บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งบทกลอน

บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:26 am

เผอิญไปค้นในคอมเจอ เห็นว่าน่าสนใจเป็นการรวบรวมของคุณไปยาลใหญ่ห้องสวนลุมพันทิป
เลยขอนำมาแปะไว้ เพื่อคนไม่รู้จะได้รู้ว่าสมัยก่อนนักเรียนจะต้องท่องกลอนประจำชั้นนั้นๆให้ได้
ส่วนคนที่เคยท่องมาแล้วจะได้รื้อฟื้นความทรงจำครับ
ขอเริ่มที่ชั้น ประถม1ครับ


๏ ๏เด็กน้อย ๏ ๏
(ร้องลำฝรั่งรำเท้า)

เด็กเอ๋ย เด็กน้อย
ความรู้ เรายังด้อย เร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่ เราจะได้ มีวิชา
เป็นเครื่องหา เลี้ยงชีพ สำหรับตน
ได้ประโยชน์ หลายสถาน เพราะการเรียน
จงพากเพียร ไปเถิด จะเกิดผล
ถึงลำบาก ตรากตรำ ก็จำทน
เกิดเป็นคน ควรหมั่น ขยันเอย......


๏ ๏แมวเหมียว แยกเขี้ยวยิงฟัน ๏ ๏
(ร้องลำแขกบรเทศ)
-นายทัด เปรียญ - แต่ง

แมวเอ๋ย แมวเหมียว
รูปร่าง ประเปรียว เป็นหนักหนา
ร้องเรียก เหมียวเหมียว ประเดี๋ยวก็มา
เคล้าแข้ง เคล้าขา น่าเอ็นดู
รู้จัก เอารัก เข้าต่อตั้ง
ค่ำค่ำ ซ้ำนั่ง ระวังหนู
ควรนับว่ามัน กตัญญู
พอดู อย่างไว้ ใส่ใจเอย......

๏ ๏ตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน ๏ ๏
(ร้องลำลมพัดชายเขา)
-สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ- ทรงนิพนธ์

ตั้งเอ๋ยตั้งไข่
จะตั้งใย ไข่กลม ก็ล้มสิ้น
ถึงว่า ไข่ล้ม จะต้มกิน
ถ้าตกดิน เสียก็อด หมดฝีมือ
ตั้งใจ เรานี้ จะดีกว่า
อุตส่าห์ อ่านเขียน เรียนหนังสือ
ทั้งวิชา สารพัด เพียรหัดปรือ
อย่าดึงดื้อ ตั้งไข่ ร่ำไรเอย.......

๏ ๏นกขมิ้นเหลืองอ่อน ๏ ๏
(ร้องลำพัดชา)
-หลวงพลโยธานุโยค(นก) - แต่ง

ปักเอ๋ย ปักษิน
นกขมิ้น เรื่อเรือง เหลืองอ่อน
ถึงเวลา หากิน ก็บินจร
ครั้นสายัณห์ ผันร่อน มานอนรัง
ความเคยคุ้น สกุณา อุตสาหะ
ไม่เลยละ พุ่มไม้ ที่ใจหวัง
เพราะพากเพียร ชอบที่ มีกำลัง
เป็นที่ตั้ง ตนรอด ตลอดเอย.......

๏ ๏จิงโจ้โล้สำเภา ๏ ๏
(ร้องลำมอญรำดาบ)
-หลวงวิจิตรวาทการ- แต่ง

จิงเอ๋ยจิงโจ้
เล่นโล้ ในลำ สำเภาใหญ่
เพื่อออกแรง ออกกำลัง โดยตั้งใจ
ที่จะให้ เข้มแข็ง และอดทน
เรานักเรียน ต้องไม่คร้าน การกีฬา
เรื่อง พลศึกษา ต้องฝึกฝน
ให้แข็งแรง ถ้วนทั่ว ทุกตัวคน
เพื่อเป็นคุณ แก่ตน และชาติเอย.......

จบบทท่องจำชั้น ประถมปีที่1 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:28 am

ชั้นประถมปีที่2

๏ ๏ชักซ้าวมะนาวโตงเตง ๏ ๏
(ร้องลำสารถีชักรถ)

ซักเอ๋ย ซักซ้าว
ผลมะนาว ทิ้งทาน ในงานศพ
เข้าแย่งชิง เหมือนสิ่ง ไม่เคยพบ
ไม่น่าคบ เลยหนอ พวกขอทาน
ดูประหนึ่ง ขัดสน จนปัญญา
มีทางหา กินได้ หลายสถาน
ประหลาดใจ เหตุไฉน ไม่ทำงาน
ประกอบการ อาชีพ ที่ดีเอย....

๏ ๏ตุ๊ดตู่ในรูกระบอก ๏ ๏
(ร้องลำวิลันดาโอด)
-สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ- ทรงนิพนธ์

ตุ๊ดเอ๋ย ตุ๊ดตู่
ในเรี่ยว ในรู ช่างอยู่ได้
ขี้เกียจ นักหนา ระอาใจ
มาเรียกให้ กินหมาก ไม่อยากคบ
ชาติขี้เกียจ เบียดเบียน แต่เพื่อนบ้าน
การงาน สักนิด ก็คิดหลบ
ตื่นเช้า เราจักหมั่น ประชันพลบ
ไม่ขอพบ ขี้เกียจ เกลียดนักเอย....

๏ ๏นกกิ้งโครงเข้าโพรงนกเอี้ยง ๏ ๏
(ร้องลำนกกระจอกทอง)
-พระยาพินิจสารา (ทิม) - แต่ง

นกเอ๋ย นกกิ้งโครง
หลงเข้าโพรง นกเอี้ยง เถียงเจ้าของ
อ๋อยอี๋เอียง อ๋อยอี๋เอียง ส่งเสียงร้อง
เจ้าของ เขาว่า น่าไม่อาย
แต่นก ยังรู้ ว่าผิดรัง
นักปราชญ์ รู้พลั้ง ไม่แม่นหมาย
แต่ผิด รับผิด พอผ่อนร้าย
ภายหลัง จงระวัง อย่าพลั้งเอย.........

๏ ๏เรือเล่นสามเส้นสิบห้าวา ๏ ๏
(ร้องลำตวงพระธาตุ)
-นายทัด เปรียญ - แต่ง

เรือเอ๋ย เรือเล่น
สามเส้น เศษวา ไม่น่าล่ม
ฝีพายลง เต็มลำ จ้ำตะบม
ไปขวางน้ำ คว่ำจม ลงกลางวน
ทำขวางขวาง รีรี ไม่ดีหนอ
เที่ยวขัดคอ ขัดใจ ไม่เป็นผล
จะก่อเรื่อง เคืองข้อง หมองกมล
เกิดร้อนรน ร้าวฉาน รำคาญเอย.....

๏ ๏นกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่า ๏ ๏
(ร้องลำแขกไซ)
-หลวงวิจิตรวาทการ - แต่ง

นกเอ๋ย นกเอี้ยง
คนเข้าใจ ว่าเจ้าเลี้ยง ซึ่งควายเฒ่า
แต่นกเอี้ยง นั้นเลี่ยง ทำงานเบา
แม้อาหาร ก็ไปเอา บนหลังควาย
เปรียบเหมือนคน ทำตน เป็นกาฝาก
รู้มาก เอาเปรียบ คนทั้งหลาย
หนีงานหนัก คอยสมัคร งานสบาย
จึงน่าอาย เพราะเอาเยี่ยง นกเอี้ยงเอย........


จบบทท่องจำ ชั้นประถมปีที่ 2 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:37 am

ชั้นประถมปีที่ 3

๏ ๏สัตว์สวยป่างาม ๏ ๏
จาก - มูลบทบรรพกิจ -
ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)

เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน.......เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง
เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง...........เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง
กลางไพรไก่ขันบรรเลง............ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง.......เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดารขานเสียง
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง........พญาลอคลอเคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง...........เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง..........ค่างแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง...........อึงคะนึงผึงโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป



๏ ๏นิติสารสาธก ๏ ๏
ของ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)

อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่งฐานใดคงไม่แคลน
ถึงคับแค้นก็พอยังประทังตน
อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว
แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
อาจจะชักเชิดชูฟูสกนธ์
ถึงคนจนพงศ์ไพร่คงได้ดี
เกิดเป็นชายชาวสยามตามวิสัย
หนังสือก็ไม่รู้ดูบัดสี
ต้องอับอายขายหน้าทั้งตาปี
ถึงผู้ดีก็คงด้อยถอยตระกูล
จะต่ำเตี้ยเสียชื่อว่าโฉดช้า
จะชักพายศลาภให้สาบสูญ
ทั้งขายหน้าญาติวงศ์พงศ์ประยูร
จะเพิ่มพูนติฉินคำนินทา
หนึ่งหนังสือหรือตำรับฉบับบท
เป็นของล้วนควรจดจำศึกษา
บิดาปู่สู้เสาะสะสมมา
หวังให้บุตรนัดดาได้ร่ำเรียน
จะได้ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ
ปะบุตรโฉดต่ำช้าก็พาเหียร
ไม่สมหวังดังบิดาปู่ตาเพียร
เป็นจำเนียรแพลงพลัดกระจัดกระจาย

จบบทท่องจำชั้นประถมปีที่ 3 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:41 am

ชั้นประถม4ครับ
๏ ๏สยามานุสติ๏ ๏
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6

๏ ใครรานใครรุกด้าว...............แดนไทย
ไทยรบจนสุดใจ.......................ขาดดิ้น
เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล................ยอมสละ สิ้นแล
เสียชีพไป่เสียสิ้น......................ชื่อก้องเกียรติงาม
๏ หากสยามยังอยู่ยั้ง.................ยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง......................ชีพด้วย
หากสยามพินาศลง....................ไทยอยู่ ได้ฤๅ
เราก็เหมือนมอดม้วย..................หมดสิ้นสกุลไทย


๏ ๏โมกขศักดิ์๏ ๏
จากเรื่อง รามเกียรติ์
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1

บัดนั้น............................................พระยาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี................อสุรีกราบลงกับบาทา
ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์.................ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา..........................พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
ทรงอานุภาพฤทธิรุทร.....................ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย..............................ให้ไว้สำหรับแก้กัน
แม้นละไว้จนรุ่งราตรี.......................ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ
ขอให้ลูกพระพายเทวัญ....................ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า
อย่าเพ่อรีบรถบทจร..........................ข้ามยุคนธรภูผา
แล้วให้ไปเก็บตรีชวา........................ทั้งยาชื่อสังขรณี
ยังเขาสรรพยาบรรพต.....................ปรากฏอยู่ยอดคีรีศรี
กับปัญจมหานที...............................สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน
แม้นว่าได้บดชโลมลง......................องค์พระอนุชาไม่อาสัญ
จะดำรงคงชีพชีวัน..........................หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา


จบบทท่องจำชั้น ประถมปีที่ 4 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:43 am

ชั้นประถมปีที่ 5

สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน
ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม
กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพยอม
อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม
แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม
ไม่ดูดดื่มบรเพ็ดต้องเข็ดขม
ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์
ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย...........


๏ ๏พวกเราชาวไทย๏ ๏
จากเรื่อง พระร่วง

พวกเราชาวไทยล้วนใจเด็ด
กล้าเหมือนเพชรไม่ยอมใครง่ายง่าย

กล้าเหมือนเพชรไม่ยอมใครง่ายง่าย

ถึงจะมีไพรีมามากมาย
ก็ต่อสู้จนตายไม่อินัง

ก็ต่อสู้จนตายไม่อินัง
ถึงเมียสาวลูกอ่อนนอนผ้าอ้อม
ชายก็ยอมทิ้งได้ไม่เหลียวหลัง

ชายก็ยอมทิ้งได้ไม่เหลียวหลัง

แม้ไม่ทิ้งหญิงคงส่งเสียงดัง
และดันหลังไล่ออกนอกเรือนชาน

และดันหลังไล่ออกนอกเรือนชาน
เพราะทั้งแม่ทั้งเมียล้วนเลิศไซร้
ผู้ชายไทยใจจึ่งล้วนกล้าหาญ

ผู้ชายไทยใจจึ่งล้วนกล้าหาญ

ไม่ห่วงแม่ห่วงเมียจนเสียการ
มีแก่ใจไปราญรบไพรี

มีแก่ใจไปราญรบไพรี
ถึงจะรักลูกและรักผัว
ไม่ยอมให้ชายมั่วอยู่สูสี

ไม่ยอมให้ชายมั่วอยู่สูสี
ยุให้ไปยุทธนารบราวี
และต่อตีเข้มขันป้องกันเมือง


จบบทท่องจำ ชั้นประถมปีที่ 5 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:49 am

ชั้นประถมปีที่6
๏ ๏ ปฐม ก กา ๏ ๏

นะโมข้าจะไหว้..................วระไตรระตะนา
ใส่ไว้ในเกศา......................วระบาทะมุนี
คุณะวระไตร......................ข้าใส่ไว้ในเกษี
เดชะพระมุนี.......................ขออย่ามีที่โทษา
ข้าขอยอชุลี..........................ใส่เกศีไหว้บาทา
พระเจ้าผู้กรุณา.....................อยู่เกศาอย่ามีภัย
ข้าไหว้พระสะธรรม..............ที่ลึกล้ำคัมภีร์ใน
ได้ดูรู้เข้าใจ...........................ขออย่าได้มีโรคา
ข้าไหว้พระภิกษุ....................ที่ได้ลุแก่โสดา
ไหว้พระสกินาคา....................อะระหาธิบดี
ข้าไหว้พระบิดา.......................ไหว้บาทาพระชนนี
ไหว้พระอาจารีย์......................ใส่เกศีไหว้บาทา
ข้าไหว้พระครูเจ้า.....................ครูผู้เฒ่าใส่เกศา
ให้รู้ทวิชา.................................ไหว้บาทาที่พระครู
จะใคร่รู้ที่วิชา............................ขอเทวามาค้ำชู
ที่ใดข้าไม่รู้................................เล่าว่าดูรู้แลนา
ไชโยขอเดชะ............................ชัยชนะแก่มารา
ระบือให้ลือชา............................เดชะสามาไชโย
ไชโยขอเดชะ.............................ชัยชนะแก่โลโภ
โทโสแลโมโห............................อย่าโลเลโจ้เจ้ใจ

๏ ๏พระอภัยมณี๏ ๏
- สุนทรภู่ -

พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม
จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป
ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช
จตุบาทกลางป่าพนาสิน
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ
อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา
จะนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง

๏ ๏นรางกุโรวาทคำกลอน๏ ๏
(ตอนปรารถนาดีต่อแดนเกิด)

เราเกิดมา หน้าที่ อารีสมาน
ใจเพื่อนบ้าน เพื่อนนิคม สนมสนิท
บ้านแลแขวง ตำแหน่งตน ทุกคนคิด
ช่วยให้เดิน เจริญผิด กว่าเคยมา
คอยหวังดี ถ้าแม้นมี โอกาสไฉน
ควรจะให้ แขวงนั้น สุขหรรษา
ทำไม่ไหว ให้ถวิล จินตนา
จะช่วยเหลือ เกื้อกว่า จะหมดแรง


จบบทท่องจำชั้นประถมปีที่ 6 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:54 am

Replyนี้..ใครเคยเรียนประถม7บ้างครับ
ชั้นประถมปีที่7
๏ ๏ขุนช้างขุนแผน๏ ๏
ตอน - พลายงามอาสาไปตีเชียงใหม่

๏ ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถาม
ก็ชื่นชอบตอบความหาช้าไม่
ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจ
เจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา
เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน
มียศถึงแสนตรีเพชรกล้า
เป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดา
ในลานนาใครใครไม่ต่อแรง
พระครูผู้บอกวิทยา
ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง
ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง
เจ้าหนุ่มน้อยนี่หรือชื่อพลายงาม
ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
ตละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง
รูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา
จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก
จะเปรียบหลานพาลจะเด็กกว่าหลานข้า
ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา
กลับไปบอกบิดามารอนราญ
จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพ
เป็นฉบับแบบไว้ในทหาร
ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการ
เฮ้ยเจ้าหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมาฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง
ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์
เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ
ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่า
อันตัวเราถึงเด็กเล็กลูกเสือ
ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ
อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้
ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา
จะขอลองวิชากับตาแก่
ให้ปรากฏฤทธีว่าดีแท้
ฤๅเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ
ขออภัยอย่าให้ถึงบิดา
แต่ลูกยาท่านจะชนะหรือ
มาลองดูสักหนให้คนลือ
จะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง
๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า
โกรธาตาแดงดั่งแสงครั่ง
เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง
มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม
เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก
มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม
รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน


จบบทท่องจำชั้นประถมปีที่ 7 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:56 am

ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1

๏ ๏พระอภัยมณี๏ ๏ ตอนที่ 19
ของ - สุนทรภู่ -

พระฟังคำอ้ำอึ้งตะลึงคิด
จะเบือนบิดป้องปัดก็ขัดขวาง
สงสารลูกเจ้าลังกาจึงว่าพลาง
เราเหมือนช้างงางอกไม่หลอกลวง
ถึงเลือดเนื้อเมื่อน้องต้องประสงค์
พี่ก็คงยอมให้มิได้หวง
แต่ลูกเต้าเขาไม่เหมือนคนทั้งปวง
จะได้ช่วงชิงไปให้กระนั้น
พี่ว่าเขาเขาก็ว่ามากระนี้
มิใช่พี่นี้จะแกล้งแสร้งเสกสรรค์
เพราะเหตุเขารักใคร่อาลัยกัน
ค่อยผ่อนผันพูดจาอย่าราคี
แล้วตรัสบอกลูกน้อยกลอยสวาท
เจ้าหน่อเนื้อเชื้อชาติดงราชสีห์
อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที
ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน
ทรลักษณ์อกตัญญุตาเขา
เทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน
ให้ทุกข์ร้อนงอนหง่อทรพล
พระเวทมนต์เสื่อมคลายทำลายยศ
เพราะบิดามาด้วยอุศเรนนี้
คุณเขามีมากล้นพ้นกำหนด
เจ้าทำผิดก็เหมือนพ่อทรยศ
จงออมอดเอ็นดูพ่อแต่พองาม



๏ ๏โคลงดนวิวิธมาลี๏ ๏
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

-พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) -

๏ ลูกเสือควรยึดข้อ.................ภาษิต นี้เทอญ
ควรพึ่งแต่ตัวเรา.................รอบด้าน
บำเพ็ญฝึกฝนกิจ...................การช่วย ตนเทอญ
ทั้งช่วยเพื่อนบ้านด้วย...........ดุษฎี
๏ แม้เราปลงจิตพร้อม...............เพรียงกัน ฉะนี้นา
ต่างฝ่ายต่างกระวี......................กระวาดถ้วน
พยายามฝึกหัดสรร-...................พพิท ยาแฮ
สยามจักหลั่งล้นล้วน...................เลศงาม
๏ ชาติต้องการให้ช่วย.................ฉันใด ก็ดี
อาจช่วยได้ดังความ.....................มุ่งเกื้อ
ชูเทศเทอดไผท...........................เทียมเทศ อารย์พ่อ
สมเกียยรติยศผู้เชื้อ......................ชาติไทย


๏ ๏กฤษณาสอนน้อง๏ ๏
ของ - สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส

๏ พฤษภกาสร............................อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่ห์คง.........................สำคัญหมายในกายมี
๏ นรชาติวางวาย........................มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี...........................ประดับไว้ในโลกา




จบ บทท่องจำ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 10:59 am

มัธยมศึกษาปีที่2
๏ ๏กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานและว่าด้วยงานนักขัตฤกษ์๏ ๏

๏ ๏ เห่ชมเครื่องคาว ๏ ๏

๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ.......................นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน...........................เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์.......................พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน....................อกให้หวนแสวงฯ

๏ มัสมั่นแกงแก้วตา.................หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง.................... แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด.................วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา....................... ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม............เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน........................ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลิศรส.............พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง.................... ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น.................. วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รสทิพย์หยิบมาโปรย.................. ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ
๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง.................... เป็นมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรสครามครัน.....................ของสวรรค์เสวยรมย์
๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า...............ทำน้ำยาอย่างอกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม............... ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น


๏ ๏เห่ชมผลไม้ ๏ ๏

๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้....................... เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน.................. อกชู้
รื่นรื่นรสรมย์ใด......................... ฤๅดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้....................... แต่เนื้อนงพาลฯ

๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ......................หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน................หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง...........รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย...................หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว................. บอกความแล้วจากจำเป็น
จากช้ำน้ำตากระเด็น.................. เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว..........ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง...................... ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง.......... อีกอกร่องรสโอชา
คิดความยามนิทรา..................... อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น..................... เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน................... ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด................. ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน................... ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก................ ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน....................... เทียบเทียมที่ฝีมือนาง

๏ ๏เวนิสวาณิช๏ ๏
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6

๏ อันว่าความกรุณาปราณี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ
แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล
เป็นกำลังเลิศพลังอื่นทั้งสิ้น
เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา
ประดุจทรงวราภรณ์สุนทรสวัสดิ์
เรืองจรัสยิ่งมกุฏสุดสง่า
พระแสงทรงดำรงซึ่งอาชญา
เหนือประชาพสกนิกร
ประดับพระวรเดชวิเศษฤทธิ์
ที่สถิตอานุภาพสโมสร
แต่การุณยธรรมสุนทร
งามงอนกว่าพระแสงอันแรงฤทธิ์
เสถียรในหฤทัยพระราชา
เป็นคุณของเทวาผู้มหิทธ์
และราชาเทียมเทพอมฤต
ยามบพิตรเผยแผ่พระกรุณา


จบบทท่องจำชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ครับ
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby Little Chef » Fri May 29, 2009 11:09 am

ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3

๏ ๏เสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน๏ ๏
-พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2-3 -


๏ ยกออกนอกเมืองสวรรคโลก
ข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
เจ้าพลายกระสันพันทวี
รำลึกถึงนารีศรีมาลา
ถ้าแม้นแก้วแววตามาด้วยพี่
จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
คิดพลางเดินพลางตามทางมา
ข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงก
เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
ดูโครมครึกกึกก้องท้องพนานต์
พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก
แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล
บ้างเหมือนกลิ่นภู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน
ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทลาย
เป็นวุ้งโว้งเพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายตะเกะตะกะ
ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย
บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม
บ้างโปปมเป็นปุ่มกะปุบกะปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลับลิบ
โล่งตะลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วย
ลมช่วยหล่นลอยกระแสสินธุ์
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดิน
ฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
สัตตบุษย์บัวแดงขึ้นแฝงฝัก
พรรณผักพาดผ่านก้านบุบผา
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวา
ลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร....
(ที่คุณพี่เมธีดำ ให้ความเห็นไว้ที่ #33 ครับ)




๏ ๏ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ๏ ๏
ของ -พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)

๏ วังเอ๋ยวังเวง
หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน
ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล
ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ
ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล
แลทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย.....

๏ ความเอ๋ย ความรู้
เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว
หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป
ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน
อันความยากหากให้ไร้ศึกษา
ย่นปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น
หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน
กระแสวิญญาณงันเพียงนั้นเอย.......

๏ ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร
ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต
แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท
ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตาย
เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย
ใครจะยอมละแดนแสนสบาย
โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัยเอย.....




๏ ๏ โลกนิติคำโคลง ๏ ๏
ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร (มั่ง)

๏ พึงอวยโอวาทไว้................ในตน ก่อนนา
จึงสั่งสอนสาธุชน...................ทั่วหล้า
แต่แรกเร่งผจญ......................จิตอาต-มาแฮ
สัตว์อื่นหมื่นแสนอ้า.................อาจแท้ทรมาน

๏ คุณแม่หนาหนักเพี้ยง.............พสุธา
คุณบิดรดุจอา............................กาศกว้าง
คุณพี่พ่างศิขรา.........................เมรุมาศ
คุณพระอาจารย์อ้าง...................อาจสู้สาคร

๏ เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้...............สุขสบาย
เย็นญาติทุกข์สำราย.................กว่าไม้
เย็นครูยิ่งพันฉาย....................กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่มพระเจ้าให้...................ร่มฟ้าดินบน

๏ วิชาควรรักรู้.......................ฤๅขาด
อย่าหมิ่นศิลปศาสตร์...............ว่าน้อย
รู้จริงสิ่งเดียวอาจ.....................มีมั่ง
เลี้ยงชีพช้าอยู่ร้อย.....................ชั่วลื้อเหลนหลาน


จบบทท่องจำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครับ
...................
หมดแล้วครับ ยาวมากหวังว่าจะมีคนอ่านหรือเซฟเก็บไว้
มีคนรวบรวมไว้ให้แล้ว เสียดายครับถ้ามันหายไป
User avatar
Little Chef
 
Posts: 64
Joined: Tue Apr 14, 2009 5:32 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby อธิฏฐาน » Fri May 29, 2009 11:22 am

ขอบคุณมากค่ะ บางบทก็ลืมไปเสียแล้ว น่าจะหัดท่องจำใหม่
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby nonnun » Sat Jun 06, 2009 12:09 am

ชอบอันนี้ จำได้ขึ้นใจเลย

สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด
งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า
พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา
ทั้งสองแก้มกัลยาดั่งลูกยอ
คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย
จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ
ลำคอโตตันสั้นกลม
สองเต้าห้อยตุงถุงตะเครียว
โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม
มันน่าเชยน่าชมนางเทวี

นางประแดะใช่มั้ย ถ้าจำไม่ผิด
... ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา... แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น./
(กรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศักดิ์)
User avatar
nonnun
 
Posts: 1695
Joined: Wed Oct 15, 2008 11:52 am

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby rabbit-on-the-moon » Sat Jun 06, 2009 4:06 pm

เกือบลืมไปแล้วนะค่ะเนี่ย ได้อ่านทำให้ย้อนไปสมัยเก่าๆ ชอบ เห่ชมเครื่องคาวหวาน บทเรียนสมัยนี้ไม่มีแล้ว ทำให้นึกเปรียบเทียบการศึกษาเมือสมัยเกือบ 40 ปีล่วงมาแล้วกับสมัยนี้ ช่างต่างกันลิบลับ
User avatar
rabbit-on-the-moon
 
Posts: 65
Joined: Fri May 08, 2009 2:44 pm

Re: บทอาขยานที่นักเรียน(ในอดีต)ต้องท่องจำ

Postby loginofu » Sat Jun 06, 2009 4:22 pm

กำลังคิดว่า เด็กสมัยนี้มันจะรู้จักของที่เขียนอยู่ในอาขยานนั้นซักแค่ไหน

ขนาดวัว มันยังบอกว่าเป็นควายเผือกเลย -_-"
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am


Return to ร้อยรักษ์กวีวรรณ



cron