๒๒๓๐
O ด้วยวิถีผู้กล้ายืนท้า,ถั่ง-
โถมเติมเต็มด้วยพลังทุกฝั่งฝัน
กระหึ่มโหมหึกหาญทุกวารวัน
มิหวาดหวั่นรวนเร..ทุกเวที
O อา..นี่หรือคือประชาธิปไตย
สิทธิ์เสรีเป็นใหญ่ของใครนี่
ลบความ..ผิด-ถูก..ถาม ถึงความดี
แยกข้าง,สี ผิด-ถูก...นี่ลูกใคร?
O อา..นี่ชาติ,เหล่าชน ตามก่นด่า
ต่างทวงหายุติธรรมจนร่ำไห้
แลกชีวิตกับมัน..จนบรรลัย
หวังแค่ให้เป็นธรรม..ช่วยนำชน
O จากหัวแถว..ทัพถึก..ผงึกหน้า
ละเลงไล่เชือดล่า ดังห่าฝน-
กระสุนเจาะ เด็ดหัว ทิ้งตัวตน
กลางถนนร่วงแผ่วเป็นแนวเรียง
O จนกี่ร่างกี่ศพจะจบเล่า
ไหงโฉดเขลาฆ่าตายแล้วบ่ายเบี่ยง
ปากก็พ่นกล่าวพร่ำเป็นสำเนียง
ละเลียดเสียงโกหกแล้ววกคำ
O ฤาเลือดไพร่ไหลเผือดแล้วเหือดแห้ง
ไปกับแรงกล่าวหาว่ากระหน่ำ
ให้ประชารับรสแล้วจดจำ
ไปกับคำเสแสร้งที่แกล้ง,ลวง
O สำรอกคำวกวนให้คนเชื่อ
ทั้งแถเถือถุยถ่มคารมหน่วง
ด้วยเหน็บแนมทุกครั้งและทั้งปวง
คือเป็นบ่วงล่อหลอกให้บอกยอม
O ฤาแต่ขู่คำรามและพล่ามพ่น
คำกล่าวหาแต่ละหน..เข้มข้นกล่อม
กรอกแต่คำเท็จลวงเป็นบ่วงปลอม
กลับไม่ยอมลดละเพื่อประชา
O คือผู้นำอำมหิตที่คิดคด
ต้องสลดปนเศร้าเมื่อเขาฝ่า-
วงล้อมเชือด,ฆ่าจัก..ใช่ผักปลา
ขอเพียงเพื่อ..ยุบสภา..ไยฆ่าแกง
O จึงลุกโชน..ไฟแค้น..ที่แน่นเนื่อง
รวมไฟพ่นเผาเมืองเพราะเรื่องแย่ง-
ยื้อยุดหา..ยุติธรรมเพื่อทำแปลง-
เพาะปลูกแต่ง เติมใส่ให้สมบูรณ์
O ปากผู้นำพร่ำเท็จ,สำเร็จโทษ
ด้วยความโกรธสั่งการประหารวุ่น
ด้วยปราศรัยเคลิบเคลิ้มเพื่อเติมทุน
แต่ใจขุ่นแค้นขับเข้าทับตน
O เมื่อมี..ฆ่า..จึงมีเผา..เป็นเงาแค้น
เผา-ณ แดนทรราชย์ นี่ชาติ ฉล
เผา-เพื่อลบ คนล่า ประชาชน
เผา-เพื่อคนรุ่นใหม่..ให้งอกงาม !
๐๑๔๕
๒๑๐๕๕๓