คนวิวัฒนาการจากลิง จริงหรือไม่ครับ

[เพื่อนร่วมชาติ]

ยากครับ ที่คิดจะถกด้วยเหตุผล เพราะว่า
ถ้าเรื่องทฤษฏีวิวัฒนาการ เขาก็ถามหาเหตุผล และหลักฐาน
ถ้าเป็นพระเจ้าสร้างมนุษย์ เขาก็บอกว่าแค่ความเชื่อก็พอ หลักฐานไม่ต้องมีก็ได้
เหมือนหนอนคลูฟีเวอร์นั่นแหล่ะ ไม่ต้องพิสูจน์บูชามันเข้าไป

หลายๆ คนไม่เคยอ่านทฤษฎี แถมยังมั่วว่าไม่มีหลักฐาน Macro-evoluition
ทั้งๆ ที่ความจริงมี คือ ปลาทอง (จีน) และ ข้าวโพด (อเมริกากลาง) รวมทั้ง
หมู หมา แมว ไก่ ...

http://en.citizendium.org/wiki/Crop_ori ... _evolution


ปลาทองธรรมชาติ


ปลาทองที่ถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ (ของมนุษย์-ชาวจีน)

ที่จริงว่าจะไม่ตอบกระทู้นี้แล้ว เพราะมันไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่พอดีเห็นคำพูดแดกดันข้างบนก็เลยอยากถามบ้าง

คุณว่าตัวอย่างเหล่านี้ไม่มีสติปัญญาจากภายนอกเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการเหรอครับ?

ในเมื่อทฤษฎีวิวัฒนาการบอกว่าการวิวัฒนาการเกิดจากตัวสิ่งมีชีวิตนั้นปรับตัวเข้าหาสภาพแวดล้อมโดยตัวของมันเอง (ถ้าจะมีปัจจัยภายนอกก็คงต้องบอกว่าสิ่งนั้นความบังเอิญ ไม่ใช่มีสติปัญญาจากภายนอก)

ตัวอย่างที่ยกมาจะไม่เป็นการคัดค้านทฤษฎีวิวัฒนาการเสียเองเหรอครับ?

ส่วนไอ้คำพูดแดกดันคนอื่น ผมว่าเก็บไว้ใช้คนที่ควรจะใช้ดีกว่ามั้ยครับ

และในเมื่อคุณไปพาดพิงถึงคนที่เขาเชื่อในพระเจ้า ผมก็ขอถามคุณแค่สั้น ๆ ว่า

แล้วคุณล่ะเคยศึกษาเรื่องพระเจ้าหรือยัง?

[loginofu]

^
^
ก็จริงอย่างท่านว่า
จริงๆมันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก หากมีอะไรเหมาะสม
มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เป็นไปได้แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่สามารถมีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป
คนในปัจจุบันถึงมีของมายันให้เห็นกับตา ยังยากที่จะเชื่อก็มีอีกเยอะ

[Jseventh]

อ่านกระทู้นี้แล้ว นึกถึงเนื้อหาบางตอนในหนังสือ Conversations with God
มีบางตอนในหนังสือ ซึ่งเป็นลักษณะบทสนทนากันระหว่างผู้เขียน กับ God ความว่า..

God : ฉันออกแบบร่างกายอันมหัศจรรย์ของเธอให้คงอยู่ไปตลอดกาล! พวกเธอในยุคแรกๆ ก็อยู่ในร่างกายโดยแทบไม่มีความเจ็บปวด และก็ไม่กลัวสิ่งที่เธอเรียกว่าความตายเลย

ในตำนานทางศาสนาของเธอ เธอให้สัญลักษณ์แก่ความทรงจำในระดับเซลล์ถึงมนุษย์เวอร์ชั่นแรกโดยเรียกว่าอดัมกับอีฟ ซึ่งที่จริงมีมากกว่าสองคนแน่นอนอยู่แล้ว

ในตอนแรก แผนการทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เธอผู้เป็นวิญญาณแสนวิเศษจะได้มีโอกาสรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองผ่านประสบการณ์ที่ได้จากกายเนื้อในโลกสัมพัทธ์ อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วหลายครั้ง

ทั้งหมดนี้ทำผ่านกระบวนการลดความเร็วสุดหยั่งของทุกการสั่นสะเทือน (รูปความคิด) เพื่อก่อให้เกิดสสารขึ้น รวมทั้งสสารที่เธอเรียกว่าร่างกายด้วย

ชีวิตวิวัฒน์ผ่านชุดขั้นตอนเหล่านี้ในพริบตาเดียว ซึ่งปัจจุบันเธอเรียกว่าพันๆล้านปี และในห้วงขณะอันศักสิทธิ์นั้นเองที่เธอได้ปรากฏขึ้นจากท้องทะเลอันเป็นมหาสมุทรแห่งชีวิตสู่ผืนดิน กลายเป็นรูปร่างอย่างที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้

ผู้เขียน : ถ้าอย่างนั้นทฤษฏีวิวัฒนาการ ก็ถูกน่ะสิครับ

God : ฉันล่ะขำพวกเธอจริงๆ..ขำมาตลอด..ที่พวกเธอน่ะชอบเหลือเกินที่จะมองทุกอย่างว่าไม่ถูกก็ต้องผิด ไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าเธอประทับตราพวกนั้นลงไปก็เพียงเพื่อช่วยให้ตัวเองได้นิยามสิ่งต่างๆ และตัวเธอเองได้

เธอไม่เคยเฉลียวใจ (ยกเว้นผู้มีจิตละเอียดในหมู่เธอ) เลยว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจเป็นทั้งถูกและผิดได้ในคราวเดียวกัน หรือจะเฉลียวใจว่ามีแต่โลกสัมพัทธ์เท่านั้นที่สิ่งๆ หนึ่งต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ในโลกปรมัตถ์ที่ไร้กาลเวลานั้น ทุกสิ่งเป็นได้ทุกอย่าง

ไม่มีชายหรือหญิง ก่อนหรือหลัง ช้าหรือเร็ว ที่นี่หรือที่นั่น บนหรือล่าง ขวาหรือซ้าย รวมถึงถูกและผิดด้วย

นักบินอวกาศเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกเขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่อวกาศนอกโลกเีพียงเพื่อจะพบว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วตนกำลังแหงนหน้ามองกลับมายังโลก..หรือเปล่า? หรือบางทีอาจกำลังมองลงมายังโลกก็ได้! แล้วดวงอาทิตย์ล่ะอยู่ไหน? ข้างบน? ข้างล่าง? ไม่ใช่เลย! อยู่ทางโน้นต่างหาก ซ้ายมือโน่น ทันใดนั้นสิ่งต่างๆ ไม่ได้อยู่บนหรือล่างแล้ว แต่อยู่ข้างๆ แทน..นิยามทั้งหมดจึงหายไป

นั่นล่ะโลกของฉัน (ของเรา) อันเป็นภพภูมิที่แท้จริงของเรา ทุกนิยามล้วนหายไป ทำให้ยากแม้แต่จะพูดถึงภพนั้นด้วยถ้อยคำระบุชี้ใดๆ

ศาสนาของพวกเธอคือความพยายามที่จะพูดถึงสิ่งที่ไม่อาจพูดได้ และก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่

ไม่หรอกลูกเอ๋ย ทฤษฏีวิวัฒนาการไม่ได้ถูกหรอก ฉันสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นภายในพริบตา ภายในหนึ่งห้วงขณะอันศักสิทธิ์ ดังที่ฝ่ายทฤษฏีพระผู้สร้าง (Creationist) บอก และ ก็ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการที่ใช้เวลานับหลายๆ พันล้านปี...ดังที่ฝ่ายทฤษฏีวิวัฒนาการกล่าว

ต่างฝ่ายต่าง "ถูก" ด้วยกันทั้งคู่นั่นล่ะ เหมือนที่นักบินอวกาศได้เข้าใจนั่นเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าเธอมองมันอย่างไร.....................................................................................

ผู้เขียน : ผมสันนิษฐานว่า เราทุกคนต่างมีความกระหายใคร่รู้ไม่มีวันจบสิ้น

God : แต่เธอก็รู้อยู่แล้วนี่! ฉันเพิ่งบอกเธอไปเองไง! แต่เธอไม่ได้อยากรู้ความจริง เธอแค่อยากรู้ความจริงตามที่เธอเข้าใจ นี่คือปราการใหญ่หลวงที่สุดที่กั้นเธอไม่ให้เข้าถึงความรู้แจ้ง เธอคิดว่าเธอรู้ความจริงแล้ว! เธอคิดว่าเธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเธอก็จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอได้อ่าน ได้ฟัง หรือได้เห็น ซึ่งไปกันได้กับกรอบความคิดของเธอ แล้วก็ปฏิเสธอะไรก็ตามที่ไม่เข้ากับกรอบนั้นทิ้ง นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเรียนรู้ นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเปิดรับต่อคำสอน แต่อนิจจาเธอเอ๋ย..เธอไม่มีทางเปิดรับคำสอนใดได้ถ้ายังคงปิดตัวเองต่อทุกสิ่งที่ต่างไปจากความจริงที่เธอมี

ดังนั้นจะมีบางคนที่เรียกหนังสือเล่มนี้ว่าลบหลู่ศาสนา หรือไม่ก็เป็นผลงานของปีศาจ

แต่ใครมีหูก็จงฟังเถิด เพราะฉันจะบอกเธอว่า เธอไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อที่จะตาย ร่างกายเธอถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแสนมหัศจรรย์ คือเครื่องมือสุดวิเศษและพาหนะอันรุ่งโรจน์เพื่อให้เธอมีประสบการณ์ถึงความจริงที่เธอสร้างขึ้นจากจิตใจของเธอเอง เพื่อเธอจะได้รู้ในระดับวิญญาณถึงตัวตนที่เธอสร้างขึ้นมา

วิญญาณเป็นตัวรู้ จิตใจเป็นตัวสร้าง ร่างกายเป็นตัวประสบ วัฏจักรจึงสมบูรณ์ เมื่อนั้นวิญญาณจะรู้จักตัวเองผ่านประสบการณ์ของตน และถ้ามันไม่ชอบสิ่งที่กำลังมีประสบการณ์ (กำลังรู้สึก) หรืออยากมีประสบการณ์ที่ต่างไปจากเดิมไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็เพียงแต่รู้ถึงประสบการณ์ใหม่ของตัวเองแล้วก็ "เปลี่ยนใจใหม่" ตรงตัวตามอักษรนั้นเลย

หมายเหตุ..
Evolutionist - แนวคิดที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมทั้งมนุษย์เกิดขึ้นเพราะวิวัฒนาการและการคัดสรรตามธรรมชาติ ไม่มีเหตุผลหรือความหมายใดมากไปกว่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับ Creationist - ที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตรวมทั้งมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นเพราะมี "พระเจ้า" หรือ "บางสิ่ง" เป็นผู้สร้าง...ปัจจุบัน ต่างฝ่ายต่างยกหลักฐาน "ทางวิทยาศาสตร์" มารองรับหลักความเชื่อของตน และยังถกเถียงกันไม่สิ้นสุด

โดยส่วนตัว เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ จะใช้จินตนาการเชื่อมโยงทฤษฏีบางอย่างทางวิทยาศาสตร์กับเรื่องราวของศาสนาเข้าด้วยกัน

เอามาฝากให้อ่านเล่นค่ะ..

[cameronDZ]

สูตรการยัดเยียดข้อหาของฝ่ายโปรดาร์วิน
ที่เด็ดขาดที่สุดก็คือ บอกว่า ใครที่ไม่เชื่อทฤษฎี Evolution ก็แสดงว่า เชื่อใน Creation โดยพระเจ้า

แต่ถ้าเขาปฏิเสธว่า ไม่ได้เชื่อในพระเจ้่า
ก็จะถูกยัดข้อหาใหม่อีกว่า ไม่ได้ศึกษา Evolution อย่างถ่องแท้

แต่ถ้าเขาบอกว่า ศึกษาแล้ว แต่ไม่เชื่อ
ก็จะถูกยัดข้อหาใหม่อีกว่า ไม่มีสติปัญญาพอจะเข้าใจ

. . .

พูดไปพูดมา
เจอหน้าท้าชก กันไปเลย
น่าจะดีที่สุด

[Solidus]

อ่านกระทู้นี้แล้ว นึกถึงเนื้อหาบางตอนในหนังสือ Conversations with God
มีบางตอนในหนังสือ ซึ่งเป็นลักษณะบทสนทนากันระหว่างผู้เขียน กับ God ความว่า..

God : ฉันออกแบบร่างกายอันมหัศจรรย์ของเธอให้คงอยู่ไปตลอดกาล! พวกเธอในยุคแรกๆ ก็อยู่ในร่างกายโดยแทบไม่มีความเจ็บปวด และก็ไม่กลัวสิ่งที่เธอเรียกว่าความตายเลย

ในตำนานทางศาสนาของเธอ เธอให้สัญลักษณ์แก่ความทรงจำในระดับเซลล์ถึงมนุษย์เวอร์ชั่นแรกโดยเรียกว่าอดัมกับอีฟ ซึ่งที่จริงมีมากกว่าสองคนแน่นอนอยู่แล้ว

ในตอนแรก แผนการทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เธอผู้เป็นวิญญาณแสนวิเศษจะได้มีโอกาสรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองผ่านประสบการณ์ที่ได้จากกายเนื้อในโลกสัมพัทธ์ อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วหลายครั้ง

ทั้งหมดนี้ทำผ่านกระบวนการลดความเร็วสุดหยั่งของทุกการสั่นสะเทือน (รูปความคิด) เพื่อก่อให้เกิดสสารขึ้น รวมทั้งสสารที่เธอเรียกว่าร่างกายด้วย

ชีวิตวิวัฒน์ผ่านชุดขั้นตอนเหล่านี้ในพริบตาเดียว ซึ่งปัจจุบันเธอเรียกว่าพันๆล้านปี และในห้วงขณะอันศักสิทธิ์นั้นเองที่เธอได้ปรากฏขึ้นจากท้องทะเลอันเป็นมหาสมุทรแห่งชีวิตสู่ผืนดิน กลายเป็นรูปร่างอย่างที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้

ผู้เขียน : ถ้าอย่างนั้นทฤษฏีวิวัฒนาการ ก็ถูกน่ะสิครับ

God : ฉันล่ะขำพวกเธอจริงๆ..ขำมาตลอด..ที่พวกเธอน่ะชอบเหลือเกินที่จะมองทุกอย่างว่าไม่ถูกก็ต้องผิด ไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าเธอประทับตราพวกนั้นลงไปก็เพียงเพื่อช่วยให้ตัวเองได้นิยามสิ่งต่างๆ และตัวเธอเองได้

เธอไม่เคยเฉลียวใจ (ยกเว้นผู้มีจิตละเอียดในหมู่เธอ) เลยว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจเป็นทั้งถูกและผิดได้ในคราวเดียวกัน หรือจะเฉลียวใจว่ามีแต่โลกสัมพัทธ์เท่านั้นที่สิ่งๆ หนึ่งต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ในโลกปรมัตถ์ที่ไร้กาลเวลานั้น ทุกสิ่งเป็นได้ทุกอย่าง

ไม่มีชายหรือหญิง ก่อนหรือหลัง ช้าหรือเร็ว ที่นี่หรือที่นั่น บนหรือล่าง ขวาหรือซ้าย รวมถึงถูกและผิดด้วย

นักบินอวกาศเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกเขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่อวกาศนอกโลกเีพียงเพื่อจะพบว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วตนกำลังแหงนหน้ามองกลับมายังโลก..หรือเปล่า? หรือบางทีอาจกำลังมองลงมายังโลกก็ได้! แล้วดวงอาทิตย์ล่ะอยู่ไหน? ข้างบน? ข้างล่าง? ไม่ใช่เลย! อยู่ทางโน้นต่างหาก ซ้ายมือโน่น ทันใดนั้นสิ่งต่างๆ ไม่ได้อยู่บนหรือล่างแล้ว แต่อยู่ข้างๆ แทน..นิยามทั้งหมดจึงหายไป

นั่นล่ะโลกของฉัน (ของเรา) อันเป็นภพภูมิที่แท้จริงของเรา ทุกนิยามล้วนหายไป ทำให้ยากแม้แต่จะพูดถึงภพนั้นด้วยถ้อยคำระบุชี้ใดๆ

ศาสนาของพวกเธอคือความพยายามที่จะพูดถึงสิ่งที่ไม่อาจพูดได้ และก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่

ไม่หรอกลูกเอ๋ย ทฤษฏีวิวัฒนาการไม่ได้ถูกหรอก ฉันสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นภายในพริบตา ภายในหนึ่งห้วงขณะอันศักสิทธิ์ ดังที่ฝ่ายทฤษฏีพระผู้สร้าง (Creationist) บอก และ ก็ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการที่ใช้เวลานับหลายๆ พันล้านปี...ดังที่ฝ่ายทฤษฏีวิวัฒนาการกล่าว

ต่างฝ่ายต่าง "ถูก" ด้วยกันทั้งคู่นั่นล่ะ เหมือนที่นักบินอวกาศได้เข้าใจนั่นเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าเธอมองมันอย่างไร.....................................................................................

ผู้เขียน : ผมสันนิษฐานว่า เราทุกคนต่างมีความกระหายใคร่รู้ไม่มีวันจบสิ้น

God : แต่เธอก็รู้อยู่แล้วนี่! ฉันเพิ่งบอกเธอไปเองไง! แต่เธอไม่ได้อยากรู้ความจริง เธอแค่อยากรู้ความจริงตามที่เธอเข้าใจ นี่คือปราการใหญ่หลวงที่สุดที่กั้นเธอไม่ให้เข้าถึงความรู้แจ้ง เธอคิดว่าเธอรู้ความจริงแล้ว! เธอคิดว่าเธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเธอก็จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอได้อ่าน ได้ฟัง หรือได้เห็น ซึ่งไปกันได้กับกรอบความคิดของเธอ แล้วก็ปฏิเสธอะไรก็ตามที่ไม่เข้ากับกรอบนั้นทิ้ง นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเรียนรู้ นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเปิดรับต่อคำสอน แต่อนิจจาเธอเอ๋ย..เธอไม่มีทางเปิดรับคำสอนใดได้ถ้ายังคงปิดตัวเองต่อทุกสิ่งที่ต่างไปจากความจริงที่เธอมี

ดังนั้นจะมีบางคนที่เรียกหนังสือเล่มนี้ว่าลบหลู่ศาสนา หรือไม่ก็เป็นผลงานของปีศาจ

แต่ใครมีหูก็จงฟังเถิด เพราะฉันจะบอกเธอว่า เธอไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อที่จะตาย ร่างกายเธอถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแสนมหัศจรรย์ คือเครื่องมือสุดวิเศษและพาหนะอันรุ่งโรจน์เพื่อให้เธอมีประสบการณ์ถึงความจริงที่เธอสร้างขึ้นจากจิตใจของเธอเอง เพื่อเธอจะได้รู้ในระดับวิญญาณถึงตัวตนที่เธอสร้างขึ้นมา

วิญญาณเป็นตัวรู้ จิตใจเป็นตัวสร้าง ร่างกายเป็นตัวประสบ วัฏจักรจึงสมบูรณ์ เมื่อนั้นวิญญาณจะรู้จักตัวเองผ่านประสบการณ์ของตน และถ้ามันไม่ชอบสิ่งที่กำลังมีประสบการณ์ (กำลังรู้สึก) หรืออยากมีประสบการณ์ที่ต่างไปจากเดิมไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็เพียงแต่รู้ถึงประสบการณ์ใหม่ของตัวเองแล้วก็ "เปลี่ยนใจใหม่" ตรงตัวตามอักษรนั้นเลย

หมายเหตุ..
Evolutionist - แนวคิดที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมทั้งมนุษย์เกิดขึ้นเพราะวิวัฒนาการและการคัดสรรตามธรรมชาติ ไม่มีเหตุผลหรือความหมายใดมากไปกว่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับ Creationist - ที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตรวมทั้งมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นเพราะมี "พระเจ้า" หรือ "บางสิ่ง" เป็นผู้สร้าง...ปัจจุบัน ต่างฝ่ายต่างยกหลักฐาน "ทางวิทยาศาสตร์" มารองรับหลักความเชื่อของตน และยังถกเถียงกันไม่สิ้นสุด

โดยส่วนตัว เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ จะใช้จินตนาการเชื่อมโยงทฤษฏีบางอย่างทางวิทยาศาสตร์กับเรื่องราวของศาสนาเข้าด้วยกัน

เอามาฝากให้อ่านเล่นค่ะ..

นั่นแสดงว่าอยู่เขียนไม่รู้จัก Theistic evolutionist สินะถึงได้บอกว่า Evolutionist ตรงข้ามกับ Creationist
พริบตาของพระเจ้ามันนานแค่ไหนล่ะในเมื่อพระเจ้าไม่มีกาลเวลาไม่มีจุดเริ่มและจุดจบ พระเจ้าออกแบบกฎต่าง ๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวก็สิ่งต่าง ๆ ก็ได้ สิ่งที่เกิดมามันก็ล้วนอยู่ในกฎที่พระเจ้าสร้างขึ้นอยู่ดี ที่มีปัญหาอยู่ก็คือพวกคัมภีร์นิยมไงล่ะ

[Solidus]

ทฤษฎีของดาร์วินเป็นแค่ส่วนหนึ่งของทฤษฎีวิวัฒนาการเท่านั้นนะครับ ทฤษฎีดาร์วินผิดก็ไม่ได้หมายความว่าทฤษฎีวิวัฒนาการจะผิดตาม เข้าใจตรงนี้ก่อนอื่นเลย ทฤษฎีดาร์วินพูดถึงเรื่อง Natural seletion ครับ และทฤษฎีวิวัฒนาการปัจจุบันก็ไปไกลกว่าทฤษฎีดาร์วินมากแล้วนะครับ

[cameronDZ]

ทฤษฎีของดาร์วินเป็นแค่ส่วนหนึ่งของทฤษฎีวิวัฒนาการเท่านั้นนะครับ ทฤษฎีดาร์วินผิดก็ไม่ได้หมายความว่าทฤษฎีวิวัฒนาการจะผิดตาม เข้าใจตรงนี้ก่อนอื่นเลย ทฤษฎีดาร์วินพูดถึงเรื่อง Natural seletion ครับ และทฤษฎีวิวัฒนาการปัจจุบันก็ไปไกลกว่าทฤษฎีดาร์วินมากแล้วนะครับ

แล้วทฤษฎีใหม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทั้งหลายแหล่
ที่โยนขี้แห่งความโง่เขลา ให้ชาร์ล ดาร์วิน รับผิดไปคนเดียว
มันก็พูดคำเดียวกับดาร์วิน เพียงแต่เปลี่ยนสำนวนใหม่
คือ ยังยึดหลักการ "สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ" อยู่ใช่ไหมละครับ

ถ้ายังเชื่อว่า "สิ่งมีชีวิตมีวิวัีฒนาการ"
มันก็คือดาร์วิน(ไม่ชี)โค้ด อันเดิมนะแหละ

เรื่องหลัก ที่อ้างมานี้
ผมไม่ได้ พูดเอง
แต่เป็น "คำถามกลับ" ที่ตีทฤษฎีวิวัฒนาการ ตกม้าตาย มาไม่รู้กี่ทศวรรษแล้ว

ไม่เชื่อดาร์วิน
แต่เชื่อว่า "สิ่งมีชีวิตมีวิัวัฒนาการ"

ฮ่วย มันก็อันเดียวกันนะแหละนายยยยยยย

[loginofu]

มันง่ายเกินไปที่จะยึดถือสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องทุกอย่าง
แต่มันก็ยากเกินไปที่จะไม่ยึดถืออะไรเพื่อเป็นแนวทางเลย

เป็นไปได้ไหม ที่จะไม่สรุปอะไรเพียงอย่างเดียว
แล้วเปิดโอกาสให้มีความเป็นไปได้ในทุกๆอย่าง

ทุกความรู้ที่เรามี ก็ไม่ใช่มาจากสิ่งที่เราได้เรียนรู้ต่อๆกันมาหรอกหรือ
บทเรียนจากวันเก่าๆ ที่มีข้อผิดพลาด เมื่อผ่านกาลเวลาและการเรียนรู้ ก็กลายมาเป็นความรู้ในปัจุบัน
และความรู้และความผิดพลาดในปัจจุบัน ก็จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้นในอนาคต
ไม่มีอะไรผิด อะไรถูกทุกอย่างเสมอไปหรอก

[1ktip]

อย่าทะเลาะกันจ้า

จริงๆ จะเอาเหตุผลของฝ่ายไหนไปจับ มันก็ได้ทั้งนั้นล่ะครับ เพราะมันมีช่องว่างทางความรู้ที่ยังถมไม่เต็ม
มนุษย์เพิ่งเริ่มสะสมความรู้อย่างเป็นระบบได้แค่ราวๆ หมื่นปีเอง จะเอาไปใช้ศึกษาให้เข้าใจความเป็นไป
ในช่วงเวลากว่า 4,500 ล้านปีของโลกมันก็ลำบาก

ถ้าอิงทฤษฎีวิวัฒนาการ ความถี่ของโอกาสในการจับคู่ของยีนจนเกิดการผ่าเหล่า มันต้องใช้เวลายาวนาน
ขึ้นอยู่กับจำนวน และความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นด้วย และการผ่าเหล่าที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่
จนทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นกลายเป็นโดมิแนนท์สปีชีส์ในยุคต่อๆ มา ตามทฤษฎีการคัดสรรโดยธรรมชาติ
ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันอีกมาก แต่ตัวอย่างเล็กๆ ที่พอเห็นได้ชัดถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ของทฤษฎีก็เช่น
การกลายพันธุ์และดื้อยาของจุลชีพ หรือในแมลงที่มีวงจรชีวิตสั้น รูปแบบชีวิตไม่ซับซ้อน

แต่ว่าจากกรดอะมิโนรวมตัวกันเป็นสายโปรตีน จนเกิด ไมโตคอนเดรีย RNA DNA ฯลฯ จนกระทั่งเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตปฐมภูมิ
แล้ววิวิฒนาการมาจนถึงขั้นรู้จักคิด สิ่งเหล่านี้มันหาคำอธิบายไม่ได้ว่า รูปแบบชีวิตทั้งหมดเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองอะไร?
ความคิดหรือจิตวิญญาณในสิ่งมีชีวิตมีที่มาจากไหน? จุดเริ่มต้นและจุดจบเป็นอย่างไร? นั่นล่ะ ความสงสัยในจุดนี้ทำให้ผม
ต้องพึ่งพระเจ้าแล้ว

อ่านแล้วอย่าเพิ่งงง ผมเป็นชาวคริสต์ที่เรียนวิทยาศาสตร์ ความเห็นมันก็ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้แหละ

[J-One]

+++เนื่องจากมนุษย์ไม่เชื่อพระเจ้า จึงหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองก็เลยโมเมว่าคนมาจากลิง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไปคนจะกลายเป็นอะไรต่อล่ะ????+++

[Solidus]

ทฤษฎีของดาร์วินเป็นแค่ส่วนหนึ่งของทฤษฎีวิวัฒนาการเท่านั้นนะครับ ทฤษฎีดาร์วินผิดก็ไม่ได้หมายความว่าทฤษฎีวิวัฒนาการจะผิดตาม เข้าใจตรงนี้ก่อนอื่นเลย ทฤษฎีดาร์วินพูดถึงเรื่อง Natural seletion ครับ และทฤษฎีวิวัฒนาการปัจจุบันก็ไปไกลกว่าทฤษฎีดาร์วินมากแล้วนะครับ

แล้วทฤษฎีใหม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทั้งหลายแหล่
ที่โยนขี้แห่งความโง่เขลา ให้ชาร์ล ดาร์วิน รับผิดไปคนเดียว
มันก็พูดคำเดียวกับดาร์วิน เพียงแต่เปลี่ยนสำนวนใหม่
คือ ยังยึดหลักการ "สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ" อยู่ใช่ไหมละครับ

ถ้ายังเชื่อว่า "สิ่งมีชีวิตมีวิวัีฒนาการ"
มันก็คือดาร์วิน(ไม่ชี)โค้ด อันเดิมนะแหละ

เรื่องหลัก ที่อ้างมานี้
ผมไม่ได้ พูดเอง
แต่เป็น "คำถามกลับ" ที่ตีทฤษฎีวิวัฒนาการ ตกม้าตาย มาไม่รู้กี่ทศวรรษแล้ว

ไม่เชื่อดาร์วิน
แต่เชื่อว่า "สิ่งมีชีวิตมีวิัวัฒนาการ"

ฮ่วย มันก็อันเดียวกันนะแหละนายยยยยยย

ไปทำความเข้าใจนิยามของทฤษฎีวิวัฒนาการซะใหม่นะครับว่ามันนิยามว่าอย่างไร ถ้าคุณไม่รู้ก็จะบอกให้ว่ามันเป็นทฤษฎีที่อธิบายกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นระหว่างชั่วรุ่น ถามหน่อยเรื่อง Genetic drift, Gene flow, Mutation มันอยู่ส่วนไหนของทฤษฎีดาร์วินครับ ช่วยบอกหน่อย ปัจจุบันมันยุค modern evolutionary synthesis แล้วนี่ครับ และก็กำลังนิยมเรื่อง Molecular biology

[Solidus]

อย่าทะเลาะกันจ้า

จริงๆ จะเอาเหตุผลของฝ่ายไหนไปจับ มันก็ได้ทั้งนั้นล่ะครับ เพราะมันมีช่องว่างทางความรู้ที่ยังถมไม่เต็ม
มนุษย์เพิ่งเริ่มสะสมความรู้อย่างเป็นระบบได้แค่ราวๆ หมื่นปีเอง จะเอาไปใช้ศึกษาให้เข้าใจความเป็นไป
ในช่วงเวลากว่า 4,500 ล้านปีของโลกมันก็ลำบาก

ถ้าอิงทฤษฎีวิวัฒนาการ ความถี่ของโอกาสในการจับคู่ของยีนจนเกิดการผ่าเหล่า มันต้องใช้เวลายาวนาน
ขึ้นอยู่กับจำนวน และความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นด้วย และการผ่าเหล่าที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่
จนทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นกลายเป็นโดมิแนนท์สปีชีส์ในยุคต่อๆ มา ตามทฤษฎีการคัดสรรโดยธรรมชาติ
ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันอีกมาก แต่ตัวอย่างเล็กๆ ที่พอเห็นได้ชัดถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ของทฤษฎีก็เช่น
การกลายพันธุ์และดื้อยาของจุลชีพ หรือในแมลงที่มีวงจรชีวิตสั้น รูปแบบชีวิตไม่ซับซ้อน

แต่ว่าจากกรดอะมิโนรวมตัวกันเป็นสายโปรตีน จนเกิด ไมโตคอนเดรีย RNA DNA ฯลฯ จนกระทั่งเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตปฐมภูมิ
แล้ววิวิฒนาการมาจนถึงขั้นรู้จักคิด สิ่งเหล่านี้มันหาคำอธิบายไม่ได้ว่า รูปแบบชีวิตทั้งหมดเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองอะไร?
ความคิดหรือจิตวิญญาณในสิ่งมีชีวิตมีที่มาจากไหน? จุดเริ่มต้นและจุดจบเป็นอย่างไร? นั่นล่ะ ความสงสัยในจุดนี้ทำให้ผม
ต้องพึ่งพระเจ้าแล้ว

อ่านแล้วอย่าเพิ่งงง ผมเป็นชาวคริสต์ที่เรียนวิทยาศาสตร์ ความเห็นมันก็ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้แหละ

ทฤษฏีวิวัฒนาการไม่ได้อธิบายต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตนะครับ เรื่องต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตยังเป็นสมมติฐานอยู่เลย อีกอย่างหนึ่งคือทฤษฎีการคัดสรรโดยธรรมชาติของดาร์วินไม่มีเรื่องการผ่าเหล่าหรือเรื่องยีนนะครับ

[1ktip]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

[Solidus]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

ก็ไม่ต้องอิงมากหรอกครับ ดาร์วินบอกว่าธรรมชาติมีการคัดเลือกสัตว์ที่เหมาะสมกับนิเวศนั้น ๆ แต่บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงเกิดลักษณะนั้นได้ เรื่อง selection มันอยู่ท้าย ๆ ของกระบวนการเกิด speciation เลย

[อธิฏฐาน]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

ใช่ค่ะเราจะสร้างทฤษฎีของเราเอง สุนทรภู่ยังสร้างผลงานข้ามสายพันธุ์ได้เลย
สุดสาคร เกิดจากพระอภัยมณีผสมกับนางเงือก

[อธิฏฐาน]

ถามคุณ Solidus หน่อยว่า ว่ารังไข่ของผู้หญิงสามารถเลือกสเปิร์มที่เข้าไปผสมได้หรือเปล่าค่ะ
เพราะบางครั้งสเปิร์มหลายตัวไปเกาะไข่ได้พร้อมกันค่ะ

[ppneer]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

ใช่ค่ะเราจะสร้างทฤษฎีของเราเอง สุนทรภู่ยังสร้างผลงานข้ามสายพันธุ์ได้เลย
สุดสาคร เกิดจากพระอภัยมณีผสมกับนางเงือก

แล้วทำบ่วงไปจับเจ้านิลมังกร ขี่เล่น

[Solidus]

ถามคุณ Solidus หน่อยว่า ว่ารังไข่ของผู้หญิงสามารถเลือกสเปิร์มที่เข้าไปผสมได้หรือเปล่าค่ะ
เพราะบางครั้งสเปิร์มหลายตัวไปเกาะไข่ได้พร้อมกันค่ะ

เลือกไม่ได้ครับ เพราะที่อสุจิผสมกับไข่มันนอกรังไข่ และอสุจิมันก็เลือกไม่ได้ด้วยว่าเข้าไปแล้วให้เลี้ยวขวาหรือเลี้ยวซ้าย ว่ายมั่วไปหมดตามที่มันจะไปได้ เมื่ออสุจิตัวแรกไปถึงไข่มันก็เริ่มกระบวนการปฏิสนธิทันที โดยที่เซลล์ที่หุ้มเซลล์ไข่อยู่จะมีตัวรับที่จำเพาะกับอสุจิของสัตว์ชนิดเดียวกัน อีกทั้งโครงสร้างโปรตีนและเอนไซม์ที่ใช้ย่อยก็เข้าคู่กันซึ่งต่างกันไปในแต่ละชนิด พออสุจิตัวแรกเจาะชั้นเซลล์ของไข่ไปแล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นนั้นทำให้ตัวที่ตามหลังมาเจาะไม่ได้แล้วเนื่องจากไม่เข้าคู่กัน

[Solidus]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

ใช่ค่ะเราจะสร้างทฤษฎีของเราเอง สุนทรภู่ยังสร้างผลงานข้ามสายพันธุ์ได้เลย
สุดสาคร เกิดจากพระอภัยมณีผสมกับนางเงือก

แล้วทำบ่วงไปจับเจ้านิลมังกร ขี่เล่น

จนบัดนี้ผมก็ยังสงสัยว่านางเงือกนั้นมีอวัยวะ...เป็นแบบของคนหรือแบบของปลากัน

[ppneer]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

ใช่ค่ะเราจะสร้างทฤษฎีของเราเอง สุนทรภู่ยังสร้างผลงานข้ามสายพันธุ์ได้เลย
สุดสาคร เกิดจากพระอภัยมณีผสมกับนางเงือก

แล้วทำบ่วงไปจับเจ้านิลมังกร ขี่เล่น

จนบัดนี้ผมก็ยังสงสัยว่านางเงือกนั้นมีอวัยวะ...เป็นแบบของคนหรือแบบของปลากัน

นั้นหละครับ แล้วเงือก มันวิวัฒนาการมาจากคน หรือปลาครับ ท่านSolidus

[Solidus]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

ใช่ค่ะเราจะสร้างทฤษฎีของเราเอง สุนทรภู่ยังสร้างผลงานข้ามสายพันธุ์ได้เลย
สุดสาคร เกิดจากพระอภัยมณีผสมกับนางเงือก

แล้วทำบ่วงไปจับเจ้านิลมังกร ขี่เล่น

จนบัดนี้ผมก็ยังสงสัยว่านางเงือกนั้นมีอวัยวะ...เป็นแบบของคนหรือแบบของปลากัน

นั้นหละครับ แล้วเงือก มันวิวัฒนาการมาจากคน หรือปลาครับ ท่านSolidus

มาจากจินตนาการของคน

[อธิฏฐาน]

เรื่องรังไข่เลือกสเปิร์มได้ ไม่รู้ว่าอาจารย์โดนหลอกมาหรือเปล่า แล้วมาหลอกเราต่อค่ะคุณ Solidus
แล้วกรณีผสมเทียมเพราะว่าไข่หลายใบตกพร้อมกัน

[halfmoon]

ไม่ได้อิงของดาร์วินครับ ของผมเอง

ใช่ค่ะเราจะสร้างทฤษฎีของเราเอง สุนทรภู่ยังสร้างผลงานข้ามสายพันธุ์ได้เลย
สุดสาคร เกิดจากพระอภัยมณีผสมกับนางเงือก

แล้วทำบ่วงไปจับเจ้านิลมังกร ขี่เล่น

้halfmoon ก็มาจากการผสมพันธุ์ของปลากัดหม้อไทยกับปลากัดจีน

[Jseventh]

อ่านกระทู้นี้แล้ว นึกถึงเนื้อหาบางตอนในหนังสือ Conversations with God
มีบางตอนในหนังสือ ซึ่งเป็นลักษณะบทสนทนากันระหว่างผู้เขียน กับ God ความว่า..

God : ฉันออกแบบร่างกายอันมหัศจรรย์ของเธอให้คงอยู่ไปตลอดกาล! พวกเธอในยุคแรกๆ ก็อยู่ในร่างกายโดยแทบไม่มีความเจ็บปวด และก็ไม่กลัวสิ่งที่เธอเรียกว่าความตายเลย

ในตำนานทางศาสนาของเธอ เธอให้สัญลักษณ์แก่ความทรงจำในระดับเซลล์ถึงมนุษย์เวอร์ชั่นแรกโดยเรียกว่าอดัมกับอีฟ ซึ่งที่จริงมีมากกว่าสองคนแน่นอนอยู่แล้ว

ในตอนแรก แผนการทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เธอผู้เป็นวิญญาณแสนวิเศษจะได้มีโอกาสรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองผ่านประสบการณ์ที่ได้จากกายเนื้อในโลกสัมพัทธ์ อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วหลายครั้ง

ทั้งหมดนี้ทำผ่านกระบวนการลดความเร็วสุดหยั่งของทุกการสั่นสะเทือน (รูปความคิด) เพื่อก่อให้เกิดสสารขึ้น รวมทั้งสสารที่เธอเรียกว่าร่างกายด้วย

ชีวิตวิวัฒน์ผ่านชุดขั้นตอนเหล่านี้ในพริบตาเดียว ซึ่งปัจจุบันเธอเรียกว่าพันๆล้านปี และในห้วงขณะอันศักสิทธิ์นั้นเองที่เธอได้ปรากฏขึ้นจากท้องทะเลอันเป็นมหาสมุทรแห่งชีวิตสู่ผืนดิน กลายเป็นรูปร่างอย่างที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้

ผู้เขียน : ถ้าอย่างนั้นทฤษฏีวิวัฒนาการ ก็ถูกน่ะสิครับ

God : ฉันล่ะขำพวกเธอจริงๆ..ขำมาตลอด..ที่พวกเธอน่ะชอบเหลือเกินที่จะมองทุกอย่างว่าไม่ถูกก็ต้องผิด ไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าเธอประทับตราพวกนั้นลงไปก็เพียงเพื่อช่วยให้ตัวเองได้นิยามสิ่งต่างๆ และตัวเธอเองได้

เธอไม่เคยเฉลียวใจ (ยกเว้นผู้มีจิตละเอียดในหมู่เธอ) เลยว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจเป็นทั้งถูกและผิดได้ในคราวเดียวกัน หรือจะเฉลียวใจว่ามีแต่โลกสัมพัทธ์เท่านั้นที่สิ่งๆ หนึ่งต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ในโลกปรมัตถ์ที่ไร้กาลเวลานั้น ทุกสิ่งเป็นได้ทุกอย่าง

ไม่มีชายหรือหญิง ก่อนหรือหลัง ช้าหรือเร็ว ที่นี่หรือที่นั่น บนหรือล่าง ขวาหรือซ้าย รวมถึงถูกและผิดด้วย

นักบินอวกาศเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกเขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่อวกาศนอกโลกเีพียงเพื่อจะพบว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วตนกำลังแหงนหน้ามองกลับมายังโลก..หรือเปล่า? หรือบางทีอาจกำลังมองลงมายังโลกก็ได้! แล้วดวงอาทิตย์ล่ะอยู่ไหน? ข้างบน? ข้างล่าง? ไม่ใช่เลย! อยู่ทางโน้นต่างหาก ซ้ายมือโน่น ทันใดนั้นสิ่งต่างๆ ไม่ได้อยู่บนหรือล่างแล้ว แต่อยู่ข้างๆ แทน..นิยามทั้งหมดจึงหายไป

นั่นล่ะโลกของฉัน (ของเรา) อันเป็นภพภูมิที่แท้จริงของเรา ทุกนิยามล้วนหายไป ทำให้ยากแม้แต่จะพูดถึงภพนั้นด้วยถ้อยคำระบุชี้ใดๆ

ศาสนาของพวกเธอคือความพยายามที่จะพูดถึงสิ่งที่ไม่อาจพูดได้ และก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่

ไม่หรอกลูกเอ๋ย ทฤษฏีวิวัฒนาการไม่ได้ถูกหรอก ฉันสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นภายในพริบตา ภายในหนึ่งห้วงขณะอันศักสิทธิ์ ดังที่ฝ่ายทฤษฏีพระผู้สร้าง (Creationist) บอก และ ก็ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการที่ใช้เวลานับหลายๆ พันล้านปี...ดังที่ฝ่ายทฤษฏีวิวัฒนาการกล่าว

ต่างฝ่ายต่าง "ถูก" ด้วยกันทั้งคู่นั่นล่ะ เหมือนที่นักบินอวกาศได้เข้าใจนั่นเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าเธอมองมันอย่างไร.....................................................................................

ผู้เขียน : ผมสันนิษฐานว่า เราทุกคนต่างมีความกระหายใคร่รู้ไม่มีวันจบสิ้น

God : แต่เธอก็รู้อยู่แล้วนี่! ฉันเพิ่งบอกเธอไปเองไง! แต่เธอไม่ได้อยากรู้ความจริง เธอแค่อยากรู้ความจริงตามที่เธอเข้าใจ นี่คือปราการใหญ่หลวงที่สุดที่กั้นเธอไม่ให้เข้าถึงความรู้แจ้ง เธอคิดว่าเธอรู้ความจริงแล้ว! เธอคิดว่าเธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเธอก็จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอได้อ่าน ได้ฟัง หรือได้เห็น ซึ่งไปกันได้กับกรอบความคิดของเธอ แล้วก็ปฏิเสธอะไรก็ตามที่ไม่เข้ากับกรอบนั้นทิ้ง นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเรียนรู้ นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเปิดรับต่อคำสอน แต่อนิจจาเธอเอ๋ย..เธอไม่มีทางเปิดรับคำสอนใดได้ถ้ายังคงปิดตัวเองต่อทุกสิ่งที่ต่างไปจากความจริงที่เธอมี

ดังนั้นจะมีบางคนที่เรียกหนังสือเล่มนี้ว่าลบหลู่ศาสนา หรือไม่ก็เป็นผลงานของปีศาจ

แต่ใครมีหูก็จงฟังเถิด เพราะฉันจะบอกเธอว่า เธอไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อที่จะตาย ร่างกายเธอถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแสนมหัศจรรย์ คือเครื่องมือสุดวิเศษและพาหนะอันรุ่งโรจน์เพื่อให้เธอมีประสบการณ์ถึงความจริงที่เธอสร้างขึ้นจากจิตใจของเธอเอง เพื่อเธอจะได้รู้ในระดับวิญญาณถึงตัวตนที่เธอสร้างขึ้นมา

วิญญาณเป็นตัวรู้ จิตใจเป็นตัวสร้าง ร่างกายเป็นตัวประสบ วัฏจักรจึงสมบูรณ์ เมื่อนั้นวิญญาณจะรู้จักตัวเองผ่านประสบการณ์ของตน และถ้ามันไม่ชอบสิ่งที่กำลังมีประสบการณ์ (กำลังรู้สึก) หรืออยากมีประสบการณ์ที่ต่างไปจากเดิมไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็เพียงแต่รู้ถึงประสบการณ์ใหม่ของตัวเองแล้วก็ "เปลี่ยนใจใหม่" ตรงตัวตามอักษรนั้นเลย

หมายเหตุ..
Evolutionist - แนวคิดที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมทั้งมนุษย์เกิดขึ้นเพราะวิวัฒนาการและการคัดสรรตามธรรมชาติ ไม่มีเหตุผลหรือความหมายใดมากไปกว่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับ Creationist - ที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตรวมทั้งมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นเพราะมี "พระเจ้า" หรือ "บางสิ่ง" เป็นผู้สร้าง...ปัจจุบัน ต่างฝ่ายต่างยกหลักฐาน "ทางวิทยาศาสตร์" มารองรับหลักความเชื่อของตน และยังถกเถียงกันไม่สิ้นสุด

โดยส่วนตัว เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ จะใช้จินตนาการเชื่อมโยงทฤษฏีบางอย่างทางวิทยาศาสตร์กับเรื่องราวของศาสนาเข้าด้วยกัน

เอามาฝากให้อ่านเล่นค่ะ..

นั่นแสดงว่าอยู่เขียนไม่รู้จัก Theistic evolutionist สินะถึงได้บอกว่า Evolutionist ตรงข้ามกับ Creationist
พริบตาของพระเจ้ามันนานแค่ไหนล่ะในเมื่อพระเจ้าไม่มีกาลเวลาไม่มีจุดเริ่มและจุดจบ พระเจ้าออกแบบกฎต่าง ๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวก็สิ่งต่าง ๆ ก็ได้ สิ่งที่เกิดมามันก็ล้วนอยู่ในกฎที่พระเจ้าสร้างขึ้นอยู่ดี ที่มีปัญหาอยู่ก็คือพวกคัมภีร์นิยมไงล่ะ

http://www.sc.mahidol.ac.th/scbi/MUBIO_Webboard.php?TopicID=1040&Action=ViewTopic&Lang=Eng

อีกกลุ่มมีความเชื่อว่ากฏธรรมชาติต่างๆ สร้างขึ้นโดยพระเจ้า เช่นการคัดเลือกตามธรรมชาติก็เป็นกฎที่สร้างโดยพระเจ้า แต่พระเจ้าปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินไปตามกฎที่สร้างขึ้นนั้นเอง วิวัฒนาการที่เกิดขึ้น เป็นไปตามกฎที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้า เรียก "theistic evolution"

ถ้านิยามของ theistic evolution คือข้อความด้านบน..
ดิฉันว่า..เนื้อหาจากหนังสือที่ดิฉันยกมา ก็มีความหมายในทำนองเดียวกันนะคะ

ส่วนตรงหมายเหตุ ความหมาย Evolutionist กับ Creationist ที่ดิฉันยกมาในตอนท้าย
นำมาจากเชิงอรรถในหนังสือ เพื่ออธิบายความหมายของคำที่กล่าวถึงเพิ่มเติมเท่านั้น

หนังสือเล่มนี้ไม่มีลักษณะของคัมภีร์นิยม และการประกาศศาสนาเลยค่ะ
และสำหรับดิฉัน (คนที่สนใจความเชื่อมโยงของศาสนาและวิทยาศาสตร์)..ยังมีเรื่องที่กล่าวถึงอย่างน่าสนใจอีกมากมาย..ที่ยกมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังสือ..ประมาณ 1หน้าครึ่ง จาก 312 หน้า

[Jseventh]

เพื่อนเสรีไทยเคยสงสัยเหมือนดิฉันไม๊คะว่า..
ทำไม มนุษย์เราจึงต้องหาความจริงหรือศึกษาเรื่องราวต่างๆ ในลักษณะที่ "แบ่งแยก"
เราแยกองค์ความรู้ออกเป็นส่วนๆเพื่อศึกษา..แต่มักจะไม่ยอมนำมาประกอบหรือหาจุดเชื่อมโยงกัน
แต่กลับชอบที่จะงัดข้อ หรือหักล้างทำลายทฤษฏีอื่นๆ ที่ตนไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง
ไม่เหลือที่ว่างให้กับ "ความสัมพันธ์กันทางความคิด" (relation of ideas) หรือความเป็นไปได้ที่จะนำมาเชื่อมโยงกันและประกอบกันเป็นภาพเหมือน "จิ๊กซอว์" (jigsaw puzzle)

ทำไมสิ่งๆหนึ่ง หรือเรื่องๆหนึ่ง จึงต้องเป็นไปได้แค่ทฤษฏีใดทฤษฏีเดียว
ทำไมจะเกิดจากหลายทฤษฏีรวมกัน หรือเชื่อมโยงกันไม่ได้!

ตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน..ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
จนนำไปสู่เรื่องราวที่กว้างขวางขึ้น..เช่น

สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้..
พระเจ้า..
เต๋า..
เซน..
ฺBig Bang Theory..
Creationist
Evolutionist
theistic evolution
....................
....................

หรือจะเป็นอย่างที่ในหนังสือ Conversations with God กล่าว..

ผู้เขียน : ผมสันนิษฐานว่า เราทุกคนต่างมีความกระหายใคร่รู้ไม่มีวันจบสิ้น

God : แต่ เธอก็รู้อยู่แล้วนี่! ฉันเพิ่งบอกเธอไปเองไง! แต่เธอไม่ได้อยากรู้ความจริง เธอแค่อยากรู้ความจริงตามที่เธอเข้าใจ นี่คือปราการใหญ่หลวงที่สุดที่กั้นเธอไม่ให้เข้าถึงความรู้แจ้ง เธอคิดว่าเธอรู้ความจริงแล้ว! เธอคิดว่าเธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งต่างๆ เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเธอก็จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอได้อ่าน ได้ฟัง หรือได้เห็น ซึ่งไปกันได้กับกรอบความคิดของเธอ แล้วก็ปฏิเสธอะไรก็ตามที่ไม่เข้ากับกรอบนั้นทิ้ง นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเรียนรู้ นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเปิดรับต่อคำสอน แต่อนิจจาเธอเอ๋ย..เธอไม่มีทางเปิดรับคำสอนใดได้ถ้ายังคงปิดตัวเองต่อทุก สิ่งที่ต่างไปจากความจริงที่เธอมี

[จะบ้าตาย]

ยุค ไอที ครับ

[jrr.]

ขออนุญาตสงสัยแบบชาวบ้านธรรมดา........................
หากคนวิวัฒนาการมาจากลิง.......................

แล้วลิงที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน.....ทำไมมันยังคงเป็นลิงอยู่
...............................มันรอทำลิงอะไร !!!

.....................

[Solidus]

ขออนุญาตสงสัยแบบชาวบ้านธรรมดา........................
หากคนวิวัฒนาการมาจากลิง.......................

แล้วลิงที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน.....ทำไมมันยังคงเป็นลิงอยู่
...............................มันรอทำลิงอะไร !!!

.....................

แล้วไอ้ลิงที่วิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ กับลิงในปัจจุบันมันชนิดเดียวกันหรือครับ ผมถามไปตั้งแต่ต้นแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครตอบทีว่า

ไปกำหนดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ให้ได้ก่อนครับ ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่เรียกว่ามนุษย์
H. habilis
H. erectus
H. rudolfensis
H. georgicus
H. ergaster
H. antecessor
H. cepranensis
H. heidelbergensis
H. neanderthalensis
H. rhodesiensis
H. sapiens
H. floresiensis

ขนาดแค่ชนิดเดียวกัน พวกคอเคซอยด์บางคนยังเรียกมองโกลอยด์ว่า "Yellow monkey" เลย

[eAT]

ขออนุญาตสงสัยแบบชาวบ้านธรรมดา........................
หากคนวิวัฒนาการมาจากลิง.......................

แล้วลิงที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน.....ทำไมมันยังคงเป็นลิงอยู่
...............................มันรอทำลิงอะไร !!!

.....................

ตอบแบบชาวบ้าน
- รถไฟวิวัฒน์ไปถึงความเร็ว 300+ km/hr. แต่ทำไมเมืองไทย ยังถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง
- มอเตอร์ไซด์วิ่งฉะบายไม่ต้องเหนื่อย แต่ไหงมีคนยังถีบจักรยานอยู่
- หนังสือพิมพ์สี่สีมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ทำไมยังมีคนพิมพ์ขาวดำ แถมเวลาอ่านมือก็ดำตามไปด้วย
- ดาราเดี๋ยวนี้ถ่ายโป๊กันเกลื่อน ทำไมบางคนเขาไม่วิวัฒน์ไปถ่ายแบบโป๊บ้างล่ะ

คนไม่ได้มาจากลิง ยกเว้นว่าคุณเรียกชื่อไพเมทโบราณนั้นว่าลิง

[O2Mini]

ไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลยแฮะ