ก่อนอื่นขอบอกว่า ผมไม่ได้มีอคติหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดเลี้ยงใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่รู้สึกผิดที่แนะนำเพื่อนไปแล้วงานออกมาไม่ดี ทำให้เพื่อนโดนผู้ใหญ่ตำหนิ.....อีกอย่างผมต้องการให้เป็นอุทาหรณ์แก่คนที่เป็นลูกค้า รวมถึงผู้ที่ทำธุรกิจรับจัดเลี้ยงทั้งหลายให้มีจรรยาบรรณมากยิ่งขึ้นไม่ใช่สักแต่เอาชื่อเสียงร้านของตัวเองมารับงานและกินหัวคิวอย่างเดียว
ร้านนี้มีชื่อ 2 พยางค์แรกเป็น ภาษาจีน 2 พยางค์หลังเป็น ภาษาอังกฤษ ครับ “กิม..จ..เวดดิ้ง” มี website เป็นของตัวเองด้วย เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผมต้องการหาร้านรับจัดงานเลี้ยงที่เหมาทั้ง 3 มื้อ (บริษัทเพื่อนผมมีเหตุต้องเลื่อนวันจัดงานกะทันหัน ทำให้ร้านที่เขาต้องการมาจัดให้ไม่ได้.....อีกอย่างช่วงสิ้นปีหายากอยู่แล้ว) จึงโทรถามผม ๆ ก็แนะนำไปว่า ให้เข้าไปดู web ร้าน “กิม.......” สิ อาหารเขาใช้ได้ ภาชนะสะอาด บริการก็ดี ผมเคยไปงานแต่งงานเพื่อนเขาจ้างร้านนี้จัด เพื่อนผมก็เข้าไปดูและก็สอบถามโทรคุยกับลูกสาวเจ้าของร้านตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย กว่าจะคุยเสร็จตกลงเลือกอาหารกันลงตัวก็เซ็นสัญญาและจ่ายมัดจำเป็นเงินเกือบ 17,000 บาท (จากยอดเต็มเกือบ 6 หมื่น) วันที่ 14 /12 /52 (2 อาทิตย์ก่อนจัดงาน) โดยมีรายละเอียดดังนี้
-coffee break เช้า ราคา 35 บาท ต่อคน ( จำนวนคน 150 คน) / ขนม 2 อย่าง / กาแฟ,ชา
-อาหารถวายพระ 9 รูป ราคา 2,500 บาท เมนูเดียวกับโต๊ะจีนแต่ปริมาณเท่าคน 12 คนกิน เพิ่มปลากับเป็ดเป็นวงละตัว
-โต๊ะจีน 16 โต๊ะ สำรอง 1 ราคาโต๊ะละ 1,900 บาท
-coffee break บ่าย ราคา 100 บาท ต่อคน ( จำนวนคน 165 คน) / ขนม 3 อย่าง / กาแฟ / น้ำผลไม้
เพื่อนผมบอกว่า พอร้านนี้ได้รับมัดจำก็เงียบหาย จนเพื่อนผมชักหวั่น ๆ ว่า “มันจะมาไหมวะ” ส่ง mail แผนที่ ๆ รวมถึงอุปกรณ์ที่ต้องการขอยืม (ถ้วยเล็กเพื่อใส่ข้าวต้มเครื่อง) เพื่อให้นำมาวันจัดงานก็เงียบไม่มีโทรหาหรือตอบ mail โทรไปไม่รับและไม่ค่อยโทรกลับ (ผิดวิสัยคนให้บริการอย่างมาก) จน 2 วันก่อนวันงานเพื่อนผมส่ง sms เข้ามือถือน้องที่รับเรื่อง เธอถึงได้โทรกลับมาและบอกว่า ยุ่งมากจนไม่มีเวลา check mail แต่ก็รับปากในสิ่งที่ขอ พร้อม confirm เรื่องเวลา (ประมาณ 06.30 น) โดยบอกว่า น้องสาวจะไปแทน....(ถ้าเป็นผม ๆ จะไม่ยอมเพราะคนที่เป็นคนประสานงานกับเราควรจะต้องมาเอง แต่เพื่อนผมคนนี้มันก็ไม่ใช่ผู้หญิงจู้จี้จุกจิกและไม่เคี่ยวเอาเสียเลย ผมว่ามันไม่เหมาะกับการประสานงานที่จะต้องต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น) ต่อ....พอถึงวันงานเพื่อนผมโทรตามแต่เช้า น้อง(คนที่จะมา)ไม่รับ พอโทรไปอีกทีตัดสายทิ้งแล้วปิดมือถือเลย.....แต่ก็โทรตามจนเจอว่า รถที่จัดโต๊ะไปหลงอยู่อีกที่ สรุปกว่าจะมาถึงเกือบ 7 โมงครึ่ง.......พอเพื่อนผมไปถึงโรงงานที่จะจัดงานประมาณเกือบ 8 โมง มันก็สงสัยว่า ทำไมมาแค่ 6 คนแล้วจะทำอาหารทันหรือ (แต่ยังอุตส่าห์มองโลกแง่ดีว่าคงมีคนตามมาอีก) แถมแต่ละคนหัวกระเซอะกระเซิงเหมือนใครไปขุดมาจากที่นอนแล้วมาเลย (แต่ยังอุตส่าห์มองโลกแง่ดีว่าเดี๋ยวเขาคงมีผ้ากันเปื้อนหรือมีเสื้อที่ดูดี ๆ มาใส่คลุม...มองโลกแง่ดีมากแม่คุณเอ๊ย).........มันก็ไม่ว่าอะไร (เป็นผมด่าแล้วครับ) มันเดินไปดูเขาจัด coffee break เช้า ในจานแต่ละจาน (เป็นพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง) ก็มี แซนวิชทูน่า 1 ชิ้น (ชิ้นเท่าขนมปังแผ่นหั่น 4 ซ้อน 2 ชั้น) / แยมโรล 1 อันเล็ก และกาแฟใส่ซองใส่ในแก้วกระดาษ (อันนี้ถ้าให้ผมจัดจะถูกกว่า 35 บาท) .....แต่ก็ไม่ว่ากันพอรับได้เพราะมีข้าวต้มเสริมอยู่แล้ว เพื่อนผมก็เดินไปคุยกับน้องคนที่มาคุมเธอก็บ่นเรื่องหลงทาง เพื่อนผมก็เดินไปถามคนทำอาหารว่า ถ้วยเล็กที่ขอไว้ล่ะ เขาก็ชี้ไปที่ถุงสีขาวใหญ่ ๆ บอกอยู่ในนั้น เพื่อนผมก็ให้คนไปเอามาเปิดดูลมแถบจับทั้งดำ ทั้งฝุ่น ต้องให้คนงานช่วยกันเอาไปล้าง (รวมช้อนด้วย) พอเริ่มกางโต๊ะเสร็จ (เพื่อนผมก็ต้องให้คนงานของมันมาช่วยเพราะกางไม่ทัน) ประมาณ 10 โมง น้องคนที่มาคุมงานก็อันตรธานหายไป (กลับไปโดยไม่บอกกล่าวเจ้าของงาน)....... และความหายนะก็เริ่มขึ้นเป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ตัวโต๊ะ (บางตัว) จะพังอยู่แล้ว เก้าอี้สกปรกมากและโต๊ะ VIP ถาดวางอาหาร (กลม ๆ ตรงกลาง) หมุนไม่ได้ ???
2. เวลาทำอาหารไม่มีผ้าขาวบางมาปิดอาหารที่ทำแล้วเพื่อกันแมลงวัน พอเพื่อนผมถามกลับใช้ถุงดำ (ที่เตรียมไว้ใส่ขยะ) มาตัดคลุม!!!
3. คนทำอาหาร – คนเสริฟ แต่งตัวไม่สะอาดและเหมือนไม่ค่อยอยากให้บริการ (ก็ชุดที่มันใส่ตอนนอนแหละครับ)
4. จำนวนโต๊ะ 17 โต๊ะ เด็กเสริฟมี 2 คน? สุดท้ายพนักงานของบริษัทเพื่อนผมต้องเดินตักน้ำแข็งกันเอง
5. อุปกรณ์จาน ชาม ช้อน ที่ใส่น้ำแข็ง ฝุ่นจับสกปรกมาก ต้องให้คนมาล้างใหม่และไม่มีทีคีบน้ำแข็งให้
6. ผ้าปูโต๊ะก็เอามาไม่ครบโต๊ะ ๆ สำรองไม่มีให้
7. อาหารโต๊ะสำรองบอกว่า ไม่พอ พอไปถามก็บอกว่า แบ่งอาหารไปให้โต๊ะพระแล้ว เพื่อนผมก็บอกว่า
ไม่เกี่ยวเพราะอาหารถวายพระจ่ายเงินต่างหาก ถึงยอมรับว่าไม่ได้เตรียมมาเพราะไม่คิดว่าจะใช้โต๊ะสำรอง
(ไม่รู้ว่าพูดมาได้ยังไง) …….มืออาชีพสุด ๆ ๆ !!!!
8. ซอสจิ้มขนมจีบก็ไม่เอามาบอกว่า ลืม (ง่ายมั้ยครับ)
9. ถ้วยเล็กที่ขอมาใส่ข้าวต้มตอนเช้า คนที่จัดก็ไม่บอกมันว่าไม่ได้เตรียมมาให้ พอถึงเวลาเสริฟของหวาน เพื่อนผม
ถามว่าทำไมไม่มีถ้วยแบ่ง คนเสริฟตอบว่า ก็พี่ยืมไปใส่ข้าวต้มตอนเช้า ซึ่งเพื่อนผมบอกว่า อันนั้นขอไปต่างหากนะ
คนเสริฟตอบ ไม่รู้ครับเขาไม่ได้บอก เพื่อนผมถามว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่บอกแต่แรกจะได้ให้แม่บ้านของเรามาช่วย
ล้าง (แล้วสภาพคือกองไว้แบบนั้นไม่มีอะไรมาใส่และไม่มาเก็บด้วย)
10. ข้าวผัดห่อใบบัวข้าวบูด ไม่มีโต๊ะไหนกินเลย ??? ที่สำคัญเอาถวายพระวันรุ่งขึ้นลูกศิษย์วัดโทรมาแจ้งว่า พระบางรูปที่ฉันท์...
ท้องเสียและเป็ดยัดไส้เกาลัดยัดเกาลัดมา 2 เม็ด ??? ปลาทอดโบราณเหม็นคาวเหมือนเพิ่งไปเอาจากสะพานปลา....นี่โต๊ะ
ราคา 1,900 บาทนะครับ
11. ไม่มีการมาเก็บเคลียร์โต๊ะให้ ต้องบอกให้มาเก็บเพราะคนจะเริ่มกิน coffee break…ถึงเดินมาเก็บให้
12. ชุด coffee break บ่าย ที่คิดหัวละ 100 บาท ดูรูปที่เพื่อนผมส่งมาให้ว่า มันเหมาะสมกับราคาหรือไม่ (Gateaux house) คิดหัว
ละ 110 บาท แพงกว่า 10 บาท มีขนม 3 อย่าง- เครื่องดื่มชากาแฟ-น้ำผลไม้- รวมอุปกรณ์และบริกร สภาพดีกว่านี้มาก
(คือผมต้องใช้คำว่าสภาพจริง ๆ ) ..........
ยังครับ.....ยังไม่หมด งานเลี้ยงเลิก 6 โมงเย็น กว่าจะเคลียร์เงินลงตัว 2 ทุ่มเพราะรอน้องที่รับงาน fax สำเนาบัตรประชาชนและ
ใบเสร็จรับเงินมาให้ ซึ่งเพื่อนผมบอกแจ้งล่วงหน้าแล้วว่า ต้องนำมา เพราะบัญชีเขาเข้มงวดเรื่องการรับ- จ่ายเงิน ต้องให้เคลียร์...
แต่กว่าคุณเธอจะหาที่ fax ได้เกือบ 2 ทุ่ม อ้างคำเดียว “ลืม” และที่เพื่อนผมแค้นสุด ๆ คือมารู้เอา
วันรุ่งขึ้นว่า ข้าวบูดทำให้พระท่านท้องเสีย ซึ่งเพื่อนผมก็ด่าพนักงานมันว่า ทำไมวันนั้นที่ยืนวิจารณ์ coffee break
ไม่มีใคร บอกมันสักนิดว่าข้าวบูด ปลาเหม็นคาว เป็นไม่ยัดไส้มาให้มันจะได้ไม่จ่ายเงิน.....มาบอกอะไรตอนนี้ (ผมอนุมานเอาว่า
มันคงมองโลกในแง่ดีกันทั้งบริษัท) เพื่อนผมโทรเล่า(ปนด่าผม)กับผมฟังพร้อมส่งรูปมาให้ดู พอผมเห็นรูป ...โอ้แม่เจ้า.....
นี่ coffee break หรือ นึกว่าอาหารว่างในคุก ? ตอนเซ็นสัญญามันระบุว่ารายการอาหารคือ 1.Chicken mini burger
2.fruit tart 3.กล้วยหอมทอดราดซอสน้ำผึ้งหรือchocolate แต่ในรูปที่เห็น กล้วยแขกยังดูดีกว่า..ส่วน fruit tart เขาก็
เอา Ritz cracker มาโปะด้วยมายองเนสแล้ววางองุ่น 1 ซีก... Chicken mini burger ก็เอาขนมปัง (เหมือนขนมปังให้ปลากิน)
มาโปะด้วยเศษ ไก่ แตงกวา และมะเขือเทศ.....แล้วทั้ง 3 อย่างใส่จานละ 1 ชิ้น ดูจากรูปผมว่าถ้าสั่ง แม็คโดนัล มาแจกแพงสุด
ก็ 65 บาทเองครับ ผมว่า + - แล้วโต๊ะราคาไม่ถึง 1,000 บาทด้วยซ้ำ ส่วน coffee break ไม่ต้องพูดถึงกำไรมากกว่า 70 % แน่ ๆ
ผมเลยสรุปว่า ที่ผมเคยไปกินมันไม่ใช่แบบนี้ ทั้งอาหาร,ภาชนะ, การบริการและรูปแบบการจัดอาหาร.....ทางร้านต้องส่งต่อร้าน
อื่นทำแน่ ๆ และเงินมัดจำ 30 % คงเป็นค่าที่หักหัวคิว เพื่อนผมทำเสียง งง ๆ ปนดุ ๆ (คราวนี้มันมองโลกในแง่ดีไม่ออก...เพราะมี
แต่คนสรรเสริญมันมา) ผมโทรไปที่ร้าน (ผมโทรแทนเพื่อนเพราะรู้สึกผิดเกินบรรยาย) ........ทางร้านจึงยอมรับว่า ส่งงานให้
ร้านอื่นที่เป็นญาติกันทำเพราะตัวเองทำไม่ทัน (ร้านที่รับต่อชื่อ 2 พยางค์หน้าเหมือนสนามบินโคตรแพงของประเทศเรา ส่วน
2 พยางค์หลังคือ “ศิริ” รวมกันเองครับและจำไว้ด้วย) ...เขาบอกว่าวันนั้นรับมา 6 งาน และยังบอกอีกว่า เวลาส่งร้านนี้ไปทีไร
โดนลูกค้าด่ากลับมาทุกที....อ้าว..แล้วรู้ทั้งรู้ส่งยังมาทำไมเพราะยอดค่าใช้จ่ายที่บริษัทเพื่อนผมจ่ายเกินครึ่งแสนนะครับมัน
ไม่ใช่น้อย ๆ คุณกินหัวคิวไม่ว่ากัน...แต่ร้านที่คุณจะส่งต่อให้มาทำคุณต้อง screen สิครับเพราะมาในนามร้านคุณนี่...ผมฟัง
แล้วงง…OK .. ในเมื่อทำแบบไม่กลัวเสียชื่อเสียงก็ดีครับ...ผมก็จะจัดให้เพราะเพื่อนผมยืนยันว่า คนที่มาจัดบอกว่า เป็นร้านคุณ
ไม่ใช่ร้านอื่น....ยังครับ...ยังแก้ตัวว่าเพื่อนผมส่งสัญญาและโอนเงินมัดจำมาช้าแค่ 3 วันก่อนจัดงาน เพื่อนผมจึง scan ใบ
สัญญาและใบโอนเงินทาง internet-banking มาให้ผมดูคือทั้ง 2 ใบลงวันที่ 14 /12 / 52 .....2 อาทิตย์ก่อนจัดงานนะครับ
ถ้าทางร้านจัดไม่ได้ก็ปฏิเสธไป..ส่วนลูกค้าจะไปหาได้หรือไม่มันไม่ใช่เรื่องของทางร้านแล้ว...ดีกว่าที่จะมาทำแบบนี้มันทุเรศ
ครับเหมือนกับจะหากินงานเดียวแล้วเลิกเลย ผมสงสัยว่า ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มีแต่เขาแข่งขันเพื่อให้ได้ลูกค้า...แต่นี่เหมือน
กับได้แค่นี้คุ้มแล้ว..ที่เสียความรู้สึกสุด ๆ เพื่อนผมบอกว่าเพิ่งรู้จากพนักงานว่าร้านนี้ซื้อกระดาษจากบริษัทเพื่อนผมไปทำ การ์ด
แต่งงาน ซอง กล่อง สมุดอวยพร คือเป็นลูกค้าบริษัทเพื่อนผมด้วย...แปลกที่เขายังกล้าทำแบบนี้..นี่ผมยุให้เพื่อนฟ้อง ส.ค.บ
และ สาธารณสุข ถึงมาตรฐานของร้านที่มาจัดงาน (ผมเข้าไปsearch ใน google ไม่มีชื่อร้านนี้).........เอาเถอะครับทั้งหลาย
ทั้งปวงเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนที่คิดจะหาร้านจัดเลี้ยงและตัวผู้ประกอบกิจการประเภทนี้ ผมขอบอกว่าทุกอาชีพต้องมีคำว่า
“จรรยาบรรณ” อยู่ในหัวครับ ถ้าไม่มีคุณก็ได้เงินเขาแค่ครั้งเดียวก็จบ....แต่ถ้าคิดแบบ โง่ ๆ ตื้น ๆ ก็คงคุ้มแล้วครับ