คุณผี.แกแอนตี้ศักดินาจริงหรือครับ?

[see-u]

* วันนี้ .. ดิฉัน หยิบหนังสือ รวมเรื่องสั้นของ " นายผี " ที่ลงในนิตยสาร สยามสมัย มาอ่าน
คือ ดิฉัน รู้จักชื่อของ นายผี มานานแล้วตั้งแต่สมัยเพลง เดือนเพ็ญ .. ที่หลาย ๆ คนนำมาขับร้อง
แต่ก็ไม่ได้สนใจติดตามผลงานของเขามากนัก ... จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราก็มี รวมเรื่องสั้น ของเขา

** เพิ่งจะเริ่มอ่านเรื่องสั้น ชื่อ " ไปเป็นโจร " ในนามปากกา หง เกลียวงาม..( พิมพ์ครั้งแรกปี 2497 )
และ " ความยุติธรรม " ในนามปากกา กุลิศ อินทุศักดิ์ ( พิมพ์ครั้งแรกปี 2497 )

*** ถ้ามองเฉพาะในแง่มุมที่อยู่ในสถานะของคนที่เป็น นักเขียน คนหนึ่ง
จากที่อ่านแค่ 2 เรื่องสั้น.. ดิฉัน..กลับชอบ งาน ของเขานะ ถ้าเปรียบเทียบในมุมมองของแง่มุมที่นำเสนอ

ปล. ที่คนในป่ารังเกียจ นายผี ว่าเป็น ศักดินา เป็นเพราะว่าประวัติความเป็นมาของเขาหรือเปล่า ???

[อิทรายุธ]

ขอบคุณ คุณ see-u สำหรับข้อมูลนะครับ เรื่องราวของนายผีก็ดีื จิตร ภูมิศักดิ์ ก็ดี เป็นเรื่องที่คนรุ่นหลัง โดยเฉพาะคนที่ต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองควรได้รู้ไว้บ้าง เพื่อจะได้เห็นความเป็นมาของบ้านเมืองเรา หรือถ้าจะว่าไปแล้วยิ่งเรารู้ประวัติศาสตร์มากเท่าใด ก็แสดงว่าเราเป็นคนมีรากมากเพียงนั้น สามพันกว่าปีที่ชนชาติไทมาตั้งถิานฐานในแดนนี้ ได้ร่วมปฏิสังสันท์กับชนชาติต่างๆสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นมา มีภูิมิปัญญามีประวัติศาสตร์ของเราเอง แม้ในด้านของระบบสังคมและการปกครอง เราก็มีของเราเอง การเอาระบบนิยมของฝรั่งมาใช้นั้นไม่อาจถอดรากเดิมของเราทิ้ง ทำตนเป็นคนไร้ราก ดังที่พวกนักท่องจำคร่ำครึทำกันอยู่

ตามโจย์ของกระทู้นี้ นายผีแอนตี้ศักดินาหรือไม่? เป็นเรื่องควรพิจารณา

1.คำว่าศักดินา ที่นักท่องจำขี้ปากฝรั่งนำมาใช้นั้น ระบบศักดินาในบ้านเรานั้นไม่มีในแบบฝรั่ง แต่นักท่องจำก็พยายามยัดเยียดให้มี แล้วก็พยายามล้มล้างแบบที่ฝรั่งทำ
2.ถ้าเป็นศักดินาในความหมายแบบสังคมฝรั่งนั้นนายผีแอนตี้แน่นอน แต่สังคมไทยไม่ได้มีแบบนั้น ต่อให้นายผีรู้สึกแอนตี้จริงก็เป็นการแอนตี้สิ่งที่ไม่มีอยู่

การพยายามทำความเข้าใจลักษณะของศักดินาแบบไทยนั้นปัญญาชนฝ่ายซ้ายก็พยายามทำเพื่อสร้างชุดอธิบาย ชุดความเข้าใจเหมือนกัน ดังที่จิตรได้ทำขึ้นมา แต่ก็เป็นงานที่ผมเห็นว่ายังไม่ค่อยมีคุณภาพ เพราะจิตรยังมีฐานความเข้าใจที่แคบเกินไป

ดังนั้นถ้าขบวนเสื้อแดงจะยกอ้างนายผีก็ดี จิตรก็ดีเพื่อหนุนความเคลื่อยไหวฝ่ายตนย่อมเป็นเรื่องน่าหัวร่อ เพราะการที่ทั้งสองท่านต่อสู้จนต้องไปจบชีวิตในป่าเขาก็เพราะเผด็จการณ์ที่มีเนื้อหาไม่ต่างจากทักษิณแต่อย่างใด

[see-u]

* ไม่รู้สิค่ะ ... ดิฉัน นั่งอ่านงานเขียนของ นายผี
( ตามที่บอกไว้ คือ แค่ 2 เรื่องสั้น .. ไม่สามารถเอามารวมกับผลงานทั้งหมดได้ )
ดิฉัน .. กลับรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้มีทุกยุคสมัย
เหมือน ๆ กับ งานเขียนของ จิตร หรือ คนยุค ตุลา
ถ้าพัฒนามาเป็นยุค ปัจจุบัน .. ก็เป็นข้อมุลในการนำเสนอ ที่แตกต่างกัน
แต่ กลิ่นอาย ของความขัดแย้งของของสังคมที่ผู้เขียนแต่ละยุค.. ที่รู้สึก แล้วนำเสนอ กลับไม่ต่างกัน

เพียงแต่ .. ถ้าปรับเปลี่ยนมาในยุค ติจิตอล ก็จะเป็นการเขียนให้สมดุลย์กับยุคปัจจุบันที่เกี่ยวกับสภาพสังคม

งานเขียนของ นายผี .. อาจดู ล้ำหน้า สำหรับคนยุคนั้น
( นี่คือ ความเข้าใจของตัว ดิฉัน เอง นะคะ )
แต่ .. ดิฉัน กลับรู้สึกว่า เขาไม่น่าจะเป็นพวก คอม น่ะ
คือ งานเขียนแบบนี้ ... ไม่น่าจะเป็นพวก คอม แต่ อาจขัดแย้งกับสังคมของคนยุคนั้น

ปล. ทั้งหมดที่เขียนมา คือ วิจารณ์ เฉพาะ ข้อความที่เขาเขียน
เท่าที่ ดิฉัน พอจะจับแนวทางของคนที่เขียนงานลักษณะนี้ ... ออกมาได้
( ในแง่มุม ของ คนที่เป็นนักเขียนที่มีมุมมองแปลกแยก คนหนึ่ง )
ซึ่ง ดิฉัน ยังเรียนรู้เรื่องของเขาน้อยมาก ...

[Huligan]

แสดงว่าใจจริงก็นับถือ "อินทรายุทธ" เลยนำทั้งชื่อทั้งภาพมาตั้งชื่อและแสดง

คนที่ออกตัวให้คุณในกระทู้นั้นก็พลาดหลายคนนะครับ

แต่ผมยังยืนยัน ถ้าไม่อยากให้ไปกระทบความรู้สึกแบบนั้น ก็เปลี่ยนรูปได้ครับ

สมศักดิ์แกก็ลืมไปว่า เวลาคนตั้งชื่อหรือเลียนแบบคนในสถาบันโดยจงใจ เราก็ยอมไม่ได้

มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกันที่สมศักดิ์มักจะเลี้ยงเข้าเรื่องสถาบันฯ ซึงนั่นกลายเป็นโลโก้ของแกไปแล้ว

ไม่คิดว่าเหมือนเท่าไหร่...เพราะเชื่อว่าถ้ามีคนเอาชื่อบุคคลในสถาบันฯมาเลียนแบบในนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกใครก็ตาม
หลายคนในนี้น่าจะไม่พอใจ
ตอนแป๊ะเอาสมเด็จพระเทพมาอ้าง ว่าท่านทรงอยู่ข้างพวกเราแล้ว ตอนนั้นไม่ใช่แค่พวกแดงที่ด่า แต่พวกเหลืองหลายคนก็ด่าแป๊ะเหมือนกัน...เพราะถือว่าไม่สมควร

ส่วนกรณีไอ้หงอก เวลามีพวกลิ่วล้อไอ้เหลี่ยมหรือพวกควายเกรียนในเวบกะลาเดียวกัน เอาชื่อหรือนามที่เกี่ยวข้องกับ จิตรหรืออัศนีย์ มาเป็นอวตาร์ ไอ้หงอกไม่ยักกะมีปฏิกิริยาอะไร...แต่พอคนในเวบนี้(ที่ไม่เอาเหลี่ยม) เอานามที่เกี่ยวกับ อัศนีย์ มาใช้บ้าง > ทำเป็นเต้น
อ้อ...แล้วผมก็ไม่เคยคิดว่ามันจะบูชาอะไร จิตร หรือ อัศนีย์ จริงๆหรอก

ปล.ขอบคุณสำหรับข้อมูลจากคุณ See-U แล้วก็คุณ CameronDZ ครับ...
จะว่าไป อ่านดูๆแล้ว งานเขียนของแก(ที่หลายคนยกมาให้ดู) ถ้ามาเกิดในยุคปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องปกติมาก
บทความของอาจารย์ ส.ศิวลึงค์ อาจจะดูแรงกว่า นายผี หรือ จิตร ด้วยซ้ำ

[Canthai]

ฝากไว้ครับเผื่อใครอยากอ่านเรื่องจิตร และท่านอื่นๆ

จิตร ภูมิศักดิ์ ฮีโร่ที่ไม่ฮิต สำหรับหนุ่มสาว ยุคนี้

http://topicstock.pantip.com/rajdumnern ... 87090.html

เป็นกระทู้ที่ ลุงปุฯ เปิดประเด็นเรื่องจิตร ภูมิศักดิ์ พอเลื้อยไปเรื่องสีเหลือง ก็มีผู้รู้ด้านศาสนาเข้ามาแย้ง กระทู้ตั้งแต่ปี 2546 ในราชดำเนินครับ

ที่ขำๆก็คือลุงปุฯ เปิดกระทู้วันที่ 18 ธ.ค. กว่าจะจบกระทู้ได้ ไปวันสิ้นปีพอดี ฮ่า ฮ่า

สมัย 5-6 ปีที่แล้วชอบไปเก็บเกี่ยวข้อมูลจากเว็บสามัญชน ตอนนี้ทำไมปิดตัวเองไปก็ไม่ทราบ

[Canthai]

คุณ Huligan

สมศักดิ์แกตีตราว่าเว็บนี้เป็นพวกเหลือง พวกอำมาตย์ เพราะเว็บเราไม่ให้เล่นเรื่องสถาบันฯ

แกจะคิดยังไงกับพวกเรา ผมไม่ค่อยถือสา ปล่อยให้แกคิดไปเถอะครับ แรงมาเราก็ด่าแกไป ถ้าพอคุยกันประเด็นอื่นได้ ผมก็คุย

เห็นด้วยครับ คนรุ่นนั้นเกิดผิดยุค แต่ก็สามารถเป็นเทียนนำทางให้คนรุ่นหลังได้ต่อสู้ ( ทีปกร )

หากไม่มีคนเริ่ม ก็คงไม่มี 14 ตุลา 6 ตุลา จนปัจจุบันเงื่อนไขที่จิตร และคนรุ่น นายผี ตั้งไว้ มันใกล้ความจริง

หรือแม้แต่ อาจารย์ป๋วยที่เขียน "จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" เอาไว้ ก็เป็นจริงเป็นจังขึ้นในยุคนี้

แม้ในยุคทักษิณ ยังนำไปติดไว้ตามโรงพยาบาล...ให้ผู้คนได้ศึกษา..

[naichod]

แก่นจริงๆ เข้าถึงกันสักคนหรือไม่?อะนะ

เหมือนนิยายกำลังภายในนั่นแหละ ฝึกวิชาจนเก่งแต่ยังไม่สำเร็จจริงๆ ไฟธาตุแตกตายห่าก่อน

รึไม่ก็ เปลี่ยนไปเป็นอสูรฝ่ายอธรรมโน่นเลย..........นิยายพวกนี้อ่านๆไปก็มีมุมให้เราคิดนะครับ

ท้ายสุด ในนิยายกำลังภายในบอกว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ

นั่นแหละ

ไร้กระบวนท่า คือ กระบวนท่าสูงสุดของบู๊ลิ้ม

กระบี่ที่่คมที่สุด ก็คือ กระบี่ใจ อะไรทำนองนี้


พระพุทธเจ้ากว่าจะตรัสรู้ได้ ก็ศึกษาจนเกือบจิตแตกเหมือนกัน ทุกขกิริยา เป็นต้น
แต่พอตรัสรู้แล้ว ก็จะพบว่า หลักธรรมของพุทธ นั้น เข้าใจง่ายและสามัญมากๆ แม้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังยอมรับ

ผมชอบมากที่ในหลวงทรงตรัสอยู่วลีหนึ่ง

" คิดให้เรียบง่าย ให้เอาไปทำง่ายที่สุดแต่ให้ได้ประสิทธิผลมากที่สุด ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทุกคน"

ทำไมน๊อ คนที่เรียกตนเองว่า ปัญญาชน ถึงไม่เอาวลีของพระองค์ท่านไปศึกษากันให้มากๆ แบบ ไอ้ลัทธิผลาญวิญญาณพวกนั้น

[Canthai]

มันไม่ตกผลึกพอนะสิ

ไม่รู้จักคัดสรร เลือกสรรเอาแต่สิ่งดี คัดสิ่งเลวออก

พวกที่ออกไปทำไร่ ไถนาซัก 3-4 ปี จะเห็นสัจธรรมจริงๆ ของชีวิต

เหมือนพวกเพื่อชีวิตบางคน มันไปเรียนรู้ด้วยของจริง

พอไปถึงที่สุดของความทุกข์ยากแล้ว มันจะรู้ด้วยตัวเอง

คิดอะไร ทำอะไร มันก็เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเสแสร้ง

แต่พวกที่ยังบ้าๆ อยู่นี่ มันไม่เคยคิดออกไปใช้ชีวิตธรรมดาๆ แบบชาวบ้าน ในวัยหนุ่ม มันก็ไม่มีทางเห็นสัจธรรมของชีวิต

มันก็ยังเป็นได้แค่ นักฝัน ไม่ใช่นักปฏิบัติ

มันต้องลงไปทำนารวมแบบพวกโคราช ทำตลาดแลกเปลี่ยน ไม่ใช้เงินทองเป็นกรณีศึกษา

พวกนั้นมันเจอของจริง เอาข้าวแลกผ้า เอาน้ำผึ้งแลกเกลือ โดยดูตามความจำเป็นต้องใช้ ไม่ได้คิดเป็นค่าเงิน

บางทีคนที่เป็นนักฝัน มันอาจไปเจอสัจธรรมอะไรบางอย่าง

บางทีในหัวมันอาจจะคลิกอะไรขึ้นมาบ้าง

พอมันไปถึงจุดที่ไม่เอาอะไรอีกแล้ว มันเริ่มรู้สึกถึง ทฤษฎีพอเพียง ของในหลวง สุดยอดที่สุดแล้ว

ทำอะไรแค่พอดี พอเพียง แสวงหาความสุขเท่าที่ความรู้ความสามารถของตนมี ไม่เห่อเหิมไปกับวัตถุนิยม

สุดยอดฝีมือมันเรียนตำราเพื่อที่จะลืม กรีดมือวาดกระบี่ยังไง มันก็เป็นท่วงท่าหมายชีวิตได้ทั้งนั้น

คนยังไม่ได้บวชเรียนจริงจัง ไม่ได้ออกธุดงค์ มันก็แค่พวกปริยัติ ไม่ใช่พวกปฏิบัติ

เหมือนพระวัดป่ากับพระวัดบ้านฉันแล้วนอนอย่างเดียว เจอสีกาเปิดกระดุมเสื้อหน่อย ผ้าเหลืองก็หลุดแล้ว

[Canthai]

หนังสือบางเล่ม อ่านคนละเวลา คนละวัย มันก็จะเข้าใจคนละอย่าง

ไม่เชื่อลองหาประเภท คนขี่เสือมาอ่านตอนนี้สิ...หนังสือดี 100 เล่ม เอากลับมาอ่านใหม่ทั้งหมด เราจะมองคนเขียนไปอีกแบบหนึ่ง

แบบที่เราคิดไม่ถึง ว่าปราชญ์พวกนั้นเขียนอะไรได้ลุ่มลึกขนาดไหน

[Unnamable]

..

ขึ้นจากเบ้าหลอมทันที มือถือคัมภีร์
ลายแทงอันเรืองฤทธา

เขม้นมุ่งเขาเขียวบมิคลา ดูดวงดารา
ทั้งห้าก็เต้าตามดาว

ห้าดาวส่องแสงสุกสกาว พร่างพร่างกลางหาว
ให้เห็นวิถีทางจร

เอาเบ้าใส่ไม้คานคอน เคียงเชษฐภราดร
ก็เดินในดงกันดาร

บุกป่าฝ่าห้วยเทวธาร เห็จขึ้นเขาทะยาน
แลลงยังท้องชลธี

ข้ามห้วงมหาวารี มุ่งหน้าบมิหนี
ตระหนักในภพอำไพ
..

("ความเปลี่ยนแปลง" ของอัสนี พลกุล คัดลอกจากหนังสือ "ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง" ของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล )

ดาวห้าดวง จาร์ยว่าไว้ว่าหมายถึง ดาวห้าดวงในธงชาติจีน คัมภีร์น่าจะหมายถึงสรรนิพนธ์/ตำรา

เดินคนเดียว เดินไป ไม่เห็นเส้นทาง
มีขวากหนาม กั้นขวางเส้นทางเอาไว้
กลับหลังคืนมา คืนมาหาเส้นทางใหม่
หมุนคว้างไป แต่ หัวใจยังมั่น

สุดท้ายปลายทาง หวาดหวั่น สั่นเสียว
เดินคนเดียว จุดเทียนส่องทางไม่หวั่น
ดวงดาวดารา สาดแสงลา มานับพัน
มีแหล่งปัญญา แบ่งปัน มาตลอดทาง

ยังมีเสือ หมูสัง ขวาง เส้นทางไว้
ลำน้ำใหญ่ ตะเข้นอนฟาดหาง
ดวงเทียนดับไป มอง ไม่เห็นทาง
หิ่งห้อย กลุ่มน้อย บินมานำทาง.

ส่องทางเรื่อยไป ตั้งใจ อุทิศ
แม้จะน้อยนิด มากมี คุณค่า
ทางที่ แสนยาก ลำบาก นาๆ
หิ่งห้อยดับแสง หมดแรง นำพา

เหลือเพียงแสงธูป ดอกสุดท้าย
ส่องทางเดินไป ไม่ไหว หวั่น


("ธูปดอกสุดท้าย" เข้าใจว่าแต่งโดยภรรยาคุณอัสนี)

เทียน,ดาว ----> กลุ่มหิ่งห้อย ----> ธูป

เปรียบเทียบได้น่าสนใจครับ เริ่มต้นจุดเทียนนำทางอาศัยดาวที่มีส่อง พอเทียนดับก็ได้กลุ่มหิ่งห้อยประคองกันไป สุดท้ายกลุ่มหิ่งห้อยก็ตาย อาศัยแสงธูปดอกเดียวที่ตัวนำทางต่อไป



edit: เนื้อเพลงธูปดอกสุดท้าย อ่านแล้วยังแปลกๆ ไปก๊อปมา เดี๋ยวผมมีเวลาจะตรวจความถูกต้องครับ เพราะผมว่าไม่น่าจะสะกดว่าหมูสังนะครับ

[Canthai]

ต้องให้ไอ้หัวโตมันมาอธิบาย

หรือไม่ก็พวก กลุ่มวรรณกรรมพินิจ

[Huligan]

กลับหลังคืนมา คืนมาหาเส้นทางใหม่
หมุนคว้างไป แต่ หัวใจยังมั่น

สุดท้ายปลายทาง หวาดหวั่น สั่นเสียว
เดินคนเดียว จุดเทียนส่องทางไม่หวั่น
ดวงดาวดารา สาดแสงลา มานับพัน
มีแหล่งปัญญา แบ่งปัน มาตลอดทาง

ยังมีเสือ หมูสัง ขวาง เส้นทางไว้
ลำน้ำใหญ่ ตะเข้นอนฟาดหาง
ดวงเทียนดับไป มอง ไม่เห็นทาง
หิ่งห้อย กลุ่มน้อย บินมานำทาง.

ส่องทางเรื่อยไป ตั้งใจ อุทิศ
แม้จะน้อยนิด มากมี คุณค่า
ทางที่ แสนยาก ลำบาก นาๆ
หิ่งห้อยดับแสง หมดแรง นำพา

เหลือเพียงแสงธูป ดอกสุดท้าย
ส่องทางเดินไป ไม่ไหว หวั่น


("ธูปดอกสุดท้าย" เข้าใจว่าแต่งโดยภรรยาคุณอัสนี)

เทียน,ดาว ----> กลุ่มหิ่งห้อย ----> ธูป

เปรียบเทียบได้น่าสนใจครับ เริ่มต้นจุดเทียนนำทางอาศัยดาวที่มีส่อง พอเทียนดับก็ได้กลุ่มหิ่งห้อยประคองกันไป สุดท้ายกลุ่มหิ่งห้อยก็ตาย อาศัยแสงธูปดอกเดียวที่ตัวนำทางต่อไป

edit: เนื้อเพลงธูปดอกสุดท้าย อ่านแล้วยังแปลกๆ ไปก๊อปมา เดี๋ยวผมมีเวลาจะตรวจความถูกต้องครับ เพราะผมว่าไม่น่าจะสะกดว่าหมูสังนะครับ

เท่าที่ทราบ > หมูสัง ภาษาปักษ์ใต้ แปลว่าชะมด
แต่อัศนีย์ไม่เคยลงภาคใต้???

[Canthai]

ต้องเอาเพลง แสงจันทร์ ของมาลีฮวนน่า มาประกบ

[นทร์]

เข้ามาอ่าน ได้ข้อมูลไปเยอะเลยครับ

ขอบคุณมากๆ

[อิทรายุธ]

ช่วงอยู่สำนักงานอัยการท่านเคยลงใต้อยู่ครับแม้จะไม่นานนัก (ข้อมูลจากความจำแต่ไม่น่าผิด)

[Canthai]

คอมมูนิสต์ระดับสูงอีกคนที่ยอมตายในลาว ฌาปณกิจในลาวชื่อ "บุญเย็น วอทอง"

ที่จริงช่วง 23-24 มีโอกาสกลับไทย ตามนโยบายป๋าเปรม แต่ อาจารย์บุญเย็น ไม่ขอกลับไทย..

[see-u]

* เอาข้อมูลประวัติ นายผี มาเสริมให้คุณ อิทรายุทร นะคะ ...
*** เริ่มเข้ารับการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2464 ที่โรงเรียนประจำจังหวัดราชบุรี จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จึงย้ายไปศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2476 เมื่อสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว ได้ศึกษาชั้นมัธยมตอนปลาย แผนกภาษา และสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 เมื่อปี พ.ศ. 2479 จากนั้นได้เข้าศึกษาวิชากฏหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมาสตร์และการเมือง จนได้รับปริญญาธรรมศาสตร์บัณฑิต เมื่อปี 2483 จากนั้นได้เข้ารับราชการเมื่อ 21 กรกฏาคม 2484 ที่กองคดี กรมอัยการ กระทรวงมหาดไทย ได้รับบรรจุในตำแหน่งอัยการฝึกหัดกองคดี ชั้นจัตวา อันดับ 7 เงินเดือน 50 บาท ...
อยู่ในตำแหน่งอัยการฝึกหัดได้ 8 เดือน
ก็ได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งอัยการผู้ช่าวยชั้นตรีที่จังหวัดปัตตานี เมื่อ 1 มีนาคม 2485
และต่อมาได้ย้ายไปเป็นอัยการในจังหวัดอื่น ๆ ตามลำดับ

- อ.ส. --> ใช้เขียนบทร้อยกรอง และเขียนบทความที่มีสาระเกี่ยวกับเหตุการณ์
ทางภาคใต้ หรือเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม เช่น บทความเรื่อง " บริเวณ 7 หัวเมือง " และเรื่อง " รูปเคารพ " เป็นต้น

* นายผี .. เคยได้รับตำแหน่งเป็น อัยการผู้ช่วยที่จังหวัด " ปัตตานี " ค่ะ
และเคยมีงานประพันธ์ที่ใช้นามปากกาว่า อ.ส เขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ภาคใต้ ด้วยค่ะ

หมายถึงอาจารย์อัศนีพลจันทร์น่ะครับ เท่าที่ผมเคยอ่านวาทกรรมของแกมาบ้าง(ซึ่งก็ยังไม่มากนัก) ก็เห็นมีแต่วิจารณ์รัฐบาลทหาร หรือการเอารัดเอาเปรียบของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนในสมัยนั้น...มีใครเคยอ่านบทความที่แกพาทพิงถึงสถาบันหลักของชาติบ้างไหมครับ? ถ้ามีช่วยเอามาเล่าสู่กันฟังหน่อย
เห็นไอ้เบื๊อกนี่มันช่างเสี้ยมเหลือเกินง่ะ?
viewtopic.php?f=14&t=16396&p=265021#p265021

กรณีของ จิตร ก็เหมือนกัน ผมเห็นแต่แกวิพากษ์"ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์" หรือระบบขุนนาง/ไพร่ สมัยอยุธยา ไม่ยักเคยเห็นบทความที่แกวิจารณ์"ตัวสถาบันกษัตริย์"เลย? หรือว่ามีครับ? ช่วยบอกผมหน่อย?

** จากที่นั่งอ่านประวัติและผลงานของนายผี ( เท่าที่พอจะทราบในตอนนี้ )
นายผี .. เคยมีบทวิจารณ์งานในพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เรื่อง " พระศุนหเศป " โดยใช้นามแฝงว่า " อินทรายุทธ " เมื่อปี 2484 ค่ะ
แต่นั่นแหละ ... เป็นบทความที่วิจารณ์งานประพันธ์เท่านั้น .. ไม่ได้วิจารณ์ไปที่ตัวสถาบัน

** งานเขียนของ นายผี ส่วนใหญ่จะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารราชการของรัฐบาล
สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ( แบบรายตัว ) จนไปถึงรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ซ่ะมากกว่า
ผลงาน ชื่อ " อีศาน " ที่คุณ อิทรายุทธ ... นำมาร้อยเรียงคำพูดให้อ่านในบางส่วน
ก็เป็นงานเขียนในช่วงที่มีการจับกุมนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ นักการเมืองจำนวนมาก
ด้วยข้อหา กบฏในราชอาณาจักร หรือ กบฎสันติภาพ .....

** เอาท่อนสุดท้ายของ บทกวี ที่ชื่อ " อีศาน " มากฝากค่ะ

ในฟ้าบ่อมีน้ำ ....... ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย ....... คือเลือดหลั่งลงโลมดิน
สองมือเฮามีแฮง ....... เสียงเฮาแย้งมีคนยิน
สงสารอีศานสิ้น ....... อย่าซุด,สู้ด้วยสองแขน
พายุยิ่งพัดอื้อ ....... ราวป่ารื้อราบทั้งแดน
อีศานนับแสนแสน ....... สิจะพ่ายผู้ใดหนอ ?

** ถ้าจำไม่ผิด ... ดิฉัน ว่าท่อนนี้ คาราวาน เคยเอามาทำเป็นเพลง นะ

[see-u]

ดังนั้นถ้าขบวนเสื้อแดงจะยกอ้างนายผีก็ดี จิตรก็ดีเพื่อหนุนความเคลื่อยไหวฝ่ายตนย่อมเป็นเรื่องน่าหัวร่อ
เพราะการที่ทั้งสองท่านต่อสู้จนต้องไปจบชีวิตในป่าเขา
ก็เพราะเผด็จการณ์ที่มีเนื้อหาไม่ต่างจากทักษิณแต่อย่างใด

** เห็นด้วย กับ ข้อความนี้ของ คุณ อิทรายุทธ ค่ะ

[(ลุง)ถึก สไลเดอร์]

นักศึกษาที่เข้าป่าใหม่ๆหลังวันที่6ตุลา พยายามบอกกับสหายในป่าว่าเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย
"ผัดกระเพราะ โปะหน้าด้วยไข่ดาวสักใบ ก็พอแล้ว"
พวกสหายมองหน้าแล้วอมยิ้ม......เอิ้กกกกกก
ตำนานของคนเคยเข้าป่ามีอยู่มากมาย มีทั้งภาคป่าดงดิบและไพรพิศดาร.....เอิ้กกกกก

[อิทรายุธ]

สิ่งที่ขบวนเสื้อแืดงเช่นในเวบฟ้าเดียวกัน หรื่อที่กำลังเปลี่ยนชื่อเป็น "คนเหมือนกัน" ซึ่งขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับว่าตนเป็นเสื้อแดงพยายามทำอยู่ ก็คือสร้างผีศักดินาปลอมๆขึ้นมาให้น่ากลัว แล้วพยายามใส่ร้ายป้ายสีว่าสถาบันฯชั่วร้ายเหมือนผีศักดินาที่พวกตัวเองปั้นแต่งขึ้น จากนั้นจึงพยายามโน้มน้าวบรรดาคนหัวอ่อน คนไร้การศึกษา คนเสพติดความรู้ยุคเครื่องจักรไอน้ำ ให้แห่ตามกันออกมามุ่งร้ายทำลายสถาบัน ด้วยวิธีการสกปรกอะไรก้ได้ ด้วยวิธีการไร้เกียรติเช่นใดก็ได้ เหมือนดังที่สมศักดิ์หัวโตเผลอยอมรับออกมาแล้วว่าตนยินดีปรีดากับการเผาเมืองฆ่าคน ขอเพียงให้เสื้อแดงชนะเท่านั้น จะฆ่าคนจะทำลายชาติสักเท่าใดก็ได้ แถมยังพยายามดึงคนที่ตายไปแล้วเช่นนายผีก็ดี จิตรก็ดี ปรีดี ก็ดี ไปเป็นพวก

ชาวเวบเสรีไทยจึงมีพันธกิจที่จะทำความจริงให้แจ้งว่าผีศักดินาที่สมศักดิ์หัวโตและบรรดาหางเครื่องพูดถึงนั้นเป็นภาพหลอนทางจิตของพวกเขาเท่านั้น ซึ่งเกิดมาจากการท่องจำตำราหมดอายุมากไปหน่อย หาได้มีอยู่จริงๆในเมืองไทยไม่ สิ่งที่พวกเขาควรทำจึงไม่ใช่การพยายามโค่นล้มสถาบัน หากแต่ควรไปหาหมอเยียวยาอาการ panic

[see-u]

* เอา ลิงค์ มาฝากสำหรับคนที่อยากอ่านประวัติแบบคร่าว ๆ ของ .. นายผี ค่ะ

http://www.baanjomyut.com/library/2548/ ... aipee.html

** ส่วนนี่ก็เป็น " ห้องสมุด " ของเว็บบ้านจอมยุทธ์ ... สำหรับคนที่อยากค้นข้อมูลในด้านอื่น ๆ
ถึงจะไม่ละเอียดเหมือนกับเราอ่านหนังสือทั้งเล่ม ...... แต่ก็ใช้หาข้อมูลในบางเรื่องที่เราสนใจได้ค่ะ

http://www.baanjomyut.com/library/thai_history.html

[Unnamable]

สิ่งที่ขบวนเสื้อแืดงเช่นในเวบฟ้าเดียวกัน หรื่อที่กำลังเปลี่ยนชื่อเป็น "คนเหมือนกัน" ซึ่งขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับว่าตนเป็นเสื้อแดงพยายามทำอยู่ ก็คือสร้างผีศักดินาปลอมๆขึ้นมาให้น่ากลัว แล้วพยายามใส่ร้ายป้ายสีว่าสถาบันฯชั่วร้ายเหมือนผีศักดินาที่พวกตัวเองปั้นแต่งขึ้น จากนั้นจึงพยายามโน้มน้าวบรรดาคนหัวอ่อน คนไร้การศึกษา คนเสพติดความรู้ยุคเครื่องจักรไอน้ำ ให้แห่ตามกันออกมามุ่งร้ายทำลายสถาบัน ด้วยวิธีการสกปรกอะไรก้ได้ ด้วยวิธีการไร้เกียรติเช่นใดก็ได้ เหมือนดังที่สมศักดิ์หัวโตเผลอยอมรับออกมาแล้วว่าตนยินดีปรีดากับการเผาเมืองฆ่าคน ขอเพียงให้เสื้อแดงชนะเท่านั้น จะฆ่าคนจะทำลายชาติสักเท่าใดก็ได้ แถมยังพยายามดึงคนที่ตายไปแล้วเช่นนายผีก็ดี จิตรก็ดี ปรีดี ก็ดี ไปเป็นพวก

ชาวเวบเสรีไทยจึงมีพันธกิจที่จะทำความจริงให้แจ้งว่าผีศักดินาที่สมศักดิ์หัวโตและบรรดาหางเครื่องพูดถึงนั้นเป็นภาพหลอนทางจิตของพวกเขาเท่านั้น ซึ่งเกิดมาจากการท่องจำตำราหมดอายุมากไปหน่อย หาได้มีอยู่จริงๆในเมืองไทยไม่ สิ่งที่พวกเขาควรทำจึงไม่ใช่การพยายามโค่นล้มสถาบัน หากแต่ควรไปหาหมอเยียวยาอาการ panic

'คนเหมือนกัน' เป็นชื่อที่จารย์สมศักดิ์เสนอ แล้วก็หลายๆๆๆๆคนโหวตจนได้คะแนนชนะชื่ออื่นๆ

ความจริง 'ฟ้าเดียวกัน' ก็มีความหมายที่ไม่ต่างจากคนเหมือนกันครับ บางคนบอกว่ามาจากโคลงศรีปราชญ์ท่อนที่บอกว่า 'อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่ฟ้าเดียวกัน' <---- บางคนบอกว่าที่ถูกคือ 'อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นเดียวกัน' ส่วนตัวผมชอบชื่อ 'ฟ้าเดียวกัน' มากกว่า 'คนเหมือนกัน' อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนชื่อมันน่าจะมาจากความต้องการแยกบอร์ดออกจากหนังสือ 'ฟ้าเีดียวกัน'

ชื่อที่ผมปิ๊งมากๆคือ 'สกีบอร์ดเดียวกัน' มาจาก 'sameskiboard.org' ซึ่งแผลงมาจากชื่อปัจจุับันคือ 'sameskyboard.org' ชื่อนี้เริ่ดที่สุด แต่คิดว่าคงไม่มีใครโหวตให้เท่าไหร่

กลับมาที่ 'คนเหมือนกัน' ผมกลัวว่าตอนจบมันจะเป็นเหมือน animal farm หรือเปล่าครับ

"ALL ANIMALS ARE EQUAL, BUT SOME ARE MORE EQUAL THAN OTHERS"

ในพรรคคอมฯเองก็ยังมีสหายธรรมดากะสหายที่เป็นกรรมการพรรคเลย

[see-u]

กลับมาที่ 'คนเหมือนกัน' ผมกลัวว่าตอนจบมันจะเป็นเหมือน animal farm หรือเปล่าครับ

** animal farm = การเมืองเรื่องของสัตว์ --> "จอร์จ ออร์เวลล์ " ?

[Unnamable]

กลับมาที่ 'คนเหมือนกัน' ผมกลัวว่าตอนจบมันจะเป็นเหมือน animal farm หรือเปล่าครับ

** animal farm = การเมืองเรื่องของสัตว์ --> "จอร์จ ออร์เวลล์ " ?

เรื่องนั้นครับ พี่เอาภาษาอังกฤษมาแปะเพราะคิดว่ามันเท่กว่าภาษาไทยอะ

[Huligan]

ผมปิ๊งสโลแกนชื่อ ..."ผองเพื่อน เรื้อนเดียวกัน" มากที่สุดเรย...

มีสมาชิกกี่คนแล้วครับ อยากรู้ตัวเลขแน่นอน เปิดเผยได้มั๊ย

จะได้รู้ว่าเป็นกี่ % ของหมาจรจัดในกรุงเทพฯ


เห็นกระทู้เพชรซาอุฯ ตอบครบพัน ดีใจกันปานถูกหวย :bn18: :bn18:

ไล่ดูก็มีแต่หน้าเดิมๆ มุขแป้กๆ (ก้อนะ ตอบกันวนไปวนมา มุขมันจะใหม่ไปไหนล่ะ)

เออ! อย่าเพิ่งด่าผมนะ ผมทำด้วยความตั้งใจจริงๆ ที่จะเปรียบเทียบคุณๆ กับหมาขี้เรื้อน

ด้วยความเคารพ คุณๆ อาจไม่พอใจ แต่ ผมขออธิบายนะครับ

หมาขี้เรื้อน จรจัด ไม่พึ่งพาใคร ไม่ต้องมีเจ้าของจูง เป็นเสรีชนเต็มภาคภูมิ

ผมจึงเปรียบเปรยเอาเองว่า คนหัวก้าวหน้าในบอร์ดนี้ อิสระเสรีราวกับ หมาขี้เรื้อน ไร้เจ้าของ

คงไม่ว่ากันนะครับ ... ถ้าผมจะเรียกของผมคนเดียวว่า บอร์ดหมาขี้เรื้อน แทนบอร์ดฟ้าเดียวกัน

นอกจากนั้น ผมไม่อยากให้คุณคิดว่า คำว่าหมาขี้เรื้อน ไม่สุภาพนะครับ

เพราะทั้ง คุณ ผม เจ้า-ข้า และ หมาขี้เรื้อน ต่างอยู่ใต้ ฟ้าเดียวกัน

[see-u]

* เห็น คิลเลอร์ .. เข้าเว็บ
งั้นขอขุด กระทู้ นี้ซักหน่อย .. เผื่อมีอะไรให้เถียงกันมั่ง

ปล. พรุ่งนี้จะมาดูคำตอบ .. ว่ามี หรือ ไม่มี

[Killer]

โอ้ววโหหหวววววววววววว ไ ป ถึง บูโด เลยเหรอ นายชด 55555555555555555555