http://mblog.manager.co.th/anchunta/
เมื่อสังคม มีความเจริญทางอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี่นั้น
สิ่งที่ตามมาก็คือ ปัญหาสิ่งแวดล้อม (Pollution)
ตั้งแต่โบราณมาแล้ว ที่มนุษย์เรามีความเชื่อว่า
ชีวิตของเรา และสิ่งแวดล้อมตัวเรา ประกอบด้วย ธาตุทั้ง 4 คือ
ดิน น้ำ ลม ไฟ
นั่นหมายความว่า ถ้าธาตุทั้ง 4 ไม่มีความสมดุลย์ ก็จะเกิดปัญหากับตัวเรา
และที่ร้ายไปกว่านั้น ถ้าสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นพิษ ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ทันที
เราคงเคยได้ยิน ปัญหามลพิษ อยู่บ่อย ๆ ในสังคม
ซึ่งในอดีต ที่เรายังไม่มี เทคโนโลยี่ และยังไม่พัฒนา อุตสาหกรรมนั้น
ยังไม่เคยเกิดปัญหา มลพิษ มาก่อน
เทคโนโลยี่ คือจุดเริ่มต้น ของปัญหา มลพิษ(Pollution) หรือเปล่า..?
1. มลพิษทางดิน (Land pollution)
การที่เราดูว่า ดินเป็นพิษ หรือเปล่านั้น เริ่มได้ง่าย ๆ
จากการสังเกตุว่า มีสิ่งมีชีวิตในดิน หรือเปล่า..?
เพราะถ้าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ก็ยังไม่สามารถ ดำรงชิวิต อยู่ในดินนั้นได้
ก็ย่อมจะมี ความเป็นพิษ ต่อชีวิตของคนเรา แน่นอน
นอกจากนั้นแล้ว อัตราส่วน การถ่ายเทของน้ำ และอากาศในดิน (Input & Output)
จะเป็นตัวรักษาความสมดุลย์ และกำหนดทิศทาง ความเป็นพิษในดิน
ปัญหาที่เกิดจาก Input เช่น การใช้ปุ๋ย ยากำจัดวัชพืช ยาฆ่าแมลง ซึ่งจะทำลายสิ่งมีชีวิตในดิน
ขยะ และสารพิษ จากอุตสาหกรรม ซึ่งต้องการการแก้ปัญหา ด้วยความรู้ทางวิศวกรรม
ปัญหาที่เกิดจาก Output หมายถึงดินที่ขาดการถ่ายเท น้ำและอากาศ ซึ่งจะทำให้เกิดพิษสะสมในดิน
เช่น ดินใต้ถนน ใต้ตึกและอาคารต่าง ๆ ในเมืองใหญ่ ที่ไม่มีการออกแบบผังเมือง
หรือออกแบบผังเมือง โดยไม่คำนึงถึง ปัญหาสิ่งแวดล้อม
2. มลพิษทางน้ำ (Water Pollution)
การที่เราดูว่า น้ำเป็นพิษ หรือเปล่านั้น เริ่มได้ง่าย ๆ
จากการสังเกตุว่า มีสิ่งมีชีวิตในน้ำ หรือเปล่า..?
หรือการทดสอบ ด้วยการนำสิ่งมีชีวิต ขนาดเล็กมาลองดำรงชีวิตในน้ำนั้น ด้วยวิธีที่เหมาะสม
สาเหตุที่เกิดจาก Input เช่น การใช้ยากำจัดวัชพืช การใช้ยาฆ่าแมลง ในการเกษตร
การใช้สารเคมี ในชีวิตประจำวันของเราเอง ทำให้เกิดน้ำเสีย ในครัวเรือน และอาคาร
ร้านค้าต่าง ๆ ในเมือง และที่สำคัญคือ น้ำเสียจากการอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นความรับผิดชอบ
โดยตรง ของวิชาชีพวิศวกรรม
สาเหตุที่เกิดจาก Output หมายถึง การบำบัดน้ำเสีย ด้วยขบวนการ และกรรมวิธีการต่าง ๆ
การบำบัดน้ำเสีย ตั้งแต่ต้นทางนั้น เป็นสิ่งจำเป็น และสำคัญที่สุด ต้องการความรู้
และความรับผิดชอบ ของวิชาชีพวิศวกรรม ที่ต้องพัฒนาองค์กร รองรับสังคมที่เติบโต
3. มลพิษทางอากาศ (Air Pollution)
มักเกิดในเมืองใหญ่ ที่มีรถยนต์จำนวนมาก แต่ที่สำคัญคือ มลพิษที่เกิดจาก โรงงานอุตสาหกรรม
อยู่ในความรับผิดชอบ ของวิชาชีพวิศวกรรม ทั้งสิ้น
4. มลพิษทางพลังงาน (Energy Pollution)
เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ ยังให้ความสนใจน้อย ตั้งแต่การที่มีวัสดุไวไฟต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา
มลพิษทางเสียง และที่สำคัญคือ มลพิษจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จากอุปกรณ์ต่าง ๆ รอบตัวเรา
ที่ผู้คนละเลย เพราะมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้
เพราะฉะนั้น วิชาชีพวิศวกรรม มีความรับผิดชอบตั้งแต่ต้น ในขบวนการของการเกิดปัญหามลพิษ
(Pollution) หรือที่เราเรียกว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม
เราจะเห็นได้ว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น คือ ภาวะมลพิษ (Pollution) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการ
ออกแบบอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ออกแบบอาคาร บ้านเรือน ออกแบบโรงงาน
อุตสาหกรรม ออกแบบผังเมือง ออกแบบระบบสาธารณูปโภค ที่อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้
(Control System) ซึ่งเป็นความรับผิดชอบ ของวิชาชีพวิศวกรรม ที่ต้องมีการพัฒนาองค์กร
เป็น สภาวิศวกรรม เพื่อทำหน้าที่ ในการรวบรวมข้อมูล (Database) ศึกษาวิจัย (Research)
และการประยุกต์ใช้ (Apply) เพื่อสร้างระบบที่มีการควบคุมได้ (Control System) ให้แก่สังคม
นั่นคือการแก้ปัญหา ตั้งแต่ต้นทาง
หรือที่ พระไตรปิฎก กล่าวไว้ว่า "ปัญหา ต้องดับที่เหตุ"
http://mblog.manager.co.th/anchunta/
