นี่ล่ะนะความไม่ตรงต่อเวลาของคนยุคนี้
ผมตั้งใจที่จะออกเดินทางไปประจวบก่อนเที่ยงเล็กน้อย แต่เพื่อนผมที่จะไปด้วยดันบอกว่า จะมาถึงบ้านผมประมาณบ่ายโมง เพราะลูกคนเล็กเรียนพิเศษเสร็จเที่ยง
สมัยก่อน เรื่องความตรงต่อเวลาสำคัญมากครับ ที่บ้านผม ใครไม่ตรงเวลาจะถูกตำหนิมากกว่า พูดคำหยาบเป็นไหนๆ เดี๋ยวนี้กลับมีคนไม่ตรงเวลามาก
ผมเคยทำงานกับคนต่างชาติทั้งฝรั่ง และเอเชียด้วยกัน(ญี่ปุ่น) รู้สึกว่าเขาเห็นเวลาเป็นเรื่องสำคัญจริงๆคนไทยเราไม่ค่อยให้ความสำคัญในเรื่องนี้โดยเฉพาะข้าราชการไทย ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน เสมอต้นเสมอปลายมาก คือ ไม่ตรงเวลา ทั้งที่นาฬิกาก็มีผูกข้อมือกันทุกคน
************************************************************************************
มาต่อดีกว่าครับ ดนตรี เสียงเพลง เมาๆ
สมัยก่อน ไม่มีหรอก ไอพอด จะฟังอะไรเป็นส่วนตัว อย่างเก่งก็วอล์กแมนรุ่นแรกๆที่เป็นคาสเซทเทปเท่านั้นครับ ใครมีก็เท่ระเบิดระเบ้อแล้ว
สมัยวัยรุ่น ผมไปคลองถมหาซื้ออะไหล่ต่างๆมาประกอบสเตอริโอเอง เสียงดีกว่าไปซื้อยี่ห้อดังเป็นไหนๆเพราะเราเลือกสเปคได้ แต่บอดี้อาจดูไม่สวยนัก
ใครจะไปรู้ว่า คุณวิทยา ศุภพรโอภาส ซึ่งปัจจุบันทำรายการเพลงลูกทุ่งเป็นหลัก จะเป็นดีเจยุคแรกๆที่เปิดเพลงร๊อกแบบฮาร์ดร๊อก แบบอันเดอร์กรานด์ ในรายการ "คึกคักยามบ่าย"
เพลงที่เปิดวัยรุ่นติดกันงอม เพราะเอาแต่วงดังๆมาเปิด เช่น deep purple grand funk (อันนี้กลัวพิมพ์ผิดจริงๆ) black sabbath uriah heep และอื่นๆอีกมาก
เพลงไทยผมก็ชอบครับ ฟังหมดลูกทุ่ง ลูกกรุง สากลไทย สตริง แบบว่าเสียงเพลงนั้นกล่อมจิตคนได้เสมอ ไม่ว่าเพลงนั้นจะรังสรรค์มาในแนวใด
พี่หมึก หรือเวลาเมาๆ ผมก็เรียกไอ้หมึก สมัยที่ คลับ นิวยอร์ค ที่โรงแรมมณเฑียรเปิดใหม่ๆ ผมแวะไปหาเสมอ เพราะผมชอบไปนั่งทานอาหาร กินกาแฟที่เรือนต้น ในสมัยก่อน
เจ้าชู้บรรลัยจักร เชื่อไม่ทิ้งแถวคุณพ่อนักแต่งเพลงชื่อก้องเมืองไทยเลย แต่ลูกชาย ที่น่าจะเป็นหลานผมอะนะ มันอนุชาติบุตร .......ก็ยังดีที่ ยังมีเชื้อแรงๆดีๆของพี่หมึกอยู่มาก
พี่หมึกเป็นดีเจที่สาวๆติดมากในสมัยก่อน โตมากะไนท์สปอต ของหม่อม.
สาวๆโทรไปขอเพลงหรือนัดไปกินข้าวเราก็ไม่รู้ แต่ควงสาวไม่ซ้ำสักคนเวลาเจอ
แต่เก่งครับ เก่งจริงๆขอชมพี่เลย พูดจาไพเราะ เป็นที่รักของนักดนตรี คนในวงการ และเพื่อนมากมาย วางตัวดีมากกับทุกคน
สมัยนู้น ไม่รู้เป็นไร ผมชอบดื่มมากๆ แต่ดื่มมันเพื่อสนุก ไม่ได้ให้มันมาดื่มเราเพื่อให้เราไปนอนเป็นเพื่อนกะไอ้ด่าง
เมาไม่ขับ ไม่มีหรอก ตรวจแอลกอฮอล ก็ไม่มี ขับรถกันทั้งเมาๆนั่นแหละ รอดมาจนปัจจุบันก็สาธุแล้วครับ
ไอ้อ๋อยเพื่อนผมเป็นอีกคนที่มันเมาแล้ว ไม่ออกอาการใดๆหากไม่ซี้กันจริง มันขับโฟล์กเต่าแต่แต่งสวยกรีดกรายไปทั่วพระนครทีเดียว หมอนี่สิงสถิตประจำบาร์คาร์เธียร์ ที่ต่อมาพอเจ้าของเท่งทึง แล้วก็เจ๊งไป แถวถนนวิทยุ
คุยๆกันอยู่ในร้านโซโหต้นถนนวิทยุสมัยก่อนด้านเพลินจิต มีเพื่อนคนนึงบอกว่า อยากไปพัทยา
เท่านั้นแหละมันกระโดดออกจากร้านเช็คบิลแทบไม่ทัน ไปพัทยา
ขึ้นรถก็หลับกันหมด เพราะเมาจนจำไม่ได้แล้วว่ามือซ้ายตัวเองมันอยู่ข้างขวาหรืออยู่ตรงไหน
ตื่นมาอีกที ไอ้อ๋อย มันปลุกบอก เฮ้ยถึงพัทยาแล้วว้อย
พวกผมมองไปรอบๆ อ้าว ไอ้หอกมีรอยแตก นี่มัน หน้า สน.ทองหล่อ(สมัยก่อน) นี่หว่า
ตำรวจยืนยิ้มเผล่อยู่รอบรถ บอกให้ทุกคนออกมา ไปหากาแฟกินก่อน ไม่เอาเรื่อง
มารู้ทีหลังเพราะ หมวดจบใหม่คนหนึ่งเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเก่าพอดี ตามมานั่งกินกาแฟด้วย บอกว่า
ไอ้อ๋อยมันขับรถไปจอดหน้าโรงพัก เดินตั่บๆขึ้นไป ไปที่จ่าประชาสัมพันธ์ที่รับแจ้งความนั่นแหละ
มันบอกกะจ่าหน้าตาเฉย ไร้อาการคนเมา แต่แววตามันออกจะเหมือนคนบ้า ขอเช็คอินห้องคู่ สองห้อง ช่วยเอาเบียร์กะกับแกล้มสองสามอย่างไปที่ห้องด้วย เดี๋ยวตามไป พร้อมโปะเครดิตการ์ด (มีแล้วครับ สมัยนั้น มี วีซ่า กะ เอเม็กซ์) แล้วมันก็เดินอ้าวๆมาปลุกพวกผม
ตำรวจก็เลยตามลงมาเกือบทั้งโรงพัก สงสัยว่ามันบ้า หรือ มันเมา
โชคดีนะ รุ่นน้องดันเป็นตำรวจที่โรงพัก ไม่งั้นคงได้นอนพัทยาทองหล่อกันยาวทั้งคืนหมดทุกคน