Argus wrote:loginofu wrote:ถ้านิยามว่า Homo คือวงศ์มนุษย์
คงต้องบอกว่าข้างต้นทั้งหมดรวมไปถึงรูปที่ยกมา คือสายพันธุ์ของมนุษย์ครับ
โชคดีจังเลย มีคนบอกว่าผมเป็น โฮโม ครับ
เขาบอกว่าผมเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์นี่เอง ขอบคุณครับ
ซะงั้น
Argus wrote:loginofu wrote:ถ้านิยามว่า Homo คือวงศ์มนุษย์
คงต้องบอกว่าข้างต้นทั้งหมดรวมไปถึงรูปที่ยกมา คือสายพันธุ์ของมนุษย์ครับ
โชคดีจังเลย มีคนบอกว่าผมเป็น โฮโม ครับ
เขาบอกว่าผมเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์นี่เอง ขอบคุณครับ
Argus wrote:loginofu wrote:ถ้านิยามว่า Homo คือวงศ์มนุษย์
คงต้องบอกว่าข้างต้นทั้งหมดรวมไปถึงรูปที่ยกมา คือสายพันธุ์ของมนุษย์ครับ
โชคดีจังเลย มีคนบอกว่าผมเป็น โฮโม ครับ
เขาบอกว่าผมเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์นี่เอง ขอบคุณครับ
ก็ขึ้นอยู่ว่าจะใช้โฮโมแบบไหนครับ แบบ Homo นี้ หมายถึงสกุลของสิ่งมีชีวิต หรือ Homo ที่หมายถึง homosexualArgus wrote:loginofu wrote:ถ้านิยามว่า Homo คือวงศ์มนุษย์
คงต้องบอกว่าข้างต้นทั้งหมดรวมไปถึงรูปที่ยกมา คือสายพันธุ์ของมนุษย์ครับ
โชคดีจังเลย มีคนบอกว่าผมเป็น โฮโม ครับ
เขาบอกว่าผมเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์นี่เอง ขอบคุณครับ
Solidus wrote:ถ้าระหว่างเรื่องพรหมกินง้วนดินแล้วกลายเป็นมนุษย์ กับเรื่องพระเจ้าสร้างมนุษย์ ผมเลือกเชื่ออย่างหลังมากกว่าอีก
Solidus wrote: ส่วนเรื่องมนุษย์กำเนิดมากี่ปีแล้วเอาเรื่องมนุษย์ปัจุบัน H. sapiens sapiens นี่แหละครับว่าเกิดมากี่ปีมาแล้วในทางศาสนาพุทธ
Solidus wrote: และในอัคคัญญสูตรเองก็บอกเองไม่ใช่หรือครับว่า "มีสมัยบางครั้งบางคราว" แสดงว่าไม่จำเป็นต้องทุกคราว และอีกอย่างหนึ่งก็คือภพภูมิมนุษย์ไม่ได้มีแค่ที่เดียว ยังมีบุรพวิเทหทวีป อุตรกุรุทวีป และอมรโคยานทวีป
Solidus wrote:และชาวพุทธบางคนก็เห็นสอนว่า
บิดามารดาเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ลูกเป็นมนุษย์ หรือลูกเป็นสัตว์ดิรัจฉาน บิดามารดาเป็นมนุษย์ ลูกที่ฆ่าบิดามารดาใน ๒ ประเภทนี้ แม้จะไม่ได้ชื่อว่ากระทำอนันตริยกรรมก็ตาม แต่กรรมชนิดนี้ก็จัดเป็นกรรมหนักให้ผลแรงเช่นเดียวกัน
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ฆ่าพระอรหันต์นั้น แม้ว่าผู้ที่ถูกฆ่าในขณะนั้นยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์และยังไม่ตายในทันที ก็ตาม แต่ในเวลานั้นเองผู้ที่ถูกฆ่าได้เจริญกรรมฐานและได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้วเข้าสู่ปรินิพพานโดยอาศัยการถูกฆ่านั้น เช่นนี้ก็ได้ชื่อว่าผู้ฆ่านั้นได้เข้าถึงอรหัตฆาตกกรรม
ไม่รู้เอามาจากไหน
Solidus wrote:แล้วอีกอย่างหนึ่งคือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ต่างจากทฤษฎีทางสังคมศาสตร์อย่างไร
Solidus wrote:On the Origin of Species ตีพิมพ์ 1859 ส่วน 1872 นั้นเป็นการตีพิมพ์ครั้งที่ 6 และเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ดาร์วินกล่าวไว้ใน The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1871 และที่น่าแปลกใจอย่างหนึ่งทำไมไม่มีคนพูดถึงวอลเลซเลย
onerukna wrote:Solidus wrote:ถ้าระหว่างเรื่องพรหมกินง้วนดินแล้วกลายเป็นมนุษย์ กับเรื่องพระเจ้าสร้างมนุษย์ ผมเลือกเชื่ออย่างหลังมากกว่าอีก
- ขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นการว่าตามตำรา ประเด็นก็ไม่ใช้จะให้เลือกเชื่อหรือไม่เชื่อตามSolidus wrote: ส่วนเรื่องมนุษย์กำเนิดมากี่ปีแล้วเอาเรื่องมนุษย์ปัจุบัน H. sapiens sapiens นี่แหละครับว่าเกิดมากี่ปีมาแล้วในทางศาสนาพุทธ
- แค่นั่งนึกก็ปวดหัวแล้วครับ ลองไล่ดูนะครับ
1 รอบอสงไขยปี = 1 อันตรกัป
64 อันตรกัป = 1 อสงไขยกัป
4 อสงไขยกัป = 1 มหากัป
ดังนั้น 1 มหากัป = 256 อันตรกัป
ใน 4 อสงไขยกัปนั้นมี 4 ช่วงคือ
1. ช่วงที่โลกและจักรวาลกำลังถูกทำลาย ( สังวัฏฏอสงไขยกัป) นาน 64 อันตรกัป
2. ช่วงที่โลกและจักรวาลถูกทำลายเสร็จสิ้นแล้ว(สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป ) นาน 64 อันตรกัป
3. ช่วงที่โลกและจักรวาลกำลังพัฒนาเข้าสู่ภาวะปกติ( วิวัฏฏอสงไขยกัป ) นาน 64 อันตรกัป
4. ช่วงที่โลกและจักรวาลเจริญขึ้นพัฒนาเรียบรู้อบแล้ว มีสิ่งมีชีวิตบนโลก (วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป) นาน 64 อันตรกัปเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า วิวัฏฏายีอสงไขยกัป เป็นอสงไขยกัปที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนโลก ที่มีระยะเวลา 64 อันตรกัป
ปัจจุบันอยู่ในช่วง อันตรกัปที่12 (อันดับที่ 12 จากทั้งหมด 64 อันตรกัปที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนโลก)
........หมดความเพียรจะหาคำตอบให้คุณ Solidus จริงๆ ครับ อจินไตยSolidus wrote: และในอัคคัญญสูตรเองก็บอกเองไม่ใช่หรือครับว่า "มีสมัยบางครั้งบางคราว" แสดงว่าไม่จำเป็นต้องทุกคราว และอีกอย่างหนึ่งก็คือภพภูมิมนุษย์ไม่ได้มีแค่ที่เดียว ยังมีบุรพวิเทหทวีป อุตรกุรุทวีป และอมรโคยานทวีป
- ขอบคุณครับที่ชี้แนะ แต่นอกจากช่วงที่ไม่ใช่สมัยครั้งบางคราว มีการกว่ากาำรกำเนิดมนุษย์เป็นอย่างอื่นมั้ยครับSolidus wrote:และชาวพุทธบางคนก็เห็นสอนว่า
บิดามารดาเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ลูกเป็นมนุษย์ หรือลูกเป็นสัตว์ดิรัจฉาน บิดามารดาเป็นมนุษย์ ลูกที่ฆ่าบิดามารดาใน ๒ ประเภทนี้ แม้จะไม่ได้ชื่อว่ากระทำอนันตริยกรรมก็ตาม แต่กรรมชนิดนี้ก็จัดเป็นกรรมหนักให้ผลแรงเช่นเดียวกัน
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ฆ่าพระอรหันต์นั้น แม้ว่าผู้ที่ถูกฆ่าในขณะนั้นยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์และยังไม่ตายในทันที ก็ตาม แต่ในเวลานั้นเองผู้ที่ถูกฆ่าได้เจริญกรรมฐานและได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้วเข้าสู่ปรินิพพานโดยอาศัยการถูกฆ่านั้น เช่นนี้ก็ได้ชื่อว่าผู้ฆ่านั้นได้เข้าถึงอรหัตฆาตกกรรม
ไม่รู้เอามาจากไหน
- ไม่ทราบเหมือนกันว่าเอามาจากที่ใหน รบกวนอ้างอิงตาม พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ว่าอยู่ส่วนใหนด้วยครับ ถ้าไม่อยู่ในสามหมวดนี้ ช่วยโน๊ตด้วยว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของท่านใด เพราะปัญหาของพุทธศาสนาปัจจุปันเกิดจากการใส่ความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไปเองSolidus wrote:แล้วอีกอย่างหนึ่งคือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ต่างจากทฤษฎีทางสังคมศาสตร์อย่างไร
- ไม่ทราบครับ ประเด็นคืออะไรครับ เผื่อจะอยากอธิบาย
ขอโทษที่ครับที่ไม่สามารถตอบคำถามที่ไม่รู้ ถ้าสนใจจะหาคำตอบเพิ่มแนะนำที่เวบนี้ดีกว่าครับ ผู้รู้เยอะกว่า http://www.larndham.net
...
แท้จริง ผู้ที่เป็นมนุษย์เท่านั้นปลงชีวิตมารดาหรือบิดาผู้เป็นมนุษย์ ซึ่งยังไม่เปลี่ยนเพศจากมนุษย์ จึงเป็นอนันตริยกรรม. ผู้ทำอนันตริยกรรมคิดว่า เราจักห้ามวิบากของกรรมนั้น ดังนี้ จึงสร้างสถูปทองคำขนาดเท่าพระมหาเจดีย์ให้เต็มห้วงจักรวาลทั้งสิ้นก็ดี ถวายมหาทานแด่พระภิกษุสงฆ์ที่นั่งเต็มสากลจักรวาลก็ดี ไม่ละชายผ้าสังฆาฏิของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเที่ยวไปก็ดี เมื่อกายทำลายแตกตายไปก็เข้าถึงนรกเท่านั้น.
ส่วนผู้ใดตนเองเป็นมนุษย์ ปลงชีวิตมารดาหรือบิดาผู้เป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ดี ตนเองเป็นสัตว์ดิรัจฉานด้วยกันก็ดี กรรมของผู้นั้นไม่เป็นอนันตริยกรรม แต่เป็นกรรมหนักตั้งจดอนันตริยกรรมทีเดียว.
แต่ปัญหานี้ ท่านกล่าวสำหรับผู้ที่เป็นมนุษย์. ในปัญหานั้นควรกล่าวเรื่องเอฬกจตุกกะ สังคามจตุกกะ และโจรจตุกกะ
ก็บุคคลแม้เข้าใจว่า เราจะฆ่าแพะแล้วฆ่ามารดาหรือบิดาผู้เป็นมนุษย์ ซึ่งตั้งอยู่ในที่อยู่ของแพะ ชื่อว่าต้องอนันตริยกรรม. บุคคลผู้ฆ่าแพะด้วยเข้าใจว่าเป็นแพะ หรือด้วยเข้าใจว่าเป็นมารดาหรือบิดา ชื่อว่าไม่ต้องอนันตริยกรรม. บุคคลผู้ฆ่ามารดาหรือบิดาโดยเข้าใจว่าเป็นมารดาหรือบิดา ชื่อว่าต้องอนันตริยกรรมโดยแท้...
ผมว่าเป็นความซวยของดาร์วินมากกว่าครับที่ออกหนังสือมาให้คนด่าข้ามศตวรรษ ทั้งที่วอลเลซมีส่วนร่วมในทฤษฎี Natural selection แต่พวกที่ไม่ได้ศึกษาทฤษฎีนี้หรือประเภทจำขี้ปากเขามาก็นึกว่าทฤษฎีนี้ดาร์วินเป็นคนคิดเพียงคนเดียว ส่วนเรื่องหนังสือผมว่าเล่มนี้น่าสนกว่านะถ้าเป็นเรื่องของดาร์วินeAT wrote:Solidus wrote:On the Origin of Species ตีพิมพ์ 1859 ส่วน 1872 นั้นเป็นการตีพิมพ์ครั้งที่ 6 และเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ดาร์วินกล่าวไว้ใน The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1871 และที่น่าแปลกใจอย่างหนึ่งทำไมไม่มีคนพูดถึงวอลเลซเลย
ยืนยันว่าหนังสือทุกเล่มที่ผมมีี่เขียนถึงประวัติของดาร์วิน กับทฤษฏีวิวัฒนาการ
จะกล่าวถึงวอลเลซครับ เป็นคนที่ดวงซวยสุดๆ ดันเขียนทฤษฎีวิวัฒนาการได้
แต่ดันส่งมาให้ดาร์วินดู เลยทำให้ดาร์วินต้องรีบเขียนของตัวเองให้จบ ทั้งที
อยากจะให้ตีพิมพ์ตอนที่เขาสิ้นชีวิตไปแล้ว
แนะนำหนังสือให้อ่าน (แนะนำไปแล้ว ก็จะแนะนำอีกที)
ประวัติย่อของเกือบทุกสิ่ง
http://www.dvddiary.com/web/index.php?n ... le&sid=206
Solidus wrote:1. H. sapiens sapiens โผล่มายังไม่ถึงล้านปีครับ ถ้ามนุษย์ในไตรปิฎกมีมานานกว่านี้ก็ไม่ใช่ H. sapiens sapiens แล้วครับ
2. เรื่องทวีป http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=33
Solidus wrote:3. เนื้อหาเรื่อง บิดามารดาเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ลูกเป็นมนุษย์ เอามาจากเว็บนี้ http://board.dserver.org/e/easydharma/00000129.html
หรืออีกลิงค์ก็เขียนว่า
แท้จริง ผู้ที่เป็นมนุษย์เท่านั้นปลงชีวิตมารดาหรือบิดาผู้เป็นมนุษย์ ซึ่งยังไม่เปลี่ยนเพศจากมนุษย์ จึงเป็นอนันตริยกรรม. ผู้ทำอนันตริยกรรมคิดว่า เราจักห้ามวิบากของกรรมนั้น ดังนี้ จึงสร้างสถูปทองคำขนาดเท่าพระมหาเจดีย์ให้เต็มห้วงจักรวาลทั้งสิ้นก็ดี ถวายมหาทานแด่พระภิกษุสงฆ์ที่นั่งเต็มสากลจักรวาลก็ดี ไม่ละชายผ้าสังฆาฏิของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเที่ยวไปก็ดี เมื่อกายทำลายแตกตายไปก็เข้าถึงนรกเท่านั้น.
ส่วนผู้ใดตนเองเป็นมนุษย์ ปลงชีวิตมารดาหรือบิดาผู้เป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ดี ตนเองเป็นสัตว์ดิรัจฉานด้วยกันก็ดี กรรมของผู้นั้นไม่เป็นอนันตริยกรรม แต่เป็นกรรมหนักตั้งจดอนันตริยกรรมทีเดียว.
แต่ปัญหานี้ ท่านกล่าวสำหรับผู้ที่เป็นมนุษย์. ในปัญหานั้นควรกล่าวเรื่องเอฬกจตุกกะ สังคามจตุกกะ และโจรจตุกกะ
ก็บุคคลแม้เข้าใจว่า เราจะฆ่าแพะแล้วฆ่ามารดาหรือบิดาผู้เป็นมนุษย์ ซึ่งตั้งอยู่ในที่อยู่ของแพะ ชื่อว่าต้องอนันตริยกรรม. บุคคลผู้ฆ่าแพะด้วยเข้าใจว่าเป็นแพะ หรือด้วยเข้าใจว่าเป็นมารดาหรือบิดา ชื่อว่าไม่ต้องอนันตริยกรรม. บุคคลผู้ฆ่ามารดาหรือบิดาโดยเข้าใจว่าเป็นมารดาหรือบิดา ชื่อว่าต้องอนันตริยกรรมโดยแท้...
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... b=20&i=153
Solidus wrote:4. เรื่องทฤษฎี http://th.wikipedia.org/wiki/....
ผมไม่ได้ติดใจเรื่องสัตว์ดิรัจฉานมีลูกเป็นมนุษย์ได้นี่ครับ และที่ผมยกมามันก็อยู่ในอรรถกถาในส่วนสุตตันตปิฎกนี่ครับ ที่ยกมาก็เพราะเห้นชาวพุทธหลายคนที่รับไม่ได้ที่ดิรัจฉานวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ได้ และที่ว่าเป็นเรื่องแต่ง หากเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้จะแต่งเรื่องนี้มาอธิบายทำไม และอีกอย่างคือไม่คิดว่าอัคคัญญสูตรจะเป็นเรื่องแต่งมาเพื่อสอนพราหมณ์ทั้งสองบ้างรึครับonerukna wrote:Solidus wrote:3. เนื้อหาเรื่อง บิดามารดาเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ลูกเป็นมนุษย์ เอามาจากเว็บนี้ http://board.dserver.org/e/easydharma/00000129.html
หรืออีกลิงค์ก็เขียนว่า
แท้จริง ผู้ที่เป็นมนุษย์เท่านั้นปลงชีวิตมารดาหรือบิดาผู้เป็นมนุษย์ ซึ่งยังไม่เปลี่ยนเพศจากมนุษย์ จึงเป็นอนันตริยกรรม. ผู้ทำอนันตริยกรรมคิดว่า เราจักห้ามวิบากของกรรมนั้น ดังนี้ จึงสร้างสถูปทองคำขนาดเท่าพระมหาเจดีย์ให้เต็มห้วงจักรวาลทั้งสิ้นก็ดี ถวายมหาทานแด่พระภิกษุสงฆ์ที่นั่งเต็มสากลจักรวาลก็ดี ไม่ละชายผ้าสังฆาฏิของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเที่ยวไปก็ดี เมื่อกายทำลายแตกตายไปก็เข้าถึงนรกเท่านั้น.
ส่วนผู้ใดตนเองเป็นมนุษย์ ปลงชีวิตมารดาหรือบิดาผู้เป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ดี ตนเองเป็นสัตว์ดิรัจฉานด้วยกันก็ดี กรรมของผู้นั้นไม่เป็นอนันตริยกรรม แต่เป็นกรรมหนักตั้งจดอนันตริยกรรมทีเดียว.
แต่ปัญหานี้ ท่านกล่าวสำหรับผู้ที่เป็นมนุษย์. ในปัญหานั้นควรกล่าวเรื่องเอฬกจตุกกะ สังคามจตุกกะ และโจรจตุกกะ
ก็บุคคลแม้เข้าใจว่า เราจะฆ่าแพะแล้วฆ่ามารดาหรือบิดาผู้เป็นมนุษย์ ซึ่งตั้งอยู่ในที่อยู่ของแพะ ชื่อว่าต้องอนันตริยกรรม. บุคคลผู้ฆ่าแพะด้วยเข้าใจว่าเป็นแพะ หรือด้วยเข้าใจว่าเป็นมารดาหรือบิดา ชื่อว่าไม่ต้องอนันตริยกรรม. บุคคลผู้ฆ่ามารดาหรือบิดาโดยเข้าใจว่าเป็นมารดาหรือบิดา ชื่อว่าต้องอนันตริยกรรมโดยแท้...
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... b=20&i=153
- การตัดเอามาบางส่วนทำให้สื่อความหมายผิดไป เรื่องที่ยกมาเป็นการแต่งเพิ่มเติมเพื่ออธิบายอนันตริยกรรม ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไร แต่เดาว่าคุณ Solidus คงติดใจว่าทำมัยสัตว์ดิรัจฉานจึงมีลูกเป็นมนุษย์ได้ ในพระอภิธรรมมีการกล่าวถึง มนุษย์กำเนิดได้หลายแบบ 1. ลาพุชกําเนิด 2.อัณฑชกําเนิด 3.สังเสทชกําเนิด 4.โอปปาติกกําเนิด (มนุษย์ในสมัยต้นกัปป์ )
เรื่องอนันตริยกรรมนี้จะไปเกี่ยวพันกับการกำหนดว่า โครปาราชิก บวชได้หรือไม่ได้ ซึ่งเป็นการกำหนดให้ครบว่า โคร /ทำอะไร/แค่ใหน เป็นอนัตริยกรรม อยู่ในพระวินัยครับSolidus wrote:4. เรื่องทฤษฎี http://th.wikipedia.org/wiki/....
- ถ้าเป็นวิทยาศาสตร์ก็ไม่เห็นต้องรีบด่วนตัดทิ้งสมมุติฐานอื่นง่ายๆ ถ้าหากยังไม่ได้ข้อสรุปที่เป็นกฏออกมา
Huligan wrote:แนวคิดที่บอกว่า คนไม่เคยออกลูกเป็นลิง ดังนั้นคนไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกับลิง? ผมว่าเป็นเหตุผลที่โคตรอ่อน!
cameronDZ wrote:สูตรการยัดเยียดข้อหาของฝ่ายโปรดาร์วิน
ที่เด็ดขาดที่สุดก็คือ บอกว่า ใครที่ไม่เชื่อทฤษฎี Evolution ก็แสดงว่า เชื่อใน Creation โดยพระเจ้า
แต่ถ้าเขาปฏิเสธว่า ไม่ได้เชื่อในพระเจ้่า
ก็จะถูกยัดข้อหาใหม่อีกว่า ไม่ได้ศึกษา Evolution อย่างถ่องแท้
แต่ถ้าเขาบอกว่า ศึกษาแล้ว แต่ไม่เชื่อ
ก็จะถูกยัดข้อหาใหม่อีกว่า ไม่มีสติปัญญาพอจะเข้าใจ
. . .
พูดไปพูดมา
เจอหน้าท้าชก กันไปเลย
น่าจะดีที่สุด
ผมว่าผมบอกไปตั้งแต่หน้าแรกแล้วนะว่าวิวัฒนาการคืออะไร ถ้าต้องการย้ำล่ะก็ จัดให้ครับ "ผมเชื่อว่า สิ่งมีชีิวิตมีวิวัฒนาการ" และขอคำตอบที่ถามไว้ด้วยนะครับcameronDZ wrote:
ไม่เห็นมีใครกล้ายืนยัน ออกมาชัด ๆ เหมือนกับที่ผมกล้าบอกเลย
ว่า "ผมไม่เชื่อว่า สิ่งมีชีิวิตมีวิวัฒนาการ"
Solidus wrote:ไปทำความเข้าใจนิยามของทฤษฎีวิวัฒนาการซะใหม่นะครับว่ามันนิยามว่าอย่างไร ถ้าคุณไม่รู้ก็จะบอกให้ว่ามันเป็นทฤษฎีที่อธิบายกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นระหว่างชั่วรุ่น ถามหน่อยเรื่อง Genetic drift, Gene flow, Mutation มันอยู่ส่วนไหนของทฤษฎีดาร์วินครับ ช่วยบอกหน่อย ปัจจุบันมันยุค modern evolutionary synthesis แล้วนี่ครับ และก็กำลังนิยมเรื่อง Molecular biologycameronDZ wrote:Solidus wrote:ทฤษฎีของดาร์วินเป็นแค่ส่วนหนึ่งของทฤษฎีวิวัฒนาการเท่านั้นนะครับ ทฤษฎีดาร์วินผิดก็ไม่ได้หมายความว่าทฤษฎีวิวัฒนาการจะผิดตาม เข้าใจตรงนี้ก่อนอื่นเลย ทฤษฎีดาร์วินพูดถึงเรื่อง Natural seletion ครับ และทฤษฎีวิวัฒนาการปัจจุบันก็ไปไกลกว่าทฤษฎีดาร์วินมากแล้วนะครับ
แล้วทฤษฎีใหม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทั้งหลายแหล่
ที่โยนขี้แห่งความโง่เขลา ให้ชาร์ล ดาร์วิน รับผิดไปคนเดียว
มันก็พูดคำเดียวกับดาร์วิน เพียงแต่เปลี่ยนสำนวนใหม่
คือ ยังยึดหลักการ "สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ" อยู่ใช่ไหมละครับ
ถ้ายังเชื่อว่า "สิ่งมีชีวิตมีวิวัีฒนาการ"
มันก็คือดาร์วิน(ไม่ชี)โค้ด อันเดิมนะแหละ
เรื่องหลัก ที่อ้างมานี้
ผมไม่ได้ พูดเอง
แต่เป็น "คำถามกลับ" ที่ตีทฤษฎีวิวัฒนาการ ตกม้าตาย มาไม่รู้กี่ทศวรรษแล้ว
ไม่เชื่อดาร์วิน
แต่เชื่อว่า "สิ่งมีชีวิตมีวิัวัฒนาการ"
ฮ่วย มันก็อันเดียวกันนะแหละนายยยยยยย
อารยา wrote:ประพจน์ มโนทัศน์ สังกัป สมมุติฐาน ทฤษฎี กฏ พระสูตร ฯลฯแต่ละคำก็เป็น concept ในองค์ความรู้บ้าง ในระเบียบวิธีคิดวิเคราะห์วิจารณ์บ้าง
โชคร้ายที่แม้แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป้น "บัณฑิต" บางคนเข้าไม่ถึง (เป็นธรรมดา)
ลูกหินฮะ wrote:ปริญญาตรี สมัยนี้ใครเขาเรียนกัน ? ..เช๊ยเชย @! ... มาเป็น... ดารา, นักร้อง, พิธีกร, นางแบบ, แด๊นเซอร์ ฯลฯ ..ที่ สนามหลวงฯ กันดีก่า ฮะ"
http://www.oknation.net/blog/stonekid/2 ... 25/entry-1
อย่าเสียเวลาเร๊ยฮะ ... มาเป็น... " ดารา, นักร้อง, พิธีกร, นางแบบ, แด๊นเซอร์ ฯลฯ " ที่สนามหลวง กันดีกว่า ฮะ
มาอยู่ กับ พรรคของ คุณพ่อทักษิณ ของพวกเรา แล้วจะ .เฮงๆ รวยๆ
เริ่มต้นด้วยการ เป็น... บุคคลสาธารณะ. ที่พวกเราชื่นชอบ.. " ดารา, นักร้อง, พิธีกร, นางแบบ, แด๊นเซอร์ ฯลฯ "
อย่าๆไปสนใจ เรียนต่อ ..เร๊ยย .กินแกลบ ป่าวๆ
ลอง Search ดูซิฮะ ว่า ทำอาชีพ อะไร.. แล้ว รุ่ง ..มีชื่อเสียง .ยิ่งใหญ่ .ร่ำรวย .ระดับ ผู้นำ
อันดับ 1 . ดารา
อันดับ 2 . นักร้อง
อันดับ 3 . พิธีกร
อันดับ 4 . นางแบบ นายแบบ
อันดับ 5 . แด๊นเซอร์
อันดับ 6 . ตลกคาเฟ่
อันดับ 7 . หมอเดา ฯลฯ
ตัวละครยังมีอีกเยอะครับไม่ต้องห่วง แค่ยกตัวละครมาตัวเดียวคุณก็มั่วทฤษฎีของเขาแล้วไม่ใช่รึ เรื่องดาร์วินและวอลเลซถือเป็นต้นน้ำของโครงสร้างความคิด "สิ่งชีวิตมีวิวัฒนาการ" เพราะอธิบายว่าทำไมสิ่งมีชีวิตต้องวิวัฒนาการ (เรื่อง Adaptation กับ Natural selection) แต่อธิบายไม่ได้ว่าเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด และถ่ายถอดลักษณะนั้นได้อย่างไร ต้องรอจนถึงยุคเมนเดลนั่นแหละ (เพิ่มตัวละครอีก 1 ตัว)cameronDZ wrote:นี่มัวแต่ไปฉีกหน้ากระดาษหนังสือ เล่มโน้น เล่มนี้ มาแปะ "ทับ" กันไป ทับกันมา
กลายเป็นโต้วาทีเรื่อง "ทฤษีวิวัฒนาการ" เรื่องดาร์วิน เรื่องวอลเลซ (ตัวละครมันมีเท่านี้เหรอ?)
ปลายน้ำของโครงสร้างความคิด "สิ่งชีวิตมีวิวัฒนาการ" ใช่หรือไม่ใช่ แท้ ๆ
เรื่องศัพท์ ก็ต้องคุยกันครับว่าใครรู้จักคำไหนบ้าง ถึงคำเดียวกันแต่ใช้ต่างสถานการณ์ ต่างเรื่องกันความหมายก็ใช่ว่าจะตรงกัน ยกศัพท์มาแต่ไม่มีใครถามว่าศัพท์นั้นหมายถึงอะไร แล้วคนยกมาจะไปทราบได้ไงครับว่าใครจะไม่รู้บ้าง ต่อให้ใช้ภาษาไทยก็ใช่ว่าจะรู้กันหมดนะครับ ต้องมาแปลไทยเป็นไทยอีกที เอาแค่คำว่า "การวิวัฒนาการ (evolution)" ในเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการก่อนเลยครับว่าเข้าใจความหมายว่าอย่างไร และเรื่อง theism vs evolution จริง ๆ ต้องใช้ Creationist vs. Naturalistic Evolution ครับอารยา wrote:Huligan wrote:แนวคิดที่บอกว่า คนไม่เคยออกลูกเป็นลิง ดังนั้นคนไม่ได้มีบรรพบุรุษร่วมกับลิง? ผมว่าเป็นเหตุผลที่โคตรอ่อน!
แล้วเหตุผลโคตรแข็ง น่าจะเป็น "ลิงไม่เคยออกลูกเป็นคน ซึ่งแปลว่าคนไม่ได้มาจากลิง แต่เห็นด้วยว่าคนมีบรรพบุรุษร่วมกับลิง" ไหมครับ? ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ผมถือโอกาสเขียนกันลืมเท่านั้นเอง
ผมชอบวิธีคิดของหลายท่าน ที่นึกได้ตอนนี้มีของคุณ cameron diaz เมื่อพูดถึงความเหมือนและต่างระหว่าง theism vs evolution (เดี๋ยวจะกลับไปดูอีกทีครับ) ผมเข้าใจว่าท่านคงไม่นิยม cliche และ/หรือ jargons แม้บางครั้งยากที่จะหลีกเลี่ยงหากคุยกันถึงความคิดจากตะวันตก กระนั้นก็พอหลีกเลี่ยงได้ไม่ยากเย็น เพราะเรามีภาษาไทยที่มีคำมากพอจะอธิบายให้เข้าใจได้
มิใช่ขนศัพฝรั่งมาเรียงเกือบเต็มหน้า แล้วถามว่าไม่มีใครอยากรู้มั่งหรือว่ามันเป็นอะไร
ผู้รู้เขาจะค่อยๆคุยกันทีละคำเหมือนเปิบข้าว ไม่ intimidate กันอย่างนั้น
สรุปว่ากระทู้นี้ ผมได้ wisdom ติดไม้ติดมือกลับบ้านไม่น้อยเลยครับ
eAT wrote:http://en.citizendium.org/wiki/Crop_ori ... _evolution
ปลาทองธรรมชาติ
ปลาทองที่ถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ (ของมนุษย์-ชาวจีน)
Solidus wrote:ยกศัพท์มาแต่ไม่มีใครถามว่าศัพท์นั้นหมายถึงอะไร แล้วคนยกมาจะไปทราบได้ไงครับว่าใครจะไม่รู้บ้าง
Solidus wrote:การวิวัฒนาการในความหมายที่ใช้กันทั่วไป คือ "การเปลี่ยนแปลงหรือคลี่คลายไปสู่ฐานะที่ดีขึ้นหรือเจริญขึ้น"
แต่ในทฤษฎีวิวัฒนาการจะหมายถึง "การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นระหว่างชั่วรุ่น" ไม่ได้บอกว่าต้องดีขึ้นหรือเจริญขึ้น
ไม่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ แล้วพวกสิ่งมีชีวิตมันเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้อย่างไรเนี่ย (ยืมเอารุปที่คุณ eAT แปะละกัน)eAT wrote:http://en.citizendium.org/wiki/Crop_ori ... _evolution
ปลาทองธรรมชาติ
ปลาทองที่ถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติ (ของมนุษย์-ชาวจีน)
แล้วถ้าอธิบายไปแล้วต้องมาอธิบายซ้ำนี่ ไม่น่าจะเป็นเรื่องเขาไม่รู้ ไม่เข้าใจนะครับอารยา wrote:ไม่มีปัญหาครับ ไม่ต้องถาม พูดไปเลย จะพรรณนา หรืออธิบาย ไม่มีข้อจำกัด ดูบริบทเสียหน่อยถ้ายังไม่ต้องการเปลี่ยนเรื่อง ถ้าน่าสนใจ จะสนใจเพราะเขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือรู้ดีกว่าเรา จะออกมาเอง เผลอๆ เจ้าของคำนั้นอาจเพิ่งรู้ตัวว่าต้องเรียนรู้อีกมหาศา่ล
และก็ไม่ผิดปกติ[/color]
We Still Learn
Monash U.
หัวข้อกระทู้คือ "คนวิวัฒนาการจากลิง จริงหรือไม่ครับ" จะตอบได้ก็ต้องกำหนดก่อนว่าอารยา wrote:แบบนี้แหละครับ ว่าไปทีละคำสองคำที่มันเกี่ยว
ขอบคุณครับ
ถ้ากำหนดได้แล้วก็มาถึงเรื่อง "อะไร" ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการ ทีนี้ก็มาถึงเรื่องทฤษฎีย่อยแล้วครับ ทฤษฎีดาร์วินและวอลเลซอธิบายเรื่องการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต (Adaptation) กับการคัดสรรโดยธรรมชาติ (Natural selection)Solidus wrote:ไปกำหนดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ให้ได้ก่อนครับ ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่เรียกว่ามนุษย์
H. habilis
H. erectus
H. rudolfensis
H. georgicus
H. ergaster
H. antecessor
H. cepranensis
H. heidelbergensis
H. neanderthalensis
H. rhodesiensis
H. sapiens
H. floresiensis
และถ้ากำหนดได้แล้วว่าชนิดใดเป้นมนุษย์ก็จะมาถกกันต่อ ความจริงถึงกำหนดไม่ได้ก็จะบอกให้ว่าสัตว์ในอันดับไพรเมต โดยเฉพาะอันดับย่อย Haplorrhini ก็เรียกว่าลิงกัน แล้วมนุษย์อยู่ในอันดับย่อยนี้รึเปล่า ถ้าอยู่มันก็ยังเป็นลิงอยุ่ดี เพียงแต่ว่าลิงชนิดไหนเท่านั้นเอง และคำกล่าวว่าคนเปลี่ยนแปลงหรือวิวัฒนาการมาจากลิง นั้นจะถูกหรือจะผิดขึ้นอยู่ว่าลิงนั้นเป็นลิงชนิดไหน ถ้าเป็นลิงที่เห็นในปัจจุบันล่ะก็คนที่กล่าวนั้นไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องวิวัฒนาการเลยสักแต่จำคนอื่นเขามาแบบผิด ๆ แล้วก็บอกไปอย่างผิด ๆ และถ้าบอกว่ามนุษย์มีมาตั้งล้านปีแล้วก็ต้องย้อนกลับไปที่ว่าสัตว์ชนิดใดที่เรียกว่ามนุษย์ เพราะ H. sapiens นั้นก็แค่หลักแสนปีเท่านั้นเอง