เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Fri Oct 23, 2009 3:36 pm

อนุมัติเงินกู้ ๔,๐๐๐ ล้านบาท

ธ.เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน) หรือ เอ็กซิมแบงค์ (EXIM BANK)
เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง จัดตั้งขึ้น
ตามพระราชบัญญัติ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖
และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๒ ทำหน้าที่ให้บริการทางการเงินในการส่งเสริมและ
สนับสนุนการส่งออก การนำเข้าสินค้าและบริการที่ใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก
รวมไปถึงการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ
ผู้ส่งออกไทยและนักลงทุนไทยในต่างประเทศ พร้อมสนับสนุนการได้มาซึ่งเงินตราต่าง
ประเทศหรือประหยัดเงินตราต่างประเทศ

ปลายปี ๒๕๔๖ ครม.ได้มีมติอนุมัติวงเงินกู้ให้แก่รัฐบาลพม่า มีมูลค่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท
ภายใต้ข้ออ้างที่ว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือแบบทวิภาคี ใน ลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล
วงเงินกู้ดังกล่าว เอ็กซิมแบงค์ ได้ลงนามในสัญญาเมื่อ มิถุนายน ๒๕๔๗ โดยมีกระทรวง
การคลังของพม่าเป็นผุ้ค้ำประกัน

และเป็นการปล่อยกุ้ภายใต้เงื่อนไขผ่อนปรน ที่เรียว่า "ซอฟต์โลน" คือ คิดดอกเบี้ยต่ำใน
อัตราร้อยละ ๓ ระยะเวลา ๑๒ ปี โดย ๕ ปีแรกเป็นระยะปลอดเงินต้น โดยมีคู่สัญญาคือ
MFTB เป็นตัวแทนธนาคารพม่า รับหน้าที่จัดสรรเงินกู้ให้หน่วยงานต่างๆ ของพม่า เพื่อนำ
ไปใช้ในการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ที่รัฐบาลพม่าอนุมัติไว้แล้วในวงเงินงบประ
มาณ ๓,๙๓๔ ล้านบาท

ซึ่งโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐบาลพม่า ผูกพันสัญญากับบริษัทที่ดำเนิน
ธุรกิจส่งออกสินค้าของไทย จำนวน ๑๖ ราย

- กลุ่มธุรกิจส่งออกเครื่องจักรและอุปกรณ์ 9 ราย รวมวงเงิน ๑,๗๕๖ ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ๓ ราย รวมวงเงิน ๙๘๐ ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี ๒ ราย รวมวงเงิน ๕๙๘ ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ๒ ราย รวมวงเงิน ๖๐๐ ล้านบาท

ในส่วนของโครงการพัฒนาการสื่อสารและโทรคมนาคมของพม่า ตามหนังสือที่กระทรวง
สื่อสารและไปรษณีย์ของพม่า ทำถึงรัฐบาลไทยระบุว่าจะทำการลงทุนใน ๓ โครงการ

๑) โครงการพัฒนาการสื่อสารผ่านดาวเทียมระบบบรอดแบนด์
๒) โครงการถ่ายทอดสัญญาณผ่านเคเบิลใยแก้ว ระยะทาง 1,500 กิโลเมตร
๓) โครงการพัฒนาเทคโนโลยีข่าวสารและการสื่อสาร

มีมูลค่ารวมประมาณ ๑,๒๑๖ ล้านบาท มีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของไทยมี
สิทธิในการเข้าดำเนินการเพียงรายเดียว ในวงเงิน ๙๖๒ ล้านบาท คือ ชินแซท ร่วมกับ
บ.บากัน ไซเบอร์เทค ของลูกชาย ขิ่น ยุ้นต์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เนทแบบ
ผูกขาดรายเดียวในพม่า

ชินแซท ได้เข้าทำธุรกิจในพม่าร่วมกับบากัน โดยนำเอาเทคโนโลยีของดาวเทียมไอพี
สตาร์ไปให้บริการโทรศัพท์ชนบทและอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมผ่านบากันในปี ๒๕๔๕
หลังเอ็กซิม ปล่อยเงินกู้ได้เพียง ๒ เดือน(ปล่อยกู้เมื่อ ก.ค.๒๕๔๗) ขิ่น ยุ้นต์ ถูกรัฐบาล
ทหารพม่าจับตัว โค่นอำนาจและยึดธุรกิจในข้อหาคอร์รัปชั่น

นับแต่ พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ อดีตนายกรัฐมนตรีพม่า ถูกรัฐบาลทหารใหม่ โค่นอำนาจและปลด
ออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๗ พร้อมกับยึดกิจการโทรคมนาคมและอินเตอร์
เน็ต ต่อมา ขิ่น ยุ้นต์ ถูกตัดสินจำคุก ๔๔ ปี ลูกชาย ๒ คน ถูกจำคุก ๕๑ ปี และ ๖๘ ปี ใน
ข้อหาคอร์รัปชั่น ซึ่งทั้งหมดก็ยอมเดินเข้าคุกอย่างสง่าผ่าเผย ไม่หนีหางจุกก้น

ส่วนเงินกู้มูลค่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่รัฐบาลทักสินสั่งให้เอ็กซืมแบงค์ปล่อยกู้แก่รัฐบาลพม่า
ในขณะที่ ขิ่น ยุ้นต์ เป็นนายกฯ เพื่อพัฒนาบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน โดยการจัดซื้ออุป
กรณ์ต่างๆ จากบริษัทเครือข่ายแม้ว จะได้รับการชดใช้คืนหรือไม่

ยังไม่เพียงเท่านั้น ข้อเท็จจริงของเงินกู้ดังกล่าว ที่คนไทยบางส่วนเพิ่งได้รับรู้เมื่อวันที่ ๑๒
กรกฎาคม ๒๕๔๘ เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายปี
๒๕๔๙ สภาฯ ได้เชิญนายสถาพร กรรมการผู้จัดการ ธสน.ไปชี้แจงเกี่ยวกับความคืบหน้า
ของการปล่อยกู้เงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท

ทำให้ได้ทราบว่าแท้จริงแล้วเป็นการปล่อยกู้ที่ขาดทุน เพราะเอ็กซิมถูกสั่งให้คิดดอกเบี้ย
จากพม่าในอัตรา ๓% ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยของเอ็กซิมอยู่ที่ ๔.๓% เพราะต้องไปกู้เงิน
จากสถาบันการเงินอื่นมาปล่อยกู้แก่พม่าอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วตลอดเวลา ๑๒
ปีของสัญญา เอ็กซิมฯ จะต้องเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ย ๗๐๐ ล้านบาท โดยทางรัฐบาลให้
ตั้งของบประมาณชดเชยไปยังรัฐบาล ซึ่งก็คือ ภาษีประชาชนมาจ่ายแทนพม่า

ทางกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมฯ ได้ยอมรับกับทาง กมธ.ว่าโครงการลักษณะนี้ทางเอ็กซิม
ไม่เคยทำมาก่อนนับตั้งแต่ดำเนินกิจการมา (โครงการที่ทำแล้วขาดทุน) แต่ด้วยข้อกล่าว
อ้างที่ว่า นี่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการร่วมมือกับเพื่อนบ้าน เอ็กซิมฯ จึงอนุมัติ
เงินกู้ดังกล่าว โดยมีกระทรวงการคลังของพม่าเป็นผู้ค้ำประกันตามหลักการของธนาคาร

การอนุมัติเงินกู้ ๔,๐๐๐ ล้านบาทจึงเป็นการปล่อยกู้ที่คนไทยได้รับรู้ความจริงในภายหลัง
ว่าคนไทยผู้เสียภาษีต้องแบกรับ "ดอกเบี้ย" แทนพม่าและบริษัทเอกชนที่รับเหมาในโครง
การนี้ถึง 700 ล้านบาท และประเทศไทยจะได้รับการชดใช้เงินกู้ก้อนนี้หรือไม่....
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby metaleka » Sat Oct 24, 2009 1:26 pm

:mrgreen:
User avatar
metaleka
 
Posts: 691
Joined: Fri Nov 07, 2008 10:10 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Sat Oct 24, 2009 4:07 pm

คำพูด วาจา ล้วนส่อเจตนา

๒๕ ธค. ๒๕๔๘ ถ้อยวลีที่หลุดออกมาจากปากของผู้ทรงเกียรติ ในงานนายกพบแท็กซื่
" เอะอะก็หาว่าผมไม่จงรักภักดี ปัดโธ่! ถ้านายก ไม่จงรักภักดี แล้วผี
ที่ไหนจะจงรักภักดีวะ"

๒๙ มิย. ๒๕๔๙ อีกครั้งกับวาจาของผู้ที่สวนหัวโขนเป็นผู้นำรัฐบาล ที่กล่าวต่อที่ประชุม
หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ที่ตึกสันติไม่ตรี
"ความวุ่นวายมันเกิดจากหลายอย่าง อย่างหนึ่งเนี่ย เป็นทฤษฎีบริหารเลยนะ เมื่อใดองค์
กรตามปกติถูกองค์กรที่อยุ่นอกระบบครอบงำ หรือมีอิทธิพลมากกว่าองค์กรปกตินั้นวุ่น
วาย หรือถ้าจะแปลเป็นไทยชัดๆ ก็คือ วันนี้องค์กรนอกรัฐธรรมนูญ ไม่ใช้ในรัฐธรรมนูญ
คือบุคคลซึ่งดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เข้ามาวุ่นวาย องค์กรที่มีในระบบรัฐธรรม
นูญมากไป"

คำกล่าวอ้างข้างต้นมีขึ้นภายหลังกระแสไม่เอาทักสิน ท่ามกลางความไม่พอใจต่อกรณี
ขายหุ้นชินให้เทมาเส็ก และกระแสการขับไล่จากความไม่โปร่งใสในหลายๆ โครงการ
ซึ่งคำกล่าวและถ้อยวลีเหล่านั้น เปรียบเหมือนการประกาศท้ารบขั้นเด็ดขาด ไม่ว่าจะ
ตั้งใจหรือหลุดปากไปเองตามนิสัยก็ตามที

ติดตามมาด้วยคำกล่าวในอีก ๓ ปีหลังจากอมพะนำหลีกเลี่ยงการกล่าวอ้างถึง ผู้มีบารมี
นอกรัฐธรรมนูญ ด้วยถ้อยวลีที่กลั่นออกมาจากอดีตผู้นำรัฐบาล (๒๗ มีค.๒๕๕๒)

"มีองคมนตรีบางท่านบอกสื่อว่า ไม่เอาผมแล้ว ไปพูดให้สื่อตี สื่อก็รับสารภาพตรงนี้ ซึ่ง
มีองคมนตรีบางคนเท่านั้น.. ซึ่งผมก็ไปพูดกับข้าราชการที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
กระตุ้นว่า ที่รัฐบาลทำงานไม่ได้ เพราะมีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ผมหมายถึง พล.อ.
เปรม..... แต่ผมเกรงใจ ไม่กล้าพูดวันนั้น"


หากย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของบุคคลรอบข้างแม้วในช่วงสุดท้ายที่อยู่ในอำนาจ ซึ่ง
กระแสขับไล่ทักสิน เริ่มต้นจากรายการของพิธีกรปากกล้า ๒ ท่าน สมัคร และ ดุสิต
ในวันที่ ๙ กพ. ๒๕๔๙ ที่กล่าวตำหนิองคมนตรีท่านหนึ่งที่ลาออกจากสมาคมศิษย์เก่า
จุฬา และประธานองคมนตรีปาฐกถาพิเศษเรื่อง แนวทางพระราชดำริสู่การบริหารจัดการ
ภาครัฐ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
ซึ่ง ๒ พิธีกรกล่าวไว้พอสรุปได้

" ท่านออกมาแสดงออกเช่นนี้ถือว่า กระทบนายกรัฐมนตรี (ทักสิน) ทำไมต้องไปเอา
กับเค้าด้วย บ้านเมืองกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน ทำแบบนี้ทำไม.. ผม(สมัคร) อยากถาม
ว่าแบบนี้ถือเป็นการเลือกข้างใช่มั้ย.." (หากท่านใดต้องการฉบับเต็มหาอ่านได้จาก
หนังสือ สมัครจาบจ้วง ป๋าเปรม ถึง นอมินีทักษิณ โดย วัชระ เพชรทอง"

การประกาศเจตนาอย่างโจ่งแจ้งอีกครั้ง ภายหลังการสลายการชุมนุมในช่วงสงกรานต์
เลือดที่ผ่านมา ทักสิน ยังกล่าวอ้างว่าความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ว่าเกิดจากกลุ่มอภิสิทธิ์ชน
ทางการเมืองที่รวบรวมอำนาจไว้โดยไม่คิดถึงประชาชน ดังคำกล่าวต่อไปนี้

"..เป็นเวลากว่า ๓ ปีแล้วที่กลุ่มอภิสิทธิ์ชนทางการเมืองในกรุงเทพ ได้ทำการเกินสม
ควรในการรวบอำนานไว้ที่ตน โดยไม่คิดถึงประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งบรรดาอภิสิทธิ์ชน
ทางการเมืองเหล่านี้ ได้ทำลายความเป็นประชาธิปไตยทุกอย่างของประเทศไทยลง
คนกลุ่มนี้ได้ใช้อำนาจในการประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ (เลือกตั้ง ๒ เมษา ๔๙)
สนับสนุนการก่อรัฐประหาร ยุบพรรคการเมือง โดยเลือกกระทำเฉพาะพรรคที่สนับสนุน
หรือมีความสัมพันกับผม ให้ท้ายการปิดถนนประท้วงจนนำไปสู่การบุกรุก ยึดครองที่ทำ
การของรัฐบาลและให้ท้ายการยึดสนามบินหลักของประเทศ เพื่อทำลายล้างรัฐบาลที่
มาจากการเลือกตั้งของประชาชน กลุ่มอภิสิทธิ์ชนทางการเมืองนี้ ก็ยังสนับสนุนการเข้า
แทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ โดยมีเจตนาที่ปิดไม่มิดว่า นี่คือ การรัฐ-
ประหารเงียบ ของกองทัพ.."
(จดหมายเปิดผนึก ๑๖ เมย. ๒๕๕๒)

ทักสินยังมีความพยายามฟ้องชาวโลกว่า ตนโดนรังแก และมีการสลายการชุมนุมเมือ
๑๓ เมย.๕๒ ด้วยความรุนแรง มีการสังหารหมู่และทำลายศพเป็นจำนวนมาก แต่กลับ
ไม่พูดถึงความสูญเสีย ความวิบัติของชาติที่ฝ่ายตนเป็นผู้จุดชนวนขึ้นแต่อย่างใด ไม่ว่า
จะเป็นเหตุการณ์ บุกล้มการประชุมผู้นำอาเชียนที่พัทยา การบุกไล่ล่านายกที่กระทรวง
การก่อจลาจน เผาบ้านเผาเมือง ชื่อเสียงของประเทศถูกทำลายย่อยยับเพราะใคร คง
ไม่ต้องอธิบายไปมากกว่านี้ เพราะเชื่อว่าทุกท่านคงรับทราบเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยสาย
ตาของท่านเอง

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ ๑๗ เมย.๒๕๕๒ "เอเซีย ไทม์ส ออน ไลน์" ได้ลงบทความของ
"ชอว์น คริสพิน" กล่าวถึง "คำกล่าวอ้างจอมปลอม" ของทักสิน ในการให้สัมภาษณ์
ซีเอ็นเอ็น และ บีบีซี (ทุกท่านคงรับทราบอีกเช่นกัน ทักสินหน้าแตกยับเยิน ผ่านดาว
เทียมไปทั่วโลก) ว่ามีผู้เสียชิวิตระหว่างการสลายการชุมนุม โดยระบุว่า

"ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นผลงานจากความพยายามในการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ในประเทศไทยจากทีมงานของทักสิน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ แซมมวล มูน ที่ปรึกษาด้านสื่อ
ของทักสิน มีสำนักงานอยู่ที่ฮ่องกง และยังเป็นผุ้ดูแลเว็บ มูลนิธิ บิลดิ้ง อะ เบทเทอร์
ฟิวเจอร์ ของทักสินอีกด้วย

บทความระบุอีกว่า หากพิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของทักสิน จาก ซีเอ็นเอ็น และ
บีบีซี แล้วมีประเด็นให้เชื่อว่า ทักสินใช้ยุทธวิธีให้กลุ่มเสื้อแดงสร้างสถานการณ์ที่ผิด
ปกติให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรุนแรง เพื่อให้ทหารออกมาปฎิบัติการรุนแรงต่อผู้ชุมนุม
ในถ่ายทอดไปทั่วโลก เพื่อกระตุ้นให้นานาชาติหันมาสนับสนุนทักสิน

หากพิจารณาลึกลงไปถึงการโฟนอินแบบรายวันและการเดินทางออกนอกประเทศ
ของเครือญาติทักสิน ก่อนที่เหตุการณ์รุนแรงจะระเบิดขึ้น ยิ่งลบล้างคำกล่าวอ้างที่ว่า
เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะแกนนำไม่สามารถควบคุมผุ้ชุมนุมได้ นั้นไม่เป็น
ความจริงเป็นเพียงคำกล่าวอ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบเท่านั้น
Last edited by bird on Mon Oct 26, 2009 12:20 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Sun Oct 25, 2009 12:36 pm

เรื่องคำพูด คำแถลง คำในใจที่ทั้งตั้งใจและเผลอพลาดเนี่ย
น่าจะรวบรวมไว้ให้เป็นเกียรติคุณความชั่วที่ต่อมริษยาอิจฉาแตก

รอฟังนิทานอีกนะจ๊ะ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 26, 2009 12:52 pm

สมควรหรือไม่ ? ( ๑ )
No 1.jpg
(48.67 KiB) Downloaded 144 times
No 2.jpg
(54.59 KiB) Downloaded 144 times
No 3.jpg
(54.96 KiB) Downloaded 144 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 26, 2009 12:56 pm

สมควรหรือไม่ ? ( ๒ )
No 4.jpg
(42.12 KiB) Downloaded 144 times
No 5.jpg
(10.24 KiB) Downloaded 144 times
No 6.jpg
(16.72 KiB) Downloaded 144 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 26, 2009 12:58 pm

สมควรหรือไม่ ? ( ๓ )
No 7.jpg
(21.95 KiB) Downloaded 144 times
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 26, 2009 1:55 pm

สัมพันธ์ วีระ สมัคร

"สันดานรัฐมนตรี" พอคเกตบุคที่วีระ เคยเขียนคำนำไว้เมื่อมีนาคม ๒๕๒๑ ความว่า

"คำว่าสันดานรัฐมนตรี ในหนังสือเล่มนี้หมายถึงสันดานท่านรัฐมนตรีคนเดียว ไม่ใช่สัน
ดานของรัฐมนตรีทั่วไป" (หมายถึง รัฐมนตรีไทยที่บริหารประเทศก่อน พ.ศ.๒๕๒๑ ใน
ขณะนั้น มิใช่รัฐมนตรีชุดนี้ หรือชุดหน้าแต่ประการใด)

คำว่าท่านรัฐมนตรีในหนังสือเล่มนี้ เป็นสรรพนามที่ใช้แทนชื่อ บุคคลคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่
อยากเอ่ยชื่อ เนื่องจากหากเอ่ยชื่อแล้วก็จะทำให้จิตใจไม่สะอาด สว่างและสงบ อีกประ
การหนึ่ง การใช้สรรพนามเช่นนี้เป็นการสนองตัณหาของท่านอีกโสตหนึ่งด้วย ผมจึงสนอง
ให้ด้วยความยินดี"

สาเหตุมันมีอยู่ว่า ขณะที่ผมอยู่ในคุกลาดยาวนั้น นักหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง ซึ่งเคยกอดคอ
กันมากับท่านรัฐมนตรี โจมตีใครต่อใคร ที่ท่านร่วมกันยัดเยียดให้เองว่าเป็นฝ่ายซ้าย แล้ว
ต่อมาก็แตกคอกัน ได้เล่าให้ฟังว่า ท่านรัฐมนตรีกำลังใช้เวลาว่างหลังจากถูกไล่ลงจาก
เก้าอี้ เขียนหนังสือชื่อ "สันดานหนังสือพิมพ์"

ออกจากคุกมาแล้ว ผมก็ตั้งใจว่าแผ่เมตตาให้ใครต่อใครหมด ไม่พยาบาท ไม่อาฆาต
ไม่จองเวร จนกระทั่งวันหนึ่งยืมหนังสือ "สันดานหนังสือพิมพ์" ของเพื่อนมาอ่าน เกิด
ความสงสารประชาชนผู้ถูกปิดหู ปิดตา จากความจริงบางประการมาตลอดเวลาอย่าง
จับใจ ประกอบกับมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้จับปากกาเผยความจริงออกมา
ผมก็เลยตกลงใจแบบตกกระไดพลอยโจน

หนังสือนี้จึงไม่ใช่เป็นการเหยียบคนล้ม ถ่มน้ำลายรดคนแพ้ แต่เป็นการเปิดเผยความ
จริงหลายๆ ประการ ถูกปิดบังซ่อนเร้นมาตลอดเวลาแห่งการสร้างตนเองของคนคนหนึ่ง
ซึ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยวิธีการ " โกหกคำโต โกหกบ่อยๆ " ใช่ครับ
"โกหกคำโต โกหกบ่อยๆ" เป็นคติของ ดร.เกอเบิลส์ นักประชาสัมพันธ์ชั้นเยี่ยมของโลก
สมุนมือขวาของฮิตเลอร์ จอมเผด็จการแห่งนาซี อับราฮัม ลินคอล์น กล่าวอมตวาจาว่า

คุณอาจโกหกให้ประชาชนทุกคนเชื่อได้บางเวลา
คุณอาจโกหกให้ประชาชนบางคนเชื่อได้ทุกเวลา
แต่คุณไม่มีทางโกหกให้ประชาชนทุกคนเชื่อได้ทุกเวลา


ท่านรัฐมนตรรีจะเป็นสาวก ดร.เกอเบิลส์ สมุนเผด็จการหรือเจริญรอยตามลินคอล์นมหา
บุรุษก็ขอให้ท่านผู้อ่าน พิจารณาดูไว้จากเนื้อเรื่องข้างใน

อนึ่ง พอผมลงมือเขียนหนังสือนี้ ก็มีเพื่อนพ้องที่รักใคร่ชอบพอ และมีความคิดไปในแนว
ทางเดียวกัน ขอร่วมขบวนการด้วยหลายคน ซึ่งผมก็อ้าแขนรับด้วยความยินดี แต่ละคนก็
เลยเขียนเรื่องตามที่ตัวรู้มาให้คนละหลายๆประเด็น

ในนามของผู้เขียนทุกคน (วีระ ฯ, จัตวา ฯ, บาแดงฯ และเบิ้ม ฯ) ผมหวังว่าข้อเท็จจริงที่
ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ จะทำให้ความสว่างแก่ประชาชนคนไทยบ้างไม่มากก็น้อย และ
หากว่ามีที่ท่านรัฐมนตรีไม่เห็นพ้องด้วย ตอนใด เราคงจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเท็จจริง
นั้นกันบ้าง ตามโอกาสอันสมควรฉันนักเขียนด้วยกัน นะท่านรัฐมนตรีนะ
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านผู้ใฝ่หาความจริงทุกท่าน

ลงชื่อ (นายวีระ)

เวลาผ่านไป ๓๑ ปี ๗ เดือน วีระเขียนถึงสมัครในหนังสือ "ปาก...สมัคร" เขียนไว้อย่าง
ไพเราะ ซึ่งล้วนแต่เป็นการสรรเสริญ เยินยอ ความว่า

"เวลานี้คุณสมัคร.... ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลัง.... พรรคการเมืองซึ่งมีอดีต สส.
ในสังกัดเป็นลูกพรรคไทย....มาก่อนเป็นส่วนใหญ่ ภาระในการต่อสู้เผด็จการ เพื่อสร้าง
สรรค์ประชาธิปไตย จึงเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของท่าน ซึ่งข้าพเจ้ามีแต่ต้องสนับสนุนอย่าง
เดียว

ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่กองบก.นสพ.โลกวัน.... ได้ขอให้เป็นคนเขียนคำนิยม
ให้กับหนังสือเล่มนี้ หนังสือซึ่งจะทำให้ท่านผู้อ่านที่ไม่รู่จักมาก่อนได้รู้จัก และใครที่รู้จัก
อยู่แล้ว จะได้รู้จัก สมัคร..... ดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะถึงอย่างไร สังคมไทยก็ปฏิเสธความ
ยิ่งใหญ่ของนักเขียน นักพูด และนักการเมืองคนนี้ไม่ได้

ใครเล่าจะปฏิเสธ คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ลายเซ็น (วีระ)

ลงชื่อ (วีระ)

วันเวลาที่ผ่านไป ทำให้คนเราเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมากจริง ๆ
สมัครกับบทบาทใหม่ นอมินี
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby สมชายสายชม » Mon Oct 26, 2009 3:44 pm

ถ้าทักษิณไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับฮุนเซ็น คุณคิดว่า ทักษิณจะ ..

ก. ช่วยให้ไทยได้เปรียบทางการค้ากับกัมพูชา

ข. ช่วยให้กัมพูชาได้เปรียบทางการค้ากับไทย

ค. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับกัมพูชา

ง. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับไทย

จ. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับไทยและกัมพูชา

ป.ล. คุณคิดว่า ฮุนเซ็นจะตอบข้อใด
...
Last edited by สมชายสายชม on Mon Oct 26, 2009 3:46 pm, edited 1 time in total.
User avatar
สมชายสายชม
 
Posts: 2566
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:17 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 26, 2009 3:44 pm

เรื่องเล่า นอมินี ภาค ๑

ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งผู้นำ พปช ในวันประชุมใหญ่เพื่อลงมติเลือกหัวหน้าพรรคคน
ใหม่ ณ เซ็นทารา เซ็นทรัลเวิลด์ นายสมัครประกาศเป็นนอมินีอย่างเป็นทางการ

"การเป็นนอมินีไม่ใช้คำที่เลวทรามต่ำช้า นอมินีเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจบ้านเมืองของ
ไทย ทำให้เจริญจากที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยผ่านการเป็นนอมินี และตัวผม
ก็ยอมรับว่าเป็น นอมินีให้ พ.ต.ท.ทักสิน
ผมจะทำพรรคนี้ให้แข็งแรง เพื่อนำประเทศไทย
กลับคืนมา และขอเป็นตัวเลือกของประชาชนในการรับอาสาเข้ามาซ่อมหลังคาประเทศที่
ทำไว้ดีแล้วเมื่อช่วง ๕ ปีที่แล้ว..." กล่าวไว้เมื่อ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐

ในส่วนของผลงานรัฐบาลนอมินี ๑ นั้น ระยะเวลาเพียง ๑ เดือนหลังขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำรัฐบาล
สมัคร ก็สร้างเงื่อนไขที่ทั้งล่อแหลมและร้อนแรงยิ่งในทางการเมือง ด้วยการย้ายข้าราชการ
ระดับสูง ๔ คนรวดภายใน ๒ สัปดาห์

๑) ย้าย นายสุนัย จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นผู้ที่ดำเนินคดีเอสซีแอสเซ็ท
ซึ่งนายสุนัยเป็นผู้ขออนุมัติออกหมายจับ


๒) ย้าย นพ.ศิริวัฒน์ จากเลขาธิการองค์การอาหารและยา น่าจะมีสาเหตุมาจากนโยบาย
ซีแอล โดย รมต (ไชยา) ไม่มีเหตุผลที่จะมาคัดค้านเรื่องดังกล่าวได้ ก็ใช้วิธีเล่นงานคนที่
เป็นเลขาอย่างไม่มีเหตุผล และความชอบธรรม

๓) ย้าย นายปราโมช รัฐวินิจ จากอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อาจจะเป็นผลมาจากความต้อง
การที่จะเปลี่ยนแปลงกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งต้องการอธิบดีซึ่งกล้าพอที่จะทำในเรื่องบาง
เรื่องที่ต้องใช้ความกล้า ซึ่งอธิบดีคนเดิมอาจจะไม่กล้า


๔) ย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปช่วยราชการสำนักนายกฯ
แล้วตั้งบุคคลอื่นเข้ารักษาราชการแทน

ในส่วนของไอเดียเลิศหรู ของนอมินี ภาค ๑ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายใน ๑ เดือนนั่นเล่า

- ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง ๓๐% ที่เห็นชอบร่วมกันระหว่าง ธปท กับ การคลัง
- เสนอไอเดียว่าด้วยกาสิโน คอมเพล็กซ์
- การเร่งรัดในเรื่องเลขท้าย ๒ ตัว และ ๓ ตัว เพื่อเป็นฐานเงินทุนในการพลิกฟื้นเรื่อง
ทุนการศึกษา ๑ อำเภอ ๑ ทุน

ทั้งนี้ มาตรการทางการคลังเป็นการเสนอโดยทีมการคลังของ นพ.สุรพงษ์ ในส่วนอของ
กาสิโน คอมเพล็กซ์ เลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัว เป็นการโยนหินถามทางโดย สมัคร ขานรับโดย
เฉลิม พร้อมด้วยกระบวนการศึกษาของกองสลากตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ ร่วมกับแนวทางประชา
พิจารณ์ในแบบของ นายสังศิต

แต่ช่างเถอะนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้นของรัฐบาลนอมินีเท่านั้น ประเด็นหลัก นโยบายหลัก
คือประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๕๐ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่นอมินีใช้ในการหาเสียง
ควบคู่กับหาโจมตีคณะรัฐประหาร ซึ่งนอมินีโจมตีว่าเป็น "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"

อีกประเด็นที่เป็นชนวนสำคัญ และเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาติ
คือการแถลงการณ์ร่วมของ รมต นพดล เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของเพื่อน
บ้านเรา ซึ่งการกระทำดังกล่าวขัดกับคำแถลงการณ์ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อ
ครั้งที่ศาลโลกตัดสินให้เราแพ้คดี ความว่า

"...ด้วยเลือดและน้ำตา...สักวันหนึ่งเราจะต้องเอา
เขาพระวิหารคืนมาให้จงได้..."


หลังจากขึ้นสู่อำนาจได้เพียง ๗ เดือนรัฐบาลนอมินี ๑ ก็มีอันต้องพบจุดจบ พร้อมกับ
การยุบพรรค หรือนี้อาจจะเป็นเพราะ วาจาของท่านผู้นำรัฐบาลนอมินีที่กล่าว ณ รัฐสภา
เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ดังนี้

" ผมเป็นคนชอบสาบาน ดังนั้นจึงขอสาบานว่า หากผมไปเกี่ยวข้องกับเรื่อง ๖ ตุลา
แม้แต่นิดเดียว ขอให้มีอันเป็นไปอย่าได้มีความเจริญในชีวิตนี้ นับจากวันนี้
"

บทเริ่มต้นของรัฐบาลนอมินี ๑ ขอสรุปลงที่ตรงนี้ ในส่วนของรายละเอียดประเด็นที่สำคัญ
ในช่วงรัฐบาลนอมินี ๑ จะนำมาเล่าขานกันในลำดับต่อไป
Last edited by bird on Tue Oct 27, 2009 2:04 pm, edited 1 time in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Mon Oct 26, 2009 3:49 pm

สมชายสายชม wrote:ถ้าทักษิณไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับฮุนเซ็น คุณคิดว่า ทักษิณจะ ..

ก. ช่วยให้ไทยได้เปรียบทางการค้ากับกัมพูชา

ข. ช่วยให้กัมพูชาได้เปรียบทางการค้ากับไทย

ค. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับกัมพูชา

ง. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับไทย

จ. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับไทยและกัมพูชา

ป.ล. คุณคิดว่า ฮุนเซ็นจะตอบข้อใด
...


หุนเซ็นคงคาดเดาตามข้อ ข แต่ในความเป็นจริง bird ว่าคนอย่างแม้วไม่คิดแค่นั้น
ดี ไม่ดี เพื่อนบ้านเราจะพบกับเรื่องที่น่าแปลกใจ อาจจะต้องลงจากตำแหน่งผุ้นำ
และมีการสถาปนาผู้นำขึ้นมาใหม่ อย่าลืมว่าไลยศาสตร์มีจริง เจ้ามูลเมืองจะย้าย
มาสิงที่เพื้อนบ้านเรา
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby pooyong » Mon Oct 26, 2009 3:51 pm

ขอดันด้วยคน :mrgreen: :mrgreen:
การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน
User avatar
pooyong
 
Posts: 1496
Joined: Mon Oct 19, 2009 9:55 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby just in case. » Tue Oct 27, 2009 7:25 am

เข้ามาดัน :D
just in case.
 
Posts: 766
Joined: Sat Oct 17, 2009 10:11 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Tue Oct 27, 2009 1:26 pm

bird wrote:
สมชายสายชม wrote:ถ้าทักษิณไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับฮุนเซ็น คุณคิดว่า ทักษิณจะ ..

ก. ช่วยให้ไทยได้เปรียบทางการค้ากับกัมพูชา

ข. ช่วยให้กัมพูชาได้เปรียบทางการค้ากับไทย

ค. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับกัมพูชา

ง. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับไทย

จ. ช่วยให้ครอบครัวและัญาติของตนเองได้เปรียบทางการค้ากับไทยและกัมพูชา

ป.ล. คุณคิดว่า ฮุนเซ็นจะตอบข้อใด
...


หุนเซ็นคงคาดเดาตามข้อ ข แต่ในความเป็นจริง bird ว่าคนอย่างแม้วไม่คิดแค่นั้น
ดี ไม่ดี เพื่อนบ้านเราจะพบกับเรื่องที่น่าแปลกใจ อาจจะต้องลงจากตำแหน่งผุ้นำ
และมีการสถาปนาผู้นำขึ้นมาใหม่ อย่าลืมว่าไลยศาสตร์มีจริง เจ้ามูลเมืองจะย้าย
มาสิงที่เพื้อนบ้านเรา

ตอบถูกทุกข้อ
ข้อก ไทยคือทักษิณ ข้อข เป็นเพื่อนตายร่วมกับทักษิณ นอกนั้นก็ถูกต้องอยู่แล้ว
ประชดนะเนี่ย
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Oct 27, 2009 1:55 pm

รากหญ้ารับกรรม

ขอแวะข้างทางอีกสักนิด เนื่องจากเพื่อนบางท่านอยากให้ช่วยสรุปผลกระทบจากนโยบาย
ขายฝันที่มี่ต่อคนยากจน หรือ ชาวรากหญ้าในสายตาแบบแม้ว จากคำกล่าวอ้างของทักสิน
เมื่อ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ อวดอ้างผลงาน ๕ ปีจากการบริหารในแบบฉบับแม้วๆ สามารถ
ทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้นจาก ๔.๙ ล้านบ้านเป็น ๗.๑ ล้านบาท ณ สิ้นปี ๒๕๔๘
ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มกว่า ๔๐% รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นจาก ๑.๑๓๕ บาทต่อคนต่อเดือน เป็น
๑.๒๔๓ บาทต่อคนต่อเดือน

แล้ว GDP คืออะไร มันสำคัญต่อรากหญ้าอย่างไร มันช่วยให้รากหญ้ามีความเป็นอยู่ที่ดี
ขึ้นหรือไม่ หรือ GDP สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้รากหญ้าเพิ่มขึ้นอย่างไร

GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product แปลเป็นไทยว่า มูลค่าของสินค้าและบริการ
ขั้นสุดท้ายที่ผลิตขึ้นภายในประเทศในระยะเวลาหนึ่งโดยไม่คำนึงถึงว่าทรัพยากรที่ใช้ใน
การผลิตสินค้า และบริการจะเป็นทรัพยากรของพลเมืองในประเทศหรือเป็นของชาวต่าง
ประเทศ ในทางตรงข้าม ทรัพยากรของพลเมืองในประเทศแต่ไปทำ การผลิตในต่างประ
เทศก็ไม่นับรวมไว้ในผลิตภัณฑ์ในประเทศ

นั่นก็หมายความว่า GDP จะโตขึ้น เพิ่มขึ้น ก็ไม่เกี่ยวกับรายได้ของชาวรากหญ้าใช่หรือไม่
ตัวอย่างของ GDP ที่โตอย่างเป็นรูปธรรมคงจะเป็น โลตัส คาร์ฟู ที่โตวันโตคืนจนโชว์ห่วย
แทบจะล้มหายตายจาก

การหว่านโปรยเม็ดเงินไปสู่รากหญ้าในรูปนโยบาย อาจทำให้มวลชนบางส่วนพึงพอใจ
แต่ที่ผ่านมาพบว่ามวลชนรากหญ้าต้องแบกรับผลกระทบที่เกิดจากนโยบายประชานิยม
โดยเฉพาะผลกระทบในระยะยาว ซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบหมดโอกาสในการ
วิเคราะห์ วิจารณ์ใดๆ

พักชำระหนี้ และ กองทุนฟื้นฟู

พักชำระหนี้ ถือเป็นนโยบายที่ใช้หาเสียงกับกลุ่มเกษตรกรอย่างได้ผล เกษตรกรพากัน
เทคะแนนให้อย่างท่วมท้น โดยหวังว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาหนี้สินให้ แต่ปรากฎว่า เงื่อนไข
ของนโยบายพักชำระหนี้เกษตรกร กำหนดไว้ว่า เกษตรกรที่จะเข้าโครงการพักชำระหนี้
ต้องมีหนี้สินรวมไม่เกิน ๑ แสนบาทและต้องเป็นสมาชิกของ ธกส ซึ่งในความเป็นจริง
เกษตรกรล้วนมีหนี้สินเกิน ๑ แสนบาท อย่างนี้เค้าเรียกว่า หลอกกันเล่นหรือป่าว แต่ว่า
ประเด็นที่สำคัญคือ เกษตรกรต้องการ ปลดหนี้ มากกว่า พักชำระหนี้

ในส่วนของกองทุนฟื้นฟูชีวิตและพัฒนาเกษตรกรนั้น ตาม พรบ กองทุนฟื้นฟูฯ ปี ๒๕๔๒
ซึ่งเป็นกฏหมายที่เกิดจากข้อเสนอของเกษตรกร ถึงแม้ว่าจะมีการจัดตั้งและดำเนินการ
มา ๗ ปี (ข้อมูลปี ๒๕๔๙) ยังไม่ปรากฎว่ามีเกษตรรายใดได้รับการพัฒนาอาชีพเพื่อแก้
ปัญหาหนี้สินแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะรัฐบาลแม้วไม่มีความจริงในที่จะแก้ปัญหา อีกจุด
ที่น่าสังเกต วัตถุประสงค์ของ พรบ กองทุนฟื้นฟู ต้องการเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้ามา
มีส่วนร่วมกำหนดนโยบายและบริหาร แต่รัฐบาลจงใจหลีกเลี่ยง โดยแต่งตั้งตัวแทนของ
นักการเมืองเข้าไปบริหาร ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของ พรบ

กองทุนหมู่บ้าน กับ เอสเอ็มแอล

ตามคำกล่าวอ้างก่อนจะเข้ามาบริหารบ้านเมืองในสมัยที่ ๒ ว่ากองทุนหมู่บ้านช่วยสร้าง
งาน สร้างรายได้ให้ ๑๓ ล้านคน มีการกระจายงบกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่าง
ต่อเนื่อง ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่
ประชาชนและชุมชน แต่เนื่องจากนโยบายนี้เป็นนโยบายเร่งด่วน ไม่มีการเตรียมความ
พร้อม ชาวบ้านที่เข้ามาขอกุ้เงิน ส่วนใหญ่นำไปใช้หมุนหนี้มากกว่า

กองทุนหมู่บ้านกลายเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับชาวบ้าน ในบางกรณีหมู่บ้านไม่เคย
มีหนี้ พอกองทุนหมู่บ้านมาไม่รู้จะเอาไปลงทุนทำอะไร ก็นำไปซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยเช่น
มอร์เตอร์ไซค์ มือถือ หรือนำไปใช้ลงทุนทำเกษตรเชิงพาณิชย์ที่ไม่เคยทำ ทำแบบไร้
ทิศทาง สุดท้ายต้องกู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้คืนเงินกองทุน ถือเป็นการเพิ่มหนี้ให้ราก
หญ้าโดยแท้ บางหมู่บ้านก็แตกแยกกันเพราะขัดแย้งกันในการบริหารเงินกองทุน คน
จนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน เพราะไม่ได้รับอนุมัติให้กู้

ในสมัยที่ ๒ มีการจัดสรรงบพัฒนาหมู่บ้านหรือที่เรียกว่า เอสเอ็มแอล เป็นงบประมาณ
แบบให้เปล่าเพื่อแก้ปัญหาส่วนรวม หมู่บ้านขนาดเล็ก ๒๐๐,๐๐๐ บาท ขนาดกลาง
๒๕๐,๐๐๐ บาทและหมู่บ้านขนาดใหญ่ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๔๗ กระจายเงินไป
๒๕๓ ล้านบาท รวม ๑,๐๒๔ หมู่บ้าน ปี ๒๕๔๘ อนุมัติงบเพิ่มเป็น ๙.๔ พันล้านบาท
รวม ๓๘,๒๕๐ หมู่บ้าน

การกระจายเงินเอสเอ็มแอล หรืองบพัฒนาหมู่บ้านส่วนใหญ่เมื่อได้ไปแล้วจะนำไปใช้
ในการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะสร้างถนน สร้างสะพาน มีการนำไป
ใช้ในการพัฒนาอาชีพน้อยมาก จึงไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง แต่กลับเป็นการ
สร้างระบบอุปถัมภ์เพื่อหาเสียงทางการเมือง เพราะงบในการพัฒนา การสร้างถนน
มีอยู่แล้วใน อบจ หรือ อบต

โครงการโคแก้จน
อีกหนึ่งเครื่องมือที่แม้วใช้ในการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรคือ สอท หรือ
บริษัทส่งเสิรมธุรกิจเกษตรกร หรือที่รู้จักกันในนาม เอสพีวี ซึ่งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ
ที่แม้วตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน ๑,๐๐๐ ล้านบาท นโยบายแรกที่ เอสพีวี กำหนดคือ
นโยบายโคแก้จน หรือ โครงการวัวล้านตัว

เป้าหมายของโครงการนี้ ครม อนุมัติส่งมอบโคเนื่อรุ่นแรกให้เกษตรกร ๒.๕ แสนตัว
ในเดือนกรกฏาคม ๒๕๔๘ และส่งมอบให้ครบ ๕ ล้านตัวภายในปี ๒๕๕๑ สำหรับวง
เงินกู้ที่กำหนไว้ระหว่าง ๒๕๔๘-๒๕๕๑ รวม ๓๖,๐๔๒ ล้านบาท แบ่งเป็น
- งบประมาณด้านการผลิตโคเนื้อ ๓๓,๕๓๒ ล้านบาท
- งบประมาณด้านการแปรรูปและผลิตภัณฑ์ ๑,๗๑๐ ล้านบาท
- งบประมาณด้านการตลาด ๘๐๐ ล้านบาท

ซึ่งในปี ๒๕๔๘ มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ ๕,๔๙๗ ล้านบาท
และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรที่ยากจน โดยช่วงเริ่มต้นหน่วยงาน
หลังจะทำหน้าที่จัดหาสินเชื่อให้เกษตรกร และจะส่งมอบลูกโคที่มีอายุ ๗-๘ เดือนให้
เกษตรกร และเมื่อโคโตเต็มที่แล้ว เอสพีวี จะซื้อคืนใน กก ละ ๕๐ บาท ในขณะที่
ข้อมูลจากสหกรณ์โพนยางคำ รับซื้อใน กก.ละ ๘๙ บาท เกษตรยังแทบไม่ได้กำไร
หรือบางตัวยังขาดทุน ทั้งนี้เพราะต้นทุนในการเลื้ยงโคเนื้อในแต่ละวันนั้นสุงมาก ไม่
ใช้เพียงแค่เลี้ยงด้วยหญ้าเท่านั้น ยังมี ฟางข้าววันละ ๓-๖ กก.ต่อตัว อาหารเม็ดวันละ
๖-๗ กก.ต่อตัว กากน้ำตาลวันละ ๒-๓ กก.ต่อตัว ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่อยู่ในมือของ
บริษัทเกษตรยักษ์ใหญ่ของนายทุน แบบนี้แล้วไซร้ จะเพิ่มรายได้ หรือ เพิ่มหนี้ให้
เกษตรกรกันแน่หนอ

เพียงแค่นโยบายไม่กี่โครงการยังสร้างภาระให้กับรากหญ้ามากมาย ในทางตรงข้าม
เหล่าผู้ใกล้ชิดล้วนสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยไม่ต้องลงเรี่ยวลงแรงอันใด
แล้วทำไม รากหญ้า ต้องมารับกรรมแทนผู้คนเหล่านั้นเล่า...
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Tue Oct 27, 2009 3:45 pm

เร่งรัดแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อใคร

"...ตัวผมก็ยอมรับว่าเป็นนอมินีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ผมจะทำพรรคนี้ให้แข็งแรง..."

คำกล่าวของคุณสมัตร ภายหลังเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่ถือเป็นร่างที่ ๒ ของพรรค
ทอรอทอ หลังคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค เมื่อ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๐
แต่เมื่อไปให้สัมภาษณ์กับ CNN เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ คุณสัมครกล่าวว่า

"ผมไม่ใช้หุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ และมีความคิดของตัวเอง แต่ก็ยอมรับว่า พ.ต.ท.
ทักษิณให้คำแนะนำดีๆ แก่คณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของพรรค..."

และอีกครั้งที่คุณสมัครตอบฝ่ายค้านผ่านรัฐสภาในประเด็นนอมินี เมื่อ ๒๔ มิย. ๒๕๕๑

" ผมต่างหากที่มีบุญคุณต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องมาตอบแทนผม "

สรุปแล้วคุณสมัครจะเป็นนอมินีหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่จะวิเคราะห์กันตามมุมมองของแต่ละ
บุคคล แต่ประเด็นที่น่าจะนำมาร่วมวิเคราะห์ประเด็นหนึงคือ ความพยายามในการแก้ไข
รัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ของรัฐบาลคุณสมัคร ซึ่งนายชูศักดิ์ รองเลาธิการพรรคชี้แจงไว้เมื่อ
วันี่ ๒๖ มีค.๒๕๕๑ ว่า จากการะดมความคิดเห็นภายในพรรคเห็นควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ใน ๔ ประเด็น ดังนี้

๑) มาตรา ๒๓๗ เรื่องการยุบพรรค ซึ่งรัฐบาลต้องการแก้ให้เป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่
โยงถึงพรรค หรือ กรรมการบริหารพรรค

๒) มาตรา ๒๖๑ เรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ซึ่งพรรคเห็นว่าควรให้องค์กรอิสระและผู้นำทางทหารยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วย
๓) มาตรา ๒๖๖ เฉพาะในกรณี ห้าม สส ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของข้าราช
การ ทำให้ สส ไม่สามารถช่วยประชาชนได้

๔) ให้ยกเลิกมาตรา ๓๐๙ (เป็นมาตราคุ้มครององค์กรที่ตั้งขึ้นตามประกาศ คมช)

อาการเร่งรัดกระเหี้ยนกระหือรือแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมัครและพอปอชอ ทั้งๆที่เคย
กล่าวไว้ว่าจะแก้ไขใน ๓ เดือนสุดท้ายก่อนรัฐบาลหมดวาระ แล้วเหตุผลกลใด ถึงได้
เร่งรีบแก้ไขด้วยอาการร้อนรนปานนี้หนอ

อาจเป็นผลมาจาการเดินทางกลับมาของทักษิณ เมือวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ท่าม
กลางการต้อนรับจากมวลชนเป็นจำนวนมาก รวมถึง รมต.ของคุณสมัครอีกจำนวนหนึ่ง
หรืออาจจะเป็นเพราะกระแสข่าว ที่ว่า กกต มีมติเป็นเอกฉันท์ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ
พิจารณายุบพรรคใหญ่ ๓ พรรคจากกรณีซื้อเสียงและใบแดงของกรรมการบริหารพรรค
ใช่หรือไม่ เพราะหากศาลพิจารณาให้ยุบพรรคแล้วหละก็ ภารกิจสงวนพันธ์ทักษิณ ที่รับ
มอบหมายมา อาจจะต้องสะดุดหยุดลง

เลขาธิการพรรค นพ.สุรพงษ์ ส่งสัญญาณอีกครั้งในวันที่ ๒๑ มีค.๕๑ " เมื่อกฎหมายรัด
คอ กกต ให้ต้องส่งเรื่องในศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคง่ายเกินไป ตังนั้นสมควรแก้ รธน
มาตรา ๒๓๗ เพื่อปลดล็อกเรื่องดังกล่าว.." พร้อมกำชับอีกว่าต้องดำเนินการอย่างรวด
เร็วก่อนที่คดีจะถึงมือศาล ท่าทีการรีบเร่งในการแก้ไข รธน อย่างไม่อ้อมค้อมก็ชัดขึ้น
ในทุกบริบทของคุณสมัครและพรรคพอปอชอ ที่กล่าวย้ำในทุกโอกาส โดยย้ำถึงสาเหตุ
ชัดเจนว่า เพราะมีผลกระทบกับรัฐบาลและพรรคร่วม

แต่ในมุมมองของมวลชนบางกลุ่ม มองว่าจุดประสงค์ที่ต้องการแก้ไขมาตรา ๒๓๗ นั้น
ก็เพื่อหลบเลี่ยงการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การยุบพรรค ในส่วน
ของการยกเลิกมาตรา ๓๐๙ เพื่อยกเลิกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด
ความเสียหายแก่รัฐ คตส โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อตัดตอนคดีความของทักษิณและ
ครอบครัว พวกพ้อง ที่กำลังดำเนินการอยู่ไม่ให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล

จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม รัฐบาลสมัครเตรียมอนุมัติงบ ๒ พันล้านบาทเพื่อทำประชามติ
ทั้ง ๆ ที่เคยกล่าวว่าเป็นงบที่เกินกว่าเหตุ

รายการสนทนาประสาสมัคร ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๑
" ลงประชามติกันไหมว่าแก้ ไม่แก้ ก็ ๒ พันล้าน.. แต่ว่ายังไงก็ไม่เสนอนะครับ เพราะ
๒ พันล้านมันเกินเหตุ "

ให้สัมภาษณ์อีกครั้งเมื่อ ๒๑ พค. ๒๕๕๑
" เรื่องนี้มีแอ็คชั่นแน่นอน จะนำเรื่องเข้า ครม ๒๗ พค.นี้ โดยจะยอมเสียเงิน ๒ พันล้าน
เพื่อทำประชามติ.... จะถามประชาชนว่าต้องการแก้หรือไม่แก้เท่านั้นเอง... ไม่ใช้กลัว
กระแสต่อต้าน แต่รำคาญ ไม่ใช่ซื้อความรำคาญเฉยๆ ซื้อความพอใจของคนในบ้านใน
เมืองนี้... "


ยุดรัฐบาลสมัคร จะยอมเสีย ๒ พันล้านเพื่อซื้อความรำคาญ แต่พอยุครัฐบาลนี้ จะยอม
เสีย ๒ พันล้านบาทเพื่อหาข้อสรุปว่าจะแก้ ไม่แก้ กลับยอกย้อนกันไปมา เดี๋ยวจะแก้
เดี๋ยวจะให้ยกเลิก สรุปจะเอายังไง... เนี้ยไม่ได้เข้าข้างรัฐบาลนะแต่ บอกตรง ๆ ว่า
ตามไม่ทันจริง ๆ พ่อเจ้าประคู๊ณ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby แดง ขาว น้ำเงิน » Tue Oct 27, 2009 3:50 pm

มาเข้าชั้นเรียนหลักสูตรทรราชย์หน้าเลี่ยม อิอิ :mrgreen:
"ผู้ที่ใช้สติปัญญาไม่เป็น คือคนโง่ ผู้ที่ไม่กล้าใช้สติปัญญา คือทาส" เพลโต้
User avatar
แดง ขาว น้ำเงิน
Moderator
 
Posts: 4943
Joined: Thu Feb 12, 2009 4:07 pm
Location: Earth

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby มียางอายบ้างไหม » Tue Oct 27, 2009 11:18 pm

มาเข้าเรียนวิชาเสี้ยม ห้อง ลปก.ลิ้มและเปรม :lol: :lol:
User avatar
มียางอายบ้างไหม
 
Posts: 77
Joined: Mon Oct 26, 2009 5:14 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 28, 2009 7:55 am

มียางอายบ้างไหม wrote:มาเข้าเรียนวิชาเสี้ยม ............ :lol: :lol:


เราอโหสิให้กับความไร้สติปัญญา และสามัญสำนึกของคนเช่นคุณ
เพราะคุณ ยากเกินเยียวยา คุณยึดมั่นอยู่กันสิ่งที่มองไม่เห็น กับสิ่งที่เป็นเท็จ
คุณถูกทำให้ตาบอด จิตใจคุณถูกย้อมด้วยอำนาจของซาตาน เราอโหสิให้

เรามีสติปัญญามากพอ ที่จะคิดเองได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรเท็จ
ใครมีบุญคุณต่อแผ่นดิน ที่เราควรยกย่องและให้ความเคารพ
เราไม่ใช้สาวกของใคร ไม่จำเป็นต้องเสี้ยมต้องสอนใคร เพราะเราเชื่อว่าทุกๆคน
ยังมีสติที่จะรับรู้ และแยกระหว่างความดีกับความชั่ว คนโกหกกับคนจริงใจได้

ทุกสิ่งที่อยู่ในกระทู้นี้ หากตรงไหนที่ผิด ที่ไม่ใช่ ก็อธิบายมา
คุณยิ่งทำแบบนี้ มันยิ่งจะตอกย้ำ พฤติกรรม และสติปัญญาของพวกคุณ
และมันอาจจะรวมไปถึงบุคคลที่คุณเชิดชู

เราเป็นคนของแผ่นดินนี้ นับจากวันที่เราเกิด
และเราจะอยู่บนแผ่นดินนี้จวบจนเราตาย

เรากรวดน้ำและอโหสิให้คุณ
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby มียางอายบ้างไหม » Wed Oct 28, 2009 3:21 pm

bird wrote:
มียางอายบ้างไหม wrote:มาเข้าเรียนวิชาเสี้ยม ............ :lol: :lol:


เราอโหสิให้กับความไร้สติปัญญา และสามัญสำนึกของคนเช่นคุณ
เพราะคุณ ยากเกินเยียวยา คุณยึดมั่นอยู่กันสิ่งที่มองไม่เห็น กับสิ่งที่เป็นเท็จ
คุณถูกทำให้ตาบอด จิตใจคุณถูกย้อมด้วยอำนาจของซาตาน เราอโหสิให้

เรามีสติปัญญามากพอ ที่จะคิดเองได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรเท็จ
ใครมีบุญคุณต่อแผ่นดิน ที่เราควรยกย่องและให้ความเคารพ
เราไม่ใช้สาวกของใคร ไม่จำเป็นต้องเสี้ยมต้องสอนใคร เพราะเราเชื่อว่าทุกๆคน
ยังมีสติที่จะรับรู้ และแยกระหว่างความดีกับความชั่ว คนโกหกกับคนจริงใจได้

ทุกสิ่งที่อยู่ในกระทู้นี้ หากตรงไหนที่ผิด ที่ไม่ใช่ ก็อธิบายมา
คุณยิ่งทำแบบนี้ มันยิ่งจะตอกย้ำ พฤติกรรม และสติปัญญาของพวกคุณ
และมันอาจจะรวมไปถึงบุคคลที่คุณเชิดชู

เราเป็นคนของแผ่นดินนี้ นับจากวันที่เราเกิด
และเราจะอยู่บนแผ่นดินนี้จวบจนเราตาย

เรากรวดน้ำและอโหสิให้คุณ



เอาเป็นว่าผมรับคำท้าของคุณแล้วกัน จะช่วยตรวจสอบสิ่งที่คุณเขียนและข้อมูล และจะช่วยดันกระทู้นี้อยู่นานๆแล้วกันครับ จะได้เข้ามาอ่านข้อมูลที่คุณจะเขียนเพิ่มเติมบ่อยๆ ผมก็คนแผ่นดินเดียวกันกับคุณนั่นแหละ รักชาติ รักพลเมืองไทยไม่ต่างกับคุณหรอก แม้แนวคิดมุมมองอาจจะต่างกันก็ตาม
Last edited by มียางอายบ้างไหม on Wed Oct 28, 2009 3:25 pm, edited 1 time in total.
User avatar
มียางอายบ้างไหม
 
Posts: 77
Joined: Mon Oct 26, 2009 5:14 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby เจ้านายฝ่ายเหนือ » Wed Oct 28, 2009 3:23 pm

ดีใจจัง จะได้เห็นโพสต์ที่มีสาระจากฝ่ายเสื้อแดงเสียที :lol:
User avatar
เจ้านายฝ่ายเหนือ
 
Posts: 1189
Joined: Fri Sep 25, 2009 9:36 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby มียางอายบ้างไหม » Wed Oct 28, 2009 3:32 pm

เจ้านายฝ่ายเหนือ wrote:ดีใจจัง จะได้เห็นโพสต์ที่มีสาระจากฝ่ายเสื้อแดงเสียที :lol:



ขอบคุณคร๊าบบที่ยังเห็นว่ามีสาระ... :roll: :roll:
User avatar
มียางอายบ้างไหม
 
Posts: 77
Joined: Mon Oct 26, 2009 5:14 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 28, 2009 4:29 pm

มียางอายบ้างไหม wrote:
bird wrote:
มียางอายบ้างไหม wrote:มาเข้าเรียนวิชาเสี้ยม ............ :lol: :lol:


เราอโหสิให้กับความไร้สติปัญญา และสามัญสำนึกของคนเช่นคุณ
เพราะคุณ ยากเกินเยียวยา คุณยึดมั่นอยู่กันสิ่งที่มองไม่เห็น กับสิ่งที่เป็นเท็จ
คุณถูกทำให้ตาบอด จิตใจคุณถูกย้อมด้วยอำนาจของซาตาน เราอโหสิให้

เรามีสติปัญญามากพอ ที่จะคิดเองได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรเท็จ
ใครมีบุญคุณต่อแผ่นดิน ที่เราควรยกย่องและให้ความเคารพ
เราไม่ใช้สาวกของใคร ไม่จำเป็นต้องเสี้ยมต้องสอนใคร เพราะเราเชื่อว่าทุกๆคน
ยังมีสติที่จะรับรู้ และแยกระหว่างความดีกับความชั่ว คนโกหกกับคนจริงใจได้

ทุกสิ่งที่อยู่ในกระทู้นี้ หากตรงไหนที่ผิด ที่ไม่ใช่ ก็อธิบายมา
คุณยิ่งทำแบบนี้ มันยิ่งจะตอกย้ำ พฤติกรรม และสติปัญญาของพวกคุณ
และมันอาจจะรวมไปถึงบุคคลที่คุณเชิดชู

เราเป็นคนของแผ่นดินนี้ นับจากวันที่เราเกิด
และเราจะอยู่บนแผ่นดินนี้จวบจนเราตาย

เรากรวดน้ำและอโหสิให้คุณ



เอาเป็นว่าผมรับคำท้าของคุณแล้วกัน จะช่วยตรวจสอบสิ่งที่คุณเขียนและข้อมูล และจะช่วยดันกระทู้นี้อยู่นานๆแล้วกันครับ จะได้เข้ามาอ่านข้อมูลที่คุณจะเขียนเพิ่มเติมบ่อยๆ ผมก็คนแผ่นดินเดียวกันกับคุณนั่นแหละ รักชาติ รักพลเมืองไทยไม่ต่างกับคุณหรอก แม้แนวคิดมุมมองอาจจะต่างกันก็ตาม


เราไม่เห็นว่าข้อความของเราตรงไหนที่เป็นคำท้า เราเพียงแต่บอกว่า

หากตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้อธิบายมา

ถ้าหากนั้นทำให้มองว่าเป็นคำท้าหละก็...ขอโทษที..
เราเพียงแต่อยากเห็นคำอธิบายที่พอจะอ้างอิงได้ จะได้เห็นมุมมองอีกมุม
เผื่อว่า เราอาจจะเห็นจุดที่น่าจะประสานกันได้บ้าง..

เราไม่รับคำท้าของใคร เพราะเราไม่เคยคิดที่จะท้าใคร
การท้า คือ ต้องมีฝ่ายแพ้ ไม่ว่าใครแพ้ มันไม่ดีทั้งนั้น...

ขอเป็น...คำอธิบายที่ดี ที่เข้าใจได้ ที่มีหลักการเป็นรูปธรรม ดีกว่ามั้ย

จะได้ไม่ต้องมุ่งว่า ฉันต้องต้อนให้แกจนมุม หรือ ต้องไล่ล่าล้างเผ่าพันธ์กัน

แต่ไม่ต้องกังวล เราก็จะยังคงบอกเล่าเรื่องราวของเราต่อไป
ยังมีอีกมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้อ่าน เราจะทยอยนำมาบอกเล่า
จนกว่า เราจะไม่มีเรื่องที่จะเล่านั้นหละ

ปล. หากจะอธิบาย ขอแบบสุภาพหน่อยนะ ขอบคุณล่วงหน้า
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 28, 2009 5:04 pm

ความเป็นจริงที่ควรบอกต่อ

ความจริงตั้งใจจะเล่าถึงเรื่องการจาบจัวง รัฐบุรุษผู้มีคุณต่อแผ่นดิน แต่เพื่อน ๆ ทักท้วงว่า
ควรจะ บอกเล่าเรื่องราวของรัฐบุรุษ ผู้ที่ช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากคอมมิวนิสต์เสียก่อน
เพื่อเตือนสติผู้ที่เคยผ่านวิกฤตช่วงนั้น และ เพื่อผู้ที่เพิ่งเริ่มสนใจการเมือง จะได้ไม่รับข้อ
มูลที่ผิด ๆ ที่สำคัญเพื่อบอกกล่าวต่อชาวอีสานว่า

ครั้งหนึ่งรัฐบุรุษท่านนี้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกท่าน ญาติพี่น้องของท่าน ท่านช่วยให้
ภาคอีสานไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของพรรคคอมมิวนิสต์ ท่านช่วยหยิบยื่นอิสระภาพ
เสรีภาพให้กับภาคอีสาน แต่มาวันนี้ภาคอีสานบางกล่ม หลงลืมบุญคุณในครั้งนั้นของท่าน
อย่างสิ้นเชิง กล่าวร้ายท่านเสมือนหนึ่งว่า ท่านได้สร้างความเจ็บแค้นอะไรให้กับภาคอีสาน
อย่างมากมาย ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นผู้ที่เข้าไปดูแลภาคอีสาน ในช่วงวิกฤต

อาจเป็นเพราะ ข่าวสารที่กระจายไปทั่ว เลือกที่จะไม่พูดถึงสิ่งที่ท่านกระทำ แต่กลับเลือก
ที่จะให้ข้อมูลที่กล่าวร้ายท่าน ทั้ง ๆ หลักฐานในการอ้างอิง ไม่สามารถนำมาแสดงได้ เป็น
เพียงแค่คำพูดของบุคคลเท่านั้น ในทางตรงข้าม การกระทำของท่านเมื่อครั้งอดีตที่ท่าน
ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาค ๒ กลับไม่นำมาเสนอ ถือเป็นการบิดเบือนที่จงใจอย่างร้ายกาจ

ผู้เริ่มสนใจการเมืองสายเลือดใหม่ หรือผู้ที่ไม่เคยสนใจประวัติศาสตร์การเมืองในอดีต
หรือ อาจจะสนใจเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ ๆ เช่น ตุลา ๑๖ และ ตุลา ๑๙ หากจะย้อนถามว่า
ท่านพอจะทราบมั้ยว่า รัฐบุรุษผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกนานถึง ๘ ปี ได้ทำอะไรให้แก่
ชาติบ้านเมืองไว้บ้าง ก่อนที่ท่านจะกล่าวว่า " ผมพอแล้ว " ในปี ๒๕๓๑ เมื่อท่านได้
รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งนายกอีกวาระ พวกท่านพอจะตอบได้มั้ย

ช่วงปี ๒๕๑๑ พลเอกเปรม ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ ๒
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคคอมมิวนิสต์เคยประกาศไว้ว่า ระหว่างปี ๒๕๐๘ ถึง ๒๕๑๒ จะยึดเป็น
ศูนย์กลางการปฎิบัติงานของพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง
หรือทางด้านกำลังอาวุธก็ตาม ซึ่งก็คือ ดินแดนภาคอีสานทั้งภาค

ท่านแม่ทัพภาค ๒ ในขณะนั้นต้องรับภารกิจหนักคือ สงครามประชาชน ที่คนไทยกับ
คนไทยต้องฆ่าฟันกันเอง เหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นอยู่ในขั้นทีมีปฏิบัติการที่รุนแรงมาก
ดังเหตุการณ์ที่ท่านแม่ทัพคนใหม่เพิ่งเดินทางเข้ารับตำแหน่งในวันที่ ๒ พฤศจิกายน พอ
วันที่ ๓ ทหารของท่านก็โดนซุ่มโจมตี เสียชีวิตในครั้งนั้นถึง ๒๓ นาย

ท่านแม่ทัพได้เปิดเผยว่า " ...เราเดินไป เราก็ยังไม่รู้ว่าคนไหนเป็น ผกค หรือคนไหนไม่
ใช่ ผกค เราอาจจะโดน ผกค เสียบเอาเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะคนเดินไปเดินมาเต็มไปหมด
ยิ่งไปตามอำเภอต่างๆ ยิ่งหมดท่าเลย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร.." (จากหนังสือ เปรม ทักษิณ
ใครคือคุณค่าของแผ่นดิน)

ท่านแม่ทัพได้เพียรพยายามทุกวิธีทางที่จะแยกว่าคนไหนเป็น ผกค คนไหนไม่ใช่ ท่าน
พยายามหาวิธีที่จะยุตืความกลัวของชาวอีสานในยุคสมัยนั้น ซึ่งท่านเป็นผู้ริเริ่มนโยบาย
" การเมืองนำการทหาร " ซึ่งต่อมาก็คือ " นโยบาย ๖๖/๒๓ " (พ่อใหญ่จิ๋วเป็นผู้ยกร่าง
ท่านแม่ทัพเป็นผู้ลงนามในฐานะนายกรัฐมนตรี เมือวันที่ ๒๓ เมย.๒๕๒๓) ถือเป็นยุทธ
ศาสตร์ที่ทำให้สงครามประชาชน สงครามภายในประเทศยุติลง บ้านเมืองกลับสู่ความ
สงบอีกครั้ง

ขออนุญาตค้างไว้ตรงนี้ก่อน พอดีมีภารกิจต้องไปปฏิบัติ เรียบร้อยแล้วจะกลับมาเล่าต่อ
ขอโทษไว้ ณ ที่นี้

18.20 ขออนุญาติเล่าต่อจากที่ค้างไว้

ท่านแม่ทัพภาค ๒ ย้ายเข้ารับตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ ทบ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๐ และ
เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกภายหลังจากนั้นอีก ๔๒ วัน โดยเข้าดำรงตำแหน่ง
รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของ พลเอกเกรียงศักดิ์

และขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๒๓ ในระหว่างที่
ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านได้ทำการผ่องถ่ายอำนาจการเมืองที่อยู่ภายใต้
การทหารให้สมดุลกับอำนาจการบริหารในส่วนอื่นๆ และท่านยังช่วยประคับประคอง
การปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกฯ
จะเกิดการรัฐประหารถึง ๒ ครั้งก็ตาม แต่ก็หาสำเร็จไม่

ท่านไม่เคยอ้างหลักประชาธิปไตยมาบังหน้า ไม่เคยอวดอ้างว่า สิ่งที่ท่านได้กระทำมา
นั้นสมบูรณ์แบบ หลังการประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๑ พรรคที่ได้
รับชัยชนะการเลือกตั้งได้เดินทางเข้าพบท่าน เพื่อเชิญท่านเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระ
ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือ

" ขอบคุณ แต่ผมพอแล้ว ๘ ปี ๕ เดือน ขอให้พวกคุณทำกันต่อไป
ผมอยากเห็นประชาธิปไตยเดินหน้า
"

ถือเป็นอมตะวาจาทางการเมืองที่น่าจดจำ เรื่องราวที่ท่านกระทำเพื่อบ้านเมืองนั้นมีอีก
มากมาย หากจะบอกเล่าคงต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน หลายเดือน หากมีโอกาสจะนำ
มาบอกเล่าให้ได้อ่านกันอีก ขอยุติเรื่องราวของท่านไว้โดยความเคารพ...
Last edited by bird on Wed Oct 28, 2009 6:41 pm, edited 2 times in total.
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby overtherainbow » Wed Oct 28, 2009 5:50 pm

รออยู่นะคะ
รู้สึกดีกับความแตกต่างที่สุภาพและจริงใจค่ะ
กระทู้นี้ น่าดันให้อยู่แรกๆจริงๆ
User avatar
overtherainbow
 
Posts: 3123
Joined: Sat Dec 27, 2008 12:36 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Wed Oct 28, 2009 6:44 pm

แดง ขาว น้ำเงิน wrote:มาเข้าชั้นเรียนหลักสูตรทรราชย์หน้าเลี่ยม อิอิ :mrgreen:


เจ้านายฝ่ายเหนือ wrote:ดีใจจัง จะได้เห็นโพสต์ที่มีสาระจากฝ่ายเสื้อแดงเสียที :lol:


overtherainbow wrote:รออยู่นะคะ
รู้สึกดีกับความแตกต่างที่สุภาพและจริงใจค่ะ
กระทู้นี้ น่าดันให้อยู่แรกๆจริงๆ


ขอบคุณที่ติดตามเจ้าค่ะ จะพยายามต่อไปค่ะ :mrgreen:
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby มียางอายบ้างไหม » Wed Oct 28, 2009 11:33 pm

bird wrote:
มียางอายบ้างไหม wrote:
bird wrote:
มียางอายบ้างไหม wrote:มาเข้าเรียนวิชาเสี้ยม ............ :lol: :lol:


เราอโหสิให้กับความไร้สติปัญญา และสามัญสำนึกของคนเช่นคุณ
เพราะคุณ ยากเกินเยียวยา คุณยึดมั่นอยู่กันสิ่งที่มองไม่เห็น กับสิ่งที่เป็นเท็จ
คุณถูกทำให้ตาบอด จิตใจคุณถูกย้อมด้วยอำนาจของซาตาน เราอโหสิให้

เรามีสติปัญญามากพอ ที่จะคิดเองได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรเท็จ
ใครมีบุญคุณต่อแผ่นดิน ที่เราควรยกย่องและให้ความเคารพ
เราไม่ใช้สาวกของใคร ไม่จำเป็นต้องเสี้ยมต้องสอนใคร เพราะเราเชื่อว่าทุกๆคน
ยังมีสติที่จะรับรู้ และแยกระหว่างความดีกับความชั่ว คนโกหกกับคนจริงใจได้

ทุกสิ่งที่อยู่ในกระทู้นี้ หากตรงไหนที่ผิด ที่ไม่ใช่ ก็อธิบายมา
คุณยิ่งทำแบบนี้ มันยิ่งจะตอกย้ำ พฤติกรรม และสติปัญญาของพวกคุณ
และมันอาจจะรวมไปถึงบุคคลที่คุณเชิดชู

เราเป็นคนของแผ่นดินนี้ นับจากวันที่เราเกิด
และเราจะอยู่บนแผ่นดินนี้จวบจนเราตาย

เรากรวดน้ำและอโหสิให้คุณ



เอาเป็นว่าผมรับคำท้าของคุณแล้วกัน จะช่วยตรวจสอบสิ่งที่คุณเขียนและข้อมูล และจะช่วยดันกระทู้นี้อยู่นานๆแล้วกันครับ จะได้เข้ามาอ่านข้อมูลที่คุณจะเขียนเพิ่มเติมบ่อยๆ ผมก็คนแผ่นดินเดียวกันกับคุณนั่นแหละ รักชาติ รักพลเมืองไทยไม่ต่างกับคุณหรอก แม้แนวคิดมุมมองอาจจะต่างกันก็ตาม


เราไม่เห็นว่าข้อความของเราตรงไหนที่เป็นคำท้า เราเพียงแต่บอกว่า

หากตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้อธิบายมา

ถ้าหากนั้นทำให้มองว่าเป็นคำท้าหละก็...ขอโทษที..
เราเพียงแต่อยากเห็นคำอธิบายที่พอจะอ้างอิงได้ จะได้เห็นมุมมองอีกมุม
เผื่อว่า เราอาจจะเห็นจุดที่น่าจะประสานกันได้บ้าง..

เราไม่รับคำท้าของใคร เพราะเราไม่เคยคิดที่จะท้าใคร
การท้า คือ ต้องมีฝ่ายแพ้ ไม่ว่าใครแพ้ มันไม่ดีทั้งนั้น...

ขอเป็น...คำอธิบายที่ดี ที่เข้าใจได้ ที่มีหลักการเป็นรูปธรรม ดีกว่ามั้ย

จะได้ไม่ต้องมุ่งว่า ฉันต้องต้อนให้แกจนมุม หรือ ต้องไล่ล่าล้างเผ่าพันธ์กัน

แต่ไม่ต้องกังวล เราก็จะยังคงบอกเล่าเรื่องราวของเราต่อไป
ยังมีอีกมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้อ่าน เราจะทยอยนำมาบอกเล่า
จนกว่า เราจะไม่มีเรื่องที่จะเล่านั้นหละ

ปล. หากจะอธิบาย ขอแบบสุภาพหน่อยนะ ขอบคุณล่วงหน้า



ยินดีที่จะที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและมุมมองที่แตกต่างครับ...เรื่องสุภาพไม่น่ามีปัญหาสำหรับคุณมั้งนะ..เพราะคุณดำรงตนอย่างสุภาพ ผมคงต้องใคร่ครวญการใช้คำและสุภาพกับคุณอย่างสมควรครับ...ไม่งั้นคงเสียมารยาทมากเกินไป..ถูกต้องนะครับ..
User avatar
มียางอายบ้างไหม
 
Posts: 77
Joined: Mon Oct 26, 2009 5:14 am

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby bird » Thu Oct 29, 2009 7:39 am

มียางอายบ้างไหม wrote:
bird wrote:
มียางอายบ้างไหม wrote:
bird wrote:
มียางอายบ้างไหม wrote:มาเข้าเรียนวิชาเสี้ยม ............ :lol: :lol:


เราอโหสิให้กับความไร้สติปัญญา และสามัญสำนึกของคนเช่นคุณ
เพราะคุณ ยากเกินเยียวยา คุณยึดมั่นอยู่กันสิ่งที่มองไม่เห็น กับสิ่งที่เป็นเท็จ
คุณถูกทำให้ตาบอด จิตใจคุณถูกย้อมด้วยอำนาจของซาตาน เราอโหสิให้

เรามีสติปัญญามากพอ ที่จะคิดเองได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรเท็จ
ใครมีบุญคุณต่อแผ่นดิน ที่เราควรยกย่องและให้ความเคารพ
เราไม่ใช้สาวกของใคร ไม่จำเป็นต้องเสี้ยมต้องสอนใคร เพราะเราเชื่อว่าทุกๆคน
ยังมีสติที่จะรับรู้ และแยกระหว่างความดีกับความชั่ว คนโกหกกับคนจริงใจได้

ทุกสิ่งที่อยู่ในกระทู้นี้ หากตรงไหนที่ผิด ที่ไม่ใช่ ก็อธิบายมา
คุณยิ่งทำแบบนี้ มันยิ่งจะตอกย้ำ พฤติกรรม และสติปัญญาของพวกคุณ
และมันอาจจะรวมไปถึงบุคคลที่คุณเชิดชู

เราเป็นคนของแผ่นดินนี้ นับจากวันที่เราเกิด
และเราจะอยู่บนแผ่นดินนี้จวบจนเราตาย

เรากรวดน้ำและอโหสิให้คุณ



เอาเป็นว่าผมรับคำท้าของคุณแล้วกัน จะช่วยตรวจสอบสิ่งที่คุณเขียนและข้อมูล และจะช่วยดันกระทู้นี้อยู่นานๆแล้วกันครับ จะได้เข้ามาอ่านข้อมูลที่คุณจะเขียนเพิ่มเติมบ่อยๆ ผมก็คนแผ่นดินเดียวกันกับคุณนั่นแหละ รักชาติ รักพลเมืองไทยไม่ต่างกับคุณหรอก แม้แนวคิดมุมมองอาจจะต่างกันก็ตาม


เราไม่เห็นว่าข้อความของเราตรงไหนที่เป็นคำท้า เราเพียงแต่บอกว่า

หากตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง ก็ให้อธิบายมา

ถ้าหากนั้นทำให้มองว่าเป็นคำท้าหละก็...ขอโทษที..
เราเพียงแต่อยากเห็นคำอธิบายที่พอจะอ้างอิงได้ จะได้เห็นมุมมองอีกมุม
เผื่อว่า เราอาจจะเห็นจุดที่น่าจะประสานกันได้บ้าง..

เราไม่รับคำท้าของใคร เพราะเราไม่เคยคิดที่จะท้าใคร
การท้า คือ ต้องมีฝ่ายแพ้ ไม่ว่าใครแพ้ มันไม่ดีทั้งนั้น...

ขอเป็น...คำอธิบายที่ดี ที่เข้าใจได้ ที่มีหลักการเป็นรูปธรรม ดีกว่ามั้ย

จะได้ไม่ต้องมุ่งว่า ฉันต้องต้อนให้แกจนมุม หรือ ต้องไล่ล่าล้างเผ่าพันธ์กัน

แต่ไม่ต้องกังวล เราก็จะยังคงบอกเล่าเรื่องราวของเราต่อไป
ยังมีอีกมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้อ่าน เราจะทยอยนำมาบอกเล่า
จนกว่า เราจะไม่มีเรื่องที่จะเล่านั้นหละ

ปล. หากจะอธิบาย ขอแบบสุภาพหน่อยนะ ขอบคุณล่วงหน้า



ยินดีที่จะที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและมุมมองที่แตกต่างครับ...เรื่องสุภาพไม่น่ามีปัญหาสำหรับคุณมั้งนะ..เพราะคุณดำรงตนอย่างสุภาพ ผมคงต้องใคร่ครวญการใช้คำและสุภาพกับคุณอย่างสมควรครับ...ไม่งั้นคงเสียมารยาทมากเกินไป..ถูกต้องนะครับ..


น้อมรับทุกความคิดเห็นค่ะ :D
User avatar
bird
 
Posts: 1426
Joined: Wed Apr 01, 2009 1:25 pm

Re: เค้าลางแห่งความเลวร้าย...แม้ว

Postby yaigoal » Thu Oct 29, 2009 7:43 am

หากเลวขนาดนี้ แล้วทำไมคนชังเพียงกระจุก แต่คนรักทั้งประเทศ
User avatar
yaigoal
 
Posts: 65
Joined: Wed Nov 26, 2008 7:06 am

PreviousNext

Return to ห้องสมุด



cron