แดง ขาว น้ำเงิน wrote:น้าชดครับ ขอแรงๆ สักแก้ว แก้เบื่อ แก้รำคาญหน่อยครับ
ผมมาเวลาว่างนะครับ ไม่ใช่เวลางาน
ทำเหมือนผมเป็น ครู ซะงั้นเนออะ หิ หิ
ผมน่ะว่างแล้ว เพราะปลดตัวเองนั่งเป็น ศาลพระภูมิ นานๆก็กริ๊งทีมาถามเรื่องปัญหางาน ขอคำแนะนำ
ถามว่าทำไมผมปลดตัวเองทั้งที่ยังมีแรงพอทำ
ผมปลดตัวเองเพราะผมไม่อยากให้ลูกหลาน ลูกน้อง ต้องรอความสำเร็จ ตอนแก่ น่ะสิครับ
หากผมทำต่อไป คนรุ่นหลังก็ไม่มีทางโตขึ้นมาตรงนี้
ในต่างประเทศ ผู้บริหาร ที่ดี เขาจะทำกันแบบนี้ คือ ปลดตัวเองออกไปห่างๆ เพื่อปล่อยให้เด็กรุ่นหลังก้าวหน้า ทั้งที่ตนเองนั้น ยังทำต่อไปได้อีกนาน แต่นั่นคือ การสร้างคนให้แก่สังคมครับ
หากเขาไร้โอกาส แล้วใครล่ะ จะให้โอกาสเขา คำว่าโอกาส ต้องหาเอง และมีผู้ยื่นให้
แต่การหาเองนั้น ทำได้ยากมากในสังคมแห่งการแข่งขัน
ในขณะเดียวกัน มือบริหารงานแบบ over all ยิ่งหายาก ในการทำงานเข้าไปทุกที
หากไม่มีโอกาสได้เรียนรู้และทำ ก็ยากที่จะโต ยากที่จะไปสอนต่อคนอื่นๆ อันเป็นบุคคลากรที่จะต้องมีศักยภาพในสังคมนั้นๆ
ลูกน้องผมที่ทำงานข้างตัวผมแต่ละคนรู้จักผมดีว่า ผมสอนทุกเม็ด ทุกเวลาในการทำงาน คนที่ไม่เข้าใจก็เรียกผมว่า ท่านละเอียด
แต่คนที่เข้าใจบางคน ก็จะเรียกผมด้วยความเคารพ แล้วแต่สรรหาคำมาเรียก
ผมทำงานมาตลอดชีวิต โชคดีตรงที่มีนายดีครับ นายไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ สอนผมหมด สอนจนผมจะเขียนตำราแทนท่านได้ก็แล้วกัน
แต่นายที่ผมรักมากที่สุด เป็น คนอเมริกัน ผิวดำ เรียกว่า ต้นตระกูลน่ะ ทาส จริงๆมาจากแอฟริกาเลย
ท่านสอนผมทุกเม็ดในการทำงาน แอบให้ความรู้ในเชิงแนวคิดบริหารอยู่อย่างเสมอๆ สอนให้มี ethic ในธุรกิจ ไม่ว่าจะขายไอติมหรือ ขายเรือบิน
ท่านให้โอกาสผมในหลายๆเรื่องที่จะเรียนรู้และพัฒนา ตอนที่ท่านเกษียณไป สมัยที่ผมทำงานอยู่ต่างประเทศและเรียนไปด้วย ผมเองน้ำตาไหลเหมือนเด็กๆทีเดียว เรียกว่าท่านเป็นไอดอล ที่ปลูกฝังการสร้างบุคคลากรให้แก่สังคม กับผมทีเดียว
ท่านยังมีชีวิตอยู่ครับ แต่ก็ชรามากแล้ว ปีสองปี ก็บินไปเยี่ยมท่านถึงบ้านทีเดียว ถือเป็น พ่อคนที่สองของผมก็ได้
มีคำสอนของท่านอยู่ที่ผมจำไม่รู้ลืมและนำมาใช้ นำมาถ่ายทอดคนรุ่นหลังๆต่อไปก็คือ
" หากรู้จักให้โอกาสคน ได้คิดและทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำ เราอาจพบเพชรเม็ดงาม ในขณะเดียวกัน เพชรเม็ดงามเม็ดเีดียว แม้จะมีมูลค่าที่สูง แต่ ต้องไม่ลืม หินสีสวยๆที่มีดาษดื่นรอบตัวเรา ที่ช่วยให้เรามองเห็นอย่างสวยงามทุกๆวัน ด้วย"