ไทยเสียดินแดนแล้ว

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: แฉตัวเลขไทยเสียดินแดนเบื้องต้น

Postby อารยา » Wed Sep 02, 2009 4:21 pm

อายุความข้อสงวน
ข้อสงวนของรัฐบาลไทยต่อคำพิพากษาของศาลในคดีปราสาทพระวิหารซึ่งไทยได้แจ้งไปยังเลขาธิการสหประชาชาติในหนังสือลงวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ พร้อมทั้งส่งเวียนให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติรับทราบทั่วกันโดยไม่ปรากฏว่ามีประเทศหนึ่งประเทศใดโต้แย้ง ทักท้วง หรือค้ดค้านแต่ประการใดนั้น เป็นข้อสงวนที่ปลอดอายุความ มีผลตลอดกาลตราบใดที่ยังอยู่ใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ การที่ข้อสงวนดังกล่าวมิใช่เป็นการทบทวนคดีเก่าซึ่งต้องกระทำภายในกำหนดเวลาที่จำกัดไว้ จึงยังมีผลบังคับจนทุกวันนี้ยกเว้นจะถูกเพิกถอนหรือยกเลิกอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลไทย

ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง สุจริตกุล*
๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๒


ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง สุจริตกุล
* B.A., B.C.L., M.A., D.Phil., and D.C.L. (Oxon)
Diplômé d’Etudes Supérieures de Droit International Public, Docteur en Droit (Paris)
LL.M. (Harvard)
of the Middle Temple, Barrister-at-law (United Kingdom)
Diplômé de l’Académie de Droit International de La Haye (Nederland)

- คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
- ศาสตราจารย์กิตติคุณกฏหมายระหว่างประเทศและกฏหมายเปรียบเทียบ
มหาวิทยาลัยกฎหมายโกลเดนเกท ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
- สมาชิกสถาบันอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศไทย
- สมาชิกสถาบันอนุญาโตตุลาการองค์การกฏหมายเอเซีย-แอฟริกา ณ กรุงไคโร และกัวลาลัมเปอร์
- อนุญาโตตุลาการอิสระ
- อดีตเลขาธิการอาเซียน (ประเทศไทย)
- อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ลักเซมเบอร์ก ญี่ปุ่น
ฝรั่งเศส โปรตุเกส อิตาลี กรีก อิสราเอล และองค์การตลาดร่วมยุโรป
- อดีตหัวหน้าคณะผู้แทนไทยประจำ UNESCO และ FAO
- อดีตสมาชิกศูนย์ระงับข้อพิพาทการลงทุนศาลอนุญาโตตุลาการธนาคารโลก ICSID World Bank
- อดีตกรรมาธิการสหปราชาชาติเพื่อพิจารณาค่าชดเชยความเสียหายในประเทศคูเวต (UNCC)
- และทนายผู้ประสานงานคณะทนายฝ่ายไทยในคดีปราสาทพระวิหาร
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๐๒-๒๕๐๕
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000099605
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: แฉตัวเลขไทยเสียดินแดนเบื้องต้น

Postby katindork » Wed Sep 02, 2009 5:42 pm

ข้อมูลคงไหลมาเรื่อยๆนะครับ เก็บๆๆ



ถ้ามองแบบฟันธง คงต้องบอกว่าไม่ไหว เพราะที่เรารบไม่ว่าทางไหน เราไม่ได้รบกับเขมรครับ
ทหารรบกับฝรั่งกับเวียดนามด้วยหรือไม่
เอาเงินรบ ก็มีทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลย์ มาร่วมวงด้วยอีกนั่นแหละ

:roll: :roll: :roll:


ทุกสิ่งทุกอย่างถ้ามีเวลากำหนด ก็จะโดนบีบให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
รัฐบาลคิดไปถึงตรงนั้นแล้วหรือยัง
หรือเพียงแค่ ค่อยๆปล่อยสภาพแวดล้อมเพื่อเจรจา แล้วฝันว่าโชคจะเข้าข้าง นั่นคงแย่แน่
เพราะทางเขมรและฝรั่งเขาเตรียมสภาพแวดล้อมในการเจรจาอยู่ตลอดเวลา
ล็อบบี้กับคนมีผลประโยชน์ขัดกัน มันคงไม่ได้ผล


ฉะนั้นเอาเงินรบคงไม่ทันการครับ เงื่อนเวลางวดเข้ามา
ยิ่งคิดยิ่งเรื่องใหญ่มากขึ้นทุกทีครับ
ฝั่งเขมร เงินคงหล่นเรี่ยราดแค่ในบ้านฮุนเซนครับ
หรือทั้งไทยและเขมร ต้องยกให้ตาอยู่ที่มารุมทึ้งเสียแล้ว :cry:
katindork
 
Posts: 995
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:00 am

Re: แฉตัวเลขไทยเสียดินแดนเบื้องต้น

Postby อธิฏฐาน » Wed Sep 02, 2009 6:18 pm

รายการนิวส์อาวของคุณเติมศักดิ์และคุณอุษณีย์ ASTV กำลังพูดถึงท่านอารยาจากเสรีไทยอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ท่านเขียนต่อไปค่ะ
User avatar
อธิฏฐาน
 
Posts: 3001
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:18 pm

Re: แฉตัวเลขไทยเสียดินแดนเบื้องต้น

Postby ปิงปิง » Wed Sep 02, 2009 7:13 pm

ทำไม ประเทศไทยต้องยอมเขมรด้วย ดูประเทศจีนเป็นตัวอย่าง มีปัญหาหมู่เกาะสแปรตรี่ย์ กับเวียตนาม ใต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาะเตี้ยวหยูกับหลายๆ ประเทศเพื่อนบ้าน ญี่ปุ่น ใต้หวัน เต็มไปหมด ก็ยังครงอำนาจต่อรองไว้ โดยมิได้ตัดความสัมพันธ์ หรือไม่ค้าขายกับประเทศที่พิพาท และรักษาอธิปไตยไว้ได้ โดยแบ่งหน้าที่ กันระหว่างกลาโหม กับต่างประเทศ เล่นกันคนละบทบาท ไม่มีหงอแบบไทย ไม่รู้ไปตกลงอะไรลับๆ เรื่องการค้าส่วนตัวหรือเปล่า อันนี้ยังไม่มีข้อมูล ยังไงคนไทยต้องรวมพลังแล้วละครับ
User avatar
ปิงปิง
 
Posts: 6
Joined: Wed Sep 02, 2009 6:55 pm

Re: แฉตัวเลขไทยเสียดินแดนเบื้องต้น

Postby ปิงปิง » Wed Sep 02, 2009 7:17 pm

รวมพลังคนไทย ส่งอีเมล์ถึงคณะกรรมการมรดกโลก
การขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารของกัมพูชา ได้สร้างความแตกแยกระหว่างไทย กับ กัมพูชา จนทำให้เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนทั้งสองฝ่าย องค์กรยูเนสโก ซึ่งกำกับดูแลคณะกรรมการมรดกโลก เป็นองค์กรที่ส่งเสริมสันติภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ กับไปสร้างความแตกแยก และส่งเสริมการรบราฆ่าฟันกันใน กรณีปราสาทเขาพระวิหาร พวกเราคนไทย ควรส่งจดหมาย ไปถึงประธานคณะกรรมการมรดกโลก Mr Francesco Bandarin F.Bandarin@unesco.org ให้ยกเลิกการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อที่จะให้ ชาวไทยและกัมพูชา อยุ่ด้วยกันอย่างสันติอีกครั้ง และถ้าจะขึ้นทะเบียนอีกครั้ง ก็ควรขึ้นร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันส่ง อีเมล์ไปตามที่อยู่นี้ หรือไปที่ www.unesco.org/ หรือที่ http://whc.unesco.org/en/35/ หรือช่วยกันส่งอีเมล์ไปหาบุคคลเหล่านี้ Staff & Consultants of the World Heritage Centre in Paris. อีเมล์ของพวกเขาไปที่หน้านี้ครับ http://whc.unesco.org/en/333/ พวเราต้องช่วยกัน เพื่อไม่ให้เสียดินแดน 4.6ตารางกิโลเมตร ขอบคุณทุกคนมากมากครับ
User avatar
ปิงปิง
 
Posts: 6
Joined: Wed Sep 02, 2009 6:55 pm

Re: แฉตัวเลขไทยเสียดินแดนเบื้องต้น

Postby ปิงปิง » Wed Sep 02, 2009 7:26 pm

ผมแปล เป็นอังกฤษให้ครับ copy และ paste ไปที่เวบไซท์ ตามที่ผมได้ให้ไว้ข้างบน ในหน้า http://whc.unesco.org/en/333/ จะมีรายชื่อและอีเมล์ ของระดับผู้บริหาร คณะกรรมการมรดกโลก ครบทุกคน รวมทั้งประธาน และรองประธาน จะพึ่ง รมต สุวิทย์ คงไหม่ไหว ช่วยส่งข้อความภาษาอังกฤษนี้ไปที่ ที่อยู่อีเมล์ดังกล่าวข้างต้น ใครเก่งภาษาอังกฤษก็ส่งความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ของชาติไปได้เลยครับ สำหรับคนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง เอาของผมไปใช้ได้ครับ

Unesco policy is to promote peace not War World Heritage is under unesco The announcement of the Temple of Preah Vihear as one of the world heritage sites ,has cuased argument and fighting along the border between Thailand and Cambodia. There fore we would like to request
Unesco to reconsider its wrong decision resulting to a lot of casualty and deaths and also damaging good relations between the two countries
User avatar
ปิงปิง
 
Posts: 6
Joined: Wed Sep 02, 2009 6:55 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby 8omuj » Thu Sep 03, 2009 12:52 am

ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ ก็ไม่ต้องโทษหน้าเหลี่ยมหรือใครเลยครับ รบ.ชุดนี้แหละ เป็นจำเลยแรก ตอนขึ้นเวทีพันธมิตร นี้พูดไว้ฉะฉาน แต่พอเป็น รบ นั่งดูตาปริบๆ :lol:


/me ว่าแต่เตรียมซื้อก๊าซเขมรไว้ด้วยก็ดีนะ อีก 20 ปีจะหมดอ่าวไทยแล้ว :P
User avatar
8omuj
 
Posts: 249
Joined: Tue Nov 25, 2008 2:39 am

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby Onizuka » Thu Sep 03, 2009 2:17 am

10.07.08 Temple of Preah Vihear inscribed by the World Heritage Committee on the World Heritage List
Bangkok 8 July 2008--A tentative interpretation, below, of the World Heritage Committee’s discussion on Preah Vihear has been received by the UNESCO office in Bangkok. It must be noted that the official wording of the endorsement by the World Heritage Committee will be released at the conclusion of its meeting later this week.

The Temple of Preah Vihear was inscribed to the World Heritage List on 7th July. The World Heritage Committee made its decision after due consideration of the merits of the proposal at its 32nd session in Québec, Canada. The Committee is a 21 member intergovernmental and independent body with the exclusive right to accept or reject nominations to the World Heritage List.

The inscription was followed by two statements by the Vice Prime Minister of Cambodia and by the Foreign Affairs Minister of Thailand. The latter said that Thailand would have preferred a postponement of the inscription.

It is important to note that the inscription was based on a new plan which differs from that attached to the Joint Communique' of 18 June.

In its decision, the World Heritage Committee acknowledges that the Joint Communique' of 18 June is no longer valid and should be disregarded. It makes reference to a new graphic plan submitted by Cambodia which differs from the map attached to the Joint Communique', identifying a reduced perimeter proposed for inscription. It also acknowledges that in the future, new archaeological findings might enable consideration of a transboundary nomination.

The World Heritage Committee recognises that under Article 11.3 of the Convention, inscription of the Temple of Preah Vihear has no implications for any ongoing negotiations concerning the boundary between the two countries and does not prejudice the rights of both governments to reach an amicable settlement of the disputed boundary.


The World Heritage Committee’s decision encourages Cambodia and Thailand to collaborate for the safeguarding of the property. It requests Cambodia to convene an international coordinating committee for the safeguarding of the property inviting Thailand and other "appropriate partners" as members. It also requests Cambodia to further define the perimeter of the buffer zone and complete the management plan for the property and its buffer zone.

ref: http://www.unescobkk.org/information/ne ... tage-list/

***************************************

ปัญหามันอยู่ตรงท่อนท้ายของ World Heritage Committee นั่นแหละครับ

ที่ให้เขมรกำหนดเขตของ buffer zone ของเขาพระวิหาร

มันเลยเล่นซะเยอะ แบบลักไก่

ที่ทำได้คงต้องมีการส่ง petition ทั้งภาครัฐ และประชาชนร่วมกัน

ไม่อย่างนั้น ก็อย่างที่คุณอารยาบอกไปแล้ว

แต่ผมว่าจะไปเหมือนอึ่งอ่างไชโยมากกว่า
"กลุ่มไม่เอาแคนไทย”

1. ไม่อ่าน ไม่คลิ๊ก ไม่ช่วยเพิ่ม rating ให้กระทู้ของคนเหล่านี้
2. เมื่อเป็นฝ่ายถูกกระทำ ให้ตอบโต้อย่างสาสม และ quote ข้อความของคนเหล่านี้เก็บไว้
3. คลิ๊ก ‘!’ ของโพสท์ดังกล่าว แจ้งให้ wm ทราบ

เห็นด้วย ช่วยกันเซฟเป็น signature
User avatar
Onizuka
 
Posts: 663
Joined: Mon Mar 30, 2009 2:42 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 6:52 am

เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้นครับ
ประธานคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ (President of World Heritage Committee) เป็น JUCA FERREIRA เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อ 30 มิถุนายน 2552 ที่สเปน และจะทำหน้าที่ประธานในการประชุม ครั้งที่ 34 ที่บราซิล ในราวเดือน มิถุนายน 2553 คือปีหน้าครับ ท่านใดจะช่วยหาอีเมล์แอดเดรซของท่านด้วยจะขอบคุณมาก ผมทราบแค่ว่าท่านเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของบราซิล เป็นนักต่อสู้ในยุค 60s
ถ้าจะเรียกท่านให้เต็มยศคือ H.E. Juca Ferreira

ส่วนที่คุณปิงปิงกรุณาแนะนำให้เขียนถึงเป็นผู้อำนวยการศูนย์มรดกโลก (Director of World Heritage Centre) คงจะรออ่านอยู่ที่ปารีสครับ
ขอบคุณปิงปิงที่ช่วยกันครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 7:28 am

Onizuka wrote:...It requests Cambodia to convene an international coordinating committee for the safeguarding of the property inviting Thailand and other "appropriate partners" as members. It also requests Cambodia to further define the perimeter of the buffer zone and complete the management plan for the property and its buffer zone.

ref: http://www.unescobkk.org/information/ne ... tage-list/

***************************************

ปัญหามันอยู่ตรงท่อนท้ายของ World Heritage Committee นั่นแหละครับ

ที่ให้เขมรกำหนดเขตของ buffer zone ของเขาพระวิหาร

มันเลยเล่นซะเยอะ แบบลักไก่

ที่ทำได้คงต้องมีการส่ง petition ทั้งภาครัฐ และประชาชนร่วมกัน

ไม่อย่างนั้น ก็อย่างที่คุณอารยาบอกไปแล้ว

แต่ผมว่าจะไปเหมือนอึ่งอ่างไชโยมากกว่า

มี 3-4 ประเด็นที่ขออนุญาตแจมเป็นการ "มองหน้แลหลัง" เล็กน้อยครับ

1. เรื่องทำ petition ที่วันนี้ไร้ข้อกังขาแล้วนั้น คุณ Scarecrow เคยดำริในโพสต์แรกของกระทู้เก่า ก็ไม่มีอะไรครับ เป็นเพียง จขกท. อยาก "acknowledge" หรือ "เพื่อทราบ" ด้วยความปรีดา ธรรมดา

2. ประโยค: [T]he World Heritage Committee acknowledges that the Joint Communique' of 18 June is no longer valid and should be disregarded. (ข้างบน) ก็มีความหมายทำนองเดียวกับข้อ 1 คือใคร่ที่จะให้รับทราบ ("acknowledge") ไม่ถือว่าต้องปฏิบัติตามนั้น...ใครที่ทึกทักว่าห้ามพูดถึงแถลงการณ์ร่วมด้วยเหตุที่ว่ามันยกเลิกไปแล้วถือว่า ถ้าไม่หยาบ (คิดรอบคอบ)ก็พยายามตีความเป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะคิดถึงผลประโยชน์ของชาติ

3. มีความสัมพันธ์ที่ดีผิดปกติระหว่างผู้ใหญ่ในยูเนสโกบางคนที่ abuse power กับผู้นำกัมพูชาหลังจกเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อกลางปี 2550 ที่นิวซีแลนด์ ถึงกับ...ยุให้กัมพูชามีอภิสิทธิ์ (เหนือ State Party คือ Thailand) ดังข้อความต่อมา: "It requests Cambodia to convene (ICC). และแนวทางลักไก่นี้ก็ใช้ Joint Communique เป็นมาตรการนำร่อง ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรซ้ำให้ปวดกบาล ตรงไหนที่เป็น deadline ก็ตามนั้นเป๊ะๆ ข้ามหัว JBC ก็แสนสะดวก เพราะฝ่ายไทยเสียขบวนตั้งแต่รัฐสภาจนถึง RJB (Regional Boundary Commission)

4. มีคนที่ถูกหาว่าคลั่งชาติก่อนพวกเราที่นี่ และก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกที่ตัดสินให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนได้เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมปีกลายไม่กี่วัน อย่างเช่น http://www.thaigold.info/forum/index.ph ... 512.0;wap2
หลังจากฝุ่นจางจากนี้ไป ผมคาดว่าคงจะได้ยินแผ่นเสียงตกร่องว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ อย่าได้โทษไอ้เหล่วัดสามปลื้ม ถ้าถามว่าแล้วจะให้โทษใคร จะมีคนยกระดับคนถูกประณามเป็นรัฐบาลนี้
ผมว่ามันจะมากไป แต่คิดไปอีกที ก็เป็นอาการของวัวสันหลังหวะธรรมดา

ก็มีแค่นั้นครับ รู้สึกว่าหายเหนื่อย แต่ภารกิจของ "เสรีไทย" ไม่เคยหมดตราบที่ยังมีประเทศไทย
แล้วจะมาช่วยแจมในฐานะคนอ่านอีกครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Thu Sep 03, 2009 8:39 am

ขอบคุณ คุณปิงปิงค่ะ..ที่แนะนำไอเดียดีๆ..
อย่างน้อยๆ..ก็เป็นสิ่งที่ดิฉันสามารถช่วยทำได้

จากไอเดียของคุณปิงปิง อยากให้คนเก่งๆ ภาษาอังกฤษในเว็บนี้ ช่วยกันร่างจดหมายถึงยูเนสโก
ในหลายแบบข้อความ แล้วช่วยกันส่งเป็น fwd mail เพื่อให้คนอื่นๆ ช่วยส่ง email ถึงยูเนสโกด้วย

ในส่วนเนื้อหาที่คุณปิงปิงให้มานั้น ดีทีเดียว ตรงจุด!
ยูเนสโกกำลังจะสร้างสงคราม ไม่ใช่สันติภาพ! :(
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 10:13 am

จากนี้ไป เราจะเลิกยอกย้อนหรือลงความเห็นรุนแรงว่ายูเนสโกกำลังก่อสงครามเช่นนั้นจะเหมาะกว่านะครับ ก็เราจะใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาร่วมกับเขาอยู่ร่อมร่อจะต้องมาเสียเวลาไปหาเรื่องเขาทำไม จริงมะ แต่ยูเนสโกยังคงต้องได้รับคำเตือนว่าเป็นองค์กรเพื่อสันติภาพ period

หากจะพาดพิงถึงในส่วนที่ยูเนสโกทำผิดพลาด ก็ย่อมไม่ผิดมารยาทอันใด และคงต้องอิงข้อเท็จจริง หรือที่เราเชื่อด้วยบริสุทธิ์ว่าเป็นความจริง
เช่น อารยายังคงถือว่ายูเนสโกกับกัมพูชาร่วมก่อปัญหา ซึ่งต้องยอมรับว่าที่เสี่ยงต่อการเกิดสงครามได้ มีอะไรก็ว่าไป
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 10:16 am

(ต่อครับ) ดังนั้นผมขออนุญาตทบทวนปฐมเหตุ และขอจบที่กำเนิดของแถลงการณ์ร่วมอันแสนอัปยศเท่านั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การจากคนไทยละกันนะครับ
มูลเหตุสำคัญที่จูงใจให้ผู้นำกัมพูชาได้ใจทำข้อเสนอ (Nomination File) ลงวันที่ 30 มกราคม 2549 ขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกต่อยูเนสโก มาจากการสนับสนุนอย่างมีวาระซ่อนเร้นของอดีตนายกฯทักษิณ เมื่อปลายปี 2548 ว่า อุปสรรคที่กัมพูชาเคยไม่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์มรดกโลก (World Heritage Centre--WHC) ที่ปารีสหลังจากเพียรขอขึ้นทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2534 จะหมดไป
แล้วเมื่อเป็นวาระซ่อนเร้น ข้อแลกเปลี่ยนก็ย่อมมิใช่วิสัยที่อดีตผู้นำไทยคนนี้จะเห็นแก่ประเทศชาติ ส่วนจะเป็นอะไร อาจจะเร็วเกินไปที่จะเอ่ยถึง แต่คงไม่พ้นการสวมรอยพื้นที่รอยต่อที่ทับซ้อนกันของเขตแดนระหว่างสองประเทศ อาจจะเป็นบริเวณปราสาทพระวิหารที่ให้กัมพูชารวมเข้าอยู่ในสถานะเป็นมรดกโลกเบ็ดเสร็จ หรือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยต่อจากหลักเขตที่ 73 ว่าจะปรับเพื่อสะดวกในการแบ่งปันทรัพยากรให้ลงตัวอย่างไร

เมื่อยูเนสโกรับข้อเสนอขอขึ้นทะเบียนที่ระบุว่าเป็น “The Sacred Site of the Temple of Preah Vihear” เมื่อต้นปี 2549 ผู้นำของทั้งสองประเทศก็ไม่คาดว่าจะเกิดการยึดอำนาจ เอกสารที่จะแสดงว่ารัฐไทยให้การสนับสนุนกัมพูชาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจึงกลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงที่ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่นิวซีแลนด์ครั้งที่ 31 เมื่อกลางปี 2550 มิอาจพิจารณาลงมติให้ขึ้นทะเบียนได้ แต่ให้เลื่อนไปพิจารณาในปีต่อไปเนื่องจากเห็นด้วยกับรายงานขององค์กรประเมินคุณค่าแหล่งโบราณคดี “ ICOMOS” ว่า The Sacared Site…เข้าเกณฑ์เป็นมรดกโลกได้ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ และมีสิ่งปรกหักพังที่กระจายอยู่รอบตัวประสาทและตัวปราสาทเองเป็นหลักฐาน แปลว่าหากขาดชิ้นว่วนทางประวัติศาสตร์ใด เช่น สถูปคู่ บรรณาลัย สระตราว ฯลฯ ด้านตะวันตกของตัวปราสาทก็จะมารวมให้เป็นมรดกโลกไม่ได้ ก็เผอิญส่วนที่กล่าวถึงนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ปัญหาเก่าของกัมพูชาจึงเวียนมาเป็นฝันร้ายอีกจนได้ ผู้แทนไทยที่เข้าประชุมมรดกโลกเมื่อกลางปี 2550 จึงยังคงยึดถือ “วาระแห่งชาติ” ของรัฐบาลก่อนๆที่ไม่ให้การสนับสนุนกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกตามลำพัง เนื่องจากเกรงว่าจะมากระทบพื้นที่ทับซ้อนที่ยังคาราคาซังกันอยู่หลังจากศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาครอบครองปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505

เรื่องมันควรจบ ถ้ายูเนสโกไม่ร่วมมือกับกัมพูชาทุรังต่อโดยทำการ ลักไก่” คณะกรรมการมรดกโลกในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ให้ลงมติสวนทางมติเดิมในกลางปี 2550 ที่นิวซีแลนด์

"กำเนิดขบวนการลักไก่"

1. เดือนกันยายน 2550 ยูเนสโกเรียกบริษัทรับเหมาก่อสร้างปฎิสังขรณ์โบราณสถานแห่งหนึ่งในยุโรปชื่อ ANPV มาอุปโลกน์เป็น”Public Institution” แล้วให้กัมพูชารับไปสำรวจพื้นที่ขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกซ้ำ “ICOMOS” ที่สำรวจและรายงานคณะกรรมการมรดกโลกไปแล้วเมื่อปี 2550 “ธง” ของ ANPV ที่รับมาคือต้องแสดงให้เห็นว่าเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารก็เป็นมรดกโลกได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดที่มาจากเงื่อนไขการไม่สนับสนุนจากรัฐไทยนั่นเอง แน่นอนว่า การนำ ANPV เข้ามาก็เป็นเรื่อง “กันเหนียว” ก็ใครจะคาดล่วงหน้าว่าไม่จำเป็นเพราะทักษิณเตรียมรัฐบาลนอมินีให้เข้ามาช่วยกัมพูชาแก้ไขปัญหาจาด “active support” จากไทยได้อยู่แล้วก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกจะประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฏคม 2551

2. หลังจากนายนภดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขณะนั้นเดินทางกลับจากปารีสเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2551 นายสมัครออกอาการ “กร่าง” มากกว่าปกติว่า การขอชึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาไม่ทำให้ดินแดนไทยถูกตัดไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียวบ้าง กัมพูชาขอยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้นบ้าง ศาลโลกยกปราสาทให้เป็นของกัมพูชามาเกือบ 50 ปีแล้วบ้าง นายสมัครพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องเพราะรู้ว่าในเดือนถัดมาจะมีงานเข้าเนื่องจากฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไว้วางใจรัฐบาลซึ่งไม่พ้นเรื่องปราสาทพระวิหาร แต่ทำไมนายสมัครร้อนตัวก็ต้องดูบทบาทของนายนพดลตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ศูนย์มรดกโลก ที่ปารีส

3. ที่นั่น ตามข้อ 2 นางฟรังซัวส์ ริเวียเร่ ผู้ช่วย ผอ. สำนักงาน (คนที่คุ้นกับ ANPV) รองนายกฯซกอันของกัมพูชา และนายนภดล ร่วมลงนามในข้อตกลงชั่วคราว จะเรียกว่าเป็น Joint Decoration ก็ได้ว่า นายซกอันจะเป็นผู้เตรียมแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) และวาดแผนที่ประกอบแผนอนุรักษ์และแสดงพื้นที่การบริหารจัดการมรดกโลก ซึ่งต่อไปนี้จะเปลี่ยนจาก The Sacred Site ให้เหลือเพียง WThe Temple of Preah Vihear” เพื่อลงนามกันอีกทีว่าไทยให้การสนับสนุนกัมพูชาเต็มที่ในการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้ และให้ “dirty work” ของ 3 คนที่คิดคดอัปยศนี้ เสร็จก่อนกำหนดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก (2-7 กรกฎาคม 2551)

4. แผนที่นั้นวาดเสร็จเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2551 อย่างสุกเอาเผากิน แสดงพื้นที่ด้านเหนือตัวปราสาทซึ่งกินพื้นที่วนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และด้านตะวันตกซึ่งน่ากลัวว่าจะกินแดนมาถึงปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายที่สุรินทร์ สนองใจความในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ร่างเสร็จสมกัน เอกสารทั้งสองฉบับส่งมาเข้าที่ประชุม ครม.ของนายสมัครเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 และผ่านการรับรองจากคณะรัฐมนตรีหน้าโง่ไปเรียบร้อยในวันนั้น

5. วันรุ่งขึ้น นายนภดล ลงนามในแถลงการณ์และรับรองแผนที่ปกปิดมิให้รัฐสภารับทราบว่าไปงุบงิบเจรจาตกลงเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดินแดนของประเทศกับใครมา นางฟรังซัวส์เจ้าเก่า ยัดไส้เข้าวาระการประชุมที่เมืองกีเบก คานาดาทันวันที่ 2 กรกฎาคม 2551 !!

6. ขบวนการที่มี 3 คนเป็นหนังหน้าไฟสามารถกดดันคณะกรรมการมรดกโลกยูเนสโกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ให้ลงมติการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ เมื่อกรรมการจาก 21 ประเทศต้องจำนนต่อถ้อยคำสั้นๆว่าประเทศไทยให้ “active support” ในสำเนาแถลงการณ์ร่วม ลว. 18 มิถุนายน 2551 ท่ามกลางกระแสข่าวที่แพร่ไปทั่วโลกว่าชายแดนไทย-กัมพูชามีความตึงเครียด มีคนไทย 3 คนรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาตรงบริเวณปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 5 กรกฏคม 2551
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Thu Sep 03, 2009 10:38 am

ทั้งหมดทั้งปวงที่ถกกันมา ทั้งทางแก้ ขอเสนอแนะ แนวคิด นั้น ปัญหามันมีอยู่อย่างคือ

ใครจะเป็นคนทำ ใครจะเป็นคนดำเนินการ คนที่ทำมีศักยภาพ ความรู้ความสามารถพอมั้ย

บ้านเมืองเรา ผมก็อยากรู้ว่าใครเป็นนักเจรจามือหนึ่ง ที่คุยแล้วผลประโยชน์มักจะตกแก่ประเทศชาติ

เพราะที่เห็นๆ มา เจรจามักจะเสียประโยชน์ทั้งนั้น

รัฐบาลก็ควรสรรหาจัดเน้นๆ เป็นคณะทำงานให้มันชัดเจนหน่อยไม่ได้เหรอ
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby JFreak » Thu Sep 03, 2009 10:40 am

ขอบคุณครับ คุณอารยา

แค้นโว๊ยยยยย เราจะทำอะไรกันได้บ้างเนี่ย ให้พวกทหารกับนักการเมืองมันมีจิตสำนึกเสียที
"เทพเทือกต้องมาก่อน" วาระประชาชน วาระอภิสิทธิ์
User avatar
JFreak
 
Posts: 591
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:04 am

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby Jseventh » Thu Sep 03, 2009 10:49 am

อารยา wrote:จากนี้ไป เราจะเลิกยอกย้อนหรือลงความเห็นรุนแรงว่ายูเนสโกกำลังก่อสงครามเช่นนั้นจะเหมาะกว่านะครับ ก็เราจะใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาร่วมกับเขาอยู่ร่อมร่อจะต้องมาเสียเวลาไปหาเรื่องเขาทำไม จริงมะ แต่ยูเนสโกยังคงต้องได้รับคำเตือนว่าเป็นองค์กรเพื่อสันติภาพ period

หากจะพาดพิงถึงในส่วนที่ยูเนสโกทำผิดพลาด ก็ย่อมไม่ผิดมารยาทอันใด และคงต้องอิงข้อเท็จจริง หรือที่เราเชื่อด้วยบริสุทธิ์ว่าเป็นความจริง
เช่น อารยายังคงถือว่ายูเนสโกกับกัมพูชาร่วมก่อปัญหา ซึ่งต้องยอมรับว่าที่เสี่ยงต่อการเกิดสงครามได้ มีอะไรก็ว่าไป


ข้อเท็จจริงที่คุณอารยาเคยกล่าว สามารถนำมาใช้เป็นเนื้อหาในการทักท้วงได้หรือไม่คะ?
อย่างเช่น การเบี่ยงเบนมาตรฐานการประเมิน ไปยึดของ ANPV แทน ICOMOS เพื่อรับขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา โดยไม่สนใจว่า สองประเทศเขากำลังมีปัญหาเรื่องเขตแดนกันอยู่
(แต่ประเด็นนี้ รู้สึกว่าจะมีกลุ่มนักวิชาการเคยเคลื่อนไหว ทำหนังสือถึงยูเนสโกไปแล้วด้วย มีแค่หนังสือตอบกลับมา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก)

ตัวอย่างเนื้อหาที่คุณปิงปิงสรุปมา ก็โอเคอยู่..ไม่น่าจะเป็นการหาเรื่องยูเนสโก..แต่เป็นการทักท้วงโดยสุจริต ตามสิทธิคนไทย...เรื่องอะไรที่จัดว่าเป็นการยอกย้อน หรือลงความเห็นรุนแรง ที่คุณอารยาอยากให้เลิกหรือคะ? .. ช่วยแนะนำไว้ด้วยค่ะ

ดูๆไป..เขาก็น่าจะเป็นต้นเรื่องที่แท้จริง ประมาณว่า สามารถให้ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ในเชิงที่ทำให้เกิดสันติภาพได้กับสองประเทศ แต่ไม่ทำ กลับทำในลักษณะลำเอียงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ใจไปซะอย่างนั้นแหละ! / แต่ก็นะ!..มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของไทย เป็นดุลยพินิจขององค์กรโลก (แม้จะดูไม่เที่ยงธรรมสักเท่าไหร่) / สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำสิ่งที่อยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด รอบคอบที่สุด
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby LOB » Thu Sep 03, 2009 10:50 am

อยากให้รัฐบาลทำอะไรบ้างจริงๆค่ะ
ไม่งั้นเราคงต้องเสียดินแดนไปแล้วจริงๆ
อ่านแล้วก็เศร้าใจมากค่ะ ไม่เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังคิดอะไรอยู่ :?: :?: :?:


ปิงปิง wrote:ผมแปล เป็นอังกฤษให้ครับ copy และ paste ไปที่เวบไซท์ ตามที่ผมได้ให้ไว้ข้างบน ในหน้า http://whc.unesco.org/en/333/ จะมีรายชื่อและอีเมล์ ของระดับผู้บริหาร คณะกรรมการมรดกโลก ครบทุกคน รวมทั้งประธาน และรองประธาน จะพึ่ง รมต สุวิทย์ คงไหม่ไหว ช่วยส่งข้อความภาษาอังกฤษนี้ไปที่ ที่อยู่อีเมล์ดังกล่าวข้างต้น ใครเก่งภาษาอังกฤษก็ส่งความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ของชาติไปได้เลยครับ สำหรับคนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง เอาของผมไปใช้ได้ครับ

Unesco policy is to promote peace not War World Heritage is under unesco The announcement of the Temple of Preah Vihear as one of the world heritage sites ,has cuased argument and fighting along the border between Thailand and Cambodia. There fore we would like to request
Unesco to reconsider its wrong decision resulting to a lot of casualty and deaths and also damaging good relations between the two countries


ขอบคุณมากค่ะคุณ ปิงปิง จะลองทำตามดูค่ะ

เฮ้อ..รอฟังเสียงนกหวีดอีกแล้วเรา
I'M A STRAIGHFORWARD, DON'T EXPECTED TO SEE MY FAKE ANY WAY I'M NOT INNOCENT
User avatar
LOB
 
Posts: 146
Joined: Wed Dec 24, 2008 9:56 am
Location: BKK

Re: แฉตัวเลขไทยเสียดินแดนเบื้องต้น

Postby Jseventh » Thu Sep 03, 2009 10:59 am

nonnun wrote:ท่านอารยะคะ ...
ถ้าเกิดไทยถอนตัวจากสมาชิกมรดกโลกจะเกิดอะไรขึ้นคะ


ขอช่วยตอบเท่าที่ทราบมานะคะ คุณ nonnun

เคยอ่านบทสัมภาษณ์ ท่าน ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ
อดีตประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
ท่านได้ให้ทัศนะในเรื่องนี้ไว้ว่า..

Q: หากไทยถอนตัวจากภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลกและ UNESCO จริงๆ จะมีผลกระทบกับประเทศไทยอย่างไร?

A: การที่ประเทศของเรามีแหล่งมรดกโลกมันก็ดี เพื่อที่ชาวโลกก็จะได้เห็นว่าเราก็มี แต่ถ้าแหล่งมรดกโลกของไทยทั้ง 5 แห่งจะถูกถอนไป ผมไม่ mind เลย ในแง่ของการท่องเที่ยว ผมว่าก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะทุกวันนี้ เราเองก็ส่งเสริมการท่องเที่ยวของเรากันอยู่แล้ว บางทีอาจทำมากเกินไปด้วยซ้ำ สิ่งที่ควรระวัง คือในทางเศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยยังต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ การถอนตัวจากประชาคมโลกอาจจะทำให้ถูกแทรกแซง แต่สุดท้ายเพื่อรักษาหลักการและอธิปไตยของ ชาติ รัฐบาลและประชาชนคนไทยอาจต้องเตรียมพร้อมที่จะรับผลที่ตามมา

ได้อย่างเสียอย่าง ไทยเราต้องชั่งน้ำหนักผลแห่งการกระทำกันอยู่หลายเรื่องทีเดียว :roll:
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเทวาหรือซาตาน มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด
User avatar
Jseventh
 
Posts: 1741
Joined: Wed Nov 19, 2008 11:19 am

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 1:04 pm

ประเด็นอยู่ที่ว่าจะได้อะไรขึ้นมา 5 แห่งนั้นเป็นวัฒนธรรม 3 ธรรมชาติ 2 ได้เป็นเมื่อปี 2534
และมัน (การขอถอนตัวจากสมาชิก WHC) เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก?) นี้อย่างไร
ผมไม่มีปัญญาจะตอบได้ จนกว่าใครจะบอกได้ว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร จึงอาจพอจะร่วมวงเสวนา ณ ประเด็นเกี่ยวกันนั้นได้ นี่พูดจริงๆครับ ยังไม่ได้แยกแยะให้เป็นสมมุติฐานเลย คงเป็นเพราะมองไม่เห็นว่ามันจะมาฃ่วยอะไร

แต่ตอบผ่านๆไปแล้ว 2 ประเด็นเล็กๆว่า
1. คุณเทพมนตรีเป็นคนพูดเมื่อเดือนมิถุนานหรือกรกฏาปีที่แล้ว ในช่วงที่คณะกรรมการมรดกโลกตัดสินให้กัมพูชาได้ครองปราสาทพระวิหารว่า เลิกเป็นภาคี Unesco's World Heritage กันเถอะ แต่ก็เห็นพูดแล้วก็แค่นั้น และสื่อเอาความเห็นนี้ไปถามอาจารย์อดุลย์ ท่านก็ตอบว่า "ไม่ mind" ผมก็ว่าท่านตอบดีเพราะเราส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ไม่กระทบภายใต้บริบทหรือ assumption ทางเศรษฐกิจ
ผมไม่เห็นว่าท่านได้ตอบในประเด็นเชิงวัฒนธรรม (บริบทของ "World Heritage") แต่ประการใด และท่านก็ไม่จำเป็นต้องตอบทุกแง่
อย่าลืมว่าปี 2534 ท่านเป็นกรรมการอยู่ใน Unesco-WHC (เทอม 6 ปี) และไทยก็ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเป็นกอบเป็นกำที่ผมพูดถึงบรรทัดแรก ท่านบอกไม่มายด์นั้นก็สื่อว่าท่านไม่ได้ยึดถือมั่นในผลงานที่ท่านมีส่วนทำให้ไทยมีชื่อเสียง พูดมากกว่านั้นจะน่าเกลียด ต้องเห็นใจและเข้าใจในความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของท่านด้วย

2. เคยมีสองสามประเทศเคยคิดก่อนคุณเทพมนตรี เช่นสหรัฐ หลายปีมาแล้ว แต่วันนี้กลับเข้ามาเป็นสมาชิกอีก ผมก็ไม่ทราบที่มาที่ไป
ก็เท่านั้น

เท่าที่ผมจำคำถามที่คุณ Jseventh ตัดมา ก็จำได้ว่าตอบไปแล้วแม้จะกระท่อนกระแท่นเต็มที แต่แน่ใจว่าเต็มใจตอบ อาจต่างกรรมต่างวาระกันก็ได้
และยินดีมาก หากได้มีท่านผู้รู้ช่วยกันให้ความกระจ่าง ผมเองมีข้อจำกัด รู้ตัวครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 1:48 pm

1.
nonnun Sep 02, 2009 1:23 am wrote:ท่านอารยะคะ ...
ถ้าเกิดไทยถอนตัวจากสมาชิกมรดกโลกจะเกิดอะไรขึ้นคะ


2.
อารยา Sep 02, 2009 8:07 am wrote:...เรื่องถอนตัวจากสมาชิกมรดกโลก สหรัฐ กับอีกสองสามประเทศเคยทำมาก่อนไทยแล้ว ไม่มีประโยชน์ครับ เตะหมูเข้าปากหมาเปล่า และทุกประเทศที่เคยทำเท่ถอนตัวก็เสียรังวัดกลับเข้ามาใหม่ รวมทั้งสหรัฐที่ว่าแน่ๆ เพราะ "มรดกโลก" ไม่ได้เป็นศัตรูใคร เราเกลี่ยดมรดกโลกก้เท่ากับเกลียดบรรพบุรุษของมนุษยชาติ เกลียดตัวเอง ไม่มีประัโยชน์

อีกประเด็น ถอนการขึ้นทะเบียน เรื่องนั้นอย่าไปห่วงครับ มันต้องขึ้นก่อนถึงจะได้ถอน ตอนนี้เหลืออีก 8 เดือนจะทำอะไรก็ทำซะ ไม่ต้องถอนอะไรทั้งสิ้น รวมทั้งไม่ต้องถอนทหารด้วย เข้าใจนะพ่อหนุมมาร์คที่รัก


ทั้งสองข้อความปรากฎในกระทู้นี้เองครับ

ส่วนที่ผมเคยเอ่ยถึงคุณเทพมนตรี เคยเม้นท์ว่า ผมดีใจที่ที่แกกลับลำทัน ฟังดูก็งั้นๆ อย่าไปควานหามันเลยนะครับ
และผมเข้าใจว่าแกคงเลิกคิดถอนตัวแล้ว เพราะตอนหลังไม่ได้ยินแกมาต่อยอดหรือค้นหาตะเข็บเรื่องนี้อีก
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby nonnun » Thu Sep 03, 2009 2:01 pm

ขอบคุณ คุณ Jseventh และท่านอารยา มากคะที่ กรุณาให้ความรู้
จะรอติดตามอ่านความคืบหน้าค่ะ
เพราะส่วนตัวคงไม่มีปัญญาค้นข่าวได้ละเอียดนัก
:lol:
... ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา... แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น./
(กรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศักดิ์)
User avatar
nonnun
 
Posts: 1695
Joined: Wed Oct 15, 2008 11:52 am

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 2:11 pm

JFreak wrote:ขอบคุณครับ คุณอารยา

แค้นโว๊ยยยยย เราจะทำอะไรกันได้บ้างเนี่ย ให้พวกทหารกับนักการเมืองมันมีจิตสำนึกเสียที


การเปลี่ยนแปลงในสังคมนี้ ยังคงต้องอาศัยวิธี "top down" กระบวนการ "bottom up" ต้องหาเหตุปัจจัยช่วยหนุีนมากมายกว่าจะได้อย่างผลงานของพันธมิตร
ผมมองว่างานนี้ง่าย โดยพันธมิตรไมใ่ต้องออกแรงมากเท่าที่เป็นมา

ปัญหาอยู่ที่นายกฯอภิสิทธิ์ยังจำเปลโต้ตอนที่พูดว่า "แม้ปัจเจกเดียวเจ็บปวด รัฐก็ต้องเจ็บด้วย" สมัยเรียนที่อ๊อกซฟอร์ดได้หรือไม่
จำที่เอามาพูดให้คนไทยได้ยินวันรับตำแหน่งว่า "ผมจะฟังเสียงประชาชน แม้แต่คนเดียวก็ต้องฟัง" ได้ไหม
จำยายฮายที่วิดน้ำเพื่อค้นหาที่นาของตัวเอง 27 ปีไม่หยุดจนพบ และรัฐได้ช่วยเยียวยาให้ในที่สุด แม้จะเป็นปัจเจกเดียวที่เจ็บปวด ได้ไหม

ผมยังเชื่อมั่นในนายกฯอภิสิทธิ์

ขอบคุณคุณแดง ขาว น้ำเงิน สำหรับแนวคิดที่ยายกฯต้องระดมมันสมอง ซึ่งผมมองว่าเพื่อต้านสงครามไล่ล่าอาณานิคมเชิงวัฒนธรรม
:lol: :lol: :lol: ที่มี ICC เป็นนอมินีของ Unesco ผ่านเจ้าหน้าที่บางคนที่ีไม่สุจริต
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 2:14 pm

nonnun wrote:ขอบคุณ คุณ Jseventh และท่านอารยา มากคะที่ กรุณาให้ความรู้
จะรอติดตามอ่านความคืบหน้าค่ะ
เพราะส่วนตัวคงไม่มีปัญญาค้นข่าวได้ละเอียดนัก
:lol:
ยินดีและโนโพร๊เบล็มครับ
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby katindork » Thu Sep 03, 2009 7:38 pm

เมื่อวาน ดูข่าว
มีการลำเลียงพลจำนวนมากของทหารเขมร มาตามถนนที่สร้างใหม่สู่เขาพระวิหาร
ถ่ายเห็นชัดเจนจาก ผามออีแดง
และมีรายงานว่า ทหารไทยถอยจากเนินมะเขือ และทหารเขมรเข้ายึดพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
:arrow: :arrow:


ไม่น่าเชื่อว่า คดีที่ คาราคาซัง ตั้งแต่ 2505
จะสามารถเอามาต่อยอด สร้างเรื่องต่อเพื่อยึดดินแดนง่ายๆ
เพียงผ่านยูเนสโก แล้วเอาแผนที่ที่เขียนโดยเขมร ลากเอาๆ ก็สามารถสร้างความชอบธรรมได้ :cry:
เรื่องทหารเป็นการใช้กำลังในขั้นสุดท้าย แต่ต้องมีข้ออ้างความชอบธรรมได้


เขมรสร้างเรื่องจนได้ความชอบธรรมแล้ว
ไทยได้ดำเนินการอะไรบ้างเพื่อความชอบธรรม :evil:


ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลมีแผนลึกซึ้ง
ผมว่ารัฐบาลอมบอระเพ็ดอีกแล้ว
ไม่ใช่พันธุ์ต่างประเทศ แต่เป็นพันธุ์ในประเทศนี่แหละ มันแหม่งๆชอบกล
ถ้าข้อมูลมันฟ้องว่า เป็นไปโดยชอบธรรมที่ไม่เป็นดินแดนไทย รัฐบาลคงจะพูดอะไรออกมาแล้ว

หาข้อมูลว่าเสียดินแดนอะไรบ้าง ยังง่ายกว่ายังไงถึงรู้ว่ารัฐบาลคิดอะไรอยู่
ถ้าคิดแค่เพียงเอาตัวรอดทางการเมืองเท่านั้น ก็ได้เวลาเปลี่ยนแปลงแล้วแหละ :x
katindork
 
Posts: 995
Joined: Mon Oct 13, 2008 10:00 am

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby paradon » Thu Sep 03, 2009 10:12 pm

พอเจอข้อมูลของ ถนนหมายเลข 67 เมื่อเข้าไปดูเห็นคนตัดริบบินสีแดงผมก็งงมืดแปดด้านเลยครับ ทั้งที่ชายแดนทางเขาพระวิหารแทบจะฆ่ากันตายแต่ที่นี่เหมือนคนละโลก บางท่านอาจจะทราบแล้วแต่ข้อมูลนี้สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบ

ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2552 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย จะเดินทางไปร่วมพิธีเปิดถนนหมายเลข 67 (ช่องสะงำ-อันลองเวง-เสียมราฐ) ที่จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามคำเชิญของสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
โครงการพัฒนาถนนหมายเลข 67 เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาเครือข่ายคมนาคมเชื่อมโยงที่รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนแก่รัฐบาลกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2546 ซึ่งอนุมัติการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
1. ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าเพื่อศึกษาความเหมาะสมและออกแบบถนนตลอดสายระยะทาง 152 กม. (18 ล้านบาท) ก่อสร้างเส้นทางสายช่องสะงำ-เมืองอันลองเวง ระยะทาง 18 กม. (95 ล้านบาท)และซ่อมบำรุงถนนช่วงเมืองอันลองเวง-เสียมราฐ ระยะทาง 131 กม. (13 ล้านบาท) เพื่อรอการพัฒนาถนนโดยรัฐบาลกัมพูชา
2. ความช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อพัฒนาถนนช่วงเมืองอันลองเวง-เสียมราฐ

ต่อมา รัฐบาลไทยได้อนุมัติเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนจำนวน 1,300 ล้านบาท ตามคำร้องขอของรัฐบาลกัมพูชา โดยได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 ระหว่าง Exim Bank ในฐานะผู้ให้กู้กับรัฐบาลกัมพูชาและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ในฐานะตัวแทนผู้ให้กู้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อปี นาน 30 ปี มีระยะเวลาปลอดหนี้ 10 ปี
การพัฒนาถนนได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2550 โดยบริษัท ช. การช่าง และก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552
ถนนหมายเลข 67 ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา และประชาชนของสองประเทศ โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยกับภาคเหนือของกัมพูชา และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามเส้นทางอารยธรรมขอม การค้าการลงทุน และการแลกเปลี่ยนในสาขาต่าง ๆ ระหว่างประชาชนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ ยังนับเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่เชื่อมประเทศไทยเข้ากับจังหวัดเสียมราฐ ซึ่งเป็นศูนย์กลางอารยธรรมขอมและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของกัมพูชา

ที่มา: http://www.ryt9.com/s/mfa/605442/
ส่วนประมวลภาพดูได้ที่เวปพวกควายแดง :http://www.democraticthai.com/board/index.php?topic=4273.0

แค่นี้ก็เกินบรรยายคงต้องเลิกคาดหวังกับรัฐบาลชุดนี้เรื่องดินแดนที่มีปัญหากับเขมร
ส่วนทหารก็เป็นแต๋วเป็นตุ๊ด กางร่มตีกอล์ฟไปตามประสารเตรียมตัวรอวันเป็นบอร์ดของรัฐวิสาหกิจกินเงินเดือนเยอะสบายไปทั้งครอบครัว..เซ็งเป็ด
" Corruption is the cause of poverty "
User avatar
paradon
 
Posts: 1347
Joined: Mon Mar 23, 2009 4:09 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby ปิงปิง » Thu Sep 03, 2009 10:37 pm

ขอขอบคุณ คนดีๆ อย่างคุณ อารยา มากมากครับ ขอบคุณ เอเอสทีวี ที่่ทำให้ผมทำในสิ่งที่คนไทยพึงกระทำได้ เพื่อตอบแทนบุญคุณของชาติ และเพื่อนๆผู้รักชาติ อย่างมีเหตุผล แบบคุณอารยา (มิใช่พวกคลั่งชาติ) อย่างที่คนขายชาติบางคนโจมตี ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการมรดกโลกอีก ช่วยกันเขียนไปบอกเล่าความจริง เพื่อให้ประเทศไทยของเราไม่เสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรให้แก่กัมพูชา จะหวังพึ่งรัฐบาลอย่างเดียวคงไม่ไหวแน่ พวกเราต้องช่วยกันครับhttp://whc.unesco.org/en/contacts/
User avatar
ปิงปิง
 
Posts: 6
Joined: Wed Sep 02, 2009 6:55 pm


Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Thu Sep 03, 2009 10:59 pm

คุณ katindork ครับ บุคคลที่ถูกวิจารณ์มักเป็นนักการเมืองเกือบ 100% เพราะเราเชื่อและควรจะเชื่อเช่นนั้นว่า นักการเมืองเป็นคนกำหนดนโยบาย แต่ถ้าเราได้เข้าถึงแก่นของระบบราชการจะพบว่า คนระดับอธิบดีมีพลังในการขับเคลื่อนและกำหนดความเปลี่ยนหรือความเฉื่อยในสังคมไทยอย่างแท้จริง
พูดง่ายๆ บ้านเมืองจะพัฒนาหรือไม่อย่างไร มาจากประสิทธิภาพของคนระดับนี้ ไม่ใช่จากอานิสงส์ของ "ผู้ทรงเกียรติ"
ต่อให้ปลัดกระทรวงก็งั้นๆ อย่างมากก็แค่มีอำนาจโยกย้าย ลงท้ายเจ้ากระทรวงก็ต้องพึ่งเหล่าอธิบดีแทบทุกเรื่องตลอดไปจนถึง "นโยบาย"
ซึ่งลงท้าย นักการเมืองเหล่านี้ยิ่งชอบ คือไม่ต้องมีนโยบายใหม่ๆ หรือนโยบายที่สามารถเกลี่ยความสุขจากคนรวยมาให้คนจนอย่างเป็นระบบ คือไม่มีอะไรใหม่ๆคือนโยบายที่ดีที่สุด เสี่ยงทำไมกับเรื่องที่เราไม่เคยเจอ


พวกเสื้อแดงที่ต้านอมาตยาธิปไตย ผมดูแล้ว ไม่เห็นใครมองเกินนักการเมือง
จะคิดปฏิรูปทั้งที ยังไม่รู้ว่าเป้าจริงๆอยู่ที่ไหน

เราเคยบ่นว่าอยากรู้ว่าคนในบัวแก้วคิดอย่างไรใช่ไหมครับ ไม่ง่ายนะครับ แต่บอกได้เลยว่า ใครมาเป็นเจ้ากระทรวงนี้ อยู่ภายใต้กรอบของกฏ ระเบียบ ธรรมเนียมปฏิบัติ พิธีกรรม ที่บุคลากรระดับอธิบดีคุมได้อยู่หมด
ยิ่งถ้าเคยเป็นข้าราชการมาก่อน ยิ่งง่าย

ทำไม กษิต ภิรมย์ พอเป็นรัฐมนตรีแล้วหน้ามือเป็นหลังมือ ผมว่าเจ้าตัวเองก็ผิดคาด ไม่เชื่อว่าเจ้าตัวก็พอใจกับบทบาทที่ขาดๆเกินๆของตัวเองใน 7-8 เดือนที่ผ่านมา
แต่ถ้าเราเข้าใจทฤษฏี Bureaucratic Polity ผมว่าไม่น่าแปลกใจว่าทำไม กษิตจึงยังคงภาพลักษณ์เหมือนข้าราชการมากกว่านักการเมือง
แต่นี่คือตัวอย่างคลาสสิคของ "อมาตยาธิปไตย"


เมื่อใดระบบราชการไทยได้นักการเมืองที่มองผลประโยชน์ของประชาขนเป็นหลักจริงๆ มีนโยบายเพื่อประชาชนแท้ๆ
คนระดับอธิบดีเหล่านี้จะเป็นพลังสร้างสรรค์ บ้านเมืองจะไปไกล รุ่งเรือง
แต่วันนี้ ระบบราชการยังไม่อาจรับ "ผู้ทรงเกียรติ" ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติได้ เขารู้ว่าคนที่มาแล้วไปเหล่านี้หาที่มือถึงยากมาก
ขืนปล่อยให้ออกนโยบาย หรือไปรับนโยบายมาทำ บ้านเมืองวินาสไปนานแล้ว อย่างน้อยข้าราชการระดับอธิบดีเชื่อเช่นนั้น และมีเหตุผลพอที่จะเชื่อ


อย่างไรก็ตาม มีผลกระทบจากอนุรักษ์นิยมเช่นนี้ไม่น้อยเหมือนกัน นานไปบ้านเมืองก็อับเฉา เพราะอย่างดีก็มีแต่ความทันสมัยแต่ไม่พัฒนา
นี่ก็นานเกินไปแล้วด้วย ระบบราชการไทยวันนี้ชินชากับสภาวะที่ไม่ต้องคิดอ่าน ถ้าเทียบกับเครื่องจักรก็ถูกทิ้งไม่ได้ใช้งานจนสนิมเขรอะไปหมดแล้ว
ไม่ใช่เกียร์ว่างครับ สตาร์ทยังไม่ติดเลย
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby อารยา » Fri Sep 04, 2009 12:01 am

katindork wrote:ไม่น่าเชื่อว่า คดีที่ คาราคาซัง ตั้งแต่ 2505
จะสามารถเอามาต่อยอด สร้างเรื่องต่อเพื่อยึดดินแดนง่ายๆ
เพียงผ่านยูเนสโก แล้วเอาแผนที่ที่เขียนโดยเขมร ลากเอาๆ ก็สามารถสร้างความชอบธรรมได้
:cry: :x


ทุกความเห็นข้างล่างนี้ ผมโค๊ดมาจากจดหมายถึง บก. ของสื่อฉบับหนึ่งประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2552 ไม่มีข้อใดที่ผมเห็นด้วยกับคำชี้แจง หรือเหตุผลนั้นๆเลย (ยกเว้นข้อ 1 ซึ่งเป็นเรื่องข้อเท็จจริง)
ผมคงไม่บอกว่าไม่เห็นด้วยอย่างไร เนื่องจากเคยแจงผ่านกระทู้เก่าๆไปมากพอควรแล้ว คิดว่าทุกข้อโดยบังเอิญ
ไม่มีประโยชน์ที่จะมาถกเถียงกันว่าใครผิดใครถูกด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากไทยเสียดินแดนไปแล้ว

เหตุที่ผมนำจดหมายนี้มาโพสต์ (ไม่ระบุนามบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพราะเกรงจะวุ่นโดยใช่เหตุ) ก็เพียงเพื่อจะช่วยให้เราเข้าใจวิธีคิดของบุคคลระดับชั้นนำในระบบราชการ พูดง่ายๆ ถ้าต้องการทราบนโยบายการต่างประเทศของไทย ความเห็นของบุคลากรระดับนี้สามารถบอกหรือทำนายสถานการณ์ได้ง่ายกว่าความเห็นของนักการเมืองด้วยซ้ำ ( :lol: :lol: :lol: กษิตไม่มีให้อ่านอีกต่างหาก)

1. ...................................................................................................................................

2.บทความเสนอให้ไทยยกเลิกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ซึ่งตามข้อเท็จจริง ฝ่ายไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนคำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวสิ้นผลไปแล้ว และไทยกับกัมพูชาไม่มีพันธกรณีระหว่างกันตามแถลงการณ์ร่วมอีก โดยมีรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินงาน ดังนี้

2.1 ภายหลังที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2551 กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 แจ้งระงับผลการใช้บังคับของคำแถลงการณ์ร่วม ไปยังฝ่ายกัมพูชา และยูเนสโก รวมทั้งได้แจ้งให้ประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกทราบด้วย ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดา คณะกรรมการมรดกโลกได้มีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยระบุในข้อ 5 ของข้อมติว่าคำแถลงการณ์ร่วม ต้องไม่นำมาใช้ในการพิจารณา

2.2 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ได้มีหนังสือถึงนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา อ้างถึงความเห็นของฝ่ายกัมพูชาว่าคำแถลงการณ์ร่วม ไม่ถือเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และแจ้งให้คำแถลงการณ์ร่วมสิ้นผล โดยนายฮอร์ นัมฮง ได้มีหนังสือตอบเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 ยืนยันว่าคำแถลงการณ์ร่วม "มิใช่สนธิสัญญาระหว่างประเทศ" จึงถือได้ว่าคำแถลงการณ์ร่วมสิ้นผลไปแล้ว

3.บทความเสนอให้ไทยยกเลิกข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 32 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 ซึ่งเป็นมติของคณะกรรมการที่ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 21 ประเทศ การยกเลิกข้อมติใดๆ จึงต้องดำเนินการโดยคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งไทยในฐานะผู้สังเกตการณ์ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อมติดังกล่าวไปแล้วหลายครั้ง ทั้งในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 32 และล่าสุดครั้งที่ 33 ที่เมืองเซวียา ประเทศสเปน นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญามรดกโลกได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโก และถึงประธานคณะกรรมการมรดกโลก คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร โดยระบุว่า คณะกรรมการมรดกโลกดำเนินการไม่สมบูรณ์และไม่ถูกต้องตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกและ Operational Guidelines for the Implementation of the World Heritage Convention และการดำเนินการของคณะกรรมการอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา

4.กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนเพิ่มเติมด้วยว่า ไม่ว่าการดำเนินการในกรอบการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกจะเป็นเช่นใดก็ตาม การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกจะไม่มีผลกระทบต่อเขตแดนของประเทศไทย เนื่องจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเป็นเรื่องทางวัฒนธรรม ไม่ใช่การเจรจาเรื่องเขตแดน และอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องก็มีข้อบทรักษาสิทธิทางเขตแดนของรัฐภาคีอยู่แล้ว คือ ข้อ 11.3 ของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "การขึ้นทะเบียนทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ดินแดน อธิปไตย หรือเขตอำนาจที่อ้างสิทธิโดยมากกว่า 1 ประเทศ จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิต่างๆ ของภาคีคู่พิพาท" นอกจากนี้ ยังมีกลไกทวิภาคีที่รับผิดชอบการเจรจาเรื่องเขตแดนโดยตรงอยู่แล้ว คือ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถือ

...........

อธิบดีกรม....
Last edited by อารยา on Fri Sep 04, 2009 7:34 am, edited 1 time in total.
User avatar
อารยา
 
Posts: 2201
Joined: Sat Apr 11, 2009 5:26 pm

Re: ไทยเสียดินแดนแล้ว

Postby 8omuj » Fri Sep 04, 2009 6:22 am

.
.
.
บอกตามตรง ว่าตอนนี้รู้สึกเหมือน รบ. ไทย/เขมร จับมือฮั้วกันลงตัวเรียบร้อยแล้ว ว่ากันซื่อๆ ก็คือแบ่งเค้กลงตัว :? พวกเราคัดค้านไปก็ดูท่าจะไม่มีผลอะไรนักหรอกครับ ลองดูอย่าง สส หลายคน หรือท่านกฺษิตเองที่เคยขึ้นเวทีก็ได้ ตอนนี้เงียบเชียบเรียบร้อยกันหมด :mrgreen:
User avatar
8omuj
 
Posts: 249
Joined: Tue Nov 25, 2008 2:39 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron