อะไรบางอย่างจากกระแสความคิดที่ถ่ายทอดผ่านเนื้องานของฝรั่งตาน้ำข้าวคน หนึ่ง ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อย สัมผัสได้ว่า เขาคนนี้ ชายชาวต่างชาติสูงวัยผู้ ซึ่งหัวใจไม่เคยลืมรอยยิ้ม รักเมืองไทยไม่น้อยไปกว่าที่เจ้าของประเทศรู้สึก
...ไมเคิล ไรท เป็นเช่นนั้นเสมอ ในความคิดคำนึงของผู้อ่านจำนวนไม่น้อย ที่ติดตาม "ฝรั่งมองไทย" คอลัมน์ ซึ่งตีพิมพ์สม่ำเสมอในหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์
เช่นนี้แล้ว คงไม่เกินเลยความจริงนักหรอก หากจะเชื่อดังถ้อยความที่เกริ่นไว้ตอนต้น ด้วยความหวังดีที่ไมเคิล ไรท มีต่อแผ่นดินเล็กๆ ของประชากรกว่าหกสิบล้านคนนี้ ผ่านการพิสูจน์แล้วด้วยระยะเวลาที่ยืนหยัดมานาน ผสานด้วยความตั้งใจจริง ผนวกรวมเข้ากับองค์ความรู้หลากหลายอันตกผลึกตามวันวัย ประสบการณ์ ซึ่งผ่าน และพบเห็นโลกมานานารูปแบบ แม้วันนี้ ลมหายใจของเขาปลิดปลิวจางหายไปพร้อมอายุขัยที่เดินมาจนสุดทาง กระนั้น กลิ่นอายแห่งสำนึกของการวิพากษ์ วิจารณ์สังคมอย่างตรงไปตรงมา ที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง จะยังกรุ่นอวลไม่จางหาย
กล่าวให้ลึกกว่านั้น มิใช่เพียงความตรงไปตรงมา ที่เราสัมผัสพบใน "น้ำเสียง" ซึ่งเจืออยู่ตามแต่ละบทความวิพากษ์บ้านเมืองของเขา สำคัญกว่านั้นคือความจริงใจที่สามารถละลายกำแพงฐานะแห่งคนนอก-คนใน (ประเทศ) ได้อย่างร้ายกาจ แน่ล่ะ แม้ดูคล้ายว่าเขาถ่อมตนว่าเป็นคนนอกมิใช่คนไทยผู้จะมองปัญหาประเทศได้ทะลุ ปรุโปร่ง มีความสุภาพตามสมควร หากในอีกมุมหนึ่ง นั่นเป็นเพียงกลเม็ดล่อหลอก ต่อเมื่อหลงเดินตามเข้าไปในดินแดนความคิดของเขา จึงพบว่าพื้นที่แห่งนั้น กลับมากด้วยชั้นเชิงเกินกว่าความถ่อมตนภายนอกนัก เพราะมันเต็มไปด้วยชั้นเชิงอันแยบคายที่มาพร้อมวาจาเสียดสี เย้ยหนัน จี้ใจดำให้แสบๆ คัน และไม่น้อยครั้งก็จิกกัดให้สะดุ้งสะเทือนกันทั้งสังคม
"ถ่อมตน แต่ไม่เกรงใจ" คือเสน่ห์ของไมเคิล ไรท ที่อย่างน้อยๆ ก็มัดใจเราไว้ได้คนหนึ่ง ทำให้คอยเปิดหาคอลัมน์ "ฝรั่งมองไทย" ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ว่า วันนี้ สัปดาห์นี้ ตาฝรั่งคนนี้ จะตบกะโหลกเราตามประสามิตรสนิทชิดเชื้อด้วยการวิพากษ์ประเด็นร้อนประเด็นใด ในสังคม ก่อนจะตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแสบๆ ผ่านมุมมอง "อีนังโมหิณี" แมวสีสวาทสุดรัดสุดดวงใจ ที่มักโผล่มาปิดท้ายคอลัมน์อยู่เนืองๆ พร้อมคำด่าคำจิกแบบแทงทะลุกลางใจประสาสัตว์ที่ไม่จำต้องตอแหล แคร์มารยาทสังคม จึงสะใจ สมใจใครต่อใครนักแล แต่มากกว่านั้น เกินกว่าความสาแก่ใจที่มีใครสักคนมาคอยเป็นกระบอกเสียงสะกิดเตือน กระแทกกระทุ้งจิตสำนึกคนในชาติกันแบบแรงๆ ไม่เกรงอกเกรงใจแล้ว "ทรรศนะ" หรือ "มุมมอง" ของ ไมเคิล ไรท ที่มีต่อประเด็นปัญหานั้นๆ ต่างหาก ที่มีคุณค่า น่าสนใจ ใส่ใจ ไม่น้อยไปกว่านักวิเคราะห์การเมือง นักวิชาการผู้ทรงภูมิ หริอคอลัมนิสต์มากชั่วโมงบินคนไหนๆ
สะท้อนมุมมองกระแสจตุคามรามเทพฟีเวอร์, เสนอความเห็นเรื่องยุคสมัยแห่งเรเนสซองส์ของไทยผ่านการเคลื่อนไหวของเสรีภาพ ทางความคิด, วิพากษ์ประเด็นเรื่องความรักชาติ และการมุ่งบัญญัติศาสนาประจำชาติได้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจหลักธรรมในศาสนาพุทธอย่างผู้ที่สนใจศึกษาอย่างจริงจัง ทั้งหยิบยกมานำเสนอ เปรียบเทียบกับสภาวะการณ์ของบ้านเมืองอยู่บ่อยครั้ง เหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของตัวอย่างบทความสะท้อนสังคมของเขา
หากต้องสวมบทบู๊ ที่ต้องคอยกระทุ้งสีข้างคนไทยแรงๆ ไมเคิล ไรทก็ไม่ไว้หน้า ไม่อะลุ้มอล่วย พินอบพิเทาสยบยอม เทียบเท่ากับที่ไม่เคยอ่อนข้อให้กับชาติมหาอำนาจหน้าไหนก็ตาม หากสมควรต้องโดนวิพากษ์ ไมเคิล ไรท ก็ไม่ยั้งมือ
แม้หลายครั้ง ไม่เห็นด้วยกับทรรศนะของไมเคิล ไรท แต่ในชีวิตจริง " เพื่อน" ที่คอยบอกกล่าว ตักเตือน ด่าว่าเราด้วยความหวังดี กระทุ้งเตือนอย่างจริงใจ ไม่เสแสร้ง ไม่นับเป็น เพื่อนที่น่าคำนึงถึงหรอกหรือ สำหรับเรา ฝรั่งตาน้ำข้าวคนนี้ จัดอยู่ในข่ายนั้น เพื่อนแท้ทางความคิด ผู้ถ่อมตน แต่ไม่เกรงใจ อหังการ์ และซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ตนเชื่อมั่น ไม่สยบยอมให้อำนาจทางการเมืองไม่ว่าฝ่ายไหน
"นัก หนังสือพิมพ์ฝรั่งหลายฉบับนิยมชมชอบคุณทักษิณ แต่ยังงงไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรแน่ และอธิบายไม่ได้ว่าทักษิณีสม์ เป็นปรัชญาแนวใด คุณโมหิณี แมวสุดสวาทของผมเสนอว่า ชะรอยฝรั่งคงงงงันกันกับคุณทักษิณ เพราะภาษาอังกฤษไม่มีคำว่ากะล่อน"
"ท่าน ผู้อ่านอย่าไปสนใจว่าอีโมหิณีตัวปากร้ายจะใส่ความใคร ผมถือเพียงว่า ในปัจจุบัน เมืองไทยกำลังต้องการนักคิดที่มีหลักการอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ใช่นักเล่นมายากลสารพัดตลบตะแลง เมืองไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยขนานแท้ ที่มีกลไกป้องกัน ไม่ให้รัฐอาละวาดหรือฉ้อราษฎร์บังหลวง ..." (จาก มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 1384)
ด้วยรัก และอาลัย ไมเคิล ไรท
เหนืออื่นใด ขอให้ โมหิณี ไม่ถูกทอดทิ้ง แต่ยังคงส่งเสียง และคอยตั้งคำถามต่อสังคมไทยเสมอ
............
เรื่องโดย : ตัวหนอนบนกองหนังสือ
หมาย เหตุ-ไมเคิล ไรท หรือ Michale Anthony Stanley Wright มีชื่อตามบัตรประชาชนหลังโอนสัญชาติจากอังกฤษเป็นไทย ว่า เมฆ มณีวาจา เกิดวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2483 ณ เมืองเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ เคยได้รับการทาบทามจากบุญชู โรจนเสถียร ให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ทั้งถูกรับเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายแปลเอกสารที่ธนาคารกรุงเทพ ให้หลัง จึงเข้าทำงานที่ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพนับแต่ปี พ.ศ. 2513- พ.ศ. 2543 จากนั้น ปี พ.ศ. 2543 ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
เป็นคอลัมนิสต์ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม นับแต่ปี พ.ศ. 2522 ถึงปัจจุบัน
เป็นคอลัมนิสต์ ในคอลัมน์ ฝรั่งมองไทย หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ นับแต่ พ.ศ. 2535 ถึงปัจจุบัน
ได้รับการยกย่องเชิดชู จาก สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2550 ทั้งได้รับการยกย่องจากมูลนิธิเสฐียร โกเศศ-นาคะประทีป ให้เป็นผู้มีอุปการคุณต่อวงการไทยคดีศึกษา
ไมเคิล ไรท สิ้นใจอย่างสงบ เมื่อวันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552 ด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 68 ปี
ตัวอย่างผลงานที่เคยตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่ม อาทิ โองการแช่งน้ำ, ไมเคิล ไรท มองโลก, โลกนี้มีอนาคตหรือ? ,ฝรั่งคลั่งผี, ฝรั่งหายคลั่งหรือยัง, ฝรั่งอุษาคเนย์, ฝรั่งคลั่งสยาม, ฝรั่งหลังตะวันตก
http://www.boybdream.com/manager-news-c ... newid=3966
เมื่อก่อนอ่านคอลัมน์ของแกเป็นคอลัมน์แรกๆ
หลังๆ งอนมติชน เลยตกข่าวอย่างแรง
ใจหายๆ RIP ครับ
