http://mblog.manager.co.th/anchunta/นโบายการศึกษาฟรี 15 ปี เป็นการเริ่มต้นที่ดี
แต่ก็ยังมีปัญหาค้างคา อยู่ในระบบการศึกษาอีกมาก เช่น
ปัญหาเด็ก อ่านหนังสือไ่ม่ออก บวกเลขไม่เป็น ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ เลย
เพราะถ้า เด็กอ่านหนังสือไ่ม่ออก บวกเลขไม่เป็น แล้ว
การเริ่มต้นทางการศึกษา สดุดลงทันที ปัญหาการเรียนการสอน...
เรามุ่งแต่ผลิต ครูผู้สอน แต่เราไม่สนใจ ผลิต ครูฝึกเลย...
เราต้องย้อนไปดูปัญหาของเด็ก
ว่าเขาต้องการ ครูผู้สอน หรือว่า ครูฝึกในพระไตรปิฏก กล่าวไว้ว่า
"บัณฑิต คือ ผู้ฝึกตน"ฉายาของ พระพุทธเจ้า นั้นคือ "ผู้ฝึกบุรุษ"นั่นหมายความว่า การศึกษา มาแต่โบราณนั้น เน้นการฝึกฝนตนเอง
และในพระไตรปิฏก จะเน้นการพูดถึง ปัญญา เป็นหลัก
ความรู้ ที่เราเรียนรู้กัน ในปัจจุบัน ต่างกับคำว่า ปัญญา ในพุทธศาสนา อย่างไร..?
Albert Einstein เคยพูดไว้ว่า
" Imagination is more important than knowledge."เคยได้ยินมาว่า
" คนที่ฉลาด จะมีความสามารถ คิดเป็นภาพได้ "แล้วคนที่ฉลาดกว่านั้นอีก มีมั๊ย..?
คนที่ฉลาดกว่านั้น อาจมีความสามารถ "คิดเป็นภาพเคลื่อนไหวได้"ในศาสนาพุทธ เรียกว่า "ความสามารถในการมองห็น"
การทำความเข้าใจ ความแตกต่าง ระหว่าง ความรู้ และ ปัญญา นั้น อาจต้องดูที่ พัฒนาการ
อาจเป็นไปได้ว่า ความรู้ ต้องมีพัฒนาการหลายขั้นตอน กว่าจะเป็น ปัญญาพัฒนาการขั้นที่ 1 ความรู้ เกิดจากการจดจำด้วย ภาพนิ่งเช่น เด็กเห็น ข้าว แล้วเราบอกเด็กว่า นั่นคือ ข้าว เด็กจะจดจำเป็น ภาพนิ่ง
พัฒนาการขั้นที่ 2 ความเข้าใจ เกิดจากการจดจำเป็น ภาพเคลื่อนไหวเช่น เราสอนให้เด็กมีความรู้ว่า การหุงข้าว ต้องทำอย่างไร
เด็กต้องจดจำ เป็นภาพนิ่งหลายภาพ ทำให้การจดจำทำได้ยาก และจะลืมง่าย
แต่ถ้าเด็กลองปฎิบัติ โดยทำการหุงข้าวด้วยตัวเอง เด็กจะจดจำเป็นภาพเคลื่อนไหว
ซึ่งก็คือ ความเข้าใจนั่นเอง
พูดได้ว่า ความเข้าใจ เกิดจากการปฎิบัติ หรือ การฝึกฝนตนเอง
พัฒนาการขั้นที่ 3 ความชำนาญ เกิดจาก ประสบการณ์ จะทำให้ การจดจำ ภาพเคลื่อนไหวมี ระเบียบวินัย
เช่น การที่เด็กเคยหุงข้าว เพียงครั้งเดียว เด็กอาจมีความเข้าใจ
แต่ข้าว ต่างชนิด ต้องหุงแตกต่างกัน การใช้ไฟร้อนมากร้อนน้อย จะมีผลอย่างไร
ประสบการณ์ จะช่วยจัดระเบียบวินัย ของการจดจำ ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว
พัฒนาการขั้นที่ 4 ความเป็นครู เกิดจากแยกแยะรายละเอียด ในภาพนิ่ง
และ การเรียงขั้นตอน ในภาพเคลื่อนไหวการที่เด็ก มีความรู้ ความเข้าใจ และมีความชำนาญแล้ว
จะสอนคนอื่น ให้มีความรู้ ความเข้าใจได้นั้น
จะต้องสามารถแยกแยะรายละเอียด ของข้าวที่ต่างชนิดกัน วิธีการสังเกตุ
จะต้องสามารถแยกแยะรายละเอียด ของไฟที่ใช้แตกต่างกัน ก็จะใช้เวลาต่างกัน
การเรียงขั้นตอนที่ดี จึงจะสามารถ ถ่ายทอดความรู้ และฝึกฝนคนอื่นได้
พัฒนาการขั้นที่ 5 ปัญญา เกิดจากพัฒนาการของ ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ และความเป็นครูถ่ายทอดผ่านกาลเวลา จากคนรุ่นหนึ่ง ไปยังอีกรุ่นต่อ ๆ ไปได้ หลายร้อย หลายพันปี
เป็นความรู้ ความเข้าใจ ที่ไม่ขึ้นกับกาลเวลา (อกาลิโก)
เช่น ปรัชญา สุภาษิต นิทาน ประเพณี และวัฒนธรรม
นั่นหมายความว่า ความรู้ที่เกิดจาการท่องจำนั้น ยังไม่มีพัฒนาการ
แล้วเรายังจะสอนเด็ก ให้ท่องจำอีกหรือ..?http://mblog.manager.co.th/anchunta/