรงพระผนวชด้วยพระราชศรัทธาที่ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
มิได้เป็นบุคคลจำพวกที่เรียกว่า “หัวใหม่” ไม่เห็นศาสนาเป็นสำคัญ
แต่ได้ทรงเห็นคุณค่าของพระศาสนา ฉะนั้น ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาสามัญก็กล่าวได้ว่า...
“บวชด้วยศรัทธา” เพราะทรงผนวชด้วยพระราชศรัทธา ประกอบด้วยพระปัญญา
และได้ทรงปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด...”

และสมเด็จพระสังฆราช ยังได้ทรงกล่าวถึงพระราชจริยวัตร
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในทางพุทธศาสนา ว่า...

“...ในด้านหน้าที่ราชการนั้น ก็ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางพระพุทธศาสนา
ตามราชประเพณีโดยมิได้ขาดตกบกพร่อง เช่น...
พระราชกรณียกิจเนื่องในเทศกาลสำคัญทางพระพุทธศาสนา
พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ
และในหัวเมือง พระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์แด่พระสงฆ์ในการเอื้ออำนวย
แก่การปกครองคณะสงฆ์และเชิดชูผู้ทรงศีลทรงธรรมให้เป็นที่ปรากฏ
ตลอดถึงพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ การสั่งสอนและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ในด้านที่เป็นการส่วนพระองค์นั้น ก็ทรงปฏิบัติพระองค์ยึดมั่นอยู่ในคุณธรรม
ของพระพุทธศาสนา มีราชธรรม เป็นต้นดังกล่าวแล้ว ทรงศึกษาพระพุทธศาสนา
และทรงนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์ในโอกาสต่างๆ
และบำรุงพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นจำนวนมากมิได้ขาด...”
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:39 pm

ในหลวงกับสิ่งแวดล้อม

“...ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่มีความสำคัญควบคู่กับการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของทุกประเทศ กล่าวคือการพัฒนา ยิ่งรุดหน้าปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และภาวะมลพิษก็ยิ่งก่อตัว และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่ง ที่กำลังประสบกับปัญหาดังกล่าวอยู่ในขณะนี้...” พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2545
นับตั้งแต่ในหลวงของเราขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2493 ท่านทรงมีพระราชกรณียกิจหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นด้านการอนุรักษ์น้ำ ดิน หรือป่าไม้ โดยพระราชกรณียกิจเหล่านี้เกิดขึ้นจากพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในการคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุง และ แก้ไขทฤษฎี และวิธีการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของพสกนิกรและระบบนิเวศอันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (sustainable Development) ของประเทศไทยของเรา ดังนั้น เราจึงขนานนามในหลวงของเราว่า “พระบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:40 pm

การทำความดี

การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ
เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่
และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว
แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง
ในการสร้างเสริมและสะสมความดี

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:40 pm

เรียนรู้ตามรอยเท้า..พ่อหลวง

ข้อมูลจาก : นิตยสาร Kids and School ฉบับที่ 78 เดือนธันวาคม พ.ศ.2549
โดย กองบรรณาธิการนิตยสาร kids and school
หากเด็กไทยของเราจะเติบโตเป็นคนเก่ง คนดี สร้างสรรค์สังคม และมุ่งพัฒนาประเทศอันเป็นที่รักแล้ว พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ทรงเป็นแบบอย่างของการใฝ่เรียนรู้ที่ชัดเจนที่สุด
"ในหลวงของเรา...ทรงเริ่มศึกษางานศิลปะ ตั้งแต่ครั้งยังประทับที่สวิตเซอร์แลนด์ และทรงสนพระราชหฤทัยในการวาดภาพเหมือนจากพระสาทิสลักษณ์ของผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท"
จิตรกรน้อย..วัยเตาะแตะKids can do
พัฒนาการของเจ้าตัวเล็กโดยเฉพาะ อ.1 โดดเด่นด้วยการใช้ประสาทสัมผัส สนุกกับการสัมผัสด้วยนิ้วมือ แขน ตื่นตาตื่นใจกับแสงสี เส้นสาย ศิลปะจึงเป็นเรื่องสนุกในการถ่ายทอดความคิด จินตนาการ สำหรับหนูๆ ที่กล้ามเนื้อมือยังไม่แข็งแรงพอจะเขียนเป็นตัวอักษร

เปิดโลกกว้าง : ศิลปะ
จะปั้น ละเลง หรือพิมพ์ด้วยปลายนิ้ว ศิลปะเป็นคุณครูที่เปลี่ยนแปลงหน้าตาให้เราตื่นเต้นได้ตลอดเวลา ลองให้เขาใช้ประสาทสัมผัสอย่างรอบด้าน เติมด้วยลูกเล่น เช่น ไม้นวดดิน หรือพู่กันอันใหญ่ๆ ให้เขาฝึกใช้มือควบคุมทิศทาง เลือกใช้วัสดุที่หลากหลาย เพิ่มความสนุกในการเรียนรู้
"ในหลวงของเรา...ทรงโปรดการช่าง สมัยทรงพระเยาว์ทรงนำสิ่งของเหลือใช้ภายในที่ประทับ เช่น ไม้แขวนเสื้อมาสร้างรถไฟฟ้าเล่น ทรงประดิษฐ์มอเตอร์ไฟฟ้าเอง โดยเอาลวดทองแดงมาพันเข้าเป็นแกนกลางของเครื่องมอเตอร์"

เปิดโลกกว้าง : ประดิษฐ์คิดค้น
ลองให้เจ้าหนูนำสิ่งรอบตัวมาดัดแปลง ตกแต่งตามความคิดสร้างสรรค์ ไม้แขวนเสื้อ ขวดน้ำ กับกระดาษว่าว อาจประกอบกันเป็นเครื่องบิน โดยสอดแทรกเรื่องการนำสิ่งของเหลือใช้มาใช้ใหม่ เพื่อให้เขาเข้าใจคุณค่าของสิ่งของ และกระตุ้นพลังแห่งจินตนาการค่ะ
"ในหลวงของเรา...เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ทรงสะสมไว้ไปซื้อคลาริเน็ตมาทรงฝึกเป่า ทรงโปรดเครื่องเป่าเป็นพิเศษ เช่น แซกโซโฟน ทรัมเป็ต และทรงพระราชนิพนธ์เพลงมากมาย เช่น แสงเทียน ใกล้รุ่ง"

เปิดโลกกว้าง : ดนตรี
เริ่มผ่อนคลายด้วยการฟังเพลงเพลินๆ การเคาะจังหวะตามทำนองด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตะเกียบกับขวดใส่น้ำ แล้วเพิ่มความยากเป็นลำดับ ด้วยการทำความรู้จักกับกลไกของเครื่องดนตรีที่ต่างกัน เช่น ขลุ่ยใช้การเป่าลม กลองใช้การตี ไวโอลินใช้การสี
"ในหลวงของเรา...ทรงฝึกถ่ายภาพตั้งแต่พระชนมายุ 6 พรรษา สมัยนั้นกล้องยังไม่ทันสมัย ไม่มีเครื่องวัดแสงในตัว แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพ ทรงสร้างผลงานภาพถ่ายได้อย่างเชี่ยวชาญ จนปัจจุบันนี้พระองค์ทรงโปรดที่จะนำกล้องคู่พระหัตถ์ไปถ่ายภาพตามสถานที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปเสมอ"


ดอกไม้จากหัวใจ
ที่นครพนม บนเส้นทางรับเสด็จตรงสามแยกชยางกูร-เรณูนคร บายวันที่ 13 พ.ย. 2498 อาณัติ บุนนาค หัวหน้าส่วนช่างภาพประจำพระองค์ ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญที่กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศ ภาพที่พูดได้มากกว่าคำพูดหนึ่งล้านคำ
วันนั้น หลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูก จูงหลานหอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนอย่างเนืองแน่น ดังเช่นครอบครัว จันท์นิตย์ ที่ลูกหลายช่วยกันนำ แม่ตุ้ม จันทนิตย์ วัย 102 ปี ไปรอรับเสด็จ ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้าน 700 เมตร โดยลูกหลานได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพูให้แม่เฒ่าจำนวน 3 ดอก และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุด
เปลวแดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังเบิกบาน เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความจงรักภักดี อย่างสุดซึ้ง พระเจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชราชาวอีสานอยางอ่อนโยน
เป็นคำบรรยายเหมือนไม่จำเป็น สำหรับภาพที่ไม่จำเป็นต้องบรรยาย ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม
เช่น เดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า “หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว ทางสำนักพระราชวังได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม พร้อมทั้งพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ่านมาทางอำเภอพระธาตุพนมให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก” พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้แม่เฒ่ายืนยาวขึ้นอีกด้วยความสุขต่อมาอีกถึงสามปี เต็ม ๆ แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ ราษฎรผู้โชคดีที่สุดคนหนึ่งในรัชกาลที่ 9 สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 105 ปี


ข้อมูลจาก “แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์” ภาคพิเศษโดย คุณหญิงศรีนาถ สุริยะ วารสารไทย
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:41 pm

ในหลวงทรงเป็นนักพัฒนา
ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ไม่มีใครสามารถจำได้ว่าพระองค์เสด็จไปยังที่แห่งใดบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนทุกคนจำได้คือ ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปไหน ณ ที่แห่งใด จะต้องเห็นสิ่งของสามสิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์คือแผนที่ และอีกสิ่งหนึ่งคือดินสอ แต่พระองค์มิได้ทรงใช้สามสิ่งนั้นเพื่อการนันทนาการท่องเที่ยว หากแต่ใช้เป็นอุปกรณ์ในการคิด และหาทางพัฒนาพื้นที่ที่ประทับอยู่นั้นในการคิด และหาทางพัฒนาพื้นที่ที่ประทับอยู่นั้นให้พบกับความเจิรญ ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิประเทศ และภูมิอากาศอย่างไร ฟ้าฝนฤดูกาลเป็นเช่นไร พระองคทรงทราบได้จากแผนที่ รายละเอียดของพื้นที่และปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไขมีอะไรบ้าง พระองค์ทรงจำได้จากการจดบันทึกและการถ่ายภาพ พระองค์คือตัวอย่างของนักพัฒนาอย่างแท้จริง ซึ่งต้องเตรียมพร้อมและรับรุ้แก้ไขปัญหาต่างๆ เสมอ การทำที่ดินอันแห้งแล้งแตกระแหงให้เป็นผืนนาอันอุดมสมบูรณ์ การทำภูเขาหัวโล้นให้เป็นนอดเขาอันเขียวขจี การทำให้ข้าที่เหี่ยวเฉากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทุกสิ่งล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครก็สามารถทำได้ หากแต่ในหลวงของเราสามารถทำได้
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:41 pm

ปิดทองหลังพระ
ทำไมต้องปิดทองหลังพระ? หากทุกคน หวังปิดทองหน้าพระกันหมด องค์พระก็จะสวยแต่เบื้องหน้าเท่านั้น เปรียบได้กับการทำงานเอาหน้า ภาวนากันตาย ในหลวงฯ ท่านทรงมอบพระสมเด็จจิตรลดา ให้แก่บรรดาข้าราชบริพารของท่านพระแต่ละองค์ตอกตรา มีหมายเลขกำกับ ทราบว่ามีเพียง 3,000 องค์ เป็นของดีของหายาก และพระองค์ได้ทรงบอกแก่ผู้ได้รับ ให้ "ปิดทองหลังพระ"
มีคนข้องใจไปถามพระองค์ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ปิดทองหน้าพระ
พระองค์ท่านไม่ทรงอนุญาต และมีรับสั่งให้ "ปิดทองหลังพระ" เท่านั้น
เพื่อเป็นคติเตือนใจตนเองด้วย ให้รู้จักทำงาน โดยไม่ต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ทำดีแล้วไม่ต้องเป่าแตรฟันฟา (Fanfare) ไม่ต้องป่าวประกาศไม่ต้องป่าวร้องให้คนมาลุมล้อม จ้องมองตนว่า กำลังกระทำความดีอยู่อุทิศอะไร ถวายอะไรแก่ใคร ไม่ต้องถ่ายรูป หากจะถ่ายก็ไม่ต้องหันมาตาโมงโก้ง (ตามองกล้อง) กันให้เมื่อย ทำดี ทำด้วยใจทำไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องโฆษณา อวดสรรพคุณ แห่งการประกอบคุณงามความดีนั้น แก่ใคร ๆ เขาหรอก
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby BeerIS52 » Tue Aug 30, 2011 1:41 pm

คนไทยกับคำสอนในหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกระแสพระราชดำรัสทรงแนะนำว่า ประเทศไทย-คนไทย จะรอดได้ จะอยู่ดีกินดีกันได้ ต้องใช้แนวทาง "เศรษฐกิจพอเพียง"
พระองค์ทรงมองการณ์ไกล พระองค์ทรงใคร่ครวญ และทรงศึกษาถึง "ความสมบูรณ์ที่ธรรมชาติมอบให้" อันเป็นจุดแข็งของความเป็นแผ่นดินไทยที่ประเทศอื่นๆ เกือบทั้งโลกไม่สมดุลพร้อมเช่นแผ่นดินไทย ด้วยทรงย่ำไปทุกหัวระแหงของแผ่นดินด้วยพระองค์เองจนรู้ซึ้งเช่นนั้นแล้ว จึงทรงตรัสบอกให้ปฏิบัติ ตรัสบอกมา ๑๐-๒๐ ปีแล้ว แต่มี "คนไหน-ยุคไหน" เชื่อฟังและนำไปปฏิบัติจริงจังบ้าง?
๐ นิยามความรวยกับความจน
มันเป็นเรื่องแปลกที่ประเทศไทย คนยากจนมีหนี้สินเยอะ ที่อังกฤษมีแต่คนรวยที่มีหนี้สิน คนจนไม่มีหนี้ เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงินเนื่องจากกลัวจะไม่ใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์มีหนี้สิน แต่คนรวยยืมเงินได้ คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่
๐ จุดอ่อน-จุดแข็งของคนไทย
คนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหนก็คิดว่ารวยหมด คิดว่าการพัฒนาในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงิน ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาระบบทุนนิยมนานแล้ว เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก แต่คนไทยก็คิดว่าเมืองนอกดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ คือคนไทยสนใจเมืองนอก ไม่ได้สนใจประเทศไทย อันนี้เป็นจุดอ่อน
แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แผ่นดินประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มาก ๆ มีดินเยอะมาก น้ำเยอะมาก แสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ เป็นพลังแผ่นดิน ใคร ๆ ก็อยากได้ประเทศไทย
คนไทยโชคดีมาก ๆ ที่ได้ในหลวงเป็นผู้นำ พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงานหนักมากเพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้ ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง พระองค์ท่านบอกมา ๒๗ ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยก็ไม่รู้จักพอเพียง
ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิดของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัยพลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียง ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทย

๐ อยากบอกอะไรคนไทย
โชคดีมาก ๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมันจากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง คนไทยส่วนมากนิสัยดีจริงๆ คนไทยมีน้ำใจ
User avatar
BeerIS52
 
Posts: 223
Joined: Sat Aug 27, 2011 11:13 am

Re: ทรงพระเจริญ

Postby militaryloveking » Wed Aug 31, 2011 8:44 am

สถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้ประเทศของเราเป็นไทอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
User avatar
militaryloveking
 
Posts: 587
Joined: Tue May 24, 2011 9:27 am


Return to ห้องเฉลิมพระเกียรติ



cron