หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby LEOidentity » Sun Oct 19, 2008 8:07 am

ผมอยากตั้งกระทู้นี้มานานแล้วครับ
แต่เกรงว่าจะผิดวัตถุประสงค์เวปบอร์ด เพราะนี่เป็นบอร์ดการเมือง
แต่เห็นว่าทางฝ่ายเสื้อแดง พยายามยัดเยียดความเชื่อโง่ๆ ว่า
"ไอ้เหลี่ยมคือสมเด็จพระเจ้าตากสินกลับชาติมาเกิดเพื่อทวงบัลลังก์คืน"
จึงขออนุญาตนำบทความของพระอริยะเจ้าที่คนนับถือกันทั้งประเทศ
มายืนยันถึงความสัมพันธ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินและล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาาช
ว่ามิได้เป็นไปตามประวัติศาสตร์ที่เราเคยเรียน
ซึ่งนอกจากหลวงพ่อจรัญแล้ว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ครูบาอาจารย์ของผมและแวดวงคนปฏิบัติธรรมที่ผมอยู่
ก็ยืนยันในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
เพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่ไอ้เหลี่ยมพยายามยัดเยียดให้คนโง่บางกลุ่มเชื่อนั้น เหลวไหลโดยทั้งสิ้น
คนกลุ่มนี้นับถือพุทธศาสนาแค่กรอกเอกสารเท่านั้น

บทความนี้ตัดตอนมาจากหนังสือ "ความหลงในสงสาร" ครับ
ลองอ่านแล้วพิจารณาดูครับ

หนึ่งมหาราชันย์ยอมเสียสละราชบัลลังก์
อีกหนึ่งมหาราชันย์ยอมเสียชื่อเสียง
ทั้งหมดทั้งปวงเพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติบ้านเมือง


เรื่องที่จะนำเสนอนี้ไม่ใช่จากการนั่งทางในมา ..หลวงพ่อท่าน "เดิน" ไปพบพระ ๓รูป (ในโบสถ์ของวัด)


นี่เป็นการสนทนาระหว่างหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน, หลวงปู่เทพโลกอุดร (ในหนังสือเรียกท่านว่าหลวงพ่อในป่า) พระบัวเฮียวและพระภิกษุเจ้าตากรูปแรกใช้กายมนุษย์ ส่วน ๓ รูปหลังใช้รูปของพลังงาน (กายทิพย์)ในการสนทนาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี ๒๕๒๘แต่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วนี่เอง (ก.ค. ๒๕๔๙)ขออนุญาตปรับการนำเสนอเป็นรูปแบบคล้าย script บทละคร เพื่อให้ง่ายต่อการพิมพ์และทำการย่นย่อ เก็บใจความสำคัญมา

เวลาสองยามตรงที่โบสถ์วัดป่ามะม่วง (ไม่แน่ใจว่าคือวัดอัมพวันหรือเปล่า?) ประเดี๋ยวหนึ่งมีแสงสว่างไสวไปทั่ววัดพระภิกษุสามองค์เดินเรียงเข้ามาที่ประตูโบสถ์ซึงพระครูจรัญเจ้าอาวาสยืนรออยู่ตรงทางเข้าโบสถ์อาการที่เดินของภิกษุทั้ง 3 รูปผิดแผกไปจากคนธรรมดาคือเลื่อนไหลไปข้างหน้ามากกว่าก้าวขาเดิน แสงสว่างไสวเป็นรัศมีของทวยเทพแต่งองค์ทรงเครื่องงดงาม ต่างมารายล้อม

พระภิกษุเจ้าตาก : ประวัติศาสตร์กรุงธน ผิดเพี้ยนไปจากความจริงมากไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้นอกจากเรากับสหายร่วมสาบาน (ร. ๑) (ทรงอนุญาตให้ท่านพระครูใช้ศัพท์สามัญกับพระองค์ ด้วยเหตุผลที่ว่า “...ท่านอย่าลืมว่าขณะนี้เราเป็นใคร ท่านเป็นใครเราทั้งสองมีความเท่าเทียมกันในทางธรรม มีอาจารย์องค์เดียวกันตัดความหลงในสงสารได้เหมือนกันถ้าท่านคิดว่าเราเป็นกษัตริย์และพูดกับเราด้วยคำราชาศัพท์เราก็ต้องพูดคำราชาศัพท์กับท่านด้วยเช่นกัน เพราะในเจ็ดชาติที่ท่านระลึกได้นั้นท่านก็เคยเป็นกษัตริย์มิใช่หรือ.... แล้วทำไมจะมาติดอยู่กับสิ่งสมมติ” )



พระภิกษุเจ้าตาก : เราไม่อยากให้มีการเข้าใจราชวงศ์จักรีผิดๆทุกวันนี้มีคนจีนจำนวนมากที่ยังเชื่อว่าเราถูกสำเร็จโทษโดยสหายร่วมสาบานของเราเป็นผู้บงการ (จริงๆแล้ว)มีการสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์จริงเพียงแต่คนที่ถูกสำเร็จโทษเป็นสหายอีกคนหนึ่งซึ่งมีความจงรักภักดีต่อเราถึงขนาดยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาชีวิตเราไว้บังเอิญว่าเขารูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเรามาก ทั้งที่มิได้เป็นญาติสืบสาโลหิตกัน

พระครูจรัญ : เหตุใดท่านจึงถูกสำเร็จโทษที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าท่านสัญญาวิปลาสก็ต้องไม่จริงเพราะถ้าจริงท่านจะตัดความหลงใน(วัฏ)สงสารไม่ได้ ผู้ขาดสติมิอาจบรรลุธรรมได้

พระภิกษุเจ้าตาก : คนที่เคยทำอะไรอย่างหนึ่งเป็นปกตินิสัยแล้วจู่ๆก็เปลี่ยนไปทำในสิ่งตรงกันข้าม คนเขาก็ต้องคิดว่าคนๆนั้นผิดปกติใช่ไหมเหมือนอย่างเรา เราเคยถือดาบออกรบป้องกันบ้านเมือง กู้อิสรภาพให้กับชาติไทยใครๆก็เห็นเราเป็นนักรบผู้เก่งกาจสามารถ เป็นวีรบุรุษ แล้วอยู่ๆเราก็วางดาบไม่จับดาบอีกเลย เอาแต่เจริญวิปัสสนาถ่ายเดียว คนเขาก็เลยว่าเราบ้า

พระภิกษุเจ้าตาก : เพราะอาจารย์ที่เคารพของพวกเราน่ะสิ (หลวงปู่เทพโลกอุดร) วันหนึ่งเราตั้งค่ายอยู่ที่ในป่าตกดึกมีพระรูปหนึ่งเข้ามาถึงตัวเรา เราก็ถามท่านว่าเข้ามาได้อย่างไรเพราะนั่นย่อมหมายถึงความปลอดภัยของตัวเรา เกิดผู้ที่เข้ามาเป็นข้าศึกเราก็อาจจะถูกฆ่าตาย พระรูปนั้นตอบว่าเดินเข้ามาเราก็ถามอีกว่าทหารยามไม่เห็นท่านหรือ ท่านก็ตอบว่าไม่ทราบเราก็คิดว่าจะต้องลงโทษทหารผู้ทำหน้าที่เป็นเวรยามท่าก็พูดขึ้นมาว่าไม่ต้องคิดแต่จะเพ่งโทษผู้อื่น ขอให้สำรวจตัวเองเพ่งโทษตัวเองดีกว่า เราก็รู้สึกแปลกๆว่าทำไมท่านจึงพูดอย่างนี้อยากจะโกรธแต่ก็ไม่กล้า แล้วท่านก็พูดให้เราสะเทือนใจว่า “มหาบพิตรฆ่าคนมามากมีมือเปื้อนเลือด บาปมาก ตายไปจะต้องตกนรก” หากเป็นคนธรรมดาพูดเช่นนี้เราคงสั่งตัดหัวไปแล้ว แต่นี่เป็นพระพูด เราไม่กล้าแม้แต่จะคิดเราก็เรียนท่านว่าเราเป็นกษัตริย์ มีหน้าที่ทำสงครามปกป้องแผ่นดิน ท่านก็พูดว่า “บัดนี้มหาบพิตร ก็ได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วการกู้ชาติเป็นหน้าที่ของมหาบพิตร แต่การทำสงครามปกป้องประเทศชาติมหาบพิตรควรยกให้ผู้อื่น มีคนที่เขาสามารถทำหน้าที่แทนมหาบพิตรได้จงอย่าจับดาบอีกเลย อาตมาขอบิณฑบาตดาบจากมหาบพิตร” เราก็ถามท่านว่าเราจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ท่านก็ตอบว่า “เพื่อตัดความหลงใน(วัฏ)สงสาร หากมหาบพิตรครองราชสมบัติต่อไปก็จะไม่สามารถตัดความหลงใน(วัฏ)สงสารได้ซึ่งหมายถึงการเวียนว่ายตายเกิดด้วยอำนาจกิเลส กรรม และวิบากหากมหาบพิตรไม่ตัดความหลงในสงสารก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดวกวนอยู่อย่างนี้ไม่รู้จักจบสิ้นอาตมารู้ว่ามหาบพิตรสามารถตัดความหลงในสงสารได้ จึงมาหา”

หลวงปู่เทพโลกอุดร : เราได้ให้กรรมฐาน (ทำอย่างไร?? สอนวิธีปฏิบัติหรืออย่างไร) แก่พระยาตากเมื่อรับกรรมฐานจากเราแล้ว เขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่ยอมจับดาบอีกไม่ยอมออกศึกสงคราม เอาแต่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานคนที่ไม่เข้าใจก็เลยพากันคิดว่าเขาบ้า

พระครูจรัญ :เพราะอะไรประวัติศาสตร์ในกรุงธนบุรีจึงถูกบันทึกให้ผิดไปจากความเป็นจริงมากอย่างนั้นขอรับ

พระภิกษุเจ้าตาก : เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติน่ะสิรู้ไหมว่าเราเป็นกษัตริย์ที่อาภัพที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตอนเราขึ้นครองราชย์เงินในท้องพระคลังไม่มีเลย เราต้องเป็นหนี้ชาวจีนถึงหกหมื่นตำลึงซึ่งถ้าคิดเป็นเงินสมัยนี้ (๒๕๒๘) ก็เท่ากับ ๒๔๐,๐๐๐ บาทสมัยก่อนเงินหมื่นตำลึงมีค่ามาก ถ้าเขาจะให้เราผ่อนใช้ เราก็พอจะหามาผ่อนให้ได้แต่นี่เขาคิดจะยึดประเทศเราไปเป็นของเขา เขาจึงเร่งรัดจะเอาเงินจำนวนนี้ให้ได้เรากับสหายร่วมสาบานก็เลยต้องช่วยกันคิดว่าจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรแล้วเราก็คิดออกว่า การผลัดแผ่นดินเป็นการล้างหนี้ที่ดีที่สุดท่านอย่าคิดว่าเราตั้งใจจะโกง แต่ในเมื่อเขาคิดไม่ดีกับเราเราจึงต้องใช้เล่ห์กลกับเขา อีกประการหนึ่ง ตั้งแต่เรารับกรรมฐานจากหลวงพ่อในป่าเราก็ไม่มีแก่ใจจะครองราชย์อีกต่อไปแล้ว เราอยากตัดความหลงในสงสารให้เด็ดขาดเราสมเพชตนเองที่เป็นกษัตริย์ยากจนเข็ญใจเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ไม่มีเบญจราชกกุธภัณฑ์

พระครูจรัญ :ท่านจะกรุณาเล่าเหตุการณ์ตอนที่ท่านกู้เอกราชให้ฟังได้ไหมขอรับ กระผมอยากทราบว่าตรงกับ ประวัติศาสตร์ มากน้อยเพียงใด

พระภิกษุเจ้าตาก :ประวัติศาสตร์บันทึกเหตุการณ์ตอนเรากู้ชาติตรงกับความจริงเพียงแต่มีบางเรื่องไม่ได้บันทึกเอาไว้ อย่างเรื่องที่เราตีเมืองจันทบุรีเราได้พามารดาและน้องสาวไปไว้ที่ราชบุรีก่อน จากนั้นจึงมุ่งหน้าตีจันทบุรีประวัติศาสตร์บันทึกไว้แต่เพียงว่า เราสั่งทหารทุบหม้อข้าวหม้อแกงทิ้งความจริงเราทำมากกว่านั้น คือหลังจากตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว เรามาพิจารณาว่าสงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาสาหัสและยืดยาว จึงให้สร้าง “พระยอดธงแบบกรุงศรีอยุธยา”ขึ้นแล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุง-มหากาบรรจุไว้ในองค์พระ (พระยอดธงคือพระพุทธรูปองค์เล็กๆที่สร้างไว้บนยอดธงเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้รบชนะข้าศึก)เราเองก็เจริญรอยตามสงเด็จพระนเรศวรด้วยการเจริญพาหุง-มหากา (แต่งโดยพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว พระอาจารย์ขององค์นเรศวร) หรือบทถวายพรพระในปัจจุบันเป็นบทที่มีอานุภาพมาก

พระบัวเฮียว : กระผมอยากฟังเจ้าตากเล่าเรื่องการกู้ชาติครับ

พระภิกษุเจ้าตาก : หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียเอกราชให้แก่พม่าเมื่อปี ๒๓๑๐บ้านเมืองระส่ำระสายมาก พม่าเผาผลาญถล่มทลายกรุงศรีฯ เสียย่อยยับวัดวาอารามถูกทำลายยับเยิน พระศรีสรรเพชญ์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมีความสูงถึง ๘ วา หุ้มด้วยทองคำหนักสองหมื่นบาทก็ถูกพม่าใช้ไฟลนเผาลอกเอาทองคำขนกลับไปเมืองตน ประชุมพงศาวดารภาค ๖ได้บันทึกเร่องราวต่างๆตอนเสียกรุงไว้ว่า พม่าเข้ากรุงได้เป็นเวลากลางคืนพม่าไปถึงไหนก็เอาไฟจุดเผาบ้านเรือนของชาวเมือง ปราสาทราชมณเฑียรไฟไหม้ลุกลามสว่างไสวราวกับเป็นเวลากลางวัน ครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดต่อสู้ก็เที่ยวเก็บรวบรวมทรัพย์สิน จับผู้คนอลหม่านไปทั่วพระนครแต่เป็นเพราะเป็นเวลากลางคืน พวกชาวเมืองจึงหนีรอดไปได้มาก พม่าจับได้สัก ๑๐,๐๐๐ คนส่วนพระเจ้าเอกทัศน์นั้น มหาดเล็กพาลงเรือน้อยหนีไปซุ่มซ่อนอยู่ที่บ้านจิกริมวัดสังฆาวาส แต่พม่ายังหารู้ไม่ จับไม่ได้แต่พระเจ้าอุทุมพรซึ่งทรงผนวชกับทั้งเจ้านายข้าราชการใหญ่น้อยจำนวนมากและพระที่หนีไม่พ้น พม่าจับไปไว้ที่ค่ายโพธิ์สามต้น ผู้คนแบ่งแยกเป็นก๊กเป็นเหล่ามีก๊กที่สำคัญอยู่ถึง ๖ ก๊กด้วยกัน ก๊กที่ร้ายกาจที่สุดคือก๊กเจ้าพระฝางซึ่งมีหัวหน้าเป็นพระภิกษุ แต่เสพสุรา ฆ่าคน และทำลามกอนาจราต่างๆเจ้าฝางในเครื่องแต่งกายของบรรพชิต คุมกองทัพสงฆ์ออกจี้ปล้นทรัพย์สินของราษฎรทำให้เสียภาพลักษณ์ของพระศาสนาอย่างร้ายแรง

เมื่อเราปราบก๊กสำคัญ ๔ ก๊กได้แล้วจึงยกกองทัพไปตีก๊กเจ้าพระฝางซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่พิษณุโลกกองทัพของเราตีเมืองพิษณุโลกได้ แต่เจ้าพระฝางหนีไป เป็นอันว่าก๊กทั้ง ๕พ่ายแก่ก๊กพระยาตาก เมื่อได้ชัยชนะแล้ว เราก็คิดว่าจะฟื้นฟูปฏิสังขรณ์กรุงศรีฯแต่ก็มองไม่เห็นทางเลยว่าจะทำให้กรุงศรีฯรุ่งโรจน์เหมือนแต่ก่อนได้เราเริ่มวิตกกังวล คืนหนึ่งเราจึงแก้ปัญหาด้วยการสวดพาหุง-มหากาแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลให้ดวงพระวิญญาณของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีฯในอดีตทุกพระองค์และขอให้ท่านเหล่านั้นช่วยหาทางออกให้แก่เราด้วย จากนั้นเราก็หลับไป

เราเห็นสมเด็จพระนเรศวรกับอาจารย์ของท่านที่รู้เพราะพระเถระรูปนั้นท่านพูดว่า “อาตมาคืออาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรที่จะมาช่วยท่านแก้ปัญหากรุงศรีฯเสียหายเกินกว่าจะปฏิสังขรณ์ได้ ทั้งพม่าก็รู้ลู่ทางโจมตีขอท่านจงย้ายราชธานีไปอยู่ที่กรุงธนบุรี และสถาปนาตัวท่านขึ้นเป็นกษัตริย์เถิดอาตมาขอถวายพระพร” จากนั้นสมเด็จพระนเรศวรตรัสว่า “ขอต้อนรับกษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีขอพระองค์จงทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา อันเป็นมรดกล้ำค่าของชาวสยาม” แล้วภาพนั้นก็หายวับไป เราตื่นขึ้นมากลางดึก จิตสัมผัสกับความสงบเย็นผิดกับคนที่ฝันร้าย ซึ่งจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหวาดกลัวและเหงื่อไหลโทรมกายเรารู้สึกเหมือนกับว่ามิได้ฝันไป เพราะภาพนั้นยังฝังแน่นอยู่ในมโนนึกมาจนบัดนี้ (องค์ดำมาหาเจ้าตากจริงหรือเปล่าคะ)

พระราชดำรัสในสมเด็จพระนเรศวรทำให้เราตั้งปณิธานในบัดนั้นว่าจักทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้วัฒนาถาวรสืบไปและนี่เองคือที่มาของปณิธานของเราที่ท่านกล่าวเมื่อครู่นี้การสู้รบสมัยนั้นต้องการขวัญและกำลังใจการสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีที่สุดคือการน้อมนำพระธรรมคำสอนเข้ามาไว้ในใจพระพุทธศาสนาจึงมีความสำคัญต่อประเทศชาติ เมื่อใดที่พระพุทธศาสนาหมดไปจากประเทศสยามเมื่อนั้นประเทศชาติก็คงอยู่ไม่ได้ เราจึงยังอยู่ แม้หมดความหลงในสงสารแล้วก็เพื่อคอยปกป้องดูแลชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ดังที่เรากล่าวไว้ว่า “คิดถึงพ่อพ่ออยู่ คู่กับเจ้า”

เมื่อกรุงแตกเราเป็นผู้นำทหารตีฝ่าวงล้อมพม่าจากกรุงศรีฯมาตั้งมั่นที่กรุงธนบุรีช่วงที่ตีฝ่าวงล้อมออกไป มีเหตุการณ์คล้ายปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกล่าวคือทุกครั้งที่ทหารพม่าตามมาประชิดตัว ก็จะมีไฟลุกโพลงขึ้นในจุดใกล้ๆ กันทำให้ทหารพม่าเบนความสนใจไปที่กองไฟ เราก็เลยหนีรอดมาได้มารู้ภายหลังว่าเพื่อนเก่าของเราตามมาช่วย เพื่อนเก่าสมัยเป็นศิษย์วัดด้วยกันตอนเป็นเด็กโยมมารดาพาเราไปฝากเป็นลูกศิษย์วัดเราเติบโตขึ้นมาภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนาได้ฝึกอาวุธและคาถาอาคมร่วมกับเพื่อนอีก ๔ คน (ผู้ใดทราบชื่อท่านบ้างคะ)แต่ละคนมีความถนัดต่างกัน พวกเขาคอยตามช่วยเหลือเราโดยที่เราไม่รู้ภายหลังที่เราตกลงกับสหายของเราให้ขึ้นครองราชย์แทน และเราได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์พวกที่ไม่เข้าใจแผนการอันแยบยลนี้เลยพากันกบฏแบ่งออกเป็นหมู่เป็นเหล่าเหมือนเหตุการณ์ก่อนกรุงแตกในที่สุดกบฏกลุ่มหนึ่งอ้างคำสั่งของสหายเราให้นำเราไปประหารทั้งที่เราอยู่ในเพศบรรพชิตซ้ำร้ายกว่านั้นคือเกิดกบฏซ้อนกบฏ จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร บ้านเมืองระส่ำระสายเราก็ได้เพื่อน ๔ คนนี้แหละพาลงเรือหนีไปนครศรีธรรมราชจากนั้นเราก็ไม่ได้พบพวกเขาอีกเลย เราได้ทราบภายหลังว่าเขาไม่อยากเป็นนักรบอีกกลับไปใช้ชีวิตชาวบ้านธรรมดา หากเราไม่ได้เพื่อน ๔ คนนี้ก็คงต้องตายอยู่ในสมณเพศและพวกที่ฆ่าเราก็ต้องบาปสาหัสมาก

พระครูจรัญ : ช่วงระยะนั้นท่านตัดความหลงในสงสารได้แล้วหรือขอรับ

พระภิกษุเจ้าตาก : ยังแต่ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว (ได้โสดาบัน?) เรารับกรรมฐานจากหลวงพ่อในป่าได้ไม่นานก็เร่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนได้ดวงตาเห็นธรรม และได้เรียกสหายของเราให้มาหา

พระภิกษุเจ้าตาก :เราได้สั่งให้ข้าหลวงไปตามสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกมาพบในเครื่องแบบนักรบมีดาบมาด้วย เขาคิดว่าคงจะทรงใช้ให้ไปทำสงครามกับผู้หนึ่งผู้ใด เป็นแน่ครั้นมาเห็นเรานั่งอยู่ในห้องพระแต่ผู้เดียว ในชุดนุ่งขาวห่มขาวสหายของเราก็รีรออยู่ไม่กล้าเข้ามา เพราะเห็นว่าเราอยู่คนเดียวและไม่มีอาวุธข้างกายเลย เราจึงบอกว่า “ด้วงเข้ามาสิ เข้ามาหาข้า เอาดาบมาด้วย” ท่านลองคิดดู ถ้าสหายของเราคิดก่อกบฏจริงก็คงถือโอกาสตอนนี้

แต่เพราะเขาไม่เคยมีความคิดอย่างนี้อยู่ในใจ จึงวางดาบไว้ข้างนอกแล้วค่อยๆคลานเข้ามาใกล้ หมอบอยู่ห่างวาหนึ่ง

เราก็บอกอีกว่า “ด้วง เข้ามาใกล้ๆเอาดาบของเจ้ามาวางไว้ข้างหน้า”

สหายของเราคลานไปหาดาบแต่แทนที่จะเอามาไว้ใกล้ๆ อย่างที่เราสั่ง เขากลับกระทุ้งให้ไกลออกไปอีกแล้วจึงคลานเข้ามาใกล้ประมาณสองศอก หมอบกราบถวายความเคารพเป็นอย่างดีเราจึงถามเขาว่า “ด้วงอยากจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินไหม” เราพูดเท่านี้แต่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกมีอาการตกใจนัก ถึงกับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าก้มลงกราบแล้วก็มิได้ตอบว่ากระไร เราก็ถามใหม่อีกว่า “ด้วง ได้ยินหรือเปล่าข้าถามว่าอยากเป็นพระเจ้าแผ่นดินไหม” สหายของเราตอบว่า “ข้าพระพุทธเจ้าไม่เคยคิดเลยพระเจ้าข้า อยู่อย่างนี้ก็สบายแล้ว” เราจึงถามเพื่อทดสอบว่าสิ่งที่สหายของเราตอบนั้นมาจากใจจริงหรือไม่

“ด้วงข่าวว่าทหารพม่ามาหาเจ้าบ่อยๆรึ”

“มาครั้งเดียวพระเจ้าค่ะ”

“เขามาเรื่องอะไร”

“เขามาถามว่ามีความสุขสบายดีรึข้าพระพุทธเจ้าก็ตอบว่าสบายดีเพราะในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จเจ้าพระยาเวลานี้จึงมีความสุขมาก”
เมื่อท่านตอบเช่นนี้ เราก็มั่นใจว่าสหายของเราไม่ได้คิดกบฏไม่คิดเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงดังที่คนอื่นเข้าใจผิดเมื่อเราเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เราจึงบอกเขาไปว่า

“ด้วง ข้าจะให้เจ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จะเอาไหม”

สหายของเรากราบถวายบังคมอีกครั้ง พร้อมทั้งยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อคงจะคาดไม่ถึงว่าเราจะพูดแบบนี้กับเขา

เหตุที่เราถามอย่างนี้เพราะสมัยที่อะแซหวุ่นกี้ยกทัพมาตีพิษณุโลกเราได้ให้สหายของเรายกทัพไปรบกับอะแซหวุ่นกี้ ขุนพลเฒ่า แต่เพราะฝีมือทัดเทียมกันการรบจึงไม่มีใครแพ้ใครชนะ อะแซหวุ่นกี้ใช้อุบายพักรบหนึ่งวัน และขอดูตัวแม่ทัพครั้นเห็นสหายเรา ก็พยากรณ์ว่า

“ต่อไปท่านจะได้เป็นกษัตริย์ขอจงรักษาตัวไว้ให้ดี”

ความจริงอะแซหวุ่นกี้ไม่ได้เป็นโหรหรือมีความรู้ทางโหราศาสตร์แต่ประการใดแต่เป็นลีลาของข้าศึกที่จะยุแยงให้ไทยฆ่ากันเอง บังเอิญคำพยากรณ์มาตรงกับความจริงโดนที่อะแซหวุ่นกี้เองก็คาดไม่ถึงเรื่องอย่างนี้เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งสมัยที่เรากับสหายของเราบวชเป็นพระภิกษุ

วันหนึ่งเรากับสหายของเราไปบิณฑบาตด้วยกันซินแสผู้หนึ่งเดินสวนทางมา เขาก็หยุดมองหน้าเรา เสร็จแล้วก็มองหน้าสหายของเราแล้วก็กลับมามองเราอีก เราจึงถามว่า “โยมมองอะไรรึ รึว่าอาตมานุ่งห่มไม่เรียบร้อย” แกก็ยิ้ม แล้วส่ายหน้าไปมา เดินไปสักประเดี๋ยวก็เดินกลับมาอีกพูดด้วยเสียงดังลั่นว่า

“อักซาจัง อักซาจังจิงๆในหลวงสององค์มาบิงทะบากล่วยกัง”

พอซินแสพูดเช่นนั้น ผู้คนก็พากันสาธุแต่บางคนก็พูดขึ้นว่า “สงสัยตาแป๊ะนี่แกจะแก่จนหลงถึงได้พูดอะไรเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ถ้าในหลวง (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) มาได้ยินรับรองหัวขาดแน่”

พระครูจรัญ :ในที่สุดคำทำนายทายทักของซินแสก็กลายเป็นความจริงกระผมคิดว่าท่านน่าจะมีความรู้ทางโหราศาสตร์นะขอรับ

พระภิกษุเจ้าตาก :เราก็คิดอย่างท่าน แต่สำหรับอะแซหวุ่นกี้เขามีความประสงค์จะให้เรากับสหายเป็นศัตรูกัน เพราะถ้าคนไทยรบกันเองพม่าก็จะกลืนชาติได้ง่ายเพราะฉะนั้นการที่เราสั่งให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเข้าเฝ้าให้แต่งชุดนักรบถือดาบเข้ามาด้วย ก็เพื่อจะทดสอบใจสหายของเราว่าอยากเป็นพระเจ้าแผ่นดินตามคำพยากรณ์ของอะแซหวุ่นกี้หรือไม่แต่ไม่ว่าเราจะพูดอย่างไรสหายผู้ซื่อสัตย์ของเราก็ไม่ยอมตกปากรับคำที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินบอกแต่ว่ามีความสุขแล้ว มีความชื่นใจในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าอยู่หัวแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังประกาศว่า

“ข้าพระพุทธเจ้าจะขอรักษาราชบัลลังก์ด้วยชีวิตหากมีผู้คิดทรยศต่อพระองค์” เมื่อเราได้ทดลองน้ำใจของสหายจนเป็นที่แน่ใจแล้วจึงพูดแบบเพื่อนว่า

“ด้วง ต่อไปเจ้าจงเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนข้านะเจ้าเป็นเพื่อนข้า แล้วก็เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตมาก ข้าไว้วางใจเจ้า” เมื่อเราพูดอย่างนี้ สหายของเราก็ยังนิ่งอยู่ในท่าหมอบกราบ เราจึงบอกว่า

“ด้วงลุกขึ้นนั่งให้สบาย เงยหน้าขึ้น เวลานี้ไม่มีใคร เราอยู่กันสองคนไม่ต้องเคร่งเรื่องระเบียบประเพณีนักหรอก ข้าก็ถือว่าด้วงเป็นเพื่อนข้าเราเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ต่อไปนี้เจ้าจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดินนะข้าจะสละราชสมบัติ แต่การที่จะสละราชสมบัติเฉยๆย่อมเป็นไปไม่ได้ ต้องมีกุศโลบายเพราะมีเงื่อนไขต่างๆมากมายที่ต้องทำตาม” สหายของเราพูดขึ้นว่า

“ข้าพระพุทธเจ้ารับไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า เพราะพระองค์ก็มีพระราชโอรสในเมื่อพระองค์จะสละราชสมบัติ ก็ควรให้แก่พระราชโอรส” เราจึงบอกเขาว่า

“ด้วงความจริงลูกชายข้าเขาก็เป็นคนดีนะ มีคนรักเขามาก ทหาร ข้าราชการทั้งหมดก็รักเขาแต่ข้าให้เขาเป็นพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้หรอก เพราะว่าบ้านเมืองของเรายังไม่มั่นคงนักเพิ่งกู้ชาติได้ใหม่ๆ ถ้าลูกข้าเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็จะกลายเป็นหุ่นให้เขาเชิดไปเขาครองเมืองไม่ได้ ด้วงจะต้องครองเมือง เพราะข้าไม่เห็นใครที่มีความเข้มแข็งสามารถรักษาเมืองต่อไปได้ นอกจากเจ้า” สหายเราแย้งว่า

“เวลานี้พระองค์ก็ยังไม่ชราภาพ จึงยังไม่ควรจะสละราชสมบัติพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยทั้งชาติแล้วก็ชาวจีนด้วย ถ้าขาดพระองค์เสียข้าพระพุทธเจ้าเถลิงราชเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ความดีก็คงมีไม่ถึงพระองค์ความเชื่อถือของบุคคลทั่วไปก็จะไม่มีเท่าที่มีในพระองค์ข้าพระพุทธเจ้าเกรงว่าประเทศชาติอาจจะต้องสลายไปก็ได้”

เมื่อสหายของเราพูดมาอย่างนี้ เราจึงต้องเล่าความจริงให้ฟังว่า

"ด้วงเวลานี้ข้าเป็นหนี้ชาวจีนอยู่ ๖๐,๐๐๐ ตำลึง ความจริงเงินจำนวนเท่านี้ถ้าหากเขาจะให้เราผ่อนใช้ เราก็พอจะหาได้แต่ทางจีนเขาต้องการจะยึดประเทศไทยไปเป็นประเทศของเขา เขาต้องการจะกลืนเราเขาจึงเร่งรัดจะเอาเงินจำนวนนี้ให้ได้ แล้วเจ้าก็รู้นี่ว่าข้าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ยากจนเข็ญใจมาก เพราะไม่มีทรัพย์สินอะไรเลยเงินในท้องพระคลังก็ไม่มีสักแดงเดียวเวลานี้เบี้ยหวัดเงินปีของข้าราชการทั้งทหารและพลเรือนก็ยังติดค้างเขาอยู่มากข้าได้กู้เงินจากประเทศจีนมาใช้จ่าย เวลานี้ข้ากันเงินไว้สองส่วนส่วนหนึ่งเป็นเงินให้กับข้าราชการ เป็นเบี้ยหวัดเงินปีที่คั่งค้างอยู่อีกส่วนเป็นเงินที่ข้าเก็บรักษาไว้เพื่อเจ้าจะได้มีใช้จ่ายเมื่อเจ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดินเพราะข้าเป็นพระเจ้าแผ่นดินมาก่อน ไม่มีเงินทอง มีความลำบากมากข้าเห็นใจจึงไม่อยากให้เจ้าเป็นอย่างข้าแต่เรื่องที่จะต้องให้เจ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็มีอยู่ว่า

เมื่อเจ้าหนี้มาทวงข้า เมื่อข้าพ้นจากความเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียแล้วเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหนี้สินนี้แทนข้า เพราะเป็นคนละคนกันที่ทำอย่างนี้ไม่ใช่เพราะข้าคิดจะโกงเขา แต่เขาจะเอาเราไปเป็นประเทศของเขาเขาคิดไม่ดีกับเราก่อน เราก็ต้องหาทางป้องกันรักษาประเทศของเราเอาไว้แต่การที่จะเ)็นพระเจ้าแผ่นดินนั้น จู่ๆจะยกให้เจ้าเป็นแล้วข้าสละราชสมบัติอย่างนั้นทำไม่ได้ เพราะเขาจะรู้เท่าทันแผนการของเราเราจึงต้องใช้กุศโลบายที่แยบยล เวลานี้เมืองเขมรเกิดจลาจลข้าจะให้เจ้ากับเจัาพระยาสุรสีห์น้องชายเจ้ายกทัพไปปราบเมืองเขมรแล้วเวลาที่เจ้าไปก็ให้เอาลูกชายข้าไปด้วยถ้าตีเมืองเขมรได้เมื่อไรก็ให้ลูกชายข้าครองเมืองที่นั่นแล้วข้าอยู่ทางนี้ก็จะทำเป็นวิกลจริตแล้วก็จะแนะให้ข้าราชการบางคนที่นี่จับข้าบวชเสีย ข้าก็จะทำเป็นบ้าไม่สามารถปกครองประเทศต่อไปได้เมื่อเจ้ามาก็ให้ทำพิธีปราบดาภิเษกเถลิงราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วเนรเทศข้าไปอยู่หัวเมืองเสีย เรื่องมันก็หมดเท่านี้เรื่องหนี้สินต่างๆก็เป็นอันว่าหมดไป


พระครูจรัญ :แต่กระผมรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้นะขอรับเพราะต่อมาหลังปราบดาภิเษกมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนจีนเขาสะเทือนใจและขุ่นข้องแค้นเคืองมาจนทุกวันนี้



พระภิกษุเจ้าตาก :ท่านคงหมายถึงเหตุการณ์ที่ลูกหลานเราถูกจับลงเรือลอยไปในปากอ่าวแล้วเรือล่มทำให้ตายทั้งลำเรือคนก็พากันเข้าใจว่าเป็นการกระทำของสหายของเราและน้องชายของเขาซึ่งความจริงแล้วสหายของเรามิได้มีเจตนาเช่นนั้นแต่ที่คนหลายกลุ่มที่มักใหญ่ใฝ่สูงต้องการเป็นใหญ่ เลยเกิดกบฏซ้อนกบฏ (มีผู้คิดกบฏต่อร. ๑) วุ่นวายกันไปหมด อ้างคำสั่งของร.๑ให้นำลูกหลานเราไปลอยแพและฆ่าเสียทั้งที่ทรงตั้งพระทัยจะให้ลูกหลานเราอพยพไปอยู่ที่นครศรีธรรมราชซึ่งเราไปบวชที่นั่น แต่พวกกบฏถือโอกาสฆ่าเสียเพื่อขจัดเสี่ยนหนามประการหนึ่งและอีกประการหนึ่งมุ่งหวังได้ความดีความชอบจากในหลวงคนพวกนี้ในที่สุดก็ได้รับกรรมทันตาเห็นเราคิดไม่ผิดที่เลือกสหายของเราขึ้นครองราชย์แทนที่จะเป็นลูกชายของเราเพราะราชวงศ์จักรีได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาถึงปัจจุบันและคนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดคือเราเพราะถ้าเราไม่บวชก็จะไม่สามารถตัดความหลงในสงสารได้เลย

พระครูจรัญ :กระผมอยากทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ที่ท่านส่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปปราบเขมรขอรับ

พระภิกษุเจ้าตาก :เราได้สั่งให้สหายเราและน้องชายนำทัพไปปราบจลาจลในเขมรและให้ลูกชายเราไปด้วยอยู่ทางนี้ก็นัดแนะกันว่าให้พระยาสรรค์จับเราซึ่งใช้อุบายเป็นคนวิกลจริตพอดีกับเวลานั้นพระสงฆ์ประพฤติเสียหายกันมากเราเรียกพระทั้งหลายเข้ามาแล้วประกาศว่า เราเป็นพระโสดาบัน และถามพระทั้งหลายว่าพระที่เป็นปุถุชนจะไหว้คฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ ถ้ารูปไหนตอบว่า ไม่ได้ก็ถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยนต่อหน้าประชาชน การกระทำเช่นนี้ก็เพื่อให้คนทั้งหลายเห็นวาเราเป็นคนสัญญาวิปลาสผิดจากมนุษย์ธรรมดาสามัญไม่น่าจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินได้อีกต่อไป

พระบัวเฮียว :พระเถรเจ้าสั่งให้เฆี่ยนพระ แล้วไม่บาปหรือขอรับ

พระภิกษุเจ้าตาก :เราไม่ได้สั่งให้เฆี่ยนพระ แต่ให้เฆี่ยนคนโกนหัวห่มผ้าเหลืองหมายความว่าคนที่เราเฆี่ยนไม่ใช่พระ คือเราให้หานักโทษประหารมาโกนหัวแล้วก็ให้นุ่งผ้าเหลือง มิได้มีการบวชแต่อย่างใดอย่างที่บอกเราต้องทำเพื่อความอยู่รอดของชาติบ้านเมือง ต่อมาทางอยุธยามีเรื่องขึ้นแต่ไม่ร้ายแรงเท่าไร เราสั่งให้พระยาสรรค์ยกกองทัพไปปราบเสร็จแล้วให้ยกกลับมากรุงธนบุรีและล้อมพระราชฐานไว้ และจับเราบวชเสียซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตรมแผนกระนั้นก็ปรากฏว่ามีนายทหารที่จงรักภักดีและมีฝีมือจะต่อสู้ เราต้องประกาศมิให้สู้เพราะบุญวาสนาของเราหมดแล้ว บ้านเมืองควรเป็นของสองพี่น้องเขาพระยาสรรค์บังคับให้เราบวช แล้วกักบริเวณไว้ที่พระอุโบสถวัดอรุณฯ

แต่ต่อมาพระยาสรรค์คิดกำเริบเสิบสาน อยากเป็นใหญ่ หลงใหลตำแหน่งนำเงินที่เราเก็บไว้ไปแจกจ่าย ซื้อพรรคพวกให้สนับสนุน และตั้งตนเป็นกษัตริย์สหายของเราทราบข่าว นำทัพกลับมาตั้งอยู่ที่ “วัดสะแก” พวกทหารแลข้าราชบริพารอัญเชิญให้เถลิงราชสมบัติ สหายเราสระผมที่วัดและแต่งกายให้ดีเตรียมตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดิน วัดนี้จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น “วัดสระเกศ” เมื่อมาถึงกรุงธนบุรี สหายเราในฐานะพระเจ้าแผ่นดินก็สั่งประหารชีวิตพระยาสรรค์ที่ทำการเกินพอดีและสั่งประหารชีวิตเราโดยการทุบด้วยท่อนจันทน์ สหายคนที่หน้าตาเหมือนเรา (หลวงอาสาศึก) รับอาสาตายแทน คนที่รู้ความจริงในเรื่องนี้มีเพียง ๒ คนคือสหายของเราและน้องชายของเขา เพราะได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว วันั้นตรงกับวันที่ ๕เมย. ๒๓๒๕

หลังประหารชีวิตเสร็จ ในเวลากลางคืนสหายของเราก็ส่งเราไปนครศรีธรรมราชโดยออกไปทางราชบุรี พักที่ปากท่อก่อนคนที่ติดตามเราไปชื่อเจ้าพัฒน์ซึ่งต่อมาคือเจ้าพระยาพัฒน์ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชนอกจากนี้เจ้าพัฒน์ยังได้พาชายาคนสุดท้ายของเราซึ่งตั้งท้องอ่อนๆไปด้วยเมื่อไปถึงเจ้าพัฒน์ได้พาเราไปอยู่วัดๆหนึ่งเราตั้งใจบวชไม่สึกจึงขอให้เขารับชายาของเราเป็นภรรยาเขาและขอให้รับบุตรในครรภ์เป็นบุตรของเขาด้วย แต่เจ้าพัฒน์จงรักภักดีจึงปฏิเสธที่จะรับชายาของเราไปเป็นภรรยา เขาเลี้ยงดูชายาของเราอย่างดีที่สุดต่อมาชายาของเราได้ให้กำเนิดบุตรชาย เจ้าพัฒน์ก็ประคบประหงมเลี้ยงดูอย่างดีบุตรคนนี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราชสืบต่อจากเจ้าพระยาพัฒน์ในสมัยร.๓ ซึ่งทรงทราบว่าเป็นบุตรของเรา แต่ก็ยังทรงแต่งตั้งเท่ากับเป็นการพิสูจน์ว่ารางวงศ์มิได้มีเรื่องบาดหมางกับเราบุตรผู้นี้ก็คือต้นตระกูล “ณ นคร” และยังมีบุตรธิดาที่เกิดจากภรรยาคนก่อนๆซึ่งต่อมาคือต้นตระกูล “ณ นครราชสีมา” และ “อินทรกำแหง” ด้วย

สหายของเราและน้องชายของเขาได้บำรุงเลี้ยงเราเป็นอย่างดีแต่งตั้งเจ้าพัฒน์เป็นเจ้าพระยาเพราะเห็นว่าเขาจงรักภักดีต่อเราทั้งที่ไม่รู้ถึงแผนการณ์อันแยบยลที่เรากับสหายคิดขึ้นหากสหายของเราคิดไม่ดี หรือที่คนสมัยนั้นพากันกล่าวหาว่าเขาเป็นกบฏเขาก็ต้องสั่งประหารชีวิตเจ้าพัฒน์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเสี้ยนหนามของเขาแต่นี่เขาแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยาให้ครองเมือง จะได้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่เราสหายผู้นี้มีบุญคุณต่อเรามาก ราชวงศ์ของเขาจึงเจริญรุ่งเรืองมาทุกยุคทุกสมัยนี่คือความจริงซึ่งไม่ตรงกับที่ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้

พระภิกษุเจ้าตาก : เมื่ออยู่เมืองนครได้ ๒ ปีก็อยากจะมาอยู่เมืองเพชรบุรี ในตอนแรกเจ้าพัฒน์ไม่อยากให้เรามาแต่เมื่อเรายืนยันที่จะมา เจ้าพัฒน์จึงให้คนติดตามมา ๒ คน และให้อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งเราได้เจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ ไม่นานนักก็ “ตัดความหลงในสงสาร” ได้เพราะหลวงพ่อใบป่าเมตตาสอนกรรมฐานอย่างใกล้ชิด

หลวงปู่เทพโลกอุดร :วันที่พระยาตากบรรลุธรรมสูงสุดคือวันที่เขาละสังขาร

พระภิกษุเจ้าตาก :ขณะที่เราดูดดื่มอยู่ในวิมุติสุข ก็ถูกชายฉกรรจ์ ๒ คนใช้ไม้คมแฝกฟาดที่ศีรษะครั้นเห็นเราไม่เป็นอะไรเพราะกำลังอยู่ในภาวะแห่งความหลุดพ้นเขาทั้งสองก็กระหน่ำไม้คมแฝกลงไปอีกอย่างนับไม่ถ้วน เสร็จแล้วก็พากันหนีไปคงจะคิดว่าอย่างไรเสียเราก็คงไม่รอดชีวิตไปได้เพราะถูกตีหนักถึงปานนั้นคนดูแลเราก็ถูกฆ่าปิดปากทั้ง ๒ คน

พระบัวเฮียว :ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยพระเถรเจ้าเล่าครับ

หลวงปู่เทพโลกอุดร :เรื่องของกรรมไม่มีใครช่วยได้ พระยาตากสร้างกรรมไว้มากจึงต้องรับผล

พระภิกษุเจ้าตาก :คนร้ายเป็นคนของฝ่ายที่คิดจะเอาความดีความชอบจากพระเจ้าแผ่นดินเป็นความจริงที่ว่าความลับไม่มีในโลกเพราะในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าคนที่ถูกสำเร็จโทษไม่ใช่เราเลยกลัวว่าสหายของเราจะรู้เรื่องนี้ จึงพยายามสืบหาเราจนพบ สหายของเรายังมิทันลงโทษกรรมก็ลงโทษพวกเขาเสียก่อน ก็อย่างที่บอกแล้วว่าเกิดกบฏซ้อนกบฏวุ่นวายไปหมดฆ่ากันเองตายตกกันไปตามกัน
Last edited by LEOidentity on Sun Oct 19, 2008 8:44 am, edited 1 time in total.
User avatar
LEOidentity
 
Posts: 155
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:47 am

Re: หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby vorapoap » Sun Oct 19, 2008 8:36 am

อ่านจบแล้วครับ ก็ฟังหูไว้หูนะครับ เคยได้ยินมา ไม่ปะติปะต่อ พึ่งจะมาต่อกันก็ที่นี่แหละครับ
แต่เหมือนบทความมันยังไม่จบเท่านั้นนี่ครับ?
วันนี้คุณรักษาศีล ให้ทาน และภาวนาแล้วหรือยัง?

อัพเดทข่าว 24 ชม. ทางทวิตเตอร์ @thaiquicknews - The girl who silenced the world for 5 minutes - PAD Blog
User avatar
vorapoap
Moderator
 
Posts: 1910
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:10 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby istyle » Sun Oct 19, 2008 9:23 am

จากครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพอีกท่าน

ในหนังสือท่านก็ระบุครับว่า ท่านเป็นพระอริยะฯ
User avatar
istyle
 
Posts: 1160
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:18 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby silance mobius » Sun Oct 19, 2008 9:32 am

เคยได้ยินมาเหมือนกัน

แต่ไม่เคยได้ปะติดปะต่อได้ขนาดนี้น่ะ
Şįłäŋçé Möbiüş ® (愛しているよ!)™

บางสิ่งบางอย่าง"ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ"
User avatar
silance mobius
 
Posts: 4168
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:19 am
Location: Blue Planet

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby nanase » Sun Oct 19, 2008 9:38 am

โดยส่วนตัวเห็นว่าเรื่องที่เล่าๆสืบต่อกันมามีความคลาดเคลื่อนถึง 50-90% แต่ในเรื่องเล่าลือสืบต่อกันมานี่แหละครับมีมูลความจริงอยู่ ถ้าใครมีจิ๊กซอความจริงบางส่วนแล้วลองเอามาต่อกับความจริงบางส่วนในเรื่องนี้ได้พอดิบพอดี ท่านจะเข้าใกล้ความจริงไปอีกนิดนึงครับ
User avatar
nanase
 
Posts: 527
Joined: Wed Oct 15, 2008 4:42 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby พรรณชมพู » Sun Oct 19, 2008 9:42 am

หนังสือ ความหลงในสงสาร เขียนโดย รศ.ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม บุตรสาวของ ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห ????????

มีหนังสือเรื่องพระเจ้าตากสินออกมานานแล้วค่ะ โดย ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห์ อ้างว่าเห็นในนิมิตร ส่วนการกล่าวอ้างถึงหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ก็พึ่งเคยได้ยินนี่แหละ

ขอบอกตามตรงนะคะ ไม่เชื่อค่ะ
"silent key 16/06/2009"
User avatar
พรรณชมพู
 
Posts: 1774
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:17 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby istyle » Sun Oct 19, 2008 9:59 am

พรรณชมพู wrote:หนังสือ ความหลงในสงสาร เขียนโดย รศ.ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม บุตรสาวของ ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห ????????

มีหนังสือเรื่องพระเจ้าตากสินออกมานานแล้วค่ะ โดย ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห์ อ้างว่าเห็นในนิมิตร ส่วนการกล่าวอ้างถึงหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ก็พึ่งเคยได้ยินนี่แหละ

ขอบอกตามตรงนะคะ ไม่เชื่อค่ะ


ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ

เล่มนี้ผมเคยอ่านผ่านๆแล้ว รู้สึกว่าจะอ้างอิงกับของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ว่าตรงกัน
User avatar
istyle
 
Posts: 1160
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:18 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby istyle » Sun Oct 19, 2008 10:03 am

พูดถึงการสิ้นอำนาจของพระเจ้าตากสินมหาราชนี่ ตามประวัติศาสตร์เห็นจะเขียนผิดความจริงคนเขียนประวัติศาสตร์เขียนไม่ผิด แต่เขียนถูกตามรับสั่งของพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เพราะถ้าหากเขียนถูกตามเรื่องราว ประเทศไทยเราอาจจะต้องย่อยยับเพราะเวลานั้นเป็นการแสดงละครอย่างดีมาก สมัยนั้นบ้านเมืองเรายับเยินมาก คนไทยแตกกระจัดกระจายไทยไม่เป็นไท ท่านจำต้องมารวบรวมไทย การเกิดเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม นายทหารเอกก็ต้องทำหน้าที่นี้
อยุธยาแตกครั้งหลังเพราะอะไร เพราะคนไทยเราแตกความสามัคคี ไม่รักความเป็นไท คล้าย ๆ กับคนไทยใกล้ ๆ สมัยปัจจุบันที่ชาวบ้านเขาไม่รู้จักว่า รัฐธรรมนูญเป็นยังไง ก็ร้องเรียกรัฐธรรมนูญ ชาวบ้านเขารังเกียจสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะมาเคี่ยวเข็ญเขาเข้าไปแล้วก็ไม่ได้เป็นผู้แทนจริง ๆ ไปกอบโกยอำนาจ กอบโกยทรัพย์สิน ทำให้เขาเสียหายมาก คนที่อยากจะเป็นผู้แทนราษฎรก็ให้คำมั่นสัญญากับบรรดาประชาชนไว้ยังไง แต่เวลาเข้าไปในสภาแล้วก็อยากเป็นรัฐบาล แทนที่จะเข้าไปควบคุมรัฐบาลกลับอยากไปเป็นรัฐบาลซะอง ความมุ่งหมายปลายทางที่ประกาศให้สัญญากับประชาชนไว้ก็ไม่เป็นไปตามความมุ่งหมาย การเมืองของประเทศใดก็ตาม ที่ยังมีพรรคการเมืองอยู่ เราก็ยังไม่เรียกประชาธิปไตย ถ้าเป็นพรรคเป็นกลุ่มเขาเรียกคณาธิปไตย แต่อย่างไหนจะดีไม่ดีไม่ขอวิจารณ์นี่พูดตามศัพท์
พระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์เป็นคนรักชาติ เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งหลังยับเยินมาก พระองค์มีกำลัง ๕๐๐ คน ตีฟันฝ่าข้าศึกออกไป รวบรวมกำลังคนได้ไม่เกิน ๕ พันคน ก็กำลังใหญ่ ๆ ๑๐ จุด ของกำนันจันนั่นแหละ กลับมากู้กรุงศรีอยุธยา สามารถกู้คนไทยได้ทั้งชาติ นี่เราก็ต้องถือว่าเป็นบารมีของพระเจ้าแผ่นดินที่สามารถรวบรวมคนสำคัญไว้ได้ เช่น พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ดี กรมพระราชวังบวรก็ดี นี่ต้องถือว่าเป็นคู่บารมี เป็นคนที่มีบุญคุณต่อประเทศชาติมาก เวลานั้นตอนกรุงแตกมีคนขายชาติ แต่สมัยพระเจ้าตากสินไม่มีคนขายชาติ เพราะถ้ามีคนขายชาติละก็ ถูกกำจัดเสียหมดไม่เหลือ ดูคนคิดคดทรยศอย่างพระยาสวรรค์ก็ถูกประหารชีวิต การปกครองกันต้องทำกันแบบนี้จึงจะถูกไม่ควรปล่อยให้ไอ้พวกขอมเก่าเข้ามาทำลายชาติ เวลานี้เรามักนิยมขอมเก่ากัน ทั้ง ๆ ที่มันทำลายชาติไทยไปตั้งหลายวาระ และมันก็อ้างว่าจะทำโน่นให้เจริญ จะทำนี่ให้เจริญ แต่มันบ่อนทำลายทุกอย่าง
เมื่อพระเจ้าตากสินขึ้นมาเป็นกษัตริย์ พระองค์ไม่ได้เป็นลูกกษัตริย์ไม่มีราชสมบัติมาก่อน การรบทัพจับศึกไม่ได้หยุด นึกดูก็แล้วกัน ท่านเป็นพ่อบ้าน เพียงแค่พ่อบ้านแม่เรือน ก็รู้อยู่ว่าการ
จับจ่ายใช้สอยมันมากมายเพียงใด ถ้าเป็นเรื่องของประเทศล่ะจะจับจ่ายใช้สอยกันมากมายขนาดไหน เงินที่ใช้สอย เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญ เงินเดือนข้าราชการของท่านก็ไม่มี ผลที่สุดในฐานะที่พระองค์มีเชื้อสายเป็นจีนมาก่อน ท่านจึงต้องอาศัยจีนคือ “ขอยืมเงินเจ้าสัวคนจีนเขามา” เพราะเป็นหนี้ เบี้ยหวัด เบี้ยบำนาญข้าราชการเขาอยู่มาก
ฉะนั้น มาบั้นปลายของชีวิต ท่านจึงมาคิดว่า “ถ้าเราจะเป็นกษัตริย์ต่อไป เราก็ต้องใช้หนี้เขา เงินก็ไม่มีจะใช้หนี้เขา” จึงได้เรียกสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก หรือสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เข้ามาพบในวันหนึ่งให้ทรงเครื่องรบขัดดาบมาด้วย เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกท่านก็แปลกใจคิดว่าคงจะมีเรื่องร้าย ครั้นเข้ามาแล้วก็ปรากฏว่า พระเจ้าตากสินอยู่ทรงอยู่องค์เดียวในห้องพระ ทรงขาวทั้งชุดนั่งชักลูกประคำ พระพุทธยอดฟ้าเห็นแบบนั้นก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะขัดดาบมาด้วย พระเจ้าตากสินเห็นเข้า ก็ทรงเรียกว่า “ด้วงเรอะ เข้ามาซิ (ความจริงท่านเป็นเพื่อนกัน) เอาดาบเข้ามาด้วย”
พระพุทธยอดฟ้าจะถอดดาบเก็บข้างนอกก็จำต้องถือเข้ามา แล้ววางดาบไว้ห่าง ๆ หมอบคลานเข้าไปเฝ้า พระเจ้าตากสินรับสั่งว่า “หยิบดาบมาให้ใกล้” พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็เลยเอามือกระทุ้งดาบออกนอกประตูไป ในฐานะที่พระมหากษัตริย์ประทับอยู่พระองค์เดียว การถือดาบเข้าไปอย่างนั้นย่อมไม่เหมาะ และอยู่ในชุดรบ พระเจ้าตากสินจึงถามว่า “ด้วง อยากจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินไหม” พระพุทธยอดฟ้าก็กราบทูลว่า “ไม่เคยคิด พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าตากสินจึงบอกว่า “ด้วง จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน” แล้วทรงเล่าเรื่องตามความเป็นจริงให้ทราบ แล้วบอกว่า “อีกไม่กี่วัน เจ้าสัวเขาจะมาทวงเงินเขา ด้วงก็รู้อยู่แล้วนี่ว่า ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ยากจนที่สุด ฉันไม่มีทรัพย์สินที่ไหนมาเลย ต้องกู้เงินเจ้าสัวเขามาจับจ่ายใช้สอย เวลานี้ฉันก็เป็นหนี้ เบี้ยหวัด เงินเดือน เงินปี ของข้าราชการอยู่มาก ยังชำระไม่หมด การรบทัพจับศึกก็ไม่เสร็จ ทำอยู่ตลอดเวลา การจับจ่ายใช้สอยมันก็มาก ถ้าฉันจะเอาเงินใช้หนี้เขาก็ไม่พอ เราก็จะต้องกู้หนี้ยืมสินเขาใหม่อีก และเงินเก่าเราก็ไม่มีให้เขาพร้อมทั้งดอกเบี้ย ฉันลำบากมาก ถ้ากระไรก็ดี ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เวลานี้เขมรแข็งเมือง ให้ด้วงยกทัพไปตีเขมร เอาลูกชาย ๒ คน ของฉันไปด้วย
และเมื่อตีเขมรได้แล้ว ไม่ต้องเอาลูกชายฉันมา ให้ครองอยู่ที่นั่น ด้วงกลับมา ด้วงก็เป็นกษัตริย์ สำหรับเงินที่จะต้องใช้ให้แก่ข้าราชการ เบี้ยหวัด เงินปีต่าง ๆ ที่คั่งค้างฉันเตรียมไว้แล้ว และเงินอีกส่วนหนึ่งสำหรับใช้ภายในประเทศฉันก็เตรียมไว้แล้ว และเงินอีกส่วนหนึ่งที่จะใช้เวลาที่ด้วงเป็นกษัตริย์ฉันก็เตรียมไว้แล้ว รวมเป็น ๓ ส่วนด้วยกัน ซึ่งในระยะไม่ช้า เจ้าสัวเขาก็จะมาทวงเงินของเขา ซึ่งตอนนี้แหละ ด้วงจะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และฉันจะต้องพ้นจากตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดิน แต่ด้วงทำงานคราวนี้ต้องทำในรูปปฏิวัติหรือทำในรูปขบถยึดอำนาจจากฉัน แต่การยึดอำนาจกันเฉย ๆ ใคร ๆ เขาจะคิดว่าด้วงเป็นคนอกตัญญู เห่อเหิมมาก ฉันจะทำทีเหมือนว่าเป็นนักบวช และ
ทำเป็นสติฟั่นเฟือน ในที่สุดกลับมาแล้ว ด้วงก็จับฉันประหารชีวิต แต่การประหารชีวิตฉันนั้น จะประหารจริงหรือหลอกก็ให้เป็นวิธีการของด้วง ฉันพร้อมที่จะยอมตายเพื่อชาติ
เห็นไหมลูกหลานที่รัก คนดีท่านทำอย่างนี้ ท่านไม่มานั่งเมามันเพื่อต้องการรัฐธรรมนูญ ต้องการรัฐสภา เวลาประกาศกับประชาชนก็ว่าต้องการเป็นตัวแทนของประชาชนชาวไทย แต่เมื่อเลือกเข้าไปแล้วก็อยากจะเป็นรัฐมนตรีมุ่งความเป็นใหญ่
แต่นี่พระเจ้าตากสินมหาราช ท่านไม่ต้องการอย่างนั้น เมื่อสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกเวลานั้นได้ทราบความจริง และสมเด็จพระเจ้าตากสินก็มีพระทัยมั่นคงต้องการให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ไม่อย่างนั้นประเทศไทยเราจะทรงตัวอยู่ไม่ได้ เพราะว่าท่านกู้เงินของจีน ถ้าไม่มีเงินให้เขา ก็อย่าลืมว่าประเทศไทยกับประเทศจีนน่ะกำลังต่างกัน เราเองก็เพิ่งจะตั้งตัวได้ใหม่ ๆ เพียงแต่จีนเขาใช้กำลังใกล้ ๆ กับเรา เราก็สู้เขาไม่ได้ ถ้าเขาหากว่าเราโกงเขา นี่เนื้อแท้ความจริงเป็นอย่างนี้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตัดตอนมาจากเรื่องจริงอิงนิทาน
User avatar
istyle
 
Posts: 1160
Joined: Mon Oct 13, 2008 9:18 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby พรรณชมพู » Sun Oct 19, 2008 10:29 am

istyle wrote:
พรรณชมพู wrote:หนังสือ ความหลงในสงสาร เขียนโดย รศ.ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม บุตรสาวของ ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห ????????

มีหนังสือเรื่องพระเจ้าตากสินออกมานานแล้วค่ะ โดย ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห์ อ้างว่าเห็นในนิมิตร ส่วนการกล่าวอ้างถึงหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ก็พึ่งเคยได้ยินนี่แหละ

ขอบอกตามตรงนะคะ ไม่เชื่อค่ะ


ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ

เล่มนี้ผมเคยอ่านผ่านๆแล้ว รู้สึกว่าจะอ้างอิงกับของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ว่าตรงกัน


หลวงพ่อจรัญ ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ คงไปสอบถามได้ ถ้าอยากรู้ถึงขนาด

เรื่องนิมิตร เป็นเรื่องที่เห็นคนเดียว จริงเท็จประการใด บางทีแม้แต่ผู้ที่เห็นนิมิตรนั้น ก็ไม่อาจทราบได้

ท่านถึงสอนมาว่า การนั่งวิปัสสนานั้น ต้องมีอาจารย์ หาไม่จะเตลิดเปิดเปิง

บางคนนั้นถึงกับกล่าวอ้างว่า ไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าในพระนิพพานโน่น

เรื่องพระเจ้าตากสินนี้ เล่าลือกันมากมาย เป็นตำนานมากมาย สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดยินยันได้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ได้แต่กล่าวอ้างไปตามใจตนชอบ และไม่ได้เป็นผลดีอันใดเลย

เพียงแต่จะหาคำตอบตรงต้องใจตนเท่านั้น
"silent key 16/06/2009"
User avatar
พรรณชมพู
 
Posts: 1774
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:17 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby LEOidentity » Sun Oct 19, 2008 10:37 am

เรื่องนี้หลวงพ่อจรัญท่านเล่าไว้เอง
และอีกเรื่องหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ ท่านก็เล่าไว้เองเช่นกัน
มิเช่นนั้น คงไม่สามารถเผยแพร่ออกมาได้อย่างนี้ครับ
ถ้าแม่ชีผมไม่ยืนยัน แต่พระอริยะสององค์เล่า คงจะบอกว่าเป็นเรื่องเห็นคนเดียวอย่างว่าคงมิได้

สำหรับเรื่องราวนี้ ผมก็ยังเห็นว่ามีประโยชน์นะครับ
เพราะว่าอย่างน้อย ความรู้สึกดีดี กับทั้งสองราชวงศ์ก็ยังเกิดขึ้น
ผมมีความรู้สึกแต่เด็กว่าผมไม่เชื่อเรื่องที่ทรงเสียพระสติ
จนได้ฟังเรื่องนี้ครั้งแรกๆ ยังไม่ปะติดปะต่อ ผมก็ภาวนาที่จะคิดว่าเป็นอย่างนั้น
เพราะอย่างน้อย ก็คือความรู้สึกที่ดี ต่อพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสอง ก็จะหลุดจากข้อกล่าวหาทั้งสองพระองค์
User avatar
LEOidentity
 
Posts: 155
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:47 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby จะบ้าตาย » Sun Oct 19, 2008 10:39 am

เมื่อกี้เห็นชื่อนึง ล็อกอินเข้ามาในเว๊ป คุ้นๆ เลยตามไปดู :lol: :lol: :lol:
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=2544006
User avatar
จะบ้าตาย
 
Posts: 1317
Joined: Mon Oct 13, 2008 2:41 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby nanase » Sun Oct 19, 2008 10:49 am

โอ้วแม่จ้าววอ่านเรบบนจะบ้าตาย taksin=ตากสิน โอวแม่จ้าวววววววววว :o :o :o :o
User avatar
nanase
 
Posts: 527
Joined: Wed Oct 15, 2008 4:42 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby silance mobius » Sun Oct 19, 2008 11:05 am

nanase wrote:โอ้วแม่จ้าววอ่านเรบบนจะบ้าตาย taksin=ตากสิน โอวแม่จ้าวววววววววว :o :o :o :o


งี้ใครก็ตามที่ชื่อทักษิณทุกคน ก็แบ่งภาคมาจากพระเจ้าตากสินทั้งหมดเลยอ่ะดิ

โด่ ตรรกะควายสัดๆ
Şįłäŋçé Möbiüş ® (愛しているよ!)™

บางสิ่งบางอย่าง"ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ"
User avatar
silance mobius
 
Posts: 4168
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:19 am
Location: Blue Planet

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby ล้างโคตรทักษิณ » Sun Oct 19, 2008 11:07 am

ทักษิณ = เนเมียวฯ
เสียใจ เกลียดแด.กสิ้น เอ๊ย ทักษิณ มากกว่า รัฐประหาร มีอะไรมั้ย?

รักประชาธิปไตย น้อยกว่า การล้างตระกูลชิงหมาเกิด เอ๊ย ชินวัตร จะทำไม

ล้างโคตรทักษิณ ก่อนค่อย มาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างบริสุทธิ
User avatar
ล้างโคตรทักษิณ
Moderator
 
Posts: 2027
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:20 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby loginofu » Sun Oct 19, 2008 11:47 am

อ่านเล่นเอาสนุกได้ครับ
แต่อ่านเอาจริง ก็ไม่เห็นประโยชน์อะไร
ชาติภพที่แล้วก็แล้วกัน ชาตินี้ถ้าทำดีไม่ได้ก็เสียชาติเกิด
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby LEOidentity » Sun Oct 19, 2008 12:11 pm

ผมมองว่า นี่คือเรื่องของประวัติศาสตร์ครับ
และเป็นประวัติบุคคลสำคัญระดับประเทศ
และคงไม่ใช่เรื่องแค่อ่านเอาสนุก
ประโยชน์ของมันก็คือ ทำให้คนเกิดสำนึกความรักชาติบ้านเมือง
ข้อมูลเหล่านี้อาจจะนำมาไปสู่การหาหลักฐานและตีความใหม่ทางประวัติศาสร์ได้
ที่ได้เห็นการเสียสละของบรรพชนในสมัยก่อน
แะอย่างน้อย จุดนี้คือจุดที่ฝ่ายเหลี่ยมนำมาใช้ในการปลุกระดมจนได้ผลระดับหนึ่ง
ลองดูชื่อนักรบของพวกมันสิครับ
User avatar
LEOidentity
 
Posts: 155
Joined: Tue Oct 14, 2008 6:47 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby โลกสวยงาม » Sun Oct 19, 2008 12:20 pm

อ่านแล้วประมวลเอาเองนะคะว่า ประวัติศาสตร์คือข้อคิดสำหรับการแก้ไขในอนาคต นิมิตรคือจินตนาการของบุคคลนั้นในภาคของความฝัน หรือนั่งทางใน บางครั้งอาจอ้างอิงมิได้(เพราะเราเข้าไปในความฝันเค้าไม่ได้ ประมาณคิดเองเออเอง) เรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสินนั้น ประวัติศาสตร์ของท่านก็คือ ท่านสามารถกู้ชาติไทยจากพม่าได้สำเร็จ เป็นสิ่งที่ชนรุ่นหลังจะรำลึกและสรรเสริญท่าน ส่วนใครขึ้นเป็นกษัตริย์โดยวิธีอย่างไรนั้นหรือใครกลับชาติมาเกิดเพื่อทวงบางสิ่งบางอย่าง ก็สนุกๆนะ คลายเครียด อดีตก็คืออดีต ไม่มีใครอยู่ในสมัยนั้นหรือเหตุการณ์ช่วงนั้นมาบอกกล่าวได้... เอ :? ..หรือว่ามีใครนั่งทามส์แมชชีนกลับไปได้นะ :lol:
อำนาจ ผลประโยชน์ ทำให้คนไทยสามารถฆ่าคนไทยด้วยกันได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลย บางคนนั้นเป็นไทยแต่ชื่อ และพร้อมที่จะเป็นคนสัญชาติอื่นได้ในทันที หากมันจะให้ประโยชน์กับเขามากกว่าความเป็นคนไทยนะ
User avatar
โลกสวยงาม
 
Posts: 340
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:09 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby Prinscess » Sun Oct 19, 2008 12:38 pm

เราเคยอ่านตอนนี้ซินแจเดินผ่านมาเห็นกษัตริย์ 2 พระองค์เดินมาด้วยกันค่ะ

ที่เหลือพึ่งได้อ่านครั้งนี้ครั้งแรก

บทความนี้ดีมากๆ

ขอบคุณค่ะ :)
User avatar
Prinscess
 
Posts: 131
Joined: Wed Oct 15, 2008 4:35 am
Location: Bangkok

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby ลูกนนทรี » Sun Oct 19, 2008 12:39 pm

ความคิดที่ว่าไอ้เหลี่ยมเป็นพระเจ้าตากกลับชาติมาเกิด คงมีแต่คนโง่และบ้าพลังและพวกบ้าปอบเท่านั้นที่เชื่อ งี่เง่าไร้สาระ
หัวใจของนักการเมืองจริงๆคือการทำนุบำรุงผลประโยชน์ของชาติ แต่ปัจจุบันในเมืองไทยหาได้ยากเสียเหลือเกิน
User avatar
ลูกนนทรี
 
Posts: 1567
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:35 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby Server Error » Sun Oct 19, 2008 1:28 pm

ชมสุสาน พระเจ้าตาก ที่เถ่งไฮ่ ประเทศจีน

http://www.sarakadee.com/web/modules.ph ... &artid=418

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล == viewtopic.php?f=14&t=14102 -->

User avatar
Server Error
 
Posts: 2462
Joined: Thu Oct 16, 2008 8:25 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby nanase » Sun Oct 19, 2008 1:35 pm

อ่านจากเรบบนร้องอ้อเลยว่าเหตุผลหลักน่าจะมากจากเรื่องพงศาวดารนี่เองทำให้ต้องมีอันเสียราชบัลลังค์ ความคิดเห็นส่วนตัวนะ :D :D
User avatar
nanase
 
Posts: 527
Joined: Wed Oct 15, 2008 4:42 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby silance mobius » Sun Oct 19, 2008 1:38 pm

Server Error wrote:ชมสุสาน พระเจ้าตาก ที่เถ่งไฮ่ ประเทศจีน

http://www.sarakadee.com/web/modules.ph ... &artid=418


เพิ่งจะรู้!!!

ถ้ามีโอกาศไปเมืองจีน จะแวะไปเยี่ยมคารวะ
Şįłäŋçé Möbiüş ® (愛しているよ!)™

บางสิ่งบางอย่าง"ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ"
User avatar
silance mobius
 
Posts: 4168
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:19 am
Location: Blue Planet

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby NorthStar » Mon Oct 20, 2008 5:15 am

โอ...สุดยอดข้อมูลกระทู้นี้...ดีครับ..หลากหลายทางความคิดดีช่วยแชร์ข้อมมูลอีกครับผมบูชาพระเจ้าตากเหมือนกัน วัดสุทัศน์ องเล็กๆ....ขอสนับสนุน....ว่าไอ้เหลี่ยม..ไม่ใช..พระเจ้าตาก...แลพระผู้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อชนชาติไทยไม่ว่าท่านใดกลับมาแน่นอนครับ.............เกลียดมันที่สุด......
User avatar
NorthStar
 
Posts: 172
Joined: Fri Oct 17, 2008 2:20 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby superager » Mon Oct 20, 2008 6:58 am

กระทู้ฮอตประจำวันเลยนะเนี่ย วันก่อนยังผมบ่นเลยว่ากระทู้ตกไปใหนเลย

สำหรับผมเรื่องนี้น่าเชื่อถือและดูสมเหตุสมผลมากครับและออกมาจากปากของพระเถระที่น่าเคารพนับถืออย่างที่คุณLEOidentityบอกมา ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหนังสือเรื่องนี้จะออกรวมเล่มมาคร่าวๆ เรื่องบางเรื่องในธรรมนิยายของผู้แต่งคนนี้ได้สอดแทรกข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่นเรื่องหลวงพ่อสด วิชชาธรรมกาย แน่นอนว่าสาวกธรรมกายทั้งหลายปฎิเสธว่าไม่จริง ผมอ่านธรรมนิยายของผู้แต่งคนนี้ในกุลสตรีมาตั้งแต่สมัยอายุ8-9ขวบแล้วครับ

เรื่องนี้น่าเชื่อถือและมีประโยชน์ถ้าจะเชื่อมากกว่าเรื่องพระพุทธศาสนาเกิดในประเทศไทยอะไรนั่นซะอีก หลายวันก่อนเห็นอาจารย์ชัยยงค์คนต้นเรื่องนี้มาขึ้นเวทีพันธมิตรซะด้วยแฮะ เคยซัดกะแกเรื่องนี้ในห้องศาสนาสมัยเป็นห้องย่อยของห้องสมุดเมื่อ7-8ปีก่อนนู้น
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby babyboy » Mon Oct 20, 2008 9:24 am

istyle wrote:
พรรณชมพู wrote:หนังสือ ความหลงในสงสาร เขียนโดย รศ.ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม บุตรสาวของ ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห ????????

มีหนังสือเรื่องพระเจ้าตากสินออกมานานแล้วค่ะ โดย ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห์ อ้างว่าเห็นในนิมิตร ส่วนการกล่าวอ้างถึงหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ก็พึ่งเคยได้ยินนี่แหละ

ขอบอกตามตรงนะคะ ไม่เชื่อค่ะ


ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ

เล่มนี้ผมเคยอ่านผ่านๆแล้ว รู้สึกว่าจะอ้างอิงกับของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ว่าตรงกัน




มีอย่างนี้ด้วย ไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ

แต่ถ้าจะลบหลู่ล่ะก็ ลบหลู่ไอ่คนทำมาขู่หวะ....

ตุย...
:lol:
User avatar
babyboy
 
Posts: 69
Joined: Thu Oct 16, 2008 8:56 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby superager » Mon Oct 20, 2008 9:39 am

อยากได้กรรมการหรือเปล่าครับ :twisted: :evil: :oops:


ช่วงนี้บอร์ดเงียบๆอยู่ด้วย พี่บังกับน้องจ๊ะก็ไม่อยู่ด้วยสิ :lol:
เสรีไทยพ้นภัย ด้วยใจสามัคคี
User avatar
superager
 
Posts: 2520
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:11 am

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby Server Error » Mon Oct 20, 2008 2:21 pm

ชมภาพวาดพระเจ้าตากสินมหาราช
ขณะบวชที่เมืองนครศรีธรรมราช
ตามคำบอกเล่า


http://www.oknation.net/blog/greenblog/ ... 30/entry-1

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล == viewtopic.php?f=14&t=14102 -->

User avatar
Server Error
 
Posts: 2462
Joined: Thu Oct 16, 2008 8:25 pm

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby silance mobius » Mon Oct 20, 2008 10:07 pm

superager wrote:อยากได้กรรมการหรือเปล่าครับ :twisted: :evil: :oops:


ช่วงนี้บอร์ดเงียบๆอยู่ด้วย พี่บังกับน้องจ๊ะก็ไม่อยู่ด้วยสิ :lol:


คิดถึงเค้าล่ะซี่

5555
Şįłäŋçé Möbiüş ® (愛しているよ!)™

บางสิ่งบางอย่าง"ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่มองเห็นได้ด้วยใจ"
User avatar
silance mobius
 
Posts: 4168
Joined: Tue Oct 14, 2008 12:19 am
Location: Blue Planet

Re: หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันเล่าเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

Postby Solidus » Mon Oct 20, 2008 10:53 pm

ก็มีส่วนเป็นไปได้
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm


Return to สภากาแฟ



cron