โตแบบไร้ทิศทาง(รถเมล์อยู่ไหน)

คุยกันสบายๆ ไม่ซีเรียส

โตแบบไร้ทิศทาง(รถเมล์อยู่ไหน)

Postby เขมจิรา » Mon Sep 13, 2010 5:44 pm

โตแบบไร้ทิศทาง!

เป็นที่แน่นอนว่าหนึ่งในคณะ ‘ไทยแลนด์ฟอรัม’ ที่รับผิดชอบการศึกษาค้นคว้าประเด็นที่จะนำเสนอต่อสาธารณะ เพื่อชี้เห็นว่าประเทศนี้ บ้านเมืองนี้ สามารถร่วมสร้างสรรค์ ร่วมบริหารจัดการให้ดีได้ เป็นสถาปนิกที่มีผลงาน เป็นอาจารย์คณะสถาปัตย์ฯ จุฬาฯ ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหาไม่น้อย นั่นคืออาจารย์ ขวัญสรวง อติโพธิ
เมื่อมีประเด็นร้อนจากการประชุมคณะรัฐมนตรีในเรื่อง ‘รถเมล์ 4,000 คัน’ ที่สร้างปัญหาค้างคาใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทย ที่เมื่อเริ่มจัดตั้งรัฐบาลมีรูปคู่แฝดสไตล์ ‘อิน-จัน’ ที่แสดงโดย ‘อภิสิทธิ์-เนวิน’ ปรากฏต่อสื่อให้ฮือฮากันทั้งบ้านทั้งเมือง ประเด็นเรื่องรถเมล์นี้ ผู้ที่โดนสังคมรุมกระหน่ำจึงไม่พ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัม แค้นนี้มองผ่านมิติการเมืองคงกระเทือนไปถึงอาจารย์ใหญ่ ภูมิใจไทย อย่าง เนวิน ชิดชอบ อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อไทยแลนด์ฟอรัมเจาะลึกคลี่เรื่องนี้ออกมาดู แฝดสยามอย่าง แก้วสรร-ขวัญสรวง หัวแรงใหญ่ของไทยแลนด์ฟอรัมกลับมองเห็น ‘มิติที่ต่างออกไป’ โดยมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ประเด็นที่สังคมกำลังสาละวนอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ ‘ผิดทิศผิดทาง’ เพราะเรื่อง รถเมล์ 4,000 คัน เป็นประเด็นที่โผล่มาจากการตั้งโจทย์ผิด! ซึ่งต้นธารความคิดนี้เกิดขึ้นจากปัญหาเรื่อง ‘การพัฒนาเมือง’ และ ‘กระบวนการเปลี่ยนเป็นเมือง (Urbanization)’ ในสังคมของเรา
การเดินตามต้นธารความคิดที่ผิดทิศผิดทาง ย่อมส่งผลถึงสภาพที่อยู่กลางน้ำและปลายน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือชะตากรรมที่เป็นสัจธรรมแห่งเหตุปัจจัยของสรรพสิ่ง
เมื่อสาวลึกลงไปในกรณีนี้ เราจะพบเห็นการเติบโตของเมืองในบ้านเรา ที่เป็นไปแบบต่างคนต่างคิด จับต้นชนปลายต่อยอดกันไปเรื่อยเปื่อยตามมีตามเกิด จึงได้รับผลพวงที่พิกลพิการตามกระแสของผลประโยชน์ที่พัดพาไป บางมุมดูคล้ายๆ กับศิลปะแบบ ‘คอลลาจ (Collage)’ บางมิติก็ออกแนว ‘เซอร์เรียลลิสต์’ บางมุมก็ออกแนว ‘อิมเพรสชันนิสต์’ แต่ดูรวมๆ แล้ว แม่งเน่า! เละเทะไม่เป็นสับปะรด!
การเติบโตแบบไร้สำนึก ไร้จิตวิญญาณ การวิ่งตามผลประโยชน์เลอะเทอะที่เกิดขึ้นนี่แหละ สร้างปัญหาขึ้นมากมาย จนต้องถมงบประมาณมหาศาลลงไปแก้ไขทุกปี แค่เรื่องจราจรหรือปัญหาขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯนี่ก็หมักหมมซับซ้อน ยิ่งแก้ยิ่งยุ่งเหมือนลิงแก้แห!
วันนี้การจัดการ ‘ปัญหาจราจร’ และ ‘การขนส่งมวลชน’ ที่เป็นผลจากการเติบโตของเมือง เพียงเรื่องเดียวก็มีมิติปัญหาถมทับกันไว้มากมายหลายชั้น หลากกลุ่มผลประโยชน์ มหานครอย่างกรุงเทพฯทุกวันนี้มีทั้ง ขสมก. มีรถเมล์เล็ก มีรถร่วม มีรถตู้ มีรถสองแถว มีรถกะป๊อตามซอย มีมอเตอร์ไซค์ มีบีทีเอส มีรถใต้ดิน มีบีอาร์ที มีแท็กซี่ ฯลฯ สารพัดรูปแบบวิ่งกันขวักไขว่อยู่ในเมือง
เมื่อแรกเริ่มนั้น แต่ละกลุ่มถูกจัดตั้งขึ้นมาก็เพื่อให้เข้ามาแก้ช่วยปัญหาจราจรและการขนส่งมวลชน แต่พอเวลายาวนานไป แต่ละกลุ่มก็มีเป้าหมายและปัญหาของตัวเอง ซึ่งในที่สุดก็โถมทับเข้าใส่ปัญหาการเติบโตของเมือง พ่วงมาด้วยผลประโยชน์เฉพาะตัวเฉพาะกลุ่ม ขณะที่หน่วยงานรับผิดชอบต่างก็มีอำนาจหน้าที่อันจำกัดจำเพาะ กรุงเทพฯมีบางขอบเขต มหาดไทยมีบางมิติ คมนาคมมีบางมุม ขสมก. ทำได้บางเรื่อง ฯลฯ แล้วอนาคตของเมืองที่เติบโตขึ้นจะเป็นอย่างไร? ภายใต้สถานการณ์ชุลมุนและการจัดการปัญหาที่ไร้ประสิทธิภาพเยี่ยงนี้
คงจะถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องจริงจังกับเรื่อง ‘การพัฒนาเมือง’ และ ‘กระบวนการเปลี่ยนเป็นเมือง’ เพราะแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลง ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในภูมิภาคต่างๆ หากปล่อยปละละเลยไป นอกจากจะต้องเผชิญกับปัญหาทางกายภาพแล้ว คุณภาพชีวิตผู้คนและสังคมก็ไม่อาจดีขึ้นตามที่ควรจะเป็นอีกด้วย! เรื่องนี้คงต้องเพ่ง ‘โจทย์’ ให้ถูกกันซะที
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thailandforum2010.com/forum/
User avatar
เขมจิรา
 
Posts: 1
Joined: Mon Sep 13, 2010 5:15 pm

Return to ชายคาพักใจ



cron