แม้วกับไสยศาสตร์“
จากทิ่วิเคราะห์สถานการณ์กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะแกนนำได้พูดใส่ร้ายป้ายสี
ท่านนายกแม้ว ทำให้ประเทศและชาวพุทธโดยรวมเสียหายต่อชาวโลก โดยเฉพาะการ
ผูกโยงทำให้คนต่างชาติมองท่านนายก ว่าลุ่มหลงคลั่งไคล้ในเรื่องไสยศาสตร์มีการโยง
ว่านายกไปหาหมอเขมรในการปฏิบัติภารกิจที่ภาคอีสาน กล่าวหารัฐบาลว่าอยู่เบื้องหลัง
การทำลายศาลท้าวมหาพรหม ถือเป็นการใส่ร้ายที่น่ารังเกียจและน่าละอาย เพราะนายก
เป็นคนเชื่อเรื่องวิทยาศาสตร์ “
คือคำกล่าวของอดีต สส บัญชีรายชื่อของพรรคทอรอทอ ที่แก้ต่างให้กับนายใหญ่ เมื่อ
วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๙
แม้ว กับ ไสยศาสตร์ เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ.....วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๗ กุนซือด้านโหราศาสตร์ ได้แนะนำให้แม้วจัดงาน “ศาสนสัม
พันธ์สมานฉันท์แห่งชาติ” อันเนื่องมาจากช่วงรัฐบาลแม้ว ๑ เกิดหตุร้ายกับประเทศหลาย
เรื่อง เช่น การแพร่ระบาดของโรคซาร์ส และ ไข้หวัดนก สึนามิ รวมไปถึงเหตุการณ์ความ
ไม่สงบในภายใต้ ผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่ารายวัน เมื่อที่ปรึกษาด้านโหราศาสตร์แนะนำให้จัดงาน
เพื่อแก้เคล์ด แน่นอน งานดังกล่าวก็บังเกิดขึ้นตามคำบัญชา
ช่วงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ถึง ๗ ธันวาคม ๒๕๔๘ แม้วเลี่ยงตอบคำถามของสื่อมวลชน
ภายใต้คำกล่าวอ้างที่ว่า
“ดาวพุธ” ในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่ดาวพุธของแม้วถอยหลัง
มากที่สุด ตามคำทำนายของหมอดูที่ว่า เป็นช่วงที่ราหูเสวยอายุจะมีแต่เรื่องวุ่นวาย การ
งดพูดเป็นทางออกที่ดีที่สุด จึงเกิดปรากฎการณ์ “ดาวพุธ “ ขึ้นในบัดดล
วันที่ ๑๖ – ๒๐ มกราคม ๒๕๔๙ แม้วเดินทางเพื่อไปขจัดปัดเป่าสารพัดปัญหาที่รุมเร้า
รัฐบาล กับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าพ่อ มเหศักดิ์สิตาราม ศาลปู่ตา อ.อาจสามารถ โดยใช้เงินงบ
ประมาณแผ่นดิน อ้างว่าไปแก้ปัญหาความยากจน...
วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ แม้วได้ยกมือไหว้ ๓ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน ๓ ทิศ ได้แก่ วัดพระแก้ว
ศาลหลักเมือง และพระบรมมหาราชวัง เพื่อสาบานว่าสิ่งที่พูดทั้งหมดเป็นความจริง เมื่อ
ครั้งขึ้นเวทีปราศรัยปิดใจครั้งแรกหลังยุบสภาที่ท้องสนามหลวง....
วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๙ สรงน้ำพระเขี้ยวแก้วและสักการะรอยพระพุทธบาท ที่วัดพระพุทธ
บาทราชวรมหาวิหาร พร้อมปิดทอง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี
วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๔๙ สักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยคล้องพวง
มาลาที่ข้อพระกรและพระแสงของ้าว อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๔๙ สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ที่ลานหน้าศาลากลาง ปราจีนบุรี ก่อนจะเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์พระเจ้า
ตากสิน ที่ค่ายตากสิน และปิดท้ายที่การสักการะศาลเจ้าหลักเมืองที่ค่ายเนินวง อ.เมือง
จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นค่ายที่พระเจ้าตากสินไปทุบข้าวหม้อแกง
วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๙ ร่วมชมพิธีบวงสรวงศาลปะกำตามความเชื่อชาวกุย ซึ่งเป็นชาว
พื้นเมืองเขมร ที่ จ.บุรีรัมย์
วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๙ สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.1 อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ก่อน
เดินทางไปยังวัดสุทธจินดา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อคูณปริ
สุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่
วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๔๙ ตรวจเยี่ยมวัดบวรนิเวศวิหาร พร้อมสักการะพระพุทธชินสีห์
พระสุวรรณเขต และสักการะเจดีย์พระประธานที่ประดิษฐานของพระนิรันตราย พระบรม
สารีริกธาตุ และพระไพรีพินาศ
วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๙ สักการะพระธาตุดอยตุง อ.แม่สาย จ.เชียงราย
วันที่ ๒๓-๒๔ มีนาคม ๒๕๔๙ ถือเลขดี เวลา ๐๙ง๐๙ น. ขบวนรถเคลื่อนออกจากบ้าน
ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ขึ้นสะพานกรุงธนฯ วิ่งตรงข้ามแยกวัดราชผาติการาม เข้าสู่ถนน
ราชวิถี เลี้ยวขวา เข้าถนนพระราม 5 ผ่านแยกวัดเบญจมบพิตรฯ วิ่งตรงไปเลี้ยวขวาเข้า
ถนนพิษณุโลก ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อ เวลา ๐๙.๑๙ น.โดยก่อนขบวน
ของนายกฯจะเดินทางถึง เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บป้ายผ้าสีขาวที่กลุ่มพลังสีขาว เขียน
ข้อความให้กำลังใจนายกฯล้อมรอบรั้วทำเนียบฯออกทั้งหมด พร้อมๆกับเต็นท์สีขาวที่
กางอยู่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า
ในขณะเดียวกัน ณ ที่ทำการพรรคทอรอทอ ถนนเพชรบุรี คุณหญิงได้นำทีมรัฐมนตรี
และผู้บริหารพรรค สักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ เพื่อปรับฮวงจุ้ยแก้เคล็ด...
จากพฤติกรรมเพียงบางส่วน คงพอจะวิเคราะห์ได้ว่า แท้จริงแล้วแม้วเป็นคนลุ่มหลงและ
คลั่งไคล้ในเรื่องไสยศาสตร์ หรือไม่ คำกล่าวแก้ต่างของอดีต สส จริงเท็จประการใด....
คำตอบคงเกิดขึ้นในใจของทุกท่านแล้ว
แล้วข้อมูลข้างต้นเกี่ยงข้องอย่างไรกับ เค้าลางความเลวร้าย....ย้อนกลับไปในค่ำคืนของวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๙ หากในค่ำคืนนั้นท่านใดนอนดึกสัก
หน่อย คงได้รับทราบข่าวที่สร้างความตระหนก และโกรธแค้นให้กับผู้ที่เคารพนับถือต่อ
องค์ท่านท้าวมหาพรหม บริเวณสี่แยกเอราวัณอย่างแน่นอน
หนุ่มสติไม่ดี บุกเข้าไปทุบองค์ท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ " หนุ่มสติไม่ดี คลั่งพกค้อนออกจากบ้านกลางดึก บุกเข้าไปทุบองค์ท้าวมหาพรหม สี่
แยกราชประสงค์ แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ชาวบ้านเห็นเข้า แค้นจัด กรูเข้าจับรุมประชา
ทัณฑ์อ่วม ก่อนหนีโซเซออกไปตายหน้าโรงแรมเอราวัณ พ่อเผยป่วยเป็นโรคประสาท
มาร่วม ๖ ปี รักษามาแล้ว หลายที่ก็ไม่ดีขึ้น แต่เป็นคนดีพยายามช่วยเหลือครอบครัวมา
ตลอด ส่วนตำรวจทำงานไวจัดตามรวบมือยำได้แล้วสองคน
เมื่อเวลา ๐๑.๐๐ น.วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๙ พ.ต.ต.ธนิ สารวัตรเวร สน.ลุมพินี (ยศ
และตำแหน่งในขณะนั้น) รับแจ้งเหตุ มีชายถูกรุมทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต หลังจากบุก
เข้าไปทำลายศาลท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ถนนเพลินจิต จึงราย
งานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ..”
ข้างต้นคือหัวข้อข่าวและเนื้อหาข่าวบางส่วนที่สื่อหลาย ๆ แขนงพร้อมใจกันนำเสนอเป็น
ข่าวใหญ่ในเช้าตรู่ของวันนั้น
เกริ่นมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงพอจะจำข่าวนี้ได้เป็นอย่างดี ส่วนรายละเอียดของข่าว
ดังกล่าว ขออนุญาติที่จะไม่นำเสนอ เพราะจุดโฟกัสไม่ได้อยู่ในรายละเอียดของเนื้อ
หาเท่าใดนัก
จุดสังเกตอยู่ที่ พิธีตั้งศาลพระพรหมที่พรรคทอรอทอต่างหากจากคำบอกเล่าของบุคคลหนึ่งซึ่งร่วมอยู่ในพีธีดังกล่าว
" ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่ได้อยู่ร่วมในพิธีตั้งศาลพระพรหมที่ทำการพรรค เมื่อวานนี้ ( ๒๓
มีค. ๔๙) ข้าพเจ้าสังเกตุเห็น ตอนที่หลวงปู่ทำพิธีโรยข้าวตอกดอกไม้อยู่นั้น เจ้าหน้าที่
คนหนึ่งที่คอยดูแล ช่วยเหลือในพิธี
ได้นำวัตถุสิ่งหนึ่งมีสีทอง ซึ่งดูคล้ายเศษแตกจาก
องค์พระพรหมที่โดนคนบ้าทุบแตกไปนั้น ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากเท่าก้อนหินพอกำได้
ใส่วางลงไปที่ฐานองค์พระพรหมด้วย
ซึ่งขณะนั้น ช่วงที่เจ้าหน้าที่คนนั้น นำวัตถุสีทองสิ่งนั้นใส่ลงไป มีนักข่าวและผู้มีร่วมงาน
หลายคนมองเห็นเช่นกัน แต่ไม่ทราบว่ามันคืออะไร เพียงแต่รู้ว่าเป็นวัตถุเศษแตกสีทอง
จึงอยากบอก ต่อ ๆ กันให้รู้ว่าการที่มีคนบ้าไปทุบองค์พระพรหมแตกนั้น ทำไมมันช่าง
บังเอิญซะขนาดนั้น ข้าพเจ้าตอนนี้เริ่มสงสัย แล้วหละ
สรุปแล้ว วัตถุสีทองคล้ายเศษแตก ชิ้นเล็ก ๆ ที่เจ้าหน้าที่พรรคฯ นำใส่ที่ฐานองค์พระ
พรหม นั้นคืออะไร ทำไมต้องเป็นเศษแตกสีทอง ทำไมมันช่างประจวบเหมาะกับองค์
พระพรหมที่เอราวัณ โดนคนทุกแตกด้วย ทำไม.... กับอีกหนึ่งข้อสังเกตุ
๑) ทุบแขนทั้งสองแขนออกมาแล้วยังคงสภาพเป็นแขนสมบูรณ์ได้อย่างชัดเจน
๒) ทุบศีรษะโดยการทุบที่บริเวณลำคอไม่ใช่ทุบที่ใบหน้าหรือท้ายทอยหรือข้างหูเพราะ
ดูภาพจากข่าวพระเศียรยังคงสภาพดีมากเหมือนกับว่าไม่มีการตกลงมาที่พื้นเลยด้วยซ้ำ
ไป
๓) ทุบลำตัวก็เป็นการทุบตรงส่านล่างใกล้กับก้นกบ ซึ่งถ้าเป็นการทุบจากคนบ้าจะทุบมั่ว
ซึ่งไม่น่าจะเหลือส่วนลำตัวได้ชัดเจนขนาดนี้
๔) ทำไมต้องมีการทุบแยบชิ้นส่วน เป็นแขน เป็นเศียร เป็นลำตัวด้วย ซึ่งมีผู้รู้หลายคน
บอกว่าตำแหน่งจุดต่างๆที่ทุบคล้ายกันมากกับวิชาไสยดำการสะกดหรือตรึงวิญญาณไม่
ให้ไปไหน
๕) หลังจากวันอังคารซึ่งเป็นวันที่ท้าวมหาพรหมถูกทุบ วันพุธบ่ายสี่โมงกว่าแม้วก็มาทำ
พิธีกราบไหว้พระพรหม ซึ่งตรงกับวันและเวลาที่เรียกว่าเป็นช่วงเวลา มหาฤกษ์ พอดี
และเช้าวันพฤหัสบดีก็มีการทำพิธีตั้งศาลท้าวมหาพรหมที่หน้าทำการพรรค
๖) แล้วทำไมกับการที่คนไปทุบ ถึงกับทำให้คนอีกสามหรือสี่คนต้องมาฆ่าคนที่ทุบด้วย
ทำไมไม่จับตัวส่งตำรวจนั่นก็เป็นเพียงข้อสังเกตุจากคนช่างสงสัยเท่านั้น
และด้วยความบังเอิญ ข่าวใหญ่ของวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๙
"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคทอรอทอว่า ภายหลังจากพรรคได้ให้คนงานมาตั้งศาลพระ
พรหมแห่งใหม่ บริเวณทางออกหน้าที่ทำการพรรค ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ วานนี้ (๒๒ มี.ค.
๔๙) จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า รักษาการนายกรัฐมนตรี พยายามแก้
เคล็ดทางการเมืองจากมรสุมที่รุมเร้าอย่างหนัก
วันนี้ ( ๒๓ มี.ค. ๔๙ ) เวลา ๑๐.๓๐ น. คุณหญิงได้ทำพิธีบวงสรวงตั้งศาลพระพรหม
โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมคับคั่ง "
ช่างประจวบเหมาะ ช่างบังเอิญ เกินไปหรือไม่
- วันอังคารที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๙ เวลา ๐๑.๐๐ น. คนบ้าบุกทำลายท้าวมหาพรหม
- วันพุธที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๙ คนงานตั้งศาลพระพรหมหน้าพรรคใหม่
- วันพฤหัสที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๙ คุณหญิงทำพิธีบวงสรวงศาลใหม่ทุกอย่างประจวบเหมาะ ลงตัวกันอย่างบังเอิญโดยแท้
นอกจากนี้เหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็น
- เหตุการณ์ คนร้ายลักปี่พระอภัยมณี ซึ่งเมื่อเป่าแล้วทุกคนก็จะหลับไหลตามนิทาน
- การบุกเข้าทุบทำลายปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งมองกันว่าเป็นการทำพิธีกรรมอะไรบ้างอย่าง
ศาลท้าวมหาพรหมแห่งนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเคารพและ
ศรัทธาเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละวันจะมีผู้คนแวะเวียนไปกราบไหว้บูชาตลอดทั้งวัน
เพื่อให้ช่วยประทานพร หรือขอให้กระทำกระทำการใดๆ สำเร็จตามเป้าหมาย จากนั้นก็
จะมาแก้สินบนตามที่ได้อธิษฐานไว้
ถึงกระนั้นก็ยังมีกลุ่มคนบังอาจ เหิมเกริม บุกทำลาย เพื่อหวังผลเป็นการส่วนตัว จะโดย
เจตนาเพื่อแก้เคล็ด เพื่อสะกด หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผลจากการกระทำในครั้งนั้น ส่งผลให้ต้องรับกรรมอยู่ในเวลานี้....