อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Wed Aug 26, 2009 6:45 pm

อารยา Mon Jul 20, 2009 1:49 pm wrote:Image
สาระสำคัญใน press release ข้างบนบอกว่า ได้มีการ "แก้ปัญหาความตึงเครียด" ในภารกิจของคุณเตช ในฐานะรัฐมนตรีไปแล้ว เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2551



นี่ก็อีกแล้ว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 7&#Comment wrote:” “ชวนนท์” แจงข้อตกลงเขมรแค่ลดตึงเครียด-ไม่เกี่ยวแบ่งดินแดนปราสาทพระวิหาร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 สิงหาคม 2552 13:37 น.

สุดท้ายก็แค่ ทำให้นักการทูตของสองประเทศยังคงคุยกันได้ ส่วนในสถานการณ์ความเป็นจริงที่ทหารของทั้งสองฝ่ายที่ชายแดนต่างเสี่ยงที่จะหันหน้าเข้าฆ่ากัน กลับพยายามไม่กล้าพูดว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญแต่ประการใด
พูดง่ายๆ ร่วมกันสร้างภาพลวงโลกว่า ถ้าการทูตของสองประเทศยังคุยกันได้ สงครามไม่มีทางเกิดขึ้น
ในความเป็นจริง ถ้าถึงขั้นมีได้เสียซึ่งดินแดนของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แล้วการทูตทำได้แค่แก้ความตึงเครียด มันเอาไม่อยู่นะครับ

ฤากระทรวงการต่างประเทศไทยเก่งแต่จะแก้ความตึงเครียด ไม่มีนโยบายเรื่องเขาพระวิหารเป็นชิ้นเป็นอัน
ถ้างั้น วันๆก็คงมีแต่งาน "รูตีน" (routine) ก็สมแล้วกับที่ต้องทำงานตามก้นกระทรวงอื่น และที่ตามก็ไม่ใช่นโยบายอะไร เป็นยุทธวิธี "รูตีน" ครือกัน
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Thu Aug 27, 2009 12:13 pm

ขอคิดด้วยคนนะคะ.. :)

ตามที่คุณ ชวนนท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศชี้แจง ก็พอจะเข้าใจได้ว่า กระทรวงต่างประเทศ กำลังดำเนินการสานต่อนโยบายของ JBC ภายใต้กรอบการเจรจาข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนบริเวณเขาพระวิหาร จุดประสงค์เพื่อลดความตึงเครียด ลดการเผชิญหน้าทางทหาร และเตรียมพื้นที่ให้อยู่ในสภาพพร้อมต่อการทำงานของ JBC ในการสำรวจพื้นที่และจัดทำหลักเขตแดน รายละเอียดตามลิงค์...
http://www.mfa.go.th/190/file8.php

ดิฉันไม่ทราบเนื้อหาในบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ว่ามีเนื้อหาสาระอย่างไร แต่คาดว่าน่าจะมีสาระสำคัญตามกรอบการเจรจาที่ว่า ให้ไทย-กัมพูชา ปรับกำลังของแต่ละฝ่ายออกจากวัดแก้วสิขาคีรีสะวารา พื้นที่รอบวัด และปราสาทพระวิหาร เหลือไว้เพียงชุดติดตามสถานการณ์ทหาร (Military Monitoring Groups) ของแต่ละฝ่ายในจำนวนที่เท่ากัน

แต่หากลองคิดให้รอบคอบขึ้นอีกหน่อย..มีประเด็นอื่นที่ควรหยิบมาพิจารณาด้วยหรือไม่?

จากข้อมูลบทความของ คุณ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คอลัมน์: บันทึก 2552: รัฐบาลขายชาติ!?
http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=225098
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000097019

อ่านดูแล้ว มีประเด็นชวนให้คิด และมีเหตุผลน่ารับฟัง

วัดแก้วสิขาคีรีสะวารา ซึ่งเป็นวัดและชุมชนที่กัมพูชาเข้ามาสร้างรุกล้ำอธิปไตยของไทยติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปีซึ่งทางการไทยเคยส่งหนังสือประท้วง หลายครั้งวันนี้มีสภาพเป็นอย่างไร?

กองกำลังทหารกัมพูชาอยู่กันอย่างหนาแน่นมากขึ้น ชุมชนขยายตัวเพิ่มมากขึ้น บ้านพักอาศัยของทหารกัมพูชาก็ยังอยู่แห่งนั้นที่เป็นผืนแผ่นดินไทย

ถนนที่สร้างเชื่อมจากปราสาทพระวิหารมาถึงวัดแก้วสิขาคีรีสะวาราที่สร้างมา ตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยได้ปล่อยให้ฝ่ายกัมพูชาสร้างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงสมัยรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ทหารไทยถอยร่นมาเรื่อย จนปัจจุบันมีทหารไทยเพียง 10-12 คนที่คอยขึ้นไปบนเขาที่วัดแก้วสิขาคีรีสะวาราตอนเช้าโดยห้ามพกอาวุธทั้งๆ ที่มีทหารและประชาชนชาวกัมพูชาเต็มไปหมด แล้วตอนเย็นก็ต้องกลับมาด้านล่างเขา (ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา) จริงหรือไม่?

แล้วอย่างนี้จะให้เรียกได้อย่างไรว่าราชอาณาจักรไทยรักษาอธิปไตยเอาไว้ได้!


หากสถานะการณ์เป็นอย่างที่คุณปานเทพกล่าว ไทยเราจะยังไว้เนื้อเชื่อใจกัมพูชา ยอมปรับลดกำลังทหารตามกรอบการเจรจาได้หรือไม่?

ความเห็นส่วนตัว ดูเหมือนว่า..ไทยอาจจะสูญเสียฐานที่มั่น หรือชัยภูมิสำคัญด้านการทหาร ตามที่คุณอารยากล่าว หากกัมพูชากลับลำ และเล่นตุกติกกับเราในภายหลัง

ยิ่งในภาวะการณ์ปัจจุบัน ที่กัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและกำลังจัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบตัวปราสาทเพื่อส่งให้คณะกรรมการมรดกโลกในต้นปีหน้านี้ เขาจะมีอะไรหมกเม็ดอยู่หรือไม่? เพราะการทำงานของ JBC ในพื้นที่พิพาท คงไม่สำเร็จลงโดยง่ายแน่ๆ อาจจะยืดเยื้อไปเกินกว่ากำหนดเวลาส่งแผนบริหารฯ ของกัมพูชา / ถ้าให้คิดเผื่ออย่างร้ายๆ คือ ส่งแผนบริหารจัดการ พร้อมใช้กำลังทหารยึดพื้นที่ในเวลาไล่เลี่ยกัน / ไทยเราจะเหลืออะไรให้ต่อรองกับเขาอีก!?

เห็นด้วย ตามที่คุณ ปานเทพ กล่าวว่า สมมติว่าเป็นพื้นที่ที่มีข้อพิพาทกันจริง ก็ต้องไม่มีทหารหรือประชากรของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาศัยอยู่ได้ ดังนั้นถ้าจะให้ JBC ทำงานต่อ นอกจะถอนทหารออกไปจากพื้นที่ทั้งสองฝ่ายแล้ว กัมพูชาควรต้องอพยพชุมชนของตน และรื้อถอนบ้านพักอาศัยออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวด้วย

เพราะไทยเราถือว่านั่นเป็นเขตแดนไทย แม้กัมพูชาจะอ้างสิทธิ์ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีสิทธิ์เข้ามายึดครองเอาดื้อๆ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

^ ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลไทยได้ทำการประท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรมาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่ปี 2547 2548 2550 และครั้งหลังสุดเมื่อเดือนเมษายน 2551 ยืนยันว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในดินแดนของไทย การที่ได้มีชาวกัมพูชาขึ้นไปสร้างวัด สิ่งปลูกสร้างต่างๆ รวมทั้งที่อยู่อาศัย กับทั้งมีทหารอยู่ในพื้นที่นั้น ถือว่าได้ละเมิดอธิปไตยและดินแดนของไทย แต่กัมพูชาไม่เคยตอบสนองคำประท้วงของไทย

ดังนั้น ถ้าจะปรับลดกำลังทหารตามกรอบการเจรจา ก็ควรให้กัมพูชาอพยพคนและรื้อถอนที่อยู่อาศัยออกจากพื้นที่นั้นด้วย..
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Aug 27, 2009 10:55 pm

สวัสดีครับคุณ Jseventh
ความเห็นของคุณไม่ต่างจากผมโดยตัวหลัก แถมต้องขอขอบคุณที่เติมวัดเขมรที่ผมไม่ได้แตะเลย เพราะมี "เนินมะเขือ" เป็น "พร๊อกซี่" แล้ว
จริงๆแล้ววัดนี้มีความเป็นมาที่ปรากฏผ่านสื่อบ่อยครั้งกว่าเรื่องของเนินมะเขือ และผมอยากเรียนว่า ตอนที่ผมอ่านของคุณปานเทพมีสะดุดตรงที่ว่าวัดนั้นมาสร้างเสร็จในรัฐบาลอภิสิทธิ์ แหม พูดเก๊นไป คืองี้ครับ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2551 ปีกลายขณะประชุมมรดกโลกกันที่คานาดาก็มีกรณีคนไทย 3 คนถูกทหารเขมรจับตัวไปที่บริเวณวัดนี้ ครั้งนั้นไม่เห็นมีรายงานข่าวว่าวัดนั้นยังสร้างไม่เสร็จ ไม่น่ามาพูดว่าเพิ่งสร้างเสร็จเอาปีนี้ให้เป็นประเด็นเลย (ผมหมายถึงคุณปานเทพไม่น่าน่ะครับ ส่วนที่คุณ Jseventh บอกว่าไทยเคยประท้วงเขมรไป 4 ครั้ง ก็เห็นเริ่มนับแต่ 2547 ทั้งๆที่มีการประท้วงเป็นปฐมฤกษ์เมื่อปี 2543 โดยรัฐมนตรีคุณสุขุมพันธุ์ อยู่พรรคไหนจำไม่ได้แล้วครับ
จำได้แต่ว่าเหตุที่ประท้วงนอกจากไม่อยากเห็นสลัมในพื้นที่ทับซ้อน เขมรมันลงมือสร้างวัดที่ว่านั้นแล้วครับ แปลว่าวัดนี้ไม่ได้สร้างเสร็จเมื่อปี 2543 ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลขณะนั้น แต่ถ้าจะเหมาว่าสร้างเสร็จปีนั้นด้วยก็น่าจะเริ่มสร้างในสมัยรัฐบาลต้มยำกุ้งชวลิต 39-40 หรือบรรหาร 38-39 หรือโน่นระหว่างปี 2535-38 และเสร็จก่อนนายชวนยุบสภา ใครทราบเรื่องวัดเขมรช่วยแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ)

ประเด็น JBC ในแถลงการณ์ร่วมพูดว่าไม่ต้องเอามาวุ่นวาย ปักปันหรือไม่ปักปันเป็นงาน routine ตอนนี้หมูเขาจะหาม ไม่ต้องเอาคานเข้ามาสอดก็ไปได้ฉลุย จึงไม่ต้องถามว่าตกลงอะไรกันในระหว่าง JBC (ที่เฉพาะจะต้องมาด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋ากันตอนที่เขามีอีเมล์ใช้แล้ว
ทำำให้ต้องถามว่าจำเป็นอะไรกันนักกันหนาที่จะต้องมาโอ๋กัน ถึงขั้นใส่พานประเคนกันทีเดียวหรือ????)

ผมจึงเห็นด้วยกับคุณ Jseventh อย่างยิ่งที่บอกว่า "การทำงานของ JBC ในพื้นที่พิพาท คงไม่สำเร็จลงโดยง่ายแน่ๆ อาจจะยืดเยื้อไปเกินกว่ากำหนดเวลาส่งแผนบริหารฯ ของกัมพูชา / ถ้าให้คิดเผื่ออย่างร้ายๆ คือ ส่งแผนบริหารจัดการ พร้อมใช้กำลังทหารยึดพื้นที่ในเวลาไล่เลี่ยกัน / ไทยเราจะเหลืออะไรให้ต่อรองกับเขาอีก!?" ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่เชื่อมกับมุมมองด้านยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับ "เนินมะเขือ" นั่นเอง
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Fri Aug 28, 2009 2:41 pm

http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000098269
สมัชชา กทม.บุกทำเนียบค้านถอนกำลังออกจากเขาพระวิหาร
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 สิงหาคม 2552 12:52 น.
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Fri Aug 28, 2009 6:16 pm

Update ข่าวค่ะ :)

พธม.ยกทัพบุก“เขาวิหาร”ปักธงเขตแดนไทย - หันครุฑไปฝั่งเขมรแก้เคล็ดมนต์ดำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 สิงหาคม 2552 16:41 น.
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000098468

ประเด็นที่น่าสนใจคือ..
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า แหล่งข่าวจากทหารไทยที่ตรึงกำลังบริเวณเขาพระวิหารแจ้งว่า ตลอดคืนวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ใช้รถบรรทุกยีเอ็มซี จำนวน 50 คัน บรรทุกทหารกัมพูชาจำนวนประมาณ 400 นาย พร้อมด้วยอาวุธหนักครบมือถอนกำลังออกจากบริเวณเขาพระวิหาร แต่ยังคงมีทหารกัมพูชาบางส่วนเฝ้ารักษาตลอดแนวเขาพระวิหารไว้

“ ทั้งนี้คาดว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาสั่งถอนกำลังทหารบางส่วนออกไปในครั้งนี้ อาจเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจในการพยายามสร้างสันติภาพบริเวณเขาพระวิหาร กับรัฐบาลไทย หรืออาจมีวัตถุประสงค์อื่นอยู่ซ่อนเบื้องหลังก็เป็นได้ ” แหล่งข่าวทหารไทย กล่าว


คิดยังไงคะ คุณอารยา :?:
สำหรับดิฉัน หากกัมพูชายังไม่ยอมอพยพผู้คนและรื้อถอนที่พักอาศัยออกไปจากพื้นที่พิพาทด้วย ก็ยังวางใจไม่ได้ค่ะ :roll:
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby loginofu » Fri Aug 28, 2009 6:24 pm

พิสูน์แล้ว ชัดเจนแล้ว จงใจยกให้เขา
เพราะเอาเวลามาแบ่งเค้กกันเอง ไม่สนใจจะไปจัดการ :cry:
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Fri Aug 28, 2009 8:11 pm

ขอใช้พื้นที่ในกระทู้ของคุณอารยา พิมพ์ไปบ่นไป หน่อยนะคะ..

รัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ มีแนวนโยบายต่อเรื่องนี้อย่างไร..ก็น่าจะบอกต่อประชาชนให้ชัด มีหลักคิด หลักเหตุผล ยังไงบ้าง? .. ก็แจ้งต่อประชาชนบ้างก็ได้ จะได้พิจารณากันไป และอยากให้จัดทำข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อเผยแพร่ด้วย..มีเว็บไซต์เฉพาะกิจ อย่างเป็นทางการก็ยิ่งดี / เพราะยังมีประชาชน หรือแม้แต่ ส.ส หลายท่านในสภา ที่เข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อนกันอยู่เลย

ตัวดิฉันเอง ก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่อยากรู้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน (ไม่อยากได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเช่นกัน) แต่ก็ใช้วิธีหาข้อมูลเอาตามเน็ต ทั้งจากบอร์ดที่นี่และเว็บอื่นๆ (จนสำลักข้อมูลกันไปเลย :lol: )

ข้อมูลก็ต่างคนต่างความคิด ต่างทัศนคติ วิเคราะห์กันไปคนละด้านตามแนววิชาที่ตนถนัด มีทั้งมุมมองของนักประวัติศาสตร์ โบราณคดี / นักรัฐศาสตร์ / นักกฏหมาย / และนักคิดอิสระ บางทีก็หยิบเอาคนละจุดของเรื่อง มาผูกโยงและวิเคราะห์กันไป ได้ข้อสรุปเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง แต่ส่วนมากจะไม่ได้คิดกันในเชิงแก้ปัญหาให้ชาติ

ส่วนตัว ก็เลยคิดว่า..ตั้งต้นเอาตรงผลคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร และใช้มุมมองของนักกฏหมาย ประกอบกับมุมมองของนักโบราณคดี ในเรื่องคุณค่าความเป็นมรดกโลก เป็นหลักดีกว่า / เพราะในที่สุดแล้ว ในฐานะหนึ่งในประเทศสมาชิกของโลก เขาใช้หลักการ ข้อกฏหมายต่างๆ มาต่อสู้เพื่อตัดสินความกัน (หรือไม่ก็ต้องรบกัน..ตามที่เห็นๆกันอยู่)

เราไม่ขึ้นศาล (รอบใหม่) หากเรายังไม่แน่ใจหรือพร้อมที่จะต่อสู้ในเรื่องข้อกฏหมายได้ เป็นสิทธิของเรา (ควรป้องกันเรื่องการมัดมือพาขึ้นศาลเอาไว้ด้วย) และ เราเป็นเจ้าของพื้นที่ 4.6 ตร.ก.ม อยู่ เพราะที่ผ่านมา ศาลไม่รับพิจารณาแผนที่ของกัมพูชา และไม่ทำหน้าที่ชี้เขตแดน ศาลตัดสินให้กัมพูชาได้ไปแต่ตัวปราสาทและพื้นที่รองรับตัวปราสาทเท่านั้น

ส่วนเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจต่างๆ..คิดว่า หากเรายึดหลักรักษาอธิปไตยบนพื้นที่ 4.6 ตร.ก.ม ไว้ให้มั่นแล้ว..น่าจะเป็นเรื่องที่นำมาใช้ "ต่อรอง" การขึ้นทะเบียนมรดกโลกแบบสองประเทศ และการแบ่งทรัพยากรทางทะเล ได้มากกว่าที่จะยอมสละสิทธิ์ไปง่ายๆ :roll:

เราไม่ได้เกลียดคนกัมพูชา ไม่อยากรบ แต่ตราบใดที่โลกนี้ยังมีความเป็นชาติกันอยู่ (ยังไม่เป็นเหมือนเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน หรือ เพลง when the children cry ของ White Lion) เราก็คงต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติเราไว้เช่นกัน..เพราะจะเป็นอย่างในเพลงได้ ก็ต้องพร้อมใจกันลงนามและลงมือปฏิบัติพร้อมกันทั้งโลก คงไม่ใช่มาให้ประเทศเล็กๆอย่างเราเริ่มก่อน แต่ประเทศใหญ่ๆ กลับทำตัวแบบปากว่า ตาขยิบ :!:

บางที..ไปอ่าน ไปฟัง clip จากบางเว็บแล้ว ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า..
คนที่คิดเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของบ้านเมือง เป็นคนคลั่งชาติหรือ?

บ่นจบแล้ว..ค่อยยังชั่ว :)
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Fri Aug 28, 2009 8:21 pm

ตอนนี้เลิกพูดเรื่องพื้นที่ทับซ้อน เนินมะเขือ วัดเขมร ไม่ถึง 3 พันไร่ได้แล้วครับ
วันนี้เขาพูดหลักล้านไร่ที่ว่ากันทั้งพนมดงรัก วนอุทยานเขาพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย 12 กิโลไปทางสุรินทร์ ตามลายแทงในแผนที่ใหม่ที่นพเหล่รับรองไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551
เจ้ากระทรวงทรัพย์ฯของไทยกำลังต้องรัล 2 บทบาท

1. รับผิดชอบต่อการสรรหาตัวแทนไทยเป็นกรรมการ ICC (ร่วมกับ เบลเยียม ฝรั่งเศส อินเดีย สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น) เพื่อทำงานให้ทันวันส่งมอบแผนอนุรักษ์พื้นที่บริหารจัดการ 1 กุมภาพันธ์ 2553 (JBC ไม่เกี่ยว)

2. เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมมรดกโลกที่บราซิล ราวมิถุนายน 2553 (อ้าว ก็เมื่อปลายเดือนมิถุนาที่ผ่านมา ใครล่ะที่แหกโค้งไปเสนอหน้าที่สเปนทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับกรรมการมรดกโลกแห่งชาติ !?)
Last edited by อารยา on Sat Aug 29, 2009 6:40 am, edited 1 time in total.
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Fri Aug 28, 2009 9:18 pm

loginofu wrote:พิสูน์แล้ว ชัดเจนแล้ว จงใจยกให้เขา
เพราะเอาเวลามาแบ่งเค้กกันเอง ไม่สนใจจะไปจัดการ :cry:


ฟังอย่างนี้แล้ว ยิ่งอยากรู้จังว่า..เราได้อะไร เสียอะไรบ้าง?
อยากให้รัฐแจงมาให้ชัด ได้เค้กชิ้นใหญ่แค่ไหน? และใครจะได้กินเค้กบ้าง?

และตามที่คุณอารยากล่าว..
ตอนนี้เลิกพูดเรื่องพื้นที่ทับซ้อน เนินมะเขือ วัดเขมร ไม่ถึง 3 พันไร่ได้แล้วครับ
วันนี้เขาพูดหลักล้านไร่ที่ว่ากันทั้งพนมดงรัก วนอุทยานเขาพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย 12 กิโลไปทางสุรินทร์ .....


รัฐบาล และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องควรต้องตอบมาว่า..
มีเงื่อนไขอะไร หรือ เอาไปแลกกับอะไร?

:roll:
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Fri Aug 28, 2009 9:20 pm

“วีระ” ยันผลพิสูจน์ “เขาพระวิหาร” ไทยเสียดินแดนให้เขมรแน่แล้ว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 สิงหาคม 2552 19:22 น.


“วีระ” บุกพิสูจน์เขาพระวิหาร ยืนยันไทยเสียดินแดนให้เขมรแน่นอนแล้ว หลายจุด โดนทหารกัมพูชายึด คนไทยเข้าไม่ได้ แฉจัดฉาก"วัดแก้วฯ"ให้ทหารไทยแต่งเครื่องแบบพร้อมอาวุธขึ้นไปได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นต้องถอดเครื่องแบบ-ปลดอาวุธ เผยทหารไทยสุดอึดอัด ระดับนโยบายไม่เคยคิดทวงคืนอธิปไตย ทั้งที่ศักยภาพทหารไทยแค่ครึ่งวันก็ไล่เขมรลงไปได้หมด
นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรายการ News Hour ทางเอเอสทีวี เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 28 ส.ค.หลังจากได้นำคณะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปพิสูจน์พื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า หลังจากได้ไปดูพื้นที่จริงแล้ว ยืนยันได้ว่า เราเสียดินแดนให้กับกัมพูชาแน่นอนแล้ว แม้แต่ทหารที่รักษาการณ์อยู่ในพื้นที่ก็ตอบไม่ได้ และในวันนี้ที่ตนไปพิสูจน์ก็มีการเอาผักชีมาโรยหน้า

นายวีระ กล่าวต่อว่า วันนี้ ตนและตัวแทนพันธมิตรฯ ได้ไปดูที่วัดแก้วสิขคีรีศวร โดยมีผู้การ ทหารพราน และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พาไปดู พบว่า มีกำลังทหารกัมพูชายืนตามรายทางเต็มไปหมดเผชิญหน้ากับทหารพรานของไทยที่ยืน ประชิดกัน โดยก่อนกน้านี้ หากทหารไทยจะขึ้นไปบริเวณดังกล่าวจะต้องปลดอาวุธและห้ามใส่เครื่องแบบ แต่วันนี้มีการเล่นละครให้ทหารไทยขึ้นไปได้โดยแต่งเครื่องแบบและพกอาวุธ

“แต่พอผมถามว่า ก่อนหน้านี้ ทำไมต้องปลดอาวุธ ถอนเครื่องแบบก็ตอบไม่ได้ อ้างว่า เป็นนโยบาย ผมเสียใจ และคับแค้นใจแทนทหารหลายคนในพื้นที่ เราต้องถูกนโยบายระดับประเทศ ยอมให้กัมพูชาเหยียดหยาม”

นายวีระ กล่าวต่อว่า ในการไปพิสูจน์วันนี้ ตนได้ขอขึ้นไปถึงบันไดนาคบริเวณเขตรั้วลวดหนามที่กั้นไว้สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่พอถึงเวลาไปดูก็พาไปได้แค่วัดแก้วฯ และช่องตาเฒ่า ตนขอไปดูที่ภูมะเขือก็หลอกพาไปดูแค่พลาญยาว แต่ตนไม่ยอม และขอให้พาไปดูที่ภูมะเขือจริงๆ เมื่อไปก็พบถนนที่เพิ่งตัดใหม่ๆ ความกว้างขนาดรถถังขับสวนกันได้ มีต้นไม้ถูกตัดจำนวนมากอย่างน่าเสียดาย ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องทำถนนใหญ่ขนาดนั้น

“ปรากฏว่า เมื่อไปถึงภูมะเขือ ผมขอขึ้นไปให้ถึงยอด เขาบอกว่า ขึ้นไปไม่ได้มันไกล แต่ผมขอให้เขาพาขึ้นไปให้ได้ พอขึ้นไปก็พบทหารเขมรยึดหมดแล้ว ทหารไทยทำแค่ยันเอาไว้ คือทั้งหมด วันนี้ ที่ผมว่าต้องขอไปดูบันไดนาค และเพิ่งได้ไปดูเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา เขาเพิ่งพาไปดู แต่ไปได้สุดแค่พลาญหิน นอกนั้นไปไม่ได้

“ตรงที่เคยเป็นที่ขายของมาก่อน ตอนนี้ก็เป็นบ้านเรือนชาวกัมพูชาหมดแล้ว ผมบอกว่า ขอเข้าไปดูได้ไหม เขาบอกว่า ต้องขออนุญาตกัมพูชา ผมเห็นทหารเขมรกำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ และจะถ่ายรูปไว้ ทหารเราก็มาขอว่าอย่าถ่ายเลย เดี๋ยวทางเขมรว่าเอา ทั้งที่ตรงนี้มันเป็นดินแดนไทย มันเหมือนอาณาเขตบ้านเรา แต่ตอนนี้มีคนมาจากไหนไม่รู้มายึดเอาที่ของเราไปครึ่งหนึ่ง แล้วเราก็มากั้นเขตแดนให้เขาไม่ให้เขาล้ำเข้ามา”

นายวีระ กล่าวต่อว่า ตนไปดูแล้วน้ำตาไหล นายทหารที่รักษาการณ์อยู่ที่นั่นก็อึดอัด เจ้านายก็กดดัน พวกตนไปดูก็กดดันอีก คนไทยทุกคนก็อึดอัดมานาน เพราะเรามีรัฐมนตรีกลาโหมที่ไม่เอาไหน ไม่เคยลงพื้นที่ ไม่ไปดูว่าเราเสียอธิปไตยไปแล้ว ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก เคยมาดูหรือไม่ อย่างมากก็แค่ส่งเงินมาทำบังเกอร์ เคยมาดูหรือไม่ และที่จริงทหารเขมรเพิ่งรุกเข้ามาในปี 2544 นี่เองโดยที่ทหารไทยทำอะไรไม่ได้ นอกจากแค่ดันเอาไว้

นายวีระ กล่าวอีกว่า ต่อไปเราจะเสียดินแดนมากกว่านี้ เพราะข้อตกลงชั่วคราวกับกัมพูชา เราต้องถอนทหารออกมาหมดจากบริเวณวัดแก้วฯ และอีกหลายจุด ซึ่งถ้าเราถอนออกมาเขมรจะยึดทันที เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่า เราเสียให้เขมรแล้ว ใครหน้าไหนอย่ามาเถียงว่าเราไม่เสีย และคนทั้งประเทศต้องตัดสินใจว่าจะปล่อยให้ผู้นำเรายกอธิปไตยให้กัมพูชาต่อไป อีกหรือไม่

“ผมถามทหารว่า ถ้าเราจะไล่เขมรออกไปจะใช้เวลากี่วัน เขาก็บอกว่าโดยศักยภาพของเราแล้ว ใช้เวลาครึ่งวันก็ไล่ลงไปได้หมด แต่ผู้บังคับบัญชาหรือนโยบายระกับประเทศไม่สั่งเขา นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นใครว่าเราไม่เสียดินแดน อย่าพูดให้ผมได้ยินอีก ใครหน้าไหนว่าไม่เสียให้มาดูพร้อมกับผม”

นายวีระ ยังได้ตำหนิรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ไม่คิดจะเอาอธิปไตยของเรากลับคืนมา ทำได้อย่างมากแค่ยันผู้รุกรานเอาไว้ ไม่ให้รุกรานไปมากกว่านี้ โดยที่ไม่สามารถไล่ผู้รุกรานให้ออกจากเขตแดนประเทศไทยได้ ที่ผ่านมา รัฐบาลหลายรัฐบาลที่ทำให้เราเสียให้กัมพูชาก็เพราะเรามีผู้นำที่ไม่มีน้ำยา ปล่อยให้เขายึดดินแดน

“วันนี้เราเสียดินแดนแน่นอนแล้ว ผมพูดต่อหน้านายทหารที่อยู่ที่นั่น เขาก็ไม่กล้าเถียง ได้แต่ก้มหน้ายอมรับโดยดุษฎี แต่ผมเชื่อในศักยภาพของทหารไทย ผมได้แอบคุยกับทหารหลายคน เขาบอกว่า เขาไม่เข้าใจว่าระดับสูงคุยอะไรกัน มันมาบุกดินแดนไทย ทำไมปล่อยให้เขายึดได้ นี่ถ้าเป็นประเทศอื่นเขายิงกันตายไปเยอะแล้ว”

นายวีระ กล่าวว่า ในการไปพิสูจน์วันนี้ ตนได้ไปทุกจุดที่ทหารไปถึงได้ แต่ยังไมได้ทุกจุดที่เป็นดินแดนไทยเพราะถูกทหารกัมพูชายึดอยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยกับระเบิดและอาวุธ และถูกขอจากทหารของเราว่าอย่าเข้าไป ซึ่งเท่ากับว่าเราเข้าไปไม่ได้ทั้งที่เป็นดินแดนของเราแท้ๆ
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sat Aug 29, 2009 6:37 am

ผมเชื่อว่านายกฯอภิสิทธิ์กำลังเผชิญกับอิทธิฤทธิ์ของวาระซ่อนเร้นกรณีกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่ถูกหมกเม็ดตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ (ดูกระทู้--จขกท.) และบัดนี้ได้แตกหน่ออุบาทว์เป็นรูปธรรมมากขึ้นเป็น:

1. “คณะกรรมการ 7 ชาติ” ( ICC:International Coordinating committee ประกอบด้วย เบลเยียม ฝรั่งเศส อินเดีย สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น ไทย หรือ ANPV เดิม) กำลังรอรับมอบแผนนุรักษ์พื้นที่บริหารจัดการมรดกโลกทางด้านทิศเหนือและตะวันตกของตัวปราสาทพระวิกหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 (ไม่ว่า JBC จะปักปันเขตแดนในบริเวณที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จก่อนหรือไม่)

2. คณะกรรมการมรดกโลกที่จะประชุมครั้งที่ 34 ในกลางปี 2553 ที่ประเทศบราซิล เพื่อรับรองผลงานของ ICC ในข้อ 1 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าตลอด 3 ครั้งของการประชุมนับแต่ปี 2550 ผู้แทนไทยทำได้เพียงดูนั่งเฝ้าดูการประชุมตั้งแต่เปิดจนหมดวาระพิจารณา จากนั้นหากโชคดีก็จะได้พูด 1 นาที คำอธิบายมีเพียงสั้นๆว่าเพราะไทยเข้าประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ เข้าใจว่า ในอีก 10 เดือนข้างหน้านี้ หากรัฐบาลอภิสิทธิ์ยังมีท่าทีต่อกัมพูชาไม่ต่างจากรัฐบาลนอมินีของอดีตนายกฯทักษิณ ผู้แทนไทยที่จะเข้าประชุมที่บราซิลก็คงไม่มีอะไรต้องทำมากไปกว่านั่งหุบปากฟังรายงานของ ICC ที่กล่าวคำสวยๆว่าไทยให้การสนับสนุน (active support) กัมพูชาและยูเนสโกเต็มที่ในการร่วมอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีปราสาทพระวิหารอันศักดิ์สิทธ์แห่งนี้ภายใต้แถลงการณ์ร่วมลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ขนาดพื้นที่เพื่อการบริหารจัดการมรดกโลกมีระบุไว้ในแผนอนุรักษี่แนบมาพร้อมรายงานนี้แล้ว

ท่ามกลางความเงียบผิดปกติของรัฐบาลในครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่านายกฯอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำประเทศ ไม่ได้คิดหรือตัดสินใจใดๆที่จะมิให้เกิดการเสียดินแดนอย่างแน่นอน

จะเกิดอะไรขึ้นในการให้ JBC ลงไปมีบทบาทในห้วงนี้ ถ้า JBC ยังปักปันไม่เรียบร้อยก่อนกำหมดรับมอบแผนบริหารจัดการมรดกโลก 1 กุมภาพันธ์ 2553 จะช่วยให้รัฐบาลยืดเวลาการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาได้ไหม พูดง่าย JBC จะเป็นมาตรการ “ขัดตาทัพ” ที่จะส่งผลให้มีการเลื่อนเวลาการรับมอบแผนอนุรักษ์มรดกโลกชิ้นนี้ออกไปไม่มีกำหนด
หรือกลับทำให้ฝ่ายกัมพูชางัดแถลงการณ์ร่วม 18 มิถุนายน 2551 มายืนยันว่า การส่งมอบแผนฯ ไม่ขึ้นกับข้อตกลงร่วมกันระหว่าง JBC ของไทย-กัมพูชา ตามที่คณะกรรมการมรดกโลกยูเนสโกมีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551

แน่นอน นายกฯอภิสิทธิ์วันนี้คาดในทางที่จะมีการเลื่อนกำหนดของขั้นตอนมอบพื้นที่อนุรักษ์ให้กัมพูชา และนั่นคือที่มาของการนำร่างข้อเจรจาเรื่องปักปันเขตแดนมาให้ สภาอนุมัติก่อนตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 190(2) ก่อนไปตกลงกับฝ่ายกัมพูชา


นั่นเป็นการมองในแง่ดี อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจเลวร้ายจนเกินแก้ไปแล้วหลังจาก 1 ปีที่รัฐบาลไม่ได้คิดทำอะไร ดูได้จากบทบาทของคุณกษิตที่ลดลงเป็นลำดับ ในขณะที่พบว่าฮุนเซนมีเรื่องต้องคุยกับรัฐมนตรีของไทยคนอื่น อาทิรองนายกฯสุเทพ เทือก สุบรรณ รมว. กลาโหม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผิดกับช่วงที่คุณเตชว่าการต่างประเทศจนถึงวันที่ 4 กันยายนปีที่แล้ว

ล่าสุดเป็นคุณสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรฯที่มามีบทบาทการต่างประเทศมากกว่าคุณกษิต
ฉากแรกเป็นการให้สัมภาษณ์มาจากสเปน 27 มิถุนายน 2552 ว่าตนล้มเหลวในการประท้วงยูเนสโกอย่างมีพิรุธ เมื่อวานซืนออกข่าวว่าอีกสองสามวันจะไปช่วยเตรียมการประชุมมรดกโลกครั้งต่อไปที่บราซิล พูดเหมือน World Heritage Centre ที่ปารีสไม่มีบุคลากรช่วยจัดวาระการประชุม และความจริงเขาประชุมจัดล่วงหน้าตั้งแต่วันสุดท้ายของการประชุมที่สเปนเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2552
และกว่าที่ประชุมที่บราซิลจะเริ่มขึ้นก็อีก 10 เดือนกว่า การที่คุณสุวิทย์รีบร้อนไปจึงน่าจะเกี่ยวข้องกับ “คณะการรมการ 7 ชาติ” (ICC) มากกว่า
กระทรวงทรัพยากรของคุรสุวิทย์ขณะนี้มีพื้นที่ที่อยู่ในแผนที่ใหม่แนบท้ายแถลงการณ์ร่วมไทยกัมพูชาที่เขียนรองรับกำหนดการวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 โดยตรง และหากคุณสุวิทย์มิอาจปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ คุณสุวิทย์ก็ไม่อาจปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ 7 ชาตินั้นด้วย
ประเด็นคือ คุณสุวิทย์กำลังอยู่ในฐานะผู้มอบหรือผู้รับพื้นที่บริหารจัดการมรดกโลกของกัมพูชา หรือทั้ง 2 บทบาท เพราะเป็นทั้งผู้กำกับดูแลอุทยานเขาพระวิหาร และเป็น 1 ในกรรมการ 7 ชาตินั้นด้วย
งานนี้ มีเวลาอีก 5 เดือน อารยาเชื่อว่า คณะกรรมการ 7 ชาติย่อมมีจุดยืนต้องทำตามกำหนด โดยข้ามหัว JBC ตามที่ระบุไว้ในข้อ 4 ของแถลงการณ์ร่วม

ทำให้นึกย้อนไปถึงวันที่ นพเหล่ได้รับเชิญจากมาดามฟรังซัวส์ให้ไปทำ Joint Decoration กับนายซกอันของกัมพูชาเมื่อ 22 พฤษภาคม 2551 ที่ซึ่งต่อมากลายเป็น “ใบสั่งซื้อดินแดนประเทศไทยด้านเขาพระวิหาร” ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551

ตอนนี้เลิกพูดเรื่องพื้นที่ทับซ้อน เนินมะเขือ วัดเขมร ไม่ถึง 3 พันไร่ได้แล้วครับ
วันนี้เขาพูดหลักล้านไร่ที่ว่ากันทั้งพนมดงรัก วนอุทยานเขาพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย 12 กิโลเมตรไปทางสุรินทร์ ตามลายแทงในแผนที่ใหม่ที่นพเหล่รับรองไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2551

วันนี้ผมไม่แน่ใจว่า นอกจากทักษิณกับฮุนเซนแล้ว จะไม่มีคนในรัฐบาลอภิสิทธิ์ร่วมอยู่เบื้องหลังการเสียดินแดนของไทยครั้งนี้ด้วย
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby bangkaa » Sat Aug 29, 2009 11:22 am

ดีครับ... ช่วงนี้ เรามาว่า กันเรื่อง เขมร อุบอิบ ดินแดนเราดีกว่า...
ASTV ก็กำลังปั่นกระแสอยู่...

ทหารไทยเราก็ไม่กล้าทำอะไร... ปล่อยเลยตามเลยมาตลอด...
ไม่รู้มันเป็นนิสัยคนไทยรึเปล่า... ทำนองหยวนๆน่า นิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรหรอก
อย่างเช่น โกงบ้างก็ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ..
โดนยึดดินแดนนิดหน่อยคงไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ...

ช่างเป็นความคิดที่ตลกจนน้ำตาไหลพรากจริงๆๆๆๆ


****************************

เลิกสนใจพวกเสื้อแดงเถอะ... ล่าสุดนี่ก็บอกว่าจะเลื่อนชุมนุมไปเรื่อยๆถ้ารัฐบาลไม่เลิกพรบ.มั่นคง...
ปัญญาอ่อนดี...
มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ...
User avatar
bangkaa
 
Posts: 1473
Joined: Sun Oct 19, 2008 12:22 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Sat Aug 29, 2009 7:58 pm

อยากชวนคุณอารยา และสมาชิกท่านอื่นๆ ไปร่วมพิจารณาข้อมูลจากเว็บบอร์ดอีสานเสรีไทยค่ะ :geek: (เป็นข้อมูลการสนทนากัน ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2008)
http://esaan.serithai.org/smf/index.php?topic=289.0

สำหรับดิฉัน..อ่านแล้ว มีประเด็นที่ชวนให้คิดดี และพอนึกถึงการกระทำบางเรื่องของผู้รับผิดชอบที่ผ่านมา ก็ทำให้เข้าใจเหตุการณ์มากขึ้น แม้จะยังไม่กระจ่างชัดก็ตาม / แต่ยังไม่มีข้อสรุปของตนเองในตอนนี้

รึว่า..ที่เห็นรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เขาเงียบๆกันอยู่ขณะนี้ เพราะเขากำลังดำเนินการบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้ (แต่คงแน่ใจว่า จะไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ) :roll:

ปัญหาไทย-กัมพูชานี่..เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรอบคอบ และการชิงไหวชิงพริบกันจริงๆเลย...

***ขออภัย หากคุณอารยา หรือท่านอื่นๆ ได้รับทราบข้อมูลนี้กันแล้ว
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อธิฏฐาน » Sat Aug 29, 2009 8:20 pm

แม่เล่าว่าตอนไทยเสียปราสาทพระวิหารไปใหม่ ๆ ได้มีการสร้างภาพยนตร์ขึ้นด้วยค่ะ แม่ไปดูกับยายแล้วร้องไห้กันทั้งโรงภาพยนตร์เลยค่ะ แม่เรียกว่าโรงหนังนะ แหวนก็ยังเรียกว่าโรงหนังเหมือนกัน ไม่ทราบว่ามีท่านผู้ใดเคยดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า จำชื่อเรื่องไม่ได้ค่ะเพราะแม่เล่าให้ฟังนานมาแล้ว
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 7:32 am

คุณ Jseventh ครับ ผมเคยคิดไม่ออกบ่อยๆ หาคำตอบเท่าไรก็ไม่พบ เลยปลอบใจตัวเองว่ามีคนคิดแทนแล้วน่า (ถ้า "ผม" หมายถึงประชาชนคนคิดแทนคือรัฐบาล ประมาณนั้น) ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าค้นนั้นคิดอะไร หรือจริงๆแล้วคนนั้นไม่ได้คิดเรื่องที่ผมคิดไม่ออกเลยสักนิด
แถมผมยังไปขอบคุณคนนั้น เขาหัวเราะเยาะ ผมก็ไม่เก็ตอีก
โง่อย่างนี้มาตั้งแต่เกิดจริงๆครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 7:42 am

อธิฏฐาน wrote:แม่เล่าว่าตอนไทยเสียปราสาทพระวิหารไปใหม่ ๆ ได้มีการสร้างภาพยนตร์ขึ้นด้วยค่ะ แม่ไปดูกับยายแล้วร้องไห้กันทั้งโรงภาพยนตร์เลยค่ะ แม่เรียกว่าโรงหนังนะ แหวนก็ยังเรียกว่าโรงหนังเหมือนกัน ไม่ทราบว่ามีท่านผู้ใดเคยดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า จำชื่อเรื่องไม่ได้ค่ะเพราะแม่เล่าให้ฟังนานมาแล้ว
ตอนนั้นผมก็ยังเด็กครับ อยากดูหนังเรื่องนั้นจัง
ถ้าเอามาฉายโรงตอนนี้คนดูกันตึมแน่ แต่คงไม่ถึงกับน้ำตาท่วมจอ อาจกลายเป็นหนังตลกไปก็ได้ครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Snowwolf » Sun Aug 30, 2009 11:01 am

เวลาจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าอะไรจริงไม่จริง AStv จะกลายเป็นตลก หรือไม่
ความดังที่ใครก็ฉุดไม่อยู๋ ใครอยากดังแบบ ไม่มียั้งโปรดเข้าลิ้งค์นี้
http://teenoireturns.freeforums.org/canthai-t76.html
User avatar
Snowwolf
 
Posts: 875
Joined: Wed Jul 29, 2009 6:20 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 11:34 am

ASTV ไม่ใช่แหล่งข้อมูลอ้างอิงของอารยา และจริงๆแล้วก็ไม่มีแหล่งใดเป็นหลัก
ที่พูดนี้ก็ไม่ได้ลบหลู่แหล่งใด เพราะไม่เคยคิดว่าจำเป็นต้องเชื่อแหล่งใดเท่านั้น
ยิ่งยุคข้อมูลข่าวสารอย่างนี้ ใช้สติปัญญาให้มากกว่าข้อมูล แต่อย่ากลับกัน สมองจะเสื่อม
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Snowwolf » Sun Aug 30, 2009 12:27 pm

ผมเองก็คิดว่า การรับสื่อควรจะรับ จากทุกด้าน แล้วใช้ สติปัญญาวิเคราะห์ นะครับ ซึ่งอาจจะวิเคราะห์ ผิดบ้างถูกบ้าง มันคงไม่ถูกตลอดไปหรอกครับ (เป็นกันทุกคนละครับ)
ผมเองอยากให้ ข้อมูลที่คุณ วีระสม ความคิด ไปที่พื้นที่ แล้วถ่ายทอดทางAStv เป็นเรื่อง ตลก เป็นเรื่องไม่จริง มากกว่า ที่จะเป็นเรื่องจริงนะครับ แผ่นดินไทยจะได้ไม่ต้องสูญเสีย ผมอยากนั่งมีความสุข นั่งตลก และนั่งหัวเราะ มากกว่าที่จะนั่งร้องไห้เสียใจนะครับ

ผมเองยังไม่ได้ปักใจเชื่อฝ่ายใด อย่างเต็มที่ เพราะไม่มีข้อมูล เพียงพอ จึงวิเคราะห์ไม่ได้โดยสรุป อาจจะเอียงไปบ้าง เล็กน้อย แต่ก็ไม่ทั้งหมด ประเภทฟังหูไว้หูนะครับ
อยากให้สื่อมวลชน คนที่มีความรู้ นำข้อมูล ออกมาเผยแพร่ เยอะๆ เราจะได้รับรู้ความจริงกันซะที

แก้ไขคำว่า ปัใจเช่อ เป็น ปักใจเชื่อ
Last edited by Snowwolf on Sun Aug 30, 2009 2:07 pm, edited 1 time in total.
ความดังที่ใครก็ฉุดไม่อยู๋ ใครอยากดังแบบ ไม่มียั้งโปรดเข้าลิ้งค์นี้
http://teenoireturns.freeforums.org/canthai-t76.html
User avatar
Snowwolf
 
Posts: 875
Joined: Wed Jul 29, 2009 6:20 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 12:58 pm

คุณมีสิทธิืไม่เชื่อข่าวสาร ข้อมูล ทฤษฎี อุดมการณ์ คัมภีร์ รวมทั้งมีสิทธิ์เชื่อด้วย
แต่คุณไม่มีสิทธื์อยากให้ข่าวนั้นข่าวนี้จริง ไม่จริง ตลก ฮา หรือเศร้า
ใช้สติปัญญาให้มากจะไม่รู้สึกว่าข่าวสารวันนี้น้อย

โปรดอ่านอีกครั้งครับ คุณSnowwolf
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby (ลุง)ถึก สไลเดอร์ » Sun Aug 30, 2009 1:18 pm

"ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เอกราชจะไม่ยอมให้ใครข่มขี่
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย."

หมู่นี้เวลาฟังเพลงชาติไทยแล้วก็จะเกิดความรู้สึกว่ามีอาการขยักขย้อนยังไงๆชอบกล
ความคิดเสรีเป็นสิ่งที่ดี แต่ความคิดที่ถูกต้องย่อมประเสริฐกว่า
User avatar
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
 
Posts: 355
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:08 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อธิฏฐาน » Sun Aug 30, 2009 1:26 pm

มีคำสั่งห้ามทหารไทย ให้ข่าวปราสาทเขาพระวิหาร

Image



ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (19 ก.ค.) ว่า กองบัญชาการกองทัพไทยมีคำสั่งห้ามนายทหารทุกนาย ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ความสับสนและเพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง เนื่องจากเห็นว่า ปัญหาในขณะนี้เกิดจากการออกมาให้ความเห็นกันมากเกินไป โดยเฉพาะการให้ความเห็นจากผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ในคำสั่งดังกล่าวยังได้มอบหมายให้ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ให้ข่าวเกี่ยวกับปัญหาเขาพระวิหารแต่เพียงผู้เดียว
http://hilight.kapook.com/view/26698/2


เสียงจาก ASTV คงเหมือนลมกระซิบ เพราะดูข่าวจากสื่ออื่น ๆ เงียบจริง ๆ ค่ะท่านอารยา
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Snowwolf » Sun Aug 30, 2009 2:06 pm

อารยา wrote:คุณมีสิทธิืไม่เชื่อข่าวสาร ข้อมูล ทฤษฎี อุดมการณ์ คัมภีร์ รวมทั้งมีสิทธิ์เชื่อด้วย
แต่คุณไม่มีสิทธื์อยากให้ข่าวนั้นข่าวนี้จริง ไม่จริง ตลก ฮา หรือเศร้า
ใช้สติปัญญาให้มากจะไม่รู้สึกว่าข่าวสารวันนี้น้อย

โปรดอ่านอีกครั้งครับ คุณSnowwolf


ด้วยความเคารพครับ ผมเองก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้เชื่อทั้งหมด และความรู้สึกส่วนตัวของผม อยากให้เรื่องที่คุณ วีระ พูดไม่เป็นความจริง เราจะได้ไม่เสียดินแดน
ผมว่าผมมีสิทธ์ คิดว่าไม่อยากให้มันเป็นจริง หรือไม่จริงนะครับ เพราะมันเป็นความรู้สึกส่วนตัวของผมนะครับ ผมเองยอมรับว่าผมไม่มีข้อมูล เรื่องพระวิหารแน่ชัด
และไม่รู้ข้อเท็จจริงด้วยว่า ที่คุณ วีระกล่าว นั้นจริงหรือไม่ ผมเคารพในความเห็นของท่านนะครับ และไม่คิดโต้แย้งใดๆ ผมแค่แสดง ความรู้สึกนึกคิดของผมเท่านั้น
หากมีสิ่งใดผิดพลาดผมก็ขออภัยนะครับ :)
ความดังที่ใครก็ฉุดไม่อยู๋ ใครอยากดังแบบ ไม่มียั้งโปรดเข้าลิ้งค์นี้
http://teenoireturns.freeforums.org/canthai-t76.html
User avatar
Snowwolf
 
Posts: 875
Joined: Wed Jul 29, 2009 6:20 am

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby จิ๊กโก๋ซอย 1+1 » Sun Aug 30, 2009 3:34 pm

...เป็นไปได้ไหมครับที่ีประชาชนจะจัดตั้งกองกำลับขึ้นมาเอง แล้วจัดการกับปัญหาเขาพระวิหารเองเลย หรืออย่างน้อยที่สุด จัดการคนที่ทำให้ปัญหาบานปลายมาถึงตอนนี้ก็ได้ ถ้าให้กฎหมายจัดการ คงไม่ทันการอย่างแน่นอน และผมเชื่อว่า เราทำได้อย่างแน่นอน เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และบูรณภาพแห่งดินแดนครับ...
เว็บไซต์ต่อต้านทรราชในแนววาไรตี้หลากหลาย คลิ๊กเลย TGOCITY
User avatar
จิ๊กโก๋ซอย 1+1
 
Posts: 456
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:12 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 6:06 pm

ตอบคุณ Snowwolf
ความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง ควร ไม่ควร โหด ดี เลว (บรรทัดฐาน) ต้องมีเป็น guideline อยู่ในหัวของคนในชนชาติเดียวกัน เพื่อเวลาจะคิด จะพูด หรือทำอะไร จะได้นำมาใช้เป็นแนวหรือกรอบของการปฏิสันฐานไปจนถึงการอยู่ร่วมในชุมชน ประชาคม องค์กร ชาติ และสังคมเดียวกันอย่างสันติ สร้างสรร
อย่างไรก็ตาม แต่ละสังคมมีระบบบรรทัดฐานที่ต่างกันเป็นธรรมดา ของใครก็ของมัน ไม่เป็นปัญหา แม้ของดีที่นี่จะเป็นที่น่ารังเกียจของอีกที่ ของใครของมัน
เมื่อ 20 ปีก่อน ถ้าใครบอกสังคมไทยแตกแยก คงหาคนเห็นด้วยน้อยมาก แต่วันนี้ทั่วโลกเขารู้กันหมดแล้ว
ทำไมอยู่ในสังคมเดียวกันแท้ แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าหู แสลงหู ไวที่จะรู้สึกว่าตาปลาโดนเหยียบ เข้าใจกันยากยิ่งกว่าคนอยู่ต่างวัฒนธรรมหรือต่างภาษา ท
ตอบว่าบรรทัดฐานของสังคมไทยทั้งเปราะ บาง คดงหลายข้อ งอไปถึงกระดูก แปลว่าความเข้าใจว่าอะไรคือความถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องต่างกันเหลือดกินแล้ว อาจยิ่งกว่าต่างแต่เป็นตรงกันข้ามในหลายเรื่อง ยากจะประนีประนอมกันได้
เพราะยังมีค่านิยมหลายตัวช่วยแปรให้บรรทัดฐานแตกหักได้ทุกเมื่อ เราคงเก็บและปลูกฝังค่านิยมเลวไว้แล้วสลัดค่านิยมดีออกทุกวันโดยไม่รู้ตัว ทำไมเป็นอย่างนั้น ผมตอบไม่ได้ แต่มัน ตถตา คือมันเป็นอย่างนั้นในสังคมที่ยุงหนอ ขัดสนหนอ อย่างบ้านเราขณะนี้
เราจึงพบคนทะเลาะกันมั่วไปหมดทั้งสังคมไทย รวมทั้งตัวเราเอง ถึงไม่ทะเลาะกับใคร แต่รู้สึกได้ว่าถูกชวนให้ทะเลาะ และบางคนก็อยากทะเลาะทั้งๆที่ไม่มีใครชวน เอาเป็นว่า ต่างหาแง่ง่ามมุมมากวนประสาทกันได้เรื่อยๆ
ผมเป็นผลผลิตของระบบสังคมนี้ รู้สึกอะไรไม่ต่างกัน เพียงแต่พยายามเข้าใจให้มากขึ้น เพราะกลัวจะถูกกลืนกินเข้าไปในห้วงเหวหายนะแบบไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง แต่ถ้าใครไม่กลัวก็ไม่ว่ากันครับ

อย่างไรก็ดี สังคมมีชีวิต มีการปรับปรนเพื่อให้คนได้อยู่คุยกันยาวขึ้น
แต่เท่าที่สังเกต คนไทยทำสำเร็จที่ฟอร์มหรือเปลือกนอก ลงไปไม่ถึงตัวตนสิ่งที่เรียกว่า "จริยธรรม" 20 ปีที่ผ่านมาได้ยินคำพูดขอโทษ ขออภัย ขอยคุณ เสียใจ ถี่ขึ้น แม้ยังไม่มาก ก็ดี แต่มักฝืนใจกล่าว ในกรณี "ขออภัย" กล่าวแล้วกลับไม่ทิ้งพฤติกรรมเดิม จนบางครั้งไม่มีอภัยจะให้ตามที่ขอ

อีกเรื่องคือมีการใช้คำว่า "มีสิทธิ์" และ "ไม่มีสิทธิ์" มากขึ้น แต่ผิดฝาผิดตัว เพราะนำมาสื่อกับความรู้สึก อารมณ์ แทนที่จะจำกัดหรืออิงกับบริบทของ "ความถูกต้อง" (ที่มีสิทธิ์ทำ...) หรือ "ความไม่ถูกต้อง" (จึงไม่มีสิทธิ์ทำ...) คือเอาเรื่องความถูกต้องมาผสมปนเปกับความรู้สึก คนจะรัก โลภ โกรธ หลง เช่น คุณมีหรือไม่มีสิทธิ์โกรธ... หรือ ผมมีสิทธิ์รักคุณไหม (ระหว่างหนุ่มสาวโสด) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์สักหน่อย แต่พูดแล้วฟังนุ่มกว่า
ดังนั้น แทนที่จะพูดว่า "คุณทำไม่ถูกที่จะแปรความวิริยะอุตสาหะของใครให้เป็นเรื่องโจ๊ก" ก็พูดให้ฟังเข้าหูขึ้นว่า "คุณไม่มีสิทธื์อยากให้ข่าวนั้นข่าวนี้จริง ไม่จริง"
ได้เรื่อง ผมได้รับการโต้แย้งสิทธิ์ทันทีครับ "ผมว่าผมมีสิทธ์ คิดว่าไม่อยากให้มันเป็นจริง หรือไม่จริงนะครับ"
จริงสิครับ เอาไปเลย ไปจำกัดสิทธิ์คน "อยาก" ร้อยแปดได้อย่าไรนิ

ผมกำลังจะขออภัย แต่ถูกชิงขอก่อน
เมื่อวานก็มีคนขอไปแล้ว วันนี้ไม่เหลือจะให้ครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 6:43 pm

อธิฏฐาน wrote:
มีคำสั่งห้ามทหารไทย ให้ข่าวปราสาทเขาพระวิหาร

Image

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (19 ก.ค.) ว่า กองบัญชาการกองทัพไทยมีคำสั่งห้ามนายทหารทุกนาย ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ความสับสนและเพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง เนื่องจากเห็นว่า ปัญหาในขณะนี้เกิดจากการออกมาให้ความเห็นกันมากเกินไป โดยเฉพาะการให้ความเห็นจากผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ในคำสั่งดังกล่าวยังได้มอบหมายให้ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ให้ข่าวเกี่ยวกับปัญหาเขาพระวิหารแต่เพียงผู้เดียว
http://hilight.kapook.com/view/26698/2


เสียงจาก ASTV คงเหมือนลมกระซิบ เพราะดูข่าวจากสื่ออื่น ๆ เงียบจริง ๆ ค่ะท่านอารยา


เข้าที่ตั้งครับ แบบนี้ "ดับเบิ้ลผิดปกติ" เสียแล้วครับ คงต้องประเมินกันให้ชัดๆ

ขอเรียนตามตรงว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ใส่ใจปัญหามรดกโลกที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารน้อยมากจนผิดปกติ เทียบไม่ได้กับเมื่อครั้งที่หัวหน้ารัฐบาลเองเคยอภิปรายเรื่องนี้ขณะเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา

คุณกษิต ภิรมย์ เองก็เปลี่ยนไปมากหลังจากมาเป็นรัฐมนตรี ปล่อยให้รัฐมนตรีต่างกระทรวงแย่ง “ซีน” ไปแทบไม่เหลือบทให้เล่น ยิ่งฮุนเซนจงใจผิดฝาผิดตัว ต้อนรับรองนายกฯสุเทพ เทือก สุบรรณ และ รมว. กลาโหม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหมือนตัดไมตรีกับรัฐมนตรีตัวจริง เลยดูเฉาไปมาก แม้ทุกวันนี้ก็ยังต้องเสียรังวัดไม่เลิก ขนาดคุณสุวิทย์ คุณกิตติยังแทรกเข้ามาช่วยงานประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่สเปนเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ครั้งนั้น คุณสุวิทย์ทำประหลาด ส่งข่าวข้ามทวีปประจานตัวเองว่าตนล้มเหลวในการประท้วงยูเนสโกเรื่องมรดกโลก แต่ลงท้ายกลับลือกันว่าคุณสุวิทย์ไปประท้วงยูเนสโก หรือไปช่วยให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกกันแน่!?

ล่าสุด คุณสุวิทย์บอกนักข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเดือนกันยายนตนต้องไปช่วยเตรียมการประชุมมรดกโลก เลยสงสัยว่าคนเป็นรัฐมนตรีจะไปรู้งานจัดระเบียบวาระการประชุมด้วยหรือ และทำไมต้องรีบร้อนเพราะอีกตั้ง 10 เดือนกว่าจึงจะมีประชุม ถ้าด่วนอย่างนี้น่าจะเกี่ยวกับการส่งมอบวนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารให้กัมพูชาใช้บริหารจัดการมรดกโลกผ่าน “คณะการรมการ 7 ชาติ” (ICC) หรือเปล่า

ทำให้นึกถึงวันที่นายนภดล ปัทมะ ต้องบินไปพบมาดามฟรังซัวส์ ริเวียเร่ ผช. ผอ. ศูนย์มรดกโลกด่วนเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 ที่ปารีส เพื่อทำ Joint Decoration กับนายซกอันของกัมพูชาว่าไทยให้การสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ตามลำพัง ซึ่งเอกสารนั้นต่อมาเทียบได้กับเป็น “ใบสั่งซื้อดินแดนประเทศไทยด้านเขาพระวิหาร” ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551

และยังทำให้นึกถึงบริษัทรับเหมาบูรณะงานโบราณคดีในยุโรปแห่งหนึ่ง (ANPV: ดู มติชนรายวัน 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11458 “ใกล้วันที่ไทยจะเสียดินแดนด้านกัมพูชาแล้ว”) ที่มาดามฟรังซัวร์ไปคว้ามาแปรรูปเป็น “คณะกรรมการ 7 ชาติ” (ICC) นี้เอง ผลงานไม่โปร่งใสของยูเนสโกครั้งนั้นสามารถเปลี่ยนข้อเสนอขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาจาก The Sacred Site of the Temple of Preah Vihear มาเป็น The Temple of Preah Vihear ซึ่งนอกจากผิดขั้นตอน ยังลดมาตรฐานและคุณค่าของความเป็นมรดกโลกของแหล่งโบราณคดีปราสาทพระวิหาร แต่มาดามฟรังซัวร์กลับอ้างว่าไทยและกัมพูชาต้องการเช่นนั้น

ขั้นตอนสุดท้ายที่กัมพูชาจะได้เป็นเจ้าของมรดกโลกชิ้นนี้ กำลังจะมาถึงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 แล้ว

“คณะกรรมการ 7 ชาติ” ( ICC: International Coordinating Committee (มีเบลเยียม ฝรั่งเศส อินเดีย สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น ไทย) กำลังรอรับมอบแผนอนุรักษ์พื้นที่ทางด้านทิศเหนือและตะวันตกของตัวปราสาทพระวิหาร และทำได้โดยไม่ต้องรออนุมัติจากคณะกรรมการปักปันเขตแดนประเทศร่วมไทย-กัมพูชา (JBC: Joint Boundary Commission) จากนั้น เมื่อคณะกรรมการมรดกโลกรับทราบในกลางปี 2553 ก็เป็นอันเสร็จพิธี เมื่อวานซืนรัฐบาลจึงเสนอให้สภาผู้แทนราษฏรอนุมัติร่างข้อเจรจากับกัมพูชา สาระสำคัญเป็นเรื่อง “การปรับทหาร” เพื่อเปิดพื้นที่ให้ JBC ปักปันเขตแดน บางจุดที่ไทยถอนแล้วเป็น “โนแมนส์แลนด์” ก็ไม่ว่ากัน แต่บางจุดไทยถอนแล้วกลับถูกแทนที่โดยฝ่ายกัมพูชา จึงน่าห่วงว่า ในอนาคต ไทยมิต้องยอมให้กัมพูชารุกเข้ามายึดดินแดนไทยไม่รู้จักจบสิ้น กระนั้นหรือ

มีประเด็นว่า ถ้าสภาไม่อนุมัติ ไทยไม่ต้องไปเจรจากับใคร จะปลอดโอกาสเสียดินแดน หรือเปล่า ?
แล้ว หากไทยไม่เจรจากับใคร โอกาสเสียดินแดนยังจะมีอยู่หรือไม่?

สุดท้าย ไทยจะทำอย่างไร หากข้อตกลงเจรจาผ่านสภาไปแล้ว แต่ JBC ปักปันเขตแดนร่วมกับกัมพูชาแล้วเสร็จไม่ทัน 1 กุมภาพันธ์ 2553?

จากประสบการณ์ 2 ปีที่ผ่านมา การทำแผนอนุรักษ์พื้นที่มรดกโลกที่ปราสาทพระวิหาร ครั้งแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 และครั้งที่สองวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 กัมพูชาได้รับการรับรองจากคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 32/2008 และ 33/2009 อย่างไร้ปัญหา และไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ฝ่ายไทยรับทราบ ทั้งๆที่ไทยได้เสียดินแดนรอบตัวปราสาทพระวิหารไปเกือบ 3 พันไร่แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เว็บไซต์ทางการของยูเนสโกเพิ่งมีการระบุ

เหตุผลหนึ่งที่รัฐบาลดูเนือยๆ อาจเป็นเพราะกองทัพให้ความมั่นใจเกินไปว่า การตรึงกำลังที่บริเวณปราสาทพระวิหารในที่สุด กำลังของกัมพูชาจะเครียดจนละเมิดข้อตกลงและใช้อาวุธยิงฝ่ายไทยก่อน ยูเนสโกจะถอนการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเอง รัฐบาลไม่ต้องทำอะไร วันนี้พบแล้วว่าทฤษฎีนี้เพ้อฝันมากไปเพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่าทหารไทยเครียดไม่เป็น วันนี้คงเครียดทั้งสองฝ่ายถึงได้ตกลง “ปรับทหาร”

อีกทฤษฏีของพี่ไทยมองว่า ไหนๆจะเสียพื้นที่ให้ใช้เพื่อบริหารจัดการมรดกโลกแล้ว ก็ควรจะขอขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชาเสียเลยดีกว่า ผู้สนับสนุนแนวนี้มักคิดเอาเองว่ากัมพูชาไม่รังเกียจ แต่พบแล้วว่าหากกัมพูชาเล่นด้วย จะมีเม็ดหมกอย่างน่ากลัวมาก เพราะกัมพูชาได้ใจจากอดีตนายกฯทักษิณผ่านการตกลงในแถลงการณ์ร่วม 2544 (ลงวันที่ 18 มิถุนายน เหมือนฉบับเจ้าปัญหา 2551) นั่นคือ ไทยต้องยอมรับว่ากัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ทับซ้อนทางด้านตะวันตกของตัวปราสาท และยอมยกพื้นที่ทางทะเลที่อุดมด้วยก๊าซและน้ำมันกว่า 2 หมื่นตารางกิโลเมตร ไม่นับที่ต้องยกเกาะกูดให้กัมพูชาครึ่งหนึ่ง

ไม่ว่าไทยจะเป็นเจ้าของมรดกโลกร่วมกับกัมพูชาหรือไม่ แต่ใน 5 เดือนนี้ ถ้ารัฐบาลยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไทยที่จะเสียไม่เพียงพื้นที่ทับซ้อน 3 พันไร่ เพราะตาม “แผนที่ใหม่” ที่นายนภดล ปัทมะ ลงนามพร้อมแถลงการณ์ร่วม 2551 ประเมินเนื้อที่คร่าวๆได้ไม่ต่ำ 1.5 ล้านไร่

คุณสุวิทย์ คุณกิตติ จะบอกได้ไหมว่า เฉพาะส่วนที่ทอดยาว 12 กิโลเมตรจาก “วนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร” ของกระทรวงทรัพยากรฯไปทางทิศตะวันตกถึงปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายในจังหวัดสุรินทร์นั้น ไม่ใช่ดินแดนไทย
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 7:21 pm

อธิฏฐาน wrote:กองบัญชาการกองทัพไทยมีคำสั่งห้ามนายทหารทุกนาย ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร...
ทั้งนี้ ในคำสั่งดังกล่าวยังได้มอบหมายให้ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ให้ข่าวเกี่ยวกับปัญหาเขาพระวิหารแต่เพียงผู้เดียว


ทำยังกับอยู่ในยุคจอมพลสฤษดิ์
Last edited by อารยา on Sun Aug 30, 2009 8:55 pm, edited 1 time in total.
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อธิฏฐาน » Sun Aug 30, 2009 7:49 pm

ขอโทษค่ะท่านอารยา คำสั่งห้ามนายทหารให้ความเห็นเกี่ยวกับเขาพระวิหาร สั่งมาตั้งแต่กรกฏาคม 51 ค่ะ แต่นายทหารทุกนายคงจะถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Sun Aug 30, 2009 9:05 pm

ไม่ใช่ความผิดของคุณอธิฏฐานครับ เพราะดู link ที่ึคุณให้ไว้ก็ไม่บอกปีไหน
วันที่เป็นข่าว 19 ก.ค. 51 ผบ.สส. พล.อ. บุญสร้่าง เจรจา General Boundary Commission กับนายพลเตียบันต์ที่สระแก้ว และเป็นวันที่ฮุนเ็ซนฟ้อง UN ว่าไทยส่งกองทหารเ้าเขตแดนกัมพูชา แต่มาเกี่ยวกับให้ทหารหุบปากทำไมอยากทราบเหมือนกันครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: อย่าเชื่อนะว่าไทยใกล้เสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Mon Aug 31, 2009 10:05 am

ตั้งแต่สนใจเรื่องนี้มา ซึ่งก็ยังไม่นานนัก และได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง...
มีความรู้สึกว่ามุมมอง ความคิดของตัวเอง ดูจะแตกต่างไปจากนโยบายและท่าทีของฝ่ายรัฐ เพราะฝ่ายรัฐ มีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามคู่กรณีค่อนข้างมาก เหมือนจะตีโจทย์ปัญหาและมองแนวทางแก้ไขไปคนละด้าน

แต่ก็ตระหนักอยู่เสมอว่า ความคิดเห็นของตนเองนั้นไม่สมบูรณ์ จึงอยากได้ฟังมุมมองจากคนอื่นด้วย ลองคิดหาคำตอบดูว่า หากไม่นับประเด็น "ขายชาติ" แล้ว มีเหตุอะไรที่ทำให้เขาคิดต่างจากเรา?..ซึ่งบางที อาจนำไปสู่ข้อสรุปในการแก้ปัญหาที่ดียิ่งขึ้น ก็เป็นได้

เป็นเรื่องของความเข้าใจ การวิเคราะห์ และการมองแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันของคนในกระทรวง (ที่มีอำนาจในการจัดการปัญหาโดยตรง) กับคนนอกกระทรวง (ประชาชนทั่วไปบางกลุ่ม)

ซึ่งบทความของ คุณ คำนูณ สิทธิสมาน เรื่อง เสียดินแดน? ..ได้เสนอแนวทางที่ดีค่ะ
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000098830

(บางส่วนจากบทความ..)
ความจริงที่ผมว่าน่าตกใจก็คือ ข้อมูล ข้อวิเคราะห์ และชุดความคิดของกระทรวงการต่างประเทศแตกต่างชนิดเกือบจะเรียกได้ว่าตรงกัน ข้ามกับนักวิชาการกลุ่มอาจารย์ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ - อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม และยังตรงกันข้ามกับอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศเองอย่าง ดร.สมปอง สุจริตกุล


มุมมองต่อคำพิพากษานี่ถือเป็นบรรทัดฐานครับ เหมือนการกลัดกระดุมเม็ดแรก กลัดอย่างไรก็จะเป็นผลต่อการกลัดเม็ดต่อๆ ไป


ตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาก่อนการลงมติ เพื่อให้มุมมองและชุดความคิดที่แตกต่างกันได้มีโอกาสมานำเสนออย่างเท่าเทียมกัน
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron