katindork wrote:การใช้เวลาศึกษามานาน
ทำให้มีข้อมูลว่าไทยจะสูญเสียอย่างไร คนในชาติเราต้องการอะไร
หากเพียงแค่ประหลาดใจแกมเอาใจช่วยว่า ทำไมรัฐจึงเงียบโดยปราศจากข้อมูลรับรอง แล้วนิ่งเฉยหรือเห็นงามด้วย
ก็คงต้องไปขอบคุณผู้ที่แจกจ่ายที่ดินให้แก่ต่างชาติ ดั่งรัฐบาลสมัคร สมชาย นั่นแหละ

ใช่ค่ะ..ศึกษา
นานมาก ตั้งแต่ปี 2505 จนถึงปัจจุบัน..แต่ก็ยังไม่มีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน เหมือนเป็นเรื่องน่าอายที่ต้องปกปิด มากกว่าจะเป็นวาระแห่งชาติ
จนปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่า
ความต้องการของคนในชาติก็ไม่ใช่แนวเดียวกัน เพราะมีวิธีคิด วิธีมองปัญหา และแนวทางแก้ไข ที่ต่างกัน / ตั้งแต่ระดับผู้บริหารประเทศ นักการเมือง ข้าราชการกระทรวงฯ จนถึงประชาชน / ส่วนในหมู่ประชาชน กลุ่มที่มีมากที่สุด คือ กลุ่มที่ไม่ได้ให้ความสนใจ หรือให้ความสำคัญกับปัญหานี้เท่าใดนัก เพราะปัญหาปากท้องและเรื่องอื่นๆ สำคัญกว่า
แม้กระทั่งผู้ใหญ่เอง ก็ยังคิดแก้ปัญหากันไม่ตก ความคิดแตกสาย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไร้หลัก!
ท่าทีก่อนและหลังของคนที่เคย Anti ก็เปลี่ยนไปอย่าง
น่าประหลาดนี่คือสิ่งที่น่า
ทวงถาม เพราะ
อยากรับฟัง ก่อนจะ
กล่าวหาเพราะอย่างน้อยๆ คนกลุ่มนี้ก็เคยมีเครดิตในเรื่องดังกล่าว..ยกตัวอย่าง เช่น คุณ กษิต
คุณ คำนูณ สิทธิสมาน เสนอประเด็นไว้ดีแล้ว..
"ตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา
ก่อนการลงมติ เพื่อให้มุมมองและชุดความคิดที่แตกต่างกันได้มีโอกาสมานำเสนออย่างเท่าเทียมกัน"
ประเด็นคือ เพื่อให้ "ชุดความคิดที่แตกต่างในการแก้ปัญหา" ได้ถกกันถึงข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแนวคิด ได้มีโอกาสพูดคุยกันแล้ว อาจมีข้อสรุปที่ดีขึ้น คงไม่ต้องมาศึกษาอะไรกันมาก เพราะต่างก็คงมีชุดข้อมูลกันอยู่แล้ว และจะให้ดี อยากให้ได้ข้อสรุปไปเลยว่า เราจะแสดงท่าทีอย่างไร..เอาให้แน่ ให้ชัด / จะใช้กำลังทหารผลักดันกัมพูชาให้ออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.ก.ม ไป หรือจะทำอย่างไร?
จะประชุมลับ จะเปิดเผยได้แค่ไหน มีเงื่อนไขอะไรก็ว่ากันไป..
ที่สำคัญ ต้องให้มีกลุ่มบุคคลที่น่าเชื่อถือ เป็นที่ไว้วางใจของแต่ละฝ่าย เป็นผู้เข้าร่วม..
เพราะถือเป็นตัวแทนของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกระทรวงฯ
ดิฉันเห็นด้วย กับรายนามบุคคลที่ควรอยู่ในกรรมาธิการ ตามที่คุณ คำนูณ สิทธิสมาน พูดถึงในบทความ อาจารย์ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ - อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม - ดร.สมปอง สุจริตกุล..อาจมีท่านอื่นๆ เพิ่มอีก..
ว่าแต่จะให้ใครเสนอเรื่องนี้ให้กับฝ่ายรัฐดีล่ะคะ?..
ภาคประชาชนในนามกลุ่มผู้สังเกตการณ์เรื่องเขาพระวิหาร?
หรือ พรรคการเมืองใหม่? หรือนักกฏหมายกับนักวิชาการจะรวมกลุ่มกันเพื่อเสนอเรื่องดังกล่าวดี?
ประชาชนธรรมดาอย่างดิฉันจะผลักดันอะไรได้บ้าง?แต่หากหลุดจากนี้ไป.. คือ รัฐ กระทรวงฯ ไม่รับข้อเสนอ..ก็คงอยู่ที่ ส.ส-ส.ว แล้วล่ะค่ะ จะทำหน้าที่กันอย่างมีวิจารณญาณแค่ไหน?
รบกันน่ะ เกิดไม่ยากหรอก .. แต่ผลของการรบ จะเป็นเรื่องที่อยู่กับเราไปอีกยาวนาน
จะได้มากกว่าเสีย หรือเสียมากกว่าได้.. ก่อนรบ คิดทบทวนสักครั้ง ก็คงไม่เสียหายอะไร