เปลวสีเงิน : นี่คือ "ทักษิณทรามอสัตย์นุสรณ์"ขออนุญาตินำบทความของ เปลวสีเงิน ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ๗ ก.พ. ๒๕๕๐
"
การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิคืบหน้ามาก เชื่อว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด ๒๙ กันยา ๔๘
เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิแล้วเสร็จ ก็จะเป็นสนามบินที่มีความทันสมัยที่สุด ดีที่สุด และปลอดภัย
ที่สุดในภูมิภาคนี้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นตามมา ผมพร้อมที่จะรับผิดชอบ
ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง "
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๖
ครับ..ฝากข้อความนี้ให้ "บอร์ด ทอท." เพื่อพิจารณา เพราะสุดท้ายแล้ว สนามบินสุวรรณภูมินี้
จะต้องได้รับการแก้ไข ฟื้นสภาพจากความเลวร้ายคืนสู่ความเป็น
"
ประตูแห่งเอเชีย" ที่สมบูรณ์!
ความอัปยศจากการ "โกง-กิน" ของนักการเมืองแห่งยุค "ทักษิณ ชินวัตร" อันฉาวกระฉ่อนโลกนี้
ไม่ควรปล่อยให้ความรุ่งเรืองในอนาคตต่อจากนี้ของไทย เป็นสิ่งกลบกลืนซากบัดซบ
ควรจะนำพื้นรันเวย์-แท็กซี่เวย์ ที่พังพินาศและขุดลอกออกมานั้น ไปสร้างเป็นประติมากรรม
"ทักษิณอัปยศ" ไว้แถวๆ สุวรรณภูมิซักแห่ง พร้อมทั้งสลักเป็นประวัติแห่งความเป็นมาไว้ด้วย
แล้วก็นำ "วรรคอสัตย์" ของทักษิณข้างบนนั้น ไปสลักติดประจานควบคู่ ให้คนรุ่นหลังได้เห็น
ถึงอสัตย์ในวาจาของคนคนหนึ่ง ที่เคยตะโกนหลอกประชาชนว่า
"ผมรวยแล้วไม่โกง"! คนไทยนั้น "ลืมง่าย" สุวรรณภูมิเปรียบเหมือน "หน้าตาของชาติ" แต่สิ่งที่ทักษิณทำขึ้นครั้งนี้
เท่ากับเอามีด หรือน้ำกรด "กรีด-สาดหน้า" ประเทศไทยจนมีภาพอัปลักษณ์
ภาพของ "ชาติคอรัปชั่น"
และมันเป็น "แผลเป็น" ติดชาติตลอดไป!
ฉะนั้น บทเรียนราคาแพงนี้อย่าให้สูญเปล่า สร้างอนุสาวรีย์แห่งความชั่วประจานไว้
จะได้เตือนใจบรรดาข้าราชการ นักการเมือง และประชาชนทั่วไป
ใคร-ชั่วอะไรก็พอชั่วได้
แต่อย่า "ชั่วกับชาติ"
เพราะมันเป็น "อนันตริยกรรม" พระสยามเทวาธิราช และประชาชนจะไม่มีใครยอมให้อภัยเด็ดขาด!
เอ้า....ก็ฝากประโยคคำพูดข้างต้นนี้ให้ "นายนพดล ปัทมะ" ที่ปรึกษาส่วนตัวครอบครัวชินวัตร
ช่วยเอาไปให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" อ่านด้วย และช่วยถามท่านด้วยว่า..
"จำได้มั้ย..หมะ...หรือคนที่พูดประโยคนี้ไว้ และที่จะรับผิดชอบร่วมกับทุกฝ่ายนั่นน่ะ
กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วขณะนี้
...จะรับผิดชอบยังไง บอกมาเลย?"
วานนี้ (๖ ก.พ.๕๐) "ครม.สุรยุทธ์" ก็เห็นชอบร่วมกันให้ "สนามบินดอนเมือง" เป็นสนามบิน
นานาชาติของประเทศแห่งที่ ๒ เปิดใช้ควบคู่ไปกับ "สนามบินสุวรรณภูมิ"
เหตุผลหลักก็คือ "สนามบินสุวรรณภูมิ" มันกินกันจนพังพินาศ ต้องใช้เวลาเยียวยาอีกนาน
มันเป็นสนามบินที่อัปยศที่สุด พังเร็วที่สุด และไม่ปลอดภัยที่สุดในภูมิภาคนี้ไปแล้ว
ใครล่ะคือตัวการ..ถ้าไม่ใช่ "ทักษิณ"!?
ผมยังยืนยันความเห็นว่า ควรให้การบินไทย "ทั้งหมด" มาอยู่ที่ดอนเมือง ทั้งสายภายในประเทศ
และทั้งสายต่างประเทศ
จะมีเหลือบางเส้นทาง "เท่าที่จำเป็น" นั่นก็ต้องจำเป็นจริงๆ น่าจะรีบวางกรอบให้ชัดเจนแต่แรกๆ
ก่อนว่า จะเอามาแค่สายในประเทศ หรือจะเอาการบินไทยมาทั้งหมด
แล้วเปิด "ดอนเมือง" เป็นสนามบินนานาชาติที่ ๒ เปิดใช้ควบคู่กับสุวรรณภูมิไปเลย
เท่าที่ดูตอนนี้ เห็นคิดทีละขยัก คือในทำนอง "คิดส่วนย่อย" ก่อน แล้วก็ต้องวกกลับไปหา
"กรอบใหญ่" ใหม่อีก อย่างนี้นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังอาจต้องเสียเงิน เสียโอกาสในการ
"รื้อแล้ว-รื้ออีก" ไม่จบไม่สิ้น
เอาล่ะ..ตอนนี้ก็ชัดแล้วว่า "เปิดดอนเมือง" ใช้ขนานกับสุวรรณภูมิแน่ ปัญหาที่ต้องทำให้
ชัดต่อไป คือ
จะเปิดเพื่อให้เฉพาะสายในประเทศมาใช้ หรือว่าควรจะ "กำหนดกรอบคิด"
ยกดอนเมืองให้การบินไทยทั้งในและนอกประเทศ..ใช้ให้เต็มที่สมกับเป็น "สายการบินของชาติ"
ไปเลย!
ไม่ใช่อะไรหรอก จะได้จัดอาคาร จัดพื้นที่ จัดอุปกรณ์ต่างๆ ให้มันลงตัวบน "นโยบายที่แจ่มชัด"
เพราะเท่าที่ฟัง แค่ตกลงใจทีแรกจะย้ายสายในประเทศ ก็ยังวุ่นแล้วว่า
จะใช้อาคารไหน?
ประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลกเขามีสนามบินนานาชาติมากกว่า ๑ แห่งเกือบทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่อง
การต่อเที่ยวบินของนักเดินทางหรอก ขอให้เราชัดเจนเท่านั้นว่า "สนามไหน-เป็นสนามไหน"
แล้วนักเดินทางเขาชำนาญ เขารู้ เขาเข้าใจ เขาจัดตารางบิน ตารางการใช้สนามบินเองว่า
เขาจะไปไหน สมควรจะจับเที่ยวบินไหนที่ลงจอดสนามบินสะดวกกับเส้นทางของเขา
ขอเพียงความชัดเจนในนโยบาย ขอเพียงให้เวลาบริษัทการบิน บริษัทท่องเที่ยวเขาจัดตาราง
ปรับทิศทางธุรกิจของเขาให้สอดคล้องกับการใช้สนามพักเดียวเท่านั้น
ทุกอย่างจะราบเรียบ!
เหลือแต่เราเองนี่แหละ งุ่มๆ ง่ามๆ ย่ำในความคิดกลับไป-กลับมา นี่ถ้าโลกนี้ไม่มี "วันอังคาร"
ซะวัน ประเทศไทยคงทำอะไร-ตัดสินใจอะไรกันไม่ได้เลย
เพราะไม่มีวันประชุม ครม.!
ผมว่าภาวะนี้ ต้องสวมวิญญาณนักมวยบนเวที ถูกต่อยเปรี้ยง เจ็บแหละ..แต่ต้องรีบลุกขึ้นยืน
แล้วตั้งการ์ด "พร้อมชก" ให้เร็วที่สุด เพราะมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะเรียกความเชื่อมัน และลบลางแพ้
ในเกมที่เรา..
แพ้ไม่ได้! กรณีสนามบินสุวรรณภูมินี้เหมือนกัน ใจเราตกอยู่ใต้อิทธิพลแผนการตลาดของทักษิณจน
"สติปัญญา" ไม่กลับคืนกันเลยเชียวหรือ?
ผมเชื่อ ชาวบ้านร้อยละ ๘๐-๙๐ เชื่อว่า "สนามบินสุวรรณภูมิ" ไม่พร้อมจะเปิดใช้เมื่อ ๒๙
กันยา ๔๙ แต่เมื่อทักษิณดันทุรังกำหนดเวลาจะต้องเปิดใช้ไว้ เอาเข้าจริงๆ
มันก็ไม่พร้อมจริงๆ และ..พังจริงๆ! ด้วยสมมุติฐานนี้ ผมจึงว่าคนระดับบริหารประเทศขณะนี้ ก็ต้องรู้ในใจมาตั้งแต่แรกแล้ว ฉะนั้น
ก็ควรจะฉับไว และควรมีความคิดตกผลึกเป็นแผนรองรับไว้แล้วว่า
เมื่อเจอปัญหานี้ควรรีบตัดสินใจอย่างไร ในเมื่อเรามี "สนามบินดอนเมือง" บ่อเงิน-บ่อทอง
ของชาติที่ยังสมบูรณ์อยู่ทั้งบ่อ
แล้วจะลังเลอะไร ในการนำมาช่วยกู้โอกาสของชาติที่กำลังจะเสียไป? แอร์พอร์ตลิงค์ ก็ดี
รถไฟใต้ดิน-บนดิน ก็ดี
ซึ่งถือเป็นมือ-เป็นเท้าของสนามบินระหว่างสุวรรณภูมิกับในเมือง อันนับว่าสำคัญควบคู่กับ
สนามบิน แต่กระทั่งถึงตอนนี้ มือ-ตีนยังไม่งอกด้วยซ้ำ
แค่นี้ ทักษิณมันก็บ้าแล้วที่ "ลุแก่อำนาจ" สั่งเปิดใช้สุวรรณภูมิ แล้วพวกข้าราชการในระบบ
ก็บ้าพอกัน สอพลอกันจนลืมบ้าน-ลืมเมือง เรียนกันมาสูงๆ เก่งกันสารพัดวิชาการซะเปล่า
ที่จะทัดทาน ท้วงติง "ด้วยเหตุ-ด้วยผล" ซักคำก็ไม่มี ดีแต่ประสานมือกอกระดุม
แล้วกระดกหัวพล่ามคำ
"ดีครับนาย ใช่ครับท่าน" แล้วสุดท้าย ผลที่เกิดขึ้น..เป็นไง สำนึกในกะลาหัวกันบ้างมั้ย?
มีใครที่ยอมตาย "ด้วยเหตุและผล" เพื่อบ้านเมืองบ้าง?
เห็นมีแต่ "ยอมให้บ้านเมืองตาย" ส่วนกู..ขอสบายไว้ก่อน!
ตอนนี้ ใครๆ ก็บ่นว่าบ้านเมืองเข้าสู่ยุคขุกเข็ญ การทำมาหากินฝืดเคือง ทุจริตชนออกปล้นชิงวิ่งราว
แล้วต่างคนต่างก็ไปเช่า "จตุคามรามเทพ" มาห้อยคอ มาบูชา หวังให้ท่านแผ่บารมีมาคุ้มครอง
ป้องกันภัย อำนวยโชค-อำนวยชัยให้ร่ำให้รวย
ก็หวังรอด-หวังรวยกันเฉพาะตัวเท่านั้น!
นี่คือสิ่งสะท้อนใกล้ตัว และเห็นชัด สังคมไทยนั้น "ความรวย" เป็นของคนที่ "ฉวยโอกาส"
เอาจากคนด้วยกัน ส่วนชาติไม่มีเจ้าของ เพราะแต่ละคนก็มักอ้อนวอน-แสวงหาให้รอด
ให้ร่ำ-ให้รวย เฉพาะแต่ตัวเอง "ชาติไทย" จึงเป็นชาติที่น่าสงสาร เลี้ยงลูกมาซี่โครงบาน
แต่หาน้อยคนจะรู้บุญ-รู้คุณ.
(ไทยโพสต์ 7 ก.พ.50)
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=th ... cat_id=200ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ น้อมรับทุกคำพูด ทุกประโยค