ปีใหม่อยากส่งของขวัญไปให้ จัง ขอที่อยู่ด้วยครับ

overtherainbow wrote:นั่นน่ะซี
เห็นชอบอ้างกันนักว่ารากหญ้าตื่นแล้ว ตอนนั้นรากหญ้าก็ทำมาหากินเป็นปกติวิสัย
แต่พอตื่นแล้วของรากหญ้า
กลายมาเป็นไม่ทำอะไร ได้แต่คอยฟังใบบอกและรวมพลัง
งานการไม่คิดทำกันแล้วหรือไง
pooyong wrote:ขอบคุณ คุณเบิร์ด ที่ช่วยเรียบเรียงความเลวร้ายต่างๆ มาให้อ่าน
ปีใหม่อยากส่งของขวัญไปให้ จัง ขอที่อยู่ด้วยครับ
พายุ wrote:มาดักสวัสดีปีใหม่คุณ bird และเพื่อนสมาชิกเสรีไทยในกระทู้นี้ไว้ก่อน![]()
![]()
ในปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
ขอให้คุณbirdและเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง
ถ้าต้องเจอปัญหาก็ขอให้สามารถแก้ไขได้ด้วยดี
มีเวลาพักผ่อน สดชื่นรื่นเริงกันถ้วนหน้านะคะ![]()
overtherainbow wrote::D ขอรับค่ะ
ขออวยพร คืนให้ทุกๆคนด้วยค่ะ
jrr. wrote:.............midnight click...............
devotion wrote:ขอขอบคุณ คุณ bird สำหรับผลงานอันน่าประทับใจ ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลา ความพยายาม สติปัญญา และความกล้าหาญ
ขอให้ยืนหยัดสร้างผลงานที่ช่วยปกป้องประเทศชาติต่อไปในปี 2553 นะคะ
dtonNA wrote:สวัสดีปีใหม่ครับ
ขอให้ จขกท. และผู้อ่านมีความสุขตลอดไปครับ
dahlia wrote:สวัสดีปีใหม่คนสวยครับ
นอกจากสวยแล้วยังฉลาดอีก
ขอให้หลังปีใหม่นี้สวยวันสวยคืน
dahlia wrote:เยอะจัดตามอ่านไม่ไหว
overtherainbow wrote::mrgreen:
dtonNA wrote:กระทู้นี้น่าจะปักหมุดอีกครั้งนะ
อธิฏฐาน wrote:คำว่าขอบคุณคงน้อยไปค่ะที่จะมอบให้คุณเบิร์ด
ประชาธิปไตย คือ เท่ากัน ( ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันหมด)
ชนชั้น คือ ไม่เท่ากัน (คนในประเทศมีสิทธิเสรีภาพไม่เท่ากัน)
ดังนั้น ถ้าประเทศไหนมีประชาธิปไตย ชนชั้นก็จะหมดไป นี่คือหลักการง่ายๆที่จะเข้าใจได้ไม่ยาก
คำถามคือ พวกศักดินาที่เป็นชนชั้นสูงจะยินดีไหมครับ ที่จะยินยอมให้ประเทศมีประชาธิปไตย (เท่ากัน)
คำตอบคือ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยินดีกับการมีประชาธิปไตย เพราะถ้าเขายอมให้มีประชาธิปไตย นั่นก็แปลว่า "ชนชั้น" จะหมดไปนั่นเอง ดังนั้นสถานะ ของเขาที่มีอภิสิทธิเหนือผุ้อื่นก็จะหมดลงไปด้วย
หลักการของระบอบประชาธิปไตย
โดย วิทยากร เชียงกูล
ความหมายและความสำคัญ
ระบอบประชาธิปไตย หมายถึง ระบอบการปกครองตนเองของประชาชน ตรงกันข้ามกับ
ระบอบอำนาจนิยม ( เช่น ระบอบราชาธิปไตย , ระบอบเผด็จการทหาร, ระบอบอำมาตยา
ธิปไตย ) ซึ่งเป็นระบอบปกครองโดยคนเดียว หรือ โดยคนกลุ่มน้อย ผู้มีอำนาจมากกว่า
ประชาชนทั่วไป (เรียกว่า พวกอภิสิทธิชน)
ในโลกยุคเศรษฐกิจตลาดเสรีสมัยใหม่ คนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นพลเมือง ผู้เสียภาษี(ทั้งทาง
ตรงและทางอ้อม) และเป็นเจ้าของสาธารณสมบัติร่วมกัน เชื่อว่าระบอบประชาธิปไตย
เป็นระบอบที่จะสร้างความมีประสิทธิภาพ ( ในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ ) และ
ความเป็นธรรม ได้มากกว่าระบอบอำนาจนิยม
ในบางสถานการณ์ ในระบอบอำนาจนิยม อาจจะมีผู้ปกครองที่เป็นคนดี หรือคนเก่งอยู่
บ้าง แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่า เขาหรือลูกหลาน หรือพรรคพวกเขา ที่ได้ตำแหน่งจากการ
สืบเชื้อสาย หรือการแต่งตั้ง จะปกครองประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรม
สำหรับคนส่วนใหญ่เสมอไป
เพราะระบบสืบเชื้อสายและแต่งตั้งเป็นระบบที่ไม่แน่นอน ไม่มีประสิทธิภาพ และเพราะ
ว่าการให้คนสืบทอดอำนาจโดยไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุลมักนำไปสู่การฉ้อฉลเพื่อประ
โยชน์ส่วนตน
ระบอบประชาธิปไตย ดีกว่า ระบอบอำนาจนิยม ในแง่ที่ว่า มีระบบคัดเลือกผู้บริหารที่มี
ประสิทธิภาพกว่า และมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองมี
อำนาจมากจนเกินไปได้ดีกว่า แต่ทั้งนี้ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชน มีส่วน
ร่วมอย่างแท้จริง
ไม่ใช้สักแค่มีการเลือกตั้ง แต่ยังมีการซื้อเสียงขายเสียง การโกง การใช้อำนาจและระ
บบอุปถัมภ์
รูปแบบประชาธิปไตย
ระบอบประชาธิปไตย หรือการปกครองตนเองของประชาชน อาจจะแบ่งเป็น
๑) ประชาธิปไตยโดยตรง
– ประชาชนมาประชุมกัน อภิปรายและลงคะแนนกันในเรื่องสำคัญ เช่น การประชุมเรื่อง
งบประมาณ กฏหมาย ในระดับท้องถิ่นหรือการลงประชามติในระดับประเทศ เช่น การจะ
รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
๒) ประชาธิปไตยโดยระบบผู้แทน
- เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่มีประชาชนมาก มีความซับซ้อน ต้องแบ่งงานกันทำ จึงมัก
ใช้วิธีเลือกผู้แทนขึ้นไปเป็นฝ่ายบริหารและฝ่ายออกกฏหมาย
๓) ประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วม
- เป็นการผสมผสานทั้ง ๒ แบบแรก รวมทั้งการให้ประชาชนมีการปกครองตนเองในระ
ดับท้องถิ่น มีองค์กรอิสระที่รักษาผลประโยชน์ฝ่ายประชาชน มีสื่อมวลชนและองค์กร
ประชาชนที่เข้มแข็ง ภาคประชาชนหรือสังคมพลเมืองมีบทบาทในการตัดสินใจในเรื่อง
การบริหารประเทศค่อนข้างมาก ไม่ได้ปล่อยให้ผู้แทนทำทุกอย่างโดยประชาชนให้ใช้
สิทธิแค่เลือกตั้งผู้แทนนานๆครั้งเท่านั้น
ตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ ประเทศไทย ใช้ประชาธิปไตยแบบที่ ๒ เป็นบางช่วง (บางช่วงเป็นแบบ
เผด็จการทหาร) ประเทศไทยควรใช้แบบที่ ๑ และ ๓ เพิ่มขึ้น
เพราะระบอบประชาธิปไตยโดยระบบผู้แทนมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในสภาพที่นักการเมือง
กลุ่มน้อยมีฐานะทางเศรษฐกิจสูง มีอำนาจและความรู้สูงกว่าประชาชนส่วนใหญ่มาก ซึ่ง
ทำให้คนกลุ่มนี้มักได้เป็นผู้แทน และมักจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบ
รวมทั้งการคอรัปชั่น,การหาผลประโยชน์ทับซ้อน โดยอ้างว่าเพราะประชาชนเลือกพวก
เขาเข้าไปแล้ว เขาจะทำอะไรก็ถือว่าเป็นประชาธิปไตยทั้งนั้น
ประชาธิปไตย โดยระบบผู้แทน
- หมายถึงว่า ประชาชนเลือกผู้แทนเข้าไปเป็นผู้บริหารจัดการแทนตัวพวกเขา เพื่อให้บริ
หารประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ไม่ใช่เลือกไปเป็นเจ้านาย
และประชาชนยังมีสิทธิคัดค้านถอดถอนผู้แทนที่ขึ้นไปเป็นรัฐบาลแล้วไม่ได้ทำหน้าที่
อย่างซื่อตรงและเพื่อส่วนรวมด้วย
แต่รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาไม่ได้เปิดช่องทาง ไม่มีการให้การศึกษาและข่าวสารแก่ประชา
ชนว่า ประชาชนมีสิทธิ ประการหลังที่สำคัญนี้ด้วย ประชาชนไม่ได้เลือกผู้แทนไปเป็น
เจ้านายในระบอบอำนาจนิยมซึ่งเป็นระบอบเก่า แต่วัฒนธรรมแบบอำนาจนิยม (ยกย่อง
เกรงกลัวคนมีอำนาจ) ยังคงตกค้างมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศไทยและประ
เทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ที่ประชาชนได้รับการศึกษาและข่าวสารน้อยและหรือได้รับแบบ
คุณภาพต่ำ
ทำให้เป็นประชาธิปไตยแค่รูปแบบ หรือเป็นประชาธิปไตยเพียงบางส่วน ซึ่งยังไม่ใช่การ
ปกครองตนเองของประชาชน ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่หมายถึงแค่
- ประชาธิปไตยทางการเมือง (ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ เลือกตั้ง คัดค้าน ถอดถอน
ผู้แทนได้) เท่านั้น หากต้องเป็น
- ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ( มีการกระจายทรัพย์สิน และรายได้ที่เป็นธรรม มีการ
แข่งขันที่เป็นธรรม) และ
- ประชาธิปไตยทางสังคม ( ประชาชนมีการศึกษา รับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิเสรีภาพ
และโอกาสการเข้าถึง ศาสนา ความเชื่อ ศิลปวัฒนธรรม อย่างเสมอภาคกัน) ด้วย
ประชาธิปไตย ๒ อย่างหลังนี้ ประเทศไทยยังมีน้อย รวมทั้ง ไม่มีการให้การศึกษา ให้
ความรู้ ข้อมูลข่าวสารประชาชนในเรื่องนี้มากพอ จึงเป็นเหตุให้ประชาธิปไตยการเมือง
พัฒนาไปได้ช้ามาก
ประชาธิปไตยในแง่เนื้อหา
ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้หมายถึงแค่ระบบการเลือกตั้ง
หากต้องประกอบไปด้วยสภาวะความเป็นประชาธิปไตย อย่างน้อย ๖ ข้อ คือ
๑) การเลือกตั้งผู้แทนจะต้องเป็นอิสระและยุติธรรม ไม่มีการใช้อำนาจหน้าที่ ของเจ้า
หน้าที่รัฐเพื่อโกงการเลือกตั้ง ไม่มีการซื้อเสียงขายเสียง และการที่กลุ่มอภิสิทธิชนใช้
อำนาจอิทธิพลระบอบอุปถัมภ์ ให้คนต้องเลือกเฉพาะพวกเขาบางคน
๒) จะต้องมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจที่ดี เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ
องค์กรอิสระ องค์กรประชาชนสามารถตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารได้ และต่างฝ่ายต่าง
ตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกัน รวมทั้งภาคประชาชนสามารถถอดถอนผู้แทนที่มีพฤติ-
กรรมไม่ชอบธรรมได้
๓) การบริหารบ้านเมืองจะต้องโปร่งใส มีเหตุผลอธิบายได้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ไม่มีการคอรัปชั่น การหาผลประโยชน์ทับซ้อน การเล่นพรรคพวก หาประโยชน์ส่วนตัว
๔) มีรัฐธรรมนูญและกฏหมาย ขนบธรรมเนียม ที่มุ่งประโยชน์คนส่วนใหญ่ อย่างมี เหตุ
ผล มีความคงเส้นคงวา คนส่วนใหญ่ยอมรับ และรัฐธรรมนูญ กฎหมาย เหล่านั้นมีผลบัง
คับใช้ด้วย
๕) สื่อมวลชนและองค์กรประชาชนมิสิทธิเสรีภาพ, เป็นอิสระ, มีศักดิ์ศรี และเข้มแข็ง
ประชาชนมีจิตสำนึกความเป็นพลเมือง และมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง รวมทั้ง
การแสดงความคิดเห็น การสมาคม การชุมนุม การทำประชาพิจารณ์ (เปิดอภิปรายความ
คิดเห็นประชาชนเรื่องกฏหมายและโครงการต่างๆ) และการลงประชามติว่า ประชาชนจะ
รับหรือไม่ในเรื่องสำคัญๆ
๖) มีการกระจายการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สู่ประชาชน ทำให้เกิดประชาธิปไตยทาง
เศรษฐกิจและสังคม และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง สม่ำเสมอ
ดังนั้น แม้จะมีการเลือกตั้งและมีผู้สมัคร สส. จากพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งได้รับการ
เลือกตั้งเข้ามาด้วยเสียงข้างมาก แต่ถ้าไม่ได้เกิดสภาวะความเป็นประชาธิปไตยตามแนว
ทาง ๖ ข้อนี้ เช่น เป็นรัฐบาลที่ใช้อำนาจผูกขาด แทรกแซงองค์กรอิสระ ปิดปากสื่อมวล
ชนและประชาชน คอรัปชั่น หาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
เราก็ควรถือว่า
ระบอบการปกครองแบบนี้เป็นระบอบประชาธิปไตยเพียงเปลือกนอก หรือเป็นประชาธิป
ไตยจอมปลอม ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
หากในบางช่วง เช่น หลัง พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๔๙๐, พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๙ ฯลฯ เรามีสภาวะ
ความเป็นประชาธิปไตยบางข้อ มากบ้างน้อยบ้าง ก็อาจถือว่ามีความเป็นระบอบประชาธิป
ไตยในเชิงเปรียบเทียบ (กับประเทศอื่น,กับประวัติศาสตร์ช่วงอื่น) ได้ระดับหนึ่ง
ประเด็นที่สำคัญคือ ประเทศใดจะเป็นประชาธิปไตยในแง่เนื้อหามากน้อยแค่ไหนนั้น
ขึ้นอยู่กับความตื่นตัว และความเข้มแข็งของภาคประชาชน ในแต่ละประเทศในแต่ละ
ช่วงตอนของประวัติศาสตร์เป็นสำคัญ
หลักการประชาธิปไตย
ระบอบประชาธิปไตย อยู่บนรากฐานหลักการที่สำคัญ ๕ ประการ คือ
๑) หลักการอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนแสดงออกซึ่งการเป็นเจ้าของ
โดยใช้อำนาจที่มีตามกระบวนการเลือกตั้งอย่างอิสระและทั่วถึง ในการให้ได้มาซึ่งตัว
ผู้ปกครองและผู้แทนของตน รวมทั้งประชาชนมีอำนาจในการคัดค้านและถอดถอนผู้
ปกครองและผู้แทนที่ประชาชนเห็นว่า มิได้บริหารประเทศในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสัง
คมส่วนรวม เช่น มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ
๒) หลักเสรีภาพ ประชาชนทุกคนมีความสามารถในการกระทำหรืองดเว้นการกระทำ
อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่บุคคลต้องการ ตราบเท่าที่การกระทำของเขานั้น ไม่ไปละเมิด
ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือ ละเมิดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม และ
ความมั่นคงของประเทศชาติ
๓) หลักความเสมอภาค การเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากร
และคุณค่าต่างๆของสังคมที่มีอยู่จำกัดอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ถูกกีดกันด้วยสาเหตุ
แห่งความแตกต่างทางชั้นวรรณะทางสังคม ชาติพันธุ์ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ ฐานะทาง
เศรษฐกิจ หรือด้วยสาเหตุอื่น
๔) หลักการปกครองโดยกฏหมายหรือหลักนิติธรรม การให้ความคุ้มครองสิทธิขั้นพื้น
ฐานของประชาชนทั้งในเรื่องสิทธิเสรีภาพในทรัพย์สิน การแสดงออก การดำรงชีพ ฯลฯ
อย่างเสมอหน้ากัน โดยผู้ปกครองไม่สามารถใช้อำนาจใดๆ เพื่อลิดรอนเพิกถอนสิทธิ-
เสรีภาพของประชาชนได้ และไม่สามารถใช้อภิสิทธิอยู่เหนือกฏหมาย หรือเหนือกว่า
ประชาชนคนอื่นๆได้
๕) หลักการเสียงข้างมาก (Majority rule) ควบคู่ไปกับ การเคารพในสิทธิของเสียง
ข้างน้อย (Minority Rights) การตัดสินใจใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนหมู่มาก
ไม่ว่าจะเป็น การเลือกตั้งผู้แทนของประชาชนเข้าสู่ระบบการเมือง, การตัดสินใจของ
ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการ ย่อมต้องถือเอาเสียงข้างมากที่มีต่อเรื่อง
นั้นๆ เป็นเกณฑ์ในการตัดสินทางเลือก โดยให้ถือว่าเสียงข้างมากเป็นตัวแทนที่สะท้อน
ความต้องการ/ข้อเรียกร้องของประชาชนหมู่มาก หลักการนี้ ต้องควบคู่ไปกับการเคา
รพและคุ้มครองสิทธิเสียงข้างน้อยด้วย
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นหลักประกันว่า ฝ่ายเสียงข้างมากจะ ไม่ใช้ วิธีการพวกมากลากไปตามผล
ประโยชน์ความเห็น หรือ กระแสความนิยมของพวกตนอย่างสุดโต่ง แต่ต้องดำเนินการ
เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งหมด เพื่อสร้างสังคมที่ประชาชนเสียงข้างน้อย รวมทั้งชน
กลุ่มน้อย ผู้ด้อยโอกาสต่างๆ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยไม่มีการเอาเปรียบ
กันและสร้างความขัดแย้งในสังคมมากเกินไป
ค่านิยม ทัศนคติ ที่ส่งเสริมประชาธิปไตย ระบอบประชาธิปไตย นอกจากจะเป็นระบอบ
การเมืองแล้ว ยังเป็นระบอบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมด้วย
ดังนั้นจึงไม่ใช่อยู่ที่รัฐธรรมนูญ กฏหมาย การเลือกตั้ง และการต่อรองทางการเมืองเท่า
นั้น หากอยู่ที่สมาชิกในสังคมจะต้องช่วยกันหล่อหลอม สร้างค่านิยม วิถีชีวิต ที่เป็นประ
ชาธิปไตย มาตั้งแต่ในครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน ชุมชน เพื่อจะนำไปสู่หรือการปก
ป้อง ระบอบประชาธิปไตย ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ค่านิยมประชาธิปไตยที่ประชาชน ระบบการศึกษา สื่อมวลชน ฯลฯ ควรช่วยกันสร้างคือ
๑) เป็นคนที่มีเหตุผล ยอมรับเรื่องสิทธิหน้าที่ ความเป็นจริงในทางสังคม เคารพในตัวเอง
เคารพในศีลธรรมและประโยชน์ร่วมกันของส่วนรวม
๒) มีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์ มีความเคารพซึ่งกันและกัน และมีความสามัคคี
๓) เข้าใจความจำเป็นและประโยชน์ของการเข้ามาอยู่ร่วมกันเป็นพลเมืองของประเทศ
เพื่อประโยชน์ของสมาชิกทุกคนในระยะยาว
๔) เคารพกฏหมายและดำเนินชีวิตในกรอบของกฏหมายที่มีเหตุผลและเป็นธรรม
๕) มีจิตใจเปิดกว้างและพร้อมที่ปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้
๖) เป็นคนที่มีความรับผิดชอบผูกพันกับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป
๗) มีจิตใจที่เป็นธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่มีอคติต่อผู้ที่มีความแตกต่างจากตน เช่น การ
นับถือศาสนาอื่น หรือ เชื้อชาติอื่น เป็นต้น
บทบาทของประชาชนในการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยนั้น ไม่ใช่แค่การใช้สิทธิใน
การเลือกตั้งนานๆครั้ง และพยายามเลือกคนดีคนเก่งมาบริหารประเทศเท่านั้น ประชาชน
ต้องขวนขวาย ศึกษา พัฒนาตนเอง ใช้สิทธิและหน้าที่พลเมืองที่ดีเข้าไปแสดงความคิด
เห็นและมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ ในการตัดสินใจ เรื่องการใช้ทรัพยากรของประ
เทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ของชุมชน จังหวัด และประเทศ อย่างแข็งขัน และใช้
สิทธิอย่างสม่ำเสมอตลอด ทั้งปีและทุกปีด้วย
overtherainbow wrote::mrgreen:
bird wrote:overtherainbow wrote::mrgreen:
เจอหน้าชวนทานข้าว...
![]()
pooyong wrote:ดันรอครับ ธุรด่วน คงไม่หลายวัน
overtherainbow wrote:bird wrote:overtherainbow wrote::mrgreen:เจอหน้าชวนทานข้าว...
![]()