Stonekid หรือ ลูกหินฮะ๛
มีข้อพิจารณา ขอบเขตในการ ดูแล เสรีไทยเว็บบอร์ด
ซึ่งเป็น Web Communication ประเภท การเมือง สังคม ทั่วไป
โดย ยึดหลัก ทำความเข้าใจพื้นฐานบุคคลที่พึง วิพากษ์-วิจารณ์ได้
และการแสดงออกอยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นหลักฮะ
หาก เพื่อนสมาชิก และเพื่อนที่จะมาเป็นผู้ดูแล ได้ลองศึกษาทำความเข้าใจในขอบเขตพื้นฐานดังกล่าว
เราก็สามารถกำหนด กฎ เกณฑ์ ในการตัดสินใจได้ว่า เราจะ ดูแลบอร์ดเช่นไร.. ได้ต่อไป
แม้นว่า อาจจะไม่ถูกใจ เพื่อนสมาชิกบางท่าน.. แต่เมื่ออยู่ใน หลักพื้นฐานที่ควรจะต้องเป็นไป แล้ว เพื่อน และผู้ดูแล .. ก็จะ...ไมรู้สึก.กดดันฮะ
การแสดงออกซึ่งความคิดเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่าง ๆ
เป็นสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามเสรีภาพของบุคคลย่อมสิ้นสุดเมื่อไปกระทบกับสิทธิของผู้อื่นเข้า ก็จะกลายเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย (abuse of right)
การแสดงความคิดเห็นจนเป็นข่าวสาธารณะปรากฏตามสื่อต่าง ๆ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของสมาชิกสภานิติบัญญัติอาจเสี่ยงต่อความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณาตามมาตรา 328 ได้ แต่กระนั้น กฎหมายหมิ่นประมาทก็ยังเปิดโอกาสให้อำนาจบุคคลในการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ได้
(1)
เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามครองธรรม เช่นการไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด หรือเป็นพยานในศาล การให้ปากคำกับคณะกรรมการสอบสวนเรื่องทุจริตหรือประพฤติมิชอบของบุคคลอื่น
(2)
ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่ เช่นพนักงานสอบสวนรายงานข้อความหมิ่นประมาทพระบรมเดชานุภาพ เพื่อให้มีการดำเนินการต่อไป ไม่ทำให้เขากลายเป็นผู้กระทำความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเสียเอง
(3) การวิพากษ์ติชมบุคคลสาธารณะ ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ข้อนี้คือการแสดงความคิดเห็นอย่างสุจริตตามเสรีภาพในรัฐธรรมนูญนั่นเอง โดยเฉพาะการ วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ (public figure) ** ซึ่งจะเป็นประเด็นหลักในบทความนี้ (4) ใ
นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม ตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ใน
** (3) ข้างต้น หมายถึง การวิพากษ์ติชมบุคคลสาธารณะ ซึ่งหมายถึงบุคคลที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน เช่น ดารา นักแสดง หรือผู้ซึ่งการกระทำของเขามีผลกระทบต่อสาธารณะ เช่น ครู อาจารย์ นักการเมือง โดยเฉพาะผู้มีตำแหน่งบริหารในราชการ บุคคลสาธารณะ อาจแยกเป็นลักษณะได้ดังนี้ บุคคลสาธารณะ 1) บุคคลสาธารณะที่มีลักษณะหรือแสดงออกซึ่งความเป็นบุคคลสาธารณะอย่างชัดเจน (Obvious public figure)
บุคคลสาธารณะประเภทนี้ถือได้ว่า เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์มหาชนโดยตรง ซึ่งอาจแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ได้อีก ดังนี้
1.1)
บุคคลที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะในระดับต่าง ๆ ได้แก่
นักการเมืองหรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับประชาชน
เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี วุฒิสมาชิก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนนักการเมืองระดับท้องถิ่นต่าง ๆ 1.2)
ข้าราชการประจำ เช่น
ข้าราชการฝ่ายปกครอง ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการครู หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สังกัดส่วนราชการต่าง ๆ เพราะนโยบายหรือการปฏิบัติงานของเขากระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนโดยทั่วไป 2)
บุคคลสาธารณะที่จำกัดตามวัตถุประสงค์ของการแสดงออกซึ่งความเป็นบุคคลสาธารณะนั้น ๆ (Limited-purpose public figure)
บุคคลประเภทนี้จะถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะเฉพาะในเรื่องที่ได้แสดงออกตามที่ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมหรือการดำเนินการนั้น ๆ หรือในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เท่านั้น ได้แก่
2.1)
บุคคลที่อาสาตนเข้ามาดำเนินกิจกรรมในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งหรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง เช่น
ผู้นำกลุ่มผลประโยชน์หรือตัวแทนในการต่อสู้เรียกร้องทางการเมืองเพื่อบรรลุขอบวัตถุประสงค์ในเรื่องที่กลุ่มของตนต้องการ
นักวิชาการอิสระที่เข้ามาเป็นสื่อกลางหรือกลไกในการเผยแพร่ความคิดเห็นต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง
2.2)
บุคคลผู้ประกอบอาชีพในด้านสันทนาการและให้ความบันเทิงแก่ประชาชน เช่น
ดาราภาพยนต์ ศิลปิน นักร้อง นักแสดง นายแบบ นางแบบ นักพูดทอล์กโชว์ นักกีฬาอาชีพ 2.3)
บุคคลผู้ประกอบวิชาชีพในด้านสื่อสารมวลชน เช่น
ผู้ดำเนินรายการหรือผู้สื่อข่าววิทยุโทรทัศน์ และนักหนังสือพิมพ์หรือคอลัมนิสต์ 2.4)
บุคคลที่ทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนทางศาสนาหรือปฏิบัติธรรมจนเป็นยอมรับของประชาชนโดยทั่วไป เฉพาะบุคคลที่เปิดเผยตัวต่อสาธารณชน เช่น
พระเกจิอาจารย์ พระนักเทศน์ 2.5)
บุคลที่เปิดเผยตัวให้ปรากฏต่อสาธารณะหรืองานสังคมต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นบุคคลระดับสูงในสังคม (hi-society) เช่น
นักธุรกิจชั้นนำที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ หรือผู้ที่สืบเชื่อสายมาจากตระกูลอันทรงเกียรติซึ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้างทางสังคมหรือมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกิจกรรมสาธารณกุศลต่าง ๆ เพื่อสังคม 3)
บุคคลสาธารณะที่ไม่ได้เข้ามาโดยสมัครใจหรือบุคคลสาธารณะโดยบังเอิญ (Involuntary limited-purpose public figure or By change public figure)
บุคคลประเภทนี้ ก็คือคนธรรมดาทั่วไปที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะในแง่ของความเป็นอยู่ของประชาชนแต่อย่างใด แต่สถานความเป็นบุคคลสาธารณะของเขาได้ปรากฏเมื่อเรื่องราวของเขาได้ถูกเสนอเป็นข่าวทางสื่อมวลชนต่าง ๆ ซึ่งสถานะความเป็นบุคคลสาธารณะของบุคคลประเภทนี้จะมีระยะเวลาไม่คงทนถาวร เนื่องจากประชาชนจะให้ความสนใจในช่วงเวลาใดเวล้น เมื่อหมดความสนใจความเป็นบุคคลสาธารณะก็จะหมดไปทันที
ยกตัวอย่างเช่น - คนขับรถแท็กซี่ซึ่งเก็บกระเป๋าเงินที่ผู้โดยสารลืมไว้ในรถแท็กซี่ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคืนให้แก่เจ้าของ
- เด็กนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
- ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวและมีการแถลงข่าวการจับกุมต่อสื่อมวลชน และผู้ที่ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์รายวัน
- ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่ตกเป็นข่าวทางอินเตอร์เน็ตตามwebsite ต่าง ๆ ซึ่งมีประชาชนเข้าไปแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางในเรื่องของเขา เป็นต้น
ดังนั้น
บุคคลสาธารณะเหล่านี้จึงอาจถูกตำหนิติชมในส่วนที่แสดงออกต่อสาธารณะ เช่น
- กล่าวหาว่าสนามบินสุวรรณภูมิมีทุจริต เพราะปรากฏรอยร้าวบนรันเวย์
รัฐมนตรีหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจะฟ้องร้องผู้กล่าวว่าหมิ่นประมาทไม่ได้ เพราะรอยร้าวทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ว่าอาจมีทุจริต
เช่นนั้น ผู้เกี่ยวข้องคงมีหน้าที่เพียงชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริงให้สาธารณชนหายข้องใจเท่านั้นเพราะข้อมูลมีอยู่ในอำนาจของตนฝ่ายเดียว
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากปล่อยให้บุคคลสาธารณะเหล่านี้เที่ยวฟ้องหมิ่นประมาทพยานเอกชน หรือสื่อมวลชนต่าง ๆ เพื่อปิดปากผู้เปิดโปง การทุจริต ฉ้อโกงของบุคคลเหล่านั้นกันอย่างพร่ำเพรื่อ บุคคลสาธารณะ สระ " อะ คงจะหาย กลายเป็น "บุคคลสาธารณ์ไปได้ !!! บุคคลสาธารณะ...โดย ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ(
วันนี้ ขอเริ่ม เรื่องนี้ก่อนฮะ ..
วันต่อไปจะ พูดเรื่อง
* สิ่งที่ทำได้ และ ทำไม่ได้ * ปัญหา และการจัดการ ของ ระบบ - สมาชิก
*ข้อกำหนดใน จุดประสงค์ของ เสรีไทยเว็บบอร์ด ฯลฯ
เพื่อนำเสนอเป็น นโยบายในการปฎิบัติของ ผู้ดูแล เสรีไทยเว็บบอร์ด ..ต่อไปฮะ )
................................
