เรื่องของผม

คุยกันสบายๆ ไม่ซีเรียส

เรื่องของผม

Postby y_bletiger » Fri May 27, 2011 3:20 am

I wrote this on 2008. Just want to share it with you all. I am pretty new here... so if this post is not fit in this board, I apologize =)

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


“เฮ้ย ไอ้หนึ่ง ฝากดูลูกหน่อยนะเว้ย”

เสียงเพื่อนตะโกนมาจากปากทางเข้าสนามเด็กเล่น ผมหลุดออกจากภวังค์ หันกลับไปทันเห็นไอ้เพื่อนตัวดีวิ่งเข้าไปทำอะไรซักอย่างของมันในสโมสรหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆกัน งงๆไปราวสองวินาที ก่อนหันกลับไปมองตรงไม้กระดกเด็กเล่น สบตาปิ๊งๆกับไอ้ตี๋สองขวบ ...

“ซวยล่ะตู” ผมนึกในใจ นี่เพื่อนผมคิดว่าผมเป็นพี่เลี้ยงเด็กรึไง ...อ๊ะ อ๊ะ...อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้ไม่ชอบเด็กนะ เพียงแต่ไอ้ลูกเพื่อนผมคนนี้ เคยยอมเล่นกับผมที่ไหนกัน... แล้วอีกอย่างวันนี้ผมก็ไม่อยู่ในอารมณ์เท่าไหร่ ..ก้อเอาเหอะ..เครื่องเล่นในสนามมันคงเยอะพอที่จะหลอกล่อ และไม่ทำให้เด็กมางอแงเอากับผมหรอกน่า ...มันเรื่องอะไรของผมเนี่ย.....

ผมนั่งมองเจ้าตัวเล็กเดินต๊อกแต๊ก ปีนป่ายไปมาตามเครื่องเล่น “ลูกใครวะ..ซนยังกะลิง”

วันนี้สนามเด็กเล่นเงียบเชียบ ทั้งที่ปกติแล้ว จะต้องมีเด็กๆมาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกิ๊วก๊าวกันอย่างสนุกสนาน มีบรรดาคุณพ่อบ้าน แม่บ้านมาสังสรรกันอย่างออกรส ไม่มีทางที่ผมจะได้มานั่งปล่อยอารมณ์ ทำตัวเป็นศิลปินอย่างนี้หรอก.. เอ..หรือว่ามันเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว .. มันคงเพราะมีเรื่องอะไรซักอย่างน่ะหล่ะ..

เพราะความที่ผมชอบทำตัวเป็นเจ้าไร้ศาล สิงสถิตย์ไม่เป็นที่เป็นทางเท่าไหร่ ผมเลยไม่ค่อยได้รู้อะไรนัก .. ก้อแค่เพื่อนผม พ่อของไอ้ตี๋เนี่ยแหละ มันมีปัญหา ไม่เข้าใจ ไม่ลงรอย หรือจะอะไรก้อแล้วแต่ กับบ้านอื่นๆ ...ซึ่งจะว่าไป มันก้อเพื่อนๆผมเหมือนกัน...เพื่อนๆร่วมหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น...ผมมารู้เอาอีตอนที่มันวุ่นวาย บานเป็นผมแตกปลายไปถึงไหนๆ...จนตอนนี้ผมยังสงสัย ว่าเพื่อนผมจะนึกออกมั้ย ว่าไอ้จุดเริ่มมันอยู่ตรงไหนกัน..

เสียงฝีเท้าสวบสาบย่ำสนามหญ้าเข้ามา ..เพื่อนผมดูหัวเสียชอบกล...

“เอ็งเห็นป้ายประกาศในสโมสรรึยัง” มีแผ่นกระดาษ A4 บนบอร์ดส่วนรวม ขอความร่วมมือเรื่องความสะอาด และความเป็นระเบียบภายในหมู่บ้าน ..ผมเห็นมันตั้งกะวานซืนตอนมาขอเข้าห้องน้ำ เพราะอั้นไปจนถึงบ้านที่อยู่ท้ายซอยไม่ไหว...

“เออ”ผมพยักหน้ารับรู้ เพื่อนผมทำหน้าเซ็ง.. “ว่าข้าน่ะแหละ” เออดีแฮะ..กล่าวหาตัวเองเสร็จสรรพ “คงคิดว่าข้าจอดรถเกะกะ ขวางซอยหล่ะมั้ง” ผมมองหน้ามัน ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ก้อเห็นมันจอดรถแบบนี้มาตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่แล้วนี่หว่า ใครเค้าจะเพิ่งมาว่าตอนสามปี ห้าปีผ่านไปหล่ะ..อะไรของเอ็งครับนี่......

แต่ก้อดี...หลงคิดอยู่ตั้งสองวัน ว่าต้องเป็นประกาศตำหนิผม ที่ไม่รู้จักดูแลบ้านช่อง ปล่อยให้ต้นไม้ใบหญ้ารกรุงรัง .. เดี๋ยวต้องบอกน้องๆมหาลัยที่เพิ่งย้ายมาอยู่ข้างบ้านด้วย ว่าไม่ใช่เพราะพวกเอ็งปาร์ตี้เสียงดังเกินไปหรอก จริงแล้ว เค้าว่าเพื่อนพี่เองแหละ... ..อ้อ..คงต้องแวะบอกคุณพัลลภ ซอยสามด้วย ไม่น่าไปดุลูกให้เลิกเล่นเสก็ตบอร์ดเลย... “ฝากดูลูกอีกหน่อยนะ ขอข้าไปคุยกับพี่ตรีแป๊บนึง”....มันเรื่องอะไรนักหนานะ เพื่อนผม...
ผมไม่อยากบอกเพื่อนว่า ผมน่ะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ว่ามันทำไมเหรอ มันมีอะไรมากมายนักเหรอ ที่ต้องผ่านคนนั้นที มาคนนี้ที

ทำไมไม่มานั่งคุยกันไปเลย มันจะดีไม่ดี มันจะมีอารมณ์ มันจะกราดเกรี้ยว มันจะโมโห มันจะอะไร ก้อทำกันไปเลย..แต่แค่ให้ต่างคนต่างฟังกันให้จบ เท่านั้นเอง... แบบว่า เอ็งพูด ข้าพูด เพื่อนเอ็งพูด เพื่อนข้าพูด....ส่วนไอ้พวกบ่างทั้งหลาย ถ้าอยากจะคายของร้อน ก้อให้มันคายออกมา...ที่เหลือ มันก้ออยู่ที่สติ สมอง ปัญญา ของแต่ละคนว่ามันจะคิดได้มั้ย ว่าไอ้ความยุ่งยากที่มี มันเพราะอะไร...

พูดไปแล้ว ผมก้อไม่ค่อยเก็ทไอ้พวกบ่างเท่าไหร่...คือผมไม่รู้ว่าเค้าทำไปทำไม แล้วก้อไม่รู้ว่า ผมควรจะหัวเราะให้กับความน่ารังเกียจในการกระทำของพวกเค้าดี หรือว่าผมควรจะร้องไห้ ให้กับความน่าสมเพชทางความคิดของพวกเค้าดี....
ผมว่าสังคมเรา (ทุกสังคมน่ะหล่ะ) บางที มันก้อดูประหลาดๆ....ผมไม่เชื่อเรื่องการทำบุญตักบาตร ถือศีล นั่งสมาธิ เข้าวัดเข้าวา แต่มานั่งนินทา หรือเอาเปรียบชาวบ้าน ... ผมไม่เข้าใจ การประกาศข่าวดี แบ่งปันความรัก แต่ใช้ชีวิตที่แห้งแล้งน้ำใจ และไม่ให้อภัย... เหมือนๆกับที่ ผมงงๆ กับคนที่มีอาชีพขับรถ แต่ไม่มีใบขับขี่ หรือพวกที่ขายประกันชีวิต แต่ไม่คิดจะทำประกันชีวิตของตัวเองน่ะหล่ะ.....

แดดยามบ่ายแก่ๆ ไม่ได้แรงนัก แต่ลำแสงที่ตกกระทบกับลูกบอลลูกใหญ่กลางสนามหญ้าที่ว่างเปล่า ทำให้ผมรู้สึก..แปลกๆ.. ผมชักไม่แน่ใจ ว่านี่ผมกำลังนั่งอยู่ในหมู่บ้านของผมแน่รึเปล่า....

อารมณ์ศิลป์ของผมสะดุด เมื่อมีมือเล็กๆมาจับที่นิ้ว...ผมลดสายตาลงมามองไอ้ตี๋น้อยของเพื่อนผม...เออเว้ย..ร้อยวันพันปี ไม่เห็นเคยมาสนใจผมเลย.. ไอ้ตี๋เขย่านิ้วผมเบาๆ กวาดตามองไปรอบๆสนามเด็กเล่น .. เอ็งอยากเล่นอะไรล่ะนี่...ก่อนที่ผมจะลุกขึ้น จูงมือเล็กๆออกไปกลางสนาม...

“ก่อก๊อ” เสียงเล็กๆทำให้ผมรู้สึกหวิวๆ .. เจ้าตัวเล็กปีนขึ้นมานั่งบนตักผม มองไปยังความว่างเปล่าเงียบเชียบข้างหน้า... นาทีนั้น ผมรู้ได้ทันที ว่าผมไม่ใช่คนที่ไอ้ตี๋อยากจะเล่นด้วย...
“ก่อก๊อ เจ่เจ๊” ... ผมรู้สึกร้อนวาบที่ขอบตา...

เจ้าตี๋คงคิดเหมือนกันว่า “แล้วมันเรื่องอะไรของตูเนี่ย”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ผมว่าเรื่องของผมเรื่องนี้ มันดูหมิ่นเหม่ ล่อแหลมต่อสถานการณ์ เหตุการณ์ สภาวะปัจจุบันยังไงไม่รู้...

ไม่รู้ว่าชีวิตเสี้ยวเล็กๆเสี้ยวหนึ่งของคนธรรมดาๆ คนนึง จะไปกระทบกระเทือนต่อมร้อนหรือต่อมเย็นของใครคนไหนบ้าง .. ถ้าเป็นอย่างนั้น...ผมยินดีขอโทษด้วยความจริงใจ.........
User avatar
y_bletiger
 
Posts: 12
Joined: Thu May 26, 2011 1:48 am

Return to ชายคาพักใจ



cron