"เปิดบัญชีลับ...ที่สวิตเซอร์แลนด์".....

คุยกันสบายๆ ไม่ซีเรียส

"เปิดบัญชีลับ...ที่สวิตเซอร์แลนด์".....

Postby ปุถุชน » Fri Feb 27, 2009 2:09 pm

"เปิดบัญชีลับ...ที่สวิตเซอร์แลนด์"
By warapatr

เรื่องราวของนักการเมืองในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งแอบไปเปิดบัญชีลับไว้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น เป็นที่กล่าวขวัญถึงกันมานานแสนนานแล้ว ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าผู้คนจำนวนไม่น้อย ก็ยังคงมีความเชื่อว่านักการเมืองคอร์รัปชันจากประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ ก็ยังคงมีวิธีการต่างๆ ที่จะนำทรัพย์สินเงินทองที่ได้มานั้น ไปฝากไว้ในต่างประเทศ



เหตุที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของ "บัญชีลับ" ก็เพราะประเทศนี้ ได้ออกกฎหมายที่เรียกว่า "Banking Secrecy Law" มานานถึง 75 ปีแล้ว ผมเองและคณะผู้บริหารตลาดทุนจากประเทศไทยเมื่อปีที่แล้วได้ไปเยือนสมาคมธนาคารพาณิชย์ของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ที่นครบาเซิล ก็ได้มีโอกาสรับฟังการบรรยายในเรื่องนี้อยู่พอสมควร แถมยังได้รับแจกเอกสารที่เรียกว่า FAQs ซึ่งเป็นการตอบคำถาม ที่ถูกถามบ่อยๆ เกี่ยวกับการเปิดบัญชีลับ



อาทิเช่น จะเปิดบัญชีโดยไม่ต้องเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ได้หรือไม่ เปิดทางอินเทอร์เน็ตได้ไหม วิธีการเปิดบัญชีต้องทำอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง จะต้องถูกสัมภาษณ์ไหม ต้องตอบคำถามอะไรบ้าง ไม่บอกชื่อจริงได้ไหม ฯลฯ ผมอ่านดูแล้วก็สนุกดี แต่ผมก็ไม่สามารถจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเปิดบัญชีลับได้มากไปกว่านี้ เพราะผมยังไม่มีประสบการณ์ในการเปิดบัญชีที่นั่นครับ



แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือว่าสวิตเซอร์แลนด์นั้น ถูกกดดันมาหลายปีแล้ว ให้ผ่อนคลายกฎหมายนี้ เพราะประเทศใหญ่ๆ อย่าง อเมริกา เยอรมัน รวมทั้งกลุ่มประเทศอียู ทั้งหลาย เขาเชื่อว่าเป็นช่องทางให้ผู้คนของเขาแอบมาใช้ประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ด้วยการนำสินทรัพย์ต่างๆ ไปฝากไว้ที่นี่



สวิตเซอร์แลนด์เอง ก็พยายามอธิบายมาตลอดเวลา รวมทั้งที่บรรยายให้ผมฟังก็ยืนยันว่า การรักษาความลับของลูกค้านั้น เป็นเรื่องที่เคร่งครัดมาก แต่มีกรณียกเว้น ก็คือ ถ้าหากเป็นเรื่องของการสอบสวนที่มาที่ไปของเงินทองของลูกค้า เพราะเหตุอันเนื่องมาจากอาชญากรรม (Criminal Investigations) แล้วละก็ เขาร่วมมือด้วยเสมอ เพราะกฎหมายของเขาไม่ได้ปกป้องลูกค้าในเรื่องนี้



พอถูกกดดันมากๆ เข้า เมื่อไม่นานมานี้เอง สวิตเซอร์แลนด์ จึงเริ่มผ่อนคลายด้วยการเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย แต่พอทำเช่นนั้น ผู้ฝากก็เริ่มไม่สบอารมณ์ ทำให้มีประเทศที่ชาญฉลาดอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลไทยแลนด์เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง เห็นเป็นโอกาสเหมาะสม เลยผลักดันส่งเสริมให้ผู้คนเหล่านั้นหันมาใช้บริการ บัญชีลับ ในประเทศตนมากขึ้น และทำได้ผลเสียด้วย ประเทศนั้นชื่อว่า สิงคโปร์ ครับ



ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สิงคโปร์ดึงดูดให้ผู้ที่มีความมั่งคั่งมากๆ ทั้งหลาย ทั้งจากเอเชียเอง รวมทั้งชาวยุโรปที่หนีการใช้บริการในสวิตเซอร์แลนด์ มาใช้บริการที่สิงคโปร์เพิ่มขึ้นมาก ธนาคารต่างๆ รวมทั้งธนาคารสวิส เช่น UBS หรือ Credit Suisse ก็เร่งขยายบริการในสิงคโปร์ ในรูปแบบของ Private Banking ซึ่งเป็นการเปิดบัญชีและบริหารบัญชีของผู้ที่ร่ำรวยมากทั้งหลาย ตัวเลขล่าสุดที่ผมได้มา ก็คือ เมื่อปีที่แล้วธนาคารในสิงคโปร์บริหารบัญชีประเภทนี้มีมูลค่าสูงถึง 800,000 ล้านดอลลาร์



แต่ประเทศใหญ่อย่างอเมริกา เขาไม่หยุดกดดันในเรื่องนี้หรอกครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้เอง เขาได้ฟ้องศาลที่รัฐไมอามี ว่าธนาคาร UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ช่วยเหลือให้ชาวอเมริกันจำนวนกว่า 50,000 คน ไปเปิดบัญชีลับไว้ที่ธนาคารแห่งนี้ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี โดยมูลค่าของสินทรัพย์ที่ชาวอเมริกาผู้ร่ำรวยแอบนำไปฝากไว้นั้น รวมกันแล้ว กว่า 148,000 ล้านดอลลาร์



ความจริงก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่ถูกกดดันมากๆ ธนาคาร UBS ก็ได้ยอมเปิดเผยรายชื่อชาวอเมริกันผู้เปิดบัญชีลับไว้ ประมาณ 300 คน โดยกล่าวว่าที่ยอมเปิดเผยก็เพราะมีเหตุผลพอเชื่อได้ว่า เป็นกรณีที่อาจจะเข้าข่ายที่กฎหมายของสวิสยกเว้นให้เปิดเผยความลับลูกค้าได้ แต่ยังไงๆ รายชื่อที่เหลืออีกหลายหมื่นคน ก็เปิดเผยไม่ได้อย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ประธานธนาคาร UBS และประธานาธิบดีของสวิส ยืนยันหนักแน่นตรงกัน ว่าเขาจะต้องรักษาเรื่องความลับลูกค้า ตามกฎหมายของเขาไว้ต่อไป และอย่างเคร่งครัด




มีข่าวว่าเขายินดีจ่ายเงินถึง 780 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดี แต่อเมริกาก็ยอมไม่ได้ จึงเริ่มฟ้องศาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้เอง [b] ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ ก็คงจะเริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เพราะอีกไม่ช้าไม่นาน ความกดดันจากอเมริกา และ อียู คงจะมาถึงที่ประเทศของเขาเช่นกัน และเมื่อเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมานี้เอง ประธานาธิบดี ลี เซียน ลุง ก็ออกมายอมรับต่อสื่อมวลชนว่า เขาเชื่อว่าความกดดันจะต้องมาถึงสิงคโปร์ในไม่ช้านี้[/b]



เล่ามาตั้งนาน คุณผู้อ่าน ก็คงได้ความรู้ในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่บางคน อาจจะอยากรู้ว่า ที่ผ่านมานานหลายทศวรรษเรามีข่าวลือกันมาบ่อยๆ ว่า นักการเมืองไทยบางคน แอบขนเงินไปฝากไว้ที่สวิตเซอร์แลนด์กันจำนวนไม่น้อยนั้น จริงหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด แหม คำถามอย่างนี้ ผมจนปัญญาที่จะตอบจริงๆ (ถ้าจะว่าไปแล้ว ผมก็อยากรู้คำตอบเหมือนท่านนั่นแหละ)



ความจริงแล้ว เราควรจะต้องยอมรับว่า ความรวย นั้น ไม่ใช่ความผิด ถ้าหากเงินทองเหล่านั้นหามาได้ด้วยความรู้ความสามารถและถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อหามาได้แล้ว ถ้าเจ้าของจะนำไปฝากไว้กับธนาคารในต่างประเทศ หรือให้ธนาคารช่วยบริหารความมั่งคั่งให้ (Wealth Management) โดยอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ก็ไม่น่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด ประเด็นมักจะเกิดขึ้น เมื่อเป็นเงินทองที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง หรือนำออกไปอย่างไม่ถูกต้อง เท่านั้นแหละ



ลืมบอกไปอีกประเด็นหนึ่งว่า ทำไมเขาจึงเรียกกันว่า บัญชีลับ ที่เรียกกันอย่างนั้นก็เพราะเป็นบัญชีที่เปิดไว้ โดย ชื่อจริงของเจ้าของบัญชีจะไม่ปรากฏ มีแต่การอ้างอิงด้วย หมายเลข หรือ รหัส เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ ธนาคารสวิสทั้งหลายเขาก็ชี้แจงว่า เรื่อง หมายเลข หรือ รหัส นั้น เป็นแนวในการปฏิบัติ ซึ่งมีเจตนาเพียงเพื่อปกป้อง "ชื่อจริง" ของลูกค้า ไม่ให้แพร่หลายมากเกินไปในหมู่พนักงานของธนาคารเท่านั้น



เขายืนยันว่า ในความเป็นจริงแล้ว ตอนเปิดบัญชี อย่างไรเสีย ก็จะต้องให้ ชื่อจริง ไว้กับธนาคาร ไม่งั้น เขาจะไม่ยอมเปิดบัญชีให้เป็นอันขาด เพียงแต่ธนาคารจะสงวนชื่อจริงไว้ ให้รับทราบเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารเพียงไม่กี่คนเท่านั้น



ผมคิดว่า ถ้าหากเรามีโอกาสได้เห็น หมายเลข หรือ รหัส เหล่านั้นบ้าง ก็คงจะสนุกทีเดียว เพราะแต่ละคน แต่ละชาติภาษา คงมีความคิดสร้างสรรค์ ในการกำหนดหมายเลขหรือรหัสของตัวเอง ที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าเราบังเอิญได้เห็นหมายเลข 88-8888 หรือ 99-9999 หรือ 888-8989 อะไรทำนองนี้ สงสัยจะต้องเดาไว้ก่อนว่า น่าจะมาจากแถวๆ เอเชีย นี่แหละ เผลอๆ อาจจะเป็น คนไทย ก็ได้



ที่ท้าทายหน่อยก็คือ ต้องไปเดาต่อว่า "ชื่ออะไร" เท่านั้นเอง


http://newsroom.bangkokbiznews.com/comm ... r=warapatr


อาจารย์ ดร.วรภัทร โตธนะเกษม มีเรื่องแปลกๆจากทุกมุมโลกมาเล่าให้ฟังเสมอๆ....
คราวนี้เป็น"ความไม่สบายใจ"ของมหาเศรษฐีโลกที่นำเงินไม่สะอาดไปฝากที่สวิสเซอร์แลนด์และสิงคโปร์...

รัฐบาลอเมริกากำลัง"เล่นงาน"ธนาคารUBSของสวิสฯ....
คราวต่อไปคงถึง"คิว"ธนาคารในสิงคโปร์ที่รับฝากเงินสกปรกจากนักการเมืองไทย....!!!
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Return to ชายคาพักใจ



cron