เสียงคนวงนอก : Bye Bye South Africa , See all again at Brazi

คุยกันสบายๆ ไม่ซีเรียส

เสียงคนวงนอก : Bye Bye South Africa , See all again at Brazi

Postby TonyMao_NK51 » Mon Jul 12, 2010 1:38 pm

เสียงคนวงนอก : Bye Bye South Africa , See all again at Brazil


โดย : TonyMao_NK51
E – Mail : tonymao_nk51@hotmail.com

คาดว่าทุกท่านคงจะได้ทราบกันแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา “ กระทิงดุ ” สเปนได้เป็นแชมป์โลก World Cup 2010 ที่แอฟริกาใต้ หลังชนะ “ กังหันสีส้ม ” เนเธอร์แลนด์ ไป 1 ประตูต่อ 0 ก็เป็นอันว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้จบลง พร้อมๆ กับเรื่องราวมากมาย ที่วันนี้ผมจะขออนุญาตผู้อ่านพักเรื่องหนักๆ ( ปกติหนักทุกอาทิตย์จนคนรอบตัวบอกว่าจะเครียดไปถึงไหน แฮ่ๆ ) หันมาดูเหตุการณ์ต่างๆ ในฟุตบอลโลกหนนี้ หลายๆ เรื่องอาจจะทำให้ท่านได้ข้อคิดบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

-------------------------------------------------

- RS กับฟุตบอลโลก 2010

เชื่อว่าหลายท่านคงทราบดี ไม่ต้องอธิบายรายละเอียดกันมาก ไล่ตั้งแต่ไม่ยอมถ่ายทอดพิธีเปิด ( โดยอ้างว่าเพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายเช่าเวลาจากช่องต่างๆ เพิ่ม ) , MV เพลงที่ทำออกมาได้แย่ถึงแย่ที่สุด ( ถ้าเทียบกับวง Tatto Colour ที่ไป Cover เพลงประกอบโฆษณา CocaCola ) , จานดำ C Band ดูบอลโลกไม่ได้ ( อันนี้ไม่โทษ RS เพราะต้นเหตุมาจาก FIFA บังคับให้ RS เข้ารหัสสัญญาณเนื่องจากมีพวกแขกอินเดียขโมยสัญญาณไปขาย คือ C Band ความถี่มันกินไปครึ่งโลก ) และนอกนั้นก็เรื่องจุกจิก ยิบๆ ย่อยๆ อย่างไม่มี Score บนหน้าจอตอนแข่ง ( ซึ่งก็แก้ไขให้ ก็ต้องชมเชย ) รวมไปถึงการไล่เก็บค่าลิขสิทธิ์ ( ซึ่งร้านใหญ่ๆ สมควรเสียจริงไหม? ) และอย่างน้อย RS ก็แก้ตัวได้จากพิธีปิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ต้องรอดูว่าอีก 4 ปีข้างหน้า RS จะได้ลิขสิทธิ์ Brazil 2014 อีกไหม? ถ้าได้จะบริหารจัดการอย่างไรไม่ให้มีปัญหามากเท่าปีนี้อีก

--------------------------------------------------

- วูวูเซล่ากับความรำคาญของผู้ชม

ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับเจ้า VuvuZela เครื่องดนตรีประจำทวีปแอฟริกา ( แต่ที่เห็นๆ เอามาเป่าเล่นน่ะ Made in China ทั้งนั้น ) ที่ดังระงมไปทั้งสนามราวกับมีฝูงผึ้งหรือแมลงวันนับแสนตัวบินอยู่ในสนามฟุตบอล แม้จะมีคนออกมาบ่นเป็นระยะๆ ( “ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ” กุนซือทึมชาติอังกฤษเป็นคนแรกที่บ่น บอกทำลูกทีมเสียสมาธิ ) แต่ FIFA ก็บอกว่าเราห้ามเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นวัฒนธรรมของเขา อย่างไรก็ดีแม้แต่เว็บไซด์บริการฝาก File Video ไว้โชว์บนหน้าเว็บอย่าง Youtube ก็ยังมีโหมด Vuvuzela ให้กดเล่น สำหรับใครที่ชอบเสียงแมลงวันแบบนี้ และคาดว่าเจ้าแตรนี้คงไม่เลิกฮิตง่ายๆ เพราะคงมีฝรั่งหลายคนเอาไปเป่าเล่นในสนามเวลาดูบอลสโมสร ( รู้สึกร้านขายของประจำสโมสร “ ผีแดง ”Manchester United สั่งทำแตรนี้มาขายแล้ว ) นั่นอาจจะรวมถึงไทยพรีเมียร์ลีกบ้านเราด้วย ดังนั้นคอบอลไทยขอให้เตรียมใจกันไว้ให้ดี คาดว่าเราจะต้องฟังการเป่าแตรลักษณะนี้กันไปสักระยะหนึ่งแน่ๆ ( ก็คิดดูเถิด ท่านฮิตเลอร์จากเรื่อง DownFall ยังมีคนเอาไปทำ Sub นรกล้อเลียนเรื่อง Vuvuzela เลย )
----------------------------------------------

- จาบูลานี่ ลูกฟุตบอลปราบเซียน

มีวูวูเซล่า ก็ต้องมี “ จาบูลานี่ ” ลูกฟุตบอลรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Adidas ผลิตมาเพื่อ World Cup 2010 โดยเฉพาะ ว่ากันว่าใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่จึงทำให้บอลรุ่นนี้กลมที่สุดเท่าที่มีการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นบนโลก และแน่นอน มันกลายเป็นลูกบอลที่ไว้ปราบเซียนโดยเฉพาะ เนื่องจากความเบาของมัน ทำให้เวลาโยนบอลยาวๆ มักจะเลยเป้าหมายไปพอสมควร รวมไปถึงมันเป็นฝันร้ายของผู้รักษาประตูเนื่องจากรับยาก บอลมักจะลื่นหลุดมือบ่อยๆ เรื่องนี้ “ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ” กุนซือทีมชาติอังกฤษก็เป็นคนแรกอีกที่ออกมาบ่น บอกว่านักเตะอังกฤษไม่คุ้นเคยกับมัน ( โอ้ยชาตินี้ปัญหาเยอะ เมื่อกี้ก็วูวูเซล่าไปทีละ ) แต่ก็นะ อยากให้แกมาดูฟรีคิกสุดยอดของญี่ปุ่นที่ยิงใส่เดนมาร์กในนัดสุดท้ายจริงๆ ดูเอาเถอะ ญี่ปุ่นเขาไม่เห็นบ่นเลย แถมยิงฟรีคิกด้วยจาบูลานี่ได้ตั้ง 2 ประตูอีกต่างหาก ( หรือว่าเจลีกใช้จาบูลานี่? หรือว่า CSKA มอสโคว์ ลีกรัสเซียก็ใช้จาบูลานี่ด้วย? )

----------------------------------------------

- ฝรั่งเศส กฎแห่งกรรมและการแตกความสามัคคี

เชื่อเถอะว่า 1 ในทีมที่คนดูหมั่นไส้และไม่ชอบที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้คือ “ ตราไก่ ” ตั้งแต่กรณีของ “ หัตถ์พระเจ้า 2 ” ของเธียรี่ อองรี ในเกมรอบคัดเลือกที่เจอ “ ยักษ์เขียว ” ไอร์แลนด์ ทำให้ได้เข้ามาเล่นฟุตบอลโลกหนนี้ได้แบบหืดขึ้นคอ อย่างไรก็ตามการมาครั้งนี้ กลายเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็บอกว่า “ สมเพชและเวทนา ” ทีมตราไก่มากกว่า ไล่มาตั้งแต่กุนซือไร้ฝีมืออย่าง “ น้าเน็คนักการ ” เรมง โดเมเน็ค ( ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคนที่พาฝรั่งเศสเข้าชิงบอลโลก 2006 มาจากการนำทัพของ “ เทพหัวไข่ดาว “ ซีเนอดีน ซีดาน มากกว่าฝีมือการทำทีมของเขา ) ที่มีอคติแปลกๆ ว่าจะไม่เอานักเตะฝรั่งเศสในลีกอิตาลีมาเล่น ( มีคนบ่นว่าสงสัยชาติก่อนนักการแกโดนทหารโรมันฆ่า เลยเกลียดอิตาลี? ) และการแตกแยกในหมู่นักเตะระหว่างหน้าเก่ากับหน้าใหม่ ที่กุนซือทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งโดดซ้อม ทั้งทะเลาะวิวาทกับสตาฟโค้ช ไล่มาจนถึงการส่งตัวนิโคล่า อเนลก้ากลับประเทศ ทีมชาติฝรั่งเศสเล่นกันแบบไม่อยากเล่น ไม่มีชีวิตชีวา และก็แพ้กระทั่งแอฟริกาใต้ในนัดสุดท้าย แฟนบอลที่เป็น “ กองแช่ง ” ( ตรงข้ามกับกองเชียร์ คือคอยแช่งทีมที่ไม่ชอบตลอด ) บอกว่าที่ฝรั่งเศสแตกความสามัคคีเป็นผลมาจากกฎแห่งกรรม ที่ไปก่อกรรมไว้กับไอร์แลนด์ในรอบคัดเลือก ก็ว่ากันไปครับ!

----------------------------------------------

- 2 ทีมเอเชียที่ร้อนแรง และชะตากรรมนักเตะเกาหลีเหนือ

ขอแยกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ “ 2 ทีมเอเชีย ” หมายถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ทำผลงานได้ดีเกินความคาดหมาย เกาหลีใต้นั้นแม้ฟอร์มการเล่นจะแกว่งๆ เพราะแนวรับที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ก็ทำให้ทีมเทพอย่าง “ ฟ้าขาว ” อาร์เจนติน่า ต้องรีบเล่นเร็วเพื่อฝังเกาหลีใต้เพราะคิดว่าอาจจะโดนตีเสมอหลังจากครึ่งแรกนาทีสุดท้ายเกาหลีใต้ได้ประตูตีไข่แตกทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้โดนนำ 2 ต่อ 0 ตลอดทั้งช่วงเวลา ( อาร์เจนฯ นำอยู่ 2 ประตูต่อ 1 อยู่ในช่วงต้นครึ่งหลัง เราจะเห็นการโหมบุกอย่างต่อเนื่องจนได้ลูกที่ 3 และ 4 ตามมาถึงจะเพลาๆ ลง ) รวมไปถึงการสู้กับอุรุกวัยอย่างสูสีในรอบ 16 ทีมสุดท้ายท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำตลอดเกม ก่อนจะแพ้ไปด้วยลูกยิงมหัศจรรย์ของหลุยส์ ซัวเรส ที่ยิงจากมุมเกือบๆ ข้างประตูแล้วโค้งเข้าหาเสาสองเข้าไป ขณะที่ญี่ปุ่นนั้น เกมที่โดดเด่นที่สุดคือการชนะเดนมาร์ก 3 ประตูต่อ 1 โดย 2 ประตูแรกนั้นมาจากลูกฟรีคิก ( ทำให้พวกที่บ่นเรื่องจาบูลานี่สงบปากสงบคำได้บ้าง อายคนเอเชียเขา ) ก่อนจะไปแพ้ปารากวัยในรอบ 16 ทีมจากการดวลจุดโทษหลังต่อเวลา ถ้าให้เทียบกันแล้ว ดูญี่ปุ่นจะเหนือกว่าเกาหลีใต้นิดๆ ในเกมรับ แต่ความต่อเนื่องในเกมรุกนั้นเกาหลีใต้ทำได้ดีกว่า ( แต่กองหน้าไม่คมพอ มิเช่นนั้นพวกเขาอาจจะผ่านอุรุกวัยเข้าถึงรอบ 8 ทีมได้ )

ส่วนเอเชียอีกทีมอย่างเกาหลีเหนือ นัดแรกอาจจะช็อกโลกด้วยการแพ้บราซิลแค่ 2 ประตูต่อ 1 แต่นัดที่สองพวกเขาโดนโปรตุเกสถล่มเละเทะ 7 ต่อ 0 เรื่องนี้มีข่าวว่า “ ท่านผู้นำ ” คิมจองอิล ไม่พอใจอย่างมาก และเราก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าเมื่อพวกเขากลับถึงประเทศแล้วจะโดนอะไรบ้าง ในประเทศที่ได้ชื่อว่า “ นรกบนดิน ” แห่งนี้

------------------------------------------------

- หมดยุคเทพอวตาร ถึงยุคของฟุตบอลระบบ

ฟุตบอลโลกทุกครั้ง เรามักจะได้เห็นผู้เล่นที่ใครๆ ก็จะเรียกว่า “ เทพ ” ปรากฏตัวขึ้น คือเขาผู้นั้นต้องมีฝีเท้า ลีลาการเล่นที่โดดเด่นกว่าทุกคนในสนาม อย่างในอดีตเรามีมาราโดน่า ( วันนี้เป็นโค้ช พารุ่นน้องชาวอาร์เจนฯ มาแข่ง ) ซีดาน โรนัลโด้ เบ็คแฮม ( ที่วันนี้ก็เดินไปมาข้างสนามในฐานะผู้ช่วยของคาเปลโล่ ) แต่ฟุตบอลโลกหนนี้ เหล่าเทพทั้งหลายโชว์ฟอร์มกันไม่ออกแทบทุกราย โดยเฉพาะ “ เมสซี่ ” ที่ถูกผู้เล่นเยอรมันประกบตายจนโชว์ Step ไม่ออก ( อาร์เจนติน่าแพ้เยอรมัน 0 ต่อ 4 ในรอบ 8 ทีม ) ในทางตรงกันข้าม ทีมที่มีเทพหลายๆ ทีม ( เช่นโปรตุเกสที่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ บราซิลมีกาก้า ฮอลแลนด์มีร็อบเบนกับสไนเดอร์ หรือเกาหลีใต้มีปาร์คจีซอง ) บทบาทของเทพลดลง แต่กลายเป็นสมรรถนะของทีมโดยรวมดีขึ้น แทบทุกทีมทั้งยุโรปและเอเชียหันมาเล่นบอลระบบ มีแบบแผนมากกว่าจะเล่นบอลสวยงาม แต่แน่นอนว่ามันคงจะไม่เหมาะกับคนอเมริกาใต้ที่เหมือนฟ้าประทานพรสวรรค์การเตะบอลมาให้คนแถบนั้น ดูบราซิลพอมาเล่นตั้งรับแล้วมันไม่คุ้นตา ( นั่นคือสาเหตุว่าพอแพ้แล้วคนเลยรับไม่ได้ เพราะไม่ได้เล่นแบบที่คนบราซิลชอบดู ขณะที่อาร์เจนติน่า แพ้แล้วชาวอาร์เจนฯ ก็ยังชื่นชม เพราะนั่นคือการสะท้อนบุคลิกภาพของพวกเขาผ่านเกมลูกหนัง ) อ่อ! ยกเว้นปารากวัยนะ ทีมนี้ผ่าเหล่าผ่ากออเมริกาใต้ คือเล่นเกมรับเด่นกว่าเกมรุก ( มีคนสันนิษฐานว่า บรรพบุรุษชาวปารากวัยคืออิตาเลี่ยนอพยพ ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงก็หายงงได้ เพราะอิตาลีเป็นต้นแบบบอลอุดของแท้และดั้งเดิม )

---------------------------------------------

- อุรุกวัยกับความ Drama

ไม่พูดเรื่องนี้คงไม่ได้แน่ๆ เพราะนอกจากอาร์เจนติน่าแล้ว อุรุกวัยเป็นอีกทีมที่ผมดูการแข่งขันตลอด เนื่องด้วยเห็นในความทุ่มเทแบบเงียบๆ แต่โดดเด่นของ “ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ” ที่ตกลงเขาเป็นกองหน้าจริงๆ หรือ? เนื่องด้วยตลอดการแข่งขัน เขาทำหมดทุกอย่างตั้งแต่ยิงฟรีคิก เตะมุม สร้างสรรค์เกมบุก และบ่อยครั้งที่วิ่งลงมาช่วยในเกมรับ แบบนี้น่าจะเป็น PlayMaker มากกว่า เพราะเขาแบกทีมเล็กๆ นี้ไว้และพามาจนถึงรอบ 4 ทีม ( เหมือนซีดานที่แบกฝรั่งเศสเข้าไปชิงในปี 2006 ) เรียกว่ารางวัล MVP ควรเป็นของเขาอย่างไม่ต้องสงสัยแม้อุรุกวัยจะได้เพียงอันดับ 4 ก็ตาม ที่บอกว่าทีมนี้ Drama มากที่สุดเพราะในรอบ 8 ทีมที่เจอกับกาน่า ในนาทีสุดท้าย “ หลุยส์ ซัวเรส ” คนที่ยิงประตูชัยให้เอาชนะเกาหลีใต้ในนัดก่อนหน้านี้ ใช้มือปัดบอลจากหน้าประตูออกไป แน่นอนเขาโดนใบแดงและกาน่าได้จุดโทษ ทว่า...กาน่ายิงไม่เข้า และการต่อเวลาก็หมดพอดี ทำให้ต้องไปดวลจุดโทษตัดสินและอุรุกวัยก็ชนะในที่สุด ( สรุปซัวเรสเป็นทั้งผู้ทำประตูสำคัญ และผู้รักษาประตูสำคัญ ) เรื่องนี้กลายเป็นกระทู้ให้วิพากษ์วิจารณ์บนโลกไซเบอร์อย่างต่อเนื่องถึงสปิริตของนักกีฬา ( ดราม่าขนาดไหนไม่รู้ คิดดูเถิด ขนาด รมว.คลังคนปัจจุบันของบ้านเรายังขียนบทความเรื่องนี้ลง FaceBook ของแกเลย )

-----------------------------------------------

- นักพากย์ฟุตบอลกับภาษาแปลกๆ

นี่ก็ขาดไม่ได้ เป็นหัวข้อสุดท้ายของบอลโลกหนนี้ครับ นักพากย์บ้านเรามีภาษาแปลกๆ ( จริงๆ มาจากอดีตนักฟุตบอลบ้าง กุนซือทีมสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีกบ้างมาร่วมพากย์ ) มาฝากด้วย เช่น Overlap , ฟุตบอลทางลึก ฯลฯ แต่ที่ทำหลายๆ คนเครียด แต่หลายๆ คนอาจจะฮา น่าจะเป็นการเรียกชื่อนักฟุตบอล เช่น ชาบี้เป็นชาวี่ , ร็อบเบนเป็นร็อบเบลล์ หรือการพยายามจะฟิวชั่นฟอร์ลันกับซัวเรส เป็นฟอเรสบ้าง หลุยส์ฟอร์ลันบ้าง ( ถ้าฟิวชั่นได้จริงจะเก่งขนาดไหนเนี่ย? ) ของนักพากย์บางคน เล่นเอาคนดูปวดหัวไปตามๆ กัน ขณะที่นักพากย์บางคน ถ้าไม่พากย์แบบไร้อารมณ์ ก็จะเนียนเข้าข้างทีมโปรดของตัวเอง จนบางคนปิดเสียงโทรทัศน์แล้วเปิดเสียงวิทยุฟังแทนเพราะบางคลื่นมีถ่ายทอด และเอา DJ ของคลื่นมาพากย์ ซึ่งหลายกระแสบอกว่าทำได้ดีกว่าพวกพากย์ในโทรทัศน์

-----------------------------------------------

หมดแล้วครับ บางคนอาจจะงงว่าทำไมผมไม่พูดถึงสเปนบ้าง เพราะผมไม่เคยดูสเปนเล่นแม้แต่นัดเดียวครับ ( แปลกไหมละ? ) รวมไปถึงเรื่องปลาหมึกพอล ( ที่โชคดีเยอรมันได้อันดับ 3 จริงๆ ไม่งั้นอาจจะโดนจับย่างได้ ^ ^ ) แต่สิ่งที่จะส่งท้ายไว้ก่อนจะจบคอลัมน์วันนี้ คือมีเรื่องเล่าว่ามีคนไปถามซีดานว่าฝึกอย่างไรถึงได้เล่นบอลเก่งเทพแบบนี้ ซีดานไม่ได้บอกเคล็ดวิชาอะไรพิเศษนอกจากบอกแค่ว่า “ ฝึกแค่พื้นฐาน จนมันเป็นส่วนหนึ่งของชิวิต ” ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ แต่มันไปตรงกับที่มี Guru ฟุตบอลบางคนตำหนินิสัยคนไทยว่า “ อยากได้ Step เทพ แต่ละเลยพื้นฐาน ” คือมีท่าเทพไว้โชว์ก็จริง แต่ไม่มีแรงวิ่งได้ครบ 90 นาที แล้วท่าเทพๆ ก็จะไร้ความหมายไปโดยปริยาย

จบแล้วครับ พบกันใหม่ที่บราซิล อีก 4 ปีข้างหน้า ( ถ้า 2012 ไม่มีจริงนะ )

....................................................
" มนุษย์มีหน้าที่ต่อสู้กับกิเลสนิยมเพื่ิิอพิทักษ์หลักแห่งคุณธรรมนิยม และทั้งนี้ผู้มีคุณธรรมที่แท้จริง ย่อมมิเกรงกลัวการตรวจสอบจากสาธารณชนเช่นกัน "

I'm Haew Master. The Man who never happy in love. Forever.
User avatar
TonyMao_NK51
 
Posts: 43
Joined: Sun Jan 10, 2010 5:14 pm

Return to ชายคาพักใจ



cron