==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 9:35 am

ตามที่คุณ Neoconservative เพิ่งตั้งกระทู้เกี่ยวกับ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
บอกว่าไม่ทราบรายละเอียดการลงทุนในแผนปฏิบัติการนี้จากรัฐบาลเลย มีการเข้าใจผิด
ว่าเรื่อง รถเมล์ NGV 4000 คัน ก็อยู่ในแผนปฏิบัติการด้วย...

"ให้ กู้ แบบมีข้อแม้"
viewtopic.php?f=2&t=10508

ผมค้นเจอข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 14 พฤษภาคม 2552 หรือประมาณเดือนที่แล้ว
เป็นบทความชื่อ "โฟกัสคมนาคมยุค “เพื่อนเนวิน” ทุบสถิติงบฯลงทุน 3 ปี 5.7 แสนล้าน"

มีรายละเอียดการลงทุนบางส่วนในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ก็เลยลองสรุปมาให้
เป็นข้อมูลจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ในส่วนของแผน-
ลงทุนด้านระบบขนส่งทั้งหมด 571,523 ล้านบาท ในช่วงปี 2553 - 2555 ครับ

ผมพยายามคงเนื้อข่าวเดิมไว้ทั้งหมด เพียงแต่จัดวรรคตอนใหม่ให้สามารถอ่านได้ง่ายขึ้น
กับมีการเพิ่มเติมข้อความบางส่วนตามความเหมาะสมของการจัดวรรคตอนใหม่ครับ

ตอนนี้ลิงค์ข่าวจริงที่เว็บประชาชาติธุรกิจมีปัญหาอาจเปิดดูไม่ได้ แต่สามารถ search
หาในเว็บอื่นๆ ได้หลายแห่งครับ

หวังว่าคงพอสร้างความกระจ่างเกี่ยวกับ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้บ้างนะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมในการลงทุนส่วนอื่นๆ คงมีข้อมูลมาให้ดูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ
:D

-------------------------------------------------------------------------------------------

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า
วงเงินที่ ครม.อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมลงทุนโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและให้เกิดการจ้างงาน ตามนโยบายของรัฐบาล
ในระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2555 นั้น รวมเบ็ดเสร็จ 571,523 ล้านบาท จากกรอบวงเงินลงทุนทั้งโครงการ 676,250 ล้านบาท
แยกเป็น

- ปี 2553 จำนวน 125,318 ล้านบาท
- ปี 2554 จำนวน 198,056 ล้านบาท
- ปี 2555 จำนวน 248,148 ล้านบาท


+ ผูกพันในปีงบประมาณต่อไป 106,469 ล้านบาท สำหรับโครงการใช้เวลาก่อสร้างเกิน 3 ปี

...

” ครั้งนี้ได้รับการจัดสรรมาก เพราะโครงการของกระทรวงส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ตรงกับเหลักเกณฑ์ที่รัฐบาล กำหนด
คือสามารถทำได้ทันที เกิดการจ้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงๆ”


ผู้อำนวยการ สนข.แจกแจงว่า โครงการที่จะลงทุนภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับแบ่งเป็น 5 ด้านด้วยกัน คือ

- ระบบรถไฟฟ้า
- ระบบขนส่งทางราง
- ระบบขนส่งทางถนน
- ระบบขนส่งทางน้ำ
- ระบบขนส่งทางอากาศ


ซึ่งบางส่วนเป็นโครงการอยู่ในงบประมาณปี 2553 แม้งบฯปี 2553 ของกระทรวงคมนาคมจะถูกตัดไป
เหลือแค่ 7 หมื่นล้านบาทเศษ แต่ได้รับจัดสรรมาอยู่ในงบฯฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 แทน

ตามแผนการดำเนินงาน กระทรวงการคลังจะแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 พร้อมดำเนินการทันทีในปีงบประมาณ 2552-2553
วงเงินลงทุนรวม 91,137 ล้านบาท ประกอบด้วย


1.ระบบรถไฟฟ้า เป็นการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าระยะแรก จำนวน 5 สายทาง 6 ช่วง ระยะทาง 118 กิโลเมตร
วงเงินลงทุนรวม 3 ปี 162,060 ล้านบาท จากกรอบโดยรวมทั้งโครงการ 168,586 ล้านบาท แยกเป็น
+ โครงการระบบรถไฟฟ้า 4 สายทาง จำนวน 77 โครงการ ดำเนินการโดย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
แห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้แก่

- สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ 38,765 ล้านบาท
- สายสีเขียวอ่อน ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 18,514 ล้านบาท
- สายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ 24,184 ล้านบาท
- สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และช่วงหัวลำโพง-บางแค 30,891 ล้านบาท

+ โครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดง ระยะทาง 41 กิโลเมตร ดำเนินงานโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
มีสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน 6,713 ล้านบาท และช่วง บางซื่อ-รังสิต 42,993 ล้านบาท


2.ระบบขนส่งทางราง เงินลงทุนรวม 17,636 ล้านบาท อยู่ในความรับผิดชอบของ ร.ฟ.ท.แยกเป็น
+ จัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า 308 คัน 770 ล้านบาท
+ จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ จำนวน 7 คัน 1,050 ล้านบาท
+ จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 7 คัน 833 ล้านบาท
+ ปรับปรุงทางระยะที่ 5 ช่วงแก่งคอย-แก่งเสือเต้น สุระนารายณ์-บัวใหญ่ ชุมทางถนนจิระ-บัวใหญ่
ระยะทาง 308 กิโลเมตร 6,809 ล้านบาท
+ ปรับปรุงทางระยะที่ 6 ช่วงชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย ระยะทาง 278 กิโลเมตร 5,423 ล้านบาท
+ จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ 13 คัน 1,950 ล้านบาท
+ ปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ 800 ล้านบาท


3. ระบบขนส่งทางถนน ของกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) วงเงินรวม 3 ปี 154,560 ล้านบาท
จากกรอบทั้งโครงการ 192,629 ล้านบาท แก้ไขปัญหาจราจรพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเมืองหลัก คือ
+ แยก ทล.บางปู-คลองกระบือ ตอน 2 ส่วนที่ 1 และ 2 และต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 9 วงเงิน 2,820 ล้านบาท
+ ทางสนับสนุนการขนส่งแบบต่อเนื่อง 670 ล้านบาท
+ ขยาย 4 เลน 11,579 ล้านบาท
+ เพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง 7,200 ล้านบาท
+ ก่อสร้าง บูรณะ ปรับปรุงสะพานทั่วประเทศ 1,700 ล้านบาท
+ บูรณะทางสายหลัก 12,000 ล้านบาท
+ ทางหลวงเชื่อมระหว่างประเทศ สายชุมพร-กระบุรี ตอน 1 เชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ง 872 ล้านบาท
+ ปรับปรุงทางหลวงเพื่อการท่องเที่ยว ตัดผ่านชุมชน ปรับปรุงลาดยาง 9,100 ล้านบาท
+ บำรุงรักษาทาง 51,631 ล้านบาท
+ งานอำนวยความปลอดภัย เช่น ติดตั้งไฟฟ้า ไฟสัญญาณจราจร ตีเส้น เครื่องหมายจราจร 12,870 ล้านบาท
+ โครงการถนนปลอดฝุ่น 34,340 ล้านบาท
+ สะพานนนทบุรี 1 วงเงิน 3,796 ล้านบาท
+ ถนนสายแยก ทล. 314-อ.ลาดกระบัง 3,536 ล้านบาท
+ ถนนต่อเชื่อมราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก (แนวตะวันออก-ตะวันตก) 2,450 ล้านบาท


4. ระบบขนส่งทางอากาศ ตัดงบฯซื้อเครื่องบินของบริษัทการบินไทย กว่า 4.9 หมื่นล้านบาทออก
ให้รอแผนฟื้นฟูกิจการ จึงเหลือเงินลงทุน 1,638 ล้านบาท
- ปรับปรุงท่าอากาศยานในภูมิภาค 4 แห่งที่ปาย หัวหิน กระบี่ และนราธิวาส 662 ล้านบาท
+ ปรับปรุงท่าอากาศยานอู่ตะเภา วงเงิน 976 ล้านบาท


----

ประเภทที่ 2 เป็นโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการขั้นตอนต่างๆ แต่สามารถดำเนินการในปี 2553-2554
วงเงินลงทุนรวม 3 ปี 164,286 ล้านบาท ได้แก่


1. ระบบรถไฟฟ้า วงเงินลงทุนรวม 54,116 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าต่อจาก ระยะแรก
ขณะนี้กำลังทำแบบรายละเอียดและทบทวนแผนแม่บท ประกอบด้วย
+ สายสีเขียวเข้ม จากสะพานใหม่-ลำลูกกา 14,219 ล้านบาท
+ สายสีเขียวอ่อน จากสมุทรปราการ-บางปู 7,419 ล้านบาท
+ สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี 22,266 ล้านบาท
+ สายสีน้ำตาล ช่วงบางกะปิ-มีนบุรี 10,212 ล้านบาท


2. ระบบขนส่งทางราง วงเงินลงทุนรวม 11,970 ล้านบาท คือ
+ รถไฟทางคู่ ช่วง ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย 10,090 ล้านบาท
+ จัดหาและติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมทั่วประเทศ 1,880 ล้านบาท


3. ระบบขนส่งทางถนน วงเงินลงทุนรวม 47,664 ล้านบาท
+ มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา 18,400 ล้านบาท
+ โครงการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเมืองหลัก 5,140 ล้านบาท
+ ทางสนับสนุนการขนส่งต่อเนื่อง 4 สายทาง 4,830 ล้านบาท
+ ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) 17,552 ล้านบาท


4. การขนส่งทางน้ำ วงเงิน 7,808 ล้านบาท ของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.)
+ ก่อสร้างท่าเทียบเรือปากบารา 5,410 ล้านบาท
+ ก่อสร้างท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ 1,296 ล้านบาท
+ สร้างเขื่อนยกระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและน่านเพื่อการเดินเรือ 776 ล้านบาท
+ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพของ ขน. 13 โครงการ 326 ล้านบาท


5. ระบบขนส่งทางอากาศ วงเงิน 42,727 ล้านบาท
+ ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) วงเงิน 42,503 ล้านบาท
+ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพของ ขอ. 224 ล้านบาท


----

ประเภทที่ 3 เป็นโครงการเริ่มดำเนินการในปี 2554 วงเงินลงทุนรวม 3 ปี 71,344 ล้านบาท
จากกรอบทั้งโครงการ 82,037 ล้านบาท ได้แก่


1.ระบบรถไฟฟ้า เงินลงทุน 14,301 ล้านบาท
- รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมากและบางซื่อ-หัวลำโพง 228 ล้านบาท
- สายสีเหลืองอ่อน ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ 4,830 ล้านบาท
- สายสีเหลืองเข้ม ช่วงพัฒนาการ-สำโรง 9,243 ล้านบาท


2. ระบบขนส่งทางราง วงเงิน 10,979 ล้านบาท จากกรอบทั้งโครงการ 19,672 ล้านบาท
+ ก่อสร้างสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) แห่งที่ 2 วงเงิน 4,000 ล้านบาท
+ จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าพร้อมอะไหล่ จำนวน 50 คัน 628 ล้านบาท
+ จัดหาขบวนรถโดยสารรูปแบบชุด 6 ขบวน 435 ล้านบาท
+ จัดหาขบวนรถโดยสารดีเซลปรับอากาศเพื่อเปิดเดินขบวนใหม่ 20 ขบวน 405 ล้านบาท
+ จัดหารถดีเซลรางธรรมดาพร้อมอะไหล่ 58 คัน 226 ล้านบาท
+ ปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณไฟสีทั่วประเทศ 2,261 ล้านบาท
+ ซ่อมบำรุงรถจักร 56 คัน 3,024 ล้านบาท


3. ระบบขนส่งทางถนน วงเงินลงทุนรวม 46,031 ล้านบาท
+ ก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด 6,220 ล้านบาท
+ มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-นครปฐม-กาญจนบุรี 7,940 ล้านบาท
+ ถนนต่อเชื่อมราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ-ใต้) 2,500 ล้านบาท
+ ทางด่วนขั้นที่ 3 สายใต้ ตอน S2 วงเงิน 28,871 ล้านบาท
+ ก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดศูนย์กลางการขนส่ง และจังหวัดชายแดน 500 ล้านบาท


4. ระบบขนส่งทางอากาศ วงเงิน 33 ล้านบาท
+ ปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสาร และปรับปรุงระบบไฟฟ้าท่าอากาศยานนราธิวาส
Last edited by jerasak on Mon Jun 22, 2009 4:23 pm, edited 4 times in total.
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby superager » Mon Jun 15, 2009 9:41 am

ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 10:01 am

อยากให้ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับเพื่อนๆ เสื้อแดง และกองเชียร์ทักษิณ ด้วยครับว่า
โครงการลงทุนใน แผนปฏิบัติการ "ไำทยเข้มแข็ง 2555" ความจริงแล้วส่วนใหญ่
มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ
และเคยมีการประกาศเป็นโครงการลงทุนที่เรียกว่า
"เมกกะโปรเจกต์" มาก่อน

ถ้ายังพอจำกันได้ ปลายรัฐบาลทักษิณ 1 คือปลายปี 2547 คุณทักษิณระดมนักธุรกิจ
ประมาณ 1200 คนเข้าร่วมงาน "นายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์เพื่อแสดงความเชื่อมั่น
ในการดำเนินธุรกิจแก่ภาคเอกชน" ที่ทำเนียบรัฐบาล

เนื้อหาการแสดงวิสัยทัศน์ กล่าวถึงแผนการลงทุน 1 ล้านล้านบาท ในช่วง 4 ปี
คือระหว่างปี 2548 - 2551 แบ่งเป็นการลงทุนด้านต่างๆ คือ

+ การต่อขยายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 500,000 ล้านบาท
+ พัฒนาแหล่งน้ำและฟื้นธรรมชาติ 200,000 ล้านบาท
+ ปรับเส้นทางถนนในกรุงเทพฯ และวางผังเมือง 100,000 ล้านบาท
+ พัฒนาด้านสาธารณสุขเพื่อให้มีโรงพยาบาลและการรักษาที่พอเพียง 100,000 ล้านบาท
+ ปรับปรุงการศึกษา การบริหารจัดการภาครัฐที่จะทำให้มีขั้นตอนน้อยลง 100,000 ล้านบาท


สำหรับเงิน 1 ล้านล้านบาท จะได้มาจากหลายส่วนทั้งจาก งบประมาณ กู้เงิน ออกพันธบัตร
นำหุ้นออกจำหน่าย และเอารายได้จากอนาคตมาใช้ก่อน
:D

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

'ทักษิณ' โปรยงบ1.1ล้านล้าน เอกชนยาหอมไทยรักไทยเป็น รัฐบาลอีกสมัย
http://www.ftawatch.org/news/view.php?id=1627

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วานนี้ (23 ธ.ค.) รัฐบาลเปิดทำเนียบให้นัก ธุรกิจภาคเอกชนประมาณ 1,200 คน เข้าพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายใต้หัวข้อการจัดงาน "นายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์เพื่อแสดงความเชื่อมั่น ในการดำเนินธุรกิจแก่ภาคเอกชน" โดยนักธุรกิจที่เข้าร่วมในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ โดยการเชิญได้มีการจัดแบ่งโควตาให้กับ ส.ส.กทม.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคไทยรักไทยเป็นผู้นำนักธุรกิจในพื้นที่ของแต่ละเขตเข้าร่วมงาน ส่วนนักธุรกิจรายใหญ่เข้าร่วมไม่ถึง 20 คน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในระหว่างพบนักธุรกิจ โดยเริ่มต้นพูดถึงการมีนโยบาย ในด้านต่างๆ ของรัฐบาลเป็นเรื่องสำคัญ หากมองว่านโยบายเป็นเรื่องไม่สำคัญจะอันตราย เช่นกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมากล่าวถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าว่าสามารถเลือกพรรคการเมืองใดก็ได้นั้น เปรียบเหมือนมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (ซีเอฟโอ) ที่เห็นมีเงินเต็มแบงก์แล้ว เลยบอกว่าประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เป็นใครก็ได้ พูดอย่างนี้เท่ากับซีเอฟโอหลงตัวเอง เพราะซีอีโอคือคนบริหารดูนโยบายในภาพรวม

พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวถึงนโยบายใน 4 ปี ข้างหน้าว่า จะใช้เงิน 1 ล้านล้านบาท สำหรับดำเนินการในหลายโครงการ โดยจำนวน 500,000 ล้านบาท จะกันไว้สำหรับการต่อขยายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีก 100,000 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับเส้นทางถนนในกรุงเทพฯ และวางผังเมือง อีกจำนวน 200,000 ล้านบาท ใช้พัฒนาแหล่งน้ำและฟื้นธรรมชาติ และอีก 100,000 ล้านบาท ใช้ด้านสาธารณสุขเพื่อให้มีโรงพยาบาลและการรักษาที่พอเพียง ส่วนอีก 100,000 ล้านบาท ใช้เพื่อการศึกษา การบริหารจัดการภาครัฐที่จะทำให้มีขั้นตอนน้อยลง เพราะฉะนั้นในอีก 4 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจจะโตมาก เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 6%

"คราวนี้ผมไม่ห่วง จะทำไปเรื่อยๆ เพราะผ่านมาหมดแล้วทั้งปัญหาภาคใต้ ไข้หวัดนก ซาร์ส น้ำมันแพง จึงไม่ต้องตกใจ เพราะหมอดูไม่สามารถลิขิตชีวิตผมได้ ผมลิขิตชีวิตผมเอง"สำหรับเงิน 1 ล้านล้านบาท จะได้มาจากหลายส่วนทั้งจากงบประมาณ กู้เงิน ออกพันธบัตร นำ หุ้นออกจำหน่าย และเอารายได้จากอนาคตมาใช้ก่อน สำหรับวงเงินงบประมาณจะตั้งวงเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2548 ตั้งไว้ 1.3 ล้านล้านบาท ปี 2549 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.45 ล้านล้านบาท ปี 2550 ประมาณ 1.6-1.7 ล้านล้านบาท ปี 2551 ประมาณ 1.8-1.9 ล้านล้านบาท และคิดว่าจนถึงปี 2552 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของเทอมรัฐบาลหน้าจะมีงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท และผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) จะเพิ่มเป็น 9.5 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แนะนำนักธุรกิจให้ไขว่คว้าหาโอกาสจากนโยบายของรัฐบาลด้านต่าง ๆ โดยธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในระยะต่อไป ได้แก่ ท่องเที่ยวและบริการ ร้านอาหาร สปา โรงแรม ซึ่งขณะนี้ได้ให้มีการศึกษาการจัดทำกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital Fund) ให้ได้ผลสำเร็จอย่างประเทศสหรัฐฯ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงของการซักถามได้มีนักธุรกิจหลายคนต่างชื่นชมการทำงาน ของนายกรัฐมนตรี และขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยนักธุรกิจคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นเทวดามาโปรด สำหรับความเห็นของนักธุรกิจที่เข้าร่วมในงานนี้ต่างเห็นด้วย ที่มีการจัดงานนี้ขึ้น อาทิ นายปัญญา โชติเทวัญ ประธานกรรมการบริษัท สหฟาร์ม จำกัด กล่าวว่า การจัดงานแบบนี้ดีเป็นการสร้างความประทับใจให้กับนักธุรกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี สังคมก็จะดีและสนับสนุนนโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาลที่จะทำให้ราคาดีขึ้น และครัวไทยสู่โลก เพราะถ้าราคาสินค้าเกษตรดีก็จะช่วยคนจน มั่นใจว่าพรรคไทยรักไทยจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพในอนาคตก็จะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้

นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า แนวทางที่นายกรัฐมนตรีพูดจะทำให้ผู้ประกอบการมีความเข้มแข็ง แต่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับนโยบายนั้นๆ เช่นนโยบายการลงทุนจะทำให้เศรษฐกิจโต และเชื่อว่าอนาคตเศรษฐกิจไทยจะโตอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ขณะที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวคิดที่นายกรัฐมนตรีจะให้จัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคตเป็นสิ่งที่ดี จะช่วยให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนจากลูกจ้างมาเป็นนักธุรกิจให้มากขึ้น เพราะกองทุนร่วมลงทุนนี้จะเข้ามาร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ ที่สำคัญต้องมีกองทุนร่วมลงทุนเฉพาะทางด้วย สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจได้มาก

นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่รัฐบาลส่งสัญญาณครั้งนี้ทำให้เอกชนเชื่อมั่นในการทำงานอีก 4 ปีข้างหน้ามากยิ่งขึ้น และจากการที่รับฟังคำตอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตอบให้นักธุรกิจที่สอบถามความคืบหน้า ในหลายๆประเด็น ยอมรับว่าตอบได้ดี การเปิดทำเนียบขอฟังความเห็นนักธุรกิจครั้งนี้ เป็นนิมิตหมาย ที่ดีในการทำงานร่วมกันในอนาคต การลงทุนที่ภาครัฐจะทุ่มเม็ดเงินลงมาอีก 1 ล้านล้านบาท ก็อยากให้มีส่วนเข้ามาช่วยเหลือในกิจการประเภทบันเทิงด้วย ซึ่งไม่อยากให้มองว่าธุรกิจบันเทิงเป็นเรื่องของสีสัน แต่ภาคบันเทิงก็มีส่วนช่วยในการรักษาวัฒนธรรมไทยด้วย

นายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารบริษัท จีสตีล จำกัด กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่ง ยอมรับในฝีมือ 4 ปีที่ผ่านมาที่พาประเทศไทยรอดพ้นวิกฤติ และทำให้เอกชนมั่นใจในการทำธุรกิจว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวตามเศรษฐกิจโลก ส่วยนายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกล่าวกับนักธุรกิจครั้งนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจ 2 ประเด็นใหญ่ คือ เรื่องงบประมาณที่ภาครัฐจะนำมาลงทุน ถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ในตลาดแอฟริกา กับละตินอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ จะทำให้ สินค้าอุปโภคบริโภคของไทยส่งออกมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายการลงทุนของภาคเอกชน จากปัจจุบันที่ใช้กำลังการผลิตประมาณ 72% โดยเชื่อว่าหากรัฐและเอกชนร่วมกันลงทุนจะทำให้จีดีพีของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น

โดย : ไทยรัฐ วันที่ 24/12/2004
Last edited by jerasak on Mon Jun 15, 2009 5:07 pm, edited 3 times in total.
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Neoconservative » Mon Jun 15, 2009 10:02 am

พี่ จี ยุ่งหรือครับช่วงนี้

พักนี้ เริ่มหา ปรมาจารย์ ฐาน ข้อมูล ยากขึ้นทุกวัน
Reality Check. Base on Fact and Truth. ......"The Red Ally".......
User avatar
Neoconservative
 
Posts: 840
Joined: Wed Nov 12, 2008 1:00 pm

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 10:09 am

superager wrote:ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:


เรื่องจะมีใครได้กี่เปอร์เซนต์ ก็ต้องติดตามในส่วนการจัดซื้อจัดจ้างกันต่อไป
แต่จะไม่พัฒนาประเทศเพราะกลัวมีคนได้เปอร์เซนต์คงคิดแบบนั้นไม่ได้ครับ :D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 10:11 am

Neoconservative wrote:พี่ จี ยุ่งหรือครับช่วงนี้

พักนี้ เริ่มหา ปรมาจารย์ ฐาน ข้อมูล ยากขึ้นทุกวัน


ยุ่งมา 3 เดือนติดๆ กันแล้วครับ แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เป็นเหตุให้เข้ามาดูได้อย่างเดียว แทบไม่ได้คุยอะไรเลย

วันนี้อยู่บ้านรอดูอภิปรายก็เลยพอมีเวลาโพสต์กระทู้ครับ :D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 10:27 am

เห็นโครงการ 1 ล้านล้านบาทของคุณทักษิณไปแล้ว (ซึ่งแทบไม่ได้ทำอะไรเลย 4 ปีเต็มๆ)
คราวนี้มาเทียบกับ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 บ้าง แผนการลงทุนเป็นแบบนี้ครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------

โครงการที่ได้รับการอนุมัติงบแล้ว 1.43 ล้านล้านบาท ระหว่างปี 2552 ถึง 2555 แยกเป็น

+ โครงการขนส่งและระบบโลจิสติก วงเงิน 571,523 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 40% ของงบทั้งหมด
เช่น งานบำรุงรักษาทางหลวง โครงการถนนไร้ฝุ่น และโครงการรถไฟฟ้า (ผมลงรายละเอียดส่วนนี้
ไว้ตอนต้นกระทู้แล้ว และคุณทักษิณก็วางแผนลงทุนส่วนนี้ไว้พอๆ กันคือ 500,000+100,000 ล้านบาท :D )


+ โครงการด้านทรัพยากรณ์น้ำและการเกษตร วงเงิน 238,515 ล้านบาท หรือประมาณ 17% ของงบประมาณ
เช่น โครงการชลประทานขนาดใหญ่ โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำ (คุณทักษิณวางแผนส่วนนี้ไ้ว้ใกล้เคียงกัน
คือ 200,000 ล้านบาท)


+ โครงการด้านการศึกษา วงเงิน 137,975 ล้านบาท หรือ 10% ของงบประมาณ
นำไปลงทุนสนับสนุนด้านการศึกษา และพัฒนาครูทั้งระบบ (คุณทักษิณวางแผนส่วนนี้ไ้ว้ใกล้เคียงกันคือ 100,000 ล้านบาท)

+ โครงการด้านสาธารณสุข วงเงิน 99,399 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% ของงบประมาณ
เช่น ลงทุนด้านการพัฒนาระบบบริการในระดับชุมชน ศูนย์โรคพิเศษ (คุณทักษิณวางแผนส่วนนี้ไ้ว้
ใกล้เคียงกันอีก คือ 100,000 ล้านบาท)


+ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยว วงเงิน 18,537 ล้านบาท
เช่น ลงทุนในโครงการประปา และสายเคเบิ้ลใต้น้ำ

+ โครงการอื่นๆ เช่น พัฒนาพลังงานทดแทน การลงทุนระดับชุมชน ยกระดับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
พัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมประมาณ 360,000 ล้านบาท (ส่วนนี้ดูเหมือนเพิ่มมาใหม่ไม่มีในแผนคุณทักษิณ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------

จะเห็นว่าก็เป็นโครงการคล้ายๆ กับแผนลงทุน 1 ล้านล้านบาท สมัยรัฐบาลทัีกษิณ 1 ที่เราไม่ได้ทำ
ซึ่งตามแผนสมัยทักษิณก็ต้อง "กู้เงิน" ไม่แตกต่างกันครับ :idea:
Last edited by jerasak on Mon Jun 15, 2009 5:10 pm, edited 4 times in total.
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Angsana » Mon Jun 15, 2009 10:36 am


..มาลงชื่ออ่านค่ะ!
(เห็นชื่อคุณ jerasak ในเสรีไทยแล้วค่อยอุ่นใจ หายไปนานเชียว)Image


Image
แม้ผืนฟ้า มืดดับ เดือนลับละลาย
ดาวยังพราย ศรัทธา เย้ยฟ้าดิน (จิตร ภูมิศักดิ์)
http://www.oknation.net/blog/angsana
User avatar
Angsana
 
Posts: 861
Joined: Mon Oct 13, 2008 6:55 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby superager » Mon Jun 15, 2009 10:39 am

jerasak wrote:
superager wrote:ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:


เรื่องจะมีใครได้กี่เปอร์เซนต์ ก็ต้องติดตามในส่วนการจัดซื้อจัดจ้างกันต่อไป
แต่จะไม่พัฒนาประเทศเพราะกลัวมีคนได้เปอร์เซนต์คงคิดแบบนั้นไม่ได้ครับ :D


ตอนนี้ผมกลัวว่าโครงการนี้จะทำให้ใครจะเข้มแข็งมากกว่่ากัน ระหว่างประเทศชาติและนักการเมือง :D แฮะๆ :)
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: ==มาคุยเรื่องการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555" กันค

Postby Kamo » Mon Jun 15, 2009 10:48 am

ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ มันมีปัญหาอะไรมากมาย
ก็ลงทุนในสิ่งที่มีการศึกษามาแล้ว มีการอนุมัติมาแล้วทั้งนั้น ไม่ใช่โครงการแปลกใหม่อะไรเลย

ทำไมเสื้อแดงดูเป็นห่วงผิดปกติ
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Cherub Rock » Mon Jun 15, 2009 10:49 am

ตามแผน ถ้าขุดทองถ้ำลิเจียได้ซัก 1,000,000 ล้าน
ทักษิณจะไม่ต้องกู้เงินเลยครับ 8-)
:idea: 1 ปีตุลาเลือด ฆาตรกรต้องไม่ลอยนวล
วันข้างหน้า ผู้มีอำนาจ จะไม่บังอาจฆ่าประชาชน
-->
User avatar
Cherub Rock
 
Posts: 2769
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:47 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 11:02 am

superager wrote:
jerasak wrote:
superager wrote:ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:


เรื่องจะมีใครได้กี่เปอร์เซนต์ ก็ต้องติดตามในส่วนการจัดซื้อจัดจ้างกันต่อไป
แต่จะไม่พัฒนาประเทศเพราะกลัวมีคนได้เปอร์เซนต์คงคิดแบบนั้นไม่ได้ครับ :D


ตอนนี้ผมกลัวว่าโครงการนี้จะทำให้ใครจะเข้มแข็งมากกว่่ากัน ระหว่างประเทศชาติและนักการเมือง :D แฮะๆ :)


ปัญหาสำคัญของประเทศเราตอนนี้คือ..

1. ประเทศขาดการลงทุนในภาคเอกชน จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
ภาครัฐเป็นแหล่งเดียวที่พอจะสามารถลงทุนได้

2. ประเทศขาดความสามารถในการแข่งขัน จากปัญหาความไม่สมบูรณ์
ของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่ง ระบบชลประทาน ระบบการศึกษา
ซึ่งอยู่ในความดูแลของภาครัฐ


แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เป็นข้อเสนอในการแก้ปัญหาทั้ง 2 ข้อ
ซึ่งมีความเป็นไปได้ และเป็นสิ่งที่ประเทศไทยควรลงทุนมาหลายปีแล้ว

ส่วนเรื่องนักการเมืองจะโกงกิน ผมมองเป็นคนละส่วนกัน จะโกงได้หรือไม่
มากน้อยแค่ไหน เป็นความรับผิดชอบของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันดูครับ


*ถ้ามีการลงทุนก็ได้กันทั้งประเทศครับ ส่วนนักการเมืองไม่มีใครแน่ใจได้ว่า
กว่าจะมีการจัดซื้อจัดจ้างจริงๆ ตอนนั้นใครจะได้เป็นรัฐบาลด้วยซ้ำ*
:idea:

ผมเชื่อว่าเดี๋ยวนี้เรามีการตรวจสอบเข้มแข็งกว่าเดิมมากครับ ตัวอย่างกรณี
โครงการเช่ารถเมล์ NGV คิดจะโกงไม่ใช่ง่ายๆ นะครับ :D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby superager » Mon Jun 15, 2009 11:10 am

เรื่องที่เราต้องการการลงทุนจากภาครัฐในตอนนี้ผมไม่ปฏิเสธ(ภาคเอกชนกะตปท.เดี้ยงหมด) ห่วงแต่ว่าการลงทุนนั้นมันจะสัมฤทธิ์ผลแค่ใหน ;) ถ้างั้นก็คงต้องจับตาดูอย่างไม่กระพริบตากันแล้วครับคุณจี :D เชิญอภิปรายต่อครับ ผมจะตามอ่านต่อ :D
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Kamo » Mon Jun 15, 2009 11:13 am

superager wrote:
jerasak wrote:
superager wrote:ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:


เรื่องจะมีใครได้กี่เปอร์เซนต์ ก็ต้องติดตามในส่วนการจัดซื้อจัดจ้างกันต่อไป
แต่จะไม่พัฒนาประเทศเพราะกลัวมีคนได้เปอร์เซนต์คงคิดแบบนั้นไม่ได้ครับ :D


ตอนนี้ผมกลัวว่าโครงการนี้จะทำให้ใครจะเข้มแข็งมากกว่่ากัน ระหว่างประเทศชาติและนักการเมือง :D แฮะๆ :)


ภูมิใจไทยเข้มแข็ง ครับ กระทรวงคมนาคม เต็มๆครับ
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Canthai » Mon Jun 15, 2009 11:16 am

เสิร์ชข่าวทั่วๆ ไปก็เจอ ทนง พิทยะ ก็ไม่เห็นว่าอะไร ยังบอกว่ามันช้าไปมากแล้ว

เท่าที่ฟังๆ ฝ่ายค้านและสื่อมองแค่ว่า กู้ไม่ว่าแต่อย่าโกง ถ้าเป็นช่วงปกติ คงไม่กล้าทุ่มขนาดนี้

แต่รัฐบาลเห็นว่ากระตุ้นโดยภาคเอกชนไปไม่รอด ประกอบกับสภาพคล่องล้นเกิน ก็เท่านั้นเอง
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Kamo » Mon Jun 15, 2009 11:19 am

superager wrote:เรื่องที่เราต้องการการลงทุนจากภาครัฐในตอนนี้ผมไม่ปฏิเสธ(ภาคเอกชนกะตปท.เดี้ยงหมด) ห่วงแต่ว่าการลงทุนนั้นมันจะสัมฤทธิ์ผลแค่ใหน ;) ถ้างั้นก็คงต้องจับตาดูอย่างไม่กระพริบตากันแล้วครับคุณจี :D เชิญอภิปรายต่อครับ ผมจะตามอ่านต่อ :D


เอกชนแกล้งเดี้ยงสิครับ ถ้ารถไฟฟ้าอนุมัติงบเมื่อไหร่ อสังหาริมทรัพย์รอบๆขึ้นแน่นอนครับ ไม่รู้เสกตังค์มาจากไหน 555555
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby 55555 » Mon Jun 15, 2009 11:19 am

พูดถึงเรื่องการลงทุน....


พอดีเมื่อเช้าฟังข่าว....

เห็นว่า จะมีการลงทุน ที่ยังรอจำนวนมาก แต่ยังติดขัดเรื่องกฏหมายรัฐธรรมนูญ

ที่ มีข้อกำหนด เรื่องภาวะแวดล้อม กับ เรื่องคุณภาพชีวิต ...

แต่ยังคงรอกฏหมายลูก ประกอบรัฐธรรมนูญ ....

ตอนนี้ เห็นว่า ยังเกี่ยงกันอยู่ระหว่าง สำนักนายก กับ กระทรวงพัฒน์ ฯ...

หวังว่า รัฐบาลคงจะจัดการเรื่องกฏหมายลูก ในการประชุมสมัยหน้า..

รวมทั้งกฏหมายลูกอีกหลายฉบับ ที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ....
55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Canthai » Mon Jun 15, 2009 11:25 am

กำลังฟัง หัวล้านอภิปรายกำลังจะจบ

มันก็รู้ รัฐบาลสมชายก็เตรียมกู้ 1.1 แสนล้าน...
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ==มาคุยเรื่องการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555" กันค

Postby ปุถุชน » Mon Jun 15, 2009 11:27 am

Kamo wrote:ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ มันมีปัญหาอะไรมากมาย
ก็ลงทุนในสิ่งที่มีการศึกษามาแล้ว มีการอนุมัติมาแล้วทั้งนั้น ไม่ใช่โครงการแปลกใหม่อะไรเลย

ทำไมเสื้อแดงดูเป็นห่วงผิดปกติ



ถ้าคิดในแง่ร้าย อคติก็ต้องบอกว่า
กองทัพเสื้อแดง"หวง"(หวง ไม่ใช่ห่วง)
ผลประโยชน์ที่ได้รับจะไม่ตกอยู่กับกองทัพเสื้อแดง....!!!
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Canthai » Mon Jun 15, 2009 11:30 am

คนที่ห่วงเรื่องโกง เค้าจะนำเสนอ กรอบการใช้เงินที่ ครม.อนุมัติแล้ว ผ่านสภา

ปู่ชัยก็ดีเหลือหลาย ขอรมต.คลังทันที จะได้แจก สส.ในคราวนี้ไปเลย
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby ปุถุชน » Mon Jun 15, 2009 11:31 am

jerasak wrote:
superager wrote:ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:


เรื่องจะมีใครได้กี่เปอร์เซนต์ ก็ต้องติดตามในส่วนการจัดซื้อจัดจ้างกันต่อไป
แต่จะไม่พัฒนาประเทศเพราะกลัวมีคนได้เปอร์เซนต์คงคิดแบบนั้นไม่ได้ครับ :D


ทักษิณ เห็บหมา เห็บแม๊วบอกว่า"โกงแต่ทำงาน"ไง....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 11:38 am

ในความเห็นของผมก็คือกรอบการกู้เงิน 8 แสนล้านบาท ควรได้รับการอนุมัติ
แล้วไปตรวจสอบกันที่การใช้เงิน ในการจัดซื้อจัดจ้างจริงๆ

แต่ตอนนี้ฝ่ายค้านกลับพยายามขัดขวางตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติกรอบการกู้เงิน
ทั้งที่ในความเป็นจริง พอถึงเวลาเวลากู้เงินจริงๆ ก็ต้องมีตัวโครงการว่าจะทำอะไร
และที่สำคัญเวลาจะใช้เงินก็ต้องมีรายละเอียดการใช้จ่ายของโครงการ

ความจริงฝ่ายค้านควรไปทำหน้าที่ตรวจสอบตัวโครงการลงทุน และรายละเอียด
การใช้จ่ายการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการ ไม่ใช่มาขัดขวางตั้งแต่ขั้นตอนอนุมัติ
กรอบการกู้เงิน

*เพราะเท่ากับขัดขวางประเทศไม่ให้สามารถลงทุนทำอะไรได้เลยตั้งแต่ต้น*

ดูเหมือนฝ่ายค้านจะแกล้งสับสนระหว่าง กรอบการกู้เงิน กับ การกู้เงินจริงๆ และ
การใช้จ่ายเงินจริงๆ
เพื่อเล่นเกมส์ ขัดขารัฐบาล ทำลายเครดิตรัฐบาล

แต่มองในแง่ดีก็เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้อธิบายเหตุผลของความจำเป็น-
ในการกู้เงิน และเป็นโอกาสได้ประชาสัมพันธ์โครงการของรัฐบาลนะครับ
:idea:
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Canthai » Mon Jun 15, 2009 11:46 am

เท่ากับได้โฆษณาแผนงานและให้ประชาชนฝากความหวัง ก็น่าจะเป็นผลดี

เพราะประชาชนก็รอให้เศรษฐกิจฟื้นอยู่แล้ว

ผมยังงงๆ ตอนแรก นายกไม่อยากให้ถ่ายทอด
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Kamo » Mon Jun 15, 2009 11:52 am

jerasak wrote:ในความเห็นของผมก็คือกรอบการกู้เงิน 8 แสนล้านบาท ควรได้รับการอนุมัติ
แล้วไปตรวจสอบกันที่การใช้เงิน ในการจัดซื้อจัดจ้างจริงๆ

แต่ตอนนี้ฝ่ายค้านกลับพยายามขัดขวางตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติกรอบการกู้เงิน
ทั้งที่ในความเป็นจริง พอถึงเวลาเวลากู้เงินจริงๆ ก็ต้องมีตัวโครงการว่าจะทำอะไร
และที่สำคัญเวลาจะใช้เงินก็ต้องมีรายละเอียดการใช้จ่ายของโครงการ

ความจริงฝ่ายค้านควรไปทำหน้าที่ตรวจสอบตัวโครงการลงทุน และรายละเอียด
การใช้จ่ายการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการ ไม่ใช่มาขัดขวางตั้งแต่ขั้นตอนอนุมัติ
กรอบการกู้เงิน

*เพราะเท่ากับขัดขวางประเทศไม่ให้สามารถลงทุนทำอะไรได้เลยตั้งแต่ต้น*

ดูเหมือนฝ่ายค้านจะแกล้งสับสนระหว่าง กรอบการกู้เงิน กับ การกู้เงินจริงๆ และ
การใช้จ่ายเงินจริงๆ
เพื่อเล่นเกมส์ ขัดขารัฐบาล ทำลายเครดิตรัฐบาล

แต่มองในแง่ดีก็เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้อธิบายเหตุผลของความจำเป็น-
ในการกู้เงิน และเป็นโอกาสได้ประชาสัมพันธ์โครงการของรัฐบาลนะครับ
:idea:



ก็สูตรเดิมตลอด หลอกประชาชนที่ไม่รู้วิธีพิจารณากฎหมายการเงิน

คล้ายๆกับ ทำกับข้าวแล้วโดนปลด เซ็นชื่อให้เมียแล้วติดคุก
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 11:59 am

เปลว สีเงิน พูดถึง แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เอาไว้ตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้วครับ
หลักๆ ก็คือเห็นด้วยกับโครงการ แต่ตั้งข้อสังเกตว่ามันสำคัญที่ความเชื่อมั่น
ของประชาชนในตัวรัฐบาลมากกว่า :D
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เงินไม่ใช่ตัวทำให้"ไทยเข้มแข็ง"
เปลว สีเงิน 7 พฤษภาคม 2552 - 00:00
http://www.thaipost.net/news/070509/4285

อันที่จริงสินค้าประเภทอบายมุขทั้งหลาย โดยเฉพาะ เหล้า เบียร์ บรั่นดี บุหรี่ นี่ ไม่น่าเรียกในเชิงประณามเขาเลยว่า "สินค้าบาป" เพราะผมเห็นเข้าตาจนทีไร ก็รอดตายไปได้เพราะใบบุญของสิ่งที่เรียกว่า "สินค้าบาป" ทีนั้น สดๆ ร้อนๆ ในภาวะรัฐบาลกระเป๋าขาด เฉพาะหน้าก็ต้องหันไปพึ่ง "ภาษีสินค้าบาป" เรียกว่าขึ้นภาษีสรรพสามิตทั้งเหล้า ทั้งเบียร์ ทั้งบรั่นดี แต่รอบนี้ "บุหรี่" รอดไปได้ น่าจะเรียกว่า "สินค้าทาสในเรือนเบี้ย" หรือสินค้า "ผู้มีอุปการคุณ" จะเหมาะกว่านะ เพราะสามารถจิกหัวเอามาสนองอยากได้ตามอยาก...ทุกครั้งไป!

ตัวเหล้า ตัวเบียร์น่ะ มันไม่ใช่ตัวบาปหรอก คนกินตะหากคือตัวบาป เพราะมันเป็น "น้ำแปลงร่าง" เมื่อกินได้ที่ จะแปลงนิสัย สันดานคนกินให้เป็นไปต่างๆ นานา แล้วไปทำอะไรต่อมิอะไรในทางที่ไม่ดี ฉะนั้น ให้รัฐบาลรีดภาษีจากคนกินหนักๆ จะได้หมั่นไส้รัฐบาล แล้วพานไม่กง..ไม่กินมันส่งไปเลย!

แต่ผมว่าไม่หรอก หมั่นไส้หนักๆ เข้า ก็จะต้องดวดซักเป๊ก-สองเป๊ก ดับหมั่นไส้ เลยหนักเข้าไปอีก เหมือนงูนั่นแหละ ยิ่งรีดพิษ ยิ่งมีพิษเพิ่ม งูพิษไม่เคยตายเพราะพิษตัวเอง ฉันใด คนขายสินค้าอบายมุข ก็ไม่เคยเดือดร้อนจากภาษี ฉันนั้น เพราะคนดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ สูบบุหรี่

นั่นคือ คนรับหน้าที่เดือดร้อน และหน้าที่ตายแทน!

ถึงอย่างนี้ก็เถอะ ก็ยังมีคน "เต็มใจตาย-เต็มใจเดือดร้อน" ทยอยเข้าคิวจากรุ่น-สู่รุ่นไม่เคยขาด รวมทั้งตัวผมด้วย เออ..มันก็แปลกดีนะ!

เอาน่ะ..คนกินเหล้า-สูบบุหรี่ ผมยกให้เป็น "ผู้เสียสละแนวหน้า" อย่างน้อยเวลานี้ จากภาษีสรรพสามิตที่จะรีดได้ตามเป้าตั้ง ๖ พันกว่าล้าน ก็น่าจะเอาไปโปะเงินคงคลังที่รัฐบาลตอดไปใช้โน่น-ใช้นี่ ให้กลับมามีตัวเลขที่เสถียรตามระบบได้

พูดถึงเรื่องคลัง ผมก็หายใจไม่ทั่วท้องไปกับรัฐบาล เมื่อบ้านเมืองค้าขายไม่ได้ปกติ ชาวบ้านชาวช่องชักหน้าไม่ถึงหลัง ที่เคยจับจ่ายใช้สอยแบบ "มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท มีอยู่บาทฟาดให้เหี้ยนเตียนกระเป๋า ถึงไม่มียืมเขาก็ยังเอา" อะไรประเภทนั้น ก็ต้องหันกลับมากิน-มาใช้ตามที่ท่าน "สุนทรภู่" สั่งสอน คือ "มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน"

เมื่อชาวบ้านเป็นอยู่อย่างมีเหตุผลในการใช้จ่าย รัฐบาลก็ "ตายซีครับ" คือไม่รู้จะไปเก็บภาษีเอาจากที่ไหน ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่จ่ายภาษีให้รัฐ ขึ้นรถเมล์ ซื้อบะหมี่ซอง นั่นเขาก็บวกภาษีให้เราจ่ายเรียบร้อยอยู่ในนั้น กระทั่งซื้อไม้ขีดกล่อง ก็หนีภาษีที่บวกในราคาไปไม่พ้น

เมื่อคนกินน้อย ใช้น้อย เที่ยวเตร่น้อย เท่ากับว่า "ตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ" มันไม่ทำงานตามระบบ ผลที่ตามมาคือ "ระบบเศรษฐกิจ" การเงิน-การคลังของประเทศก็ป่วย และถ้าปล่อยให้ป่วยเรื้อรัง ประเทศชาติซึ่งเป็นนามธรรมไม่ตายหรอก แต่ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ นี่แหละตายก่อน

ถ้าไม่ตาย ก็ต้องถึงขั้นปล้น-ฆ่า เอาเนื้อคนมาต้มกับมาม่า-ยำยำ กินกัน!

ต้องเข้าใจอยู่อย่างว่า ในภาวะระบบการเงิน-การคลังของประเทศป่วย ไม่ได้หมายความว่า ประเทศชาติ "ไม่มีเงิน"

มีครับ เงินมันมีเหมือนเดิม หรือจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่า "เงินมันไม่หมุนไป และเงินมันไม่หมุนมา" เท่านั้น มันหายไปจากระบบ และถ้าถามว่า

"แล้วมันหายไปอยู่ซะทางไหน?" คำตอบก็คือ

ไปอยู่ในกระเป๋าพ่อค้า ในกระเป๋านักธุรกิจ-นักลงทุน ในกระเป๋าคนรวย ในกระเป๋าเศรษฐี ในธนาคารต่างๆ ในสินทรัพย์ ประเภทสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ ประเภทสินค้าวัตถุดิบ ไม่เว้นกระทั่งตามย่ามหลวงพ่อ หลวงพี่ และวัดวาอารามต่างๆ ซึ่งยังไม่นับของพวกนักการเมือง และพวกค้าขายของทุจริตผิดกฎหมายที่เอาเงินสดไปฝังตุ่มไว้

นี่..เงินมันมี แต่ไม่สามารถทำให้เงินอัน "นอนนิ่ง" อยู่ตามที่ต่างๆ ไหลออกสู่ระบบ ที่เรียกว่าระบบ "ขาดสภาพคล่อง" อะไรประมาณนั้น ฉะนั้น ประเด็นมันอยู่ที่ว่าจะหาวิธียังไง หลอกล่อให้เงินมันโผล่หัวออกมาจากที่หลบภัยเศรษฐกิจของมันเท่านั้น

แต่ดูเหมือน "เด็ก ๒ คน" คือนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับคุณกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ไปนอนคิดหาวิธี "เอาเงินล่อเงิน" ออกมาได้แล้ว คือเมื่อวานนี้ (๖ พ.ค.๕๒) คุณกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ท่านออกมาจากที่ประชุม ครม.บอกว่า วงเงินลงทุนตามโครงการต่างๆ ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะ ๒ จากปี ๒๕๕๓-๒๕๕๕ จำนวน ๑,๕๖ ล้านล้านบาท นั่นน่ะ

ปรับลดลงเหลือ ๑.๔๓ ล้านล้านบาท และ ครม.อนุมัติเรียบร้อยแล้ว!

ก็หมายความว่า ใน ๓ ปีต่อจากนี้ รัฐบาลจะไม่บริหารแบบ เอางบประมาณรายจ่ายประจำปีมานอนแทะเพื่อยังชีพระบบข้าราชการกันเองให้รอดตายไปปีๆ แต่รัฐบาลจะหาเงิน "นอกงบประมาณ" อีก ๑.๔๓ ล้านล้านบาท มาสร้างสภาพคล่อง มาสูบฉีดเป็นเลือดหล่อเลี้ยงให้ระบบหมุนเวียน

นั่นคือ เมื่อเอาเงินมาหมุนไป-หมุนมา ชาวบ้านก็จะมีชีวิตชีวา วงจรชีวิตพลอยลื่นไหล หมุนไป-หมุนมาตามไปด้วย การหมุนไป-หมุนมา นั้น เท่าที่ฟังท่านรัฐมนตรีท่านบอก ท่านจะใช้แผน "ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ "

จะจ้างงานผ่านโครงการการลงทุนของรัฐทั้งระยะสั้น-ระยะยาว ตามประเภทต่างๆ ๑.ลงทุนเกี่ยวกับชลประทาน ๒.พัฒนาระบบขนส่ง ๓.พัฒนาโครงสร้างพลังงาน และ ๔.ด้านการศึกษา

ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะ ๒ นี้ คุณกรณ์บอกว่า ในช่วง ๓ ปีนี้จะทำให้เกิดการจ้างงาน จาก ๑ ล้าน ๕ แสน ไปจนถึง ๒ ล้านคน
ซ้าาาาาาธุ!

ก็เป็นหลักการ และโครงการกว้างๆ ในรายละเอียดผมก็ไม่ทราบว่าใน ๔ หัวข้อนั้น ท่านทำอะไรกันบ้าง แต่ในความหมายว่า ตอนนี้เศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดแล้ว เหมือนขุดถึงดินดาน มันก็สมควรเทฐานรากทับหัวเข็ม เพื่อก่อสร้างตัวอาคารขึ้นมา ในเมื่อ ภาคเอกชน ภาคธนาคารยังไม่กล้าลงทุน

ภาครัฐ-โดยรัฐบาลก็ต้องเป็นตัวนำ โดยใช้แผน "ไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕" พยุงระบบที่ไข้ทรงแล้ว ให้ค่อยผงกหัวขึ้นมา เพื่อภาคเอกชนจะได้กล้าออกมาผงกหัวตาม ไม่ใช่รอให้ระบบฟื้นด้วยตัวมันเอง แล้วให้มันชักลากไป

แบบนั้นไม่ใช่ชักลาก แต่ "ถูกมันลาก" ไปลงหลุมมากกว่า!

ผมก็ว่า "สมควรแล้ว" ที่ภาครัฐต้องกล้าตัดสินใจ และกล้าทำ ระบบสังคมโลกทุกวันนี้ เขาออกแบบมาให้กู้ยืม ต้องเป็นหนี้ก่อนถึงจะนอนสะดือเย็น คนที่ไม่ยอมเป็นหนี้ ตายเป็นผีก็ไม่มีคนอยากเผา เพราะถึงเผาไปเงินในปากผีก็ไม่มีให้ล้วงซักบาท นั่นคือ ถึงรัฐบาลกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจไปจนวงเงินเต็ม
เพดานตามกฎหมายกำหนดไปแล้วก็ช่างเถอะ เพื่อรักษาระบบไว้ไม่ปล่อยให้ตายซาก หนี้มันก็ยังมีลมหายใจ และเมื่อมีลมหายใจ ก็หมายความว่า

หนี้นี้ เป็นหนี้มีอนาคต บ่เป็นหยังหรอก!

และเมื่อวานนี้ ครม.อีกเหมือนกัน เมื่อต้องใช้เงินอีกมากมายขนาดนี้ จะเอามาจากไหน ไม่เหมือนสหรัฐที่เขาพิมพ์แบงก์ใช้เองได้ สรุปก็คือต้องกู้ เมื่อกู้เต็มเพดานแล้ว ก็ต้องหาวิธีใหม่ วิธีนั้นก็คือ ครม.อนุมัติให้คลังออก พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงินกรณีพิเศษเพื่อฟื้นฟูเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

เทคนิคทางศัพท์แสงและวิธีการยักเยื้องต่างๆ ผมไม่รู้เรื่องหรอก สรุปเป็นว่า คลังจะกู้เงินภายในประเทศอีก ๘๐๐,๐๐๐ ล้านบาท แต่ไม่ใช่ ครม.อนุมัติปุ๊บ จะกู้ได้ปั๊บ ต้องนำกฎหมายเข้าสภาฯ ให้สภาฯ อนุมัติก่อน!

ประเด็นที่ผมอยากพูดก็คือ นี่อย่างไรล่ะที่บอกว่า "เงินไม่ได้หายไปทางไหน?" มันซุกอยู่ตามกระเป๋าคน และตามที่ต่างๆ อย่างว่านั่นแหละ จึงเป็นเรื่องถูกต้องอีกนั่นแหละที่คุณกรณ์จะกู้เงินภายในประเทศ คนไทยเมืองไทยเงินเยอะแยะ ผมเห็นบริษัทเอกชนออกหุ้นกู้แต่ละที บรรดาเศรษฐีจอมซุกแห่เข้าคิวไปแย่งจองแทบฆ่ากันตาย

ขนาด "หุ้นกู้" ไม่รับประกันชักดาบนะ เงินยังไหลไปที่เขา แล้วนี่ "รัฐบาลเป็นประกัน" ออกพันธบัตรมา หรือจะอะไรก็ไม่รู้แหละ อย่าว่าแต่ ๘ แสนล้านเลยครับ ซักล้านล้านก็ยังสบาย นอกจากช่วยให้เศรษฐีจอมซุกได้ดอกเบี้ยดีกว่าแบงก์ที่เอารัดเอาเปรียบ "ลดดอกฝาก แต่ไม่ลดดอกกู้" แล้ว

ยังเป็นการดึงเอา "กระดาษ" ที่นอนนิ่ง ให้ออกมาหมุนเป็น "เงิน" สมตามค่า-ตามราคาของธนบัตรในระบบเศรษฐกิจอีกด้วย!

ที่ผมว่านี้ ก็แค่ทฤษฎี แต่ทั้งหลาย-ทั้งปวง จะสัมฤทธิผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน ทรัสต์ครับ...ทรัสต์ คือ "ความเชื่อ-ความมั่นใจ" ตัวเดียว เป็นกุญแขไขสู่ความสำเร็จทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และทั้งการฟื้นเศรษฐกิจของเราวันนี้ ให้ค่อยๆ ฟูไปบรรจบในวันที่ "เศรษฐกิจโลก" เฟื่อง!

พิมพ์เขียวตามแผน "เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕" จะบรรลุตามนั้นได้ นายกฯ อภิสิทธิ์ และคุณกรณ์ จะต้องทำให้ประชาชน นักลงทุน ไม่ต้องเอาถึงนักลงทุนนอก เอาพวกเราในประเทศนี่แหละ ให้เกิดศรัทธา เกิดความเชื่อมั่นผ่านระบบการเมืองว่า

ในขั้นแรก รัฐบาลเจ้าของแผนนี้สามารถอยู่ และสามารถบริหารประเทศไปได้ "ครบเทอม" คือ ๓ ปี
ในขั้นที่สอง ไม่ต้องครบ ๓ ปี แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ต้องรักษาเรตติ้ง "ศรัทธา-เชื่อมั่น" ให้คงที่ไปจนกว่าปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ผ่าน
ในขั้นที่สาม ไม่ต้องงบประมาณปี ๒๕๕๓ ผ่านก็ได้ แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ต้องรักษาเรตติ้งศรัทธาให้อยู่กับระบบรัฐสภา และมั่นใจได้ว่า ด้วยศรัทธานั้น ถึงยุบสภาฯ-เลือกตั้งใหม่ "ประชาชนก็จะเทใจ-เทคะแนนให้ผม"

ประชาธิปัตย์โชคดี เพราะเคยผ่าน "ข้อสอบเศรษฐกิจวิกฤติ" มาแล้วเมื่อปี ๒๕๔๐ ฉะนั้น เมื่อมาเจอ "ข้อสอบเก่า" เอามาออกใหม่ในปี ๒๕๕๒ นี้ สามารถเปิด "ลิ้นชักประสบการณ์" เอามาดัดแปลงใช้ได้สบายอยู่ นั่นหมายความว่า ต้องใช้กุญแจคือ "ตัวศรัทธา-ตัวมั่นใจ" ในรัฐบาล และในนายกฯ เป็นตัวนำแผนไปสู่ความสำเร็จ ถ้าคนเชื่อในรัฐบาล ไม่ต้องกู้ถึง ๘ แสนล้านหรอก แค่บอกว่า "กู้" เป็นการนำร่อง ระบบก็จะเคลื่อนไหว แล้วเงินก็จะไหลออกมาสู่ระบบเอง แต่ถ้าความมั่นใจในรัฐบาลไม่เกิด ต่อให้กู้มากองหมื่นล้านล้านล้านขนาดไหน....ไทยก็ไม่แข็งครับ!
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 12:28 pm

ปัญหาอีกส่วนที่มีการโจมตีก็คือ รัฐบาลจะมีช่องทางในการหาเงินใช้หนี้อย่างไร
เรื่องนี้ถ้าติดตามข่าวจะพบว่า จากแผนปรับปรุงการจัดเก็บภาษีล่าสุดประมาณว่า
รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 70,000 ล้านบาท ยังไม่รวมการปรับปรุงภาษีที่ดิน
และภาษีมรดก (ตัวหลังได้ข่าวว่าจะตัดออกแล้ว)

จากตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นปีละ 7 หมื่นล้านก็เห็นแล้วว่า ภายใน 10 ปีจะได้เงิน
เพิ่มขึ้นถึง 7 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับกรอบเงินกู้ 8 แสนล้านบาท :idea:

*ถ้าประมาณการรายได้รัฐบาลถูกต้อง ก็แสดงว่าภายใน 10 ปี
รัฐบาลน่าจะมีเงินพอจ่ายเงินต้น 8 แสนล้านนี้ได้หมดอยู่แล้ว*


ยังไม่นับว่าตามปกติขนาด GDP ของประเทศจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้
รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะ 10 ปีข้างหน้า ภาระการคืนเงิน 8 แสนล้านบาท
จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร อย่างที่ฝ่ายค้านพยายามนำเสนอนะครับ
:D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby ปุถุชน » Mon Jun 15, 2009 1:06 pm

ความคิดเห็นของคนที่นี่(ยกเว้น"neoconservative" เป็นต้น)แตกต่างเป็น"หน้ามือ"กับ"หลังเท้า"ของสส.พรรคเพื่อแม๊วที่กำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Neoconservative » Mon Jun 15, 2009 1:34 pm

jerasak wrote:ปัญหาอีกส่วนที่มีการโจมตีก็คือ รัฐบาลจะมีช่องทางในการหาเงินใช้หนี้อย่างไร
เรื่องนี้ถ้าติดตามข่าวจะพบว่า จากแผนปรับปรุงการจัดเก็บภาษีล่าสุดประมาณว่า
รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 70,000 ล้านบาท ยังไม่รวมการปรับปรุงภาษีที่ดิน
และภาษีมรดก (ตัวหลังได้ข่าวว่าจะตัดออกแล้ว)

จากตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นปีละ 7 หมื่นล้านก็เห็นแล้วว่า ภายใน 10 ปีจะได้เงิน
เพิ่มขึ้นถึง 7 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับกรอบเงินกู้ 8 แสนล้านบาท :idea:

*ถ้าประมาณการรายได้รัฐบาลถูกต้อง ก็แสดงว่าภายใน 10 ปี
รัฐบาลน่าจะมีเงินพอจ่ายเงินต้น 8 แสนล้านนี้ได้หมดอยู่แล้ว*


ยังไม่นับว่าตามปกติขนาด GDP ของประเทศจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้
รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะ 10 ปีข้างหน้า ภาระการคืนเงิน 8 แสนล้านบาท
จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร อย่างที่ฝ่ายค้านพยายามนำเสนอนะครับ
:D


1. มันมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาล จะจัดเก็บภาษีได้น้อยลงอีก เช่นเดียวกันกับ ที่ คาดว่า จะเก็บภาษี ได้เพิ่มขึ้น ปีละ 70,000 ล้าน ที่ประชาชน ต้องรับผิดชอบ

2. จากตัวเลขที่รายได้เพิ่มขึ้น ปีละ 7 หมื่นล้าน ถ้าเก็บไม่ถึงหล่ะ - 10 ปี อาจจะกลายเป็น 15 ปี - เรื่องนี้ รัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถให้ความมั่นใจ อะไรได้เลย นอกเสียจากจะเริ่มนำเสนอช่องทางการสร้างรายได้อื่นๆ

รัฐบาลต้องเดา เข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่า มันจะดีขึ้น มันจะไม่มีปัญหา

สรุป คือ วันนี้ ก็ คือ เก็บภาษี ใช้หนี้ เท่านั้น ที่รัฐบาลให้ความมั่นใจได้
Reality Check. Base on Fact and Truth. ......"The Red Ally".......
User avatar
Neoconservative
 
Posts: 840
Joined: Wed Nov 12, 2008 1:00 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby ppneer » Mon Jun 15, 2009 1:44 pm

มันไม่มี Logistic ทางอากาศ สำหรับขนส่ง อาหาร และผลไม้

เพราะที่เราเสียเปรียบอย่างมาก ส่วนหนึ่งเราไม่มีส่วนนี้ ต้องไปพึ่งพา

สิงคโปร์แอร์ไลน์ อยากให้งบประมาณการกู้ครั้งนี้นำมาปรับปรุงด้านนี้บ้าง
ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิต

ใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว
User avatar
ppneer
 
Posts: 3382
Joined: Mon Jan 19, 2009 2:59 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 2:25 pm

Neoconservative wrote:1. มันมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาล จะจัดเก็บภาษีได้น้อยลงอีก เช่นเดียวกันกับ ที่ คาดว่า จะเก็บภาษี ได้เพิ่มขึ้น ปีละ 70,000 ล้าน ที่ประชาชน ต้องรับผิดชอบ

2. จากตัวเลขที่รายได้เพิ่มขึ้น ปีละ 7 หมื่นล้าน ถ้าเก็บไม่ถึงหล่ะ - 10 ปี อาจจะกลายเป็น 15 ปี - เรื่องนี้ รัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถให้ความมั่นใจ อะไรได้เลย นอกเสียจากจะเริ่มนำเสนอช่องทางการสร้างรายได้อื่นๆ

รัฐบาลต้องเดา เข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่า มันจะดีขึ้น มันจะไม่มีปัญหา

สรุป คือ วันนี้ ก็ คือ เก็บภาษี ใช้หนี้ เท่านั้น ที่รัฐบาลให้ความมั่นใจได้


ผมคิดว่าเรื่องที่รัฐบาลสามารถให้ความมั่นใจได้ก็คือ มั่นใจว่าเราจำเป็นต้องลงทุนจริง
และความจริงก็คงไม่มีใครปฏิเสธความจำเป็นในเรื่องนี้นะครับ

ส่วนการเก็บภาษีได้น้อยกว่าประมาณการ ถ้าเกิดขึ้นก็ต้องไปปรับแผนการจัดเก็บภาษี
ในอนาคตใหม่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ได้ล่วงหน้า เหมือนกับถ้ารายได้รัฐเพิ่มขึ้นมากกว่า-
ประมาณการก็อาจไม่ต้องกู้เงินเต็มจำนวน 8 แสนล้านบาท ซึ่งไม่มีใครรู้เช่นเดียวกัน
และตอนนี้เราอยู่ในขั้นการอนุมัติกรอบวงเงินเท่านั้นครับ ยังไ่ม่ได้กู้เงินจริงๆ

ผมมีข้อสังเกตด้วยว่าถ้ารัฐเก็บภาษีในส่วนที่เก็บเพิ่มได้ลดลง คือ ภาษีสุรา+ภาษีบุหรี่
ก็แสดงว่าประชาชนบริโภคสินค้าทำลายสุขภาพลดลง เป็นผลดีต่อประเทศชาตินะครับ

ในที่สุดก็จะไปลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น
มีความพร้อมในการทำงานมากขึ้น ในที่สุดก็จะไปลดค่าใช้จ่ายของประเทศ และเพิ่ม
รายได้ของประเทศ ในอีกทางหนึ่งอยู่ดีจริงไหม?
:D

...

อยากให้มองว่าการตัดสินใจลงทุนของรัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐานจะทำให้ความสามารถ-
ในการแข่งขันของประเทศสูงขึ้นกว่าเดิม ตัวเอย่างเช่น เราจะสามารถลดต้นทุนการขนส่ง
ได้ประมาณ 5% ของ GDP ซึ่งเฉพาะส่วนนี้ก็มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท คุ้มค่าที่จะลงทุน
มาตั้งแต่ต้น และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกภาคส่วนของประเทศได้ใช้งานร่วมกัน

เมื่อกิจการต่างๆ มีต้นทุนลดลง ก็จะมีกำไรมากขึ้น ส่งผลให้จ่ายภาษีได้มากขึ้นกว่าเดิม
และทำให้ประเทศใช้หนี้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมในที่สุด

หรือกรณีการลงทุนในระบบชลประทาน ก็จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของเราสูงขึ้น
และสามารถทำการเกษตรนอกฤดูกาล ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น มีความ-
จำเป็นต้องพึ่งพารัฐน้อยลง ไปจนถึงสามารถจ่ายภาษีได้มากขึ้นด้วย

มองไปถึงการลงทุนด้านสาธารณสุข ก็จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น มีความพร้อมที่จะ
ทำงานมากขึ้น ในที่สุดก็จะส่งผลดีต่อรายได้ของรัฐทั้งนั้น

เช่นเดียวกับการลงทุนด้านการศึกษา การท่องเที่ยว พลังงานทดแทน ฯลฯ ซึ่งในที่สุด
ล้วนมีผลให้รายได้ประเทศ รายได้รัฐบาล เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น

...

ในทางกลับกันถ้าไม่มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความสามารถในการแข่งขัน
ของประเทศก็จะล้าหลัีงประเทศคู่แข่งไปเรื่อยๆ ส่งผลให้รายได้ประเทศลดลงเรื่อยๆ
ขณะที่ไม่ได้แก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นตามที่ิเกรงกลัวกันอยู่ดี

ถ้าจะไม่ยอมกู้เงินเลยป่านนี้แม้แต่ทางรถไฟสมัย ร.5 ก็ไม่ได้สร้างครับ เขื่อนภูมิพล
ก็ไม่ได้สร้าง มาจนถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ได้สร้างเหมือนกัน

เท่าที่ผ่านมาเราก็ลงทุนช้าเป็นสิบปีแล้วครับ และถ้าจะรอให้มีเงินเหลือแล้วค่อยลงทุน
ก็คงเข้าทำนอง "ไม่ทันกิน"

เรากำลังจะลงทุนในเรื่องที่ควรลงทุนมานานแล้วครับ ไม่อย่างนั้นจะลงทุนกันเมื่อไหร่? :?:
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Next

Return to ห้องสมุด



cron