ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

คุยกันสบายๆ ไม่ซีเรียส

ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

Postby ปุถุชน » Mon Feb 23, 2009 10:58 pm

ร.ร.สวนกุหลาบตั้งกก.สอบครูพราน-สพฐ.ชี้ผิดจริงต้องรับโทษตามกฎหมาย


ผอ.ร.ร.สวนกุหลาบฯสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงครูถูกจับเหตุล่าสัตว์ป่าสงวนที่โคราช เลขาธิการกพฐ.ลั่นผิดจริงต้องรับโทษตามกฎหมาย ยันไม่ฟันธงให้ออกจากราชการไว้ก่อน ด้าน"จุรินทร์"ช็อกไม่เชื่อเกิดขึ้นจริง


จากกรณีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานายสำเนา ขอร่วมกลาง หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่ 11 (ไทยสามัคคี) พร้อมกำลัง ได้เข้าควบคุมตัวนายสุขะชัย ศุภศิริ ครูโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยพร้อมกับนายศินพ บุตรเนียน เพื่อนที่ร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตมรดกโลกทับลาน-เขาใหญ่ พร้อมของกลางเป็นซากสัตว์ป่า และอาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่งมาให้พ.ต.ท.พันธมิตร ชาติมนตรี พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2552 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นได้

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า ได้สอบถามข้อมูลไปยังรองผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทราบว่า ทางโรงเรียนได้สอบถามจากนายสุขะชัย ศุภศิริ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยถึงเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าวแล้ว ซึ่งนายสุขะชัยยอมรับว่าได้เข้าป่าจริง แต่ไม่ได้เข้าไปเพื่อล่าสัตว์ เพียงแต่ไปตั้งแคมป์กับศิษย์เก่าที่จบไปนานแล้วเท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน และเมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา

เลขาธิการกพฐ. กล่าวอีกว่า เรื่องนี้คงต้องว่ากันไปตามหลักการโดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นนายสุขะชัย จะต้องเขียนรายงานชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนได้ทราบ จากนั้นเสนอให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร(ผอ.สพท.กทม.) เขต 1 พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งรายงานให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้รับทราบ

“เรื่องนี้ต้องว่ากันไปตามหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย หากไม่ได้กระทำก็ให้ชี้แจงมา ซึ่งคงต้องรอผลการสอบสวนเบื้องต้นรายงานเข้ามาก่อน” คุณหญิงกษมา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดในคดีอาญาชัดเจนจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ตามปกติแล้ว การจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างที่มีการสอบสวน จะต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจขัดขวางการสอบสวนได้ แต่กรณีดังกล่าวนี้หากนายสุขะชัยกระทำผิดจริง ก็ถือเป็นการประพฤติตนที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง อีกทั้งเป็นการกระทำผิดทางอาญา ดังนั้น คงจะต้องไปพิจารณาในทางกฎหมายว่าจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่

นายอาวุธ พรหมมานอก รองผอ.กลุ่มบริหารวิชาการ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กล่าวว่า นายมนตรี แสนวิเศษ ผอ.โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยซึ่งป่วยพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทราบเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งการให้โรงเรียนตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงครูคนดังกล่าวและให้รายงานผลสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุดเพื่อจะได้รายงานต่อสพฐ.

"ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันโรงเรียนได้ติดต่อประสานงานให้ครูคนดังกล่าวมาเขียนบันทึกรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อผู้บริหารโรงเรียน แต่โรงเรียนยังไม่สามารถติดต่อพูดคุยกับครูคนนี้ได้และวันนี้(23ก.พ.)ครูคนนี้ก็ไม่ได้มาโรงเรียน ขณะนี้โรงเรียนยังไม่ได้ปิดเทอม แต่เด็กไม่ได้มาโรงเรียนเพราะสอบปลายภาคเสร็จแล้ว ส่วนครูที่โรงเรียนส่วนใหญ่ก็ไปอบรมที่จ.นครนายก อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทราบเพียงว่าญาติมาประกันตัวออกไปแล้วและตอนนี้พักอยู่ที่จ.ลพบุรี จะเร่งประสานงานให้มารายงานข้อเท็จจริงต่อผู้บริหารโรงเรียน" นายอาวุธ กล่าว

แหล่งข่าวจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร (สพท.กทม.) เขต 1 ซึ่งดูแลรับผิดชอบโรงเรียนรัฐและเอกชนในเขตพระนคร กทม. กล่าวว่า เขตพื้นที่ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเพียงแต่ทราบเรื่องจากสื่อมวลชนเท่านั้น ทั้งนี้ โดยหลักการครูคนดังกล่าวจะต้องทำบันทึกแจ้งข้อเท็จจริงต่อโรงเรียนแล้วโรงเรียนจะต้องรายงานเรื่องมายังเขตพื้นที่เพื่อรายงานต่อไปยังสพฐ. รวมทั้งโรงเรียนจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อสอบสวนครูคนนี้

"หากผลสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลความผิด ครูคนดังกล่าวจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งโทษทางวินัยแบ่งได้ 2 แบบคือโทษทางวินัยไม่ร้ายแรงมีโทษตั้งแต่ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน ภาคทัณฑ์ แต่ถ้ามีโทษทางวินัยร้ายแรงจะถูกปลดออก หรือ ไล่ออกจากราชการ หากครูคนนี้ถูกลงโทษทางวินัยไม่ร้ายแรงและต่อมาศาลมีคำตัดสินให้มีโทษอาญาต้องจำคุก ก็จะส่งผลให้ต้องมีโทษทางวินัยร้ายแรง ทำให้ต้องถูกปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ ซึ่งการลงโทษนั้นจะดูตามความเหมาะสม" แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว

http://www.komchadluek.net/2009/02/23/x ... _id=338653


คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า ได้สอบถามข้อมูลไปยังรองผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทราบว่า ทางโรงเรียนได้สอบถามจากนายสุขะชัย ศุภศิริ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยถึงเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าวแล้ว ซึ่งนายสุขะชัยยอมรับว่าได้เข้าป่าจริง แต่ไม่ได้เข้าไปเพื่อล่าสัตว์ เพียงแต่ไปตั้งแคมป์กับศิษย์เก่าที่จบไปนานแล้วเท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน และเมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

Postby Solidus » Thu Feb 26, 2009 7:06 am

เอาแค่ครอบครองซากสัตว์ป่าสงวนก็มีความผิดแล้ว เลียงผาเพศผู้ หนักประมาณ 50kg ยังไม่รวมสัตว์ป่าชนิดอื่นอีก แต่นี่เจอทั้งอาวุธปืน เครื่องกระสุน อุปกรณ์ขนย้ายสัตวืป่า ซากสัตว์ป่าที่ถูกยิง ฯลฯ แถมป่าแถวนั้นก็อยู่ในเขตอุทยานทั้งนั้น
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

Postby Solidus » Thu Feb 26, 2009 7:09 am

ย่ำยีผืนป่ามรดกโลก "ดงพญาเย็น-เขาใหญ่" กรรมของสัตว์ป่าเป้าซ้อมปืน "ล่าแกล้มเหล้า"


ความสมบูรณ์-สวยงามของธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางแมกไม้และสัตว์ป่า ที่เริ่มอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเมื่อองค์กรยูเนสโก ประกาศเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 ให้ผืนป่า 5 แห่งคือ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยาน แห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติตาพระยา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่า "ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่" ดูสดชื่นสวยงามยิ่งนัก

ในทางกลับกัน สิ่งดีๆ ทางธรรมชาติเหล่านี้กลับเป็นอันตรายต่อตัวผืนป่าเอง ดังเช่นพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ถูกบุกรุกมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มคนกรุงหรือคนต่างถิ่นใช้สารพัดวิธีเข้าจับจองพื้นที่ปลูกบ้านพักตาก อากาศไว้รองรับเพื่อนฝูง แล้วเริ่มขยับขยายกลายเป็นรีสอร์ท กิน-ดื่ม-กางเต็นท์ ชื่นชมธรรมชาติกันอย่างอิ่มหนำสำราญ

นักท่อง เที่ยวเหล่านี้บางกลุ่มนิยมเข้าป่าล่าสัตว์ ใช้เป็นที่ "ประลองฝีมือ" อวดปืนคุณภาพสูง ราคาแพง ด้วยการใช้ "สัตว์ป่า " สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ เป็นเป้าทดลองความแม่นของกลุ่มพรานไฮโซเหล่านี้

ที่น่าอนาถคือ สัตว์ที่ถูกล่าส่วนใหญ่ถูกนำไปเป็น "กับแกล้มเหล้ารอบกองไฟ" หรือของฝากจากผืนป่า ที่กลุ่มพรานนำไปอวดเพื่อนฝูงในเมืองกรุงว่า นี่ไงฝีมือข้า !!!

จากข้อมูลของนายธงชัย แสงประทุม เลขาธิการกลุ่มเรารักษ์ป่า และเลขานุการมูลนิธิเขาใหญ่ ระบุว่า ขบวนการล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะเขตพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งมีอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง คืออุทยานแห่งชาติทับลาน และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีสัตว์ป่ามากกว่าที่อื่น จึงตกเป็นเป้าของนักล่ามากที่สุด

โดยเฉพาะพรานเจ้าประจำ 3 กลุ่ม คือ จ่า "ส" ทหารดูแลสนามยิงปืน สังกัด ม.พัน.8 ค่ายสุรนารี จับกลุ่มกับเพื่อนผู้ชื่นชอบปืน มีทั้งทหาร พ่อค้า และครูกว่า 10 คน จ้างพรานชาวบ้านนำทาง 5-6 คนราคาตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ใช้วันหยุดราชการเข้าป่าล่าสัตว์บริเวณบ้านซับเต๋า และบ้านซับพลู ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว แนวรอยต่อ อ.ครบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน และเป็นกลุ่มที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลุ่มนี้นิยมล่าหมูป่า กวาง เก้ง เลียงผา หรือสัตว์ป่าทุกชนิดที่ผ่านเข้ามา เมื่อได้มาก็จะนำไปแจกจ่ายให้กลุ่มเพื่อนที่นิยมบริโภคสัตว์ป่า

กลุ่ม ชาวบ้านที่เป็นพรานเก่าบ้านโนนงิ้ว และบ้านโนนเหลี่ยม ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว รวมกลุ่มครั้งละ 3-4 คน ล่าสัตว์มาขายให้ร้านอาหารป่าริมอุทยาน และขายให้คนทั่วไป กลุ่มนี้เข้าป่าไม่เลือก วันไหนว่างก็แบกปืนไปครั้งละ 1-2 วันก็ออกมา มีการวาง “จั่นห้าว” อุปกรณ์ดักสัตว์คล้ายปืนแก๊ป เมื่อสัตว์เดินมาสะดุดเชือกหรือเอ็นที่ผูกติดไว้กับต้นไม้ กระสุนก็จะลั่นใส่ เป้าหมายของพรานกลุ่มนี้อยู่ที่ "หมีควาย" ถ้าได้ตัวลูก ขายเป็นยาโด๊ป ตัวละ 3,000-10,000 บาท กลุ่มนี้ยังรับจ้างนำทางพรานต่างถิ่นเข้าไปล่าสัตว์ในป่าอีกด้วย

กลุ่ม นาย "จ" อดีตผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว อดีตพรานเก่า เป็นที่รับฝากปืนของลูกค้ากลุ่มข้าราชการทหาร ครู และคนที่ชอบอาวุธปืนจากในเมืองนครราชสีมา นำทางเข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว เขตบริเวณเขาแผงม้า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาภูหลวง ที่เป็นป่าใหญ่มีกระทิงอยู่จำนวนมาก ปัจจุบัน "จ" ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แต่ให้ลูกทีมพาเข้าป่า กลุ่มนี้นิยมใช้วันหยุดราชการล่าไม่เลือก ได้มาก็เอามาทำกับแกล้มกิน ไม่ได้เอาไปขาย

ด้านเขตพื้นที่ อ.ครบุรี อุทยานแห่งชาติทับลาน มี 3 กลุ่มคือ กลุ่ม "โฟว์วิว" รถขับเคลื่อนสี่ล้อ จากนครราชสีมาและภาคตะวันออก ใช้โลโก้ “ใบไม้ป่า” และ “คาร์ลิเบี้ยน” ผ่านเข้าทางบ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน และบ้านซับสะเดา ในลักษณะนักท่องเที่ยว ลักลอบล่าสัตว์ไปพร้อมกับทดลองรถไปด้วย มีทั้งพักแรมค้างคืนในป่าและไปเช้าเย็นกลับ มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า "ก" รู้เห็นเป็นใจ เมื่อล่ามาได้ก็เอามาล้อมวงปาร์ตี้ "กินแกล้มเหล้า" กันอย่างสนุกสนาน

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพรานชาวบ้าน จะมีเกือบทุกหมู่บ้านที่อยู่รอบผืนป่า แต่จะมีหมู่บ้านละ 2-3 คนเท่านั้น แต่ที่บ้านลำเพียก ต.ลำเพียก มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชื่อ “หลอง” เพิ่งถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จับกุมได้เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มนี้นำทางให้นักล่ากระทิง ค่าจ้างประมาณ 1 หมื่นบาทขึ้นไป เข้าป่าครั้งละ 1 อาทิตย์

สำหรับพื้นที่ อ.ครบุรี นอกจากล่าสัตว์ป่าแล้ว ยังมีกลุ่มลักลอบตัดไม้กฤษณา โดยมีพรานจากบ้านมาบกราด บ้านจระเข้หิน และหมู่บ้านที่อยู่รอบอุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นพรานนำทาง

มาที่ เขตพื้นที่อุทยานแห้งชาติทับลาน ด้าน อ.เสิงสาง มีกลุ่มพรานบ้านด่านละกอ หมู่ 4 ต.โนนสมบูรณ์ อ.เสิงสาง มี 3-4 กลุ่ม พรานหมู่บ้านนี้เป็นมืออาชีพทำมานานกว่า 15 ปี เข้าป่าล่าสัตว์ใหญ่ในป่าลึกต้องเดินประมาณ 2 วัน บริเวณเลิงไผ่ และเลิงลี ซึ่งเป็นจุดที่มีสัตว์ป่าชุกชุม เนื่องจากมีแหล่งน้ำ ทำให้สัตว์ป่าไปรวมกันมาก กลุ่มนี้ไม่รับจ้างนำพรานนอกพื้นที่เข้าไป

“สิ่ง ที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะพรานบ้านด่านละกอ ใช้ปืนขนาด .22 ติดลำกล้องและเก็บเสียง เข้าป่าในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 100 ครั้งครั้งละไม่ต่ำกว่า 1 อาทิตย์ นิยมล่าสัตว์ใหญ่ แต่สัตว์เล็กก็เอา และนับว่าเป็นพรานมืออาชีพทำให้สัตว์ป่าตกเป็นเหยื่อมากมาย บางชนิดก็เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์" เลขาธิการกลุ่มเรารักษ์ป่ากล่าว

นอก จากนี้ยังมีพรานจากบ้านสันติสุข ต.บ้านราษฎร์ อ.เสิงสาง ซึ่งอยู่ติดป่าเข้าล่าสัตว์กับพรานในพื้นที่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ และพื้นที่ติดอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยเน้นล่าสัตว์ใหญ่ ใช้เวลาเข้าป่านานถึง 1 สัปดาห์

แม้ข้อมูล ด้านสัตว์ป่า จากกลุ่มเรารักษ์ป่าร่วมกับอุทยานแห่งชาติทับลาน สำรวจพบว่าสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น เช่น เลียงผา สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ชนิดของประเทศไทย พบมากกว่า 20 ครอบครัว, ช้างป่า พบออกมาในหลายพื้นที่ บางแห่งไม่เคยพบเป็นเวลากว่าสิบปี ในระยะเวลา 2-3 ปีนี้พบเห็นอยู่เป็นประจำ, เสือโคร่ง พบเห็นกระจัดกระจายไปทั่ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งกล้องถ่ายรูปอัตโนมัติ สามารถถ่ายภาพได้จำนวนหลายตัว, นกเงือก และนกอื่นๆ พบมากกว่า 277 ชนิด และสัตว์ป่าอื่นๆ มีการพบมาขึ้นทั้งจำนวนชนิดและจำนวนตัว

แต่ หากกลุ่มพรานทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น รวมถึงเจ้าหน้าที่ยังทำตัวเป็น "ผู้ล่า" อยู่เช่นนี้ ความพยายามที่จะเพิ่มประชากรสัตว์ป่า-สัตว์สงวน ก็อาจไม่สัมฤทธิผล

ผืนป่าแห่งมรดกโลกในอนาคต จะยังสวยงาม-สมบูรณ์อยู่เช่นนี้หรือไม่ ...คงมีคำตอบในไม่ช้า...

http://www.komchadluek.net/2009/02/25/x ... _id=338891
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

Postby ปุถุชน » Thu Feb 26, 2009 9:27 am

....การเปิดโปงกรณีที่นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พร้อมทั้งพลเรือนอีกส่วนหนึ่งรวมประมาณ 60 คน ได้นำพาหนะและอาวุธยุทโธปกรณ์ของทางราชการไปตั้งค่ายล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี จนเป็นเหตุให้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ตกที่อ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2516 มีผู้เสียชีวิต 6 คนและทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจำนวนมาก ซึ่งในกรณีนี้ กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่า ชมรมนิเวศวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกับชมรมอนุรักษ์และกลุ่มอนุรักษ์อีก 3 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประสานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและตีแผ่เรื่องออกมาสู๔สาธารณชน.....

.......เหล่าพรานบรรดาศักดิ์ต่างชี้แจงว่ารู้ว่าการล่าสัตว์ในเขตนี้เป็นการละเมิดกฎหมาย แต่ทำไปเพราะต้องการผ่อนคลายอารมณ์ และกล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว เพราะสัตว์มีเป็นจำนวนมาก ล่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด ซึ่งหลังจากถูกขอร้องแกมบังคับให้ร่วมรับประทานอาหารเย็นที่มีแต่เนื้อสัตว์ที่ถูกล่าแล้ว คืนนั้นยังพบว่ามีการจุดพลุและกระสุนส่องวิถีฉลองวันเกิดให้นายตำรวจระดับรองผู้กำกับคนหนึ่งด้วย ซึ่งในการพบกันดังกล่าว นักศึกษากลุ่มนี้ได้แอบถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานด้วย ขณะเดียวกันก็มีนักข่าวที่ได้ทราบข่าวกลุ่มหนึ่งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกกลุ่มหนึ่งที่เตรียมการจะเข้าไปจับกุมเดินทางสมสมทบ แต่เมื่อเผชิญกับกำลังคนและอาวุธครบมือ ก็ทำได้แต่เพียงเข้าไปสืบข้อมูลและแอบถ่ายรูปไว้เท่านั้น....

วันที่ 29 เมษายน นายสวัสดิ์และนศพ.ทองประกอบต้องเดินทางกลับก่อนเนื่องจากนศพ.ทองประกอบต้องกลับมาประชุมที่มหิดล ระหว่างเดินทางกลับก็พบซากสัตว์ที่ถูกยิงตายจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มที่ยังอยู่กลับไปยังจุดที่ตั้งแคมป์ของพรานบรรดาศักดิ์อีกรั้ง แต่ปรากฎว่าถูกรื้อหมดแล้ว คงเหลือแต่ร่องรอยซากสัตว์ เช่นกีบกระทิง หนังกวาง หนังชะมดถูกทิ้งไว้ วันรุ่งขึ้น 30 เมษายน เมื่อทั้งคระพากันเดินทางกลับ ได้พบอาจารย์และนิสิตเกษตรศาสตร์ที่ตั้งใจจะร่วมเดินทางมาตั้งแต่ทีแรกและได้ข่าวจากตำรวจว่าเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา มีเฮลิคอปเตอร์ตกที่นครปฐม มีคณะทหาร ตำรวจที่กลับจากาญจนบุรีบาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย 6 คน พร้อมทั้งพบซากสัตว์จำนวนมาก

กรณีที่เกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ที่เข้าไปร่วมสืบค้นได้เปิดโปงขบวนการดังกล่าว ขณะเดียวกันกลุ่มอนุรักษ์ 4 สถาบัน พร้อมทั้งศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยก็ได้ออกแถลงการณ์เปิดโปง โดยมีหลักฐานทั้งบุคคลและภาพถ่ายยืนยันหนักแน่น ทำให้ประชาชนที่ได้รับทราบข้อมูลต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่รัฐบาลจอมพลถนอม จอมพลประภาส จารุเสถียร และพ.อ.ณรงค์ กิตติขจรกลับแก้ต่างให้คระพรานบรรดาศักดิ์ว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ไปราชการลับบริเวณตะเข็บชายแดนกาญจนบุรี ในปัญหาความปลอดภัยระหว่างที่นายพลเนวินแห่งพม่าเดินทางมาเยือนไทย และชี้แจงว่ารูปถ่ายที่ทหาร ตำรวจเหล่านี้ยืนล้อมซากสัตว์ก็เป็นภาพเก่าและเป็นการยืนถ่ายโชว์โดยที่ไม่รู้ว่าใครยิง เป็นต้น

จากกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง รัฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน 9 คน โดย 6 ใน 9 เป็นนายทหารและตำรวจมีนายกมล วรรณประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานซึ่งในที่สุดผลปรากฎว่า กรรมการเชื่อว่าการนำเฮลิคอปเตอร์ไปใช้ครั้งนี้เป็นไปตรามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารบกเพื่อปฏิบัติราชการลับ โดยถือเอาป่าทุ่งใหญ่เป้นฐานปฏิบัติการแต่ภารกิจลับไม่ได้อยู่ที่ทุ่งใหญ่หากอยู่ห่างออกไปทางชายแดนที่ติดต่อกับพม่า และเชื่อว่าได้มีบุคคลในคณะที่พักอยู่ในแคมป์ทุ่งใหญ่กระทำการล่าสัตว์และมีซากสัตว์ป่าอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจริง

ดังนั้นศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจึงร่วมกับชมรมอนุรักษ์ 4 สถาบันดังกล่าวพิมพ์หนังสือ”บันทึกลับจากทุ่งใหญ่”ออกเผยแพร่ ปรากฎว่ามีผู้สนใจแย่งซื้อจน 5,000 เล่มหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผลสะเทือนจากเรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ประยูร จรรยาวงศ์หวนกลับมาวาดรูปการ์ตูนการเมืองอีกครั้ง หลังจากหยุดไปเกือบ 2 ปี และจากข้อความในหนังสือเล่มนี้ที่เขียนว่า” ด้วยสถานการณ์ในทุ่งใหญ่ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ จึงเสนอต่ออายุการทำงานของกระทิงจ่าฝูงเป็นเวลาอีก 1 ปีกระทิง” จากสภารักษาความปลอดภัยแห่งชาติกระทิงซึ่งเป็นการล้อเลียนจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดเกษียณอายุเมื่อต้นปี 2516 แต่สภากลาโหมมีมติให้ต่ออายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปอีก 1 ปี โดยอ้างว่าสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ

สำหรับบทจบของกรณีทุ่งใหญ่นี้ คณะกรรมการได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังศาลกาญจนบุรี ซึ่งกระบวนการทางศาลใช้เวลาจนถึง 1 กันยายน 2517 ก็มีคำตัดสินให้ปล่อยตัว 9 จำเลย คงจำคุก 6 เดือน มีแต่พรานแกละ หมื่นจำปา ที่ต้องตกเป็นแพะรับบาปแต่ผู้เดียว ขณะเดียวกันนายกมล วรรณประภา ก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลสมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ อีกด้วย


ลองเข้าไปอ่านดูครับ

http://www2.se-ed.net/poommahidol/information_1_6.html

http://www.thungyai.org/thai/index.htm

http://www.gunsandgames.com/smf/index.p ... ic=19139.0

.........ปรากฏข่าวอื้อฉาวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของทางราชการเครื่องหนึ่งเกิดอุบัติเหตุตกพังพินาศที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2516 มีผู้เสียชีวิต 6 คน และพบซากสัตว์ป่าปะปนอยู่กับซากปรักหักพังของเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงไปถึงกรณีที่สื่อมวลชนและนิสิตนักศึกษากลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติได้ไปพบคณะล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่ ทำการล่าสัตว์โดยไม่เกรงกลัวต่อเจ้าหน้าที่ และยืนยันว่าเป็นคณะเดียวกันกับเฮลิคอปเตอร์ที่ตก ทำให้กรณีทุ่งใหญ่เป็นข่าวใหญ่และเป็นที่สนใจของคนทั่วไปอยู่เป็นเวลานาน.....



ข้าราชการทหาร ตำรวจ และประชาชนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ผลการก่อกรรมทำชั่วคราวนั้น ไม่มีใครมีตำแหน่งก้าวหน้าในทางการเมือง ทหาร ธุรกิจและการแสดงอีกเลย.....!!!
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

Postby visagoo » Thu Jun 18, 2009 12:00 pm

โธ่...พ่อพิมพ์ของชาติ ไม่น่าเลย
User avatar
visagoo
 
Posts: 2
Joined: Sat May 30, 2009 2:46 pm

Re: ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

Postby Jseventh » Thu Jun 18, 2009 3:05 pm

อ่านเรื่องราวเหล่านี้แล้ว นึกว่า..อะไรคือเส้นแบ่งระหว่างความเป็นมนุษย์กับสัตว์โลกอื่นๆ..

เคยลองคิดเล่นๆว่า..ตัวเราก็กินสัตว์เป็นอาหาร (ไม่ได้เป็นมังสวิรัติ) แต่เวลาเห็น "การล่าสัตว์" ทั้งในแบบที่ถูกกฏหมาย(ในบางประเทศ) และการลักลอบล่าอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งไม่ใช่สัตว์ที่เราใช้กินกันอยู่้เป็นประจำ..(ไม่ได้เลี้ยงหรือเพาะพันธ์เพื่อนำมาเป็นอาหาร) ทำไมจึงอดเศร้าใจไม่ได้สัีกที!..

..ล่าช้าง ฆ่าช้าง เพื่อเอางาในแอฟริกา
..ต้อนปลาโลมา หรือปลาวาฬจากทะเลลึก มาทั้งฝูงมาฆ่า..เพราะว่าเป็นประเพณี
..หรืออย่างกรณีที่เกิดขึ้นตามเนื้อหาในกระทู้นี้

หากเราล่าเพราะความจำเป็น เพื่อเป็นอาหารประทังชีวิต หรือป้องกันตัว นั่้นคือ "เหตุผล"
แต่ล่าเพื่อความสนุกสนาน ล่าเพราะเป็นประเพณี หรือล่าเพราะอะไรก็ตามที่เกินกว่าความจำเป็นในการดำรงชีวิตหรือการป้องกันตัว..มันสะท้อนให้เห็นถึงอะไร?

สัตว์ทำตามสัญชาตญาณของสัตว์..คนทำตามสัญชาตญาณของคน..

มนุษย์ปัจจุบันต่างกับสัตว์โลกอื่นๆ ตรงที่รู้จักใช้ "เหตุผล" หรือไม่? :roll:
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: ไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน เมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา...!

Postby Jseventh » Thu Jun 18, 2009 3:14 pm

Search หาความหมาย และเรื่องราวเกี่ยวกับคำว่า "สัญชาตญาณ" เลยไปเจอกลอนเกี่ยวกับคำๆนี้
เอามาให้อ่านกันค่ะ :)

ที่มา : http://board.dserver.org/r/rojana24/00000030.html
สัญชาตญาณ

หากเปรียบคนกับสัตว์ดิรัจฉาน
สัญชาตญาณต่างแปลกแยกไฉน
ทั้ง กิน นอน เสพกามและกลัวภัย
ฤๅคนเราศิวิไลซ์กว่าสัตว์มัน

คนกินอาหารพัฒนาก้าวหน้าล้ำ
จึงจัดทำแข่งอวดประกวดประขัน
เชิญชวนชิมประทับตราสารพัน
สนองอยากของลิ้นมันแค่นั้นเอง

อาหารสัตว์กินได้ไม่ลองลิ้ม
เพียงท้องอิ่มแค่นั้นมันนอนเขลง
ไม่ต้องเคล้าดนตรีมีเสียงเพลง
คอยบรรเลงยุ่งยากลำบากใจ

การหลับนอนพักผ่อนของคนนั้น
มุ่งสร้างสรรค์วิมานหรูอยู่อาศัย
ติดที่นอนอ่อนอุ่นละมุนละไม
ลืมสมัยหินเก่าเริ่มแต่เดิมมา

สัตว์นอนอย่างไรใช่เรื่องมาก
ไม่ยุ่งยากนอนที่ไหนไร้ปัญหา
พอคุ้มแดดบังฝนพ้นกายา
ตื่นเช้าตามเวลาออกหากิน

คนเสพกามมุ่งดำรงคงเผ่าพันธุ์
ฤๅเพราะตัณหาอยากมากไม่สิ้น
คิดสรรค์สร้างประเพณีที่ยลยิน
บ้างดีดดิ้นหมดอายทำลายตน

สัตว์เสพกามแน่แท้แพร่สายพันธุ์
ตามฤดูกาลของมันไม่สับสน
ประเพณีไม่มีที่เหมือนคน
ทุกแห่งหนสมสู่ไม่รู้อาย

คนกลัวภัยแต่ไร้เล็บ เขี้ยวและงา
คิดค้นหาเครื่องทุ่นแรงแพงเหลือหลาย
ใช่เพียงป้องกันตัวกลัวอันตราย
หากยังมุ่งทำลายเบียนบีฑา

สัตว์มีเล็บเขี้ยวงาไว้ป้องกันตัว
ด้วยความกลัวสัญชาตญาณการไล่ล่า
เป็นอาหารเพื่ออยู่รอดปลอดกายา
สัตว์ไม่มุ่งเข่นฆ่าจนสูญพันธุ์

สัญชาตญาณทั้งสี่มีเด่นชัด
ทั้งคน-สัตว์ชวนคิดใช่บิดผัน
ในความเหมือนย่อมแปลกแตกต่างกัน
คนสร้างสรรค์ดีกว่าสัตว์แน่หรือไร ?

จาก : Augustman - 12/02/2004

(ต่อ)
หากเพื่อนผองลองวางภารกิจ
มาฉุกคิดตามกระสวนเพื่อครวญใคร่
เกิดเพื่อกิน นอน กาม และกลัวภัย
สัตว์ทั่วไปนั้นหนอก็ทำเป็น

คนเกิดมาทำไมควรได้คิด
ฤๅเพื่อมีชีวิตดังที่เห็น
ควรยกใจให้สูงสงบเย็น
ประเสริฐเด่นสมค่าราคาคน

จาก : Augustman - 13/02/2004

(ต่อ)
สัญชาตญาณคน-สัตว์เสมอเหมือน
มุ่งติงเตือนอย่าเพลินเดินถลำ
คนต่างจากสัตว์ที่วัฒนธรรม
หากคนใดใจต่ำย่อมเสียที

ลางคนทำสิ่งใดไม่ยั้งหยุด
เรียกตนเป็นมนุษย์เสียศักดิ์ศรี
สัญชาตญาณดิบเดิมเพิ่มทวี
เห็นมากมีเคล้าคลุกทุกสังคม

จาก : Augustman - 17/02/2004

เลือกเอามาแปะแต่ของคุณ Augustman :)
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am


Return to ชายคาพักใจ