“ ถ้าเห็นใจผมก็จอให้ 14 มี.ค. ที่สามเกลอชวนมาชุมนุมอย่างสันติ ให้ออกมากันเยอะๆ เพื่อบอกหุ่นเชิดของคณะปฏิวัติในวันนั้นว่าประชาชนเดือดร้อน ”
เป็นช่วงหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดผ่านรายการ “ ทอล์ก อะราวด์ เดอะ เวิลล์ ” เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ดูเหมือนทุกอย่างของการเคลื่อนไหวในวันนี้จะให้น้ำหนักไปที่การระดมพลคนเสื้อแดงเพื่อกดดันรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นมาให้ได้
ยิ่งท่วงทำนองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เน้นใช้ “ ลูกอ้อน ” เรียกคะแนนสงสารถูกรังแกสารพัด ลีลาท่าทางแทบไม่ต่างจากการวีดโอลิ้งค์เข้ามาในช่วงการชุมนุม “ เผาเมือง ” เมื่อเดือน เม.ย.52 ที่ผ่านมา สถานการณ์วันนี้ไม่มี ส.ส.คนไหนในพรรคเพื่อไทย “แอบ” อีกต่อไปแล้ว ก็ดูอย่างการประชุมพรรคเพื่อนไทยเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า “ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ได้ชี้แจงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ โดย ส.ส.มีความเห็นว่า ทุกคนควรให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมาร่วมชุมนุม เพราะเห็นตรงกันว่า หากเรางอมืองอเท้า ต่อไปจะถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง จึงถึงเวลาที่ ส.ส.ทุกคนจะลุกขึ้นมาสู้ เพราะไม่เช่นนั้นก็เท่ากับพ่ายแพ้ ”
เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ไม่รู้ที่ ส.ส.คนหนึ่งจะขนคนมาร่วมชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาตาม “ ระบอบประชาธิปไตย ” แทนที่จะ “ รักษาผลประโยชน์ของชาติ ” ด้วยการทำหน้าที่ “ ตรวจสอบ ” รัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้ ส.ส.และผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ตั้งเวลทีปราศรัยแทบจะทุกภาคชักจูงผู้คนให้มาชุมนุมโดยไม่แยแสคำพิพากษาของศาลฎีกา ไม่สนใจว่าสภาพเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญไม่ “ ยี่หระ ” ด้วยว่าจะเกิดความรุนแรงจนกลายเป็นกลาย “ นองเลือด ” ตามมาหรือไม่
ปากก็ประกาศแนวทาง “ สันติ ” แต่ละกลุ่มต่างใช้วิธีที่แตกต่าง แต่ “ เป้าหมาย ” ทางการเมืองเหมือนกัน “ ล้มกระดาน ” ไล่รัฐบาล และอาจจะไปไกลจนขนาดต้องการให้ “ คนกลาง ” ลงมาหย่าศึก ถ้าเกิดอะไรขึ้นเคยได้ยินไหมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ก็ไม่เคย อย่าว่าแต่เพียงผู้เดียวเลย แค่บอกว่าจะรับผิดชอบก็ยังไม่ได้ยินสักคำ
แดงชุมนุม 14 มี.ค. นั่นแผน 1 ถ้าไม่ได้ผลก็ใช้แผน 2 อภิปรายไม่ไว้วางใจไล่มาร์ค และตอกลิ่ม พรรคร่วมรัฐบาลและหากเขย่าอะไรไม่ได้ก็อาจจะใช้แผน 3 คือ กดปุ่มให้ ส.ส.ทยอยลาออก เพื่อประชดความไม่เป็นประชาธิปไตย ( ซึ่งถ้าทำจริงๆ ก็ลาภปากเท่ากับยกใส่พานถวายฝ่ายตรงข้ามเลย ) อย่าไปคิดว่า “ เป็นไปไม่ได้ ” ปลายสมัยรัฐบาล ชวน หลีกภัย ที่มีพรรคความหวังใหม่ ที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรคก็เคยทำมาแล้ว.
แลดูจะดี ที่แท้มันก็ ไอกุ๊ยข้างถนนนี่เอง