สงกรานต์ เผาบ้าน เผาเมืองหัวข้อสุดท้ายอันเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ เมษายน ๒๕๕๒ “
สงกรานต์วิปโยค " หรือ
"
สงกรานต์เลือด “ อันเป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามกลางเมือง ระหว่าง
ประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งพอจะลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงปลายมีนาคม ถึงกลาง
เมษายน ๒๕๕๒ ได้คร่าว ๆ
เริ่มจากการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒ เพื่อปิดล้อมทำเนียบ จากนั้นได้
ขยายวงเพื่อปิดล้อมบ้านพักสี่เสาฯ ในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๒ ติดตามด้วยเหตุการณ์
มวลชนบุกสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนบวก ๓ บวก ๖ ณ รอยับ คลิฟฯ รีสอร์ท
ในเช้าวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๒ ภายใต้การนำของนายอริสมันต์
จนทำให้รัฐบาลต้องประการเลือนการประชุมออกไป พร้อมประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินใน
พื้นที่พัทยา เพื่อควบคุมดูแลการเดินทางกลับของผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ให้เป็น
ไปด้วยความเรียบร้อย และในอีก ๖ ชั่วโมงต่อมาได้ยกเลิก พรก.ฉบับดังกล่าว

ภาพการบุกรุกสถานที่ประชุม ที่แพร่ภาพไปทั่วโลก เป็นเสมือนการประจานภาพลักษณ์
ของประเทศในด้านลบ ที่ยากจะฟื้นความเชื่อมั่นของต่างประเทศได้ในระยะเวลาอันใกล้
อันมีสาเหตุมาจากการกระทำของมวลชนกลุ่มหนึ่ง ภายใต้การโฟนอินปลุกระดมมวลชน
ของ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่ระดมโฟนอินผ่านระบบวีดีโอลิงก์เข้ามายังกลุ่มมวลชนอย่างต่อ
เนื่อง หากถามหาความรับผิดชอบ แน่นอน คนที่คุณก็รู้ว่าใคร คงจะโยนบาปครั้งนี้ให้กับมวลชน ภายใต้คำกล่าวอ้างที่ว่า กลุ่มมวลชนเคลื่อนไหวเพื่อต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยที่
แท้จริง ซึ่งเป็นแต่เพียงนามธรรม อันเป็นคำกล่าวอ้างที่คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ใช้ในการปลุก
ระดม ยั่วยุ ร่วมกับการบอกเล่าสถานการณ์เท็จ ที่กล่าวอ้างว่าตนเป็นเหยี่อ แล้วแต่ว่าจะ
สรรหาอะไรมาพูด มาบอกเล่า แต่ หาความเป็นจริงในคำพูดเหล่านั้นไม่ได้เลย

ช่วงเช้าของวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม อริสมันต์ แกนนำมวลชนบุก
รอยัล คลิฟฯ ที่บ้านพักย่านผั่งธนบุรี ในข้อหาปลุกระดมขับไล่นายก ขณะเดียวกันกลุ่ม
มวลชนทักกี้ประกาศเพิ่มระดับการชุมนุม เพื่อขับไล่รัฐบาลต่อไป
ช่วงบ่ายของวันที่ ๑๒ เมษายน นายกออกแถลงการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย พร้อมกับ
ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินครอบคลุมพื้นที่รวม ๕๐ เขต ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ
บางพื้นที่ใน จ.อยุธยา
ภายหลังจบการแถลงการณ์ สื่อทีวีทั้งในและต่างประเทศที่ถ่าย
ทอดสดการแถลงการณ์ในขณะนั้น ต่างแพร่ภาพเหตุการณ์กลุ่มมวลชนทักกี้ฝ่าแนวกั้น
ของเจ้าหน้าที่ไล่ทุบรถ ซึ่งทราบต่อมาว่าเป็นรถนายก และรถรองฯ นิพนธ์ 

ภาพความโกลาหลภายในพื้นที่กระทรวงมหาดไทย เป็นการแพร่ภาพสดที่แสดงให้เห็น
ถึงพฤติกรรมการชุมนุมของ กลุ่มมวลชนทักกี้ ที่กล่าวอ้างมาโดยตลอดว่า เป็นการชุม
นุมด้วยสันตื ปราศจากอาวุธและความรุนแรง แต่ภาพที่ถ่ายทอดไปทั่วโลกนั้น ขัดแย้ง
กับคำกล่าวอ้างโดยสิ้นเชิงถึงแม้ในเวลาต่อมา จะมีคำประกาศจากแกนนำว่าเป็นการจัดฉากของฝ่ายรัฐบาลก็ตาม
แต่คงไม่สามารถปัดความรับผิดชอบครั้งไปได้ ปรารกฎการณ์ครั้งนี้ กลับกลายเป็น ปรากฎการณ์แดงเทียม ซึ่งคนที่คุณก็รู้ว่าใคร และ แกนนำมวลชนทักกี้ ใช้ในการปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุ
การณ์อีกครั้ง

ในช่วงเย็นวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ กลุ่มมวลชนทักกี้ ใช้มอร์เตอร์ไซค์จำนวนหลาย
ร้อยคัน แท็กซี่ และรถยนต์ส่วนบุคคลของกลุ่มผู้ชุมนุม ปิดเส้นทางบริเวณสี่แยกหลาน
หลวงทั้งหมด และขยายวงกว้างถึงแยกเทวกรรม โดยนำรถปรับอากาศสาย ๕๑๑ จอด
ขวางทางแยก โดยมีการ์ดถือไม้ หลายสิบคนเผ้าระวัง โดยอ้างว่า
เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๒สื่อทีวีหลายช่องต่างแพร่ภาพการเข้าสลายการชุมนุมบริเวณถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า ซึ่งมี
มวลชนทักกี้ปักหลักชุมนุมบริเวณใต้ทางด่วนประมาณ ๑,๐๐๐ คน กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่น
มาถึงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ในขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มทำการเผายางรถยนต์และ
พยายามขับรถประจำทางพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ทหาร

ทำให้ทหารต้องยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังฮือเข้ามาปะทะ จนต้องยิงแก็สน้ำ
ตาเข้าสะกัด ผู้ชุมนุมทยอยถอยร่นไปรวมตัวกันที่ อนุสาวรีย์ชัยฯ สถานการณ์บิรเวณ
ถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า กลับสู่ภาวะปกติ เจ้าหน้าที่สามารถตรึงกำลังตั้งแต่สามเหลี่ยมดิน
แดงถึงโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในเวลาประมาณ ๐๕.๓๐ น.
เวลาประมาณ ๐๖.๔๐ น. มวลชนทักกี้นำรถบรรทุกแก็ส มาจอดขวางกลางถนนดินแดง
ผั่งขาเข้า ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลย์ประชาสรรค์ พร้อมเปิดวาวล์ ด้วยคำกล่าวอ้างที่ว่า เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม 


จนเป็นเหตุให้ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณแฟลตดินแดง รวมตัวกันเจรจากับกลุ่มผุ้ชมุนุมเพื่อให้
เคลื่อนย้ายรถแก็ส แต่ไม่เป็นผล
จนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ที่อยู่อาศัยเพื่อปกป้อง
ที่พักอาศัยของตนเอง กับกลุ่มมวลชนที่ก่อเหตุ เพื่อเป้าหมายเพียงเพื่อคนที่คุณก็รู้ว่าใครในขณะที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มวลชนทักกี้ยึดรถประจำทาง เผายางรถยนต์ และ
ปาระเบิดเพลิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ภายหลังสามารถผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้
ออกไปได้ กลุ่มผุ้ชุมนุมทำการปิดการจราจรบริเวณแยกอุรุพงษ์ ถนนศรีอยุธยา และยัง
คงปฎิบัติการความรุนแรง ไม่ว่าจะทุบกระจกห้างร้าน ทำลายทรัพย์สินสาธารณ อีกทั้งมี
ความพยายามเผาธนาคารกรุงเทพ สาขาอุรุพงษ์

กลุ่มผุ้ชุมนุมบริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ยังพยามยามจะเผามัสยิดของชาวมุสลิมภายใน
ซอยเพชรบุรี ๕ จนเกิดการปะทะกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว และในบริเวณ
ชุมนุมนางเลิ้งก็เช่นเดียวกัน ที่รวมตัวกันขึ้นต่อต้านการกระทำของกลุ่มมวลชนทักกี้ จน
เกิดการปะทะกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ๒ ราย อันเกิด การกระสุนปืนปริศนา


สถานการณ์ช่วงเปราะบางของวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๒ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงของความสนุก
สนานในเทศกาลสงกรานต์ ช่วงที่น่าจะเต็มไปด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นของวันครอบครัว
หากแต่ในปี ๒๕๕๒ กลับกลายเป็นบรรยากาศที่น่าเศร้าสลด ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ
สถานการณ์ตึงเครียดในหลายพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการแปรสภาพเป็นสงครามกลางเมือง คน
ไทยหยิบอาวุธหันหน้าเข้าประหัตประหารกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน
กลุ่มหนึ่งเพียงเพื่อปกป้องรักษาที่พักอาศัยและชุมนุมของตนเองให้ปลอดภัย กลุ่มหนึ่งปฎิบัติการภายใต้เป้าหมายเพื่อบุคคลเพียงคนเดียว ที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด
จำคุก ๒ ปี หนีโทษอาญา และเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เฝ้าวุ่นเวียนอยู่รอบ ๆ แผ่นดิน
ที่ตนเองไม่กล้าเหยียบย่างเข้ามา ด้วยคำกล่าวอ้างว่า
ไม่มีความยุติธรรม โดนกลั่นแกล้ง และอีกหลาย ๆ เหตุผลที่อ้างประโยชน์เข้าข้างตนเองท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด หลายฝ่ายออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีสติ และ
ยุติการใช้ความรุนแรง ให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติในกรอบของกฎหมาย สส พรรคใหญ่ นำโดย วิป
ฝ่ายค้าน นายวิทยา ขอเปิดประชุมร่วม เพื่อพิจารณาปัญาความขัดแย้ง


แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นการประชุมที่นำภาพสถานการณ์เท็จของ สส พรรคใหญ่มีกล่าว
โจมตี อ้างอิงกันอย่างไร้สติ โดยไม่มีการตรวจสอบที่มาของภาพเหตุการณ์ที่นำมาอ้างอิง
ในสถานที่อันทรงเกียรติ ล้วนแสดงวุฒิภาวะที่ไม่น่าเชื่อว่า ท่านเป็นผู้ทรงเกียรติที่ได้รับเลือกจากประชาชนจำนวนมากให้เข้ามาทำหน้าที่แทน

ช่วงเช้าของวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๒ ผู้ชุมนุมบริเวณรอบทำเนียบเริ่มทยอยเดินทางกลับ
แกนนำนายจตุพร ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยเพียงสั้น ๆ แล้วหายตัวไป พร้อมๆ กับ นายจักรภพ
ที่หายไปจวบจนปัจจุบัน พฤติกรรมดังกล่าว เผยธาตุแท้ของแกนนำบางคน ที่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี โดยไม่สน
ใจว่า กลุ่มมวลชนที่ตัวเองชักชวนมานั้นจะพบกับชะตากรรมเช่นไร คงเหลืออยู่แต่นายวีระ ที่ประกาศยุติการชุมนุมในเวลา ๑๐.๓๐ น. ของวันที่ ๑๔ เมษายน
๒๕๕๒ ภายใต้คำกล่าวอ้างที่ว่า
มีผู้ไม่ประสงค์ดี แอบแฝงเข้ามาในกลุ่มมวลชนทักกี้ ทำให้ไม่ปลอดภัย และ กลุ่มมวล
ชนทักกี้ขาดสื่อ ที่จะใช้ในการสื่อสารความคิดออกไปทางสังคม ถือเป็นการสิ้นสุดสงกรานต์วิปโยค 

แต่การเคลื่อนไหวของแกนนำและกลุ่มมวลชนทักกี้ หาได้ยุติตามไม่ ยังคงปฎิบัติการ
ป่วนบ้านป่วนเมืองอยู่
เสมือนเป็นตัวมอดที่คอยกัดกิน บ่อนทำลาย ประเทศอยู่ตลอดเวลา 

ย้อนรอยเหตุการณ์ เผาบ้าน เผาเมือง คงต้องยุติลงไว้ ณ จุดนี้ ภาพเหตุการณ์จริงหลาย
ท่านคงสดับรับรู้ด้วยตัวท่านเอง ต้นสายปลายเหตุ ของสถานการณ์ดังกล่าว เป็นมาอย่าง
ไร หลายท่านคงทราบดี และอีกหลายท่านคงมีโอกาสบันทึก เนื่อข่าว รูปภาพ คลิปวีดีโอ
ไว้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ หรือ เพื่อการศึกษาวิเคราะห์
หวังว่าในสักวัน เนื้อข่าว ภาพเหตุการณ์ รวมไปถึงคลิปวิดีโอ ที่ทุกท่านจัดเก็บไว้ คงได้
นำมาออกมา รวบรวมไว้ เพื่อบันทึกเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ว่าครั้งหนึ่ง มีขบวนการโกงกินชาติบ้านเมือง ที่พร้อมทำทุกอย่าง เพื่อให้บ้านเมืองพินาศหรือ
เพื่อหักล้างประวัติศาสตร์ที่อาจจะมีบางกลุ่มเขียนขึ้น เพื่อปกปิดความผิดของผู้นำ
ฝ่ายตน โดยพยายามสร้างให้ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร จากทรราช ผู้โกงกิน กลายเป็น วีรบุรุษ
ผู้กล้าที่ต่อสู้กับเหล่าอำมาตย์เพื่อประชาธิปไตยฉบับแม้ว หวังว่าในสักวันหนึ่ง ประวัติศาสตร์บทนี้ จะได้ถูกถ่ายทอดสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน ด้วยข้อมูล
บนพื้นฐานของความเป็นจริง.....