ตับเหล็ก. wrote:ppneer
ppneer
หยาบคายมาก...แต่ไม่ว่าอะไรผมรู้นิสัยคุณเพราะอ่านบ่อยๆ
สำเนียงส่อภาษากริยาส่อสกุล
คนอื่นเสวนาเพราะกว่าคุณเยอะ...ถึงแม้จะมีเหน็บกันบ้าง...แต่ก็น่ารักดี
แต่คุณหยาบว่ะ
แมว
****
Posts: 403
Reply
ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
ถ้าคุณมาแสดงความคิดเห็นเหมือนผู้อื่นไม่มีใครว่าแต่ถ้าป่วนควรจะไปที่อื่นที่นี่ไม่มีใครด่าใครจำไว้
Posted on 22/02/09 17:14:45
ppneer
**
Posts: 97
Reply Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
ผมไม่ไช่ผู้ป่วนบอร์ดพวกคุณคิดกันเองมากกว่า
ผมเป็นประชาชนชาวสยามประเทศ ที่มีสิทธิเสรีภาพในการคิดและแสดงความคิดเห็น
แต่ไม่ตรงกับอารมณ์ทางความคิดของพวกคุณ
โลกมันกว้าง แต่ ทาง มันเถื่อน
Posted on 22/02/09 17:18:14
แมว
****
Posts: 403
Reply
Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
ที่นีนให้ความคิดเห็นได้แต่ไม่ใช่แบบที่คุณเข้ามาป่วนไปทั้วที่นี่ยังไม่มีใครด่าใครควายเลยนะครับเข้ามาก็หัดสังเกตุบ้างถ้าคุณแก้พฤติกรรมคุณได้ไมใครว่าที่นี่เห็นต่างมีหลายคนครับแต่ไม่มีใครล่วงเกินกันว่าไปตามเหตุผลครับ
Posted on 22/02/09 17:23:43
ppneer
**
Posts: 97
Reply Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
จัดไป ตาม ความประสงค์ของเจ้าของบ้าน
Posted on 22/02/09 17:25:58
แมว
****
Posts: 403
Reply
Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
โอ ชวนไปกินหญ้า อบ ยาบ
ว่างๆ อ่านหนังสือกันบ้าง อย่ามั่วแต่ไถนา
(ลืมไปควายอ่านหนังสือไมเป็น)
*****************************************
แบบนี้เรียกว่าสร้างสรรหรือเปล่าครับ
Posted on 22/02/09 17:29:57
ppneer
**
Posts: 97
Reply Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
แมว wrote:
โอ ชวนไปกินหญ้า อบ ยาบ
ว่างๆ อ่านหนังสือกันบ้าง อย่ามั่วแต่ไถนา
(ลืมไปควายอ่านหนังสือไมเป็น)
*****************************************
แบบนี้เรียกว่าสร้างสรรหรือเปล่าครับ
ก้บอกแล้วไง จะตามเจ้าของบ้าน คุณเอามาขยายเอง
Posted on 22/02/09 22:22:12
หอย
******
Posts: 4033
Reply
Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
อ๋อ....งั้น ppneer นี้
ไม่ชอบคนเสื้อแดงซิ
เออ..หลงเข้ามานี้ได้ไงน่ะ
เอาน่าคุณแมวเหมียว
ลองอ่านความเห้นเขาดุก่อน
Posted on 22/02/09 22:34:53
jado
******
Posts: 2981
Reply
Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
ppneer wrote:
ผมไม่ไช่ผู้ป่วนบอร์ดพวกคุณคิดกันเองมากกว่า
ผมเป็นประชาชนชาวสยามประเทศ ที่มีสิทธิเสรีภาพในการคิดและแสดงความคิดเห็น
แต่ไม่ตรงกับอารมณ์ทางความคิดของพวกคุณ
โลกมันกว้าง แต่ ทาง มันเถื่อน
พูดเหมือนพันธมิตรแฮะ
สิ่งที่น่าคิดอะไรเป็นตัวบรรทัดวัดว่าใคร ความเห็นอย่างไร เป็นผู้ป่วนบอร์ด
สำหรับในกระทู้นี้ ผมไม่ทราบว่า ทั้งสองฝ่าย ถือไม้บรรทัดหน่วยวัดเดียวกันหรือเปล่า เดียวตีกันตาย
ผมเคยคุยกับคนสองคนเรื่องไม้บรรทัด คนนึ่งบอกว่า ทำสิ่งนี้ทุกเดือนถือว่าบ่อย แต่อีกคนบอกว่าไม่บ่อย ถ้าบ่อย ต้องทุกอาทิตย์ เห็นไหม บรรทัดคนละอัน
_________________
รัฐบาล และรัฐสภามีการตรวจสอบการทำงาน ยุบสภาได้ แล้วศาลล่ะอะไรตรวจสอบ ถ้าศาลไม่ตรง ไม่ถูกต้อง ไม่ตีความตามกฏหมาย แต่ตีความตามพจนานุกรม
++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมเหนื่อยที่จะตอบผู้มาใหม่ด้วยข้อมูลที่ผมเคยตอบกับผู้ที่สงสัยก่อนหน้าคุณ ผู้เข้ามาใหม่อ่านลิงค์ข้างล่าง ก่อนแล้วกัน ถ้าสงสัยค่อยถามต่อ
V
V
V
http://www.nocoup.net/cgi-bin/board/sim ... 799&page=1
Posted on 23/02/09 07:11:15
ppneer
**
Posts: 97
Reply Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
หอย wrote:
อ๋อ....งั้น ppneer นี้
ไม่ชอบคนเสื้อแดงซิ
เออ..หลงเข้ามานี้ได้ไงน่ะ
เอาน่าคุณแมวเหมียว
ลองอ่านความเห้นเขาดุก่อน
ชอบครับที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางประชาธิปไตย
แต่มันต้องรู้จักใช้เหตุผลมาแสดง
บ้างที่ตามต่างจังหวัดไม่เคยรู้เรื่อง
แล้วตามเขามาเพื่อความสนุกสนาน
พอควบคุมไม่ได้ พวกหัวหน้าออกมาปัดสวะ
ว่าไม่ได้สั่ง ทำกันเอง นี้หรือการแสดงเรียกร้องประชาธิปไตย ภายใต้พระ
มหากษัตริย์เป็นประมุข
Posted on 23/02/09 12:57:50
yaw
******
Posts: 1770
Reply
Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
แหม...อะไรมันจะไปสู้ประชาธิปไตยแบบนี้ได้หล่ะ งดงามเลิศเลอเป็นที่สุด
Posted on 23/02/09 13:30:52
ppneer
**
Posts: 97
Reply Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
yaw wrote:
แหม...อะไรมันจะไปสู้ประชาธิปไตยแบบนี้ได้หล่ะ งดงามเลิศเลอเป็นที่สุด
คุณ yaw ถ้าจะเอาแบบนี้ ก็ได้ ครับ
ตัวผมเองก็มีเป็นกุลุด แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะมาใช้
เพราะไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าผมโต้คุณกลับ
บุคคลในที่นี้ก็จะมารวมกัน
เดี๋ยวคุณลืม วัน วันที่24กพ วันเปิดเนตร พระเจ้ามูลเมือง เสียเปล่าๆ
Posted on 23/02/09 22:01:18
yaw
******
Posts: 1770
Reply
Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
รู้สึกคุณจะชอบพระเจ้ามูลเมืองมากสินะเห็นคุยได้ทุกกระทู้
Posted on 24/02/09 00:52:40
ppneer
**
Posts: 97
Reply Re: ppneer ตัวป่วนบอร์ด2.4
--------------------------------------------------------------------------------
yaw wrote:
รู้สึกคุณจะชอบพระเจ้ามูลเมืองมากสินะเห็นคุยได้ทุกกระทู้
ตับเหล็ก. wrote:ทู้ทำไมให้รกบอร์ด
จั่วหัวมาเรื่อง ปชป. เรื่องนี้ของมาร์คเต็มๆอยู่แล้ว...
หรือว่าเป็นเรื่องของคนอื่น.....ก๊ากกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตับเหล็ก. wrote:ppneer wrote:ตับเหล็ก. wrote:กู้เงินเก่งมาก.....ล่าสุดจะกู้อีก 1.4ล้านๆ
1,400,000,000,000 ......พวกเราจะเป็นหนี้เพิ่มคนละ 20000 สองหมื่นบาทไทย“อภิสิทธิ์”เผยทีมเศรษฐกิจหารือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจกรอบ 2-3 ปี ทำโครงสร้างพื้นฐาน เจรจากู้เงิน ตปท. 1.4 ล้านล้าน เผยตัวเลขรายได้ต่ำกว่าเป้าพุ่งสูง 1.5 แสนล้าน แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวติดลบน้อยลง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังเป็นประธานการประชุม ครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกหารือ ครม.เศรษฐกิจในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ( 17 มี.ค.) ว่า ที่มีการดูกันเป็นเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นกรอบ 2-3 ปี หลังจากที่ทำรอบแรกแล้ว ก็จะมีเรื่องการที่จะไปเจรจากู้เงิน จากต่างประเทศก็กำลังดูในเรื่องการลงทุนลักษณะโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมกรอบ เวลา 2-3 ปี คือปีงบประมาณ 2554 ก็จะมีวงเงินใน 3 ปี ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ตกปีละประมาณ 5 แสนล้าน ขณะนี้กำลังดูในรายละเอียดอยู่ ก็จะมีทั้งโครงการในส่วนของคมนาคม แหล่งน้ำ โรงเรียน สาธารณสุข ที่อยู่อาศัย
ได้แจก 2000 เป็นหนี้ 20000
55555555555
ไอ้ตับเล็กหมึงศึกษามาก่อนดีกว่ามั้ง
ทำไมเขาถึงกู้ พ่อหมึงทั้ง 3 คนทำหนี้ไว้ทั้งเท่าไหร่
พ่อคุณสิทำหนี้ไว้....อิอิ
สมัยก่อนชวนกู้IMF เป็นหนี้เขา ทักษิณมาใช้ให้...ไม่เคยเห็นทักษิณเหน็บชวนเลย
พอมาร์คมาเป็นนายกก็อ้างว่ารัฐบาลเก่าทำเสียไว้ถึงต้องกู้
...อย่างว่า ...คิดไม่เป็นหาเงินไม่เป็นก็ต้องกู้อย่างเดียว....หรือจะเถียงว่า ชวน มาร์ค หาเงินเป็น
ถ้าหาเป็นทำไมต้องกู้...ทักษิณเข้ามาไม่เห็นต้องกู้ใครเลย.....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตับเหล็ก. wrote:ทู้ทำไมให้รกบอร์ด
จั่วหัวมาเรื่อง ปชป. เรื่องนี้ของมาร์คเต็มๆอยู่แล้ว...
หรือว่าเป็นเรื่องของคนอื่น.....ก๊ากกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตับเหล็ก. wrote:
สมัยก่อนชวนกู้IMF เป็นหนี้เขา ทักษิณมาใช้ให้...ไม่เคยเห็นทักษิณเหน็บชวนเลย
ตับเหล็ก. wrote:ชินแล้วครับเห็นต่างที่นี่ไม่มีใครชมอยู่แล้วแต่ คุณดีกว่า พี่ปี้เนียร์ อีกนะ
Sweet Chin Music wrote:กากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จริงๆ
อยากรู้บอกให้ก็ได้ว่า น.ช.ทักษิณ แอบอ้าง ว่าตัวเองเป็นคนปลดหนี้ IMF
แถมเหตุผลที่ปลด เพราะกลัวอะไรก็ไม่รู้ อิอิ
พายุ wrote:Sweet Chin Music wrote:กากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จริงๆ
อยากรู้บอกให้ก็ได้ว่า น.ช.ทักษิณ แอบอ้าง ว่าตัวเองเป็นคนปลดหนี้ IMF
แถมเหตุผลที่ปลด เพราะกลัวอะไรก็ไม่รู้ อิอิ
ขอโควตที่หวานตอบไว้มาหน่อย อยู่กระทู้นี้ หน้า 1
ตับเหล็ก. wrote:แล้วอีกอย่าง ลองไปศึกษามาก่อนว่าที่ต้องกู้จุดเริ่มต้นมาจากใครที่ทำเศรษฐกิจชิบหาย
ถ้าไม่ใช่การรัฐประหาร
ppneer wrote:ตับเหล็ก. wrote:ชินแล้วครับเห็นต่างที่นี่ไม่มีใครชมอยู่แล้วแต่ คุณดีกว่า พี่ปี้เนียร์ อีกนะ
หมึงอย่ามาทำปากดีใอ้ ควายเหล็ก
เอาเรื่องที่หมึงอยากคุยกับกรูก่อน
หมึงไปขุดมาให้หมด
ถ้าหมึงไม่ทำหมึงกับกรู เห็นดีกัน
ตับเหล็ก. wrote:ppneer wrote:ตับเหล็ก. wrote:ชินแล้วครับเห็นต่างที่นี่ไม่มีใครชมอยู่แล้วแต่ คุณดีกว่า พี่ปี้เนียร์ อีกนะ
หมึงอย่ามาทำปากดีใอ้ ควายเหล็ก
เอาเรื่องที่หมึงอยากคุยกับกรูก่อน
หมึงไปขุดมาให้หมด
ถ้าหมึงไม่ทำหมึงกับกรู เห็นดีกัน
ไม่อยากมาทำตัวเป็นนักเลงในเน็ต...
ตัวจริงคุณจะเหมือนในเน็ตหรือเปล่า...
หยาบคายไม่มีที่สิ้นสุด.....พอเปลี่ยนบอร์ดก็หงอเป็นไก่ป่วย
....ในบอร์ดนี้ผมไม่สู้หรอกครับ...ยอมแพ้
ปุถุชน wrote:หนูนานามิ wrote:แล้วปฎิเสธได้ไหมคะว่า
ปชป ทำให้ไทย พลาดเสือตัวที่ 5ของเอเชีย
คดีที่ เน่าสปก
และก้ การกุยืมเงิน ไอเอมเอฟมาใช้แบบไร้ประโยชน์
เจ้ามูลแม๊วและเห็บแม๊วไม่กล้าพูดในที่สาธารณะด้วยข้อความพรรค์นี้หรอก
คนมีสติปัญญา คนรู้ทัน เห็นเป็นเรื่องขำขัน ปัญญาอ่อน...!!!
แต่พิมพ์ใน"ใบบอก"ให้พวก"บัตรเติมเงิน"อ่าน แล้วนำไปขยายความ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Sweet Chin Music wrote:ขอโทษนะครับ ใครกู้ยืมเงิน IMF นะครับ
ใน ใบบอกฯ เขียนว่าใครเป็นคนกู้ / กู้ยังไง / กุ้มาเท่าไร
ช่วยบอกด้วย อยากรู้จริงๆ
ตับเหล็ก. wrote:ppneer
โชว์เพาว่างั้นเหอะ....ขอบคุณครับที่เอามาโชว์..
ตับเหล็ก. wrote:
สมัยก่อนชวนกู้IMF เป็นหนี้เขา ทักษิณมาใช้ให้...ไม่เคยเห็นทักษิณเหน็บชวนเลย
พอมาร์คมาเป็นนายกก็อ้างว่ารัฐบาลเก่าทำเสียไว้ถึงต้องกู้
...อย่างว่า ...คิดไม่เป็นหาเงินไม่เป็นก็ต้องกู้อย่างเดียว....หรือจะเถียงว่า ชวน มาร์ค หาเงินเป็น
ถ้าหาเป็นทำไมต้องกู้...ทักษิณเข้ามาไม่เห็นต้องกู้ใครเลย.....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตับเหล็ก. wrote:แล้วอีกอย่าง ลองไปศึกษามาก่อนว่าที่ต้องกู้จุดเริ่มต้นมาจากใครที่ทำเศรษฐกิจชิบหาย
ถ้าไม่ใช่การรัฐประหาร
ทักษิณ” ประกาศความเป็นไท ไร้พันธนาการจากไอเอ็มเอฟ
“ทักษิณ” ประกาศกับคนไทยทั้งประเทศ พ้นพันธะลูกหนี้ของไอเอ็มเอฟ หลังชำระหนี้ก้อนสุดท้าย กว่า 60,000 ล้านบาท และยังมีเงินทุนสำรองในประเทศอีกว่า 38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมให้ความเชื่อมั่นคนไทยจะไม่ตกเป็นทาสไอเอ็มเอฟอีก หากรัฐบาลชุดนี้ยังบริหารประเทศอยู่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับ การที่ธนาคารแห่งประเทศได้ชำระหนี้ให้กับกองทุนไอเอ็มเอฟ งวดสุดท้าย เป็นจำนวนเงินกว่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟครั้งนี้ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศลดเหลือ 38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าทุนสำรองฯ ยังอยู่ในระดับที่สูง และฐานะการเงินของประเทศยังคงแข็งแกร่ง
“รัฐบาลชุดนี้เชื่อว่าการชำระหนี้ก่อนเวลาถึง 2 ปี เนื่องจากมีความมั่นใจว่าเราพลิกสถานการณ์ได้ และมั่นใจว่าเราจะมีเงินทุนเพียงพอ โดยที่เราไม่ต้องเก็บหนี้ไว้ การที่เราใช้หนี้เร็วนอกจากจะประหยัดดอกเบี้ยถึง 5,000 ล้านบาทแล้วยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศเพื่อให้ต่างประเทศเห็นว่าเรามีความพร้อม มีความแข็งแรงพอ พร้อมที่จะให้หนี้ก่อนเวลา” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำเร็จที่ไทยสามารถปลดหนี้ได้ เกิดจากการปรับนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ใช้นโยบาย 2 แนวทาง ซึ่งอาศัยเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก และรัฐบาลชุดนี้ ยังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจรากหญ้าด้วย ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ ที่จะเป็นการกระจายรายได้ที่ดีที่สุด ซึ่งถือว่าการกระจายทุนเป็นสิ่งจำเป็น ด้วย
ทั้งนี้การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟของไทยในครั้งนี้ ทำให้ไทยหมดพันธกรณีหลายๆ อย่าง เช่น การที่ไม่ต้องปรับขึ้นภาษีจาก 7 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ได้สัญญาไว้ว่า จะต้องเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ในเดือนตุลาคมนี้ และเรื่องการแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับ ที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงและไม่เห็นด้วย จากการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งที่ผ่านมาไทยจำเป็นต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ กฎหมายล้มละลาย ที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ให้ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน กฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าวบนพื้นฐานความเป็นธรรม และกฎหมายพิจารณาทางแพ่ง
“วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลใด แต่เป็นการสะสมของการที่ไม่ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของโลก และ ไม่ได้ใช้ข้อมูลอย่างฉลาด เหตุการณ์เหล่านี้ต้องไม่เกิดซ้ำอีก ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเพราะคนไทยจำนวนมากยังไม่หายเจ็บปวดจากวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้นควรเป็นบทเรียนแก่คนไทย ที่ต้องร่วมคิดร่วมแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของระบบทุนนิยม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยืนยันการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ว่าจะไม่ทำให้คนไทยตกเป็นทาสของไอเอ็มเอฟ และภายในปีนี้ประเทศไทยจะมีเงินทุนสำรองที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์หลังการปลดหนี้ไอเอ็มเอฟในครั้งนี้ พร้อมเชิญชวนคนไทยติดธงชาติไทย เพื่อประกาศถึงความเป็นไทให้ประเทศ
................................................................
ที่มา .....http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000025258
ปลดแอกIMFคลังฟุ้งยกใหญ่ คนไทยกระเป๋าตุงมีเงินใช้บาน
คลัง ได้ทีฟุ้งกระจาย ระบุ ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ จะทำให้ประชาชนกระเป๋าตุง มีเงินใช้จ่ายเพิ่มปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท และ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องต่างๆ ที่เคยเป็นกฎทาสของไอเอ็มเอฟ ด้าน “หม่อมอุ๋ย” เผยทุนสำรองลดหลังใช้หนี้งวดสุดท้าย เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ปชป. อัดทันที เป็นคำพูดที่สร้างความสับสน เกทับรัฐใช้หนี้ได้เร็ว เป็นเพราะรัฐบาลที่แล้วกู้เงินต่ำกว่าที่ไอเอ็มเอฟกำหนด
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การที่ประเทศไทยใช้หนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) และไม่เป็นหนี้อีกต่อไปนั้น ทำให้ไทยได้รับประโยชน์หลายอย่าง เช่น ไม่ต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 ของราคาสินค้าและบริการตามที่ไอเอ็มเอฟเคยมีเงื่อนไขเอาไว้ และ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็มีนโยบายชัดเจนแล้วว่า ในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ไป จะคงอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ร้อยละ 7 ต่อไป ไม่มีการจัดเก็บเพิ่มขึ้นตามที่สื่อมวลชนบางแห่งรายงานออกมา ส่วนจะปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลในช่วงนั้น ๆ จึงไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ การไม่ปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 ของราคาสินค้าและบริการนั้น ภาษี ร้อยละ 1ไม่ปรับเพิ่มขึ้น ช่วยให้ประชาชนมีเงินไว้ใช้จ่ายรวมกันประมาณ 20,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นการไม่ปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 3 จึงทำให้ประชาชนมีอำนาจใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 60,000 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีเงินออกไปสู่มือประชาชน 70,000 กว่าล้านบาท จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัวคิดเป็นร้อยละ 1.25 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แต่ภาษีไม่จัดเก็บไม่อาจคำนวณในลักษณะนี้ได้ตรง ๆ
ปลดหนี้เลิกทาส
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ไทยไม่เป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ ยังทำให้ไม่ต้องเร่งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจตามกรอบที่ไอเอ็มเอฟกำหนด สามารถดำเนินการได้ตามที่รัฐบาลไทยเห็นว่า เหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังไม่จำเป็นต้องทำการเปิดเสรีการเงินตามกรอบที่ไอเอ็มเอฟกำหนด สามารถพิจารณาได้เอง ไม่จำเป็นต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบเกินดุล และสามารถแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับที่มีการคัดค้านมาโดยตลอดได้
“หม่อมอุ๋ย” ระบุทุนสำรองลด
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยชำระหนี้คืนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) งวดสุดท้ายจำนวน 1,670 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศลดเหลือ 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าทุนสำรองฯ ยังอยู่ในระดับที่สูง และฐานะการเงินของประเทศยังคงแข็งแกร่ง เทียบเท่ากับมูลค่านำเข้า 3.3 เดือน และเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านต่างประเทศ ทั้งนี้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง โดยทางการได้มีการชำระหนี้รายงวดให้กับไอเอ็มเอฟมาอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ของปี 2546 โดยตัวเลขเงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ประมาณ 39,000ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสะท้อนเสถียรภาพทางด้านต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ภาระหนี้ต่างประเทศได้มีการปรับตัวลดลงมาโดยตลอด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2546ภาระหนี้ต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 55,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดือนเมษายน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนี้ระยะสั้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 21.2 และหนี้ระยะยาว ร้อยละ 78.8
ปชป.เคลมผลงาน
นายสรรเสริญ สมะลาภา รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรค กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศจะชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก่อนกำหนดว่า อยู่ในวิสัยที่ทำได้ เพราะปัจจุบันมีเงินไหลเข้าประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะในรูปของเงินฝาก ทำให้สภาพคล่องของสถาบันการเงินท่วม และดอกเบี้ยเงินฝากต่ำลงมาก นอกจากนี้จำนวนเงิน 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับเงินที่กู้จากไอเอ็มเอฟทั้งหมด 14,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายสรรเสริญ กล่าวว่า การที่รัฐบาลบอกว่าประเทศไทยเป็นอิสระแล้ว เพราะชำระหนี้ไอเอ็มเอฟหมดนั้น จะสร้างความสับสนให้กับประชาชน เพราะปัจจุบันไทยไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟ และสิ่งที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้ใช้หนี้ได้ก่อนกำหนด เนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้วกู้เงินต่ำกว่าที่ไอเอ็มเอฟกำหนดถึง2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงไม่อยากให้รัฐบาลนำเรื่องนี้มาเป็นผลงานมากจนเกินไป
“แน่นอนการปลดหนี้ ถ้าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการลดยอดหนี้ต่างประเทศให้ลดลง และดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายในอนาคตก็ลดลงไปด้วย ซึ่งเงิน 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็ไม่ถือว่ามาก เมื่อเทียบกับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ 30,000 ล้าน เพราะฉะนั้นด้านผลเสียในอนาคตคิดว่าช่วงนี้คงไม่มี” นายสรรเสริญ กล่าว
..................................................
ที่มา .....http://www.manager.co.th
ลุงตับเจ้าขา
ขอถามหน่อยสิเจ้าคะ
ใครเป็นคนกู้ IMF / กู้ยังไง / และกู้มาเท่าไหร่
(555 ลอกการบ้านหวานมาถามเลย คือไม่รู้จะตั้งคำถามยังไงให้เข้าใจง่ายกว่านี้แล้วอ่ะ อิอิ)
พายุ wrote:ตับเหล็ก. wrote:
สมัยก่อนชวนกู้IMF เป็นหนี้เขา ทักษิณมาใช้ให้...ไม่เคยเห็นทักษิณเหน็บชวนเลย
พอมาร์คมาเป็นนายกก็อ้างว่ารัฐบาลเก่าทำเสียไว้ถึงต้องกู้
...อย่างว่า ...คิดไม่เป็นหาเงินไม่เป็นก็ต้องกู้อย่างเดียว....หรือจะเถียงว่า ชวน มาร์ค หาเงินเป็น
ถ้าหาเป็นทำไมต้องกู้...ทักษิณเข้ามาไม่เห็นต้องกู้ใครเลย.....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆตับเหล็ก. wrote:แล้วอีกอย่าง ลองไปศึกษามาก่อนว่าที่ต้องกู้จุดเริ่มต้นมาจากใครที่ทำเศรษฐกิจชิบหาย
ถ้าไม่ใช่การรัฐประหาร
อ่านตรงที่บอกว่าทักษิณมาใช้หนี้ก็ขำแล้วนะ
แต่อ่านโควตต่อมา ขำกว่าอีก
อิอิ จะฮาไปไหนอะคะลุงตับ![]()
![]()
![]()
ตับเหล็ก. wrote:
สมัยก่อนชวนกู้IMF เป็นหนี้เขา ทักษิณมาใช้ให้...ไม่เคยเห็นทักษิณเหน็บชวนเลย
พอมาร์คมาเป็นนายกก็อ้างว่ารัฐบาลเก่าทำเสียไว้ถึงต้องกู้
...อย่างว่า ...คิดไม่เป็นหาเงินไม่เป็นก็ต้องกู้อย่างเดียว....หรือจะเถียงว่า ชวน มาร์ค หาเงินเป็น
ถ้าหาเป็นทำไมต้องกู้...ทักษิณเข้ามาไม่เห็นต้องกู้ใครเลย.....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตับเหล็ก. wrote:ในปี 2540 ชวลิต ยงใจยุทธ
กู้แต่ไม่ได้ใช้
17,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เบิกมาใช้จริง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตอนรัฐบาลชวน หลีกภัย
รู้แค่นี้แหละ
ทักษิณ” ประกาศความเป็นไท ไร้พันธนาการจากไอเอ็มเอฟ
“ทักษิณ” ประกาศกับคนไทยทั้งประเทศ พ้นพันธะลูกหนี้ของไอเอ็มเอฟ หลังชำระหนี้ก้อนสุดท้าย กว่า 60,000 ล้านบาท และยังมีเงินทุนสำรองในประเทศอีกว่า 38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมให้ความเชื่อมั่นคนไทยจะไม่ตกเป็นทาสไอเอ็มเอฟอีก หากรัฐบาลชุดนี้ยังบริหารประเทศอยู่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับ การที่ธนาคารแห่งประเทศได้ชำระหนี้ให้กับกองทุนไอเอ็มเอฟ งวดสุดท้าย เป็นจำนวนเงินกว่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟครั้งนี้ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศลดเหลือ 38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าทุนสำรองฯ ยังอยู่ในระดับที่สูง และฐานะการเงินของประเทศยังคงแข็งแกร่ง
“รัฐบาลชุดนี้เชื่อว่าการชำระหนี้ก่อนเวลาถึง 2 ปี เนื่องจากมีความมั่นใจว่าเราพลิกสถานการณ์ได้ และมั่นใจว่าเราจะมีเงินทุนเพียงพอ โดยที่เราไม่ต้องเก็บหนี้ไว้ การที่เราใช้หนี้เร็วนอกจากจะประหยัดดอกเบี้ยถึง 5,000 ล้านบาทแล้วยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศเพื่อให้ต่างประเทศเห็นว่าเรามีความพร้อม มีความแข็งแรงพอ พร้อมที่จะให้หนี้ก่อนเวลา” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำเร็จที่ไทยสามารถปลดหนี้ได้ เกิดจากการปรับนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ใช้นโยบาย 2 แนวทาง ซึ่งอาศัยเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก และรัฐบาลชุดนี้ ยังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจรากหญ้าด้วย ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ ที่จะเป็นการกระจายรายได้ที่ดีที่สุด ซึ่งถือว่าการกระจายทุนเป็นสิ่งจำเป็น ด้วย
ทั้งนี้การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟของไทยในครั้งนี้ ทำให้ไทยหมดพันธกรณีหลายๆ อย่าง เช่น การที่ไม่ต้องปรับขึ้นภาษีจาก 7 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ได้สัญญาไว้ว่า จะต้องเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ในเดือนตุลาคมนี้ และเรื่องการแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับ ที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงและไม่เห็นด้วย จากการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งที่ผ่านมาไทยจำเป็นต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ กฎหมายล้มละลาย ที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ให้ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน กฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าวบนพื้นฐานความเป็นธรรม และกฎหมายพิจารณาทางแพ่ง
“วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลใด แต่เป็นการสะสมของการที่ไม่ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของโลก และ ไม่ได้ใช้ข้อมูลอย่างฉลาด เหตุการณ์เหล่านี้ต้องไม่เกิดซ้ำอีก ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเพราะคนไทยจำนวนมากยังไม่หายเจ็บปวดจากวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้นควรเป็นบทเรียนแก่คนไทย ที่ต้องร่วมคิดร่วมแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของระบบทุนนิยม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยืนยันการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ว่าจะไม่ทำให้คนไทยตกเป็นทาสของไอเอ็มเอฟ และภายในปีนี้ประเทศไทยจะมีเงินทุนสำรองที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์หลังการปลดหนี้ไอเอ็มเอฟในครั้งนี้ พร้อมเชิญชวนคนไทยติดธงชาติไทย เพื่อประกาศถึงความเป็นไทให้ประเทศ
................................................................
ที่มา .....http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000025258
ปลดแอกIMFคลังฟุ้งยกใหญ่ คนไทยกระเป๋าตุงมีเงินใช้บาน
คลัง ได้ทีฟุ้งกระจาย ระบุ ปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ จะทำให้ประชาชนกระเป๋าตุง มีเงินใช้จ่ายเพิ่มปีละกว่า 6 หมื่นล้านบาท และ ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องต่างๆ ที่เคยเป็นกฎทาสของไอเอ็มเอฟ ด้าน “หม่อมอุ๋ย” เผยทุนสำรองลดหลังใช้หนี้งวดสุดท้าย เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ปชป. อัดทันที เป็นคำพูดที่สร้างความสับสน เกทับรัฐใช้หนี้ได้เร็ว เป็นเพราะรัฐบาลที่แล้วกู้เงินต่ำกว่าที่ไอเอ็มเอฟกำหนด
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การที่ประเทศไทยใช้หนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) และไม่เป็นหนี้อีกต่อไปนั้น ทำให้ไทยได้รับประโยชน์หลายอย่าง เช่น ไม่ต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 ของราคาสินค้าและบริการตามที่ไอเอ็มเอฟเคยมีเงื่อนไขเอาไว้ และ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็มีนโยบายชัดเจนแล้วว่า ในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ไป จะคงอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ร้อยละ 7 ต่อไป ไม่มีการจัดเก็บเพิ่มขึ้นตามที่สื่อมวลชนบางแห่งรายงานออกมา ส่วนจะปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลในช่วงนั้น ๆ จึงไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ การไม่ปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 ของราคาสินค้าและบริการนั้น ภาษี ร้อยละ 1ไม่ปรับเพิ่มขึ้น ช่วยให้ประชาชนมีเงินไว้ใช้จ่ายรวมกันประมาณ 20,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นการไม่ปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 3 จึงทำให้ประชาชนมีอำนาจใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 60,000 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่มีเงินออกไปสู่มือประชาชน 70,000 กว่าล้านบาท จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจขยายตัวคิดเป็นร้อยละ 1.25 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แต่ภาษีไม่จัดเก็บไม่อาจคำนวณในลักษณะนี้ได้ตรง ๆ
ปลดหนี้เลิกทาส
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ไทยไม่เป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ ยังทำให้ไม่ต้องเร่งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจตามกรอบที่ไอเอ็มเอฟกำหนด สามารถดำเนินการได้ตามที่รัฐบาลไทยเห็นว่า เหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากนี้ ยังไม่จำเป็นต้องทำการเปิดเสรีการเงินตามกรอบที่ไอเอ็มเอฟกำหนด สามารถพิจารณาได้เอง ไม่จำเป็นต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบเกินดุล และสามารถแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับที่มีการคัดค้านมาโดยตลอดได้
“หม่อมอุ๋ย” ระบุทุนสำรองลด
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยชำระหนี้คืนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) งวดสุดท้ายจำนวน 1,670 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศลดเหลือ 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าทุนสำรองฯ ยังอยู่ในระดับที่สูง และฐานะการเงินของประเทศยังคงแข็งแกร่ง เทียบเท่ากับมูลค่านำเข้า 3.3 เดือน และเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านต่างประเทศ ทั้งนี้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง โดยทางการได้มีการชำระหนี้รายงวดให้กับไอเอ็มเอฟมาอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ของปี 2546 โดยตัวเลขเงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ประมาณ 39,000ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสะท้อนเสถียรภาพทางด้านต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ภาระหนี้ต่างประเทศได้มีการปรับตัวลดลงมาโดยตลอด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2546ภาระหนี้ต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 55,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดือนเมษายน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนี้ระยะสั้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 21.2 และหนี้ระยะยาว ร้อยละ 78.8
ปชป.เคลมผลงาน
นายสรรเสริญ สมะลาภา รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรค กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศจะชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก่อนกำหนดว่า อยู่ในวิสัยที่ทำได้ เพราะปัจจุบันมีเงินไหลเข้าประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะในรูปของเงินฝาก ทำให้สภาพคล่องของสถาบันการเงินท่วม และดอกเบี้ยเงินฝากต่ำลงมาก นอกจากนี้จำนวนเงิน 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับเงินที่กู้จากไอเอ็มเอฟทั้งหมด 14,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายสรรเสริญ กล่าวว่า การที่รัฐบาลบอกว่าประเทศไทยเป็นอิสระแล้ว เพราะชำระหนี้ไอเอ็มเอฟหมดนั้น จะสร้างความสับสนให้กับประชาชน เพราะปัจจุบันไทยไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟ และสิ่งที่ทำให้รัฐบาลชุดนี้ใช้หนี้ได้ก่อนกำหนด เนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้วกู้เงินต่ำกว่าที่ไอเอ็มเอฟกำหนดถึง2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงไม่อยากให้รัฐบาลนำเรื่องนี้มาเป็นผลงานมากจนเกินไป
“แน่นอนการปลดหนี้ ถ้าอยู่ในวิสัยที่ทำได้ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการลดยอดหนี้ต่างประเทศให้ลดลง และดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายในอนาคตก็ลดลงไปด้วย ซึ่งเงิน 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็ไม่ถือว่ามาก เมื่อเทียบกับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่ 30,000 ล้าน เพราะฉะนั้นด้านผลเสียในอนาคตคิดว่าช่วงนี้คงไม่มี” นายสรรเสริญ กล่าว
..................................................
ที่มา .....http://www.manager.co.th
นักตอบกระทู้อิสระ wrote:มีแต่ควายเท่านั้น ที่กู้เงินมาดองไว้ในบัญชีเฉยๆ โดยเฉพาะเงินกู้ IMF เป็นเงินกู้ที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ
แล้วรู้มั้ย ทำไมต้องกู้
รู้มั้ยว่า ปชป เอาเงินไปทำอะไร
ไม่รู้จริง แต่เสือกเอามาเป็นประเด็น แถไปเรื่อยเปื่อย แถไปแถมา ม้ดคอตัวเอง
ค้นเป็นแต่ข่าวที่เลียกะโปกทักษิณ ข่าวอื่นๆ ไม่รู้จักค้น ไม่รู้จักอ่าน
jerasak wrote:
เป็นความจริงที่รับรู้กับทั่วไปว่าคุณทักษิณใกล้ชิดกับพรรคความหวังใหม่เป็นอย่างมาก
เมื่อก่อตั้งพรรคไทยรักไทยในปี 2541 ยังนำเอากลุ่มวังน้ำเย็นจากพรรคความหวังใหม่
ไปเป็นแกนสำคัญในการก่อตั้งพรรค
ที่ยิ่งน่าสนใจก็คือแม้จะตั้งพรรคไทยรักไทยแล้ว คุณทักษิณก็ยังคงให้ทุนอุดหนุน
พรรคความหวังใหม่ต่อมาอีก จนกล่าวกันว่าพรรคความหวังใหม่เป็น "พรรคอะไหล่"
ของไทยรักไทย การให้ทุนอุดหนุนนี้มีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งพรรคความหวังใหม่
ยุบรวมกับพรรคไทยรักไทยในปี 2545![]()
...
ตอนที่เบิกเงิน IMF งวดแรกมาใช้ คุณทักษิณเข้ามาอยู่ในรัฐบาลชวลิตเรียบร้อยแล้ว
และไม่เกี่ยวกับประเด็นมีสิทธิ์บีบบังคับ คุณทนง, บิ๊กจิ๋ว หรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญก็คือ
- คุณทักษิณร่วมทำงานการเมืองกับรัฐบาลชวลิต มาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง รองนายกฯ
- คุณทักษิณดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ขณะที่มีการเบิกเงิน IMF งวดแรกมาใช้ และร่วมรัฐบาล
มาโดยตลอดขณะที่มีการดำเนินการเพื่อขอเบิกเงิน IMF งวดที่ 2
การที่คุณทักษิณเข้าร่วมรัฐบาลชวลิต หลังจากคุณทนง (ลูกน้องเก่า) บินไปเซ็นสัญญา
กับ IMF ที่ญี่ปุ่นแค่วันเดียว จะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยไม่ได้หรอกครับ![]()
*ตอนเบิกเงินมาก็อยู่ด้วย เวลานำเงินมาใช้ก็อยู่ด้วย ตอนปฏิบัติตาม LOI ฉบับที่ 1
เพื่อให้ได้รับสิทธิเบิกจ่ายเงินงวดที่ 2 ก็อยู่ในรัฐบาลชวลิตมาโดยตลอด*
การโจมตีว่ารัฐบาลชวนเป็นคนกู้เงิน IMF ทั้งที่รู้ดีว่าพวกตัวเอง (และตัวเอง) เป็นคน
ดำเนินการเบิกจ่ายเงินงวดแรกและงวดที่ 2 ซึ่งคิดเป็นเงิน 2 ใน 3 ของวงเงินทั้งหมด
ถือเป็นการจงใจบิดเบือนความจริงอย่างร้ายแรง นอกจากบิดเบือนว่ารัฐบาลชวนเป็น
คนกู้เงิน IMF ยังนำเรื่องการคืนเงินมาเป็นผลงานของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว
ซึ่งเท่ากับรัฐบาลทักษิณ "เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น" อย่างชัดเจนที่สุด