อารยา wrote:ppneer wrote:ทำไมสายพันธุถึงต่างกัน อย่างเช่นพวกผิวขาวยุโรปกับเอเชีย ทำไมมันถึงแตกต่างทั้งความสูงและผิว
คุณ ppneer อาจไม่รู้ว่า หลายแง่มุมและประเด็นที่ผมโพสต์ในกระทู้นี้ เป็นอะไรที่ผมลืมไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และที่ความจำเหล่านั้นฟื้นขึ้นมาเพราะคุณพูดเล่นบ้างจริงบ้าง ซึ่งขอขอบคุณจริงๆ เนื่องจากช่วยให้ผมได้รื้อภาพ "ไฟล์" เก่าๆในกะโหลกที่คงเกือบละลายไปหมดแล้วกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ
โชคดีที่ภาพแรกผุดมาเป็นฟอสซิลของ "man-like ape" (Australopithecus africanesis) เมื่อ 3 ล้านปีก่อน ทำให้ภาพที่เรียงตามมาค่อนข้างไม่เพี้ยนไปจาก "องค์ความรู้" เดิม ภาพต่อมาจึงเป็นฟอสซิลของ "ape-like man" (Pithecanthropus erectus หรือ Sinanthropus pekinensis) ควบรวมกับสายพันธุ์เดียวกันที่ชวา
ตัวที่ถือว่า "คนเหมือนลิง" ทั้งที่ชวาและปักกิ่งพลิกมาเป็น "man" แล้วก็เถอะ แต่ยังก่อนสายพันธุ์ "Homo" หรือ "human"
โชคดีของผมอีกชั้นคือมีคุณไอคอนหัวกะโหลก นำชื่อสายพันธุ์ Homo ออกมาเรียงกันเป็นพรืดครึ่งหน้า
ผมก็เลยเชื่อมจาก 3 ล้านปีมาเหลือไม่ถึงแสนปีทันที
แต่เกรงใจแกเหลือเกินที่จะพูดตรงๆว่า ถ้าอ่านหัวข้อกระทู้สั้นๆของคุณ ppneer ซะหน่อย แกก็คงไม่ต้องมาเถียงผมว่าต้องเริ่มจากกรอบสายพันธ์ Homo ที่เลิกเป็น "ape" (man-like ape) ไปแล้วกว่า 2 ล้านปี เจ้าของกระทู้ถามความเกี่ยวพันทางสายพันธุ์ระหว่างคนกับลิงว่ามีเกี่ยวกันหรือไม่ ถ้ามีอย่างไร ถ้าไม่มี อย่างไรหรือทำไม เราก็ควรให้เกียรติที่ต้องลากยาวไปถึง "ลิง" (ape mao-like ape) ตัวแรกที่พบ คือ Australopithecus Africanesis ไม่ใช่มาเริ่มที่ Homo
ส่วนคนที่ไม่เชื่อว่าเกี่ยวอย่างคุณ cameronDZ บอกว่ากรูไม่ give a damn ว่ะ ก็ไม่ต้องแบกภาระต้องพิสูจน์ก็ได้
ในกรณีท่านที่เอาพระสูตรและ/หรือชาดกหรือเรื่องแต่งเสริมในพระไตรปิฎกอาจแคร์ที่จะมีความเห็นต่างไปจากคุณกะโหลก (ผมขออภัยที่กลัวจะสะกดผิดชื่อภาษาอังกฤษผิดเลยเรียกอย่างนี้ปลอดภัยกว่าและสื่อได้ไม่แพ้กัน ขออภัยด้วยนะครับ ชื่อนั้นสำคัญไฉน)
ยังมีที่อยากพูดอีก เช่น พัฒนาการของแนวคิด "วิวัฒนาการ"
คราวที่แล้วผมเอ่ยถึงการเปลี่ยนแปลงแบบมาจากจุดกำเนิเดียว ("linear") นักคิดตั้งแต่สมัยกลางศตวรรษที่ 19 จนถึงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองแทบจะฆ่ากันก็เพราะมีฝ่ายที่ไม่เชื่อเพิ่มากขึ้น มาผ่อนทิฐิกันได้เมื่อ Julian H. Steward (เจ้าของ The Theory of Cultural Change: The Methodology of Multilinear Evolution. University of Illinois Press, Urbana, 1955)เสนอแนว "multilinear" (ว่ากันเต็มยศเพราะหนังสือเล่มนี่สุดดังมาจนถึงยุค 1970's)
เมื่อวานผมพาดพิงประเด็นนี้เพราะเผอิญมีใครเอ่ยถึงการผลของการผลมข้ามสายพันธุ์ เลยนึกวิวัฒนาการแนวของสจ๊วด
คุณกะโหลกก็แสดงความไม่ยินดียินร้ายเมื่อผมเข้ามาแก้คำผิดที่ผมเองดันเขียนเป็น multiple จึงอยากให้ใส่ใจบ้าง เหมือนคนเรียนกฏหมายอาญาแล้วควรรู้วิอาญาด้วย เพราะจะช่วยลดกะพี้ในระหว่างการแสวงหาความจริงได้มาก
จูเลี่ยน สจ๊วด ก่อนจะพูดถึง multilinear evolution ได้เอ่ยถึง parallel evolution ผมตั้งใจจะพูดตั้งแต่ต้นรายการว่า คำถาม "ทำไมสายพันธุถึงต่างกัน อย่างเช่นพวกผิวขาวยุโรปกับเอเชีย ทำไมมันถึงแตกต่างทั้งความสูงและผิว" จะได้คำตอบถ้าคิดได้ว่า จุดกำเนิดมันอาจเกิดต่างถิ่นพร้อมหรือไล่เรียงกันได้ จะด้วยเหตุผลสิ่ีงแวดล้อมภายนอก หรือมี genetic drift ภายใน หรืออะไรค่อยไปว่ากันอีกที แต่มันโผล่มาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แนวคิดนี้ท่านสจ๊วดได้มาจากประสบการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม แต่จุดประกายการคิดใหม่ๆในหมู่นักมานุษยวิทยาที่สนใจทางกายภาพและสรีระภาพไม่น้อยเหมือนกัน อ้าว เลยไม่มีเวลาพูดถึง multilinear แต่คงไม่สำคัญหรอกครับ
ผมแค่ดีใจว่า พอกระทู้นี้ออกมา ทีแรกผมก็ไม่คิดว่าจะสนใจนักหนา เพราะได้ยินถกกันในวงเหล้าบ่อยๆจนแสนจะรำคาญ แต่พอแหย่มานิดเดียว สาระสำคัญที่ผมคิดว่ามันมอดไปแล้วในกะโหลกของผม มันดันค่อยๆผุดขึ้นมาเหมือนกลับชาติ พูดอย่างนี้เหมือนอวดว่าความจำดี ตรงกันข้ามครับ เพราะ "If you speak the truth, you don't have to remember anything" (Mark Twain)ปล. ท่านที่ไม่เว้นจะหมั่นไส้ผมก็ยังมีสิทธิถามว่า แล้วคำอังกฤษยาวๆทำไมดันเสือกจำได้ แค่ชื่อคนสั้นๆในกระทู้ทำเป็นดัดจริต ทำไม่สน จำไม่ได้ อันนี้ำมีคำอธิบายดังนี้ ชื่อเหล่านั้นไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะครับ การที่เป็นละตินที่มีหลักและรากมั่น ทำให้ทุ่นหน่วยความจำไปหลายเมกะไบค์กระมัง หรือมันคงติดอยู่ในฮาร์ดิสก์กะโหลก
ยกตัวอ่างเช่น
pithec มันสื่อว่าเป็นลิงหรือ ape;
anthropos อันนี้เป็นกรีกสื่อว่ามนุษย์(อย่าง anthropos+logos = anthropology~"มานุษยวิทยา"); หรือ
australo ก็แปลว่าอะไรที่มันอยู่ทางใต้ ยกตัวอย่าง Australia = "down under" ประมาณนั้น
ผมคงพ้นจากข้อกล่าวหาแล้วนะครับ พี่น้อง
1. ที่ผมยกชนิด
Homo เพราะบางคนยังเรียก
Homo ชนิดบางชนิดว่า "ลิง" ครับ จึงเอาแค่สกุลเดียวกันก่อน พวก Australopithecine ไว้ทีหลัง เพราะแค่
Homo เอง ตั้งแต่ผมถามไปมีกี่คนครับที่ยอมรับว่าเป็นมนุษย์ทั้งหมด ย้อนไล่ไปดูก็ได้ครับ ฉะนั้นผมจึงต้องไล่จาก
Homo ลงไปก่อน แต่ก็จบแค่นั้นครับ เพราะแทบไม่มีคนตอบเลย โดยเฉพาะฝ่ายที่ไม่เชื่อด้วยแล้วนี่ไม่มีเลย
2. ปัจจุบันมนุษย์ก็ยังจัด ape อยู่ดีแหละครับ ไม่ใช่เลิิกเป็น ape ไป 2 ล้านปี (วงศ์ Hominidae =Great ape) จริง ๆ ต้องเรียกว่ามีลักษณธของมนุษย์มากกว่า ape อื่น ๆ
3. เรื่องฟอสซิล ผมก็บอกไปแล้วว่าฟอสซิลเป็นแค่ individual ของ population หนึ่งใน species หลักฐานทางสัณฐานวิทยาเพียงอย่างเดียวไม่อาจตัดสินเรื่อง species ได้นะครับ แต่ที่ตั้งไปก่อนเนื่องจากข้อมูลมีจำกัด ฉะนั้นชื่อ species ที่ตั้งชนิดนั้นชนิดนี้ อาจมีหลายชนิดที่ความจริงแล้วเป็นชนิดเดียวกันแต่ต่างประชากรแค่นั้น หรือบางทีที่ตั้งให้เป็นชนิดเดียวกัน แต่ความจริงแล้วอาจเป็นคนละชนิดกันก็ได้ กรณีพวกนี้เกิดขึ้นบ่อยซะด้วย อย่างที่คุณยก
Pithecanthropus erectus หรือ
Sinanthropus pekinensis จริงมันเป็น Synonyms กับ
Homo erectus นะครับ ซึ่งก็จะเกี่ยวเนื่องกับวิวัฒนาการสายเดี่ยวหรือหลายสาย และจาก mitochondrial DNA ก็ชี้ว่ามนุษย์ปัจจุบันมาจากประชากรกลุ่มเดียวกันเมื่อ 2 แสนปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงหลังที่
H. sapiens โผล่มาแล้ว อินเดียนแดงในอเมริกาเหนือหรือบุชแมนในอเมริกาใต้ก็ยังเป็นมองโกลอยด์อยู่ ทั้งที่อพยพเคลื่อนย้ายจากเอเชียไปเมื่อประมาณหมื่นปีก่อน แสดงว่าช่วงเวลาเกิดพวกคอเคซอยด์หรือมองโกลอยด์ อยู่ในช่วง 2 แสน -1 หมื่นปีโดยประมาณ (นิกรอยด์ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิม) และถ้าดูชาวอะบอริจินในออสเตรเลียหรือชาวแทสมาเนีย ก็แพร่กระจายไปในช่วง 1 แสน - 4 หมื่นปีก่อน พวกมองโกลอย์หรือโพลีนีเซียนก็อยู่ประมาณนี้เพราะการแพร่กระจายไม่ได้ไปพรวดเดียว ประชากรบางส่วนจะหยุดที่ตามเส้นทางการแพร่กระจาย จากกลุ่มที่อพยพไปทางตะวันออกก็มากลุ่มที่อพยพขึ้นทางเหนืออันเป็นจุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ของมนุษย์นีแอนเดอทัล ถ้าดูซากฟอสซิลของนีอันเดอทัลที่อายุน้อยสุดก็ประมาณ 3 หมื่นปี ก็แสดงว่า
H. sapiens แพร่กระจายทั่วยุโรป สัตว์ 2 ชนิดที่ต้องการ niche แบบเดียวกันจะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง หากสัตว์ที่สู้ไม่ได้ก็จำเป็นต้องย้ายไปหาที่แห่งใหม่ หากหาไม่ได้ก็รอการสูญพันธุ์ตามทฤษฏี natural seletion