เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Sun Oct 18, 2009 5:30 pm

ชั่ว ดี
อันนี้เห็นเป็นรูปธรรม นามธรรมเลย
นิทานเรื่องนี้ไม่สนุก แต่หาคนเล่าไม่ได้
มีอีกกี่เรื่อง เล่ามา เหอะนะ นะ
ให้คนได้ฟังกันเยอะๆ :|
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby metaleka » Sun Oct 18, 2009 8:14 pm

เห็นด้วยครับ :mrgreen:
User avatar
metaleka
 
Posts: 691
Joined: Fri Nov 07, 2008 10:10 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sun Oct 18, 2009 10:41 pm

by jrr. » Sun Oct 18, 2009 3:44 pm
..............click..............


overtherainbow wrote:ชั่ว ดี
อันนี้เห็นเป็นรูปธรรม นามธรรมเลย
นิทานเรื่องนี้ไม่สนุก แต่หาคนเล่าไม่ได้
มีอีกกี่เรื่อง เล่ามา เหอะนะ นะ
ให้คนได้ฟังกันเยอะๆ :|


by metaleka » Sun Oct 18, 2009 8:14 pm
เห็นด้วยครับ



ค่ะมันไม่สนุกเลย ยังไง มันก็คือนิทานเรื่องหนึ่งที่ต้องเล่าเท่านั้น

ขอบคุณน่ะค่ะ น้อมรับทุกกำลังใจค่ะ
จะค่อย ๆ ทยอยนำข้อมูลที่มีอยู่มานำเสนอน่ะค่ะ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Mon Oct 19, 2009 7:12 am

เข้ามาดัน ;)
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 19, 2009 2:06 pm

เปลวสีเงิน : นี่คือ "ทักษิณทรามอสัตย์นุสรณ์"

ขออนุญาตินำบทความของ เปลวสีเงิน ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ๗ ก.พ. ๒๕๕๐

"การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิคืบหน้ามาก เชื่อว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด ๒๙ กันยา ๔๘
เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิแล้วเสร็จ ก็จะเป็นสนามบินที่มีความทันสมัยที่สุด ดีที่สุด และปลอดภัย
ที่สุดในภูมิภาคนี้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นตามมา ผมพร้อมที่จะรับผิดชอบ
ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
"

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๖

ครับ..ฝากข้อความนี้ให้ "บอร์ด ทอท." เพื่อพิจารณา เพราะสุดท้ายแล้ว สนามบินสุวรรณภูมินี้
จะต้องได้รับการแก้ไข ฟื้นสภาพจากความเลวร้ายคืนสู่ความเป็น

"ประตูแห่งเอเชีย" ที่สมบูรณ์!

ความอัปยศจากการ "โกง-กิน" ของนักการเมืองแห่งยุค "ทักษิณ ชินวัตร" อันฉาวกระฉ่อนโลกนี้
ไม่ควรปล่อยให้ความรุ่งเรืองในอนาคตต่อจากนี้ของไทย เป็นสิ่งกลบกลืนซากบัดซบ

ควรจะนำพื้นรันเวย์-แท็กซี่เวย์ ที่พังพินาศและขุดลอกออกมานั้น ไปสร้างเป็นประติมากรรม
"ทักษิณอัปยศ" ไว้แถวๆ สุวรรณภูมิซักแห่ง พร้อมทั้งสลักเป็นประวัติแห่งความเป็นมาไว้ด้วย

แล้วก็นำ "วรรคอสัตย์" ของทักษิณข้างบนนั้น ไปสลักติดประจานควบคู่ ให้คนรุ่นหลังได้เห็น
ถึงอสัตย์ในวาจาของคนคนหนึ่ง ที่เคยตะโกนหลอกประชาชนว่า

"ผมรวยแล้วไม่โกง"!

คนไทยนั้น "ลืมง่าย" สุวรรณภูมิเปรียบเหมือน "หน้าตาของชาติ" แต่สิ่งที่ทักษิณทำขึ้นครั้งนี้
เท่ากับเอามีด หรือน้ำกรด "กรีด-สาดหน้า" ประเทศไทยจนมีภาพอัปลักษณ์

ภาพของ "ชาติคอรัปชั่น"

และมันเป็น "แผลเป็น" ติดชาติตลอดไป!

ฉะนั้น บทเรียนราคาแพงนี้อย่าให้สูญเปล่า สร้างอนุสาวรีย์แห่งความชั่วประจานไว้
จะได้เตือนใจบรรดาข้าราชการ นักการเมือง และประชาชนทั่วไป

ใคร-ชั่วอะไรก็พอชั่วได้

แต่อย่า "ชั่วกับชาติ"

เพราะมันเป็น "อนันตริยกรรม" พระสยามเทวาธิราช และประชาชนจะไม่มีใครยอมให้อภัยเด็ดขาด!

เอ้า....ก็ฝากประโยคคำพูดข้างต้นนี้ให้ "นายนพดล ปัทมะ" ที่ปรึกษาส่วนตัวครอบครัวชินวัตร
ช่วยเอาไปให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" อ่านด้วย และช่วยถามท่านด้วยว่า..

"จำได้มั้ย..หมะ...หรือคนที่พูดประโยคนี้ไว้ และที่จะรับผิดชอบร่วมกับทุกฝ่ายนั่นน่ะ
กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วขณะนี้

...จะรับผิดชอบยังไง บอกมาเลย?"

วานนี้ (๖ ก.พ.๕๐) "ครม.สุรยุทธ์" ก็เห็นชอบร่วมกันให้ "สนามบินดอนเมือง" เป็นสนามบิน
นานาชาติของประเทศแห่งที่ ๒ เปิดใช้ควบคู่ไปกับ "สนามบินสุวรรณภูมิ"

เหตุผลหลักก็คือ "สนามบินสุวรรณภูมิ" มันกินกันจนพังพินาศ ต้องใช้เวลาเยียวยาอีกนาน
มันเป็นสนามบินที่อัปยศที่สุด พังเร็วที่สุด และไม่ปลอดภัยที่สุดในภูมิภาคนี้ไปแล้ว

ใครล่ะคือตัวการ..ถ้าไม่ใช่ "ทักษิณ"!?

ผมยังยืนยันความเห็นว่า ควรให้การบินไทย "ทั้งหมด" มาอยู่ที่ดอนเมือง ทั้งสายภายในประเทศ
และทั้งสายต่างประเทศ

จะมีเหลือบางเส้นทาง "เท่าที่จำเป็น" นั่นก็ต้องจำเป็นจริงๆ น่าจะรีบวางกรอบให้ชัดเจนแต่แรกๆ
ก่อนว่า จะเอามาแค่สายในประเทศ หรือจะเอาการบินไทยมาทั้งหมด

แล้วเปิด "ดอนเมือง" เป็นสนามบินนานาชาติที่ ๒ เปิดใช้ควบคู่กับสุวรรณภูมิไปเลย

เท่าที่ดูตอนนี้ เห็นคิดทีละขยัก คือในทำนอง "คิดส่วนย่อย" ก่อน แล้วก็ต้องวกกลับไปหา
"กรอบใหญ่" ใหม่อีก อย่างนี้นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังอาจต้องเสียเงิน เสียโอกาสในการ
"รื้อแล้ว-รื้ออีก" ไม่จบไม่สิ้น

เอาล่ะ..ตอนนี้ก็ชัดแล้วว่า "เปิดดอนเมือง" ใช้ขนานกับสุวรรณภูมิแน่ ปัญหาที่ต้องทำให้
ชัดต่อไป คือ

จะเปิดเพื่อให้เฉพาะสายในประเทศมาใช้ หรือว่าควรจะ "กำหนดกรอบคิด"

ยกดอนเมืองให้การบินไทยทั้งในและนอกประเทศ..ใช้ให้เต็มที่สมกับเป็น "สายการบินของชาติ"
ไปเลย!

ไม่ใช่อะไรหรอก จะได้จัดอาคาร จัดพื้นที่ จัดอุปกรณ์ต่างๆ ให้มันลงตัวบน "นโยบายที่แจ่มชัด"
เพราะเท่าที่ฟัง แค่ตกลงใจทีแรกจะย้ายสายในประเทศ ก็ยังวุ่นแล้วว่า

จะใช้อาคารไหน?

ประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลกเขามีสนามบินนานาชาติมากกว่า ๑ แห่งเกือบทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่อง
การต่อเที่ยวบินของนักเดินทางหรอก ขอให้เราชัดเจนเท่านั้นว่า "สนามไหน-เป็นสนามไหน"

แล้วนักเดินทางเขาชำนาญ เขารู้ เขาเข้าใจ เขาจัดตารางบิน ตารางการใช้สนามบินเองว่า
เขาจะไปไหน สมควรจะจับเที่ยวบินไหนที่ลงจอดสนามบินสะดวกกับเส้นทางของเขา

ขอเพียงความชัดเจนในนโยบาย ขอเพียงให้เวลาบริษัทการบิน บริษัทท่องเที่ยวเขาจัดตาราง
ปรับทิศทางธุรกิจของเขาให้สอดคล้องกับการใช้สนามพักเดียวเท่านั้น

ทุกอย่างจะราบเรียบ!

เหลือแต่เราเองนี่แหละ งุ่มๆ ง่ามๆ ย่ำในความคิดกลับไป-กลับมา นี่ถ้าโลกนี้ไม่มี "วันอังคาร"
ซะวัน ประเทศไทยคงทำอะไร-ตัดสินใจอะไรกันไม่ได้เลย

เพราะไม่มีวันประชุม ครม.!

ผมว่าภาวะนี้ ต้องสวมวิญญาณนักมวยบนเวที ถูกต่อยเปรี้ยง เจ็บแหละ..แต่ต้องรีบลุกขึ้นยืน
แล้วตั้งการ์ด "พร้อมชก" ให้เร็วที่สุด เพราะมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะเรียกความเชื่อมัน และลบลางแพ้
ในเกมที่เรา.. แพ้ไม่ได้!

กรณีสนามบินสุวรรณภูมินี้เหมือนกัน ใจเราตกอยู่ใต้อิทธิพลแผนการตลาดของทักษิณจน
"สติปัญญา" ไม่กลับคืนกันเลยเชียวหรือ?

ผมเชื่อ ชาวบ้านร้อยละ ๘๐-๙๐ เชื่อว่า "สนามบินสุวรรณภูมิ" ไม่พร้อมจะเปิดใช้เมื่อ ๒๙
กันยา ๔๙ แต่เมื่อทักษิณดันทุรังกำหนดเวลาจะต้องเปิดใช้ไว้ เอาเข้าจริงๆ

มันก็ไม่พร้อมจริงๆ

และ..พังจริงๆ!

ด้วยสมมุติฐานนี้ ผมจึงว่าคนระดับบริหารประเทศขณะนี้ ก็ต้องรู้ในใจมาตั้งแต่แรกแล้ว ฉะนั้น
ก็ควรจะฉับไว และควรมีความคิดตกผลึกเป็นแผนรองรับไว้แล้วว่า

เมื่อเจอปัญหานี้ควรรีบตัดสินใจอย่างไร ในเมื่อเรามี "สนามบินดอนเมือง" บ่อเงิน-บ่อทอง
ของชาติที่ยังสมบูรณ์อยู่ทั้งบ่อ

แล้วจะลังเลอะไร ในการนำมาช่วยกู้โอกาสของชาติที่กำลังจะเสียไป? แอร์พอร์ตลิงค์ ก็ดี

รถไฟใต้ดิน-บนดิน ก็ดี

ซึ่งถือเป็นมือ-เป็นเท้าของสนามบินระหว่างสุวรรณภูมิกับในเมือง อันนับว่าสำคัญควบคู่กับ
สนามบิน แต่กระทั่งถึงตอนนี้ มือ-ตีนยังไม่งอกด้วยซ้ำ

แค่นี้ ทักษิณมันก็บ้าแล้วที่ "ลุแก่อำนาจ" สั่งเปิดใช้สุวรรณภูมิ แล้วพวกข้าราชการในระบบ
ก็บ้าพอกัน สอพลอกันจนลืมบ้าน-ลืมเมือง เรียนกันมาสูงๆ เก่งกันสารพัดวิชาการซะเปล่า

ที่จะทัดทาน ท้วงติง "ด้วยเหตุ-ด้วยผล" ซักคำก็ไม่มี ดีแต่ประสานมือกอกระดุม
แล้วกระดกหัวพล่ามคำ

"ดีครับนาย ใช่ครับท่าน"

แล้วสุดท้าย ผลที่เกิดขึ้น..เป็นไง สำนึกในกะลาหัวกันบ้างมั้ย?

มีใครที่ยอมตาย "ด้วยเหตุและผล" เพื่อบ้านเมืองบ้าง?

เห็นมีแต่ "ยอมให้บ้านเมืองตาย" ส่วนกู..ขอสบายไว้ก่อน!

ตอนนี้ ใครๆ ก็บ่นว่าบ้านเมืองเข้าสู่ยุคขุกเข็ญ การทำมาหากินฝืดเคือง ทุจริตชนออกปล้นชิงวิ่งราว

แล้วต่างคนต่างก็ไปเช่า "จตุคามรามเทพ" มาห้อยคอ มาบูชา หวังให้ท่านแผ่บารมีมาคุ้มครอง
ป้องกันภัย อำนวยโชค-อำนวยชัยให้ร่ำให้รวย

ก็หวังรอด-หวังรวยกันเฉพาะตัวเท่านั้น!

นี่คือสิ่งสะท้อนใกล้ตัว และเห็นชัด สังคมไทยนั้น "ความรวย" เป็นของคนที่ "ฉวยโอกาส"
เอาจากคนด้วยกัน ส่วนชาติไม่มีเจ้าของ เพราะแต่ละคนก็มักอ้อนวอน-แสวงหาให้รอด
ให้ร่ำ-ให้รวย เฉพาะแต่ตัวเอง "ชาติไทย" จึงเป็นชาติที่น่าสงสาร เลี้ยงลูกมาซี่โครงบาน
แต่หาน้อยคนจะรู้บุญ-รู้คุณ.

(ไทยโพสต์ 7 ก.พ.50)
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=th ... cat_id=200

ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ น้อมรับทุกคำพูด ทุกประโยค
Last edited by bird on Mon Oct 19, 2009 7:27 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby aumm » Mon Oct 19, 2009 4:34 pm

bird wrote:อ้างผลงาน การค้าต่างตอบแทน
...

หากแต่ว่าข้ออ้างดังกล่าวข้างต้น ยังคงมีข้อสงสัย ( ช่างสงสัยเกินไปหรือป่าวหนอ )

- มูลค่าการค้าต่างตอบแทนมีวงเงินเพิ่มขึ้นในสมัยแม้ว แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกรวม
ยังมีสัดส่วนที่น้อยนิด เช่น ปี 2547 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนรวมประมาณ 21,300 ล้านบาท
แต่มูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 355,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 0.6% ของมูลค่าการส่งออก
ดังนั้น การค้าต่างตอบแทนจึงไม่ส่งผลต่อดุลการค้าของประเทศ

...


ผมไม่ได้จะต่อว่าอะไรนะครับ พอดีไล่อ่านมาจากหน้าแรกๆ เจอตัวเลขผิดพลาดนิดหน่อย
21,300 จาก 355,000 มันคือ 6% ครับ ไม่ใช่ 0.6%

ขอบคุณสำหรับข้อมูลทั้งหลายครับ ส่วนใหญ่ผมว่าก็ค่อนข้างตรงเป้าดี แต่มีบางเรื่อง
ที่ผมเห็นว่ามันไม่ใช่ผิดถูกซะทีเดียว นโยบายที่ออกมามันผิดพลาดได้ครับ แต่ว่าพอ
ผิดพลาดแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันผิด มีการตรวจสอบได้ และต้องยอมให้มีการแก้ไข

ที่ผมไม่ชอบทักกี้เลยก็เป็นเพราะว่าเค้าไม่ยอมให้เกิดการตรวจสอบนี่แหละครับ
User avatar
aumm
 
Posts: 87
Joined: Fri Jan 09, 2009 12:17 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby ดันดี » Mon Oct 19, 2009 7:14 pm

:oops:
User avatar
ดันดี
 
Posts: 169
Joined: Sat Oct 17, 2009 12:16 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 19, 2009 7:39 pm

aumm wrote:
bird wrote:อ้างผลงาน การค้าต่างตอบแทน
...

หากแต่ว่าข้ออ้างดังกล่าวข้างต้น ยังคงมีข้อสงสัย ( ช่างสงสัยเกินไปหรือป่าวหนอ )

- มูลค่าการค้าต่างตอบแทนมีวงเงินเพิ่มขึ้นในสมัยแม้ว แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าการส่งออกรวม
ยังมีสัดส่วนที่น้อยนิด เช่น ปี 2547 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนรวมประมาณ 21,300 ล้านบาท
แต่มูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 355,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 0.6% ของมูลค่าการส่งออก
ดังนั้น การค้าต่างตอบแทนจึงไม่ส่งผลต่อดุลการค้าของประเทศ

...


ผมไม่ได้จะต่อว่าอะไรนะครับ พอดีไล่อ่านมาจากหน้าแรกๆ เจอตัวเลขผิดพลาดนิดหน่อย
21,300 จาก 355,000 มันคือ 6% ครับ ไม่ใช่ 0.6%

ขอบคุณสำหรับข้อมูลทั้งหลายครับ ส่วนใหญ่ผมว่าก็ค่อนข้างตรงเป้าดี แต่มีบางเรื่อง
ที่ผมเห็นว่ามันไม่ใช่ผิดถูกซะทีเดียว นโยบายที่ออกมามันผิดพลาดได้ครับ แต่ว่าพอ
ผิดพลาดแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันผิด มีการตรวจสอบได้ และต้องยอมให้มีการแก้ไข

ที่ผมไม่ชอบทักกี้เลยก็เป็นเพราะว่าเค้าไม่ยอมให้เกิดการตรวจสอบนี่แหละครับ


ขอบคุณค่ะ ที่แจ้งข้อผิดพลาดมา แก้ไขให้แล้วค่ะ :oops:
น้อมรับทุกความคิดค่ะ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Mon Oct 19, 2009 7:39 pm

เข้ามาดัน ;)
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby ดันดี » Mon Oct 19, 2009 7:40 pm

:lol:
User avatar
ดันดี
 
Posts: 169
Joined: Sat Oct 17, 2009 12:16 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Mon Oct 19, 2009 7:53 pm

เข้ามาดัน ;)
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby metaleka » Mon Oct 19, 2009 8:57 pm

ร่วมด้วยช่วยกัน
User avatar
metaleka
 
Posts: 691
Joined: Fri Nov 07, 2008 10:10 am


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Tue Oct 20, 2009 5:10 pm

เข้ามาดัน ;)
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby thymetime » Wed Oct 21, 2009 12:36 am

ทู้ดีต้องดัน
User avatar
thymetime
 
Posts: 43
Joined: Wed Feb 18, 2009 2:56 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Wed Oct 21, 2009 9:39 am

ความเลวร้ายแม้วๆ ต้องดัน
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 21, 2009 9:51 am

just in case. wrote:เข้ามาดัน ;)

ดันดี wrote::lol:

metaleka wrote:ร่วมด้วยช่วยกัน

overtherainbow wrote:ดันกระทู้จ้าา

thymetime wrote:ทู้ดีต้องดัน

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:ความเลวร้ายแม้วๆ ต้องดัน


ขอบคุณทุกท่านคร้าบ

ภารกิจเสร็จสิ้น กลับมาว่ากันต่อได้แล้วคร้าบ :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 21, 2009 12:05 pm

๑๘ คดี ที่สุวรรณภูมิ

สนามบินหนองงูเห่า หรือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งอภิมหาโปรเจกต์
ของรัฐบาลแม้ว โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙
ภายใต้นโยบายที่คาดหวังว่า ท่าอากาศยานจะเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ และเป็น
ศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ ๒๐,๐๐๐ ไร่ ถนนบางนา-ตราด กม.๑๕
ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานเกือบ
๕๐ ปี (ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๙ รัฐบาลทักสิน) ตาม
รายงานของ ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แสดงประมาณการเงินลงทุนในการก่อสร้างไว้
๑๕๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยจำนวนเงินดังกล่าวเป็นเงินลงทุนของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หน่วย
งานเอกชน และเงินกู้จำนวนมหาศาลจากต่างประเทศ

สุวรรณภูมิ นอกจากจะเป็นสนามบินที่ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานที่สุดในโลกแล้ว
ยังเป็นสนามบินที่มี
- หอบังคับการบินที่สูงที่สุดในโลก
- โรงแรมท่าอากาศยาน ที่มีห้องพัก ๖๐๐ ห้อง ถือเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุด และทันสมัย
ที่สุดในโลก


สุวรรณภูมิ ยังเป็นโครงการที่มีความไม่โปร่งใสในการดำเนินงานมากที่สุดของรัฐบาลแม้ว
โครงการเดียวมีความไม่ชอบมาพากล จะเข้าขั้นทุจริตหรือไม่นั้น คงอยู่ที่การพิจารณาของ
หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่ที่แน่ ๆ คดีที่เกิดขึ้นภายในโครงการอภิมหาโปรเจกต์
โครงการนี้โครงการเดียว รวม ๑๘ คดี

๑) การทุจริตจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระและเครื่องตรวจ
วัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์


๒) การทุจริตโครงการระบบขนส่งรถไฟเชื่อมท่าอากาศยาน หรือ แอร์พอร์ตลิงค์ มูลค่า
กว่า ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท

๓) การทุจริตการประกวดราคา โครงการปรับปรุงคุณภาพของทางวิ่งฝั่งตะวันออก กรณี
ไม่ปฎิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในประกาศ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางกลุ่ม


๔) การทุจริตในการล็อคสเปคอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดของ
ICAO ในการสอบราคาปรับปรุงป้าย Taxiway Guidance Sign ลว. ๕ มค. ๔๗

๕) การทุจริตโครงการงานก่อสร้างพื้นผิว ทางวิ่ง ทางขับ และลาดจอดอากาศยาน โดย
กำหนดราคากลางของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ สูงผิดปกติ


๖) การทุจริตในการจ้างเอกชนเข้าบริหารกิจการโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ
ดำเนินการจ้างในราคาที่สูงเกินมาตรฐาน

๗) การทุจริตโครงการสัมปทานร้านค้าปลอดอากรและการใช้พื้นที่ในสนามบินสุวรรณภูมิ
ในกรณี พิจารณาต่ออายุสัญญาของคิงเพาเวอร์


๘) กรณีร่วมกันทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการประมูลงาน
จ้างเหมาบริการรักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยวิธีพิเศษ

๙) กรณีกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน
ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทร่วมทุนเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับการคัดเลือกเป็น
ผู้เข้าดำเนินงานโครงการคลังสินค้าและโครงการบริการอุปกรณ์ภาคพื้นและสิ่งอำนวยความ
สะดวกด้านการซ่อมบำรุง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งที่บริษัทดังกล่าวยื่นข้อเสนอไม่
ครบถ้วนตามข้อกำหนด TOR


๑๐) กรณีทุจริตการจัดจ้างผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิ เอื้อประโยชน์
ให้แก่ไทยแอร์พอร์ตกราวต์ โดยการแก้ไขและยกเลิก TOR หลายครั้ง รวมทั้งจัดจ้างใน
ราคาที่สูงกว่าท้องตลาดมาก

๑๑) กรณีกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน
ของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องในการประมูลเช่ารถบริการรับ-ส่งผู้โดยสาร
ในพื้นที่ท่าอากาศยาน ระยะเวลา ๕ ปี รวม ๘ สัญญา วงเงินประมาณ ๒,๖๕๑ ล้านบาท


๑๒) กรณีหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ
ในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๓๕ และกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการ
เสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ ในการประมูลจ้างกลุ่มบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
ให้บริการระบบไฟฟ้า ๔00 Hz และระบบปรับอากาศ PC

๑๓) กรณีกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน
ของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องในการทำสัญญาระหว่างท่าอากาศยานฯ
กับ สุวรรณภูมิทรานเซอร์วิส ในการทำสัญญาหาผลประโยชน์ในพื้นที่ศูนย์บริหารการขนส่ง
โดยนำไปจัดกิจการเชิงพาณิชย์


๑๔) การทุจริตการจัดจ้างก่อสร้างโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิของกรม
ชลประทานในราคาสูงเกินจริง มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับจ้าง

๑๕) กรณีกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน
ของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องในการติดตั้งหลังคาผ้าใบอาคารผู้โดยสาร
โดยเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของวัสดุ แก้ไขระยะเวลารับประกันวัสดุหลังคาผ้าใบ หลังการ
ลงนามในสัญญาแล้ว


๑๖) กรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา
ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ และตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดจ้างกลุ่ม SPS
เป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการขยะในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

๑๗) กรณีทุจริตในการทำสัญญาจ้างก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ

๑๘) กรณีกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน
ของรัฐ พ.ศ.๒๕๔๒ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการให้สัมปทานบริษัทเอกชนประ
กอบกิจการ Day Room (ห้องพักแรม) ในอาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ในแต่ละคดี มีการกล่าวหาทั้ง นักการเมือง หน่วยงานของรัฐ ข้าราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
พนักงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของเอกชนและเจ้าที่ เป็นจำนวนมาก ความคืบหน้าของแต่ละ
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา การไต่สวนของหน่วยงานที่ได้รัมอบหมาย

เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่า เรื่องเน่า ๆ ของสุวรรณภูมิ จะมีข้อสรุปอย่างไร
Last edited by bird on Tue Oct 27, 2009 2:03 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby ดันดี » Wed Oct 21, 2009 3:46 pm

18 คดี :o
User avatar
ดันดี
 
Posts: 169
Joined: Sat Oct 17, 2009 12:16 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 21, 2009 4:30 pm

สายพานลำเลียง และ ซีทีเอ็กซ์

เมษายน ๒๕๔๘ ข่าวการทุจริตกรณีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX ของสนามบินสุวรรณภูมิ
แพร่สะพัดไปทั่วประเทศ สื่อมวลชนทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์
ต่างนำเสนอข่าวการทุจริตครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง

จุดเริ่มต้นข่าวทุจริตครั้งนี้ สืบเนื่องจาก วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๗ InVisino Technologies
ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา โดยยอมรับว่า ผู้บริหารของ
InVision สนับสนุนให้ แพทริออท ผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย เสนอให้หรือสัญญาว่า
จะให้เงินแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและพรรคการเมืองของไทย เพื่อเป็นสิ่งจูงใจให้เจ้าหน้าที่
ใช้อิทธิพลหรือจูงใจให้รัฐบาลตัดสินใจซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX ๙๐๐๐ DSi ตั้งแต่
เดือนมกราคม ๒๕๔๖ ถึงเดือนมกราคม ๒๕๔๗) อันเป็นการละเมิดกฎหมายว่าด้วยการ
ทุจริตในต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา


โดยในบันทึกข้อตกลงยังระบุอีกว่า หาก InVision จะขายเครื่องตรวจ
สอบวัตถุระเบิดให้ประเทศไทยอีก ต้องขายตรงให้แก่ท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งใหม่ หรือ
หน่วยงานราชการอื่นของไทยเท่านั้น ห้ามขายผ่าน แพทริออท หรือ
เอกชนอื่นใด
ข่าวทุจริต CTX ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก
สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยในภาพรวมเป็นอย่างมาก

ลำดับเหตุการณ์ การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด

๗ พฤษภาคม ๒๕๓๔ ครม. ในขณะนั้นมีมติอนุมัติโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย
ให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบ และมอบหมายให้ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย
เป็นผู้ดำเนินการ

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๘ ครม.มีมติให้จัดตั้ง บจ.ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.)
เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบโครงการดังกล่าว โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการจัดตั้ง

การประมูลเพื่อก่อสร้างอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน เริ่มขึ้นในปลายรัฐบาลชวน
แต่ต้องยกเลิกเนื่องจากผู้เสนอราคาก่อสร้างต่ำสุด เสนอราคาสูงกว่างบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้
ต่อมาในสมัยรัฐบาลทักษิณ กระทรวงคมนาคมตั้งคณะกรรมการแก้ไขแบบก่อสร้าง โดยไม่มี
วิศวกรของ บทม. เข้าร่วม ภายหลังแก้ไขแบบแล้ว จึงมอบหมายให้ บทม.ดำเนินการประกวด
ราคาก่อสร้างใหม่อีกครั้ง

ผลการประกวดราคาครั้งนี้ กิจการร่วมค้า ไอทีโอ เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ครม.เห็นชอบให้จ้าง
ไอทีโอ ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งขณะนั้นหนึ่งในไอทีโอ ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งฟื้นฟู
กิจการ
และยังออกระเบียบสำนักนายก ว่าด้วยการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พ.ศ.๒๕๔๕ เปลี่ยนประธานกรรมการของคณะกรรมการบิรหารการพัฒนาท่าอากาศยาน
สุวรรณภูมิ หรือ กทภ. จากรองนายกฯ เป็น นายกรัฐมนตรี


๔ ธันวาคม ๒๕๔๕ ภายหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ตึกเวิร์ดเทรด บทม.ว่าจ้าง ASI เป็นบริษัท
ที่ปรึกษาระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่ง ASI เสนอผลการศึกษาโดยสรุปว่า กระเป๋าสัมภาระ
ผู้โดยสารที่จะนำขึ้นไปบนเครื่องบิน ต้องมีการตรวจสอบก่อนพร้อมแนะนำระบบการตรวจ
วัตถุระเบิดแบบสายพานตามแบบยุโรป ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้นำระบบดังกล่าว
มาใช้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

๒๓ มกราคม ๒๕๔๖ การประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๔๖ ของคณะกรรมการ บทม. มีมติเห็นชอบ
งบประมาณสำหรับการปรับเปลี่ยนระบบดังกล่าวในวงเงิน ๑,๕๓๐ ล้านบาท หรือ ๓๖ ล้าน
เหรียญสหรัฐ โดยให้กลุ่มบริษัท MJTA ผู้ออกแบบเดิมเป็นผู้ปรับเปลี่ยนแบบและให้กิจการ
ร่วมค้า ITO เป็นผู้ก่อสร้าง ในขณะเดียวกัน ตัวแทนขายเครี่องตรวจวัตถุระเบิด CTX ของ
InVision ในประเทศไทย วิ่งเต้นเพื่อจำหน่ายเครื่อง CTX ให้กับ บทม. ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่
ได้ให้ InVision ส่งคุณลักษณะสำคัญของเครื่อง เพื่อจูงใจให้เลือกเครื่อง CTX หรือจะถือ
เป็นการบล๊อกสเปค เป็นการขัดขวางไม่ให้บริษัทอื่นเข้าแข่งขันได้

๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ได้เสนอวาระจรในการประชุมคณะกรรมการ
ครั้งที่ ๕/๒๕๔๖ มีมติให้กิจการร่วมค้าไอทีโอ เป็นผู้ปรับเปลี่ยนแบบพร้อมก่อสร้างระบบ
ดังกล่าว โดยใช้เงื่อนไขตามสัญญาข้อ ๕๖ เฉพาะสายพานลำเลียง

๑๓ มีนาคม ๒๕๔๖ ไอทีโอแจ้งว่างานออกแบบระบบดังกล่าวเป็นเรื่องยากและสลับซับซ้อน
ไอทีโอไม่มีความชำนาญ ขอให้ว่าจ้างผู้เชียวชาญในการออกแบบของท่าอากาศยานเป็นผู้
ออกแบบ แต่ รมต.คมนาคม ยังคงยืนยันขอให้ไอทีโอเป็นผู้ปรับเปลี่ยนแบบพร้อมก่อสร้าง
โดยใช้วิธี Design-Built (จะพยายามหาข้อมูลวิธีนี้มานำเสนอ)

๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๖ ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๔๖ คณะกรรมการมีมติให้ปรับรวมระบบ
สายพานลำเลียงกระเป๋าและสัมภาระผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมเป็นระบบ
เดียวกัน โดยมอบหมายให้ ไอทีโอ เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างตามเงื่อนไขสัญญาข้อ ๕๖

๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๖ ประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๔๖ คณะกรรมการมีมติยกเลิกมติที่ประชุม
ครั้งที่ ๑๑/๒๕๔๖ และมอบหมายให้ ไอทีโอ เป็นผู้รับผิดชอบปรับเปลี่ยนระบบสายพาน
ลำเลียงและอุปกรณ์เป็นระบบ ๑๐๐% In Line Hold Baggage Screening System

๒๕ กันยายน ๒๕๔๖ ประชุมครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๖ คณะกรรมการมีมติให้ปรับปรุงสิ่งอำนวย
ความสะดวกอาคารผู้โดยสารและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย ในวงเงินงบ
ประมาณ ๖,๑๕๕ ล้านบาท

๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.) ซึ่ง
มีนายกฯ เป็นประธาน มีมติอนุมัติเห็นชอบตามผลการประชุมครั้งที่ ๑๘/๒๕๔๖ ในวงเงิน
งบประมาณ ๖,๑๕๕ ล้านบาท (เฉพาะระบบตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร มีวงเงิน
งบประมาณถึง ๔,๕๐๐ ล้านบาท)
โดยการประชุมครั้งนี้ มีการฉายภาพเครื่อง CTX
พร้อมคำบรรยายให้ผุ้เข้าร่วมประชุมเข้าใจว่า เครื่อง CTX สามารถตรวจวัตถุระเบิดและ
ยาเสพติดได้พร้อม ๆ กัน

การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการจงใจชี้นำการตัดสินใจของกรรมการบางท่านที่ไม่ทราบ
ข้อเท็จจริงหรือไม่ มิอาจทราบได้ หรืออาจจะมีนักการเมืองที่ทำหน้าที่กำกับนโยบาย
ร่วมรู้เห็นด้วยหรือไม่ ก็มิอาจทราบได้เช่นเดียวกัน จุดสังเกตุอยู่ที่ว่า ปลายกันยา ๔๖
มีตัวแทน InVision เข้าประชุมเพื่อเตรียมเอกสารนำเสนอที่ห้องทำงานของที่ปรึกษา
รมต.

๒๙ มกราคม ๒๕๔๗ การประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๔๗ มีมติอนุมัติจ้างงานเพิ่มเติม โดยมอบ
หมายให้ ไอทีโอ ปรับปรุงระบบขนส่งกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร เป็นแบบ Single System
และปรับเปลี่ยนระบบรักษาความปลอดภัยในระบบ CTX วงเงินประมาณ ๔,๓๓๕ ล้านบาท

๑๒ มีนาคม ๒๕๔๗ ทำสัญญาก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๑ โดยว่าจ้าง
ไอทีโอ เป็นผู้ปรับเปลี่ยนแบบพร้อมก่อสร้าง ซึ่งไม่ใช่การสั่งจ้างตามเงื่อนไขสัญญาข้อ ๕๖
และยังไม่เป็นไปตามข้อบังคับการท่าอากาศยานว่าด้วยการพัสดุฉบับที่ ๒ ถือเป็นการเปิด
โอกาศให้มีการแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่ สุดแต่จะพิจารณา

การทำสัญญาจ้าง ไอทีโอ ให้ดำเนินการปรับปรุงระบบขนส่งกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร
เป็นแบบ Single System และปรับเปลี่ยนระบบรักษาความปลอดภัยเป็นการจัดซื้อจัด
จ้างโดยวิธีพิเศษ แต่ไม่มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดราคากลางตามข้อบังคับ
ว่าด้วยการพัสดุของ ทอท และยังมีราคาสูงกว่าที่เคยมีมติในที่ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๔๖
เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๔๖ ที่ตั้งงบไว้เพียง ๑,๕๓๐ ล้านบาท (แต่งบที่อนุมัติเมื่อ
วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๗ มีวงเงินถึง ๔,๓๓๕ ล้านบาท จึงมีมูลค่าสูงกว่างบที่ตั้งไว้
เดิมถึง ๒,๘๐๕ ล้านบาท)

ในการว่าจ้างผู้ออกแบบ ตัวแทนจำหน่าย CTX ได้ชักนำ CAGE มาเป็นผู้ออกแบบ เนื่อง
มาจาก ASI ปฎิเสธข้อเสนอที่ต้องออกแบบเพื่อเอื้อประโยชน์ในการใช้เครื่อง CTX
และจะทำการออกแบบอย่างเป็นกลางที่รองรับเครื่องตรวจวัตถุระเบิดได้หลายรุ่น

นอกจากนี้ ผู้แทนจำหน่ายยังได้แนะนำให้ Quatrotec ที่เป็นบริษัทจัดตั้งใหม่ด้วยทุน
จดทะเบียน ๑ ล้านบาท ( ๒๕,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ) และไม่มีประสบการณ์มาเป็นผู้
ตรวจรับรองแบบ อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ตรวจรับรองแบบเรียบร้อยแล้ว จึงมาทำ
สัญญาว่าจ้างกันภายหลัง

หากกล่าวโดยสรุป ผู้แทนจำหน่าย CTX เป็นผู้จัดหาบริษัทออกแบบและบริษัทตรวจ
รับรองแบบ (เรียกว่า ยังไงก็ผ่าน)

นอกจากตรวจรับรองแบบแล้ว ยังว่าจ้างให้ควบคุมการติดตั้งเครื่อง โดยมีการจ่ายเงิน
ครบถ้วนตามสัญญา ทั้ง ๆ ที่ช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๔๗ ถึง ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๘
ไม่ปรากฎว่ามีงานติดตั้งเครื่อง CTX ที่สุวรรณภูมิ และยังจ่ายเงินค่าควบคุมการติดตั้ง
เครื่องให้อีกประมาณ ๑๙ ล้านบาท หลังบริษัทดังกล่าวสิ้นสภาพความเป็นนิติบุคคล
จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จนปัญญาจะตอบจริง ๆ

อีกประเด็นที่น่าสนใจ นับจากวันที่ทำสัญญาก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแก้ไขเพิ่มเติม
ฉบับที่ ๑ (๑๒ มีนาคม ๒๕๔๗) จนถึง พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ได้มีการจ่ายเงินตามสัญญา
ให้ ไอทีโอ จำนวน ๒,๙๙๐ ล้านบาท โดยที่ยังไม่ได้รับเครื่องตรวจ CTX สักเครื่องเดียว

ตามข้อตกลงระบุว่า ๑๐ เครื่องแรก ต้องส่งถึงสุวรรณภูมิภายใน ธันวาคม ๒๕๔๗
และอีก ๑๐ เครื่องต้องส่งมาภายใน มกราคม ๒๕๔๘ ส่วน ๖ เครื่องสุดท้ายต้องส่ง
มาภายใน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ผลสรุปได้ว่า ๒ เครื่องแรกจากทั้งหมด ๒๖ เครื่องเพิ่ง
ส่งมาถึงเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๘

ข้อสงสัยยังมีอีก หลังจาก ไอทีโอ ได้รับเงินไปแล้ว ได้จ่ายเงินให้ แพทริออท จำนวน
๖๔๓ ล้านบาท แต่ไม่ปรากฎว่า แพทริออท นำเงินดังกล่าวไปจ่ายชำระค่า CTX แล้ว
เงินจำนวนนี้ไปอยู่ที่ใด

ต่อมา GE เข้าซื้อกิจการ InVision ผลการตรวจสอบกิจการและทรัพย์สิน พบสิ่งผิดปกติ
จึงรายงานให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเข้าตรวจสอบ จนได้ข้อเท็จจริงว่า ผู้บริหารของ
InVision ส่งเสริมผู้แทนจำหน่ายเครื่อง CTX ในประเทศเรา เสนอให้และสัญญาว่าจะให้
เงินแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและพรรคการเมืองของประทศเรา เพื่อใช้อิทธิพลต่อรัฐบาล
เพื่อจูงใจให้ตัดสินใจซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX อันเป้นการละเมิดกฎหมายว่าด้วย
การทุจริตในต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

ซึ่งคดีทุจริตครั้งนี้ จะสรุปผลออกมาอย่างไร มิอาจทราบได้ เพราะการโกงเชิงนโยบาย
เป็นการกระทำตามกฎระเบียบ ข้อบังคับที่วางไว้รองรับอย่างไร้ที่ติ คงหวังเพียงลึก ๆ ว่า
จิตสำนึก รู้ผิดชอบชั่วดี ของบุคคลที่ชาญฉลาด จะยังคงพอมีเหลืออยู่บ้างเท่านั้น

ที่มาข้อมูล : ปัจฉิมบท คตส.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Wed Oct 21, 2009 7:57 pm

อิอิ อีหนู
ถ้ามีเรื่องด่วนๆนี่ ไม่แปะประกาศแจ้งกันล่วงหน้า เพื่อจะได้มีเวลาปากต่อปากทันการ
แปะไม่ได้ ก็ช่วยพีเอ็มด้วยเน้ออเจ้า
ขอบคุณมากๆที่มีกำลังใจหามาให้อ่านโดยทั่วกัน
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 21, 2009 10:32 pm

ดันดี wrote:18 คดี :o


ค่ะ ๑๘ คดี ที่เห็น ๆ
ยังมีที่ไม่เห็นอีก เท่าไหร่มิอาจทราบได้
อยากให้นำเสนอคดีใดเป็นพิเศษ แจ้งได้ค่ะ

overtherainbow wrote:อิอิ อีหนู
ถ้ามีเรื่องด่วนๆนี่ ไม่แปะประกาศแจ้งกันล่วงหน้า เพื่อจะได้มีเวลาปากต่อปากทันการ
แปะไม่ได้ ก็ช่วยพีเอ็มด้วยเน้ออเจ้า
ขอบคุณมากๆที่มีกำลังใจหามาให้อ่านโดยทั่วกัน


ได้ตามขอจ๊ะเจ๊ ว่าแต่ แบบไหนเรียกว่าเรื่องด่วนจ้ะ
อีหนูของพี่จะได้จัดให้ถูกจ๊ะ :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 22, 2009 2:54 pm

ข้อแก้ตัวผ่านจดหมาย

Woodsome Manor
Surrey, England
22 of October, 2008

Dear My Friends in International Media,

I am writing to you today to clarify few facts, The news headlines have reported that I have been convicted of corruption for two years stemming from the purchase of land by my wife, Khunying Potjaman Shinawatra.

What you have read is true, I was convicted for two years, but not because of corruption charge. The only reason I was sentenced to Jail is because at the time my wife bought the land through the open bid, I was the Prime Minister.

I listened to the judgment yesterday and even now I am still confused ; there is no evidence of fraud, corruption nor abuse of power in relation to the bid in question; my wife was the one who in volved and made decision to bid for the land, offered a lot more seller, Financial Instit ution Development Fund (FIDF), than other bidders, signed the contract with the seller, paid for the land with no involvement from her husband except when he was required to sign a spousal consent form, In terms of any alleged influence I may have had no direct supervisory power over the FIDF. Interestingly, the Court did not find the sale transaction of my wife unlawful or illegal, they did not convict her because she is not a politician; nevertheless, I was . I trust that you will independently verify the above facts as professional journalists often do. Unfortunately, most of you professsional colleagues in Thailand refuse to do so.

The best. I can comprehend is that I was convicted simply because I was a politician . In that case I was quite guite guilty cause I was quite a successful politician, I got elected twice by the majority of thai people as Prime Minister.

If I were to be guilty of anything, that would be what I have shown to the Thai people, especially those underprivileged rural thais that they can, and have the right to, demand their government to provide effective policy and programs to improve their lives.

I received this judgment with mixed feeling; relief for my wife as I pulled her into enough troubles because of my politcal ambition to bring greatness and well-being to my country and my people, amused and bitter with the illogical of the judgment, and worry for those politicians in Thailand that they could go to jail simply because their unhappy spouses may sought to manipulate the law.

For those of you who may not be too familiar with Thailand, state offices and enterprises in Thailand are doing so many businesses from telecommunication, banking, power generator or even owning gas stations.

I do not know should I laugh or cry to see the direction Thailand is moving forward: a democratically elected leader was put out of job because he cooked on a TV show but those who unlawfully trespassed and occupying the government house got protection from the Court.

Whatever happen to me is a political driven actions collaborated by various group of privileged elites who believe in anything but democracy. I am a threat to them because I represent the principle of liberal democracy which promote hope and pride of the poor of my country.

Thailand is and will remain a great and beautiful country. Few people cannot face the face,obstructing the will of majority of the people. I believe that at the end Thai people will win over this struggle. And the end of their nightmare is not far.

I thank you for the opportunity to share the facts with you.

Truly Yours,

ฉบับภาษาไทย

วูดซัม แมเนอร์
เซอร์เรย์, อังกฤษ
22 ต.ค. 51

เรียน เพื่อนสื่อมวลชนต่างประเทศ

สิ่งที่ผมกำลังเขียนถึงพวกคุณในวันนี้เพื่อให้ความกระจ่างในข้อเท็จจริงบางอย่าง ข่าวพาดหัว
ที่มีการรายงานว่าผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการทุจริตต้องโทษจำคุก 2 ปีจากการซื้อที่ดิน
ของภรรยาผม, คุณหญิงพจมาน

สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้คือความจริง ผมถูกตัดสินโทษจำคุก 2 ปี ไม่ใช่เพราะข้อหาทุจริต
เหตุผลเดียวที่ผมถูกสั่งจำคุก เพราะในช่วงเวลาที่ภรรยาของผมซื้อที่ดินโดยการเปิดประมูลนั้น
ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผมได้ฟังคำตัดสินเมื่อวันก่อนและจนถึงตอนนี้ ผมยังคงสับสน เพราะไม่มีหลักฐานที่แสดงให้
เห็นว่ามีการฉ้อฉล คอร์รัปชั่น หรือกระทั่งการใช้อำนาจในทางมิชอบที่เกี่ยวเนื่องกับประมูล
คำถามคือ ภรรยาของผมเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและตัดสินใจยื่นประมูลที่ดินดังกล่าว เป็นผู้ยื่นเสนอ
ราคาจำนวนมากแก่ผู้ขายซึ่งคือ กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน มากกว่า
ผู้ยื่นประมูลรายอื่นๆ เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อขายกับผู้ขาย จ่ายเงินค่าที่ดินโดยที่สามีไม่ได้มีส่วน
เกี่ยวข้องใดๆเลย ยกเว้นเมื่อต้องเซ็นชื่อยินยอมในเอกสาร (ไม่ยักกะบอกว่าผมแนบบัตร
ประจำตัวในฐานะนายก)


ในแง่ของข้อกล่าวหาเรื่องอิทธิพลอำนาจที่ผมอาจมีเหนือกองทุนฟื้นฟูฯ มันเป็นสิ่งสำคัญ
ที่จะต้องชี้ให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจควบคุมโดยตรงเหนือ
กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ศาลไม่ได้พบว่า การซื้อขายที่ดินของภรรยาผม
มีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นการกระทำนอกกฎหมาย เขาไม่ได้ตัดสินว่า
เธอมีความผิด เพราะเธอไม่ใช่นักการเมือง แต่ผมเป็น ผมเชื่อว่าพวกคุณจะตรวจสอบ
ข้อเท็จจริงที่เหลืออย่างอิสระเยี่ยงผู้สื่อข่าวมืออาชีพปฏิบัติกัน แต่น่าเสียดายที่เพื่อน
ร่วมอาชีพของคุณส่วนใหญ่ในประเทศไทยปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น

สิ่งที่ผมจะสามารถทำความเข้าใจได้ดีที่สุดก็คือ ผมถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงอย่างง่ายๆ
เพียงเพราะผมเป็นนักการเมืองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ผมผิดเพราะผมเป็นนักการเมืองที่ประสบ
ความสำเร็จ ผมได้รับเลือกตั้งขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัย เพราะเสียงส่วนใหญ่
จากประชาชน

ถ้าหากผมจะมีความผิดอะไรสักอย่าง นั่นก็คงเป็นสิ่งที่ผมได้แสดงออกมาให้ประชาชน
ชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยกลุ่มที่อยู่ในชนบทและไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ ได้เห็นว่า
พวกเขาสามารถเรียกร้องและมีสิทธิเรียกร้องให้รัฐบาลของพวกเขาจัดทำนโยบายที่มี
ประสิทธิภาพและทำโครงการต่างๆที่จะยังผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น

ผมยอมรับคำตัดสินนี้ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน รู้สึกโล่งใจสำหรับภรรยา ที่ผมดึงเธอ
เข้าไปสู่ความยากลำบากมากทีเดียว เพราะความทะเยอทะยานทางการเมืองของผม ใน
การที่จะนำความยิ่งใหญ่และความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่ประเทศและประชาชนของผม ทั้งรู้สึกนึกขัน
ปนขมขื่นกับคำตัดสินที่ไร้เหตุผล
และรู้สึกกังวลแทนนักการเมืองในประเทศไทยว่า
พวกเขาสามารถเดินเข้าคุกไปได้ง่ายๆเพียงเพราะภรรยาที่โชคร้ายของพวกเขาพยายาม
ทำตามกฎหมาย

สำหรับพวกคุณที่อาจไม่คุ้นเคยกับประเทศไทย ภาครัฐและภาคเอกชนในไทยที่กำลัง
ดำเนินธุรกิจหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ สื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร ไฟฟ้าหรือแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน

ผมไม่ทราบว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังมุ่งไป ผู้นำที่มา
จากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกขับพ้นจากตำแหน่ง เพียงเพราะว่าเขาทำ
รายการโทรทัศน์ แต่กลุ่มคนที่ล่วงละเมิดผิดกฎหมายและยึดครองทำเนียบรัฐบาลกลับ
ได้รับความคุ้มครองจากศาล

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่เกิดจากแรงขับเคลื่อนทางการเมือง
ซึ่งเป็นการสมคบกันของบรรดาชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์ทั้งหลาย ผู้เชื่อในทุกสิ่งอย่าง ยกเว้น
ประชาธิปไตย ผมเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา เพียงเพราะผมเป็นตัวแทนของหลักการแห่ง
ระบอบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งส่งเสริมความหวังและความภาคภูมิใจของคนยากคนจนใน
ประเทศของผม

ประเทศไทยเป็นและจะยังคงเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม คนจำนวนไม่มากที่ไม่
สามารถเผชิญกับความจริงได้ กำลังขัดขวางเจตจำนงของคนส่วนใหญ่ ผมเชื่อว่าในท้าย
ที่สุดพี่น้องชาวไทยจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ และการสิ้นสุดของฝันร้ายอยู่ไม่ไกล

ผมขอขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ร่วมแบ่งปันข้อเท็จจริงกับคุณ

ด้วยความนับถือ

ลงชื่อ

ไม่มีความคิดเห็น หรือบทวิเคราะห์ใด ๆ ข้อความทั้งหมดบ่งบอกถึงจิตใจของผู้เขียน
อย่างถ่องแท้ ผู้อ่านคิดเห็นประการใด สุดแล้วแต่จะวิเคราะห์
Last edited by bird on Thu Oct 22, 2009 7:52 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 22, 2009 4:07 pm

บทเรียนจากอาร์เจนตินา

ย้อนกลับไปในปี ๒๕๓๘ เมื่อประธานาธิบดีของอาร์เจนตินา คาร์ลอส ซาอูล เมเนม กำลัง
จะหมดวาระลง จึงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งประธานาธิบดีรักษาการณ์ เมเนม ลงสมัคร
รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย

ประธานาธิบดีรักษาการณ์ สร้างคะแนนนิยมด้วยการเอาในประชาชนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
ลด แลก แจก แถม ด้วยวิธีการต่าง ๆ นา ๆ ให้เงิน แจกเงิน ติดสินบน ซื้อเสียง เรียกว่ายอม
ทำทุกวิธีที่จะนำมาซึ่งคะแนนเสียง โดยไม่สนใจว่าวิธีนั้นจะผิด หรือชั่วร้ายแค่ไหน

ประธานาธิบดีรักษาการณ์ ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการหาเสียง หว่านเม็ดเงินจำนวนมาก
โดยไม่ได้สนใจว่า เงินที่หว่านลงไปนั้น เป็นเงินภาษีอากรของประชาชนอาร์เจนตินาทั่วทั้ง
ประเทศ หาใช่เงินของประธานาธิบดีรักษาการณ์แต่อย่างใด ประชาชนไม่ได้ล่วงรู้เลย

เพราะ ประธานาธิบดีรักษาการณ์เมเนม หว่านเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใช้วิชามารทุก
รูปแบบ พลิกแพลง ฉ้อฉล ทั้งในรูปของนโยบายเพื่อประชาชนอาร์เจนตินา หรือ วิธีชั่วช้า
สุดจะพรรณา ประธานาธิบดีรักษาการณ์ ผลาญงบประมาณของชาติจำนวนมหาศาล เพื่อใช้
ในการหาเสียงของตนเอง

สุดท้ายประธานาธิบดีรักษาการณ์ ก็ได้เป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย อันเป็นผลมาจากการ
ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายอีกครั้ง โดยการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินในการหาเสียง
และประธานาธิบดีเมเนม ยังคงใช้นโยบาย เสีรีนิยมใหม่ ที่เต็มไปด้วย การคอร์รัปชั่น และ
การทุจรติเชิงนโยบาย เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย บริหารประเทศ

การบริหารประเทศเป็นไปภายใต้วัตถุประสงค์ เพื่อผลาญสมบัติของชาติ และนำมาซึ่งความ
ร่ำรวยของตัวเอง เครือญาติ และ พวกพ้อง เช่นเดิม

ประธานาธิบดีเมเนม ออกกฎหมายให้ต่างชาติ มีสิทธิซื้อแผ่นดินของอาร์เจนตินาได้ ภายใต้
ข้ออ้างที่ว่า ประเทศไม่มีเงินงบประมาณแผ่นดิน ไม่มีเงินคงคลัง จำเป็นต้องนำเงินของต่าง
ชาติ มาเสิรมสภาพคล่อง และเป็นการจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอาร์เจนตินา

บทสรุป นโยบายขายแผ่นดินของประธานาธิบดีเมเนม อนุญาติให้ต่างชาติเข้ามาถือครอง
ที่ดินในประเทศได้ ทำให้ ที่ดินขนาดใหญ่แปรสภาพเป็นโรงงานของต่างชาติ ที่เข้ามาทำ
ธุรกิจ โดยใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก นำกำไรที่ได้ส่งกลับประเทศ
แผ่นดินเกือบทั้งอาร์เจนตินา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ

ชาวอาร์เจนตินาผู้เป็นเจ้าของประเทศ อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ซึ่งมีสภาพไม่ต่างไปจาก
ชุมชนแออัด หรือที่เรียกกันว่า สลัม ต้องอาศัยแผ่นดินคนอื่นซุกหัวนอน ทั้ง ๆ ที่ เป็นถึง
เจ้าของประเทศ

แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เกือบ ๕ เท่าของประเทศเรา แผ่นดินเกษตรกรมมที่สมบูรณ์ ปลูก
อะไรก็ให้ผลผลิตที่งอกงาม บัดนี้ แปรสภาพเป็นโรงงานของต่างชาติ นำมาซึ่งความวิบัติ
ของประเทศอาร์เจนตินา อย่างที่ไม่สามารถตีมูลค่าได้

ประธานาธิบดีเมเนม ใช้เทคนิคโกงเชิงนโยบายในการบริหารประเทศ โฆษณาชวนเชื่อว่า
โครงการต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล จะสร้างประโยชน์ให้อาร์เจนตินาและประชาชน
ของอาร์เจนตินาได้ เมื่อมวลชนส่วนใหญ่ของประเทศเชื่อ..

ประธานาธิบดี จะเอาสมบัติชาติมาแสวงหาผลประโยชน์ เช่น แปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อนำ
เข้าตลาดหุ้นและทำการปั่นหุ้น นำเงินเข้ากระเป๋าตนเอง และพวกพ้อง นำทุนต่างชาติ
เข้ามาทุบหุ้นในประเทศ

กู้เงินมาทำอภิมหาเมกโปรเจกต์ มูลค่าเป็นแสน ๆ ล้าน หลายสิบโครงการ อันนำมาซึ่ง
ผลประโยชน์ของตัวเอง สร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง เครือญาติและพวกพ้อง ในลักษณะ
ของการเข้าประมูลงานของโครงการเหล่านั้น โดยสร้างกำไรมหาศาลจากการลงทุนของ
รัฐบาล

อันเป็นลักษณะของการโยกย้ายเงินแผ่นดิน เข้าสู่กระเป๋าของตัวเอง เครือญาติ และ
พวกพ้องภายใต้นโยบายของรัฐบาล เป็นการโกงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในลักษณะ
การคอร์รับชั่นเชิงนโยบาย

นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อปี ๒๕๓๘ อันเป็นเหตุให้ประเทศ
อาร์เจนตินาล่มจม ผู้คนจำนวนมาก อดอาหารและตายไปในที่สุด แต่ ประธานาธิบดีผู้
ขายชาติ ทิ้งประเทศ ไปเสวยสุขบนกองเงินกองทอง ที่ได้มาจากการโกง การทุจริต
การคอร์รับชั่นอย่างถูกต้อง

แล้วประเทศของเรา กำลังเป็นอย่างอาร์เจนตินาหรือไม่ หรือจะใช้ความวิบัติของประเทศ
อาร์เจนตินา เป็นบทเรียนและหาทางป้องกันอย่างสุดความสามารถ

ที่มาข้อมูล : ไม่อยากเห็น เมืองไทยหายนะ อ่านหนังสือเล่มนี้
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 22, 2009 9:44 pm

overtherainbow wrote:อี๋๋ อ่านแล้วรู้สึกว่า
กำลังเสื่อมลง ตามๆกันไปเลย


ไม่ใช่แค่ตามๆ กันไปนะค่ะ
ต้องเรียกว่า การเมืองไทยตั้งแต่ ๒๕๔๐ หรือก่อนหน้านั้น
มีลักษณะเหมือน อาจจะเรียกว่าถอดแบบเลยก็ว่าได้
เหมือนของอาร์เจนตินาไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยม
เมกะโปรเจกต์ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การขายหุ้น รวมไปถึง
การหาเสียงของนักการเมืองบางกลุ่ม ถอดแบบออกมาเลยหล่ะ

บริหารประเทศโดยยึดหลักของเปรอง
ที่น่ากลัวก็คือ ประเทศเรากำลังก้าวย่างเหมือนอาร์เจนตินา
ก่อนล่มจม ประชาชนอดยาก จากประเทศที่ร่ำรวยเป็น
เหมือนสวรรค์บนดิน แปรสภาพเป็นประเทศที่ยากจนที่สุด
ประเทศหนึ่งของโลก

ประเทศเรา กำลังก้าวตามรอยของ อาร์เจนตินา ทุกฝีก้าว
หากคนไทยบางกลุ่มยังไม่ตื่น ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว อ้างว่าไม่ใช่ธุระ
ไม่ใช่เรื่องของตน

นักการเมืองยังมั่วแต่ห่วงผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง
ไม่มองถึงผลประโยชน์ของประเทศ ไม่กล้าที่จะทำอะไรให้เด็ดขาด
ยังมัวแต่ลูกล่อลูกชน กักกันอยู่แบบนี่หล่ะก็ ประเทศเราอาจจะ
พบจุดจบเหมือนอาร์เจนตินาก็เป็นได้
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm


Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Fri Oct 23, 2009 7:41 am

เข้ามาดัน :D
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron