cameronDZ wrote:ลุงปุ จะไปดูไบ เหรอครับ
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
แต่ อืมม กระทู้นี้ค่อนข้างเงียบเชียบ ไม่มีโลนเข้ามาแทะกระทู้สักกะตัว
คาดว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะตะแบงไปทางไหนดี
ผมว่า เราเปลี่ยนเวบเสรีไทย จากเวบการเมือง เป็นเวบเศรษฐกิจก็ดีนะ
รับรอง ไม่มีโลนมากวน
ปุถุชน wrote:cameronDZ wrote:ลุงปุ จะไปดูไบ เหรอครับ
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
แต่ อืมม กระทู้นี้ค่อนข้างเงียบเชียบ ไม่มีโลนเข้ามาแทะกระทู้สักกะตัว
คาดว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะตะแบงไปทางไหนดี
ผมว่า เราเปลี่ยนเวบเสรีไทย จากเวบการเมือง เป็นเวบเศรษฐกิจก็ดีนะ
รับรอง ไม่มีโลนมากวน
วันที่ 24 พย. ผมจะไปญี่ปุ่น และ กลับ 30 พย.
ถ้าให้ผมเล่าให้ฟัง ส่วนหนึ่งจะเปิดโปงพฤติกรรมของ'พ่อบุญธรรม' ของ'บัตรเติมเงิน'
ดังนั้นพวก'บัตรเติมเงิน' พวก'หนอนฯ' คงคลานเข้ามาอ่าน เพื่อเก็บไปฟ้อง'พ่อบุญเติม' รับ'บัตรเติมเงิน' อีก....!!!
ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าหาว่าผมแกล้งโยนเศษอาหารให้น่ะ จะบอกให้.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
shuu wrote:ไม่รู้สินะ model ธุรกิจมันเปลี่ยนไป เราจริงๆต้องประบัตัวด้วย พวกระบบ สหกรณ์ที่เคยมี ถ้าพวกผู้บริโภครวมตัวกัน ปันผลยุติธรรม ก็อยู่ได้ไปแล้ว กินกินเอง ใช้กันเองในชุมขมนี่แหละ
แทนที่จะปรับระบบ...ก็ปรับที่พฤติกรรมเราด้วย เราคงไปห้ามพวกมันเปิดไม่ได้
โลตัสไล่แล้วมันก็ทำเป็น Lotus Exp เอาแทน
ริวเซย์ wrote:เห็นทีต้องเลิกอุดหนุน7-Eleven ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างจริงจังแล้ว
Shelmikedmu wrote:เห็นด้วยกับเนื้อหานะครับ แต่ว่าทางออกที่เสนอมันดูด้วนๆ ห้วนๆ ซึ่งการเสนอว่าให้บอยคอท
สินค้าและบริการของพวกโมเดอร์นเทรดนั้นไม่น่า จะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวนะ
แล้วการที่สรุปมาลงที่ทุนสามานย์ ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกันเลย เพราะ เรื่องความนิยมในโมเดอร์นเทรด
มันเป็นเรื่องของ "ธรรมชาติของผู้บริโภค" ที่จะวิ่งเข้าหา สินค้าที่ถูกกว่า และบริการที่ดีกว่าใน
ตัวเงินเท่าๆกัน สิ่งที่พูดมาในหัวข้อกระทู้มันเป็นเรื่องของ การเข้าใจในธรรมชาติของผู้บริโภค และ
กลยุทธ์การตลาด ที่จะสร้าง ให้เกิด 4P คือ ความแตกต่างในตัวสินค้า ราคา สถานที่ และโปรโมชั่น
การทำแบบนี้ ถ้าถูกหาว่า เป็นเรื่องของทุนสามานย์ มันออกจะไม่แฟร์
ถ้าอยากจะเปิดประเด็นเรื่องทุนสามานย์ น่าจะพูดถึงเรื่องของการเปิดเสรี ของห้างพวกนี้มากกว่า ที่ทำ
ให้ ห้างที่มีทุนมากกว่า สามารถสร้างต้นทุนสินค้าราคาส่งที่ถูกกว่าได้ โดยที่ ร้านค้าเล็กๆน้อยๆ ได้แต่ทำตาปริบๆ
แต่ นี่คือสัจจะธรรมไม่ใช่หรือ โชว์ห่วย ปกติก็ถูก ซาปั๊ว ที่ถือว่าเป็นทุนที่ใหญ่กว่าเอาเปรียบ ซาปั๊ว ก็เอามาจากยี่ปั๊ว
ที่มีทุนใหญ่กว่า
ตรงนี้ต่างหาก ที่ผมอยากฟังคนวิเคราะห์ ว่า ในโลกแห่ง ตลาดเสรี จะมีกฎเกณฑ์อะไรที่จะทำให้ ทุนขนาด
เล็ก สามารถ ดำรงอยู่ได้ โดยที่ไม่ถูก ทุนระดับใหญ่กลืนกิน (โดยที่ไม่ได้เป็นการไปอุ้ม อยู่ตลอดเวลา) ไม่ใช่แค่
เรื่องของแค่ โมเดอร์นเทรดแล้ว ถ้าอธิบายตรงนี้ได้ จะโยงมาเรื่องทุนสามานย์ ก็ไม่ว่า แต่ถ้าพูดถึงแค่เรื่อง โปรโมชั่น
ของพวก บิ๊กซี เซเว่น แล้วบอกว่า นี่คือความเลวร้ายของทุนสามานย์ นี่คนละเรื่องแล้ว
Shelmikedmu wrote:กฎเกณฑ์เท่านั้นจะเป็นตัวสร้างสมดุลย์ให้เกิดระหว่าง ค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่
การอ้าง เรื่องระเบียบการค้าตลาดเสรี นั้นเป็นแค่ข้ออ้างมากกว่า เพราะว่า จริงๆ แล้ว มันไม่ีมีตลาดเสรีที่ไหน
ที่ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย เสรียังไงก็ต้องอยู่ใต้กฎเกณฑ์ เพียงแต่ว่า วันนี้ยังไม่ค่อยมีใคร (หรือ
อาจจะมีก็ได้ แต่ผมคงตกข่าว ไม่ค่อยได้เห็นข้อเสนอดีๆ จากใครเลย) ที่เสนอให้รัฐออกกฎเกณฑ์
ที่เป็นรูปธรรม และยุติธรรม ต่อทั้งพวก โมเดอร์นเทรดและค้าปลีก
ส่วนร้านค้าโชห่วย ก็ต้องปรับตัวตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน ตรงนี้ต้องยอมรับจริงๆ
ว่าใครจะไปเข้าไปซื้อร้านที่มืดๆ ฝุ่นเขรอะ ทั้งที่ข้างๆร้านเป็น เซเว่น อีเลเว่น เปิดแอร์เย็นฉ่ำราคา
เ่่ท่ากัน
สรุปว่าา มันต้องมีสมดุลย์ของกฎเกณฑ์ และการปรับตัวตามยุคของผู้ค้าเอง ให้สามารถแข่งขันได้
ปล คิดมาถึงตรงนี้ผมก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าทุกวันนี้ที่เราบอกกันว่า ค้าปลีกไปไม่รอด จริงๆ แล้ว
มันหมายถึง ค้าปลีกพวกโชห่วยเท่านั้นใช่มั้ย เพราะว่า พวกค้าปลีกเสื้อผ้าตามแผงลอย ทุกวันนี้ก็ยัง
ขายได้ขายดี คนเดินช๊อบตามข้างถนนเยอะแยะไปหมด หรือพวก ข้าวแกงข้างถนน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ
ต่างๆ ก็ไม่ได้ถูก โมเดอร์นเทรด กลืนไปแม้แต่น้อย ตรงนี้ผมก็ไม่มีคำอธิบายเหมือนกัน ว่าทำไมถ้าใคร
พอเข้าใจพอยท์ของผม ช่วยอธิบายหน่อยจะเป็นพระคุณอย่างสูง
Shelmikedmu wrote:ปล คิดมาถึงตรงนี้ผมก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าทุกวันนี้ที่เราบอกกันว่า ค้าปลีกไปไม่รอด จริงๆ แล้ว
มันหมายถึง ค้าปลีกพวกโชห่วยเท่านั้นใช่มั้ย เพราะว่า พวกค้าปลีกเสื้อผ้าตามแผงลอย ทุกวันนี้ก็ยัง
ขายได้ขายดี คนเดินช๊อบตามข้างถนนเยอะแยะไปหมด หรือพวก ข้าวแกงข้างถนน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ
ต่างๆ ก็ไม่ได้ถูก โมเดอร์นเทรด กลืนไปแม้แต่น้อย ตรงนี้ผมก็ไม่มีคำอธิบายเหมือนกัน ว่าทำไมถ้าใคร
พอเข้าใจพอยท์ของผม ช่วยอธิบายหน่อยจะเป็นพระคุณอย่างสูง
Vargarv wrote:Shelmikedmu wrote:ปล คิดมาถึงตรงนี้ผมก็แปลกใจเหมือนกัน ว่าทุกวันนี้ที่เราบอกกันว่า ค้าปลีกไปไม่รอด จริงๆ แล้ว
มันหมายถึง ค้าปลีกพวกโชห่วยเท่านั้นใช่มั้ย เพราะว่า พวกค้าปลีกเสื้อผ้าตามแผงลอย ทุกวันนี้ก็ยัง
ขายได้ขายดี คนเดินช๊อบตามข้างถนนเยอะแยะไปหมด หรือพวก ข้าวแกงข้างถนน ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ
ต่างๆ ก็ไม่ได้ถูก โมเดอร์นเทรด กลืนไปแม้แต่น้อย ตรงนี้ผมก็ไม่มีคำอธิบายเหมือนกัน ว่าทำไมถ้าใคร
พอเข้าใจพอยท์ของผม ช่วยอธิบายหน่อยจะเป็นพระคุณอย่างสูง
จากการสำรวจตลาดนัดแถวบ้าน ตลาดนัด หน้าบิ๊กซี เพชรเกษม (พวกเสื้อผ้ากระเป๋า) ค่าเช่าวันละ 600 บาท
ผมว่าเสื้อที่ถูกผลิตขึ้นมัน Overdemand กว่าความต้องการของคนปัจจุบันนะ
ผู้เข้าเล่นเกมธุรกิจเสื้อผ้า มันเยอะมากๆนะคับ
อย่างจากประมาณโดยสายตา ตลาดนัดบิ๊กซี มีผู้ค้าเสื้อผ้าไม่ต่ำกว่า 50 เจ้า
เจ้านึง มีเสื้ออยู่ประมาณ เฉลี่ย 100-500 ตัว Stock นี่ผู้ค้ารายย่อยนะคับ
ยังไม่รวม โบ๊เบ๊ ที่มีสต๊อกผ้ามากมาย
Platinum ห้างเดียวไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัว
ของที่สต๊อกต้นทุนคือเงิน ที่เสื่อมค่าลงทุกวัน ด้วย กฏ Time Value Of Money
เงินทุกบาท ถ้าสต๊อก มีค่าเสียโอกาศ ดอกเบี้ย และ ผลตอบแทนนะคับ
ถ้าอาหารผมไม่เถียงเลยคับว่าขายดีและยังขายได้อยู่
แต่เสื้อผ้า นี่ เถียงขาดใจเลยคับ
numdee wrote:เป็นไปได้มั๊ยครับว่าเมื่อถึงช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นในปีหน้าของไทย จะทำให้พวกคอนวีเนี่ยนสโตว์ล้มลงแบบโดมิโน เพราะปัจจัยการบริโภคของคนต้องปรับเปลี่ยนอันเนื่องจากรายได้ลดลง มีอยู่ช่วงนึงที่เจ้าสัวซีพีออกมาโชว์วิชั่นส์ในเรื่องเศรษฐกิจว่าของต้องสูง
รายได้สูง ซึ่งผมมองว่าเป็นประโยชน์กับธุรกิจของแกมากกว่าประโยชน์ต่อคนส่วนรวม ลองนึกดูนะครับว่า ถ้าคุณมีรายได้สูงขึ้นจริงในขณะที่เงินเดือนคุณเพื่มขึ้นแค่ส่วนเดียว แต่สินค้าทุกชนิดนั้นสูงขึ้นหมด เท่ากับว่าคุณต้องแบกรับภาระมากขึ้นกี่เท่าตัวหล่ะครับ เงินเดือนส่วนเดียวของคุณต้องไปจ่ายให้กับสินค้านับสิบชนิดหมดหากไม่รู้จักแบ่งสรรปันส่วน ในสมัยที่ผมเรียนหนังสือในวิทยาลัย อาจารย์ผมก็เคยทำนายไว้ว่าอีกหน่อย พวกร้านโชว์ห่วยต้องเปลี่ยนเป็นคอนวีเนี่ยนสโตว์หมด พอมาวันนี้ผมก็นึกถึงคำพูดท่านได้เสมอ จุดนึงที่เป็นข้อด้อยของร้านโชว์ห่วยคือ คุณไม่ได้จับต้องสินค้าหรือพิจารณาก่อนซื้อ และบางอย่างไม่ได้ติดราคากำกับไว้ โดยนิสัยของคนต้องการจับต้องหรือเลือกสินค้าจนถูกใจก่อนที่จะจ่ายตัง ดังนั้นถ้าปรับปรุงร้านให้ใกล้เคียงกับคอนวีเนียนสโตว์ก็น่าจะพออยู่ได้ดูจากหลายๆ ร้านเจ้าของก็ปรับปรุงชั้นวางสินค้า หาสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น ติดราคา มีเคาเตอร์คิดเงิน จะต่างกันตรงอาจจะไม่ได้เปิด 24 ชั่วโมง แต่ก็จะเซฟเรื่องการจ้างพนักงาน แต่จุดขายของโชว์ห่วยก็จะไม่ต่างจากคอนวีเนียนเลย ทางออกก็คือต้องหาจุดต่างในการเรียกคู่แข่ง อย่างเช่น อาจจะหาสินค้าเกษตรพื้นเมืองที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางมาขายโดยตรงมาเสริม หรืออาจจะทำขายเองเช่นในเซเว่นมี ขนมจีบซาละเปา ของร้านโชว์ห่วยอาจทำพวกน้ำพริกต่างๆพร้อมกินไว้จิ้มกินกับข้าวเหนียว เป็นต้น แล้วแต่แหล่งชุมชนนั้นๆ
ผมว่าตอนนี้คนไทยควรตื่นตัวกันเอง มากกว่าจะมารอการออกกฎหมายป้องกัน ส่วนนึงควรรณรงค์ให้ใช้ร้านค้าไทยมากกว่าร้านค้าจากต่างชาติ เช่นอุดหนุนสหกรณ์ในชุมชน (แต่สาขาน้อยเหลือเกินในกรุงเทพฯรู้สึกจะมีแค่สี่สาขา) ถ้าใครที่มีพื้นที่ใกล้สะดวกก็ควรอุดหนุน มันจะได้เกิดการสมดุลในเศรษฐกิจ
numdee wrote:ห้างค้าปลีกที่คุณ sweet chin หมายถึงพวกโลตัส หรือ เซเว่น ครับ ของผมคิดว่าพวกเซเว่น เพราะพวกนี้บวกราคาไว้เยอะอยู่ และต้นทุนก็ต้องแบกเยอะไหนค่าไฟ ค่าพนักงาน ค่าอะไรอีกหลายๆอย่าง ก็เลยต้องเปิดตลอด 24 ชม.เพื่อรับลูกค้าให้มากที่สุด แต่ถ้าวันใดลูกค้าที่เป็นพนักงานจากต่างจังหวัดต้องตกงานกันเพราะสภาพเศรษฐกิจ ก็จะมีส่วนนึงกลับถิ่นฐานตัวเอง เหมือนตอนต้มยำกุ้ง (เซเว่นชอบเปิดตามแหล่งที่ทำงานเหรอตามแฟลต คอนโด แหล่งชุมชน) กำลังซื้อย่อมตกลงและเป็นอย่างนี้ก็ต้องปิดกิจการเป็นธรรมดาครับ
ผมไง พอดีมันอยู่ใกล้บ้าน แวะซื้อ ตากแอร์เสร็จก็เดินเข้าบ้านSweet Chin Music wrote:
เช่นขนมถุงละ 20 บาท ซื้อถุงเดียวราคา 20 บาท / ซื้อ 2 ถุงราคา 30 ซึ่งจริงๆแล้วก็ขาดทุน แต่ไม่มีใครหรอกเข้าห้างแบบนี้ทั้งที เพื่อมาซื้อขนม
Solidus wrote:ผมไง พอดีมันอยู่ใกล้บ้าน แวะซื้อ ตากแอร์เสร็จก็เดินเข้าบ้านSweet Chin Music wrote:
เช่นขนมถุงละ 20 บาท ซื้อถุงเดียวราคา 20 บาท / ซื้อ 2 ถุงราคา 30 ซึ่งจริงๆแล้วก็ขาดทุน แต่ไม่มีใครหรอกเข้าห้างแบบนี้ทั้งที เพื่อมาซื้อขนม![]()
Killer wrote:นึกแล้วว่า จะต้องมีอดีตผู้บริหารห้างสรรพสินค้าพื้นเมือง ออกมาเสียบในกระทู้นี้ โชว์พลังสติปัญญาอันคร่ำครึไดโนเสาร์
แทนที่จะหยิบฉวยโอกาสจังหวะนี้ ศึกษาหาทางหนีทีไล่ ว่าเหตุใดเขาจึงประสบความสำเร็จ เขาใช้เทคโนฯอะไรในการบริหาร จึงสามารถรุกตลาด ได้รวดเร็วขนาดนี้
คนพวกนี้กลับมองเห็นแต่ปัญหา หลับหูหลับตาอิจฉาตาร้อน ริษยาในความสำเร็จแล้วก็มานั่งตีอกชกหัว สะบัดมือตบ ปลอบใจตัวเองหน้ากระจก
บางอย่างถูกกว่าเป็นสิบเลยครับ แต่คนไทยบางส่วนเขาบ้าโฆษณบ้ายี่ห้อครับshuu wrote:Lotus เป็นเครือข่ายด้วยล่ะนะ แถมมีพวก House Brand อีกพวก คุ้มค่า ถูกกว่า บลาๆๆๆนี่แหละ
ส่วนผสมก็บริษัทเดียวกับที่เราซื้อ เช่น ซันไลต์ ลองอ่านข้างขวดดู มันก็มาจากที่เดียวกัน แต่ขายถูกกว่า อาจจะ 50 สตางค์
แล้วรู้อยู่แล้วว่า คนไทยชอบของถูกมากกว่าคุณภาพ น้ำปลา เอาน้ำดำใส่เกลือ ขายสิบบาท เห็นถูกก็ซื้อแล้ว มีสมองที่ไหน![]()
ตัวอย่างง่่ายๆ บ้านผมนี่แหละ