ขออนุญาตผู้ดูแลนำเรื่องสั้นที่น่าสนใจมาให้ได้อ่านกัน อาจจะได้แง่คิดและอัฐรสที่เหมาะสมกับเหตุการณ์บ้านเมืองในปี พ.ศ.2551(ขณะนี้)
เรื่อง สนามหลวงวันธรรมดา(1/4)
โดย ลิด้า จิรกาลาวสาน
จาก รวมเรื่องสั้นสกุลไทย
แดดเปรี้ยงยามเที่ยงวันแยงตาชายจรจัดจนเขาฝืนนอนต่อไปไม่ไหว จึงลุกขึ้นมาแคะขี้ตาแล้วบิดตัวอย่างเกียจคร้าน เหลือบดูหมูปิ้งบนเตาของแม่ค้ารถเข็นริมคลองหลอด ควันฉุยกับกลิ่นหอมๆทำเอากระเพาะของเขาแสดงอาการปั่นป่วน ต้องรีบล้วงมือเข้าไปควานหาเศษเงินในกระเป๋ากางเกงขาสั้น ซึ่งรัดมุมล่างสุดไว้ด้วยหนังยาง พอแก้ออกแล้วนำเหรียญทั้งหมดมานับดู ปรากฏว่ามีไม่ถึงสิบบาท เขาแสยะยิ้มอย่างไม่อินังขังขอบ จัดแจงเสยผมเผ้าลูบหนวดเคราให้เข้าที่ ก่อนจะคว้ากระสอบปุ๋ยเก่าๆ ข้างกายเดินเลียบรั้วศาล แล้วข้ามถนนราชดำเนินในมุ่งไปยังท้องสนามหลวง สายตาสอดส่ายเที่ยวดูตามพื้น ถ้าโชคเข้าข้างอยู่บ้างก็คงได้ขวดน้ำพลาสติกหรือกระป๋องเบียร์เปล่าๆ พอเอาไปขายซื้อข้าวราดแกงสักจานหนึ่ง นี่เป็นเรื่องปกติของชายจรจัดเจ้าของชีวิตงดงามที่ดำรงอยู่ด้วยความมีอิสระและเสรีภาพมรู้สึกห่วงใยก็ปรากฏลอยรบกวนอยู่ในดวงความคิดของผม การที่ลูกสาวคนเดียวเกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง พ่อแม่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ความจริงก็ไม่น่าจะมีอะไรเป็นที่น่าห่วงกังวลนัก แต่ลักษณะการใช้ชีวิตบางอย่างของลูกอดทำให้ผมรู้สึกหนักใจไม่ได้ การกินใช้อย่างฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย หรือการจับจ่ายใช้สอยสินค้าเพื่อการบำรุงบำเรอความสุข ของลูกเป็นแบบเกินความพอดี ของเล่นของใช้บางอย่างยังมีสภาพดีก็ถูกทิ้งขว้างอย่างปราศจากความแยแสอุปกรณ์การเรียนพวกไม้บรรทัด ยางลบ ดินสอสูญหายเป็นประจำ
นั่นไงเล่า เขามองเห็นกระป๋องน้ำอัดลมสีแดงยี่ห้อหนึ่งแล้ว มันนอนสงบอยู่ข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะ ขณะกำลังจะก้าวเข้าไปหยิบ พลันก็ผิดสังเกตที่เห็นผู้คนแถวนั้นพากันสุมหัวล้อมเป็นวงกลม เหมือนกำลังมุงดูเหตุการณ์ที่น่าสนใจ บางทีอาจจะเป็นการแสดงปาหี่ ชายจรจัดคิด แต่แล้วก็แย้งว่า มันนานมาแล้วนี่นา ที่ท้องสนามหลวงไม่มีใครมาเล่นปาหี่ แต่มันจะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ เขาคิดด้วยความอยากรู้อยากเห็น เหมือนหมาเฝ้าบ้านที่ต้องเมียงมองดูสิ่งผิดปกติเสมอ สิ่งนี้เองที่บงการให้ชายจรจัดเข้าไปชะเง้อมองเหมือนคนอื่นๆ
ให้ตายเถอะ ชายจรจัดอุทาน เลือดในกายที่ไม่ได้สูบฉีดซ่านแบบนี้มานานแล้ว มีอันพุ่งปรี๊ดขึ้นสู่สมองและใบหน้า จนรู้สึกเห่อชาปนเปไป กับความตื่นเต้น มือไม้ปากคอสั่นระริก
ภาพที่เห็นเป็นเด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่ง กำลังเริงรักกันอยู่บนพื้นหญ้ากลางแจ้ง ข้างตัวมีชุดนักเรียนกองอยู่พร้อมชุดชั้นใน แสงแดดยามเที่ยงวัน สาดส่องจนเห็นทุกรูขุมขนของคนทั้งสองชายจรจัดเห็นเด็กสาวหลับตาพริ้ม บางครั้งทำปากพึมพำเหมือนกำลังเคี้ยวของเผ็ดร้อน ขณะที่ร่าง ซึ่งคร่อมอยู่กำลังขะมักเขม้นกับการขยับขึ้นลง พร้อมกับหอบหายใจฟืดฟาด เหงื่อบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มหยดย้อยลงต้องร่างขาวโพลนของ เด็กสาว ขณะเดียวกันกลุ่มไทยมุงก็จ้องมองไม่วางตา ทุกคนล้วนเกร็งตัวแข็งทื่อและเงียบกริบเหมือนจะหยุดหายใจ ไม่มีใครส่งเสียงออกมา สักแอะหนึ่ง
ชายจรจัดเหลียวมองหาตำรวจ โคตรเอ๊ย ตำรวจมันปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงวะเขาคิดอย่างไม่สบอารมณ์ขณะเดินเลี่ยงออกมา ท้องไส้ที่เคยปั่นป่วนด้วยความหิวก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะคลายอาการไป หลังจากที่ได้เห็นกามกรีฑาไปหยกๆ เขาคิดว่าเวลานี้จะมัวคิดถึง แต่ความหิวไม่ได้เสียแล้ว ต้องตามหาตำรวจสักคนมาจัดการเรื่องนี้เสียก่อน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสนามหลวงเพียงคนเดียว แต่เขาคิดว่าตนเองยังหวังดีกับที่นี่เสมอ และไม่เคยคิดจะแปรเปลี่ยนความหวังดีเป็นความรู้สึกอื่น เช่นที่หลายคนเคยทำหรือกำลังทำอยู่
แดดกลางวันช่างร้อนแรงเหลือเกิน ตำรวจไม่รู้หายหัวไปไหนกันหมด ชายจรจัดบ่นพึมพำ ขณะกำลังมองหาร่มเงาไม้เพื่อหลบเข้าไปนั่งพัก สักครู่ ทว่ามองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีที่ว่าง ดูเหมือนโคนมะขามทุกต้นรอบๆสนามหลวง จะมีคนเข้าไปจับจองกันหมดแล้ว แต่เมื่อเขาเพ่งมองดูชัดๆ กลับพบว่า กลุ่มคนใต้ต้นมะขามที่อยู่ใกล้ที่สุด กำลังจั่วไพ่กันหน้าดำหน้าแดง ส่วนต้นมะขามถัดไปมีเด็กวัยรุ่นกำลังใช้ปากดูดควันจากบ้องกัญชา บางคนกำลังง่วนกับการเสพยาชนิดใหม่ๆ อ้าว ไกลออกไปโน่น หญิงชายกลุ่มใหญ่พากันดวดเหล้าเมาปลิ้นอยู่ใต้ต้นมะขาม พร้อมกับโยกตัว ไปตามจังหวะดนตรีคึกคัก ชายจรจัดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีว่า วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับสนามหลวงกันแน่วะ