คอคอดกระ

คลังปัญญา กระทู้ปักหมุดเดิม เรื่องสำคัญจัดเก็บที่นี่

คอคอดกระ

Postby plunk » Wed Apr 28, 2010 7:52 am

ไปอ่านเจอมา ในกระทู้ แล้ว ก็ ไปหาดู ใน google มันคืออะไรครับ เป้นโครงการเหรอครับ จะสร้างเหรอ :?:

คลองคอดกระ
คอคอดกระ มีระยะทางจากฝั่งทะเลตะวันตกจรดฝั่งตะวันออกกว้างเพียง 50 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนนี้นับเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ได้รับความสนใจตั้งแต่ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ในการที่จะขุดคลองตัดผ่านจนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 4 ฝรั่งเศสคิดจะขุดคอคอดกระเพื่อร่นระยะทางในการเดินเรือจากฝั่งทะเลอันดามันข้ามมายังฝั่งอ่าวไทย โดยไม่ต้องอ้อมไปทางแหลมมลายู แต่เนื่องด้วยความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับอังกฤษที่เป็นเจ้าของกิจการท่าเรือในปีนังและสิงคโปร์โครงการนี้จึงระงับไป[ต้องการอ้างอิง]

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองในสนธิสัญญาสมบูรณ์แบบไทยยินยอมที่จะไม่ขุดคลองคอคอดกระหากไม่ได้รับความยินยอมจากอังกฤษก่อน[ต้องการอ้างอิง]

ปรีดี พนมยงค์ได้เสนอให้ขุดคลอง เมื่อ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501[1] แต่ยังคงไม่มีการขุดคลองแต่อย่างใดจวบจนปัจจุบัน ซึ่งมีหลายเหตุผลคัดค้านรวมถึงไม่ต้องการให้ประเทศแยกออกเป็นสองส่วน[ต้องการอ้างอิง]ผนวกกับ ประเทศสิงคโปร์กลัวจะเสียผลประโยชน์ด้วย[ต้องการอ้างอิง]

ใน พ.ศ. 2544 วุฒิสภา ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขุดคอคอดกระ ผลการศึกษาที่รายงานต่อที่ประชุมมีสาระสำคัญให้เรียกชื่อคลองว่า "คลองไทย" และบริเวณที่ขุดมิใช่คอคอดกระ เนื่องด้วยเหตุผลทางวิศวกรรมศาสตร์ อันได้แก่สภาพพื้นที่ที่ต้องขุดที่คอคอดกระนั้นเป็นหินและภูเขา และความมั่นคงเนื่องจากบริเวณคอคอดกระอยู่ที่ชายแดนพม่าปากแม่น้ำสายบุรี บริเวณที่วุฒิสภาเห็นว่ามีความเป็นไปได้และเกิดประโยชน์สูงสุดในการขุด "คลองไทย" คือ เส้นทาง 9A ผ่านจังหวัดกระบี่ ตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา ระยะทาง 120 กิโลเมตร[ต้อง
User avatar
plunk
 
Posts: 1031
Joined: Thu Apr 16, 2009 3:41 pm

Re: คอคอดกระ

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Wed Apr 28, 2010 9:01 am

ปัญหากับอังกฤษก็เป็นปัญหาหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือปัญหาความมั่นคงมากกว่าครับ

เพราะเท่ากับเราตัดประเทศออกเป็นสองส่วนทันที ในทางความเป็นจริงเราคงไม่เห็นว่าจะแตกต่างกันยังงัย เพราะมันก็เหมือนเราข้ามแม่น้ำ หรือข้ามฝั่งไปอีกฝั่งหนึ่ง

แต่ในความรู้สึก เราจะรู้สึกว่าอีกฝั่งมันเป็นอีกแผ่นดินหนึ่ง ในความรู้สึกลึกๆ ก็เหมือนประเทศถูกแบ่งแยก และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

ขนาดยังไม่มีคลองกระ สามจังหวัดภาคใต้ยังวุ่นวายขนาดนี้ ดังนั้นหลายๆฝ่ายจึงกลัวว่า การขุดคลองกระจะยิ่งโหมกระแสให้เชื้อร้ายการแบ่งแยกดินแดนพัดลามขึ้นมาถึงบริเวณคลองกระ และนอกเหนือไปจากนั้น คลองนี้จะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ มันจะกลายเป็นทำให้ปัญหาความมั่นคงดึงเอาต่างชาติเข้ามาพัวพันมากยิ่งขึ้น เพราะต่างชาติจะอ้างอิงเรื่องความมั่นคงของภูมิภาค ดังนั้นจึงขอส่งกองกำลังเข้ามาดูแล

ก็เหมือนกับกรณีคลองสุเอซเมื่อสมัยที่อียิปต์รบกับอิสราเอล แล้วอังกฤษกับฝรั่งเศสส่งกำลังเข้ามาที่คลองสุเอซ และกรณีของคลองปานามา ที่สหรัฐอเมริกาส่งทหารเข้าไปยึดคลองปานามา ตอนสมัยที่ปานามามีรัฐบาลที่ต่อต้านอเมริกา

...

แต่แน่นอน คลองนี้จะมีผลประโยชน์กับมหาศาลกับประเทศไทย ง่ายที่สุดเลยก็คือ ประเทศไทยจะเป็นประเทศศูนย์กลางทางการคมนาคมของภูมิภาคครบสมบูรณ์แบบ ทั้งทางน้ำ ทางอากาศ และทางบก ท่าเรือสำคัญจะย้ายจากสิงคโปร์มาที่ประเทศไทย นอกจากการเดินเรือสั้นลงแล้ว เรือสินค้าจะปลอดจากการรบกวนของพวกโจรสลัดในช่องแคบมะละกาด้วย

ถ้าไทยเลือกที่จะก่อสร้างโครงการนี้ ก็เท่ากับเราฆ่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ให้ตายทั้งเป็น เพราะสิงคโปร์จะกลายเป็นประเทศเกาะที่ไร้คุณค่าโดยสิ้นเชิง เมื่อใดที่โลกไม่ต้องพึ่งพาท่าเรือของสิงคโปร์ เมื่อนั้นประเทศสิงคโปร์ก็จะไม่มีปัญญาหารับประทานอะไรได้อีกเลย เพราะเศรษฐกิจของสิงคโปร์มีลักษณะเป็นประเทศนายหน้า รับสินค้าจากทั่วโลกไปกระจายจัดจำหน่ายอีกต่อหนึ่ง เมื่อสินค้าไม่เข้าที่ท่าเทียบเรือของสิงคโปร์แล้ว การทำธุรกิจลักษณะดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น

แต่โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว ฆ่าๆแมร่งไปเถอะครับประเทศพรรค์นี้ คนสิงคโปร์มีลักษณะนิสัยที่เลวทรามต่ำช้ามาก คิดแต่จะเอาเปรียบและเหยียบย่ำคนอื่น เห็นแก่ตัวและงกอย่างสุดๆ ตัวรัฐบาลมันเองก็ไม่ต่างกัน คิดแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากประเทศอื่น ไม่งั้นมันจะมีบริษัทของประเทศมันอย่างเทมาเส็กหรือครับ

คิดมาได้ "กองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์" แค่ชื่อก็เหิ้ยแล้ว ประเทศชาติไม่ใช่องค์กรทางธุรกิจการค้า ไม่เช่นนั้นแล้วต่อไป ประเทศอย่างอเมริกากับญี่ปุ่น ก็เอาเงินลงทุนของชาติตัวเอง ไปไล่ซื้อกิจการของเอกชนในประเทศอื่นๆได้หมดสิครับ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น โลกนี้จะอยู่กันอย่างไร

ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ดีที่คนไทยเราควรจะศึกษาเป็นแบบอย่าง ทั้งจากลักษณะนิสัยของคนในชาติ ทัศนคติการทำงาน และการดำรงชีวิต รวมถึงหนังโป๊เอวี
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: คอคอดกระ

Postby Ixora » Wed Apr 28, 2010 9:09 am

ขุดคอคอดกระ
ทำให้ผมนึกถึงทางใต้ ตอนข้ามทะเลสาบสงขลา
ปัญหาความมั่นคงอาจจะแค่ข้ออ้างที่ฟังดูมีน้ำหนัก
เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์สิงคโปร์
เพราะถ้าขุดคอคอดกระเมื่อไหร่ สิงคโปร์เฉาตายทันที
...ความชอบธรรมต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม...
User avatar
Ixora
 
Posts: 2103
Joined: Mon Oct 13, 2008 8:11 am

Re: คอคอดกระ

Postby คนเล็กของเล่นใหญ่ » Wed Apr 28, 2010 9:14 am

แต่สำหรับผู้ที่เขามีหน้าที่ปกครองประเทศ

ผลเสียที่มัน"อาจจะ"เกิดขึ้น มันไม่คุ้มกับผลประโยชน์ที่ได้รับ ยังงัยล่ะครับ


โอเคเราอาจจะรวยกันขึ้นมหาศาล แต่ถ้าถึงตอนนั้นมันกลายเป็นความวุ่นวาย จนประเทศชาติขาดความมั่นคงในดินแดนตรงนั้นไปล่ะ

เราจะกลับมานึกมั้ยล่ะครับว่า รู้งี้ปล่อยไว้เฉยๆ เราก็อยู่กันได้สบายๆอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะหาเรื่องทำไม


...ลองนึกถึงความรู้สึกนั้นดูสิครับ แล้วจะพอเข้าใจ


อย่าไปตีความว่าคนค้านการสร้างคลองกระทุกคนเขามีส่วนได้เสียกับสิงคโปร์เลยครับ

ถ้าโครงการมันไม่มีปัญหาจริงๆ ผมว่าเขาขุดกันไปนานแล้ว เพราะถ้าทุกคนเห็นพ้องต้องกันหมด สิงคโปร์มันจะจ่ายไหวเหรอครับ

แสดงว่ารัฐบาลและผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายยุคหลายสมัย คงเห็นแล้วว่า มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
User avatar
คนเล็กของเล่นใหญ่
 
Posts: 2134
Joined: Mon Oct 13, 2008 11:52 am

Re: คอคอดกระ

Postby tonythebest » Wed Apr 28, 2010 9:27 am

เคยได้ยินถึงใครบางคนในไทยเรา
ที่มีเอี่ยวกับสิงคโปร์ในเรื่องนี้
ใคร ที่มีความสำพันธ์ไกล้ชิดกับสิงคโปร์
โครงการนี้ ถูกนำมาถกกันครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนตัวผมไม่เชื่อปัญหาการแบ่งยแกหรอกครับ
เพราะบริเวณที่ขุึดคือประจวบฯ
ไกลจากส่วนแบ่งแยกดินแดนมาก
แต่ปัญหาอยู่ที่อะไร...
หลังจากนี้ กรุณาเรียกชื่อผมว่า “TonyTheLoser”
(หลังจากเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคน ยอมรับความพ่ายแพ้นี้ แม้ผมไม่เคยพนันอะไรกับใคร
แต่คิดว่า อย่างน้อย ผมก็ควรอยู่ในกลุ่มคนแพ้นั้นด้วย และผมยอมรับมันครับ)


ขอให้โชคดีต่อความเชื่อครับ
User avatar
tonythebest
 
Posts: 4636
Joined: Fri Jan 22, 2010 10:59 am

Re: คอคอดกระ

Postby Yasuhiro » Wed Apr 28, 2010 9:54 am

ขออนุญาตแสดงความเห็นเท่าที่ผมพอรู้และพอพูดได้นะครับ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับงานที่ผมกำลังวิจัยอยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงครับ

ปัญหาแรกอย่างที่หลายคนทราบกันก็คือต้นทุนในการขุดครับ ถ้าขุดในยุคนี้มันต้องใช้งบประมาณในการขุดขั้นต่ำ(ถ้าผมจำไม่ผิด) ประมาณสี่พันล้านเหรียญสหรัฐครับ ซึ่ีงประเทศเรายังไม่มีเงินมากพอขนาดนั้น ถ้าจะขุดกันจริงๆเป็นเรื่องเป็นราวก็ต้องกู้เงินจากต่างประเทศ ซึ่งก็ต้องกู้หลายงวด แถมอย่างที่หลายฝ่ายเขากังวลกันว่าพอขุดเสร็จขึ้นมาจริงๆ มันจะได้มากกว่าเสียหรือเปล่า? เพราะยังมีความไม่แน่นอนเรื่องจำนวนเรือที่จะใช้คลองไทยที่เราจะขุด และไหนจะเรื่องปัญหาเทคนิคทางการก่อสร้าง เช่นความกว้างของคลองมันสามารถรองรับเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่มหาศาลได้หรือไม่ ถ้าเราจะทำต้นทุนในการขุดมันจะสูงขึ้นอีกหรือไม่ อันนี้ก็เป็นปัญหาครับ

ประเด็นที่สอง จริงอยู่ที่ทางทหารเรือเห็นด้วยกับการขุดคอคอดกระ เพื่อที่เราจะสามารถส่งเรือรบของเราไปยังฝั่งอันดามันได้ทันที โดยไม่เสียเวลาต้องไปอ้อมช่องแคบมะละกาหนึ่งคืน แต่มันมีหลายคนที่กังวลเรื่องปัญหาทางภาคใต้ว่าถ้ามีปัญหาหนักหนาสาหัสขึ้นมาจริงๆ เราจะมีโอกาสเสียภาคใต้ไปทั้งยวงหรือไม่ (ส่วนตัวผมเห็นว่าความกังวลเรื่องนี้เหลวไหลครับ เพราะเทคโนโลยีการลำเลียงการขนส่งทางทหารมันพัฒนาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่อย่างว่านักการเมืองเลวๆก็เอาเรื่องนี้มาอ้างได้)

ประเด็นที่สาม ในสมัยทักษิณ จีนได้แสดงความสนใจที่จะให้เงินกู้แก่ไทยเราเพื่อขุดและพร้อมส่งแรงงานจีนมาขุดด้วย แต่อย่างว่าครับในเมื่อจีนจะให้เงินกู้แก่เรา และส่งคนของเขามาขุด มันทำให้ใครบางคนที่เป็นมะเร็งไข่อยู่ตอนนี้ไม่สามารถจะชักเปอร์เซ็นต์เพื่อเข้ากระเป๋าตัวเองและพรรคเพื่อไปซื้อเสียงไม่ได้ โครงการขุดคอคอดกระที่ตอนแรกจะทำเป็นเมกกะโปรเจคต์เลยต้องสะดุดไป แล้วก็มีการอ้างเรื่องปัญหาภาคใต้และต้นทุนในการขุดมาเป็นข้ออ้างที่เปลี่ยนไปทำในรูปแบบของแลนด์บริจด์แทน และได้มีการเซ็นต์อนุมัติให้กลุ่ม"ดูไบเวิร์ล" เข้ามาทำการศึกษาโครงการแบบให้เปล่า (แต่สอดไส้ว่า ดูไบเวิร์ลมีสิทธิที่จะได้รับความอนุเคราะห์ในการดำเนินการก่อสร้างโครงการแลนด์บริจด์และได้รับสัมปทานไป ซึ่งมันก็โยงกับไอ้คนที่เป็นมะเร็งไข่นี่แหล่ะครับ แต่ดีที่กรรมเวรมีจริง ที่กลุ่มดูไบเวิร์ลประสบปัญหาทางการเงิน ตอนหลังรัฐบาลชุดนี้เลยมีมติให้ดำเนินโครงการแลนด์บริจด์ (พัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา จนถึงบริเวณแถวทะเลสาบสงขลา โดยไม่รอกลุ่มดูไบเวิร์ลเสนอ (ส่วนผลการศึกษาให้เปล่า เราก็ได้ฟรีๆมาแบบโชคช่วย))

ถึงแม้ว่าแลนด์บริจด์อาจจะให้ผลดีต่อประเทศไทยเราไม่เท่ากับการขุดคอคอดกระ แต่ข้อมูลที่ผมได้จากสภาพัฒน์ที่สืบค้นผ่านทางเนต มันก็มีการเชื่อมต่อตั้งแต่ท่าเรือน้ำลึกปากบาราขนส่งขึ้นไปถึงจีนตอนใต้ ซึ่งตรงนี้ไทยเรายังจะได้รับอานิสงฆ์จากการที่ประเทศจีนมีนโยบายที่จะลดความเสี่ยงในเรื่องของการขนส่งน้ำมันที่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา เพียงแต่ตอนนี้ปัญหาการเมืองในบ้านเรามันทำให้การพัฒนาในเรื่องนี้ต้องชะงักลงไปครับ แต่ถ้าเราสามารถขจัดผู้ก่อการร้ายที่ป่วนประเทศตอนนี้ไปได้ ในระยะห้าถึงสิบปี เราก็จะยังได้รับอานิสงฆ์ในการเชื่อมฝั่งอันดามันกับอ่าวไทยครับ เพราะสามารถลดเวลาในการขนส่งที่ต้องอ้อมผ่านช่องแคบมะละกาไปได้วันถึงสองวัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งได้มากขึ้นครับ

ก็ตอบเท่าที่ผมพอรู้และพอเผยข้อมูลได้ครับ :oops:
"The future is plural" Peter Schwatz
เพิ่มเติม: ผมไม่มีนโยบายที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับพวกเกรียนทางความคิด เพราะมันเสียทั้งเวลาและอารมณ์ ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะไปนั่งอธิบายให้คนที่ปิดกั้นทางความคิดพวกนี้ฟังหรืออ่าน
User avatar
Yasuhiro
 
Posts: 1109
Joined: Mon Feb 01, 2010 3:00 pm

Re: คอคอดกระ

Postby honeyboy » Wed Apr 28, 2010 10:02 am

น่าจะขุดคลอง แล้วเอาฐานทัพไปตั้งใกล้ๆ เพื่อใช้เป็นศูนย์บัญชาการ ส่งกำลัง ดูแลภาคใต้
User avatar
honeyboy
 
Posts: 66
Joined: Fri Mar 26, 2010 4:06 pm

Re: คอคอดกระ

Postby stamp » Wed Apr 28, 2010 10:06 am

พึ่งไประนองมาค่ะ กลับมาก็มานั่งคุยเรื่องคอคอดกระเหมือนกัน ว่าน่าจะขุดคลองขึ้นมาไม่น่าจะมีผลเรื่องความมั่นคง แต่ที่ไม่ยอมขุดกันน่าจะเป็นการเสียผลประโยชน์ของประเทศอื่นมากกว่า
User avatar
stamp
 
Posts: 39
Joined: Tue Nov 17, 2009 9:39 pm

Re: คอคอดกระ

Postby MuuSang » Wed Apr 28, 2010 10:22 am

ไม่คุ้มครับ เพราะทะเลไทย เป็นแนวยาวจากเหนือลงใต้ สร้างท่าเรือน้ำลึกได้ไม่กี่ท่า ต้องวิ่งผ่านคลองอย่างเดียวโดย ship lift

สิงคโปร์มันเป็นเกาะ เส้นรอบเกาะยาวมหาศาล สร้างท่าเรือได้เป็นพันๆ ท่า ขนของขึ้นเรือเสร็จ ออกได้หลายทาง จะไปตะวันตก ไปจีน ไปจิงโจ้ ก็ทำได้ทันที
มีแผ่นดินอยู่ ก็นับว่าเป็นหนี้บรรพชนมากโข ควรเร่งทดแทนคุณให้หมดในชาตินี้
คนบางพวกกำลังทำความฉิบหายให้บ้านเมือง ที่บรรพบุรุษเราปกป้องมา
มันจะต้องไม่มีแผ่นดินอยู่ มันจะต้องชดใช้อย่างสาสม
User avatar
MuuSang
 
Posts: 1894
Joined: Tue Dec 02, 2008 10:47 pm

Re: คอคอดกระ

Postby Superb_Mob » Wed Apr 28, 2010 10:24 am

ไอ้โครงการบ้านี้ พูดกันมากี่สิบปีแล้วละครับ ใครเป็นรัฐบาลก็จะขุดโครงการนี้ขึ้นมาปัดฝุ่น สุดท้ายก็จบที่แบกกระเป๋าตุงๆ กลับจากสิงค์โปร์ แล้วก็เก็บโครงการนี้ให้ฝุ่นมันเกาะเหมือนเดิม
ผมไม่ได้ชอบทักษิณ และเคยแต่เลือก ปชป มาโดยตลอด ปัจจุบันนี้ถ้าจะให้เลือก ก็ขอเลือกพรรคที่คิดว่าทำประโยชน์ให้ชาติได้มากกว่า และเล่นตามกติกาประชาธิปไตยครับ การเมืองภาคประชาชนเป็นสิ่งที่ดี แต่ระวังจะเป็นเหยื่อ แล้วซ้ำเติมประเทศชาติซะเอง
User avatar
Superb_Mob
 
Posts: 1080
Joined: Wed Dec 03, 2008 10:03 pm

Re: คอคอดกระ

Postby อาทิตย์ » Wed Apr 28, 2010 10:27 am

จะต่อต้านใครก็แล้วแต่ที่คิดจะขุดคอคอดกระ ถ้าขุดสึนามิจะไม่มีผลแค่ฝั่งอันดามัน จะเลยมาถึงฝั่งอ่าวไทยด้วย

จะมีผลต่อสภาพภูมิศาสตร์ในระยะยาว มีผลต่อสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ มีมลพิษ มีปัญหาด้านความมั่นคง ชาวบ้านจะไปทำมาหากินอะไร จะให้ไปเป็นลูกจ้างอยู่ในท่าเรือเหรอ ชีวิตที่สงบจะไม่สงบอีกต่อไป คนที่ไปทำงานก็คงเหมือนมาบตาพุด ไม่ใช่คนในพื่นที่ คนในพื่นที่ต้องย้ายหนี

คลองต้องขุดกว้างและลึกขนาดไหนถึงจะให้เรือขนาดใหญ่ผ่านได้ ต้องมีพื่นที่ให้จอดพักเรืออีก ลองคิดดูว่าต้องใช้พื่นที่มากแค่ไหน

คนที่คิดจะให้ขุุดคอคอดกระตอนนี้ คิดว่าไม่มีวิสัยทัศน์ที่จะมองการพัฒนาที่ทำให้ประชาชนมีความสุขจริงๆ คิดถึงแต่เรื่องรายได้เป็นตัวเงินอย่างเดียว ซึ่งมันควรจะเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการพัฒนาแบบเก่าๆ ไปได้แล้ว
"สึนามิจะมีผลกระทบมาถึงฝั่งอาวไทยถ้าขุดคอคอดกระ"
User avatar
อาทิตย์
 
Posts: 164
Joined: Tue Jun 30, 2009 8:39 pm

Re: คอคอดกระ

Postby Yasuhiro » Wed Apr 28, 2010 10:32 am

ความมั่นคงน่ะข้ออ้างเต็มๆเลยแหล่ะครับ แต่เรื่องที่รัฐบาลชุดนี้ตัดสินใจไม่ขุดเพราะกลัวไม่คุ้มทุนกับปัญหาจากหางแดงมันรุมเร้ามากกว่าครับ ที่เป็นห่วงว่าไม่คุ้มเพราะตัวอย่างเช่น เรือบรรทุกน้ำมันของญี่ปุ่นก็ได้มีการพัฒนาให้มีระวางที่ใหญ่ขึ้นสามารถแล่นอ้อมผ่านช่องแคบตรงเกาะลอมบอกของอินโดเนเซีย โดยไม่ผ่านช่องแคบมะละกาครับ แต่ท้ายที่สุดแล้ว การเชือมระหว่างอ่าวไทยกับอันดามันก็มีความสำคัญอย่างมากต่อการขนส่งทางทะเลของโลกครับ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก แต่ตรงๆครับ เราเสียโอกาสตอนแม้วนี่แหล่ะ ที่กลับลำไม่ดำเนินโครงการเพราะไม่สามารถชักเปอร์เซ็นต์ได้จากเงินกู้ที่จีนเสนอให้ เพราะส่งคนมาขุดเอง ก่อสร้างเองโดยบริษัทวิสาหกิจของจีน ดังนั้นเงินก็ไม่ได้ชักเปอร์เซ็นต์ แถมเผลอๆจีนขุดให้เราเสร็จได้สัมปทานไปอีก มันก็กินไม่ได้เลยล้มโต๊ะ ให้ดูไบเวิร์ลเข้ามาแทน อย่างที่ผมกล่าวไปในข้างต้นครับ

* เพิ่มเติมครับ* ที่จริงเท่าที่ดูข้อมูลของสภาพัฒน์ในเรื่องการพัฒนาท่าเรือน้่ำลึกปากบาราและโครงการณ์แลนด์บริจด์ ถ้าทำได้ตามที่วางไว้ มันก็ช่วยให้เราพอมีลุ้นที่จะเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งได้ในระดับหนึ่ง (ถ้าทันนะครับ เพราะมาเลเซียเอง เห็นว่าทำแลนด์บริจน์เหมือนกัน ถ้าเราช้ากว่านี้ไปอีกปีสองปี ก็แย่ครับ)
"The future is plural" Peter Schwatz
เพิ่มเติม: ผมไม่มีนโยบายที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับพวกเกรียนทางความคิด เพราะมันเสียทั้งเวลาและอารมณ์ ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะไปนั่งอธิบายให้คนที่ปิดกั้นทางความคิดพวกนี้ฟังหรืออ่าน
User avatar
Yasuhiro
 
Posts: 1109
Joined: Mon Feb 01, 2010 3:00 pm

Re: คอคอดกระ

Postby Blue[bot] » Wed Apr 28, 2010 10:51 am

ในฐานะคนใต้ผมอยากให้ขุดนะ :mrgreen:
Blue[bot]
 
Posts: 1773
Joined: Sun Apr 19, 2009 4:38 pm

Re: คอคอดกระ

Postby zabb » Wed Apr 28, 2010 10:52 am

เรื่องผลประโยชน์ของประเทศ ย้ำน่ะครับ ของประเทศ มีแน่นอน ผมว่า ได้มากกว่าเสีย ส่วนเรื่องความั่นคง เป็นเรื่องที่คิดมากกันไปหรือเปล่าครับ อาจจะเป็นเพียงมุมมองว่าโดนแบ่งแยกดินแดน แต่ที่จริงแล้วก็ยังเป็นพื้นที่ประเทศไทยแดนสยามอยู่เหมือนเดิม ผมว่าประชาชนชาไทยทุกคนย่อมเข้าใจและรู้ดี ไม่เช่นนั้นการปกครองของประเทศที่เป็นเกาะต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น เขาไม่เห็นมีปัญหาในเรื่องพื้นที่เลยครับ ถ้าจะคิดแต่เรื่องความมั่นคงแล้วไม่กล้าทำอะไร ผลประโยชน์ก็ตกไปที่อื่น ประเทศก็ไม่มั่นคงเหมือนกันครับ เนื่องจากต่างประเทศจะมองว่าประเทศเราไม่มีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาศักยภาพเรื่องการขนส่งคมนาคม อินเดีย เป็นเมืองท่าอีกเมืองที่กำลังเจริญเรื่องเทคโนโลยีและเป็นฐานการผลิตชั้นส่วนรถยนต์พอ ๆ กับบ้านเรา ถ้าหากเรามีคลองตรงจุดนี้ ตลาดการผลิตของไทยจะขยายออกไปอีกมากได้ทั้ง 2 ฝั่งทะเลของไทย...

นั่งมองดูต่อไป นั่งจากที่เห็นเขาคุยกันมาครั้งหนึ่งล่ะ....
User avatar
zabb
 
Posts: 58
Joined: Tue Mar 30, 2010 2:33 pm

Re: คอคอดกระ

Postby nontee » Wed Apr 28, 2010 11:18 am

ที่วิพากษ์วิจารณ์กันมานั้นก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาหลักที่เราขุดไม่ได้ ปัญหาจริงๆเป็นเอกสารที่อยู่ในมือผม เป็นเรื่องของ "รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมครับ" เอาสั้นๆกระชับเพื่อความเข้าใจง่ายๆนะครับ ...

1 . ปัญหาเรื่องความสูงของระดับน้ำทะเลที่ไม่เท่ากันของมหาสมุทรอินเดีย (อันดามัน) กับฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค(อ่าวไทย)ที่มีความสูงของระดับน้ำทะเลแตกต่างกันค่อนข้างมาก

2 . ปัญความเค็มของน้ำทะเลที่ไม่เท่ากันของทั้งสองมหาสมุทร จะทำลายระบบนิเวศน์วิทยาของทั้งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน ให้พังพินาศลงสิ้นเชิงเป็นการถาวร และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่พันปี สิ่งมีชีวิตทั้งสองฝั่งทะเลจะสามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศน์แบบใหม่ได้

3 .

4......
..................................................................................................................................

เอาเข้าจริงการขุดคอคอดกระ ประเทศที่จะได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยอันดับหนึ่งคือญี่ปุ่น รองลงมาคือจีน และอันดับสามคือเศรษฐกิจของอาเซียนโดยรวม และอันดับสุดท้ายคือไทย (แต่เราเสียระบบนิเวศน์ของสองฝั่งทะเลไปแล้วตลอดกาล)

แต่ถ้าตัดเป็นแลนด์บริดจ์ ประเทศที่จะได้ผลประโยชน์โดยตรงสูงสุดอันดับหนึ่งคือไทย และประเทศที่จะได้ผลประโยชน์สูงสุดเป็นอันดับสองต่อจากไทยคือจีน และเศรษฐกิจของอาเซียนโดยรวมจะได้ผลประโยชน์เป็นอันดับสาม ส่วนญี่ปุ่นแทบไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆจากโครงการนี้หรือได้ก็น้อยมากๆ
User avatar
nontee
 
Posts: 6598
Joined: Tue Jan 26, 2010 2:34 pm
Location: หว้ากอ

Re: คอคอดกระ

Postby Rockument » Wed Apr 28, 2010 11:22 am

ผมไม่เห็นว่ามันจะไม่มั่นคงตรงไหน กลัวการก่อการร้าย ก็เพิ่มการรักษาความปลอดภัย อีกอย่างภาคใต้ 14 จังหวัด + 1 (ประจวบ) ใครมันจะไปยอมอยู่ใต้ ผู้ก่อการร้ายครับ ผมคนนึงละไม่ยอม ดูง่ายๆ ภูเก็ต ไม่เห็นรู้สึกว่ามันเดียวดายตรงไหน รายได้ที่จะเข้ามาจากการขนส่งทางเรือมหาศาล ที่ไม่ทำแล้วเอาความมั่นคงมาอ้าง น่าจะเรื่องผลประโยชน์ที่ได้รับจากสิงคโปโตก มากกว่ามั้ง เลือกตั้งคราวหน้าพรรคเล็กพรรคน้อยไหนเสนอ ทำคอคอดกระ เดี๋ยวจะเลือกให้หนึ่งเสียง
หากคุณไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรและเอเอ้ทีวี คุณจะได้สิทธิ์เป็น แมลงสาป...แม่ยกมาร์ค...เสื้อแดง เป็นไรกันดีละทีนี้
User avatar
Rockument
 
Posts: 201
Joined: Fri Apr 09, 2010 9:40 am

Re: คอคอดกระ

Postby -3- » Wed Apr 28, 2010 11:29 am

สนับสนุน land bridge มากกว่าครับ เหตุผลก็ตามท่าน nontee นะแหละ
"คนไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา...ก็ผมเห็นธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร ไม่เคยห่างกัน"
User avatar
-3-
Moderator
 
Posts: 6302
Joined: Thu Nov 27, 2008 11:34 am
Location: Gensokyo

Re: คอคอดกระ

Postby loginofu » Wed Apr 28, 2010 12:36 pm

ฉลามวาฬตัวหนึ่ง อาจะไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับปากกท้องคนไทยทั้งประเทศ
แต่คงลืมนึกไปว่า ฉลามวาฬตัวนั้น เป็นตัวชี้วัดสำคัญของปากท้องคนไทยทั้งประเทศ
หากหมดก็จบกัน คุ้มค่าแล้วแน่ใจเหรอ จะลองเสี่ยงจริงๆเหรอ

ไทยจะเป็นเหมือนสิงคโปร์ มีเงินมากขึ้นค่าครองชีพสูงขึ้น...คนรวยขึ้น?
ข้าวปลาต้อง"ซื้อ" พึ่งพิงตัวเองไม่ได้
ถึงวันที่ไม่มีเรือ....วันนั้นไทยจะเป็นอย่างไร
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: คอคอดกระ

Postby bigtang » Wed Apr 28, 2010 12:47 pm

เก็บเอาคอคอดกระไว้เป็นมรดกรุ่นลูกหลานได้ดูดีกว่า
ขุดเป็นคลองเมื่อใด ความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่นสูญสิ้นแน่ๆ วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบแน่นอน
ถ้าขุดแล้ว เรามองภาพทางเศรษฐกิจเป็นบวกแน่นอน แต่คุณภาพทางสังคมติดลบแน่นอน ดีไม่ดีล่มสลายก็จะเกิดความเสียหายในวงกว้างเข้าไปอีก
User avatar
bigtang
 
Posts: 782
Joined: Fri Mar 26, 2010 6:13 pm

Re: คอคอดกระ

Postby TIK Tik tik » Wed Apr 28, 2010 1:22 pm

แนวที่จะขุดคลอง มี 12 แนวคลองที่จะขุด (ภาพ ที่ 1) เพื่อให้กรอบแนวคิดที่จะกำหนดแนวขุดคลอง เกิดเป็นผลดีที่สุด ควรจะมีการพิจารณา องค์ ประ กอบ ที่สำคัญต่างๆที่ควรจะต้องนำมาพิจารณาร่วมกันมีดังนี้:-
Image

ภาพที่ 1 แนวคลองที่จะขุดจากอดีต จนถึงปัจจุบัน มี 12 แนวคลองที่จะขุด
1. ทางด้านความอิสระในการบริหารคลอง ของประเทศ
2. ทางด้านเศรษฐกิจ ของประเทศ
3. ทางด้านยุทธ์ศาสตร์ทางทหาร
4. ทางด้านสังคม และ สิ่งแวดล้อม
5. ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์

1. ทางด้านความอิสระในการบริหารคลอง ของประเทศ ความอิสระในการบริหารคลอง ในที่นี้ก็คือ เมื่อมีเรือเดินทะเลจะมาใช้บริการผ่าน แนวคลองไทยที่จะขุดจะต้องผ่านน่านน้ำของ ประเทศ เพื่อนบ้าน จะมีโอกาสสร้างปัญหาในเรื่องของผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อไม่ต้องการให้ ประเทศไทย ไม่ต้องมีปัญปัญหา ทางด้านน่านน้ำสากลกับ ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านทะเลฝั่งอันดามัน ที่มีทะเลร่วมติดต่อกับประเทศมาเลเซีย หรือประเทศพม่า และทาง ด้านทะเล อ่าวไทย ที่มีประเทศกัมพูชา และ ประเทศเวียตนาม ดังนั้นควร ให้แนวคลองที่เรือต่างๆที่จะมาใช้บริการ ควรจะต้องห่างน่านน้ำเพื่อนบ้าน ประมาณ 200 ไมล์ทะเล หรือ 400 กิโลเมตร

2. ทางด้านเศรษฐกิจ ของประเทศ เส้นทางคมนาคมไม่ว่าจะเป็นทางบก หรือทางน้ำ ไปตัดผ่านที่ใหนก็จะนำความเจริณไปสู่ที่นั่น การเกิดธุระกิจชุมชนน้อยใหญ่จะตามมา หากเป็นเส้นทางที่อยู่ในเส้นทางของการขนส่งทางน้ำของโลกมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ผลประโยชน์มหาศาลจะตามมาเพราะฉนั้น สองฝั่งคลองจะต้องมีพื้นที่ ขนาดใหญ่รองรับพอที่จะมีเมืองขนาดใหญ่ที่ จะเกิดใน อนา คตได้ มีแหล่งน้ำจืดพอเพียง อยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดีในการที่จะเป็นผังเมืองแห่งอนาคตได้

3. ทางด้านยุทธ์ศาสตร์ทางทหารแนวคลองที่จะขุดหากแนวคลองขุดที่ตัดผ่าน ประชิดด้านใดด้านหนึ่งเกินไป จะทำให้การดำเนินงานใดๆในทางทหารมีข้อจำกัด โดยเฉพาะการจัดกำลังทัพของกองทัพบกทางภาค พื้นดินของประเทศ จำเป็นต้องมีพื้นที่ดำเนินการได้สะดวก จะต้องประสานสอดคล้องกับแนวคลองขุด ที่จะเป็นการเพิ่มศักย์ภาพให้กับกองทัพเรือ ดียิ่งขึ้น ในการเคลื่อน ย้ายกำลังกองทัพเรือทั้งสองฝั่งทะเลไทย

4. ทางด้านสังคม และ สิ่งแวดล้อมตามสองฝั่ง แนวคลองที่จะขุด จะต้องใช้พื้นที่มากประมาณ ความกว้างตลอด 4 กิโลเมตร (รวมสำรองพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในอนาคต) ความยาว ของคลอง ประ มาณ 120 กิโลเมตร จะต้องมีผลกระทบต่อ แหล่งทำมาหากินของประชาชน

การโยกย้าย และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของประชาชนจากสังคมชนบท มาเป็นสังคมเมืองใหม่ที่จะมีประชาชนหลากหลายทั่วประเทศ จะมารวมเป็นสังคมเมืองใหญ่ ตลอดจน สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และทางวัฒนะธรรมต่างๆ จะมีการปรับเปลี่ยนไป ดังนั้นแนวคลองที่จะขุดควรหลีกเลี่ยงความหนาแน่นของชุมชน และแหล่งธรรมชาติที่สำคัณไว้ให้มาก

5. ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ การพิจารณาแนวคลอง ที่จะขุด ต้องมีข้อ มูล ทางธรณีวิทยา ทางด้านอุทกศาสตร์ และ วิศกรรมทางทะเล (Marine Engineering) มีข้อมูลการเคลื่อนย้ายของชั้นดินทรายใต้ท้องทะเลว่าเป็นอยางไร มีแนวหินโสโครกเป็นอย่างไรหรือ ภูเขาที่อยู่ใต้ท้องทะเล อยู่บริเวรใดบ้าง เพื่อจะกำหนดแนวขุด ให้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสมกับความต้อง การของเรือขนาดใหญ่ ที่จะมาใช้บริการ เพื่อเตรียมในการวางแผนจัดการด้านระบบการจราจรการเดินเรือ สำรวจ แนวร่องน้ำที่อญู่ใต่ท้องทะเล จะต้องรองรับเรือขนาดใหญ่ มีความลึกมากพอที่จะให้เรือต่างๆ สามารถเดินเรือเข้าออกได้ปลอดภัย ทั้งในกรณีน้ำขึ้นหรือน้ำลง ทั้งฝั่งทะเล อันดามัน และฝั่งอ่าวไทยจาก 5 องค์ ประ กอบ ที่สำคัญ ดังกล่าว ยกเว้นองค์ประกอบทางด้านวิศวกรรมเท่านั้น ที่เรายังไม่มีข้อมูลที่มากพอที่จะสรุปได้ แต่สำหรับในองค์ประกอบอื่นๆ เราคงจะเริ่มมองภาพออกว่า แนวคลองที่จะขุด 12 แนวลดเหลือ 4 แนวในการพิจารณาชัดเจนขึ้น
Image

แนวคลองที่ควรจะขุดควรเป็น แนวใด จากแนวคลองทั้งหมด 12 แนวที่ได้มีการกล่าวถึง และเพื่อให้ชัดเจนในการพิจารณา เราลดเหลือ 4 แนวคลองจากทั้ง 4 แนวคลองที่คาดว่าจะขุด คงจะพิจารณาเปรียบเทียบ ข้อดี ข้อเสียระหว่างกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของเส้นทางคลองไทย (THAI-CANAL)
เส้นทาง 2A เส้นทาง 5A เส้นทาง 7A เส้นทาง 9A

เส้นทาง 2A คลองเริ่มจากบ้านราชกรูด – อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร

ข้อดี
1. เป็นแนวคิดคลองเดิมเมื่อ 325 ปี มาแล้ว ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
2. มีพื้นที่ติดคลองบนบกสั้นเพียง 90 กิโลเมตร
3. เป็นเส้นทางเดินเรือที่ใกล้กรุงเทพมากที่สุด (ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 600 กิโลเมตร)
ข้อเสีย
1. อยู่ใกล้ชายแดนพม่า (ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร จากชายแดน) อาจจะมีปัญหาด้านความมั่นคงและการเมืองในภาวะไม่ปกติ เนื่องจากปัญหากรรมสิทธิ์บางเกาะในทะเลระหว่างเขตแดนไทย – พม่า ยังไม่ชัดเจน
2. อยู่นอกเส้นทางเดินเรือสากล ต้องอ้อมแหลมญวนไกลเพิ่มขึ้น
3. พม่าสามารพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แข่งขันกับไทย โดยพม่าจะได้เปรียบเพราะค่าแรง งานต่ำ และการลงทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรม เป็นแรงจูงใจให้ต่างชาติไปลงทุนในพม่าแทนการลงทุนในประเทศไทย
4. ปัญหาทางธรณีวิทยามีรอยเลื่อนของเปลือกโลก มีแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง อาจเป็นอัน ตรายต่อคลองในอนาคต
5. ระดับน้ำทั้ง 2 ฝั่ง ต่างกันประมาณ 2-3 เมตร อาจต้องทำประตูน้ำ
6. เส้นทางผ่านแนวภูเขาสูงชันและเป็นช่องเขาแคบ ทำให้ไม่เหมาะในการพัฒนาท่าเรือ พื้นที่อุตสาหกรรมต่อเนื่องและเขตเศรษฐกิจพิเศษมีที่กว้างพอ
7. การขุดคลองผ่านพื้นที่ภูเขาสูงชันมีหินแกรนิตเป็นระยะทางยาวกว่า 60 กิโลเมตร ทำให้คลองสั้นแต่ราคาค่าขุดคลองจะสูง
8. การขุดคลองมิได้หวังเพียงให้เรือเดินทางเข้าท่าเรือกรุงเทพฯ แต่ต้องการให้เป็นน่านน้ำสา กลจากตะวันออกกลาง สู่อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี ยิ่งขึ้นสูงทำให้เส้นทางเดินเรือต้องอ้อมแหลมญวน ไม่ทำให้ประหยัดระยะทางหรือเป็นคลองลัดจริง

เส้นทาง 5A เส้นทางจากจังหวัดสตูล – จังหวัดสงขลา
ข้อดี
1. ปริมาณดินที่ขุดน้อยที่สุด ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนเฉพาะการขุดคลองต่ำที่สุด
2. ระดับน้ำทิ้ง 2 ฝั่ง ต่างกันประมาณ 0.5 เมตร
3. ไม่ต้องตัดผ่านภูเขา เนื่องจากแนวคลองจะอยู่ในช่องเขา
4. อยู่ในแนวเส้นทางการเดินเรือสากล
ข้อเสีย
1. อยู่ใกล้ชายแดนมาเลเซีย ทำให้มาเลเซียสามารถพัฒนาอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องลงทุนขุดคลอง และมาเลเซียจะได้ประโยชน์มากกว่าประเทศไทย เพราะแนวคลองอยู่ใกล้เมื่องอลอสตาร์ และท่าเรือกลาง ของประเทศมาเลเซีย (Port Kelang)
2. ปัจจุบันมีความหนาแน่นของประชากรสูงมาก อาจจะมีปัญหาในเรื่องค่าขนย้ายและค่ารื้อย้ายมาก
3. แนวคลองพาดผ่านทะเลสาปสงขลา (ทะเลสาปสงขลาตอนล่าง) อาจจะเกิดกระแสการต่อต้านสูง ดังเช่นในกรณีเดียวกับการวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย
4. จากการสำรวจข้อมูลด้านธรณีวิทยา พบโพรงหินขนาดใหญ่ประมาณ 11 แห่ง บริเวณจังหวัดสตูล
5. ทางภูมิรัฐศาสตร์บริเวณพื้นที่ ใต้แนวคลองเป็นเขต ประชากรไทยมุสลิมหนาแน่นมาก กว่า ร้อยละ80หากมีการแทรกแซงจากภายนอกอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านการแบ่งแยกดินแดนและด้านความมั่นคงในอนาคตได้
6. แนวคลองอยู่ใกล้ช่องแคบมะละกา ทำให้ไม่ได้ร่นระยะทางการเดินเรือ
7. ไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

เส้นทาง 7A เส้นทางจาก จังหวัดตรัง - สงขลา
ข้อดี
1. ระยะทางสั้นขุด ผ่านแผ่นดินประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้ร่องน้ำจากกันตังถึงตรัง 30กิโลเมตร ที่อำ เภอ ย่านตาขาว แล้วขุดทะเลสาบสงขลาในส่วนทะเลหลวงที่พัทลุง -สงขลาประมาณ 20 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 110 กิโลเมตร
2. ขุดผ่านภูเขาประมาณ 9 กิโลเมตร จะได้ใช้หินเพื่อก่อสร้าง
3. ผ่านสงขลาบนบกเพียง 5 กิโลเมตร ก็ทะลุออกอ่าวไทยมีท่าเรือน้ำลึกที่สงขลาอยู่แล้ว
4. ใช้ทะเลสาปสงขลาเป็นท่าเรือหลบมรสุมได้
ข้อเสีย
1. เส้นทางทับลำน้ำธรรมชาติเดิมจากกันตังถึงย่านตาขาวมีผลกระทบกับประชาชนริมน้ำ เป็นระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร
2. คณะสมาชิกวุฒิสภา และ สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดสงขลา และ ชมรมอนุรักษ์ทะเลสาปสงขลาหลายชมรมและ ประชาชนสงขลาคัดค้านที่จะให้คลองผ่านทะเลสาปสงขลา
3. พื้นที่จังหวัดสงขลาซึ่งมีประชาชนอาศัยหนาแน่น ที่ดินราคาแพง ทำให้มีผลกระทบด้านสังคมมากเพราtประชากรมุสลิมหนาแน่นกว่าแนวคลอง 9A
4. ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นแหล่งชุมชนหนาแน่นและแหล่งท่องเที่ยว สำคัญของประเทศตลอดเส้นทางที่คลองตัดผ่าน
5. ใกล้กับชายแดนไทย - มาเลเซีย มากกว่าเส้นทาง 9A
6. ภูเขาที่ตัดผ่านบริเวณจังหวัดตรังเป็นพืดเขาสูงชันมาก สูงถึง 1,200 เมตร ระยะทาง 9 -10 กิโลเมตร มีอยู่ช่องเดียวคือช่องเขาพับผ้าซึ่งแคบเกินไปที่จะขุดคลอง
7. ไม่มีพื้นที่กว้างพอสำหรับการพัฒนาท่าเรือ เขตเศรษฐกิจพิเศษ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

เส้นทาง 9A เส้นทางจากจังหวัดกระบี่ - ตรัง - พัทลุง - นครศรีธรรมราช
ข้อดี
1. ตำแหน่งที่ตั้งเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ อยู่ระหว่างกลางประเทศพม่าปลายแหลมมลายู และประเทศสิงค์โปร์ ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง ( ห่างจากชายแดนพม่าประมาณ 700 กิโลเมตร และห่างจากประเทศสิงคโปร์ ประมาณ 700 กิโลเมตร
2. ทางภูมิรัฐศาสตร์บริเวณคลองเป็นชาวไทยพุทธร้อยละ 95 และรวมพื้นที่ใต้แนวคลองทั้งหมดประชากรส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธหากมีการแทรกแซงจากภายนอกที่จะก่อให้เกิดปัญหาการแบ่งแยกดินแดนจะทำได้ยาก
3. อยู่ในเส้นทางการเดินเรือสากลและสามารถพัฒนาท่าเรือหลบมรสุมได้ทั้ง 2 ฝั่งทะเล
4. ระบบโครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อม อาทิเช่น โรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสง กำลังผลิต 8 ล้านตัน/ปี และศูนย์ กลางการคมนาคมทางบก มีทางหลัก 4 สาย รถไฟ 2 สาย และทางอากาศมีสนามบินใกล้ถึง 3 สนามบิน
5. มีแหล่งน้ำจืดที่ใช้ในกิจการของคลองและสนับสนุนอุตสาหกรรมเพียงพอโดยกรมชลประทานเป็นผู้วางแผน สนับสนุนเรื่องน้ำอย่างเต็มที่
6. มีศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่สำหรับเมืองใหม่ เขตเศรษฐกิจพิเศษและที่จะสามารถพัฒนาได้กว้างใหญ่ถึง 3 ที่ คือที่ปากคลองทั้งสองฝั่งทะเลและบริเวณกลางคลอง
7. มีความหนาแน่นของประชากรน้อย ทำให้ลดค่าขนย้าย และค่ารื้อย้าย
8. ระดับน้ำทั้ง 2 ฝั่งทะเลต่างกันประมาณ 0.5 เมตร
9. ประชาชนในแนวคลอง ทั้ง 23 อ.บ.ต สนับสนุนและมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวคลองเองตลอดแนวคลอง 9A ได้มีการประชุมกัน 15 ครั้ง
ข้อเสีย

1. แนว 9A ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร แนวที่2 ยาว 92 กิโลเมตร แนวที่ 5A ยาว 102 กิโลเมตร และแนวที่ 7A ยาว 105 กิโลเมตร
2. มีเส้นทางพาดผ่านพื้นที่เนินเขาประมาณ 10 กิโลเมตร บริเวณเทือกเขานครศรีธรรมราช
3. แนวคลองพาดผ่านพื้นที่บางส่วนเลี้ยวของพรุควนเคร็ง ถ้าไม่มีการจัดการที่เหมาะสมอาจจะทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้
4. ไม่สามารถสร้างท่าเรือริมทะเลได้ต้องพัฒนาพรุควนเคร็งบางส่วนเป็นท่าเรือเคร็ง (Port of Kreng) เพื่อหลบมารสุมด้านอ่าวไทย

ข้อมูลจาก http://www.thai-canal.org/canal%20line% ... ve%20T.htm
User avatar
TIK Tik tik
 
Posts: 179
Joined: Tue Aug 25, 2009 12:27 am

Re: คอคอดกระ

Postby Yasuhiro » Wed Apr 28, 2010 1:35 pm

ข้อมูลของคุณnontee น่าสนใจครับโดยเฉพาะรายงานศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมครับซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ผมขอสอบถามเป็นความรู้ครับว่ารายงานศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ว่านี้ ได้จัดทำขึ้นในช่วงปีไหนครับ เพราะจากการที่ผมเคยทำงานในหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการตรวจสอบการเบิกจ่ายของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจหน่วยหนึ่ง ก่อนที่จะเบื่อระบบแม้วและมาเปลี่ยนสายมาทำวิจัยเรื่องความมั่นคง ผมเจอมากับตัวว่ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมันมีทั้งฉบับจริง กับฉบับแม้วสั่ง และปัญหาที่เจอคือรายงานฉบับจริงมักจะไม่ถูกนำเสนอใช้ประกอบเวลานำเสนอต่อรัฐบาลต่างประเทศเพื่อขอเงินกู้ครับ (ที่เจอมากับตัวชัดๆก็หอบังคับการบินของสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ๆกำหนดไว้เดิม แต่เลื่อนมาสร้างอีกที่ซึ่งห่างจากที่กำหนดไว้เดิมพอสมควร ซึ่งที่จริงมันก็ส่งผลกระทบในระดับหนึ่งเหมือนกัน แต่แม้วสั่ง บทม เลยรีบสร้างหอบังคับการในตำแหน่งใหม่เพื่อให้เสร็จทันที่มันกำหนด)

ทีนี้ผมขอสอบถามคุณnonteeครับ ว่ารายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คุณมีนั้นเปิดเผยได้ไหมครับ
"The future is plural" Peter Schwatz
เพิ่มเติม: ผมไม่มีนโยบายที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับพวกเกรียนทางความคิด เพราะมันเสียทั้งเวลาและอารมณ์ ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะไปนั่งอธิบายให้คนที่ปิดกั้นทางความคิดพวกนี้ฟังหรืออ่าน
User avatar
Yasuhiro
 
Posts: 1109
Joined: Mon Feb 01, 2010 3:00 pm

Re: คอคอดกระ

Postby nontee » Wed Apr 28, 2010 1:47 pm

Yasuhiro wrote:ข้อมูลของคุณnontee น่าสนใจครับโดยเฉพาะรายงานศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมครับซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ผมขอสอบถามเป็นความรู้ครับว่ารายงานศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ว่านี้ ได้จัดทำขึ้นในช่วงปีไหนครับ เพราะจากการที่ผมเคยทำงานในหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการตรวจสอบการเบิกจ่ายของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจหน่วยหนึ่ง ก่อนที่จะเบื่อระบบแม้วและมาเปลี่ยนสายมาทำวิจัยเรื่องความมั่นคง ผมเจอมากับตัวว่ารายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมันมีทั้งฉบับจริง กับฉบับแม้วสั่ง และปัญหาที่เจอคือรายงานฉบับจริงมักจะไม่ถูกนำเสนอใช้ประกอบเวลานำเสนอต่อรัฐบาลต่างประเทศเพื่อขอเงินกู้ครับ (ที่เจอมากับตัวชัดๆก็หอบังคับการบินของสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ๆกำหนดไว้เดิม แต่เลื่อนมาสร้างอีกที่ซึ่งห่างจากที่กำหนดไว้เดิมพอสมควร ซึ่งที่จริงมันก็ส่งผลกระทบในระดับหนึ่งเหมือนกัน แต่แม้วสั่ง บทม เลยรีบสร้างหอบังคับการในตำแหน่งใหม่เพื่อให้เสร็จทันที่มันกำหนด)

ทีนี้ผมขอสอบถามคุณnonteeครับ ว่ารายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คุณมีนั้นเปิดเผยได้ไหมครับ


ขออนุญาติไม่เปิดเผยนะครับ จำเป็นต้องรักษาสวัสดิภาพส่วนบุคคล (ที่เอามาแง้มๆเล่าสู่กันฟังให้เปิดประเด็นนี่ก็เสียวจะแย่แล้วครับ :lol: :lol:)

แต่โดยตัวข้อมูลก็อย่างที่เรียนไปสั้นๆ กระชับๆนั้นนะครับ เชื่อว่าอาจมีบางส่วนของรายงานกระเซ็นกระสายออกมาสู่โลกไซเบอรืบ้าง ไม่มากก็น้อย

ขออภัยมา ณ.ที่นี้ครับ ;)
User avatar
nontee
 
Posts: 6598
Joined: Tue Jan 26, 2010 2:34 pm
Location: หว้ากอ

Re: คอคอดกระ

Postby Yasuhiro » Wed Apr 28, 2010 2:43 pm

ไม่เป็นไรครับคุณNontee ผมเข้าใจดีเพราะเคยทำงานภาครัฐมาก่อนครับ ;) น่าเสียดายที่ประเด็นเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการขุดคอคอดกระนี่เป็นประเด็นที่สำคัญ แต่ค่อนข้างที่จะถูกมองข้ามไป สำหรับโครงการแลนด์บริจด์กับการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา ส่วนตัวผมเองได้แต่ภาวนาให้เราดำเนินการสำเร็จก่อนโครงการแลนด์บริจด์ของมาเลเซียครับ ไม่งั้นเราก็พลาดโอกาสงามๆไปในระดับหนึ่ง
"The future is plural" Peter Schwatz
เพิ่มเติม: ผมไม่มีนโยบายที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับพวกเกรียนทางความคิด เพราะมันเสียทั้งเวลาและอารมณ์ ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะไปนั่งอธิบายให้คนที่ปิดกั้นทางความคิดพวกนี้ฟังหรืออ่าน
User avatar
Yasuhiro
 
Posts: 1109
Joined: Mon Feb 01, 2010 3:00 pm

Re: คอคอดกระ

Postby nontee » Wed Apr 28, 2010 3:57 pm

Yasuhiro wrote:ไม่เป็นไรครับคุณNontee ผมเข้าใจดีเพราะเคยทำงานภาครัฐมาก่อนครับ ;) น่าเสียดายที่ประเด็นเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการขุดคอคอดกระนี่เป็นประเด็นที่สำคัญ แต่ค่อนข้างที่จะถูกมองข้ามไป สำหรับโครงการแลนด์บริจด์กับการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา ส่วนตัวผมเองได้แต่ภาวนาให้เราดำเนินการสำเร็จก่อนโครงการแลนด์บริจด์ของมาเลเซียครับ ไม่งั้นเราก็พลาดโอกาสงามๆไปในระดับหนึ่ง



ครับ โดยความเห็นส่วนตัวนะครับ เปรียบเทียบแลนด์บริดจ์ของมาเลย์เซียกับของไทย ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจยังห่างชั้นกันมากครับเอาให้เห็นภาพง่ายๆก็เปรียบเทียบก็ต้องเปรียบเทียบความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของชางงีแอร์พอร์ทของสิงคโปร์ กับสุวรรรภูมิของไทย

จริงๆแล้วสิงคโปร์พยายามมาหลายสิบปีที่พยายามจะผันตัวเองไปเป็นฮับทางการขนส่งทางอากาศด้วย นอกจากความเป็นฮับทางการขนส่งทางเรือมากว่าร้อยปี แต่เนื่องจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งของสิงคโปร์มันไม่เหมาะสมที่จะเป็นศูณย์กลางทางการบินในภูมิภาค ไม่ว่ามันจะทุ่มเทงบประมาณลงไปในสนามบินมากแค่ไหน แต่เมื่อสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ แค่ปีเดียวก็แซงชางงีของสิงคโปร์ไปในทุกๆด้าน ทั้งในแง่จำนวนผู้มาใช้บริการ และน้ำหนักของสินค้าที่ผ่านสนามบิน คือจะอธิบายระเอียดนิดนึงครับ...

มันเป็นผลมาจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบเสียเปรียบกันอย่างมาก โดยธรรมชาติของอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศ ในการบินเส้นทางใกลๆแบบบินข้ามทวีป หรือบินข้ามภูมิภาค จำเป็นต้องใช้เครื่องบินลำใหญ่ๆขนสำภาระและผู้โดยสารได้มากๆ และบินได้ใกลๆ(6 - 7 ชั่วโมงขึ้นไปโดยประมาณ) ทีนี้ข้อจำกัดของมันก็คือเนื่องจากเครื่องมันมีขนาดใหญ่ ดังนั้นมันจะบินขึ้นบินลงทุกๆสนามบินที่บินผ่านไม่ได้ (การบินขึ้นแต่ละครั้งใช้เชื้อเพลิงมากถึงหนึ่งในสี่ของปริมาณเชื้อเพลิงที่บันทุกไปได้)ทำให้เกิดความสิ้นเปลือง และไม่คุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์

ดังนั้นในแต่ละภูมิภาคของโลกเค้าจะจัดตั้งสนามบินที่เป็นฮับ(ศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาค) ซึ่งจะพิจารณาจากภูมิศาสต์
ที่ตั้งของแต่พื้นที่ โดยคร่าวๆก็คือจากสนามบินที่เป็นฮับทางการบิน ไปยังสนามบินบริวารรอบๆจะใช้เวลาไม่เกิน 4 - 5 ชั่วโมง ด้วยเครื่องแอร์บัสขนาดกลาง - ขนาดเล็ก อย่างถ้าเป็นของยุโรปนั้น ชื่อแฟรงค์เฟิร์ทจะติดปากชาวโลก และใหญ่โตมโหราฬ

ทีนี้มาดูข้อเปรียบเทียบของไทยกับสิงคโปร์ จากสุวรรณภูมิไปยังเมืองหลักทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงจีนตอนใต้ ใช้เวลาไม่เกิน 4 - 5 ชั่วโมง ไม่ว่าจะบินไป สิงคโปร์ มะนิลา จาร์กาต้า ฮานอย เวียงจันทร์ บรูไนล์ กัวลาลัมเปอร์ ไปยันจีนตอนใต้ ทะลุไปเซี่ยงไฮ้ได้ ด้วยอัตรานี้ แต่ถ้าบินจากสิงโปร์ไปฮานอยก็หืดขึ้นคอแล้ว ถ้าจะทะลุใปจีนใต้ ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องขนาดใหญ่แทน(ซึ่งต้นทุนก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว)

ดังนั้นโดยทั่วไปสายการบินใหญ่ๆระดับบินข้ามทวีปหรือข้ามภูมิภาคจึงมักจะทำเป็นจอยท์เวนเจอร์ร่วมค้ากับสายการบินท้องถิ่น แล้วใช้เครื่องลำใหญ่ๆขนผู้โดยสารมากๆมาลงที่ฮับที่นึง แล้วให้สายการบินท้องถิ่นช่วยกระจายผู้โดยสารไปตามเมืองเล็กเมืองน้อยที่อยู่รอบๆนั้น ซึ่งแบบนี้จะทำให้สายการบิน win win ด้วยกันทั้งคู่ทำกำไลได้มาก

ปล.ใครช่วยไปท้วงท่ายนายกฯซะที่เถอะนะครับ แผนการขยายนภานุภาพ(ซื้อเครื่องบินมาให้บริการเพิ่ม) กับแผนการขยายสุวรรณภูมิ Phase 2 ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมไปมากแล้วครับ ถ้าเร่งให้เร็วกว่านี้ได้ ไอ้พวกหมู่บ้านในตำบลสิงคโปร์ (ไม่อยากเรียกมันเป็นประเทศ ก็แม่มเล็กกว่าทุ่งกุลาฯซะอีก) จะได้แต่มองตากันปริบๆ ทำอะไรไม่ได้
......................................................................................

ทีนี้มาเรื่องแลนด์บริดจ์ ใจจริงผมไม่กังวลเลย ว่าจะตัดเสร็จก่อนหรือเสร็จหลังมาเลย์เซีย เนื่องจากภูมิศาสตร์ที่ตั้งมันจะถูกบังคับให้ จากเรือ - เอาไปขึ้นรถ และ จากรถต้องเอาไปลงเรือ ไม่มีตัวเลือกอย่างอื่น

แต่ถ้าไทยตัดแลนด์บริดจ์เสร็จ จากเรือเอามาขึ้นรถ แล้วจากรถก็เลือกได้ครับ ว่าจะเอาไปลงเรือ หรือจะวิ่งรถต่อไปด้วยเพชรเกษมที่ปัจจุบันบางช่วงเป็นแปดเลนแล้ว แล้วส่งเข้าลาว - กัมพูชา ทะลุไปถึงจีนตอนใต้ เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายไม่แตกต่างกับทางเรือมากนัก แต่สะดวก รวดเร็วกว่า และส่งถึงที่ทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งมาเลย์เซียไม่สามารถทำธุรกิจแบบนี้ได้ ถ้าเราไม่อนุญาติให้ทำ(ไม่ยอมให้รถบันทุกของมาเลย์เซียผ่านแดน) และนีจะนำมาซึ่งการขยายตัวของอุตสาหกรรมขนส่งของไทยกันอย่างขนานใหญ่ และยังเอื้อไปถึงธุรกิจต่อเนื่องทั้งอุตสาหกรรมต่อรถบันทุก อุตสาหกรรมชิ้นส่วน อุตสาหกรรมซ่อมบำรุง ซึ่งจะเกิดการจ้างงานตามมาอีกมากมายมหาศาลครับ

ปล.อีกที เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ใครช่วยไปบอกม็อบควายแดงให้เลกประท้วงซะที รัฐบาลจะได้มีเวลาไปเจรจาวางกรอบการขนส่ง - การตัดถนนมาตรฐานในประเทศบริวารทางภูมิศาสตร์ของเราซะที ทั้งลาว - กัมภูชา - เวียตนาม รวมไปจนถึงยูนนานของจีน พ้นตรงนี้ไปแล้วถนนของจีนก็จัดได้ว่าค่อนข้างมาตรฐานพอสมควรครับ
User avatar
nontee
 
Posts: 6598
Joined: Tue Jan 26, 2010 2:34 pm
Location: หว้ากอ

Re: คอคอดกระ

Postby Yasuhiro » Wed Apr 28, 2010 4:41 pm

เห็นคุณnontee พูดถึงสนามบินสุวรรณภูมิเฟสสอง ที่จริงตอนผมทำงานอยู่ ทางบทม.เสนอขอกู้สำหรับเฟสสอง แต่ทางหน่วยงานที่ผมเคยทำอยู่ เราได้เสนอให้ชะลอแผนการกู้เงินสำหรับโครงการดังกล่าวไปก่อนเพราะ สนามบินและการก่อสร้างสำหรับเฟสแรกยังเสร็จไม่เรียบร้อยดี และพยายามไม่ให้มีการก่อหนี้ต่างประเทศเกินเพดานตามที่กฎหมายได้กำหนดครับ (ดีแม้วหลุดไปก่อน เพราะมันกะชักเปอร์เซ็นต์ไปเยอะเหมือนกัน) ทีนี้ตามปกติโครงการต่างๆที่มีความจำเป็นต้องก่อหนี้สาธารณะจะต้องผ่านคณะกรรมการที่มาจากหลายหน่วยงานเพื่อกลั่นกรองว่าโครงการไหนมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน หรือจำเป็นต้องมีการกู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้โครงการแล้วเสร็จ ถึงจะได้บรรจุเข้าแผนการก่อหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณนั้นๆครับ ซึ่งตอนหลังผมออกจากหน่วยงานดังกล่าวเลยไม่ได้ตามเท่าที่ควร แต่ปัญหาเรื่องการกู้เงินจากต่างประเทศหลังปี 2006 ปัญหาการเมืองของบ้านเราส่งผลกระทบต่อการขอกู้ครับเท่าที่ผมได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานเก่า เพราะเมื่อเสถียรภาพทางการเมืองลดลงก็ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น ดอกเบี้ยที่ประเทศที่ให้กู้ก็มีการปรับสูงขึ้นจากแต่เดิมใกล้เคียงกับศูนย์เปอร์เซ็นต์ เลยทำให้ต้องสกรีนโครงการเงินกู้ต่างๆให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้นด้วย เพราะต้องลดหนี้สาธารณะเดิม และเพิ่มหนี้ใหม่ไม่ให้เกินจำนวนตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อไม่ให้เป็นภาระในประเทศระยะยาวครับ

แต่ผมเห็นด้วยกับคุณNontee ครับว่าเราควรเร่งพัฒนาให้เป็น HUB ในภูมิภาคให้เร็วที่สุดครับ ติดอยู่ที่พวกหางแดงเนี่ย พวกถ่วงประเทศชาติ
"The future is plural" Peter Schwatz
เพิ่มเติม: ผมไม่มีนโยบายที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับพวกเกรียนทางความคิด เพราะมันเสียทั้งเวลาและอารมณ์ ไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะไปนั่งอธิบายให้คนที่ปิดกั้นทางความคิดพวกนี้ฟังหรืออ่าน
User avatar
Yasuhiro
 
Posts: 1109
Joined: Mon Feb 01, 2010 3:00 pm

Re: คอคอดกระ

Postby Vihok_Asnii » Wed Apr 28, 2010 10:31 pm

คิดเล่นๆ

ถ้าอาศัยการร่วมทุนกับเอกชนและกระจายให้ท้องถิ่นมีโอกาสคิดทำระบบย่อยได้เองไม่ต้องรอส่วนกลาง (แบบ กทม.)

ทำแลนด์บริดจ์ทางรถไฟตัดขวางภาคใต้เพิ่มอีกซัก 2-3 จุด แล้วเชื่อมกับเส้นทางหลักที่มีอยู่เดิม (ให้เป็นก้างปลาไปเลย) จะมีการขยายตัวของบ้านเมืองและระบบเศรษฐกิจตามโครงข่ายไปทั่ว (แต่ก็ต้องระวังผลกระทบ ต้องนึกถึงสมดุลกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนดั้งเดิมด้วย) ทีนี้ก็เสริมระบบรถไฟเป็นรางคู่ตั้งแต่เหนือ ตั้งชุมทางใหญ่ที่พิษณุโลก เชื่อมไปอินเดีย-พม่า-ลาว-จีน (และตอนบนของทวีป) จดใต้เชื่อมมาเลย์ และเชื่อมกับระบบขนส่งทางเรือสองฟากสมุทร อันดามัน-อ่าวไทยหลายจุด แล้วเสริมโครงสร้างไปอีสาน ตั้งชุมทางใหญ่ที่โคราช เสริมสร้างชุมทางย่อยๆ เพิ่มในพื้นที่แห้งแล้งที่ทำอย่างอื่นไม่ค่อยได้ เชื่อมลาว-เวียดนาม-กัมพูชา

แล้วก็เลิกขยายสุวรรณภูมิ ไปสร้างสนามบินนานาชาติตรงภาคอีสาน ชุมทางโคราช (ที่ราบสูงที่มั่นคงกว่า) แล้วอาจจะขยายสนามบินที่พิดโลกเป็นระดับนานาชาติอีกแห่ง

สุดท้าย วางเส้นทางรถไฟเชื่อมตรงจากเหนือชุมทางพิดโลก ไปอีสานชุมทางโคราช

ท่าจะแจ่มนะครับ แต่ไม่รู้ชาตินี้จะมีโอกาสได้เห็นรึเปล่านี่สิ :mrgreen:
ชาติหนอนย่อมเสพส้อง .... อาจม
อิ่มหนำก็ชื่นชม .... แซ่ซร้อง
มินำพาครรลอง .... ถูกผิด
อ้างความสุขที่ต้อง .... หมักหมมอมมูล


REMEMBER, O BEAST! THAT STARTED THY BLOODY HISTORY ON 14th OF JULY,
REMEMBER, HE WHO INVENTED GUILLOTINES WAS HIMSELF BEHEADED BY A GUILLOTINE!
User avatar
Vihok_Asnii
 
Posts: 2133
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:54 am

Re: คอคอดกระ

Postby juicekung » Wed Apr 28, 2010 11:07 pm

กระทู้ดีมีสาระ ขอดันคับ 1 จึ๊ก :idea: :idea: :idea:
User avatar
juicekung
 
Posts: 62
Joined: Sat Feb 28, 2009 10:49 pm

Re: คอคอดกระ

Postby Solidus » Wed Apr 28, 2010 11:10 pm

nontee wrote:ที่วิพากษ์วิจารณ์กันมานั้นก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาหลักที่เราขุดไม่ได้ ปัญหาจริงๆเป็นเอกสารที่อยู่ในมือผม เป็นเรื่องของ "รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมครับ" เอาสั้นๆกระชับเพื่อความเข้าใจง่ายๆนะครับ ...

1 . ปัญหาเรื่องความสูงของระดับน้ำทะเลที่ไม่เท่ากันของมหาสมุทรอินเดีย (อันดามัน) กับฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค(อ่าวไทย)ที่มีความสูงของระดับน้ำทะเลแตกต่างกันค่อนข้างมาก

2 . ปัญความเค็มของน้ำทะเลที่ไม่เท่ากันของทั้งสองมหาสมุทร จะทำลายระบบนิเวศน์วิทยาของทั้งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน ให้พังพินาศลงสิ้นเชิงเป็นการถาวร และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่พันปี สิ่งมีชีวิตทั้งสองฝั่งทะเลจะสามารถปรับตัวเข้ากับระบบนิเวศน์แบบใหม่ได้

3 .

4......
..................................................................................................................................

เอาเข้าจริงการขุดคอคอดกระ ประเทศที่จะได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วยอันดับหนึ่งคือญี่ปุ่น รองลงมาคือจีน และอันดับสามคือเศรษฐกิจของอาเซียนโดยรวม และอันดับสุดท้ายคือไทย (แต่เราเสียระบบนิเวศน์ของสองฝั่งทะเลไปแล้วตลอดกาล)

แต่ถ้าตัดเป็นแลนด์บริดจ์ ประเทศที่จะได้ผลประโยชน์โดยตรงสูงสุดอันดับหนึ่งคือไทย และประเทศที่จะได้ผลประโยชน์สูงสุดเป็นอันดับสองต่อจากไทยคือจีน และเศรษฐกิจของอาเซียนโดยรวมจะได้ผลประโยชน์เป็นอันดับสาม ส่วนญี่ปุ่นแทบไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆจากโครงการนี้หรือได้ก็น้อยมากๆ
ใช่ครับ คราวนี้จะได้พังไปทั้งภาค โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว แถมชีวิตท้องถิ่นเสียไปโดยกลับคืนมาไม่ได้อีก ดีไม่ดีไทยเราจะได้แค่ค่าผ่านทางเท่านั้นเพราะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเรือเหล่านั้นจะจอดที่ไทย
User avatar
Solidus
 
Posts: 8593
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:47 pm

Re: คอคอดกระ

Postby Blue[bot] » Wed Apr 28, 2010 11:18 pm

Vihok_Asnii wrote:คิดเล่นๆ

ถ้าอาศัยการร่วมทุนกับเอกชนและกระจายให้ท้องถิ่นมีโอกาสคิดทำระบบย่อยได้เองไม่ต้องรอส่วนกลาง (แบบ กทม.)

ทำแลนด์บริดจ์ทางรถไฟตัดขวางภาคใต้เพิ่มอีกซัก 2-3 จุด แล้วเชื่อมกับเส้นทางหลักที่มีอยู่เดิม (ให้เป็นก้างปลาไปเลย) จะมีการขยายตัวของบ้านเมืองและระบบเศรษฐกิจตามโครงข่ายไปทั่ว (แต่ก็ต้องระวังผลกระทบ ต้องนึกถึงสมดุลกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนดั้งเดิมด้วย) ทีนี้ก็เสริมระบบรถไฟเป็นรางคู่ตั้งแต่เหนือ ตั้งชุมทางใหญ่ที่พิษณุโลก เชื่อมไปอินเดีย-พม่า-ลาว-จีน (และตอนบนของทวีป) จดใต้เชื่อมมาเลย์ และเชื่อมกับระบบขนส่งทางเรือสองฟากสมุทร อันดามัน-อ่าวไทยหลายจุด แล้วเสริมโครงสร้างไปอีสาน ตั้งชุมทางใหญ่ที่โคราช เสริมสร้างชุมทางย่อยๆ เพิ่มในพื้นที่แห้งแล้งที่ทำอย่างอื่นไม่ค่อยได้ เชื่อมลาว-เวียดนาม-กัมพูชา

แล้วก็เลิกขยายสุวรรณภูมิ ไปสร้างสนามบินนานาชาติตรงภาคอีสาน ชุมทางโคราช (ที่ราบสูงที่มั่นคงกว่า) แล้วอาจจะขยายสนามบินที่พิดโลกเป็นระดับนานาชาติอีกแห่ง

สุดท้าย วางเส้นทางรถไฟเชื่อมตรงจากเหนือชุมทางพิดโลก ไปอีสานชุมทางโคราช

ท่าจะแจ่มนะครับ แต่ไม่รู้ชาตินี้จะมีโอกาสได้เห็นรึเปล่านี่สิ :mrgreen:

แล้วก็เลิกขยายสุวรรณภูมิ ไปสร้างสนามบินนานาชาติตรงภาคอีสาน ชุมทางโคราช (ที่ราบสูงที่มั่นคงกว่า) แล้วอาจจะขยายสนามบินที่พิดโลกเป็นระดับนานาชาติอีกแห่ง


สร้างน่ะสร้างได้ครับ ปัญหาก็คือ เมื่อคนออกจากสนามบินแล้วไปไหนต่อ

คือตอนนี้คนที่มาลงสุวรรณฯ ก็เพราะเขามาทำธุรกิจ/ท่องเที่ยวที่กรุงเทพ

โคราชเป็นเมืองท่า่ยาก เพราะไม่ติดทะเล

เมืองท่าต้องเป็นทั้งบก เรือ และอากาศ


-

ผมอยากให้ภาษีที่เก็บได้ เก็บไว้ที่แต่ละท้องถิ่นเลย ส่งเข้าส่วนกลางให้น้อยที่สุด ใช้สำหรับการทหารและการต่างประเทศเท่านั้น

นั่นแหละคอรัปชั่นเป็น แสนล้านจะหายไป :mrgreen:

เพราะต่างจังหวัด นายก อบจ มันหาตัวง่าย :mrgreen:
Blue[bot]
 
Posts: 1773
Joined: Sun Apr 19, 2009 4:38 pm

Re: คอคอดกระ

Postby Vihok_Asnii » Thu Apr 29, 2010 1:22 am

Blue[bot] wrote:
สร้างน่ะสร้างได้ครับ ปัญหาก็คือ เมื่อคนออกจากสนามบินแล้วไปไหนต่อ

คือตอนนี้คนที่มาลงสุวรรณฯ ก็เพราะเขามาทำธุรกิจ/ท่องเที่ยวที่กรุงเทพ

โคราชเป็นเมืองท่า่ยาก เพราะไม่ติดทะเล

เมืองท่าต้องเป็นทั้งบก เรือ และอากาศ


-

ผมอยากให้ภาษีที่เก็บได้ เก็บไว้ที่แต่ละท้องถิ่นเลย ส่งเข้าส่วนกลางให้น้อยที่สุด ใช้สำหรับการทหารและการต่างประเทศเท่านั้น

นั่นแหละคอรัปชั่นเป็น แสนล้านจะหายไป :mrgreen:

เพราะต่างจังหวัด นายก อบจ มันหาตัวง่าย :mrgreen:


ที่เสนอแถวนั้น เพราะเห็นว่า...ลงที่นั่นแล้วถ้ามีระบบรางดีๆ สามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศได้ง่ายครับ

และในเมื่อแถบภาคอีสานบรรยากาศออกแห้งแล้ง ...ก็น่าจะหาวิธีเอาพื้นที่มาทำประโยชน์อย่างอื่นให้มากขึ้นถ้าทำได้
เส้นทางการค้าสำคัญๆ ในยุคโบราณที่ผ่านทะเลทรายหรือช่องเขาก็มีอยู่นะครับ

ไม่ใช่พยายามถมหนองน้ำ ที่ลุ่ม เพื่อสร้างสนามบินและตึกสูงทำเป็นเมืองธุรกิจ แล้วเอาที่ราบสูงเป็นดินเป็นหินแข็งๆ มาปลูกข้าว มันดูผิดที่ผิดทางยังไงชอบกล (เหอๆๆ) :geek:

ส่วนเรื่องออกทะเล ตอนนี้มีที่มั่นที่ห่างๆ ทะเลสำรองไว้มั่งก็ดีแล้วครับ หวาดเสียว :?


ปล. เรื่องตอนท้ายๆ ที่กระจายอำนาจ ให้ท้องถิ่นรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น ผมก็เคยเสนอไว้ในบทความเก่าๆ แล้วเพิ่งมีบทความใหม่ลงใน .org ถ้ายังไงก็ขอเชิญทุกท่านในนี้ลองแว้บไปอ่านร่วมถกประเด็นได้ ;)
ชาติหนอนย่อมเสพส้อง .... อาจม
อิ่มหนำก็ชื่นชม .... แซ่ซร้อง
มินำพาครรลอง .... ถูกผิด
อ้างความสุขที่ต้อง .... หมักหมมอมมูล


REMEMBER, O BEAST! THAT STARTED THY BLOODY HISTORY ON 14th OF JULY,
REMEMBER, HE WHO INVENTED GUILLOTINES WAS HIMSELF BEHEADED BY A GUILLOTINE!
User avatar
Vihok_Asnii
 
Posts: 2133
Joined: Mon Oct 13, 2008 12:54 am

Next

Return to ห้องสมุด



cron