khundaan wrote:noway2know wrote:สำเนียงส่อภาษา....กริยาส่อสกุล
อย่าไปสนใจพวกควายเหล่านี้เลยครับ แถวบ้านมันก็ยังกินฟาง เคี้ยวเอื้องเป็นหลัก หัวจมอยู่ในปลัก ไม่โผล่มาดูเดือนดูตะวัน จนตายแหละ
noway2know wrote:พ่อทรงช่วยเหลือโดยไม่ได้แยกดี-ชั่ว...แต่ทุกคนคือลูกของพ่อ
คนที่เจ็บ ตาย ทั้งๆที่ออกมาทำร้ายบ้านเมือง บางคนก็จาบจ้วงพระองค์ท่าน ทุกครั้งที่พวกคุณ ญาติพี่้น้องไปรับเงินพระราชทานช่วยเหลือ...หยุดคิดสักนิด....พ่อรักลูกทุกคนเท่าเทียมกัน...
วาระสุดท้ายของเสธ.แดง ทั้งๆในเวบเสธ.แดง มีการขึ้นหน้าเวบ บางส่วนด้วยการพาดพิงสมเด็จพระราชินี แต่สุดท้ายพระองค์ท่านก็ยังทรงแสดงน้ำพระทัยต่อลูกทุกคน ไม่ว่าลูกดีหรือเลว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และพระราชินี ทรงโปรดเกล้าพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โกฎแปดเหลียม และพระราชทานสวดอภิธรรมศพพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล 3 คืน
หาใช่ทักษิณ...คนที่เป็นต้นเหตุแห่งความแตกแยกไม่ที่ช่วยเหลือ....
ไม่ใช่เฉพาะรายของเสธ.แดง ที่ทรงช่วยเหลือ กรณีอื่นๆเช่นเดียวกัน แม้เคยให้้ร้ายพระองค์ท่าน แต่บิดา มารดาตาย หรือตัวเองตาย พระองค์ไม่เคยปฏิเสธเวลามีการทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพ ....โดยเฉพาะบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นข้าราชการ พระองค์จะทรงให้ความช่วยเหลือเสมอในวาระสุดท้ายของชีวิต ไม่เลือกว่าดีหรือเลว....นี่คือพ่อแม่ของแผ่นดิน
ในหลวงพระราชทานโกศไม้แปดเหลี่ยม-น้ำหลวงอาบศพแก่ "สมัคร" พระบรมฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ
ภายหลังการถึงแก่อสัญกรรมของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ว่าครอบครัวของนายสมัครและญาติเคลื่อนย้ายศพจากโรงพยาบาลไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานโกศ 8เหลี่ยม น้ำหลวงอาบศพและเครื่องอัฐบริขารทั้งหมดและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์และพระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 7 คืน
เมื่อเวลา 17.40 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพนายสมัคร ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และเสด็จฯ กลับในเวลา 18.00 น.
"พระราชดำรัสในหลวง"ไม่มี"ชาวเขา"เพราะทุกคนเป็น "ชาวเรา"พวกเขาเป็น"ชาวไทยภูเขา"
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการ ในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เป็นผู้เปิดเผย
รายละเอียดของข่าวก็คือตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงบ้านจันทร์ อ.แม่ แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้เขียนจดหมายถึงท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุลราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพื่อแสดงความรู้สึกถึงข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร ต่อมากองราชเลขานุการฯ
ได้นำจดหมายดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งประทับดูแลเฝ้าพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด นับตั้งแต่เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงอ่านจดหมายก็ปลื้มพระราชหฤทัย จึงทรงอ่านจดหมายถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยพระองค์เองและมีพระราชกระแสรับสั่งเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปลื้มพระราชหฤทัย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจึงทรงขอพระบรมราชานุญาตนำเนื้อหาจดหมายดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อประชาชน
ข้อความจดหมายดังกล่าวเขียนว่า
“ที่ศาลารวมใจบ้านจันทร์ 16 ต.ค. 52 เรื่อง พ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงรักเป็นห่วงมาก เมื่อทราบข่าวว่าพ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ตั้งจิตอธิษฐานขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านจันทร์ คุ้มครองรักษาพ่อหลวง หายจากอาการไม่สบายโดยเร็ว อยู่คู่กับคนไทยไป นานๆ พ่อหลวงองค์เดียวของแผ่นดิน พ่อองค์เดียวนี้หาไม่มี เมื่อพ่อหลวงสุขสบาย กะเหรี่ยงยิ้มแย้ม มีกำลังใจ เมื่อพ่อหลวงไม่สบาย กะเหรี่ยงเมื่อยล้าหมดแรง อบอุ่นใดไม่เหมือน อบอุ่นอยู่กับพ่อหลวงของเรา กะเหรี่ยงเกิดมาร่วมชาติกับพ่อหลวง ไม่มีอะไรตอบแทน นอกจากขอเป็นคนดีของคนไทย รักและเป็นห่วงพ่อหลวงมาก ลงชื่อ นางวราภรณ์ ธรรมสามิสร ตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง”
สำหรับศาลารวมใจบ้านจันทร์เป็นที่อยู่ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงใน อ.แม่แจ่ม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จฯทรงเสด็จไปเยี่ยมเมื่อประมาณ 30-40 ปี ก่อนและทรงช่วยเหลือให้พวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยพระราชทานโครงการหลวงต่างๆและศาลารวมใจ ยังมีห้องสมุดเล็กๆให้ชาวเขาได้อ่านหนังสือ มีรูปภาพอธิบายให้เข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทย มีการอบรมชาวกะเหรี่ยงให้รู้จักเรื่องการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการใช้ยาสามัญประจำบ้านด้วย
เด็กชาวไทยภูเขากับชุดนักเรียนชุดแรกในชีวิตได้รับพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัวที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง วัดนี้เป็นสถานสงเคราะห์เด็กยากจนชายไทยภูเขา
น้องๆเล่าให้ฟังว่าพวกเขาไม่เคยมีชุดนักเรียนเลย บางคนถึงมีก็แค่ชุดเดียวใส่ตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.4 และแล้วเมื่อวันที่ 10กว่าๆ เดือนพค. 52 พระเจ้าอยู่หัวพ่อหลวงของเราก็ได้ พระราชทานชุดนักเรียนให้ 500 ชุด เด็กๆที่นั่นดีใจมากๆ
นายเวร wrote:ซาบซึ้ง น้ำยาไหลพรากเลยคับ พี่น้องงงงง
Blue[bot] wrote:นายเวร wrote:ซาบซึ้ง น้ำยาไหลพรากเลยคับ พี่น้องงงงง
นายเวร = พ่อมันลาว + แม่เขมร + ชู้แม่มันเป็นพม่า
ไม่แปลกหรอกที่มันไม่รักประเทศไทย
Left-Hand Path wrote:So melodramatic
ราชพฤกษ์ wrote:Left-Hand Path wrote:So melodramatic
คิดว่ามีคุณแค่คนเดียวที่อ่านภาษาอังกฤษออกหรือไง?
รู้น้อยว่ารู้มาก เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้าลึกเหลือ
Left-Hand Path wrote:So melodramatic
พระบรมราโชวาท
คนเรา เมื่อมีอคติแล้ว มักมองไม่เห็นความจริง หรือถึงจะเห็น ก็ไม่ยอมรับ. และเมื่อไม่เห็นหรือไม่ยอมรับความจริงแล้ว ก็ทำให้ไม่ทราบต้นเหตุของปัญหาและแก้ปัญหาไม่ออก. ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะถูกอคติซ้ำเติมให้เข้าใจผิด
. . การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตน ในความเพียรของ ตนต้องถือว่าวันนี้เราทำยังไม่ได้ผล อย่าไปท้อ บอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก วันนี้เราทำ พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ เดือนหน้าเราก็ทำ ผลอาจได้ปีหน้า หรืออีกสองปีหรือสามปีข้างหน้า . . .
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖
zomchai wrote:ขอบคุณ คุณ Noway2know มากเลยครับที่รวบรวมเรื่องราวของพระองค์ท่านมาให้อ่านอย่างจุใจเลย