ร.ร.สวนกุหลาบตั้งกก.สอบครูพราน-สพฐ.ชี้ผิดจริงต้องรับโทษตามกฎหมาย
ผอ.ร.ร.สวนกุหลาบฯสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงครูถูกจับเหตุล่าสัตว์ป่าสงวนที่โคราช เลขาธิการกพฐ.ลั่นผิดจริงต้องรับโทษตามกฎหมาย ยันไม่ฟันธงให้ออกจากราชการไว้ก่อน ด้าน"จุรินทร์"ช็อกไม่เชื่อเกิดขึ้นจริง
จากกรณีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานายสำเนา ขอร่วมกลาง หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่ 11 (ไทยสามัคคี) พร้อมกำลัง ได้เข้าควบคุมตัวนายสุขะชัย ศุภศิริ ครูโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยพร้อมกับนายศินพ บุตรเนียน เพื่อนที่ร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตมรดกโลกทับลาน-เขาใหญ่ พร้อมของกลางเป็นซากสัตว์ป่า และอาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่งมาให้พ.ต.ท.พันธมิตร ชาติมนตรี พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2552 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นได้
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า ได้สอบถามข้อมูลไปยังรองผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทราบว่า ทางโรงเรียนได้สอบถามจากนายสุขะชัย ศุภศิริ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยถึงเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าวแล้ว ซึ่งนายสุขะชัยยอมรับว่าได้เข้าป่าจริง แต่ไม่ได้เข้าไปเพื่อล่าสัตว์ เพียงแต่ไปตั้งแคมป์กับศิษย์เก่าที่จบไปนานแล้วเท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน และเมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา
เลขาธิการกพฐ. กล่าวอีกว่า เรื่องนี้คงต้องว่ากันไปตามหลักการโดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นนายสุขะชัย จะต้องเขียนรายงานชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนได้ทราบ จากนั้นเสนอให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร(ผอ.สพท.กทม.) เขต 1 พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งรายงานให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้รับทราบ
“เรื่องนี้ต้องว่ากันไปตามหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย หากไม่ได้กระทำก็ให้ชี้แจงมา ซึ่งคงต้องรอผลการสอบสวนเบื้องต้นรายงานเข้ามาก่อน” คุณหญิงกษมา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดในคดีอาญาชัดเจนจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ตามปกติแล้ว การจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างที่มีการสอบสวน จะต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจขัดขวางการสอบสวนได้ แต่กรณีดังกล่าวนี้หากนายสุขะชัยกระทำผิดจริง ก็ถือเป็นการประพฤติตนที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง อีกทั้งเป็นการกระทำผิดทางอาญา ดังนั้น คงจะต้องไปพิจารณาในทางกฎหมายว่าจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่
นายอาวุธ พรหมมานอก รองผอ.กลุ่มบริหารวิชาการ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กล่าวว่า นายมนตรี แสนวิเศษ ผอ.โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยซึ่งป่วยพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทราบเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งการให้โรงเรียนตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงครูคนดังกล่าวและให้รายงานผลสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุดเพื่อจะได้รายงานต่อสพฐ.
"ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันโรงเรียนได้ติดต่อประสานงานให้ครูคนดังกล่าวมาเขียนบันทึกรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อผู้บริหารโรงเรียน แต่โรงเรียนยังไม่สามารถติดต่อพูดคุยกับครูคนนี้ได้และวันนี้(23ก.พ.)ครูคนนี้ก็ไม่ได้มาโรงเรียน ขณะนี้โรงเรียนยังไม่ได้ปิดเทอม แต่เด็กไม่ได้มาโรงเรียนเพราะสอบปลายภาคเสร็จแล้ว ส่วนครูที่โรงเรียนส่วนใหญ่ก็ไปอบรมที่จ.นครนายก อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทราบเพียงว่าญาติมาประกันตัวออกไปแล้วและตอนนี้พักอยู่ที่จ.ลพบุรี จะเร่งประสานงานให้มารายงานข้อเท็จจริงต่อผู้บริหารโรงเรียน" นายอาวุธ กล่าว
แหล่งข่าวจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร (สพท.กทม.) เขต 1 ซึ่งดูแลรับผิดชอบโรงเรียนรัฐและเอกชนในเขตพระนคร กทม. กล่าวว่า เขตพื้นที่ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเพียงแต่ทราบเรื่องจากสื่อมวลชนเท่านั้น ทั้งนี้ โดยหลักการครูคนดังกล่าวจะต้องทำบันทึกแจ้งข้อเท็จจริงต่อโรงเรียนแล้วโรงเรียนจะต้องรายงานเรื่องมายังเขตพื้นที่เพื่อรายงานต่อไปยังสพฐ. รวมทั้งโรงเรียนจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อสอบสวนครูคนนี้
"หากผลสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลความผิด ครูคนดังกล่าวจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งโทษทางวินัยแบ่งได้ 2 แบบคือโทษทางวินัยไม่ร้ายแรงมีโทษตั้งแต่ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน ภาคทัณฑ์ แต่ถ้ามีโทษทางวินัยร้ายแรงจะถูกปลดออก หรือ ไล่ออกจากราชการ หากครูคนนี้ถูกลงโทษทางวินัยไม่ร้ายแรงและต่อมาศาลมีคำตัดสินให้มีโทษอาญาต้องจำคุก ก็จะส่งผลให้ต้องมีโทษทางวินัยร้ายแรง ทำให้ต้องถูกปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ ซึ่งการลงโทษนั้นจะดูตามความเหมาะสม" แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว
http://www.komchadluek.net/2009/02/23/x ... _id=338653
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า ได้สอบถามข้อมูลไปยังรองผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทราบว่า ทางโรงเรียนได้สอบถามจากนายสุขะชัย ศุภศิริ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยถึงเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าวแล้ว ซึ่งนายสุขะชัยยอมรับว่าได้เข้าป่าจริง แต่ไม่ได้เข้าไปเพื่อล่าสัตว์ เพียงแต่ไปตั้งแคมป์กับศิษย์เก่าที่จบไปนานแล้วเท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวน และเมื่อเจอซากสัตว์จึงเก็บมา