==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby banana_dot » Mon Jun 15, 2009 2:45 pm

สนับสนุนให้พรรคเพื่อไคร... เอ๊ย!!!เพื่อไทย ได้เตรียมพร้อมตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆของรัฐบาล
ไม่ใช่ฉวยโอกาส ใช้มือหนึ่งคว้าขา อีกมือชี้บอกชาวบ้านว่า "ดูเด็กสองคนนี่ซิ" เป็นดังที่คนหน้าเหลี่ยมบอกไม่มีผิด
ขอประทานโทษ เด็กๆเขาจะว่าได้ว่า อ๋อ..ที่แท้สตอเบอร์รี่ตัวพ่อตัวแม่ มันอยู่ในสภาฯนี่เอง :lol: :lol: :lol:
User avatar
banana_dot
 
Posts: 473
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:42 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Mon Jun 15, 2009 3:21 pm

สมเป็นกระบี่มือหนึ่งของเสรีไทยจริงๆ

ผมว่าคุณจีคงมีชื่อจริงว่าเสนีย์ แหงแซะ


...

ว่าแต่ ทำไมมีแต่งบคมนาคมล่ะครับ ผมอยากเห็นงบพัฒนาของกระทรวงศึกษา(โครงการพัฒนาคนของประเทศ) กระทรวงเกษตร(โครงการพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตของการเกษตร รวมถึงการแก้ปัญหาของเกษตรกร เช่นปัญหาแหล่งน้ำ โรคระบาด ) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (โครงการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวแบบยั่งยืนและอนุรักษ์ไม่ใช่พัฒนาแบบทำลายสถานที่ และโครงการพัฒนาบุคลากรด้านกีฬา การส่งเสริมให้ยกระดับการกีฬา ก้าวไปสู่ระดับโลก โดยเฉพาะกีฬาสากลที่เล่นกันทั่วโลก เช่นฟุตบอล วอลเลย์บอล บาสเก็ตบอล ว่ายน้ำ กรีฑา เทนนิส) หรืองบพัฒนาพื้นที่เฉพาะ เช่น พัฒนาเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ พัฒนาพลังงานทดแทนน้ำมัน พัฒนาและสนับสนุนการผลิตรถยนต์ขึ้นใช้เองในประเทศ

แต่นี่เท่าที่เห็น ไหงมันไปอัดอยู่แต่ที่คมนาคมล่ะครับ ไม่ไหวนะ
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 4:37 pm

คนเล็กของเล่นใหญ่ wrote:สมเป็นกระบี่มือหนึ่งของเสรีไทยจริงๆ

ผมว่าคุณจีคงมีชื่อจริงว่าเสนีย์ แหงแซะ

...

ว่าแต่ ทำไมมีแต่งบคมนาคมล่ะครับ ผมอยากเห็นงบพัฒนาของกระทรวงศึกษา(โครงการพัฒนาคนของประเทศ) กระทรวงเกษตร(โครงการพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตของการเกษตร รวมถึงการแก้ปัญหาของเกษตรกร เช่นปัญหาแหล่งน้ำ โรคระบาด ) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (โครงการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวแบบยั่งยืนและอนุรักษ์ไม่ใช่พัฒนาแบบทำลายสถานที่ และโครงการพัฒนาบุคลากรด้านกีฬา การส่งเสริมให้ยกระดับการกีฬา ก้าวไปสู่ระดับโลก โดยเฉพาะกีฬาสากลที่เล่นกันทั่วโลก เช่นฟุตบอล วอลเลย์บอล บาสเก็ตบอล ว่ายน้ำ กรีฑา เทนนิส) หรืองบพัฒนาพื้นที่เฉพาะ เช่น พัฒนาเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ พัฒนาพลังงานทดแทนน้ำมัน พัฒนาและสนับสนุนการผลิตรถยนต์ขึ้นใช้เองในประเทศ

แต่นี่เท่าที่เห็น ไหงมันไปอัดอยู่แต่ที่คมนาคมล่ะครับ ไม่ไหวนะ


ข้อมูลที่ค้นได้ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ครับ แต่ในส่วนของระบบขนส่งมีสรุปออกมาผ่านสื่อนานแล้ว
เพราะเป็นโครงการที่รอจะทำมานานเต็มทีครับ

ส่วนโครงการด้านอื่นๆ คงต้องรอข้อมูลมากกว่านี้นะครับ ผมเองตอนนี้มีแต่้ข้อมูลในส่วนของเงินกู้
ที่จะใช้ในปี 2552 - 2553 ที่กลายเป็น พรก.กู้เงิน เข้าสภาในวันนี้ ผมสรุปบางส่วนมาให้ดูนะครับ
:D

ปล. สังเกตว่างบประมาณสาขาบริหารจัดการน้ำ/น้ำเพื่อการเกษตร สูงกว่าสาขาขนส่ง อีกนะครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------

แผนการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในช่วงปี 2552-2555
มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 1.43 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่


กลุ่มที่ 1 โครงการที่รัฐบาลรับภาระการลงทุน ทั้งที่เป็นโครงการของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
มีวงเงินรวม 1,110,168 ล้านบาท ประกอบด้วย
- สาขาบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร
- สาขาขนส่ง
- สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว
- สาขาการศึกษา
- สาขาสาธารณสุข
- สาขาสวัสดิภาพของประชาชน
- สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- สาขาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว
- สาขาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
- สาขาการลงทุนในระดับชุมชน


กลุ่มที่ 2 เป็นโครงการที่รัฐวิสาหกิจเป็นผู้รับภาระการลงทุนเอง วงเงินรวม 321,162 ล้านบาท
ประกอบด้วย
- สาขาพลังงานและพลังงานทดแทน
- สาขาสื่อสาร
- สาขาขนส่ง


...

ในส่วนโครงการที่รัฐเป็นผู้รับภาระการลงทุน แต่ยังไม่มีแหล่งเงินในปีงบประมาณ 2552-2553
มีวงเงินรวม 289,070 ล้านบาท
ซึ่งเป็นสาเหตุที่รัฐบาลต้องนำร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท
ส่งให้ที่ประชุมสภาพิจารณาในวันนี้ ประกอบด้วยโครงการที่พร้อมจะดำเนินการในปี 2553 และ
สามารถเริ่มดำเนินการบางส่วนในปี 2552 วงเงิน 231,311 ล้านบาท ที่เหลือ 57,759 ล้านบาท
อาจยังไม่พร้อมดำเนินการในปี 2553 ทั้งหมดแบ่งออกเป็นโครงการ 12 สาขาดังนี้

1. สาขาบริหารจัดการน้ำ/น้ำเพื่อการเกษตร วงเงินกู้ 67,113 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงทรัพยากรฯ, กระทรวงมหาดไทย
+ ก่อสร้างฝายอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก/กลาง
+ ระบบป้องกัน/บรรเทาอุทกภัย
+ ระบบเครือข่ายน้ำเพื่อการเกษตร
+ พัฒนาลุ่มน้ำชีตอนบน


2. สาขาขนส่ง/logistic วงเงินกู้ 65,531 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงคมนาคม
+ ระบบรถไฟฟ้า :
- สายสีแดง สีม่วง สีเขียว (หมอชิต สะพานใหม่-แบริ่ง)
- สายสีน้ำเงิน สีเขียว (สะพานใหม่-ลำลูกกา-บางปูสมุทรปราการ ชมพู)
- สายสีน้ำตาล

+ ระบบราง :
- รถไฟรางคู่ เส้นทาง ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย)
- ปรับปรุงทางรถไฟระยะที่ 5-6 (แก่งคอย-บัวใหญ่-หนองคาย)
- จัดหาโบกี้และหัวรถจักรดีเซล

+ ทางพิเศษ บางปะอิน-สระบุรี-โคราช
+ ถนนไร้ฝุ่น
+ ขยายทางหลวงแผ่นดิน 4 ช่องจราจรทั่วประเทศ ระยะที่ 2
+ ปรับปรุงท่าอากาศยาน 4 แห่ง/อู่ตะเภา
+ ท่าเรือปากบารา, คลองใหญ่


3. สาขาโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษา วงเงินกู้ 53,270 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, สำนักนายกฯ, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
+ โครงการ Education Hub
+ โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ
+ โครงการจัดตั้ง ศูนย์ 3 วัย
+ พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
+ พัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรม+หุ่นยนต์อุตสาหกรรม
+ ปรับปรุงหลักสูตรวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์


4. สาขาการลงทุนในระดับชุมชน วงเงินกู้ 36,622 ล้านบาท
หน่วยงาน : สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ,
กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,
กระทรวงแรงงาน, กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,
กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงคมนาคม,
กระทรวงทรัพยากรฯ, จังหวัดและกลุ่มจังหวัด
+ โครงการส่งเสริมอาชีพ/ยกระดับรายได้ชุมชน
+ พัฒนาคุณภาพคน/วัฒนธรรม/สังคมท้องถิ่น
+ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ การลงทุนระดับชุมชน
+ พัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน


5. สาขาโครงสร้างพื้นฐาน/พัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข วงเงินกู้ 32,325 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงสาธารณสุข, กลาโหม, กทม., กระทรวงศึกษาธิการ, ร.พ.รามาฯ
+ โครงการศูนย์ Exellence Center
+ ปรับปรุงสถานีอนามัย โรงพยาบาลชุมชน
+ จัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์
+ สนับสนุนการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์


6. สาขาการเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินของรัฐ วงเงินกู้ 14,500 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงการคลัง
+ เพิ่มทุน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
+ เพิ่มทุน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
+ เพิ่มทุน บรรษัทบริหารสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
+ เพิ่มทุน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME BANK)
+ เพิ่มทุน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)


7. สาขาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ วงเงินกู้ 4,873 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงวัฒนธรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงทรัพยากรฯ
+ โครงการ Creative City
+ จัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดความรู้ของภูมิปัญญาท้องถิ่น
+ บูรณะโบราณสถาน จ.อยุธยา
+ พัฒนา SMEs และสิ่งทอ
+ พัฒนา Digital Media และ Digital Content
+ พัฒนาอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง
+ พัฒนาผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมอาหาร
+ พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมอุตสาหกรรม
+ ยกระดับการสร้างสรรค์งานออกแบบ


8. สาขาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสวัสดิภาพของบุคลากรภาครัฐ วงเงินกู้ 4,826 ล้านบาท
หน่วยงาน : สนง.ตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงกลาโหม
+ ปรับปรุงอาคารที่พักตำรวจ/ทหาร

9. สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วงเงินกู้ 3,564 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวฯ
+ สนับสนุนการวิจัยพัฒนาพลังงานทดแทน
+ สนับสนุนงานวิจัยสำหรับภาคอุตสาหกรรม


10. สาขาการพัฒนาการท่องเที่ยว วงเงินกู้ 3,179 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักนายกฯ, กระทรวงทรัพยากรฯ, กระทรวงสาธารณสุข,
กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง
+ ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว
+ พัฒนาสปา+โรงแรม
+ พัฒนาสวนพฤกษศาสตร์
+ อนุรักษ์สัตว์ป่า+ป้องกันรักษาสภาพป่า เพื่อรองรับการท่องเที่ยว


11. สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วงเงินกู้ 2,108 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงทรัพยากรฯ, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
+ โครงการลดภาวะโลกร้อน
+ โครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ
+ โครงการป้องกันไฟป่า
+ ระบบอนุรักษ์ดิน+น้ำ


12. สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว วงเงินกู้ 1,159 ล้านบาท
หน่วยงาน : กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม
+ ระบบจำหน่ายไฟฟ้าด้วยสายเคเบิลใต้น้ำ
+ ขยายระบบประปา
+ ปรับปรุงสถานีรถไฟเพื่อรองรับการท่องเที่ยว
+ ปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสารเพื่อรองรับการท่องเที่ยว
Last edited by jerasak on Mon Jun 15, 2009 4:59 pm, edited 8 times in total.
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Mon Jun 15, 2009 4:39 pm

แหม มีเม้มไว้ด้วย ปล่อยให้เราปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ :lol: :lol: :lol:
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby silance mobius » Mon Jun 15, 2009 4:53 pm

jerasak wrote:
superager wrote:ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:


เรื่องจะมีใครได้กี่เปอร์เซนต์ ก็ต้องติดตามในส่วนการจัดซื้อจัดจ้างกันต่อไป
แต่จะไม่พัฒนาประเทศเพราะกลัวมีคนได้เปอร์เซนต์คงคิดแบบนั้นไม่ได้ครับ :D


ใครบอก 10% ครับ

เค้าต้องกันไว้อย่างน้อย 30% ต่างหากล่ะครับ สำหรับเบี้ยบ้ายรายทางน่ะ
Şįłäŋçé Möbiüş ® (愛しているよ!)™

บางสิ่งบางอย่าง"ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ"
User avatar
silance mobius
 
Posts: 4168
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:19 am
Location: Blue Planet

Re: ==บางส่วนของการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby superager » Mon Jun 15, 2009 5:18 pm

silance mobius wrote:
jerasak wrote:
superager wrote:ขอประเดิมกระทู้คุณจีคนแรกครับเห็นมาแต่แว่บๆนะำัพักนี้ :D

แก้เพิ่ม

ถ้าดูตามงบ ถ้าคิดว่านักการเมืองจะได้อย่างน้อย10%ในแต่ละโครงการ ก็50,000กว่าล้านแล้วครับ :lol:


เรื่องจะมีใครได้กี่เปอร์เซนต์ ก็ต้องติดตามในส่วนการจัดซื้อจัดจ้างกันต่อไป
แต่จะไม่พัฒนาประเทศเพราะกลัวมีคนได้เปอร์เซนต์คงคิดแบบนั้นไม่ได้ครับ :D


ใครบอก 10% ครับ

เค้าต้องกันไว้อย่างน้อย 30% ต่างหากล่ะครับ สำหรับเบี้ยบ้ายรายทางน่ะ


อุแหมคิดในแง่ดี ดี๊ ดี ว่ามันจะมีจิตสำนึกต่อประเทศชาติ แด๊กกันแค่10%ต่างหาก 30%นี่มันธรรมเนียมแม้ว-อ้อนี่หว่า ต้องจับไม่กระพริบจริงๆ :D พวกกระสือการเมืองมันจ้องตาเป็นมันเหมือนกัน :x
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby istyle » Mon Jun 15, 2009 5:25 pm

8. สาขาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสวัสดิภาพของบุคลากรภาครัฐ วงเงินกู้ 4,826 ล้านบาท
หน่วยงาน : สนง.ตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงกลาโหม
+ ปรับปรุงอาคารที่พักตำรวจ


แย่... เสียข้าวสุก
User avatar
istyle
 
Posts: 1160
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:18 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby ปุถุชน » Mon Jun 15, 2009 5:30 pm

Neoconservative wrote:
jerasak wrote:ปัญหาอีกส่วนที่มีการโจมตีก็คือ รัฐบาลจะมีช่องทางในการหาเงินใช้หนี้อย่างไร
เรื่องนี้ถ้าติดตามข่าวจะพบว่า จากแผนปรับปรุงการจัดเก็บภาษีล่าสุดประมาณว่า
รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 70,000 ล้านบาท ยังไม่รวมการปรับปรุงภาษีที่ดิน
และภาษีมรดก (ตัวหลังได้ข่าวว่าจะตัดออกแล้ว)

จากตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นปีละ 7 หมื่นล้านก็เห็นแล้วว่า ภายใน 10 ปีจะได้เงิน
เพิ่มขึ้นถึง 7 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับกรอบเงินกู้ 8 แสนล้านบาท :idea:

*ถ้าประมาณการรายได้รัฐบาลถูกต้อง ก็แสดงว่าภายใน 10 ปี
รัฐบาลน่าจะมีเงินพอจ่ายเงินต้น 8 แสนล้านนี้ได้หมดอยู่แล้ว*


ยังไม่นับว่าตามปกติขนาด GDP ของประเทศจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้
รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะ 10 ปีข้างหน้า ภาระการคืนเงิน 8 แสนล้านบาท
จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร อย่างที่ฝ่ายค้านพยายามนำเสนอนะครับ
:D


1. มันมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาล จะจัดเก็บภาษีได้น้อยลงอีก เช่นเดียวกันกับ ที่ คาดว่า จะเก็บภาษี ได้เพิ่มขึ้น ปีละ 70,000 ล้าน ที่ประชาชน ต้องรับผิดชอบ

2. จากตัวเลขที่รายได้เพิ่มขึ้น ปีละ 7 หมื่นล้าน ถ้าเก็บไม่ถึงหล่ะ - 10 ปี อาจจะกลายเป็น 15 ปี - เรื่องนี้ รัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถให้ความมั่นใจ อะไรได้เลย นอกเสียจากจะเริ่มนำเสนอช่องทางการสร้างรายได้อื่นๆ

รัฐบาลต้องเดา เข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่า มันจะดีขึ้น มันจะไม่มีปัญหา

สรุป คือ วันนี้ ก็ คือ เก็บภาษี ใช้หนี้ เท่านั้น ที่รัฐบาลให้ความมั่นใจได้



"jerasak"วิเคราะห์ อ้างอิง คาดว่าใน 5-10 ข้างหน้า รัฐบาลสามารถใช้หนี้เงินกู้เหล่านี้ได้ พร้อมทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง สร้างความผาสุขให้ประเทศไทยได้...
"neoconservative" ฟันธงว่าไม่ได้หรอก รัฐบาลไม่สามารถเปลี่ยนแปลง"อนาคต"ที่"neoconservative"ฟันธงแล้ว....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Kamo » Mon Jun 15, 2009 6:47 pm

ภาษีที่ดิน ทำเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม รายได้ให้ท้องถิ่นบริหารครับ เพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจด้วยครับ

ลงทุนด้านพลังงานทดแทน ลดการนำเข้าน้ำมัน ประเทศไทยไม่จนลงหรอกครับ
ลงทุนรถไฟฟ้า รายได้มันกลับคืนมาอยู่แล้ว
แหล่งน้ำ คมนาคม เพิ่มคุณภาพผลผลิต และลดต้นทุน เกษตรกรไม่จนลงหรอกครับ

ประเทศไทยผูกพันกับท่องเที่ยวกับส่งออกเป็นหลัก
เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้น แค่การเก็บภาษีกลับมาเข้าเป้าเหมือนเดิม มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น ลดการนำเข้าน้ำมันได้ ประเทศไทยใช้หนี้ได้อยู่แล้วครับ

คนที่พูดว่าต้องมีการรีดภาษีมาใช้หนี้ อยากขอบอกว่าเลอะเทอะมากครับ.........
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 6:51 pm

istyle wrote:
8. สาขาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสวัสดิภาพของบุคลากรภาครัฐ วงเงินกู้ 4,826 ล้านบาท
หน่วยงาน : สนง.ตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงกลาโหม
+ ปรับปรุงอาคารที่พักตำรวจ


แย่... เสียข้าวสุก


มองในแง่ดีก็คือ มีที่พักอาศัยดีๆ จะได้ไม่ใส่เกียร์ว่าง :D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Mon Jun 15, 2009 6:56 pm

jerasak wrote:
istyle wrote:
8. สาขาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสวัสดิภาพของบุคลากรภาครัฐ วงเงินกู้ 4,826 ล้านบาท
หน่วยงาน : สนง.ตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงกลาโหม
+ ปรับปรุงอาคารที่พักตำรวจ


แย่... เสียข้าวสุก


มองในแง่ดีก็คือ มีที่พักอาศัยดีๆ จะได้ไม่ใส่เกียร์ว่าง :D


โธ่ คุณจี ฝันไปหรือป่าว

ผมต่อให้จัดที่พักแบบพวกบ้านกลางเมือง บ้านกลางกรุงให้พวกมันด้วยสิเอ้า เชื่อมั้ยว่ามันก็เลวของมันกันอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนไปหรอก

เพราะความโลภของมนุษย์มันไม่มีขีดจำกัด มันไม่มีที่สิ้นสุด ดูอย่างอั้ยเหลี่ยมดิ รวยขนาดนั้นมันยังไม่คิดจะหยุดเลย

ตำรวจเป็นอาชีพที่มีช่องทางในการทุจริตคอรัปชั่นได้มาก เพราะเป็นผู้ถือกฎหมายอยู่ในมือ ตราบใดที่ยังไม่มีองค์กรภาคประชาชนไว้คอยกำกับดูแลตำรวจ ก็ยากเหลือเกินที่เราจะได้เห็นตำรวจเป็นผู้มีเกียรติน่านับถือจริงๆ (อย่างน้อยๆก็ในชาตินี้ล่ะน่า)

ต้องรอให้ตำรวจเป็นแบบโรโบคอป หรือจั๊ดเดรด นั่นล่ะครับ
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Mon Jun 15, 2009 7:54 pm

มาต่อเรื่องความสามารถในการชำระหนี้อีกรอบนะครับ

สมมุติว่าการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเหล้า+บุหรีที่ผ่านมา-
ไม่ทำให้ได้เงินภาษีมากขึ้นเลยก็แล้วกัน :D

มาเริ่มต้นจากรายได้รัฐบาลไทย ที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ
15% ของ GDP
สมมุติว่า GDP ปีนี้อยู่ที่ 9.5 ล้านล้านบาท
จะเก็บภาษีได้ 1.425 ล้านล้านบาท (ถ้าจะใช้เงินมากกว่านี้
ก็คือต้องกู้เงินเพิ่มเติม)


*รายได้ของรัฐบาลจะเติบโตตาม GDP คำนวณแบบง่ายๆ คือ
GDP เพิ่ม 1 แสนล้าน รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่ม 1.5 หมื่นล้าน*


...

สมมุติว่า GDP ของไทยเพิ่มช้ามากแค่ปีละ 2% หรือเพิ่มขึ้น
190,000 ล้านบาท จะทำให้ปี 2553 รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น
28,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2552

ทำนองเดียวกันถ้า GDP ของไทยยังเพิ่มขึ้นช้าๆ 2% เท่าเดิม
ในปี 2554 รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 29,070 ล้านบาท
หรือมากกว่า ปี 2552 ถึง 57,570 ล้านบาท

ปีถัดไปถ้า GDP ยังโต 2% เท่าเดิม รายได้รัฐบาลจะเพิ่มขึ้น
29,651 ล้านบาท หรือมากกว่า ปี 2552 ถึง 87,221 ล้านบาท

เฉพาะรายได้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นช่วงปี 2553 - 2555 นี้
ก็มากถึง 173,291 ล้านบาท แล้วครับ ทั้งที่ใช้สมมุติฐาน
ว่า GDP จะเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 2%


ถ้า GDP เติบโตที่ 3% รายได้รัฐบาล ช่วงปี 2553-2555
จะเพิ่มขึ้นรวม 261,668 ล้านบาท!!

ถ้า GDP เติบโตที่ 4% รายได้รัฐบาล ช่วงปี 2553-2555
จะเพิ่มขึ้นรวม 351,211 ล้านบาท!!!


และความจริงไม่แปลกที่ GDP จะเติบโต 5% ต่อปีด้วยซ้ำ
ขณะที่ตัวเลข GDP เติบโตปีละ 2% น่าจะต่ำเกินจริง


...

กลับมาที่สมมุติฐาน GDP โตแ่ค่ปีละ 2% ถ้าเป็นแบบนี้-
รัฐบาลก็ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วง ปี 2553-2559 รวม 7 ปี
มากกว่า 8.3 แสนล้านบาท (28500 +57570 +87221
+117466 +148315 +179781 +211877 = 830731)


ถ้า GDP โตที่ปีละ 3% รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วงปี
2553-2558 รวม 6 ปี มากกว่า 9.4 แสนล้านบาท

ถ้า GDP โตที่ปีละ 4% รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วงปี
2553-2557 รวม 5 ปี มากกว่า 9 แสนล้านบาท


ขอย้ำว่าไม่แปลกที่ GDP ประเทศไทยจะเติบโต 5% ต่อปี
ขณะที่ตัวเลข GDP เติบโตปีละ 2% น่าจะต่ำเกินจริงนะครับ


...

จากการประเมินง่ายๆ นี้ คิดว่าอย่างเร็วภายใน 5 ปี
หรืออย่างช้าไม่เกิน 10 ปี ประเทศไทยน่าจะสามารถ
ชำระหนี้เงินกู้ 8 แสนล้านรวมดอกเบี้ยได้หมดนะครับ

ผมไม่เห็นว่ารัฐบาลจะต้องคิดมากเรื่องหาเงินจ่ายคืน
สำหรับโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 เลยครับ
:D
Last edited by jerasak on Mon Jun 15, 2009 8:57 pm, edited 1 time in total.
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Canthai » Mon Jun 15, 2009 8:11 pm

ผ่านพรก. วันนี้ กับ อีก 1 พรบ. ผ่าน สว. อีกด่าน

ผ่านงบประมาณประจำปี 2553 ที่ ปชป.ทำเองกับมือ

เที่ยวนี้ รากหญ้าลืมทักษิณ ในทันที
User avatar
Canthai
 
Posts: 14925
Joined: Fri Oct 24, 2008 3:47 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby bangkaa » Mon Jun 15, 2009 8:47 pm

คุณ Jerasak....


ข้อมูล เพียบอีกแล้ว...

นับถือ นับถือ.....
มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ...
User avatar
bangkaa
 
Posts: 1473
Joined: Sun Oct 19, 2008 12:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby ไอดิน » Tue Jun 16, 2009 12:33 am

พึ่งสมัครเข้ามาใหม่ครับ ข้อมูลเน้นมาก คุณ Jerasak หาข้อมูลจากไหนครับ ผม search google เจอแต่ข่าวสั้นๆ ไม่เจอยาว ละเอียดแบบนี้เลย ขอบคุณครับ
User avatar
ไอดิน
 
Posts: 5
Joined: Mon Jun 15, 2009 8:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Tue Jun 16, 2009 10:19 am

กำลังจะออกไปทำธุระแล้วครับ แวะมาฝาก พรก.กู้เงิน 7.8 แสนล้าน สมัยทักษิณ 1 ไว้ให้ดูเล่นนะครับ :D

สมัยทักษิณ (พ.ศ.2545) เป็นการกู้เงินที่ไม่เกิดการลงทุนอะไรเพราะเอาไปโปะกองทุนฟื้นฟูฯ หลังจากที่
เข้ามารับตำแหน่งได้ปีเศษๆ โดยก่อนหน้านั้นในปี 2541 หลังวิกฤติเศรษฐกิจ รัฐบาลชวน 2 เคยออก พรก.
กู้เงิน 5 แสนล้านโปะหนี้กองทุนฟื้นฟู และในปี 2543 รัฐบาลชวน 2 เคยค้ำประกัน พันธบัตรกองทุนฟื้นฟู
ไว้อีก 1.12 แสนล้านบาท รัฐบาลทักษิณไม่ได้ทำอะไรนอกจากกู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่าเหมือนกัน

สังเกตว่าพอต้องหาเงินมาใช้หนี้จริงๆ คุณทักษิณก็กู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า ไม่ได้เก่งกาจหารายไ้ด้มาล้างหนี้
อย่างที่ชอบคุยโม้บ่อยๆ (ส่วนเรื่องปลดหนี้ IMF ก็อย่างที่เคยคุยกันไว้เยอะแล้วนะครับคือเป็นเงินที่ยืมมาเก็บ
เป็นทุนสำรองตั้งแต่ต้น พอถึงเวลาก็เอาเงินที่เก็บไว้ส่งคืนเขาไปก่อนเวลาเท่านั้นเอง)
:D

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู
และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545


ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2545 เป็นปีที่ 57 ในรัชกาลปัจจุบัน


มาตรา 1 พระราชกำหนดนี้เรียกว่า "พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545"
มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้กระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกู้เงินบาทในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
มูลค่าของการกู้เงินตามวรรคหนึ่งรวมกันต้องไม่เกินเจ็ดแสนแปดหมื่นล้านบาท
มาตรา 4 ในการกู้เงินตามพระราชกำหนดนี้ นอกจากจะกู้โดยทำเป็นสัญญากู้แล้ว ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้โดย การออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นเป็นคราว ๆ ก็ได้
เงินที่ได้จากการกู้ตามวรรคหนึ่ง ให้นำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ในการกู้โดยไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่า ด้วยเงินคงคลัง
มาตรา 5 วงเงิน การจัดการและวิธีการที่เกี่ยวกับการกู้เงินในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
มาตรา 6 การกู้เงินแต่ละคราวต้องรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในหกสิบ วันนับแต่วันทำสัญญากู้หรือ วันออกพันธบัตรหรือตราสารอื่น โดยระบุจำนวนเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และระยะเวลาชำระต้นเงินคืน
มาตรา 7 ในกรณีที่กระทรวงการคลังเห็นสมควรปรับปรุงโครงสร้างหนี้เงินกู้ของกระทรวงการคลังตาม มาตรา 3 หรือขยายระยะ เวลาชำระหนี้ หรือลดภาระหนี้เดิม ให้กระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกู้เงินเพื่อการดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ให้นำ ความใน มาตรา 4 มาตรา 5 และ มาตรา 6 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
จำนวนเงินที่กู้ตามวรรคหนึ่งมิให้นำไปรวมเพื่อคำนวณวงเงินตาม มาตรา 3
มาตรา 8 ให้จัดตั้งบัญชีขึ้นบัญชีหนึ่งในฝ่ายการธนาคารของธนาคารแห่งประเทศไทย เรียกว่า "บัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน" มีวัตถุประสงค์เพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ และต้นเงินกู้ตามพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2543
ในระหว่างการชำระหนี้ต้นเงินกู้ตามวรรคหนึ่ง สินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราหลัง จากการจ่ายเมื่อสิ้นปีให้โอนเข้าบัญชีตามวรรคหนึ่ง โดยไม่ต้องโอนเข้าบัญชีสำรองพิเศษ ทั้งนี้ จนกว่าจะมียอดรวมทั้งหมดเท่ากับต้นเงินกู้ตามวรรคหนึ่ง
มาตรา 9 รายได้ของธนาคารแห่งประเทศไทยอันเป็นสินทรัพย์ในบัญชีตาม มาตรา 8 วรรคหนึ่ง มิให้นำไปจัดสรรเป็นเงินสำรองหรือเป็นเงินนำส่งรัฐตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยหรือกฎหมายอื่นใด และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ดูแลรักษาและจัดการสินทรัพย์ดังกล่าว และแปลงเงินตราต่างประเทศเป็เงินบาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ รวมทั้งให้มีอำนาจจ่ายเงินจากบัญชีดังกล่าวเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) ชำระคืนต้นเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้
(2) ชำระคืนต้นเงินกู้ของพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งกระทรวงการคลังได้ค้ำประกัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2543
เมื่อกระทรวงการคลังเห็นสมควรให้มีการชำระต้นเงินกู้ตามวรรคหนึ่ง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งจ่ายเงินและนำส่งให้แก่กระ ทรวงการคลัง
มาตรา 10 ให้ตั้งเงินรายจ่ายเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ตามพระราชกำหนดนี้ไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี เว้นแต่ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องชำระในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ให้ชำระจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
มาตรา 11 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายมีอำนาจดำเนินการกู้เงิน ให้เป็นไปตามพระราชกำหนดนี้
มาตรา 12 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

*หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกำหนดฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยได้ประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงินอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา อันมีผลกระทบต่อความมั่นใจในสถาบันการเงินและระบบการเงินของประเทศ รัฐบาลในขณะนั้นและในเวลาต่อมาได้ดำเนิน มาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ดังกล่าว และเพื่อรักษาเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน อาทิเช่น การเสริมสภาพคล่องแก่สถาบันการเงิน การให้ประกัน และความช่วยเหลือแก่ผู้ฝากเงินและเจ้าหนี้ของสถาบันการเงิน การเข้ารับชำระหนี้แทนสถาบันการเงิน การเพิ่มทุนของสถาบันการเงิน ตลอดจนการเข้าดำเนินการเกี่ยวกับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือสินทรัพย์ที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสถาบันการเงิน เป็นต้น ในการนี้ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นหน่วยงานซึ่งต้องรับผิดชอบและรับภาระทางการเงินในการดำเนิน มาตรการดังกล่าว จนกระทั่งสถานะทางการเงินแก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเกิดความเสียหายขึ้น และแม้ว่าจะได้มีการตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา ระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 เพื่อชดใช้ความเสียหายและปรับโครงสร้างแหล่งเงินทุนของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในวงเงิน ห้าแสนล้านบาท และรัฐบาลค้ำประกันแก่พันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2543 โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยจำนวนหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่หมดสิ้น สมควรกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง โดยกระทรวงการคลังรับภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น และธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ชำระคืนต้นเงินกู้ และโดยที่เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ในอันทึ่จะรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็น ต้องตราพระราชกำหนดนี้

http://www.kodmhai.com/m4/m4-20/n29/m1-12.html
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Tue Jun 16, 2009 10:33 am

ไอดิน wrote:พึ่งสมัครเข้ามาใหม่ครับ ข้อมูลเน้นมาก คุณ Jerasak หาข้อมูลจากไหนครับ ผม search google เจอแต่ข่าวสั้นๆ ไม่เจอยาว ละเอียดแบบนี้เลย ขอบคุณครับ


ผมก็อาศัยหาดูเอาตามเว็บหนังสือพิมพ์กับ
เว็บของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องครับ
ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ

แต่ถ้าเจอข้อมูลน่าสนใจก็จะ save เก็บไ้ว้
อาศัยหาเอาจาก google บางทีก็ไม่เจออีก
เพราะข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเปลี่ยนบ่อยครับ

แวะมาตอบสั้นๆ ต้องไปทำธุระแล้วครับ :D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Tue Jun 16, 2009 11:51 am

รบกวนคุณจี ถ้าหากมีเวลา รบกวนทำเป็นบทความ ทักษิณก็กู้ ให้พวกเราด้วยนะครับ
จะได้มีระเบียบวิธีในการให้ข้อมูลกัเสื้อแดงครับ

ขอบคุณครับ
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby silance mobius » Tue Jun 16, 2009 12:13 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:รบกวนคุณจี ถ้าหากมีเวลา รบกวนทำเป็นบทความ ทักษิณก็กู้ ให้พวกเราด้วยนะครับ
จะได้มีระเบียบวิธีในการให้ข้อมูลกัเสื้อแดงครับ

ขอบคุณครับ


มีสรุปแบบนี้ได้ป่ะ (ไปได้มาจาก อะไรกันนักกันหนา (2))

อะไรกันนักกันหนา (2)

ผมทิ้งประเด็นเป็นคำถามเอาไว้เมื่อวานนี้ว่าการที่รัฐบาลคุณ อภิสิทธิ์จะออกกฎหมาย 2 ฉบับ เพื่อกู้เงินใหม่จำนวนรวมกัน 800,000 ล้านบาทนั้น

เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมากขนาดไหน

คำตอบก็คือ ใหญ่และสำคัญมากจริงๆ แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ประการใด


คราวนี้เพื่อให้คุณๆ ที่ติดตามฟังการอภิปรายของบรรดา ส.ส.และ ส.ว.จำนวนไม่น้อย แม้จะไม่ทั้งหมดที่คงจะพูดซ้ำซากน่าเบื่อหน่ายวนไปเวียนมา เพราะไปเสียเวลาถกเถียงกันเรื่องที่มิใช่เป็นประเด็นเป็นสำคัญและเมื่อถก เถียงถึงประเด็นที่เป็นปัญหาก็จะดำน้ำออกทะเลเป็นสำคัญนั้น อยากจะคุยและให้ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการพิจารณาของคุณๆ แบบนี้ครับ

หลักใหญ่ใจความเรื่องที่รัฐบาลจะกู้เงินนั้น ถ้าหากไม่เอาเรื่องธนาคารแห่งประเทศไทยต้องไปกู้เงินจากกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจการเงินแล้วล่ะก็ การกู้เงินของรัฐบาลไทยมีกรอบต้องทำตามกฎหมายหลักๆ อย่างน้อย 2 ฉบับ

หนึ่ง พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2543) สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้จะมุ่งไปที่การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบ ประมาณรายจ่ายประจำปี

กู้เป็นเงินบาทเท่านั้นครับ

สอง พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้มุ่งเน้นไปที่การดูแลภาพรวมการก่อและบริหารหนี้ สาธารณะทั้งการกู้เงิน ค้ำประกันและบริหารจัดการคืนต้นเงินกู้ที่กู้มาของรัฐบาลทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตให้เรียบร้อย

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นกฎหมายที่เปิดช่องให้รัฐบาลกู้เงินจากแหล่ง เงินในต่างประเทศหรือก่อหนี้ต่างประเทศ โดยกำหนดเอาไว้ว่าแต่ละปีจะก่อหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย

ว่ากันว่ากฎหมายฉบับนี้ต้องการคุมเข้มการก่อหนี้ของรัฐบาลอีกชั้นหนึ่งครับ

พ้นจากนี้ไปแล้ว รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังที่ดูแลการก่อหนี้ของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่ เป็นภาระให้รัฐบาลต้องชดใช้ด้วยการตั้งงบชำระคืนหนี้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ยไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่สามารถทำได้โดยไม่ละเมิดกฎหมาย

แต่เรื่องราวในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ครับ

ในเมื่อกฎหมายที่มีอยู่ไม่เปิดช่องให้ทำได้เช่นนี้ ถามว่าถ้ารัฐบาลต้องการจะกู้เงินนอกเหนือจากนี้จะทำอย่างไร คำตอบก็ง่ายและตรงไปตรงมา

ออกเป็นกฎหมายใหม่ให้อำนาจกู้เงินแบบเฉพาะกิจได้สิครับ

ผมไปลองค้นดูว่า ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาประกอบด้วย 2 รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคือรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กับรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ล้วนแต่เคยเดินบนเส้นทางพิเศษเช่นที่ว่ามาแล้วด้วยกันทั้งคู่

ไม่มีใครดีไปกว่าใครในเรื่องนี้ครับ

รัฐบาลคุณชวน หลีกภัย ออก พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายวันที่ 7 พฤษภาคม 2541
กู้ไป 500,000 ล้านบาท ป่านนี้ยังใช้คืนเงินต้นใช้และดอกเบี้ยกันไม่หมดเลยครับ

ไม่แต่เพียงเท่านั้น รัฐบาลคุณชวนยังออก พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. 2541 มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายวันที่ 7 พฤษภาคม 2541 กู้ไปอีก 200,000 ล้านบาท ไม่รู้ว่าบัดนี้ใช้คืนเงินต้นและดอกเบี้ยหมดแล้วหรือยัง ยังไม่หมดครับ รัฐบาลคุณชวนยังออก พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของระบบ สถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายวันที่ 22 สิงหาคม 2541

กู้ไปอุ้มแบงก์ 300,000 ล้านบาท ไม่รู้ว่าใช้คืนเงินต้นและดอกเบี้ยหมดหรือยังเช่นกัน

แต่อย่าเพิ่งไปว่าคุณชวนดีแต่กู้คนเดียว เพราะตกมาสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยของคุณทักษิณ ชินวัตร ก็เอากับเขาด้วยเหมือนกัน

รัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร ออก พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อ ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2545

กู้ไป 780,000 ล้านบาท ป่านนี้ยังใช้คืนเงินต้นและดอกเบี้ยไม่หมดอีกเช่นกันครับ

อันที่จริงรัฐบาลคุณทักษิณนี้ยังมีกรณีพิสดารด้วยการออก พระราชกำหนดโอนสินทรัพย์บางส่วนในบัญชีสำรองพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยเงินตรา พ.ศ. 2545 มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายวันที่ 24 มิถุนายน 2545 เป็นการล้วงหรือจกเงินจากบัญชีสำรองพิเศษในทุนสำรองเงินตราไปล้างหนี้ล้าง สินให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอีก 165,000 ล้านบาท เป็นกรณีพิเศษ

ด่ากันไปโต้กันมาระวังเข้าตัวไม่รู้ด้วยนะเอ้อ


Tags : เงินกู้
Şįłäŋçé Möbiüş ® (愛しているよ!)™

บางสิ่งบางอย่าง"ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ"
User avatar
silance mobius
 
Posts: 4168
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:19 am
Location: Blue Planet

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby overtherainbow » Tue Jun 16, 2009 12:20 pm

สังเกตว่าพอต้องหาเงินมาใช้หนี้จริงๆ คุณทักษิณก็กู้หนี้ใหม่มาโปะหนี้เก่า ไม่ได้เก่งกาจหารายไ้ด้มาล้างหนี้
อย่างที่ชอบคุยโม้บ่อยๆ (ส่วนเรื่องปลดหนี้ IMF ก็อย่างที่เคยคุยกันไว้เยอะแล้วนะครับคือเป็นเงินที่ยืมมาเก็บ
เป็นทุนสำรองตั้งแต่ต้น พอถึงเวลาก็เอาเงินที่เก็บไว้ส่งคืนเขาไปก่อนเวลาเท่านั้นเอง) :D
ขออนุญาตตัดแปะเป็นการชั่วคราวค่ะ :D
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby ไอดิน » Tue Jun 16, 2009 1:23 pm

ขอเสริมข้อมูลหน่อยนะครับ

แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของรัฐบาล จะแบ่งเป็น 3ส่วน

วิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ เปรียบเสมือนไฟกำลังไหม้บ้านของเราอยู่ ในขณะที่คนทั้งครอบครัวกำลังอยู่ในบ้าน ดังนั้นภารกิจสำคัญของรัฐบาลในฐานะหัวหน้าครอบครัวจึงมีอยู่ 3 ประการ 1) ช่วยเหลือคนที่อยู่ในบ้าน 2) เร่งดับไฟ และ 3) ซ่อมแซมหรือสร้างบ้านใหม่ ทั้งนี้ รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ 3 ประการ เพื่อรองรับรับผลกระทบ และพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ตามแนวทางข้างต้น

ยุทธศาสตร์ที่ 1 “ช่วยเหลือคนที่อยู่ในบ้าน”
ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำและกลุ่มผู้สูงอายุอย่างเร่งด่วน

ยุทธศาสตร์ที่ 2 “เร่งดับไฟ”
กระตุ้นความต้องการภายในประเทศในทุก ๆ ด้านทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยเน้นการเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ เพื่อสร้างงานและพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรง

ยุทธศาสตร์ที่ 3 “ซ่อมแซมหรือสร้างบ้านใหม่”
เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
(ตอนนี้เราอยู่ระยะนี้ครับ และเงินกู้ในแผนไทยเข้มแข็ง 2555 ก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาวครับ)

อ่านต่อที่
http://www.chuaichart.com
User avatar
ไอดิน
 
Posts: 5
Joined: Mon Jun 15, 2009 8:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby someone » Tue Jun 16, 2009 6:04 pm

ข้อมูลคุณ jerasak แน่นๆ ยังงี้ ทำเอาเสื้อแดงหมดคำถามเลย

ขอก๊อบข้อมูลไปให้เพื่อนเสื้อแดง(อ่อน)ของผมอ่านดีกว่า มันจะได้รู้ว่าทักกี้ก็เคยกู้เกือบล้านล้านมาก่อนเหมือนกัน :lol:
User avatar
someone
 
Posts: 752
Joined: Thu Feb 19, 2009 6:27 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby จะบ้าตาย » Wed Jun 17, 2009 8:47 am

ดันหน่อย...............ร่วงเร็วจัง :mrgreen:
User avatar
จะบ้าตาย
 
Posts: 1317
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:41 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Neoconservative » Wed Jun 17, 2009 9:11 am

jerasak wrote:มาต่อเรื่องความสามารถในการชำระหนี้อีกรอบนะครับ

สมมุติว่าการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเหล้า+บุหรีที่ผ่านมา-
ไม่ทำให้ได้เงินภาษีมากขึ้นเลยก็แล้วกัน :D

มาเริ่มต้นจากรายได้รัฐบาลไทย ที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ
15% ของ GDP
สมมุติว่า GDP ปีนี้อยู่ที่ 9.5 ล้านล้านบาท
จะเก็บภาษีได้ 1.425 ล้านล้านบาท (ถ้าจะใช้เงินมากกว่านี้
ก็คือต้องกู้เงินเพิ่มเติม)


*รายได้ของรัฐบาลจะเติบโตตาม GDP คำนวณแบบง่ายๆ คือ
GDP เพิ่ม 1 แสนล้าน รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่ม 1.5 หมื่นล้าน*


...

สมมุติว่า GDP ของไทยเพิ่มช้ามากแค่ปีละ 2% หรือเพิ่มขึ้น
190,000 ล้านบาท จะทำให้ปี 2553 รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น
28,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2552

ทำนองเดียวกันถ้า GDP ของไทยยังเพิ่มขึ้นช้าๆ 2% เท่าเดิม
ในปี 2554 รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 29,070 ล้านบาท
หรือมากกว่า ปี 2552 ถึง 57,570 ล้านบาท

ปีถัดไปถ้า GDP ยังโต 2% เท่าเดิม รายได้รัฐบาลจะเพิ่มขึ้น
29,651 ล้านบาท หรือมากกว่า ปี 2552 ถึง 87,221 ล้านบาท

เฉพาะรายได้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นช่วงปี 2553 - 2555 นี้
ก็มากถึง 173,291 ล้านบาท แล้วครับ ทั้งที่ใช้สมมุติฐาน
ว่า GDP จะเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 2%


ถ้า GDP เติบโตที่ 3% รายได้รัฐบาล ช่วงปี 2553-2555
จะเพิ่มขึ้นรวม 261,668 ล้านบาท!!

ถ้า GDP เติบโตที่ 4% รายได้รัฐบาล ช่วงปี 2553-2555
จะเพิ่มขึ้นรวม 351,211 ล้านบาท!!!


และความจริงไม่แปลกที่ GDP จะเติบโต 5% ต่อปีด้วยซ้ำ
ขณะที่ตัวเลข GDP เติบโตปีละ 2% น่าจะต่ำเกินจริง


...

กลับมาที่สมมุติฐาน GDP โตแ่ค่ปีละ 2% ถ้าเป็นแบบนี้-
รัฐบาลก็ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วง ปี 2553-2559 รวม 7 ปี
มากกว่า 8.3 แสนล้านบาท (28500 +57570 +87221
+117466 +148315 +179781 +211877 = 830731)


ถ้า GDP โตที่ปีละ 3% รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วงปี
2553-2558 รวม 6 ปี มากกว่า 9.4 แสนล้านบาท

ถ้า GDP โตที่ปีละ 4% รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วงปี
2553-2557 รวม 5 ปี มากกว่า 9 แสนล้านบาท


ขอย้ำว่าไม่แปลกที่ GDP ประเทศไทยจะเติบโต 5% ต่อปี
ขณะที่ตัวเลข GDP เติบโตปีละ 2% น่าจะต่ำเกินจริงนะครับ


...

จากการประเมินง่ายๆ นี้ คิดว่าอย่างเร็วภายใน 5 ปี
หรืออย่างช้าไม่เกิน 10 ปี ประเทศไทยน่าจะสามารถ
ชำระหนี้เงินกู้ 8 แสนล้านรวมดอกเบี้ยได้หมดนะครับ

ผมไม่เห็นว่ารัฐบาลจะต้องคิดมากเรื่องหาเงินจ่ายคืน
สำหรับโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 เลยครับ
:D


การคาดการของ พี่ jerasak เป็นการมองโลกในแง่ดี ซึ่ง ก็ เป็นเรื่องที่ดี ที่ทุกคนอยากให้เป็นเช่นนั้น

การใช้หนี้ โดยใช้เวลา ไม่เกิน 5 - 10 ปี เป็น อะไร ที่เราอยากให้เกิดขึ้น

พี่ jerasak แค่ คำนวน ว่า ใช้หนี้ 8 แสนล้าน ไม่นานหรอก

แต่พี่ jerasak ยังไม่ได้รวม หนี้ สาธารณะทั้งหมด ที่เรามี อยู่ คือ 3.7 ล้านล้านบาท บวกกับหนี้ ที่รัฐบาลกำลังจะสร้างเพิ่ม อีก 1.47 ล้านล้านบาท ซึ่งรวม 8 แสนล้านนี้ไปด้วย

รวมถึงลักษณะการชำระหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ที่รัฐบาลไทย ชำระมาในอดีต ซึ่งก็ไม่เกิน ปีละ 1 แสน 5 หมื่นล้านบาท

ซึ่งคำนวนจาก ลักษณะ การชำระหนี้ ของรัฐบาลไทย ที่ ปีละ 1.5 แสนล้าน กับ ยอดหนี้ สาธารณะ ทั้งหมด ที่รัฐบาลกำลังจะสร้าง คือ 5 ล้านล้าน บาท [ถ้าดอกเบี้ยเงินกู้ คิดที่ 1% ต่อปี เท่ากับ 50,000 ล้านบาท]

รัฐบาลไทย ต้องชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ย ไปอีกอย่างน้อย 50 ปี แต่ถ้าดอกเบี้ย 5% อาจจะต้องใช้เวลาชำระ เป็น 100 ปี
...........................................

และในทางปฏิบัติ ก็ ขัดกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ประชาธิปัตย์ อ้างว่า ยึดถือมาโดยตลอด

มีน้อย ใช้ น้อย มีมากใช้มาก ที่เคยไปด่า ระบอบ ทักษิณ ปาวๆ

วันนี้ ปชป. ทำสิ่ง ที่ด่าเค้าไว้ ทุกอย่าง

มันน่าชื่นชมจริงๆ
Reality Check. Base on Fact and Truth. ......"The Red Ally".......
User avatar
Neoconservative
 
Posts: 840
Joined: Wed Nov 12, 2008 1:00 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Kamo » Wed Jun 17, 2009 10:01 am

เจอเทพนีโอเข้าไป อึ้งเลย

ตัวเลขก็มั่ว คำนวณยิ่งแล้วใหญ่ 5555555 คำนวณดอกเบี้ยยิ่งหนัก เค้าค่อยๆกู้ 3 ปี ไม่ใช่กู้ที่เดียว

พรบ ดังกล่าว เป็นการประมาณการ ยังมีเอกชนที่อยากลงทุนร่วมอีก ของจริงรัฐจ่ายไม่ถึง 1.47 ล้านล้านบาท

โครงการรถไฟฟ้า รถไฟ รัฐบาลเป็นคนใช้หนี้ เหรอครับ ลองคิดดูหน่อยสิครับ ?

GDP ขยายตัวทุกปี รัฐจ่ายหนี้ได้ในอัตราเท่าเดิม เพี้ยนป่าวครับ

ในแต่ละปีรายจ่ายของรัฐบาลมีสองส่วน รายจ่ายประจำ กับ รายจ่ายงบลงทุน ถ้ารัฐหยุดลงทุนหลังปี 55 จะเอางบลงทุนไปทำอะไรดีเอ่ย ?

พอแค่นี้ก่อน.......อิอิ
User avatar
Kamo
 
Posts: 245
Joined: Mon Apr 20, 2009 3:38 pm

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Wed Jun 17, 2009 11:34 am

Neoconservative wrote:การคาดการของ พี่ jerasak เป็นการมองโลกในแง่ดี ซึ่ง ก็ เป็นเรื่องที่ดี ที่ทุกคนอยากให้เป็นเช่นนั้น

การใช้หนี้ โดยใช้เวลา ไม่เกิน 5 - 10 ปี เป็น อะไร ที่เราอยากให้เกิดขึ้น

พี่ jerasak แค่ คำนวน ว่า ใช้หนี้ 8 แสนล้าน ไม่นานหรอก

แต่พี่ jerasak ยังไม่ได้รวม หนี้ สาธารณะทั้งหมด ที่เรามี อยู่ คือ 3.7 ล้านล้านบาท บวกกับหนี้ ที่รัฐบาลกำลังจะสร้างเพิ่ม อีก 1.47 ล้านล้านบาท ซึ่งรวม 8 แสนล้านนี้ไปด้วย

รวมถึงลักษณะการชำระหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ที่รัฐบาลไทย ชำระมาในอดีต ซึ่งก็ไม่เกิน ปีละ 1 แสน 5 หมื่นล้านบาท

ซึ่งคำนวนจาก ลักษณะ การชำระหนี้ ของรัฐบาลไทย ที่ ปีละ 1.5 แสนล้าน กับ ยอดหนี้ สาธารณะ ทั้งหมด ที่รัฐบาลกำลังจะสร้าง คือ 5 ล้านล้าน บาท [ถ้าดอกเบี้ยเงินกู้ คิดที่ 1% ต่อปี เท่ากับ 50,000 ล้านบาท]

รัฐบาลไทย ต้องชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ย ไปอีกอย่างน้อย 50 ปี แต่ถ้าดอกเบี้ย 5% อาจจะต้องใช้เวลาชำระ เป็น 100 ปี


คุณ Neoconservative ครับ :D

เรากำลังพูดถึง ความคุ้มค่า ความสมเหตุสมผล ของการกู้เงินในกรอบ 8 แสนล้านบาทครั้งนี้
ว่าจะเกิดผลดีอย่างไรกับประเทศบ้าง และในส่วนของการกู้เงินครั้งนี้เราจะสามารถชำระหนี้
ได้ภายในเวลาเท่าไหร่ ซึ่งผมก็คำนวณว่าสามารถทำได้อย่างเร็ว 5 ปี อย่างช้าไม่เกิน 10 ปี

แต่คุณ Neoconservative พยายามลากโยงเอายอดหนี้สะสมทั้งหมดในประวัติศาสตร์ไทย
มาคุยรวมกันไปด้วย ซึ่งถ้าอยากมองแบบนั้นก็คงมองได้เหมือนกัน แต่ผมไม่คิดว่าจะทำให้-
ข้อสรุปของผมเปลี่ยนแปลงไป เพราะประเทศไทยก็ยังคงมีความสามารถรับภาระได้อยู่ดี

ผมคิดว่าที่คุณ Neoconservative โต้แย้งผม อาจเพราะไม่เห็นภาพรวมของรายได้ภาครัฐ
ที่จะเพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีจากการขยายตัวของ GDP ก็เลยลองคำนวณให้ดูเพิ่มเติมนะครับ
:idea:

...

สมมุติว่า 10 ปีข้างหน้า (ปี 2553-2562) เศรษฐกิจขยายตัวแค่ปีละ 2% และรายได้ภาครัฐอยู่ที่
15% ของ GDP เริ่มที่ GDP ปี 52 อยู่ที่ 9.5 ล้านล้านบาท รายได้ภาครัฐ 1.425 ล้านล้านบาท

ปี 52 : GDP .... 9,500,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,425,000 ล้านบาท
ปี 53 : GDP .... 9,690,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,453,500 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 28,500 ล้านบาท
ปี 54 : GDP .... 9,883,800 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,482,570 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 57,570 ล้านบาท
ปี 55 : GDP .. 10,081,476 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,512,221 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 87,221 ล้านบาท
ปี 56 : GDP .. 10,283,106 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,542,466 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 117,466 ล้านบาท
ปี 57 : GDP .. 10,488,768 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,573,315 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 148,315 ล้านบาท
ปี 58 : GDP .. 10,698,543 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,604,781 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 179,781 ล้านบาท
ปี 59 : GDP .. 10,912,514 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,636,877 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 211,877 ล้านบาท
ปี 60 : GDP .. 11,130,764 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,669,615 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 244,615 ล้านบาท
ปี 61 : GDP .. 11,353,379 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,703,007 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 278,007 ล้านบาท
ปี 62 : GDP .. 11,580,447 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,737,067 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 312,067 ล้านบาท


จะเห็นว่าเพียงเศรษฐกิจขยายตัวปีละ 2% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีจะสะสมรวมกันกว่า 1.6 ล้านล้านบาท

28500+57570+87221+117466+148315+179781+211877+244615+278007+312067+1665419 = 1,665,419

เนื่องจากผมไม่มีเวลาพิมพ์รายละเอียดกรณี GDP ขยายตัวเกิน 2% ก็ขอสรุปเป็นตัวเลขรายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น
ณ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่างๆ นะครับ

GDP ขยายตัว 2.0% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้า จะสะสมรวมกัน 1,665,419 ล้านบาท
GDP ขยายตัว 2.5% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้า จะสะสมรวมกัน 2,113,939 ล้านบาท
GDP ขยายตัว 3.0% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้า จะสะสมรวมกัน 2,576,109 ล้านบาท
GDP ขยายตัว 3.5% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้า จะสะสมรวมกัน 3,052,338 ล้านบาท
GDP ขยายตัว 4.0% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้า จะสะสมรวมกัน 3,543,051 ล้านบาท
GDP ขยายตัว 4.5% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้า จะสะสมรวมกัน 4,048,680 ล้านบาท
GDP ขยายตัว 5.0% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีข้างหน้า จะสะสมรวมกัน 4,569,672 ล้านบาท


...

จากผลการคำนวณข้างบนผมไม่เห็นด้วยกับสมมุติฐานของคุณ Neoconservative ที่ว่า ..

"รัฐบาลไทยต้องชำระหนี้+ดอกเบี้ยไปอีกอย่างน้อย 50 ปี แต่ถ้าดอกเบี้ย 5% อาจต้องใช้เวลาชำระเป็น 100 ปี"

ตรงข้ามคือแม้จะคิดเงินต้นที่ 5 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 52 (ซึ่งตัวเลขจริงไม่สูงขนาดนี้) ที่อัตราดอกเบี้ย 5%
(ภาระดอกเบี้ยปีละ 2.5 แสนล้านบาท) เมื่อรวมกับความสามารถเดิมในการชำระหนี้ปีละ 1.5 แสนล้านบาท
รัฐบาลจะมีความสามารถในการชำระหนี้ในรอบ 10 ปีข้างหน้าตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่างๆ ดังนี้

GDP ขยายตัว 2.0% รัฐบาลมีความสามารถตัดยอดเงินต้น ได้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท
GDP ขยายตัว 3.0% รัฐบาลมีความสามารถตัดยอดเงินต้น ได้ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
GDP ขยายตัว 4.0% รัฐบาลมีความสามารถตัดยอดเงินต้น ได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาท
GDP ขยายตัว 5.0% รัฐบาลมีความสามารถตัดยอดเงินต้น ได้ประมาณ 4 ล้านล้านบาท


ตามธรรมดาของวงจรเศรษฐกิจ หลังจากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกก็จะมีการฟื้นตัว
และขยายตัวไปอีก 10 ปี :idea:

*ถ้าผมมองโลกในแง่ดีจริงๆ ประเทศไทยสามารถใช้หนี้ทั้งหมด ได้ภายใน 10 ปีด้วยซ้ำ
เมื่อคิดจากยอดหนี้ 5 ล้านล้านบาท ตามที่คุณ Neoconservative อ้าง*


ผมต้องไปทำธุระต่อแล้วครับ ฝากข้อมูลไว้ให้พิจารณาเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน :D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby jerasak » Wed Jun 17, 2009 12:12 pm

Neoconservative wrote:และในทางปฏิบัติ ก็ ขัดกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ประชาธิปัตย์ อ้างว่า ยึดถือมาโดยตลอด

มีน้อย ใช้ น้อย มีมากใช้มาก ที่เคยไปด่า ระบอบ ทักษิณ ปาวๆ

วันนี้ ปชป. ทำสิ่ง ที่ด่าเค้าไว้ ทุกอย่าง

มันน่าชื่นชมจริงๆ


อดไม่ได้ต้องแวะมาตอบเพิ่มเติมอีกประเด็น :D

การประหยัดค่าใช้่จ่ายสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงครับ
แต่การไม่ยอมลงทุนในเรื่องที่ควรลงทุนต่างหากที่ขัดหลักการ
ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

*ปัญหาของประเทศไทยตอนนี้คือค่าใช้จ่ายสูงเกินไป แต่ลงทุนน้อยเกินไป
และที่สำคัญคือโครงสร้างพื้นฐานของเรามีไม่พอเพียงกับการพัฒนาประเทศ*


อย่าตีความเศรษฐกิจพอเพียงแบบผิดๆ ครับ ถ้าตีความแบบนั้นเราก็ไม่ต้อง-
ตัดถนนไม่ต้องใช้รถยนต์ ไม่ต้องมีทางรถไฟ ไม่ต้องมีสนามบิน และไม่ต้อง-
มีโทรศัพท์ด้วย จะทำอะไรก็เดินเอา จะส่งข่าวสารก็ใช้วิธีค่อยๆ เดินไปบอก
โรงพยาบาลก็ไม่ต้องมี เวลาป่วยก็เข้าป่าไปหาสมุนไพร ไม่ต้องพัฒนาอะไร
อยู่กันเป็นคนป่าคนถ้ำแบบหลายพันปีที่แล้ว

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ต่อต้านการพัฒนาครับ และไม่ได้ต่อต้าน
การลงทุนแบบหลับหูหลับตา อย่าตีความเศรษฐกิจพอเพียงแบบผิดๆ ครับ :idea:

โพสต์สั้นๆ เท่านี้ก่อนนะครับ ดึกๆ คงจะแวะมาดูกระทู้อีกที :D
== นักฝันมีชิวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
User avatar
jerasak
 
Posts: 1803
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:22 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby 55555 » Wed Jun 17, 2009 12:31 pm

สมมุติว่า 10 ปีข้างหน้า (ปี 2553-2562) เศรษฐกิจขยายตัวแค่ปีละ 2% และรายได้ภาครัฐอยู่ที่
15% ของ GDP เริ่มที่ GDP ปี 52 อยู่ที่ 9.5 ล้านล้านบาท รายได้ภาครัฐ 1.425 ล้านล้านบาท



ปี 52 : GDP .... 9,500,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,425,000 ล้านบาท
ปี 53 : GDP .... 9,690,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,453,500 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 28,500 ล้านบาท
ปี 54 : GDP .... 9,883,800 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,482,570 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 57,570 ล้านบาท
ปี 55 : GDP .. 10,081,476 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,512,221 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 87,221 ล้านบาท
ปี 56 : GDP .. 10,283,106 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,542,466 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 117,466 ล้านบาท
ปี 57 : GDP .. 10,488,768 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,573,315 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 148,315 ล้านบาท
ปี 58 : GDP .. 10,698,543 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,604,781 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 179,781 ล้านบาท
ปี 59 : GDP .. 10,912,514 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,636,877 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 211,877 ล้านบาท
ปี 60 : GDP .. 11,130,764 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,669,615 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 244,615 ล้านบาท
ปี 61 : GDP .. 11,353,379 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,703,007 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 278,007 ล้านบาท
ปี 62 : GDP .. 11,580,447 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,737,067 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 312,067 ล้านบาท

จะเห็นว่าเพียงเศรษฐกิจขยายตัวปีละ 2% รายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปีจะสะสมรวมกันกว่า 1.6 ล้านล้านบาท




ผมฟังคุณกรณ์ ให้สัมภาษณ์ ต่างที่ ต่างเวลา หลายครั้ง....

การประเมินแต่ละครั้ง มักมีมุมมองในแง่ ให้เลวร้ายไว้ก่อน...

แนวคิดยังมีแนวอนุรักษ์นิยมแฝงไว้ด้วย..

ซึ่งดูแล้ว เป็นมืออาชีพ พอควร....ไม่ใช่นักสร้างฝัน แบบคุณทักษิณ...

เสียอย่างเดียว ยังพูดแบบภาษานักวิชาการเกินไป

ทำให้คนที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน...ทำความเข้าใจยาก...คุณกรณ์ ยังมีปัญหาเรื่องการอภิปรายจริง ๆ ....

กรณี ประเมินของคุณจี ฯ ก็เช่นกัน...ผมมองว่า เป็นการประเมินแบบให้ต่ำ ๆ ไว้...

เป็นไปได้ว่า ปี 53 GDP อาจโตเพียง 2 % "......
แต่หลังจาก ปี 54 หรือ อาจจะเริ่มในปี 54 เศรษฐกิจไทยน่าจะเข้าสู่ภาวะปรกติ..

แล้ว GDP ก็จะโตเกินกว่า 2 % แน่นอนครับ...ซึ่งน่าจะทำให้การจัดเก็บรายได้ สูงกว่า ที่ คุณ จี ประเมิน

ความจริง ประเทศไทย ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ รุนแรงแบบทุกวันนี้...หากคนไทย ไม่ไปหลงเชื่อ ท่านมูลเมือง

ก่อหนี้ กันจนท่วมหัว....เพราะ เราไม่ได้มีวิกฤติสถาบันการเงิน...เนื่องจากหลังปี 40 มาตรฐาน การจัดชั้นหนี้ สถาบันการเงิน

สูงเกินความเป็นจริง...ทำให้สถาบันการเงินสามารถรับมือกับเศรษฐกิจโลก....

แต่อย่างว่า ครับ...ประเทศไทย ยังคงต้องพัฒนาไปอีกมาก...การชำระหนี้ คงจะไม่ทำหมดในเวลาอันรวดเร็ว

การออกพันธบัตร เป็นทางเลือกการออม ทางหนึ่งของประชาชน...รัฐบาลก็คงมีการออกพันธบัตรเป็น ระยะ ๆ

เพื่อให้มีทางเลือกในการออม....

ส่วนเรื่องคุณ นีโอ...คุณจี ก็อย่าไปใส่ใจมากเลยครับ...

คุณนีโอเข้าใจทุกอย่างนั่นแหละ.....

คิดซะว่า อธิบายเพื่อน ๆ สมาชิก เข้าใจก็แล้วกันครับ..

55555
 
Posts: 5131
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:29 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Wed Jun 17, 2009 12:36 pm

ตอนนี้ไม่ใช่มีน้อยใช้น้อย แต่มันไม่มีจะให้ใช้

ก็รัฐบาลไหนล่ะที่ทำงบประมาณเกินดุลมหาศาลขนาดนี้ แล้วมาตอนนี้ เศรษฐกิจมันแย่ จัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า แล้วจะให้ทำไง ถ้าไม่กู้เพื่อให้มีเม็ดเงินมาใช้จ่ายตามกรอบวงเงินที่อนุมัติไป
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: ==ข้อมูลการลงทุนในแผนปฏิบัติการ "ไทยเข้มแข็ง 2555"==

Postby Neoconservative » Wed Jun 17, 2009 2:34 pm

ผมก็ อยากให้ประเทศ ใช้หนี้ได้เร็วๆนะครับ อยากให้ GDP มันโต ขึ้นทุกปี ทุกปี อย่างที่ พี่ jerasak ว่า

แต่ในชีวิตจริงมัน ไม่ใช่อ่ะครับ

เอาแค่ ปี 52 ก่อน นะครับ พี่ jerasak ยกตัวอย่าง GDP โต 2% มีรายได้ภาครัฐ (หลักๆมาจากภาษี)

jerasak wrote:ปี 52 : GDP .... 9,500,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,425,000 ล้านบาท
ปี 53 : GDP .... 9,690,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,453,500 ล้านบาท .. เพิ่มจากปี 52 = 28,500 ล้านบาท



จริงๆแล้วตัวเลข GDP ปี 2552 ไม่ถึง 9,500,000 ล้านบาท

Image

ดังนั้น ตัวเลขของ พี่ Jerasak ที่ว่า ปี 52 : GDP .... 9,500,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,425,000 ล้านบาท จึงยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่

ตัวเลขจริงๆ แค่ 9,100,000 ล้านบาท (ตัวเลขจริง สิ้นปี 2551) .. รายได้ภาครัฐ ที่ 15% อยู่ที่ประมาณ 1,365,000 ล้านบาท

พอมาปีนี้ (พ.ศ. 2552)

แต่ในความเป็นจริง ปี 52 นี่ GDP จะติดลบอย่างต่ำ 2.5% ไม่เกิน 3.5% มีคนที่น่าเชื่อถือ เค้าคำนวนไว้นะครับ

Image

ดังนั้น สิ้นปี 2552 GDP จะเหลือ 8,900,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,335,000 ล้านบาท ลดลงจาก 2551 ประมาณ 30,000 ล้านบาท

ซึ่งชัดเจนว่าจะต้องกู้เงินเพิ่มอีก ในปี 2553 เพื่อปิด หีบ ปี 2554 เหมือนที่ กำลังกู้ไปปิดหีบในปัจจุบัน

ซึ่งมีตัวเลข ของ The Economist ออกมาอีกว่า ปี 2553 GDP ไทย จะโตขึ้น แค่ 1.1%

Growth will resume in 2010, with real GDP expanding by 1.1%.
http://www.economist.com/COUNTRIES/Thai ... e-Forecast


ซึ่งก็ใกล้เคียง กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ forecast ว่า ปี 2553 GDP ไทย จะโตขึ้น 1.5%

The BoT also adjusted the economic growth projection in 2010 to1.5
http://english.people.com.cn/90001/9077 ... 42832.html


ส่วน IMF ให้มา 1% ในปี 2553

Image

...............................................

สรุป

ปี 51 GDP อยู่ที่ 9,100,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,365,000 ล้านบาท
ปี 52 GDP อยู่ที่ 8,900,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,335,000 ล้านบาท ลดลงจาก 2551 ประมาณ 30,000 ล้านบาท
ปี 53 GDP อยู่ที่ 9,000,000 ล้านบาท .. รายได้ภาครัฐ 1,355,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2552 ประมาณ 20,000 ล้านบาท (คิดจาก อัตราการโต ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการ 1.5%)

ปี 52 รัฐกู้ 2 แสนล้านปิดหีบ 2553 (กู้ 8 แสนล้าน ใช้ปิดหีบประมาณ 2 แสนล้าน)
ปี 53 รัฐอาจจะต้องกู้เพิ่มอีก 2 แสนล้านเพื่อปิดหีบ ปี 2554

...............................................
Reality Check. Base on Fact and Truth. ......"The Red Ally".......
User avatar
Neoconservative
 
Posts: 840
Joined: Wed Nov 12, 2008 1:00 pm

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron