เก็บตกค่ายเสื้อแดง....ประชาธิปไตย(ไอโฟน)

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 10:02 am

phetja wrote:ขอบคุณคุณ noway2know / คุณมะนาวหวาน และท่านอื่นๆทุกๆท่านมากๆค่ะ ที่ให้ข้อมูลที่ละเอียดมากๆ

ขออนุญาต นำไปเผยแผ่ให้กับใครอีกหลายๆคนที่ยังรักเสื้อแดง และได้ข้อมูลผิดๆจากแกนนำนะคะ

แต่เค้าจะยอมรับรึเปล่านี่ยังเป็นปัญหา ไปทะเลาะกับแม่ค้ามาคนแล้ว 8-) เดี๋ยวเอาข้อมูลไปยื่นให้เลย แต่แหม..ที่เป็นคลิปนี่โหลดไม่เป็นค่ะ :?


ไม่เป็นไรค่ะ...ด้วยความยินดี...ขอบคุณเหมือนกันนะค่ะที่ช่วยกันค่ะ :D
Image
Last edited by noway2know on Fri Jun 04, 2010 10:14 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 10:04 am

23/05/53 Bangkok Big Cleaning Day
"พวกคุณเผา...เราสร้าง... รวมกันเราทำได้"
(Together We Can)


คนไทยยังไงก็คือคนไทย.... มีสามัญสำนึกของความเป็นไทย
.... ไม่ใช่จะยอมให้ใครมาจูงจมูกได้ง่ายๆ


คนไทยเท่านั้นที่จะทำให้... เมืองไทยน่าอยู่
...ไม่ใช่คนชาติอื่นๆ (หรือชาติมอนเตเนโกร)




Image
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby tsuma » Fri Jun 04, 2010 2:57 pm

ภาพเหล่านี้ มีคนเก็บเป็นหมวดเป็นหมู่หรือไม่ เอาไว้สอนใจลูกหลานข้างหน้าถึงความปวดร้าวที่พวกเรามีร่วมกัน เอาเข้าจดหมายเหตุประเทศไทยด้วย :oops:
User avatar
tsuma
 
Posts: 4
Joined: Fri May 21, 2010 9:34 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby ThaiInSYDNEY » Fri Jun 04, 2010 4:54 pm

สุดยอดกระทู้จริงๆครับ
ใครมีผลงานอื่นๆของพวกเสื้อแดงอีก
เอามาอวดกันหน่อยครับ
User avatar
ThaiInSYDNEY
 
Posts: 29
Joined: Mon May 17, 2010 4:09 pm

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 5:21 pm

มารู้จักการ์ดเสื้อแดงกัน
เริ่มจากทีมของอารี ไกรนรา




Image
อารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช.

หลังจาก พ.ต.ท.วัฒนชัย มณธีรัตน์ สว.ผ.5 กก.5 ป. นำกำลังประสาน พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ เข้าค้นบ้านเลขที่ 193 ม.2 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านแม่ของอารี ไกรนรา อายุ 55 ปี หัวหน้าการ์ด นปช.

โดยการเข้าตรวจค้นบ้านของอารีย์ครั้งนี้ เนื่องจากหลังแดงนปช.สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับการเข้ามอบตัวของแกนนำ [u]อารีย์ กลับหายหน้าหายตาไปพร้อมกับข้อหามากมาย ทั้งๆที่วันประกาศสลายการชุมนุมอารีย์ยังยืนอยู่บนเวทีเคียงข้างแกนนำอย่าง"จตุพร พรหมพันธ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"อย่างเหนียวแน่น

แต่การบุกค้นครั้งนี้ตำรวจไม่พบตัวอารีย์และสิ่งผิดกฎหมาย ขณะที่นางประกอบ ไกรนรา อายุ 76 ปี มารดานายอารี ระบุ ตั้งแต่อารีไปเป็นหัวหน้าการ์ด นปช. ยังไม่เคยกลับบ้าน

"อารี"ในอดีตนั้นคือที่ปรึกษาพรรคศรัทธาธรรมโดยผู้ก่อตั้งพรรคคือ"จตุพร พรหมพันธุ์" โดยที่"อารี"ยังไปนั่งเป็นที่ปรึกษาพรรคพิทักษ์ธรรมอีกด้วย

"อารี" ในอดีตนั้นเขาคือผู้กว้างขวางย่านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง คอยดูแลนักศึกษาภาคใต้ที่เดือดร้อน ก็จะมาให้"อารี"หรือใครไปทำอะไรมาหรือมีปัญหากับตำรวจก็จะต้องนึกถึง"อารี" ช่วยเคลียร์ให้

นักศึกษาสายกิจกรรมตั้งแต่ปี 2521 เป็นต้นมาแห่งรั้วลูกพ่อขุน มหาวิทยาลัยรามคำแหง จะรู้จักชื่อของอารีย์ เป็นอย่างนี้ เพราะเขาเป็นข้าราชการในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายกิจกรรมนักศึกษา ทำหน้าที่ให้คำแนะนำนักศึกษากิจกรรม ในการทำกิจกรรมนักศึกษา เช่นการเขียนโครงการของบประมาณ การออกค่ายอาสา แนะนำการเดินหนังสือ เส้นทางจะไปทางไหนอย่างไร

หลายปีที่อารีย์รับหน้าที่ตรงนี้มา จึงมักรู้จักกันแกนนำนักศึกษาทุกยุคทุกสมัย และถือว่าอารีย์เป็นนักเคลื่อนไหวการเมืองในรั้วรามคำแหงมาตลอด ผ่านขบวนการนักศึกษา ไม่สายใดก็สายหนึ่ง

แต่ที่ผ่านมาการเมืองในรั้วรามคำแหงของอารีย์ มักแทงหวยผิดตลอด มักอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายที่ชนะการเมืองตั้งเป็นอธิการบดี ไม่ว่าจะเป็นยุค"สุขุม นวลสกุล-ธรรมนูณ โสภารัตน์-รังสรรค์ แสงสุข" เป็นต้น

เส้นทางชีวิตราชการในรั้วรามคำแหง ไม่ค่อยจะสดใสมากนัก หลายปีที่อยู่ทำงาน อดีตนั้นเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายแนะแนวนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ผู้ที่ ศ.รังสรรค์ แสงสุข บอกว่า "สมัยรับราชการเซ็นชื่อทิ้งไว้ แต่ไม่มาทำงาน") "

ในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระโดดเข้ามาเล่นการเมืองเต็มๆ ในนามพรรคพลังธรรม ที่มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค และมี "จตุพร พรหมพันธ์" เข้าไปเป็นตัวช่วยในฐานะนักปราศรัยของพรรคพลังธรรม

ช่วงหนึ่งอารีย์ เคยพยายามเข้าไปมีบทบาทในสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมรานูปถัมภ์ ช่วงที่ พล.ต.อ.ดรุณ โสถิพันธุ์ เป็นนายกสมาคมฯ แต่บทบาทที่เกินเลยของอารีย์ทำให้มีปัญหาขั้นรุนแรงกับ นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้

รุนแรงถึงขั้น อารีย์ ต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุล "พลรัฐธนาสิทธิ์" และมาสร้างบทบาทใหม่ในนามสมาคมชาวปักษ์ใต้ฝั่งบูรพา และเมื่อจังหวะปะเหมาะ ไกรนรา ก็กระโดดเข้าสู่เวทีการเองในนามพรรคไทยรักไทย เขต 6 จ.นครศรีธรรมราช ในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2548

Image

ครั้งนั้นอารีย์ ต้องชนกับอดีตเพื่อนรักนักศึกษา ที่เคยเจอกันตั้งแต่อยู่ในรั้วรามคำแหงอย่าง "เทพไท เสนพงศ์" ที่ครั้งกระโน้น เทพไท ก้าวขึ้นไปถึงขั้นได้รับเลือกเป็น "นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ช่วงปี 2526

อารีย์ หอบความพ่ายแพ้ให้กับเทพไท กลับกรุงเทพด้วยความบอบช้ำ ทั้งๆที่ตระกูลไกรนรา ถือเป็นตระกูลใหญ่ในย่านเขตเลือกตั้ง และเทพไท ก็ลัดเลาะเทือกเขาหลวงจากฝั่งลุ่มน้ำปากพนัง มาลงเลือกตั้งด้วยซ้ำ

ต่อมาในการเลือกตั้งเดือนเมษายน ปี 2549 ที่พรรคประชาธิปัตย์ "บอยคอต"การเลือกตั้ง “อารีย์” ก็ลงสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราชอีกครั้ง และชนะการเลือกตั้ง แต่ทว่ามีโอกาสได้เป็น ส.ส. เพียง 6 วัน เพราะการเลือกตั้งครั้งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็น “โมฆะ”

Image

หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา 2549 เมื่อ "วีระ มุสิกพงศ์" และคณะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการยึดอำนาจจากรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ ด้วยการตั้งแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ(นปก.) ก็มีชื่ออารีย์ร่วมอยู่ด้วย

จนออกมาใช้สื่อรณรงค์ ในนามของสถานีพีเพิล แชนแนล หรือ PTV อารีย์นั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลสถานีโทรทัศน์ พีทีวี และผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล สถานีโทรทัศน์ ดีสเตชั่น


อารีย์ กับ เสธ.แดง

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2553 พล.ต.ขัตติยะยอมรับว่าเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับนายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดงจากประเด็นการแบ่งเงินและอำนาจไม่ลงตัว

พล.ต.ขัตติยะบอกว่า นายอารีย์มีนักเลงอยู่ในการควบคุมเป็นจำนวนมาก โดยนักเลงเหล่านั้นมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยด้านหลังเวทีเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนละส่วนกับกองกำลังของเสธ.แดง ซึ่งนายอารีย์เป็นผู้หากินกับการ์ดมาโดยตลอด เมื่อได้รับเงินมาก็จะอมเอาไว้ จ่ายให้ไม่ครบ ทำให้มีการ์ดบางส่วนรู้สึกไม่พอใจจึงมาเข้าร่วมกับเสธ.แดง

Image

“เสธ.แดงเองก็มีกองกำลังของตัวเองอยู่ แต่เมื่อมีการ์ดที่ถูกนายอารีย์อมเงินเข้ามาเสริมก็ทำให้เสธ.แดงแข็งแกร่งขึ้นและเป็นเหตุให้นายอารีย์ไม่พอใจอย่างยิ่ง” พล.ต.ขัตติยะระบุไว้เมื่อวันที่ 12 พ.ค.
Last edited by noway2know on Fri Jun 04, 2010 5:39 pm, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby 3.5v » Fri Jun 04, 2010 5:36 pm

มันคงกีใจ ที่มี บีบี กับไอโฟนไปใช้ :lol:
User avatar
3.5v
 
Posts: 841
Joined: Thu Apr 22, 2010 9:00 am
Location: ฉะเชิงเทรา

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 6:13 pm

Image

การ์ด นปช.กลุ่ม เสธ.แดง

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ทหารบกชาวไทย เสธ.แดง เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเมื่อมีคดีความการรื้อบาร์เบียร์ย่านซอยสุขุมวิท10 และถูก พล.ต.อ. สันต์ ศรุตานนท์ (ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น) ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่เสธ.แดง กล่าวหาว่า พล.ต.อ.สันต์ มีพฤติกรรมในการใช้อำนาจโดยมิชอบและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งทุจริตการจัดซื้อ-จัดจ้าง การทำสำนวนคดีรื้อถอนบาร์เบียร์ที่มีพฤติการณ์ช่วยเหลือนายชู วิทย์ กมลวิศิษฎ์ และเป็นผู้มีส่วนร่วมในการอุ้มเสธ.แดงจากโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียน "หนังสือ คม...เสธ.แดง" ขึ้น

Image
ศาลทหารสั่งคุกเสธ.แดง6เดือน รออาญา 1 ปี คดีหมิ่นสันต์
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่ศาลทหารกรุงเทพ องค์คณะผู้พิพากษาศาลทหารกรุงเทพได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดี พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ในคดีหมิ่นประมาท กรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ องศาความคิด ทางสถานีวิทยุ 96.5 เมื่อปี 2547 ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.อ.สันต์ ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนใต้ รวม ทั้งแสดงความเห็นให้สัมภาษณ์ถึง 4 ครั้งว่า การยุบกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 43 (พตท.43) ทำให้ภาคใต้ลุกเป็นไฟ เกิดกรณีฆ่าตัดตอน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ขัตติยะ 3 ครั้ง เป็นการแสดงความเห็น ตามความจริง ส่วนครั้งที่ 4 พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมมือปืนที่ก่อ เหตุนั้น มือปืนเป็นพวกเดียวกับ ผบ.สันต์ ซึ่งศาลเห็นว่า พล.ต.ขัตติยะ หมายถึง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. จึงเข้าข่ายหมิ่นประมาท จึงพิพากษาสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับอีก 4 หมื่น โทษจำให้รอลงอาญา 1 ปี
http://hilight.kapook.com/view/44552

Image
สันต์ยื่นฟ้องล้มละลายเสธ.แดงไม่ จ่าย20ล.คดีแพ่ง
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่ศาลล้มละลายกลาง ถ.สาทรใต้ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบอำนาจให้ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์
ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นจำเลย เรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย กรณี พล.ต.ขัตติยะ ไม่ยอมชำระเงิน จำนวน 20 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีให้กับ พล.ต.อ.สันต์ ในคดี พล.ต.อ.สันต์ ได้ยื่นฟ้อง พล.ต.ขัตติยะ เป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 20 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ซึ่งศาลแพ่งเห็นว่า พล.ต.ขัตติยะ กระทำผิดจริง และมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ส.ค.49 ให้ พล.ต.ขัตติยะ ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้ พล.ต.อ.สันต์ นับแต่วันที่ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 5 ต.ค.47 จนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลล้มละลายกลาง รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ ล.8708/2551 และนัดพิจารณาคดีในวันที่ 4 ธ.ค.นี้
http://tnews.teenee.com/politic/24808.html

Image

พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล เป็นชาวอำเภอ โพธาราม จังหวัดราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2494 เป็นบุตรชายคนสุดท้องของ ร.อ.สนิท สวัสดิผล และนางสอิ้ง สวัสดิผล จากจำนวนพี่น้อง 4 คนซึ่งเป็นหญิง 3 คนและชาย 1 คน


จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนศรีวิกรม์ การศึกษาด้านการทหาร จบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 11, โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 และโรงเรียน เสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 63 ขัตติยะได้เรียนต่อปริญญาตรีคุรุศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาปี 2528
ปริญญาโท คณะพัฒนาสังคมและส่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สำเร็จการศึกษาปี 2539 ปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัย ศรีปทุม สำเร็จการศึกษาปี 2545 ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัย รามคำแหง สำเร็จการศึกษาปี 2547 และจบปริญญาเอก สาขาบริหารรัฐกิจ UNIVERSITY OF NORTHERN PHILLIPINES สำเร็จการศึกษาปี 2551

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล สมรสกับ นาวาเอก (พิเศษ)หญิง จันทรา สวัสดิผล (เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็ง) มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมด 1 คน ชื่อนางสาวขัตติยา สวัสดิผล (ชื่อเล่น: เดียร์) ปัจจุบันทำงานเป็นทนายความในสำนักกฎหมายเอกชน

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล มีเว็บไซต์ของตนเองชื่อ http://www.sae-dang.com ที่วิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันอย่างดุเดือด โดยบุคคลที่ชื่นชอบจะเรียกชื่อ พล.ต.ขัตติยะ อย่างเคารพว่า "อาแดง" แต่หากมีการวิเคราะห์สถานการการเมืองและการทหารอย่างเป็นทางการ ก็จะใช้นามเรียกขานตัวเองว่า " เสธ.แดง "

รับราชการ
พล.ต.ขัตติยะ เข้ารับราชการครั้งแรกในกองพันทหารราบที่ 4 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี และเติบโตมาในสายทหารม้า เคยได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2543 เคยเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าในช่วงปี 2529 เป็นนายทหารติดตามของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเคยเป็นนายทหารคนสนิทของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในรัฐบาล นายชวน หลีกภัยและดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกเป็นตำแหน่งสุดท้าย

ในทางการเมืองในประเทศไทย
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 พล.ต.ขัตติยะ ก็ได้แสดงบทบาทของตนเองออกมา ในตอนแรกได้วิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลายต่อหลายครั้งเรื่องปัญหาการฆ่าตัดตอนในสงครามกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งทำให้เกิดปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และการปล้นปืนขึ้น ซึ่งพล.ต.ขัตติยะเห็นว่าไม่ถูกต้อง ในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อ พ.ศ. 2551 การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ขัตติยะก็ได้ไปปรากฏตัว ณ ที่ชุมนุมด้วยโดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าเข้ามาสังเกตการณ์ แต่ต่อมาไม่นาน พล.ต.ขัตติยะก็ได้เปลี่ยนท่าทีใหม่โดยสิ้นเชิง

ได้แสดงท่าทีและวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มพันธมิตรฯ ที่นำประเด็นเขาพระวิหารมาเป็นประเด็นทางการเมือง ทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรได้วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะผู้บัญชาการทหารบกนิ่งเฉยในประเด็นเขาพระวิหาร โดยพล.ต.ขัตติยะ ในช่วงแรกได้ออกมาปกป้องทั้งในเรื่องประเด็นทุจริตรถเกราะยูเครน 8 ล้อ และประเด็นเรื่องเขาพระวิหาร ซึ่งพล.ต.ขัตติยะออกมาโต้แทนว่า พล.อ.อนุพงษ์ ท่านหน่อมแน้ม จึงโดนตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ซึ่งผลการสอบไม่มีความผิดแต่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา ในเหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง

พล.ต.ขัตติยะได้วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ พล.อ.อนุพงษ์ อีกครั้งว่าปล่อยให้พันธมิตรยึดสนามบินไม่ยอมนำกำลังออกมาช่วยรัฐบาลตามที่มีคำสั่งจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในการปราบปรามกลุ่มพันธมิตร นอกจากนี้ยังนำผู้นำเหล่าทัพไปให้สัมภาษณ์ช่อง 3 ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ บอกให้ นาย สมชาย วงษ์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โดยหลังจากจุดๆนี้เป็นต้นไป พล.ต.ขัตติยะได้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกลุ่มพันธมิตรและพล.อ.อนุพงษ์ จนกระทั่งถูกคำสั่งพักราชการในเดือนมกราคม 2553 ในข้อหาวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา ซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ ไม่ยอมรับ โดยอ้างว่ากองทัพไม่มีอำนาจในการสั่งพักราชการตน เนื่องจากตนเป็นถึงนายทหารระดับนายพล

Image

ต่อมาพล.ต.ขัตติยะก็ได้ประกาศตัวว่าเป็น แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ และตระเวนไปปราศรัยที่เวทีคนเสื้อแดงทั่วประเทศ และประกาศตัวว่าถ้าสามเกลอพลาดจะขึ้นเป็นแกนนำแทนด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ต่อมาได้ทำให้นายทหารระดับสูงในหลายส่วนของกองทัพบกได้ออกมาวิจารณ์การกระทำของ พล.ต.ขัตติยะถึงความเหมาะสมรวมทั้งได้แสดงออกถึงการร่วมใจปกป้องศักดิ์ศรีของกองทัพด้วย

Image

ในทางการเมือง พล.ต.ขัตติยะ ได้มีแนวคิดจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาในชื่อ พรรคเสธ.แดง เพื่อลงเลือกตั้ง ในปลายปี 2550 โดยมีจุดมุ่งหมายคือ แยกอำนาจสอบสวนออกจากตำรวจและตั้งหน่วยงานอิสระขึ้นมาดูแลแทน โดยตำรวจมีหน้าที่จับกุมและส่งตัวมาให้หน่วยงานสอบสวน แต่ไม่ได้รับการรับรองให้จดทะเบียนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. โดยนางสดศรี สัตยะรรม ให้เหตุผลว่าเป็นชื่อบุคคลไม่สามารถนำมาตั้งชื่อพรรคได้ โดยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ โดยเรื่องชื่อพรรคนี้เรื่องค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ 2 ปีเต็มไม่มีความคืบหน้า เพราะมีเรื่องเร่งด่วนรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินอีกหลายเรื่อง จึงขอถอนเรื่องออกมาและมาจัดตั้งใหม่ ในนามว่าพรรคขัตติยะธรรม

พักราชการเสธ.แดง
"ประวิตร”ลงนามพักราชการ “เสธ.แดง” ส่งศาลทหารฟันอาญา หากผิดถึงขั้นไล่ออก-ถอดยศ “เสธ.แดง” ลั่นเจอดีแน่ ขอสู้แบบกองโจรหากสั่งพักราชการ จวก “บิ๊กป๊อก” มีอคติขุดเรื่องเก่าเล่นงาน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงกลาโหม ให้ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พักราชการตามการเสนอของกองทัพบกที่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนความผิดทางวินัยโดยมีการพิจารณาตั้งข้อกล่าวหา 2 กรณี คือ 1.การหนีราชการไปต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.การให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา ซึ่งในระหว่างการสอบสวนได้เรียกพล.ต.ขัตติยะ มารับทราบและกำชับให้หยุดการให้สัมภาษณ์ที่ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา และหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกอย่าง ซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ รับปากที่จะหยุดการเคลื่อนไหว แต่ พล.ต.ขัตติยะ กลับยังดำเนินการตามเดิมคือนำอดีตทหารพรานมาร่วมชุมนุมซึ่งเป็นสิ่งไม่เหมาะสมเพราะยิ่งทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดและทำให้สถานการณ์บ้านเมืองบานปลาย

DSI ออกหมายจับ
ดีเอสไอออกหมายจับคดีก่อการร้าย"เสธแดง"และกลุ่มที่ชิงอาวุธจากทหารในเหตุปะทะเมื่อวันที่10เม.ย 2553 ผู้ที่ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าว ลำดับต้นคือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก นอกจากนี้ยังมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา บริเวณสี่แยกคอกวัว ตลอดจนกลุ่มที่ชิงอาวุธจากทหารไปด้วย
การเสียชีวิตของเสธ.แดง ถือว่าการดำเนินคดีในส่วนของ เสธ.แดง สิ้นสุดลง


ปิดฉากสุดท้ายเสธ.แดง
พล.ต.ขัตติยะได้ถูกลอบยิงระหว่างการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศใน ฐานะหัวหน้าการ์ดของแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติที่สวนลุมพินี บริเวณแยกศาลาแดง เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.ของวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 โดยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกกระสุนเข้าที่ศีรษะด้านขวาทะลุท้ายทอยกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียวและได้ย้ายไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลในกลางดึกของวันเดียวกัน โดยทางแพทย์ผู้ให้การรักษาได้ให้เหตุผลว่าทางวชิรพยาบาลมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพียบพร้อมกว่า อาการของ พล.ต. ขัตติยะ อยู่ในสภาพทรงตัวมาตลอดจนกระทั่งพล.ต. ขัตติยะ เสียชีวิตด้วยภาวะไตวายเฉียบพลันเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 09.20 น.[1] โดยมีกำหนดการพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่วัดโสมมนัสราชวรวิหาร ในวันที่ 22 มิถุนายน 2553 เวลา 17.00 น.

Image
Image[/img]
Last edited by noway2know on Sun Jun 06, 2010 2:49 am, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 7:54 pm

กลุ่มฮาร์ดคออริสมันต์ แรมโบ้ พายัพ

อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง
วีรกรรม....สุดยอดความเลว....ศิริราชจะไม่มีเหลืออยู่ในประเทศไทย

Image
อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง

อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง (เดิมชื่อ ศักดา พงศ์เรืองรอง)มีชื่อเล่นว่ากี้ เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2507 ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายฮินดู โดยมีพ่อและแม่เป็นพระเอกและนางเอกลิเกมาก่อน มีน้องชายอยู่ 2 คนคือ สุรเกียรติ พงศ์เรืองรอง และอาชาครินต์ พงศ์เรืองรอง (ซึ่งได้เป็นนักร้องในสังกัดอาร์.เอส. โปรโมชั่นอยู่ช่วงหนึ่งด้วย จากการสนับสนุนของอริสมันต์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากผลงานคล้ายกับอริสมันต์มาก)

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย อ.บ้านโป่ง ราชบุรี มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Image
อริสมันต์เมื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯได้ขายกางเกงยีนส์อยู่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เริ่มมีชื่อเสียงมาจากออกอัลบั้มชุดแรกกับบริษัทอาร์.เอส. โปรโมชั่น ด้วยการชักชวนของอิทธิ พลางกูร ในชุด"ความหมายของผู้ชายคนหนึ่ง" ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 ก็โด่งดังทันทีจากเพลง ไม่เจียม, เธอ ลำเอียง เพราะมีรูปแบบการร้องที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนด้วยเสียงที่กลั้วอยู่ในลำคอเหมือนออกเสียงไม่ชัดแต่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ซึ่งถูกเรียกว่าอมลูกอมฮอลล์ในขณะร้องเพลง จนได้รับฉายาว่านักร้องเสียงอมฮอลล์

ปัจจุบันอริสมันต์มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของครอบครัว ชื่อพงศ์เรืองรองก่อสร้าง ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 ชีวิตครอบครัว อริสมันต์สมรสกับนางระพีพรรณ พงศ์เรืองรอง หญิงชาวขอนแก่น ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมด1คน

อริสมันต์กับคำถามสู้แล้วรวย....
"กี้ อริสมันต์"แกนนำนปช. ส่งทนายร้องศาลล้มละลาย
เลื่อนฟังคำสั่งพิทักษ์ บสท.ฟ้องพิทักษ์ทรัพย์ 17 ล้าน

ที่ห้องพิจารณาคดี 10 ศาลล้มละลายกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 24 มี.ค.53 เวลา 09.30 น. ศาลนัดฟังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ คดีหมายเลขดำที่ 10320/2552 ที่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.)เจ้าหนี้ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ลูกหนี้ เรื่องขอให้พิทักษ์ทรัพย์มูลค่า 17 ล้านบาท

ในวันนี้นายอริสมันต์ไม่ได้เดินทางมาศาลแต่มอบหมายให้ทนายความมายื่นคำร้องขอเลื่อนนัดออกไปก่อน ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตและนัดฟังคำสั่งพิทักษ์อีกครั้งในวันที่ 30 มิ.ย.2553 นี้ เวลา 09.30 น.
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20100324/106688/%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%97.%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A217%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html

เส้นทางการเมือง
ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 อริสมันต์เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมในเหตุการณ์ ถึงขั้นที่ขึ้นไปปราศรัยและร้องเพลงสนับสนุนผู้ชุมนุม ซึ่งได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมบางส่วนว่า ทำไปเพราะอยากดัง หรือเพื่อโปรโมตอัลบั้ม ทั้งที่แท้จริงแล้วการกระทำดังกล่าวไม่เอื้อประโยชน์ต่อการขายเทปมากนักและหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือน อัลบั้มชุดที่ 4 "สงสัยใจสะเทิ้น"ก็ออกมา แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ใช่และยืนยันว่าชอบการเมืองมานานแล้ว

พรรคพลังธรรม
ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ได้ลงเลือกตั้งเป็นครั้งแรกโดยสังกัดพรรคพลังธรรม ในพื้นที่กรุงเทพ ฯ เขตบางกอกน้อย และประสบความสำเร็จ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นสมัยแรก แต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 อริสมันต์สังกัดอยู่ในพรรคเดิมและพื้นที่เดิม กลับไม่ได้รับการเลือกตั้ง จากนั้นในปี พ.ศ. 2541 สมาชิกพรรคพลังธรรมหลายคนได้ย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย อริสมันต์ก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนสมาชิกที่ย้ายไปด้วย และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2548 อริสมันต์ก็ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักไทยในแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 56 ของพรรคและมีบทบาทเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(นายประชา มาลีนนท์) และในวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 อริสมันต์ได้แต่งและร้องเพลงพิเศษที่มีชื่อว่า คนของแผ่นดิน ที่มีเนื้อหาสนับสนุน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร


การเข้าร่วมกับกลุ่ม นปช.

ในคืนวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2550 อริสมันต์ได้ร่วมกับกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มพีทีวี และ อดีต ส.ส.ไทยรักไทย ที่รวมตัวยกันในนามแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ท้องสนามหลวง เคลื่อนย้ายขบวนฝ่าแนวป้องกันของตำรวจไปยังหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น อีกทั้งในคืนวันที่ 18 มิถุนายน ก็ได้ขึ้นรถปราศรัยโดยด่าว่าทหารและตำรวจที่รักษาความสงบอยู่ด้วย

ในการเลือก ตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 อริสมันต์ลงสมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร ในเขต 12 (บางพลัด บางกอกน้อย ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา) สังกัดพรรคพลังประชาชน แต่ไม่ได้รับเลือก ต่อมาได้เข้าร่วมกับแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยได้ปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและประธานองคมนตรี

Image
ในเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่ม นปช. เมษายน พ.ศ. 2552 อริสมันต์เป็นแกนนำผู้ชุมนุมที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยนำผู้ชุมนุมทั้งจากจังหวัดใกล้เคียงและที่สมทบจากกรุงเทพฯ เพื่อปิดล้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา โดยเมื่อวันที่ 10 เมษายน ได้เข้าปิดล้อมหน้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา เพื่อเข้ายื่นหนังสือกับตัวแทนอาเซียน และในวันต่อมาได้กลับมาชุมนุมหน้าโรงแรมอีกครั้ง เพื่อกดดันรัฐบาลให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ปะทะกับกลุ่มคนสวมเสื้อสีน้ำเงินในช่วงเช้า และนำกำลังหลายร้อยคน บุกเข้าในสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ทำให้ความปลอดภัยของผู้นำมิตรประเทศมีความเสี่ยงสูงมาก จนกระทั่งประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมจำเป็นต้องขอเลื่อนการประชุมออกไปกลางคันโดยไม่มีกำหนด ส่งผลให้ผู้นำประเทศต่างๆต้องอพยพออกจากสถานที่ประชุมและบินกลับประเทศตนเองโดยปลอดภัยทุกท่าน หลังจากนั้นอริสมันต์ได้ถูกตำรวจจับกุมตัวที่บ้านพักในเขตตลิ่งชันขณะพยายามปีนหน้าต่างหลบหนีและถูกควบคุมด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังจังหวัดราชบุรีแต่ต่อมาศาลอนุมัติให้ประกันตัวไปด้วยวงเงิน5แสนบาท และเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553 พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขออนุมัติหมายจับนายอริสมันต์ในข้อหา กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่ก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งศาลพิจารณาแล้วได้อนุมัติหมายจับนายอริสมันต์

ในการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติแดงทั้งแผ่นดิน พ.ศ. 2553 ในวันที่ 7 เมษายน นายอริสมันต์เป็นผู้นำผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาระหว่างมีการประชุมสภากันอยู่ โดยที่แกนนำหลักทั้ง 3 คือ นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อและนายจตุพร พรหมพันธ์ ไม่ได้มีมติให้ทำเช่นนั้นซึ่งต่อมาทางรัฐบาลก็ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีเหตุร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงตามมา

Image
ต่อมาในเช้าวันที่ 16 เมษายน นายอริสมันต์พร้อมกับแกนนำ นปช.คนอื่นๆ ซึ่งมีหมายจับจากศาลอาญา เช่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ต้องหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะที่พักผ่อนกันอยู่ในโรงแรม เอส.ซี.ปาร์ค ย่านรามคำแหงโดยที่นายอริสมันต์ต้องโหนตัวกับเชือกลงมาจากหน้าต่างห้องพักชั้น 3

ในช่วงเวลาที่การก่อเหตุการความวุ่นวาย และการก่อจราจลในกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤษภาคม ใกล้จบลง เมื่อแกนนำเช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำเสื้อแดงรวม 7 คน ได้ประกาศสลายการชุมนุม และขอเข้ามอบตัวต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีข่าวว่านายอริสมันต์ ได้หลบหนีไปจากแยกราชประสงค์ ตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อสถานการณ์ของ นปช. เริ่มเสียเปรียบฝ่ายทหาร โดยในช่วงบ่ายของวันที่ 19 พฤษภาคม นายอริสมันต์อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมตัว

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 9:01 pm

แรมโบ้อิสาน และ พายัพ

ผลงาน....บุกโรงพยาบาลจุฬา
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Fri Jun 04, 2010 9:36 pm

ชุดดำก่อความรุนแรงในกลุ่ม นปช.
และพฤติกรรมแต่งกายเลียนแบบทหาร



เปิดโฉม"ชายลึกลับถือปืน"แต่งกายคล้ายทหารในคลิปซีเอ็นเอ็นคล้าย "นายยักษ์"
การ์ด นปช.แย่งปืนตร.บุกจับ"กีร์"ที่รร.เอสซี

ตร.ได้ภาพและเทียบเคียงกับนายยักษ์ หรือนายศรชัย ศรีดี การ์ดเสื้อแดง ซึ่งเป็นภาพที่ตำรวจไปบุกโรงแรมเอสซีปาร์ค เพื่อจับนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง วันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ที่ไปแย่งชิงปืนตำรวจ

Image


พล.ต.ต.สุเมธกล่าวอีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)กำลังประชุมกับ พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ซึ่งตำรวจยืนยันว่า เป็นปืนหลวงที่หายไป โดยมีพยานเป็นตำรวจให้การ ส่วนศาลจะอนุมัติหมายจับหรือไม่ก็รอตรวจสอบอยู่ โดยอีกส่วนหนึ่งจะให้พนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกไปให้นายศรชัยตามที่อยู่ว่า วัน เวลานั้นไปอยู่ที่ใด เนื่องจากภาพที่ได้จากคลิปของซีเอ็นเอ็นมีลักษณะคล้ายนายศรชัย หากส่งไปแล้วหาย ก็จะส่งอีกครั้งโดยจะเอาหลายอย่างมาประมวลกัน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นใครก็ตาม

พล.ต.ต.สุเมธกล่าวว่า หากไม่ใช่นายยักษ์ แต่มีปืนอย่างนี้ในช่วงชุมนุมและรถไฟฟ้าก็ปิดแล้ว ก็ผิดทั้งการครอบครองอาวุธและการชุมนุมฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นนายยักษ์ หรือเป็นใครก็จะต้องดำเนินคดีด้วย ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบทุกอย่างให้ชัดก่อนจึงจะขอศาลออกหมายจับได้ อย่างไรก็ตาม หากทางซีเอ็นเอ็นจะให้ความร่วมมือกับตำรวจก็จะเป็นการดีและขอบคุณอย่างมาก

Image
อรุณ ฉายาจันทร์
นายอรุณ ฉายาจันทร์ ผู้ชุมนุมเสื้อแดง
ที่ตกเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุบุกรุกเข้ากระทรวงมหาดไทย
และทุบรถยนต์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
จับกุมได้เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552

โดยจับกุมได้หน้าสนามมวยลุมพินี ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.

อรุณ ฉายาจันทร์ เป็นหนึ่งในการ์ดของเสธ.แดงด้วย
กลุ่มคนพวกนี้โยงใยกันหมด เสธ.แดง จิ๋ว นปช.

โพสต์ทูเดย์ ฉบับ วันที่ 11 มีนาคม 2553
ด้านทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
ได้ร่วมแถลงข่าวถึงการชุมนุมของนปช.นำโดยนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค กล่าวว่าตอนนี้ทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับข้อมูลมาว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ในระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงขึ้นเพื่อโยนความผิดให้รัฐบาล ทราบมาว่าเป็นเครือข่ายของคนมีสี คือนายอรุณ ฉายาจันทร์ ซึ่งเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่หน้ากระทรวงมหาดไทยในช่วงเหตุการณ์ เม.ย.ของปี2552

http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/15670/%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0

Image
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาการ ผบก.ป.สั่งการพนักงานสอบสวนพร้อมกำลังตำรวจกองปราบปรามเดินทางไปยังโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเพื่ออายัดตัว นายจรัญ หรือ ยักษ์ ลอยพูล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/2 หมู่ 6 ต.งิ้วราย อ.เมือง จ.ลพบุรี ลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หลังได้รับการประสานงานจาก สน.สามเสน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

เมื่อไปถึงพบว่านายจรัญนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าวเนื่องจากถูกยิงที่ขาซ้ายและแขนขวา ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ต.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ พงส.(สบ2) บก.ป. ได้นำหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ 117/53 วันที่ 21 พ.ค.53 ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปขออายัดตัวก่อนจะส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ

สำหรับนายจรัญ นั้นเคยถูกตำรวจ บก.ป.จับกุมพร้อมกับ พล.ต.ขัตติยะ ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา นายมงคล สารพัน นายจักรชลัส คงสุวรรณ นายเริงฤทธิ์ ตุ้มทองคำ นายสุวิทย์ คีรีรักษ์ หลังให้การช่วยเหลือนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ “เคทอง” หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังถูกตำรวจกองปราบปรามตรวจค้นรถตู้ที่ทั้งหมดใช้เป็นพาหนะพบอาวุธปืนอีกหลายกระบอกจึงถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันให้การช่วยเหลือซ่อนเร้นนายพรวัฒน์ ต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี ระหว่างนั้นก็เข้าร่วมการชุมนุมจนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และถูกออกหมายฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ดังกล่าว

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 1:09 am

คดีต่างๆของเสื้อแดง

คดีลักทรัพย์และพกอาวุธ

Image
Image
ผู้ต้องหา
นายประสงค์ มณีอินทร์
นายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ

(17 พ.ค.2553) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก. สน.พญาไท พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ สว.สส.สน.พญาไท ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวการ์ด นปช.พกอาวุธ 2 ราย คือ นายประสงค์ มณีอินทร์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/103 หมู่ 3 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. และนายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 5 ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางกว่า 60 รายการ ทั้ง อาวุธมีดสั้น ขวาน แท่งเหล็ก ระเบิดขวด ระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ กระสุนน็อต วิทยุสื่อสาร เสื้อยืด ผ้าผูกคอ สายไฟ ปลอกแขนและบัตรการ์ด นปช. ซองบรรจุเงินระบุชื่อการ์ดและจังหวัด กล้องถ่ายรูปยี่ห้อนิคอน สุรายี่ห้อต่าง ๆ เครื่องดื่มชูกำลัง อาหารแห้ง บัตรเติมเงิน รวมทั้งบุหรี่ยี่ห้อต่าง ๆ และของใช้อีกหลายชนิด ซึ่งบรรจุอยู่ในลังเซเว่น ฯ รถกระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ หมายเลขทะเบียน ปว 2816 กรุงเทพฯ โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณด่านตรวจร่วมซอยพญานาค แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่าการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ทหารได้ตั้งด่านตรวจอยู่ที่ซอย พญานาค ใกล้กับโรงแรมเอเชีย จากนั้นนายประสงค์ได้ขับรถกระบะดังกล่าวเข้ามาบริเวณด่าน โดยมีนายโกวิทย์นั่งมาด้วยเจ้าหน้าที่ จึงเรียกตรวจค้น พบของกลางทั้งหมดอยู่บนกระบะหลังรถและด้านหน้ารถจำนวนมาก จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.พญาไท

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีอาวุธจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบสุราและอาหารแห้งอีกหลายรายการ คาดว่าผู้ต้องหาน่าจะไปขโมยมาจากร้านเซเว่นฯ ในหลายสาขา ทั้งพระราม 4 และสาขาปทุมวัน เนื่องจากมีลังที่ระบุสัญลักษณ์ของร้านเซเว่นฯ สำหรับการตรวจจับในครั้งนี้ถือเป็นการสกัดกั้นความรุนแรง ไม่ให้ผู้ต้องหานำของกลางไปใช้ก่อเหตุ

Image

ส่วนของกลางดังกล่าวที่พบในรถนั้นตนไม่ทราบว่าเป็นของใครและมาอยู่ในรถตนได้อย่างไร ซึ่งตนจอดรถไว้ในพื้นที่ชุมนุม อาจจะมีคนนำเอามาใส่ไว้ โดยเมื่อช่วงเช้าตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน แต่มาถูกจับกุม ส่วนรูปที่พบในกล้องนั้นเป็นรูปที่ถ่ายเมื่อครั้งไปเที่ยวที่ จ.สระบุรี แต่มีคนยืมกล้องไปใช้หลายคนไม่รู้ว่านำไปถ่ายอะไรมาบ้างสำหรับซองที่บรรจุเงินนั้นตนเตรียมเอาไว้เพื่อจะจ่ายให้คนงานและพรรคพวกที่รู้จักกัน :lol:

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฝ่าฝืนพนักงาน เจ้าหน้าที่มีอำนาจ ซึ่งห้ามบุคคลใดซึ่งมีพฤติการณ์ หรือน่าจะเชื่อว่าเข้ามามีส่วนร่วมในการชุมนุม เพื่อกระทำการที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนเข้ามาในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ มีความร้ายแรง ,พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันลักทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 2:04 am



นายโคเนอร์ ดาวิด เพอร์เซล
4 มิ.ย.2553 สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ ของออสเตรเลีย รายงานว่า นายโคเนอร์ ดาวิด เพอร์เซล อดีตนายทหารชาวออสเตรเลีย
ชายหนุ่มที่ถูกรัฐบาลไทยกล่าวหาว่าพัวพันกับเหตุประท้วงขับไล่รัฐบาลในประเทศไทยได้เดินทางมายังศาลในสภาพที่ถูกลามโซ่ตรงข้อเท้าและมีท่าทางกระวนกระวายพร้อมทั้งตะโกนบอกผู้สื่อข่าวว่าตนถูกชายติดอาวุธทั้ง 7 คนรุมทำร้ายร่างกายด้วยความรุนแรง(ไหงไม่มีบาดแผลเลย) ขณะถูกคุมตัวในสถานคุมขังแห่งหนึ่ง พร้อมกับคนอื่นๆอีก 31 คน ดังนั้นจึงร้องขอให้ย้ายตนให้ไปอยู่ในที่ที่มีความปลอดภัยสูงสุด

นายโคเนอร์ ดาวิด เพอร์เซล ถูกทางการไทยกล่าวหาว่าเขาละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากเข้าร่วมขึ้นเวทีปราศรัย ต่อต้านรัฐบาลในที่ชุมนุมชนมากกว่า 5 คนขึ้นไป ในช่วงที่มีการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยทางศาลก็แจ้งกับนายเพอร์เซลว่า ขอเวลาเตรียมการคดีนี้อีกสักระยะ ดังนั้นจะต้องใช้เวลาในการควบคุมตัวไปอีกจนถึงวันพฤหัสบดีหน้า (10มิ.ย.) อย่างไรก็ตามทนายความของนายเพอร์เซลกล่าวว่า หากคำร้องยื่นขอประกันตัวด้วยจำนวนเงิน 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 220,000 บาท) หากได้รับอนุญาตนายประกันในกลุ่มคนเสื้อแดงจะเป็นผู้ออกให้
http://news.mthai.com/headline-news/78400.html

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 2:16 am



นายเจฟฟ์ ซาเวจ ยุยงช่วยกันวางเพลิง
ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

เจฟฟ์ ซาเวจ จากทอนบริดจ์ในเมืองเคนท์ถูกบันทึกภาพวิดีโอขณะกำลังยุยงผู้ประท้วงเผาเซ็นทรัลเวิลด์ใจกลางกรุงเทพฯไม่กี่วันก่อนหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ถูกวางเพลิงและได้รับความเสียหายร้ายแรง

"ผมโดนปะติดปะต่อเรื่องราวและตกเป็นแพะรับบาป"เขาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนจากห้องคุมขังในกรุงเทพฯ หลังจากถูกควบคุมตัวเมื่อวันอาทิตย์ (23) "ผมคิดว่า(การจับกุมตัวผม) เป็นเพียงกรณีวีซ่าหมดอายุแต่ตอนนี้มันคือเรื่องสาหัส พวกเขาพยายามปักธงยัดเยียดแก่ผมและคนอื่นๆ แต่เราไม่ได้ทำอะไรเลย เรากำลังถูกโยนความผิดให้"

ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะและประท้วงรุนแรงที่ส่งผลให้เมืองหลวงของไทยต้องเป็นอัมพาต ทั้งนี้ในกรุงเทพฯและอีก 23 จังหวัดยังคงอยู่ภายใต้ประกาศเคอร์ฟิว

ซาเวจ อาศัยอยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 9 ปี ถูกถ่ายภาพขณะที่กล่าวถึงเซ็นทรัลเวิลด์ว่า "เราจะไปปล้นทุกอย่าง กวาดให้หมดทั้งทอง นาฬิกาและสิ่งของ จากนั้นเราก็จะเผามันกลายเป็นจุณเลย"

ชาวอังกฤษรายนี้ยอมว่าว่าในวิดีโอเป็นตัวเขาจริงและพูดเช่นนั้นจริง แต่ก็อ้างว่า "ตอนที่พูดเขาอยู่ในอาการเครียด มีอารมณ์ ผมกำลังเครียดแค้นเพราะว่าผมถูกซุ่มยิง ผมพูดเหน็บแนมตามแบบอังกฤษ ผมเพียงเลียนแบบฮูลลิแกนฟุตบอลอังกฤษเท่านั้น"

มีรายงานข่าวรัฐบาลไทยเตรียมตั้งข้อหาเขาฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุก 2 ปี

ก่อนหน้าถูกจับกุมตัว ซาเวจ ได้ให้สัมภาษณ์นายนิก ปาร์คเกอร์ บรรณาธิการฝ่ายผู้สื่อข่าวต่างประเทศของเดอะซัน จากแหล่งซ่อนตัวในพัทยาว่า อาจเดินทางออกนอกประเทศไทย และเล่าเบื้องหลังว่า เข้าร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงเพราะมีจุดยืนสู้เพื่อคนจน ตนรับไม่ได้ที่น้องเขยคนไทยได้ค่าแรงแค่วันละ 200 บาท

เขาเล่าต่อว่าจากนั้นจึงเดินทางเข้ามายังเวทีชุมนุมคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯและว่าไม่เสียใจที่พูดไปว่าจะเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ตอนพูดอย่างนั้นออกไปกำลังแค้นมากเพราะเห็นพี่น้องชาวเสื้อแดงต้องล้มตาย อย่างไรก็ตามตนไม่ได้ร่วมก่อเหตุเผาเซ็นทรัลเวิลด์แต่ไปยืนสังเกตการณ์และเชียร์เหตุเผาสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ซึ่งมีการวางแผนมาก่อนเพราะคนเสื้อแดงเกลียดช่อง3มาก

"เพื่อนๆ ของผมเป็นมืออาชีพ บางคนเป็นอดีตตำรวจและอดีตนายทหาร พวกเขารู้ดีว่ากำลังทำอะไร สงครามยุติลงในช่วงนี้ก็จริง และทุกคนกำลังตามหาตัวเสื้อแดง แต่ในอีก 2 เดือนข้างหน้าการโจมตีจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง"ซาเวจ กล่าว

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby มะนาวหวาน » Sat Jun 05, 2010 5:15 am

[bสวัสดีคะคุณ noway2know......]ขยันทำจังเลยคะ ให้ WM เก็บทู้นี้ด่วน [/b] :D
People have to really suffer before they can Risk doing what they Love.....^_^
User avatar
มะนาวหวาน
 
Posts: 964
Joined: Sun May 16, 2010 12:53 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 2:19 pm

มะนาวหวาน wrote: สวัสดีคะคุณ noway2know......ขยันทำจังเลยคะ ให้ WM เก็บทู้นี้ด่วน :D


สวัสดีค่ะ มะนาวหวาน :D ขอบคุณนะค่ะที่ช่วยกัน

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 2:25 pm

วันเผาเมือง....ความยากลำบากของพนักงานดับเพลิง
ที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้...เนื่องจากมีการยิงปะทะกัน
หรือบางพื้นที่เข้าไปได้แล้ว....คำพูดจากม๊อบแดง
ห้ามดับไฟ....กว่าจะจุดได้.. :roll:

ความในใจของพนักงานดับเพลิงอาสาที่ทำงานมากว่า 30 ปี
นายสมชัย บวรลาภ ผู้อำนวยการปฏิบัติการเขตเหนือ
อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย


Image

ดับเพลิงเผยต้องหลบหลังเสาฉีดน้ำ หวั่นถูกยิง

นายสมชัย บวรลาภ ผู้อำนวยการปฏิบัติการเขตเหนืออาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย เล่าว่าได้รับรายงานให้ไปดับเพลิงตั้งแต่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงภาพยนตร์สยาม เมื่อไปถึงก็พบประชาชนขนของออกมาจากภายใน แต่ไม่ได้ติดอะไรเพราะเป็นห่วงเพลิงที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็ได้รับรายงานว่าเกิดเพลิงไหม้ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ก็ออกมาไม่ได้เพราะมีเสียงปืนดังต่อเนื่อง ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางไหน มีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารสั่งว่า พื้นที่อันตราย หมอบลงๆๆ ตนเองและลูกน้องจึงถอนกำลังเข้าไปด้านในห้างสยามเพื่อหลบกระสุน

จากนั้นประมาณ10นาทีเจ้าหน้าที่ทหารก็บอกให้ออกมาได้จะคุ้มกันให้
(กทม.ต้องขอร้องให้ทหารเข้าไปคุ้มกันรถดับเพลิงและทหารต้องถอยออกจากพื้นที่เพราะโดนซุ่มยิงและเริ่มเ็ย็นแล้ว)ตนเองและกำลังส่วนหนึ่งก็ไปที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ก็พบปัญหาเหมือนเดิมคือมีเสียงปืนดังเป็นระยะ ในที่สุดกลุ่มบรรเทาสาธารณภัยก็เข้าไปด้านในได้ และช่วยกันระดมฉีดเพื่อสกัดเพลิง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเนื่องจากภายในห้างร้อนมาก อาคารด้านในเริ่มจะทรุดลงมา ขณะเดียวกันก็ต้องหลบตามเสาเพราะมีเสียงปืนตลอด หลังจากมั่นใจว่าไม่มีเสียงปืนจึงตัดสินใจใช้รถกระเช้าโดยลูกน้องนั่งหมอบอยู่ภายในแล้วฉีดน้ำแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะกระจกหนามากขณะที่อุปกรณ์ทำลายก็ทำอะไรกระจกไม่ได้แต่ก็ยังฉีดน้ำระดมเข้าไว้เพื่อไม่ให้เพลิงลุกลาม

ผู้อำนวยการปฏิบัติการเขตเหนืออาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทยกล่าวด้วยว่ารู้สึกท้อใจมากเพราะว่าตลอดเวลาที่เป็นอาสาสมัครกว่า30 ปี ถูกครอบครัว พ่อแม่ภรรยาของอาสาสมัครที่เป็นลูกน้องโทร.มาด่า การออกไปปฏิบัติหน้าที่มันเสี่ยงต่อชีวิต บางคนถึงกับร้องไห้ อ้อนวอนว่าอย่าพาสามีเขาออกไป บางคนมีลูกเล็กกลัวว่าจะกำพร้าพ่อ แต่ถึงจะเกิดความท้อใจอยู่บ้างก็ไม่เคยคิดถอย ถามลูกน้องทุกคนก็บอกจะสู้ยินดีที่ช่วยเหลือคนอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับเพลิงทุกคนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ขอให้ทำงานอย่างมีสติเพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุเพลิงไหม้อีกกี่จุด

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby rtc_ee15 » Sat Jun 05, 2010 2:42 pm

เงิน ........ อาวุธ.....บารมี......แค่นี้ ไม่พอสำหรับการยึดอำนาจหรอก ........ ....
User avatar
rtc_ee15
 
Posts: 30
Joined: Fri Jun 04, 2010 11:27 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 3:10 pm

เสื้อแดง...ผลงานบันลือโลก
บุก...คุกคาม โรงพยาบาลจุฬา...จนต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
หลังเกิดเหตุ....จตุพรแถไม่รอด...คลิปจากนักข่าวยืนยัน
หลักฐานชัด จตุพร สั่ง พายัพ บุก รพ จุฬา เหวงนั่งฟังเฉย



คนเสื้อแดงได้ก่อเรื่องอีกครั้ง โดยนายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำคนเสื้อแดง อ้างว่าได้ไปสำรวจมาแล้วพบว่าที่ รพ.จุฬาฯ อาคาร 2 และ 3 มีทหารอยู่ที่ชั้น 3 ของ รพ.จุฬาฯ และมีการส่งข้าวส่งน้ำขึ้นไปข้างบน รพ.จุฬาฯ ต้องเคลียร์ออกไปให้หมด โดยจุดที่ทหารอยู่บนตึกที่กระจกสีดำ ไม่เช่นนั้นวันศุกร์ 10 โมงเช้า ตน, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ จะเดินทางไปที่ รพ.จุฬาฯ เพื่อไปพิสูจน์ว่ามีทหารอยู่หรือไม่

"เราจะไปขอคืนพื้นที่ รพ.จุฬาฯ คืน เพราะที่นั่นมีปืนสไนเปอร์ รวมถึงตึกตรงข้าม รพ.จุฬาฯ โดยเฉพาะโรงแรมดุสิตธานีที่เป็นของใครทุกคนก็รู้ โดยโรงแรมแห่งนี้มีการให้พื้นที่ทหารอยู่ในพื้นที่ รวมถึงในสวนลุมพินีก็มีตำรวจ 7 กองร้อย เสื้อแดงไปสำรวจมาแล้วเมื่อตอนเย็น ต้องเคลียร์ให้หมด เสื้อแดงจะให้เวลาถึง 10 โมงเช้าพรุ่งนี้เท่านั้น"

ทั้งนี้ ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า เนื่องด้วยมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นรอบ รพ.จุฬาฯ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อเป็นการป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วย ใน รวมทั้งญาติที่รับการรักษาที่ รพ.จุฬาฯ อีกทั้งยังเป็นการดูแลความปลอดภัยของบุคลากรของ รพ.จุฬาฯ และคณะแพทยศาสตร์ด้วย ทางโรงพยาบาลได้ย้ายผู้ป่วยในที่อยู่ภายในตึก ภปร และตึก สก ไปยังตึกต่างๆ ทางด้านถนนอังรีดูนังต์เรียบร้อยแล้ว

และปิดให้บริการผู้ป่วยนอกทั้งหมดในวันศุกร์ที่ 30 เมษายน เพิ่มอีก 1 วัน ยกเว้นจะพิจารณาให้การรักษาในรายที่จำเป็นต้องพบแพทย์เท่านั้น งดผ่าตัดทั้งหมด ยกเว้นผู้ป่วยฉุกเฉิน และงดรับผู้ป่วยส่งต่อจากโรงพยาบาลต่างๆ เป็นการชั่วคราว

นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า การชุมนุมที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ได้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของแพทย์ และบุคลากรของแพทย์ใน รพ. 2 แห่ง คือ รพ.จุฬาฯ และ รพ.ตำรวจ ซึ่งได้งดรับผู้ป่วยใหม่ และ รพ.ตำรวจนั้นได้มีการขนย้ายผู้ป่วยไปไว้อาคารด้านหลังที่อยู่ห่างไกลผู้ ชุมนุม ดังนั้นจึงขอวอนให้ผู้ชุมนุมอย่างขวางทางเข้า-ออก และถอยออกห่างจากรอบ รพ.ให้มากที่สุด และที่สำคัญ ไม่ควรละเมิดเจ้าหน้าที่ด้วยการเข้าไปตรวจค้นใน รพ.

"ถ้ามีคนออกมาเตือนสติแบบนี้ ผมหวังว่าในฐานะที่เป็นแพทย์ นพ.เหวง โตจิราการ (แกนนำ นปช.) ก็คงจะมีจิตสำนึก เพราะไม่มีประเทศไหนในโลกที่ใช้พื้นที่ของ รพ.เพื่อเอาชนะคะคานกัน ขนาดจะขับรถผ่าน รพ.ยังห้ามบีบแตรรถเลย แต่นี่มีการใช้เครื่องขยายเสียงทุกวัน ดังนั้นก็อยากจะขอความร่วมมือด้วย" นพ.สมศักดิ์กล่าว

ด้าน นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ กรรมการแพทยสภา กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายเคารพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รพ. เพราะ รพ.จะต้องรักษาพื้นที่เอาไว้เพื่อช่วยชีวิตคนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน มีผู้บาดเจ็บ เพราะ รพ.ตำรวจและ รพ.จุฬาฯ อยู่ใกล้การชุมนุมมากที่สุด จึงมีส่วนสำคัญในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ถ้าหากบุคลากรทางการแพทย์ยังมีความกังวล และไม่มั่นใจในความปลอดภัย ก็จะส่งผลต่อการปฏิบัติงานได้ ดังนั้นอยากขอร้องว่าอย่าเข้าไปใน รพ. หรือหนีไปหลบซ่อนใน รพ. และควรถอยออกห่างจากรอบๆ รพ.ไม่ต่ำกว่า 100 เมตร

อย่างไรก็ตาม ช่วงค่ำไม่ทันข้ามวัน นายพายัพได้ยกพวกโดยมีการ์ด 40 คนเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาฯ พร้อมพูดเสียงดังว่า ขอค้นตึก ภปร และตึก สก โดยอ้างว่ามีการนำทหารเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะหน่วยแม่นปืนจากภาคใต้ซ่อนตัวอยู่

ขณะที่ ศ.นพ.อดิศรได้ขอเจรจา พร้อมยืนยันว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่รักษาผู้ป่วย ไม่มีการนำทหารเข้ามาแต่อย่างใด แต่นายพายัพยังแสดงอำนาจบาตรใหญ่พูดจาข่มขู่สารพัดเพื่อจะขอค้นให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เลวร้ายกว่านั้น บริเวณดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่รายเดียว ขณะที่ ศ.นพ.อดิศรตกอยู่ในวงล้อมของการ์ด นปช. และถูกขู่ว่าถ้าไม่ให้ค้นโรงพยาบาลจะเบิดแน่ ถึงตรงนี้ ศ.นพ.อดิศรถึงกับตกใจ ได้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาคอยอำนวยความสะดวกให้โดยพาไปค้นตาม ห้องต่างๆ

แต่นายพายัพได้ออกคำสั่งให้ ศ.นพ.อดิศรเป็นผู้นำไปค้น โดยอนุญาตให้มีผู้ติดตามได้เพียง 2 คน จากนั้นการตรวจค้นได้เริ่มต้นขึ้นจากชั้นใต้ดินก่อน

เมื่อตรวจค้นไปพักใหญ่ พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.ปทุมวัน พร้อมตำรวจ 5 นาย มาประสานงานที่ตึก สก และขอเจรจากับนายพายัพว่าอย่านำการ์ดเข้าค้น แต่นายพายัพไม่ยอม โดยอ้างว่ามีทหารจริงๆ จากนั้นมีการโต้เถียงกันนานหลายนาที กระทั่ง 20.00 น. หลังตรวจค้นชั้น 1, 2, 3, 20 ดาดฟ้า ใต้ดิน ประมาณ 1 ชม.ไม่พบทหารแม้นายเดียว แต่นายพายัพก็ยังยืนยันจะค้นต่อในทุกอาคาร

แต่ระหว่างนั้นจู่ๆ ก็มีการตะโกนว่า จับทหารได้แล้ว ทำให้คนเสื้อแดงซึ่งออกันอยู่นอกรั้วโรงพยาบาลหลายร้อยคนกรูเข้าไปในโรง พยาบาล พร้อมถือไม้ปลายแหลมเตรียมทำร้ายทันที

ไม่นานนักมีการนำชาย 2 คนออกมาจากข้างตึก สก โดยการ์ด นปช.อ้างว่าเป็นทหารปลอมตัวมา และได้ควบคุมไปที่เวทีราชประสงค์เพื่อแถลงข่าว โดยทั้ง 2 คนพกผ้าแดงด้วย ซึ่งการ์ดอ้างว่าเป็นแดงเทียม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นทหารจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นพวกการ์ด นปช.ยังคงตะโกนว่าเจอทหาร เจอระเบิด สร้างความฮึกเหิมให้กับคนเสื้อแดง ต่อมาเริ่มมีตำรวจเข้าตรึงพื้นที่

ภายหลังการบุกไป รพ.จุฬาฯ เสร็จสิ้นลง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้เดินทางมาที่ รพ.จุฬาฯ แล้วบอกว่า ในวันที่ 30 เม.ย. เวลา 09.00 น. คนเสื้อแดงนำโดยนายพายัพและตนจะมาที่ รพ.จุฬาฯ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิทย์ ผบก.น.1 เพื่อขอเข้าตรวจอาคารต่างๆ ในตึก สก เพราะขณะนี้มืดแล้ว หากขอตรวจต่อไปคงจะไม่เป็นผลดี

จากนั้นที่เวทีราชประสงค์ นายสุภรณ์เปิดเผยว่า ชาย 2 คนที่ถูกควบคุมตัวที่ตอนแรกนึกว่าเป็นทหารแอบซ่อนอยู่ใน รพ. พบว่าทั้ง 2 คนเป็นคนงานก่อสร้างตึกข้างๆ และขณะนี้หัวหน้างานได้มารับตัวไปแล้ว อย่างไรก็ตามยืนยันว่าก่อนหน้านี้มีทหารหลายสิบนายซ่อนอยู่ในตึกจริง แต่พอรู้ว่าเสื้อแดงจะมาก็เลยกลับไปก่อน ส่วนการบุกตรวจ รพ.พรุ่งนี้ จะตรวจเฉพาะชั้นที่มีข้อมูลว่ามีทหารหลบซ่อนอยู่คงไม่ตรวจทั้งหมด

มีรายงานจาก ศอฉ.ระบุว่า กรณีที่กลุ่มเสื้อแดงบุกรุก รพ.จุฬาฯ นั้น มีการพกอาวุธสงครามเข้าไปด้วย เพื่อเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ รพ.จุฬาฯ

หลังการบุกค้นผ่านพ้นไป นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ตนได้คุยกับ ผอ.รพ.จุฬาฯ แล้ว การที่ย้ายคนออกจากตึกบริเวณใกล้ถนนเพราะเกรงคนไข้จะได้รับอันตราย เนื่องจากบริเวณแถวนั้นมีถังแก๊ส หรืออาจจะมีอาวุธร้ายแรงหากมีการปะทะกัน ต้องบอกว่าตามหลักสากลไม่มีใครทำกัน แม้แต่ในยามสงครามก็ไม่มีใครทำกัน

"การออกมาเตือนวันนี้เราเตือนทุกฝ่ายว่าไม่อยากให้ใช้พื้นที่ รพ.เป็นที่กำบังทางการเมือง เราไม่ได้เข้าข้างใคร ซึ่งหลังจากแถลงข่าวแล้ว แพทยสภาได้ส่งแถลงการณ์ไปให้รัฐบาล นปช.และกระทรวงสาธารณสุข แต่เมื่อมีการค้น ก็ต้องบอกว่าเป็นการไม่ให้เกียรติแพทย์ ดังนั้นเมื่อคุณไม่ให้เกียรติคนอื่นๆ ก็จะไม่ให้เกียรติคุณเช่นกัน และท้ายที่สุดผลเสียก็จะตกอยู่กับเขาเอง เพราะการเข้าไปใน รพ.เป็นการสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น การกระทำดังกล่าวบ่งบอกถึงนิสัย แต่แพทยสภาคงไม่ประณาม ปล่อยให้ประชาชนตัดสินเอง ผมอยากเปรียบว่าปลาต้องอาศัยน้ำถึงจะอยู่ได้ แต่น้ำไม่มีปลาก็ไม่เป็นไร น้ำก็เหมือนกับประชาชน ดังนั้นการไปทำแบบนี้เท่ากับฆ่าตัวเอง จะทำให้คนเกลียด แต่ถ้าสู้แบบตรงไปตรงมาคนจะเห็นใจ ความจริงผมไม่อยากจะวิจารณ์อะไรมาก อยากให้ประชาชนตัดสินใจเองดีกว่า"
Image
Image

บุก รพ.วชิระ
Last edited by noway2know on Sun Jun 06, 2010 1:12 am, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 3:26 pm

5 สภาวิชาชีพออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มคนเสื้อแดงบุกโรงพยาบาลจุฬาฯอ้างมีทหารซ่อนอยู่ ชี้ไม่เป็นไปตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรม ขณะที่รพ.จุฬาฯโกลาหลย้ายผู้ป่วยออกหวั่นเสื้อแดงเถื่อนอีก
ที่แพทยสภา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2553 ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภาได้ประชุมร่วมกับ ศ.เกียรติ ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ นายกสภาการพยาบาล ภก.รศ. (พิเศษ) กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ อุปนายกสภาเภสัชกรรม นางสุมนา ตัณฑเศรษฐี นายกสภากายภาพบำบัด รศ.สมชาย วิริยะยุทธกร นายกสภาเทคนิคการแพทย์

จากนั้น นพ.สมศักดิ์ ได้อ่าน แถลงการณ์ภาคีสภาวิชาชีพด้านสุขภาพแห่งประเทศไทย เรื่อง ขอให้ยุติการคุกคามและปฏิบัติต่อโรงพยาบาล รถพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และผู้บาดเจ็บ ที่ไม่เป็นไปตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรมว่าเนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองมีความขัดแย้งนำมาซึ่งการสูญเสีย และบาดเจ็บของประชาชนและเจ้าหน้าที่จำนวนมากและปรากฏว่ามีการบุกรุกตรวจค้นโรงพยาบาลคุกคามบุคลากรทางการแพทย์และขัดขวางการเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การปะทะ ภาคีสภาวิชาชีพด้านสุขภาพแห่งประเทศไทย

ประกอบด้วยแพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม สภาเทคนิคการแพทย์และสภากายภาพบำบัด มีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอประณามการกระทำที่ไม่เป็นไปตาม หลักสากลและหลักมนุษยธรรม ภาคีสภาวิชาชีพด้านสุขภาพแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีสติ หนักแน่น เคารพหลักการสากลและหลักมนุษยธรรมในการดูแลรักษาผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ดังนี้

1.ภาคีสภาวิชาชีพด้านสุขภาพฯ ขอให้สมาชิกยึดมั่นในจริยธรรมวิชาชีพในการดูแลผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกปฏิบัติต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ว่าภายใต้เงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น 2.ในหลักสากลแม้กระทั่งในยามสงครามหรือความขัดแย้ง สู้รบระหว่างประเทศ โรงพยาบาล รถพยาบาล เครื่องมือทางการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับการคุ้มครองจากทุกฝ่ายให้มีความปลอดภัยและสามารถปฏิบัติหน้าที่ ตามหลักมนุษยธรรมได้อย่างเต็มที่ 3.ในประเทศไทยขณะนี้เป็นเพียงความขัดแย้งทางความคิดของคนในชาติเดียวกัน จึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพความเป็นกลางของบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล รถพยาบาล ถอยห่างจากพื้นที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 100 เมตร และละเว้นการกระทำใดๆ ที่ขัดขวางการปฏิบัติงานและกีดขวางทางเข้า-ออกโรงพยาบาล 4. ผู้บาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม และผู้ที่เข้าให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จะต้องได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการนำส่งเพื่อการ รักษาอย่างทันท่วงทีจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 5.ขอให้ทุกฝ่ายยุติการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักสากลโดยทันที

นายกแพทยสภา กล่าวต่อว่า ภาคีสภาวิชาชีพด้านสุขภาพแห่งประเทศไทยหวังในความร่วมมือจากทุกฝ่าย แก้ไขการปฏิบัติให้ถูกต้องโดยทันที เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคนในชาติ และขอให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ตามหลัก มนุษยธรรมโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยอยู่ในขณะนี้

รพ.จุฬาฯโกลาหลย้ายผู้ป่วยออกหวั่นแดงเถื่อนอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่บริเวณตึกคัคณางค์ และตึกนวมินทราชินี ซึ่งเป็นตึกผู้ป่วยใน ที่ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ปรากฏว่ามี แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่กว่า 100 คน ได้ช่วยกันทะยอยขนย้ายผู้ป่วย ที่มีทั้งอาการอยู่ขั้นโคม่า และผู้ป่วยธรรมดา โดยได้มีการลำเลียงขนย้ายไปยัง รพ.ต่างๆทั่ว กทม.เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้ประกาศปิดรักษาพยาบาลผู้ป่วยทั้วไปอย่างไม่มี กำหนด หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงบุกค้นโรงพยาบาลเมื่อวานนนี้ โดยทางโรงพยาบาลจะทำการรักษาเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น จนกว่าเกตุการณ์ความไม่สงบจะคลี่คลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการขนย้ายผู้ป่วยครั้งนี้ ปรากฏว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการหนักหลายราย อย่างเด็กหญิงอายุประมาณ 1 เดือน.ที่มีอาการหลอดเลือดหัวใจที่ค่อนข้างป่วยหนัก ต้องถูกนำออกมาจากห้อง ไอซียู โดยผู้ปกครองจะนำไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดที่เป็นบ้านเกิด และยังมีเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวชื่อ " น้องอรนัท " อายุ 7 ขวบ ที่ต้องถูกขนย้ายออกอย่างโกลาหล โดยน้องอรนัท ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ประมาณ 2 ปีแล้ว แต่เมื่อเหตุกาณณ์ความไม่สงบ น้องอรนัท ตเองถูกย้ายกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัดทั้งที่อาการหนักน่าเป็น ห่วง โดยแม่ของน้องอรนัท ได้ร้องห่มร้องไห้ขณะทำการขนย้ายเนื่องจากเกรงว่าลูกสาวจะได้รับอันตราย

ส่วนดญ.กาญชนิต์ พวงแก้ว อายุ 1 ขวบ ซึ่งป่วยเป็นโรคตับม้ามโต ตัวเหลืองซีด โดยมารดาของหนูน้อยกล่าวว่าอยู่ รพ.มาเกือบ 10 วัน แต่ต้องถูกย้ายออกไป โดยจะหมอนัดให้มาใหม่วันที่ 13 พ.ค.เดือนหน้า กลัวว่าลูกจะมีอาการหนัก ซึ่งหากลูกเป็นก่อนก็จะเอามาหาอีกที นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยชรรา ที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวและอยู่ในห้องไอซียู อีกหลายราย ที่จะต้องขนย้ายเช่นกัน และยังมีเด็กแรกเกิดเป็นแฝด 4 คน รวมถึงเด็กที่อยู่ในอาการโคม่า ที่ต้องคอยปั้มหัวใจให้อ๊อกซิเย่นตลอดเวลาระหว่างการขนย้าย ซึ่งทุกคนก็ล้วนอาการหนักทั้งสิ้นขณะที่หมอและพยาบาลไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆกับผู้สื่อข่าวและผู้สังเหกตุการณ์

นอกจากนี้บริเวณอาคารเพิ่มพูล ว่องวานิช ได้มีการตั้งขบวนเสด็จเพื่อนำสมเด็จพระสังฆราช ไปพักรักษาตัวต่อยัง รพ.ศิริราช โดยขณะนี้ที่ รพ.ศิริราช ได้มีการจัดเตรียมห้องพักรักษาไว้เรียบร้อย ท่ามกลางกองทัพนักข่าวที่ปักหลักรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก

ต้อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีกลุ่มนางพยาบาลและพนักงานโรงพยาบาลพากันดินขบวนถือป้ายเขียนข้อความ ว่า" รพ.จุฬาฯสภากาชาดไทย เป็นกลาง ยึดถือหน้าที่การดูแลผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดโดยไม่แบ่งแยก โปรดอย่ามารุกล้ำการปฏิบัติ หน้าที่เพื่อช่วยชีวตเพื่อนมนุษย์ของพวกเรา" นอกจากนี้ กลุ่มพยาบาล ยังแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด รู้สึกว่าไม่สมควร เนื่องจาก รพ.มีหน้าที่ รักษาผู้ป่วย ดูแลคนไข้ให้ปลอดภัย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ รู้สึกเสียใจเนื่องจากมีคนไข้หลายคนที่รอการรักษาแต่ไม่สามารถรักษาได้เต็มที่ เนื่องจากต้องระวังหมอบหลบกระสุนปืน ทำงานมานาไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ อยากให้เข้าใจเสียใหม่ถึงการก้าวล้ำเข้ามาใน รพ.นั้นถูกต้องหรือไม่ โดยเมื่อวานนี้ ได้มีคนป่วยที่รอรับการรักษาเป็นจำนวนมาก บางคนป่วยหนัก ก็อยากจะให้การช่วยแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ และกลุ่มผุ้ชุมนุมก็ยังก้าวล้ำเข้ามาจนไม่มีอิสระในการทำหน้าที่

ขณะที่ นางสุภาวดี สิมสวัาสดิ์ อายุ 40 ปี อาชีพรับจ้าง น้องสาวนายบุญมา สิมสวัสดิ์ อายุ 53 ปี ผู้ป้วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว กล่าวว่า พี่ชายป่วยมาประมาณ 4 ปี โดยหมอจะนัดให้มาตรวจสภาพร่างกายและรับยาทุก 3 เดือน ซึ่งบ้านเกิดอยู่ที่ จ.เลยเดินทางมาถึงได้รับแจ้วว่าไปตรวจเลือดที่ รพ.ศิรินธร เพราะ รพ.จุฬาฯปิด ก่อนจะเดินทางมารับยาที่ รพ.จุฬาฯ

"รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การเดินทางลำบาก รู้สึกใจหาย แต่ก็ต้องทำใจเพราะคนอื่นก็โดนเหมือนกัน และคิดว่ายังงัยก็คงต้องโดนเลื่อนนัดอีก" นางสภาวดี

ส่วนนางบุปผา สุทธิโชคประสิทธิ์ 48 ปี ญาติของ ดช.สถิตย์คุณ จำรัส อายุ 9.5 ขวบ ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจเข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.เมื่อปลายปีที่แล้ว กล่าวว่า ตอนนี้หลานกลับไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านตามปกติแล้ว แต่หมอให้มารับยาทุกเดือน และมาถึงหมอไม่อยู่ต้องเดินทางไป รพ.ศิริรราช แต่ได้ฝากเรื่องไว้ พอมาถังห้องรับยาแต่ก็ปิดแล้ว ทาง รพ.จึงให้ไปซื้อยาที่ รพ.อื่นโดยอาจจะไปที่ รามา หรือ ศิริราช โดยเหคตุการณ์ที่เกิดขึ้น ืทำให้การเดินทางมา รพ.เป็นไปด้วยความยากลำบาก เะพราะยาที่ใช้รักษาหาอยากมาก ไม่มีอยู่ทุก รพ.อีกทั้งคิดว่า กลุ่มผุ้ชุมนุมไม่ควรเข้ามายุ่งหรือใกล้ รพ.

สำหรัดนางลั่นทม รอดเพราะบุญ ย่าของ ดญ.อาริยา รอดเพราะบุญ ซึ่งป่วยเพราะสำลักน้ำคร้ำ เพราะเพิ่งคคลอดมาเพียง 1 วัน บอกว่า หลานคลอดที่ รพ.ปู่เจ้าสมุทรนปราการ แต่พอหลานมีอาการสำลักน้ำคร้ำหายใจเองไม่ได่จึงถูกส่งมาที่ จุฬาฯโดยทาง รพ.ติดต่อให้มายื่นเรื่องตั้งแต่ตอนเช้าเพื่อย้ายไป รพ.อื่น แต่ถึงตอนนี้ยังหา รพ.รองรับไม่ได้เพราะเด็กมีอาการหนักมากยนังเคลื่อนย้านยไม่ได้ ส่วนการเดินทางก็ลำบากกลุ่มผุ้ชุมนุมทำให้เดืนร้อนเพราะปกติไม่ควรมายุ่งใน รพ.อยู่แล้ว ทำให้ได้รับความเดืออดร้อนไม่ว่าจะเป็นคนไข้หรือญาติเองก็ตาม

สมเด็จพระสังฆราช
แพทย์ทูลเชิญ"สังฆราช"เสด็จไปศิริราช

Imageเมื่อเวลา 14.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์เพื่อทรงเยี่ยมสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ยังคงรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเพียงพระองค์เดียวที่ รพ.จุฬา โดยระหว่างเสด็จฯ ทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในโรงพยาบาล และมีพระราชปฏิสันถารกับญาติผู้ป่วย โดยมีคณะแพทย์ติดตามให้ข้อมูลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ได้ทรงรับสั่งให้ย้ายสมเด็จพระสังฆราชไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อความปลอดภัย และเสด็จฯกลับไปเมื่อเวลา 14.50 น. ต่อมาเวลา 17.30 น. แพทย์ได้ทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปยังโรงพยาบาลศิริราชแล้ว

น้องคนนี้ อายุ 7 ขวบ เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องย้ายออกจากรพ.หลังจากพวกเสื้อแดงบุก
Image
Last edited by noway2know on Tue Jun 08, 2010 10:49 pm, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 3:46 pm

เสียงจากเจ้าหน้าที่ รพ.จุฬา
คุณเคยถูกล้อมไหม มือเปล่า ทำงานอยู่ดีๆไม่ได้ยุ่งกับใครเลย อยู่ๆก็มีแดงมาค้น เดินมาไม่ใช่5 คน มาเป็นฝูงขอย้ำเรามีแต่ผู้หญิงอยู่เวรทำงานก็หนักอยู่แล้วคนไข้เราก็อาการไม่ดีและกลัว ย้ำว่าทุกคนกลัว เดี๋ยวเสียงประทัดดังมา เดี๋ยวเสียงระเปิดที่รู้ว่าระเบิดเพราะมันพื้นสะเทือน เดี๋ยวนี้เรามีความสามารถในการแยกแยะมากขึ้เพราะความสะเทือนของพื้นที่เรารู้สึกได้แตกต่างกัน ไม่เวอร์หรอกที่ย้ายผู้ป่วย ช้าไปด้วยซ้ำทุกคนซีดเซียวมาเป็นอาทิตย์แล้ว คนไข้ส่วนใหญ่นอนไม่ค่อยหลับเพราะกลัว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ระเบิดจริงจะมาตกตรงไหน เมื่อไหร่ที่อาจต้องเคลื่อนย้าย ลองมาเป็นเราไม่มีอาวุธของจริง ไม่ได้โม้ มีแต่มือเปล่าและคนไข้ตาดำๆอยู่ในมือ บางคนต้องให้ออกซิเจนก็หอบมาขึ้นเพราะกลัว บางคนให้ยาหัวใจเพราะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แค่ลุกขึ้นนั่งก็เหนื่อยแล้ว คนไข้เหล่านี้ต้องการที่สงบเพื่อให้พวกเขาพักผ่อนให้มากที่สุด แล้วเสียงดังขนาดนี้ มีครบชุดทั้งประทัด บั้งไฟ พร้อมระเบิด จุดให้ฟังเป็นระยะ และถี่เป็นพิเศษช่วงค่ำคืน คิดว่าผู้ป่วยรู้สึกอย่างไร นอนหลับสบาย ถ้าเป็นคุณอยู่ในโรงพยาบาลนี้จะรู้สึกอย่างไร

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 7:24 pm

มาอีก2คน
ภาพชายชุดดำ 2 คนที่ก่อเหตุบริเวณแยกคอกวัว
ใครทราบข้อมูล...แจ้งDSIได้ค่ะ

“สำหรับชายชุดดำอีก 1 คนนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่เห็นภาพ ส่วนกลุ่มไอ้โม่งที่ถูกเปิดหน้านั้นได้กล่าวว่าจะมาผู้ชุมนุมจะไปต่อสู้กับทหารหลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้ปล่อยตัวไปซึ่งชายชุดดำที่ถูกปล่อยตัวไปนั้น ได้วิ่งตามเสียงปืนที่ดังขึ้นตลอดเวลา หลังจากนั้นได้มีชายชุดดำพร้อมอาวุธปืนเอ็ม 79วิ่งตามหลังชายที่ถูกปล่อยไปและอยู่ท้ายแถวผู้ชุมนุม ตำรวจที่ทำหน้าที่หาข่าว จึงได้ทำการจับกุมและแย่งปืนเอ็ม 79 ไว้ได้ แต่ชายคนดังกล่าวมีรูปร่างสูงใหญ่จึงได้ดิ้นหลุด ได้แต่เพียงปืนเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอก ภายในบรรจุกระสุน1นัดพร้อมยิง เจ้าหน้าที่คนดังดังกล่าวจึงรายงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทันที”รองผบช.น. กล่าว
Image
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby neonewman » Sat Jun 05, 2010 7:39 pm

Image
Last edited by neonewman on Sun Jun 06, 2010 6:08 am, edited 1 time in total.
User avatar
neonewman
 
Posts: 4046
Joined: Sat May 01, 2010 8:45 pm

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sat Jun 05, 2010 11:36 pm

5 มิถุนายน 2553 คืนสีเขียวให้กรุงเทพมหานคร
พวกคุณทำลาย.....เราสร้าง


Image
Image
ImageImage
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 3:52 am

ภาพเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553
ภาพของชายชุดดำบริเวณแยกคอกวัวที่นักข่าวต่างประเทศ
นายฮิโร มูราโมโต นักข่าวชาวญี่ปุ่น วัย 43 ปี ช่างภาพของทอมสัน รอยเตอร์
บันทึกได้ก่อนที่ตัวเองจะถูกยิงตาย ด้วยกระสุนปริศนา

Image

ภาพของกลุ่มชุดดำที่ไช้ปืนสงคราม
ยิงเข้าใส่กลุ่มของทหารที่บริเวณแยกคอกวัว

Image

กลุ่มเสื้อแดงและการ์ดที่ถืออาุวุธสงครามเดินอยู่ในกลุ่มเสื้อแดง

Image

ชายที่ยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารบริเวณแยกคอกวัว
Image

ภาพของแสงเลเซอร์จากกลุ่มก่อการร้าย
ที่ถูกเล็งเป้ามายังนายทหารระดับบัญชาการที่แยกคอกวัว
ทำให้ทหารต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

Image

ภาพที่แสดงให้เห็นปลายกระบอกปืนที่ซ่อนอยู่บนหลังคาตึกหลังหนึ่ง
ที่เล็งยิงมากลุ่มทหารและกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณแยกคอกวัว

Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 4:04 am

อาลัยพันเอกร่มเกล้า ธุวธรรม
สดุดีนายทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บทุกท่าน
จากเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553




“ เกียรติศักดิ์ทหารเสือ ”

"มโนมอบพระผู้ สถิตย์อยู่ยอดสวรรค์
แขนถวายให้ ทรงธรรม์ พระผ่านเผ้าจ้าวชีวา
ดวงใจให้ขวัญจิต ยอดชีวิตและมารดา
เกียรติศักดิ์รักข้า ชาติชายแท้แก่ตนเอง

มโน มอบพระผู้ เสวยสวรรค์
แขนมอบถวายทรงธรรม์ เทิดหล้า
ดวงใจมอบเมียขวัญ และแม่
เกียรติศักดิ์รักข้า มอบไว้แก่ตัว"

Image

เสียงจากแม่ของทหาร
คุณแม่วัชรี ธุวธรรม
ความรู้สึกของแม่พันเอกร่มเกล้า ....แทนเสียงของแม่ทหารทุกท่าน


มันยากที่สุดในชีวิตนะลูก ที่จะต้องยอมรับว่าจะไม่ได้พบหน้าลูกอีก! เหตุการณ์การจากไปของลูกครั้งนี้ แม้จะรู้ลูกของแม่ทำงานหนัก รับผิดชอบสูงเกินตัวในหน้าที่ทหาร จนมีเวลาเพียงแค่เย็นวันอาทิตย์ ทุกครั้งๆ ละ 2-3 ชั่วโมงที่ลูกและหนูเอจะมีโอกาสมาร่วมทานข้าวกับครอบครัว ทั้งพี่ไก่ พี่ศรี หลานรัก หนูเกรซและหนูพลอย ก็จะรอเวลาเดินทางมาร่วมคุยกัน แย่งกันคุย สนุกสนานเพียงเวลา 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม ลูกก็ต้องกลับปราจีนบุรี เพียงเท่านี้ แม่พ่อ พี่ๆ และหลานๆ ก็ตั้งตารอคอยให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆ แต่ในบางช่วงเวลาบ้านเมืองไม่สงบลูกต้องปฏิบัติภารกิจจนไม่สามารถปลีกตัวมา หาพ่อและแม่ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาแม่แค่โทรศัพท์ถึงด้วยความคิดถึงทุกครั้ง ลูกก็จะตอบได้สั้นๆ เพียง "สวัสดีครับแม่ ทุกอย่างสบายมาก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม่อดทนรออีกนิดเดียว บ้านเมืองก็จะสงบ นะแม่นะ" และก็วางหูโทรศัพท์ เพราะยังทำงานอยู่ แม้ในช่วงกลางคืน

วันที่เศร้าสุดๆ ในชีวิตพวกเรา (10 เมษายน 2553) เวลาประมาณ 09.00 น. ในตอนเช้าวันปฏิบัติงานสุดโหด ลูกโทรมาขอพรแม่ทางโทรศัพท์ (ซึ่งจะทำเช่นนี้ทุกครั้งเวลาที่ปฏิบัติงานสำคัญ) ก้องส่งเสียงตามสายบอกแม่ว่า "แม่ต้องสวดและสมาธิหนักให้ลูกด้วย สำคัญนะแม่นะ" แม่รู้ทันทีว่างานอะไร ไม่ต้องถามรายละเอียดอะไรถ้าเป็นแม่ของนักรบ เรารู้กัน เพียงตอบให้กำลังใจกลับไปว่า "ปฏิบัติการสนามซีนะ บ้านเมืองจะได้สงบเสียที ลูกจะประสบความสำเร็จ จะไม่มีอันตรายใดๆ โชคดีนะจ๊ะลูก"

โทรครั้งที่ 2 เวลาประมาณ 11.00 น. ก่อนเที่ยงหลังจากที่แม่นั่งสมาธิ สวดภาวนา ห้ามผู้ใดรบกวน เขาโทรกลับมาแจ้งแม่ด้วยความสดชื่นดีใจด้วยเสียงก้องกังวาน บอกแม่เสียงดังทางโทรศัพท์ว่า "ลูกทำสำเร็จแล้วแม่ ลูกทำสำเร็จแล้ว! วันนี้ทางใสสว่างเหลือเกินแม่" แม่ก็พลอยดีใจหยุดสมาธิ พักผ่อน ดีใจได้ไม่นาน ลูกโทรกลับมาอีกเป็นครั้งที่ 3 "แม่ต้องสวดและสมาธิต่อให้ลูกให้หนักเลยนะแม่ งานมันหนัก ทำไมยากนักวันนี้" ฟังเท่านี้แม่ก็เป็นห่วงว่า ทำไมลูกแม่ถึงขาดความเชื่อมั่นในวันนี้ซึ่งไม่เคยมีในตลอดชีวิตที่ทำงานมา จะวางแผน 2 แผน 3 แผน สำเร็จทุกครั้ง ด้วยแม่รับทราบความในใจ แม่คิดว่าบุญของแม่ที่จะช่วยลูกคงไม่พอ แม่จึงบอกลูกกลับไปทันทีว่า

"ลูกจงอธิษฐานขอบารมีพระเจ้าอยู่หัว และบารมีของบุรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ท่านจะเสริมบารมีให้ลูกทำงานนี้สำเร็จ บ้านเมืองจะสงบได้แน่ โชคดีนะลูก"

นั่นเป็นการติดต่อครั้งสุดท้ายกับลูก หลังจากนั้นไม่ทราบเวลาเท่าไร

แม่ก็สวดภาวนาและสมาธิไปได้ไม่ค่อยดี กังวลกระสับกระส่าย ข่าวเย็นนั้นที่ลูกถูกลูกระเบิดและถูกยิง ไม่มีใครกล้าบอกแม่ จนกระทั่ง แม่ลอบจับฟังท่าทีของพ่อที่คุยกับนายทหารเพื่อนรักของลูก เขามาแจ้งพ่อ แล้วเราก็รีบไปโรงพยาบาล แม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำไมมันโหดร้ายกับลูกของแม่อย่างนี้

แม่ขอขอบคุณเพื่อนร่วมชาติคนไทยทุกท่านที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อนจากทุกแห่งหนทุกสังคม ที่ได้เข้าร่วมทำบุญ เคารพศพลูกของแม่ ด้วยความเศร้าและอาลัยในการจากไปของวีรบุรุษนักรบผู้กล้าหาญของพ่อและแม่ลูกคงได้เฝ้าดูอยู่และได้พบว่า เพื่อนพี่น้องไทยทุกคนที่รักลูกมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อสู้เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยยึดเอาตัวลูกเป็นต้นแบบ ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ จะต่อสู้เพื่อให้พี่น้องไทยทุกคนที่หลงผิดกลับใจเป็นคนดี จะได้สังคมที่สงบสุขภายใต้ร่มพระบารมีปกเกล้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จแม่ของแผ่นดินที่ลูกรักและเทิดทูนที่สุดในชีวิตของลูก ขอให้ลูกได้มีโอกาสทำหน้าที่ของลูกต่อไป ในภพภูมิที่ลูกเลือกที่จะอยู่ขณะนี้ มีความสุขมากๆนะจ๊ะ ลูกรักของแม่-พ่อ

หยุดประนามทหาร
ทหารมาทำหน้าที่ให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ
ถ้าหน่วยพยัคฆ์บูรพาหรือทหารทุกหน่วยตั้งใจสังหารประชาชน
คงมีคนล้มตายจำนวนมากกว่านี้ พวกเขามีสิทธิที่จะปกป้องชีวิตตัวเองเช่นกัน...
ในเมื่อบอกให้คนไทยด้วยกันหยุด...แต่ไม่หยุด แต่พวกเขาไม่ได้มองว่าประชาชนคือศัตรู ทั้งๆรู้ว่าในม๊อบมีกองกำลังติดอาวุธปะปนอยู่ด้วย


เมื่อทหารต้องเข้าสู้ด้วยมือเปล่า

เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่อสู้ทางการเมืองเรามักจะได้ยินประโยคทองวรรคหนึ่งอยู่บ่อยๆ ทั้งบนเวทีและข้างล่างเวที นั่นก็คือ “ประชาชนลุกขึ้นต่อสู้ (กับอำนาจเผด็จการ/ความไม่เป็นธรรมในสังคม) ด้วยมือเปล่า” แต่วันเสาร์ที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2553 ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของชาติไทยจะต้องจารึก “ทหารเข้าต่อสู้กับที่ถืออาวุธสงคราม ด้วยมือเปล่า”
เพราะพวกเขาเลือกจะไม่สังหารคนไทยด้วยกัน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือชีวิตของพวกเขาที่ต้องจบลง


Image
Last edited by noway2know on Sun Jun 06, 2010 4:24 am, edited 1 time in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 4:05 am



บันทึกแพทย์ทหารภาคสนามคนหนึ่งได้ที่บอกเล่าถึงเหตุการณ์สิบเมษาเลือด...10 เมษายน 2553(ความจริงมันลบออกจากจิตใจของคนเราไม่ได้หรอกนะ>>>รู้ไว้ด้วย)

ผมในฐานะแพทย์ทหารคนหนึ่งที่ปฎิบัติงานในเหตุการณ์วันที่10 เม.ย.53 อยากจะเขียนบันทึกความทรงจำเหตุการณ์ในวันนั้นเพื่อเก็บไว้เป็นบทเรียนเป็นอุทาหรณ์ หรือเป็นสิ่งเตือนใจให้แก่ตนเอง และประชาชนชาวไทย ไม่ให้ลืมเลือนบทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปกับกาลเวลา ผมได้รับภารกิจในฐานะ ผบ.มว.สร.พัน.ร. (ผู้บังคับหมวดเสนารักษ์ กองพันทหารราบ) หรือก็คือแพทย์ทหารประจำกองพัน หน้าที่ของผมคือติดตามดูแลกำลังพลเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย การป้องกันโรค การส่งกำลังบำรุงทางสายแพทย์ รวมถึงงานอื่นๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย ผมมาภารกิจในครั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. 53 ย้ายสถานที่ พักไปตามภารกิจต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตั้งด่านตรวจ
และ เฝ้าระวังเหตุร้ายตามสถานที่สำคัญ เช่น ที่ ร.1 พัน.1 รอ., ร.11 รอ., สนามบินสุวรรณภูมิ, ลาดหลุมแก้ว และที่สุดท้าย คือสี่แยกคอกวัวบริเวณถนนตะนาวศรี (ข้างวัดบวรนิเวศฯ ย่านบางลำภู) ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย. 53

หน่วยของเราได้รับภารกิจในการขอพื้นที่คืนจากกลุ่มผู้ ชุมนุมที่ บริเวณสี่แยกคอกวัว ออกจากที่ตั้งปกติโดยรู้ก่อนล่วงหน้าไม่ถึง 1 ชม. หลังจากเข้าที่รวมพลซึ่งอยู่ไม่ ไกลจากสี่แยกคอกวัวไม่นาน ก็ต้องเคลื่อนย้ายราวสักบ่ายโมง

ผมขึ้นบนหลังคารถฮัมวี่คันแรกสุด (หากใครเห็นในรูปถ่าย ก็คงจะเห็นทหารคนหนึ่งบนหลังคารถฮัมวี่ที่ติดปลอกแขนกาชาด ถือโล่บังตัวเอง นั่นก็ผมล่ะครับ) จนกระทั่งถึงบริเวณถนนตะนาว กำลังพลรวมทั้งผู้พันก็ลงจากรถ ไปตั้งแนวโล่หน้ากลุ่มผู้ชุมนุม ผู้พันผมบอกให้ผมรออยู่ในรถก่อน เนื่องจากกลัวว่า ผมอาจโดนสิ่งของขว้างปามาจะเกิดอันตราย ซึ่งอีกไม่นานก็เกิดขึ้นจริงๆ

ทหารของเราตั้งแนวโล่ มีเพียงชุดเกราะป้องกัน (ผมเรียกว่า ชุดโรโบคอป) หมวกกันน๊อค โล่ และกระบองป้องกันตัว เราถูกกลุ่มผู้ชุมนุมปาของทุกอย่างที่คิดว่าจะปาได้ ทั้งขวดเบียร์ ขวดกระทิงแดง ไม้ อิฐบล๊อค กระถางต้นไม้ บันได ขวดน้ำ ฯลฯ อีกสารพัด รถบางคนกระจกถูกปาแตก แต่อาจเป็นเพราะรถฮัมวี่ของผมคงจะแข็งมากมั้งครับ กระจกเลยไม่เป็นไร

หลังจากนั้นไม่นาน ผมเริ่มเห็นมีคนเจ็บจากของที่ถูกขว้างปา เลยตัดสินใจบอกพลขับว่า ผมจะลงจากรถไปดูคนเจ็บ ฝากตอบ ว.(วิทยุ) ให้ด้วยนะครับ หลังจากนั้นก็ลงไปดูคนเจ็บและสถานการณ์อยู่หลังแนวโล่ ซึ่งในระหว่างนั้นก็ต้องคอยหลบซ้าย หลบขวา ก้มหัว หลบบรรดาสิ่งของที่ขว้างมา แต่ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่า ผมโชคดีมาก เพราะหลังจากผมตัดสินใจลงจะรถไม่นาน

Image

กลุ่มผู้ชุมนุมก็รุกไล่แนวโล่มาจนถึงรถฮัมวี่ที่ผมเคยนั่งอยู่ก่อนไม่ถึง 5 นาที ทุบรถ ทุบกระจก แล้วขึ้นไปบนช่องของพลสังเกตการณ์ (บนเพดานรถจะมีช่องไว้สำหรับให้ทหารนั่งคอย สังเกตการณ์ หรือติดปืนกล แต่ นี่เป็นรถธุรการของผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่ฮัมวี่รบ เลยไม่ได้ติดอาวุธ) พลขับของผมถูกผู้ชุมนุมใช้เท้า ยันศีรษะกับพวงมาลัยรถ ลากลงมารุมกระทืบ แล้วจ้วงแทงด้วยมีด แต่เขาก็ยังโชคดีมากที่ใส่เกราะ มีดเลยไม่เข้า ไม่อย่างนั้นก็คงไส้ทะลักแน่ๆ

ผมทำหน้าที่ช่วยกันกับทหารและนายสิบพยาบาลลำเลียงผู้ป่วยจากด้านหน้าแนวมาไว้ที่
รวบรวมผู้ป่วยเจ็บด้านหลัง ซึ่งผมกำหนดไว้ที่ริมกำแพงข้างวัดบวรนิเวศฯ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นการปะทะกันของแนวโล่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ผู้ป่วยเจ็บส่วนใหญ่จึงมักเกิดจากการขว้างของแข็งเข้าใส่ มีบาดแผลแตกหรือบาดแผลที่ศีรษะ รวม ทั้งผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะตื่นตระหนกทำให้เกิดอาการหายใจเร็วเกินไป (ผมขอเรียกตามศัพท์ทางแพทย์ว่า Hyperventilation syndrome) ในส่วนของผม มีผู้ป่วยอยู่ในเวลานั้นประมาณ 20-30 คน การทำงานชุลมุนมาก เพราะเรามีคนน้อยแค่ผมกับนายสิบพยาบาลรวมกันไม่ถึง 6-7 คน แต่ต้องขอขอบคุณพี่ๆน้องๆกู้ภัย เจ้าหน้าที่ EMS ของวชิรพยาบาล รวมทั้งพ่อแม่พี่น้องประชาชนละแวกนั้นที่ให้ความช่วยเหลือ คอยติดต่อเอารถกู้ภัยมารับคนป่วยไป รพ.ศิริราช และ รพ.วชิรพยาบาล

คุณยายบางคนไม่รู้จะช่วยยังไงก็ควักยาดมให้
พี่ๆหลายคนก็วิ่งไปหาน้ำเย็น น้ำแข็ง ผ้าเย็น แอมโมเนีย ให้คนไข้ หรือแม้แต่น้องผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่ผมจำได้ดี น้องเค้าวิ่งหาท๊อฟฟี่คอยแจกพี่ๆทหาร และคนที่มาช่วย พนักงานเดอะพิซซ่าก็คอยเอากระดาษลังมาพัดให้ผู้ป่วย แต่มีนายสิบกับพลทหารอีกคนหนึ่งของหน่วยผมที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณต้นขา ถามเขาบอกว่าเขาอยู่บริเวณแถวหน้าสุดของแนวโล่ มีการ์ด นปช. คนนึงถูกยิงด้วยกระสุนยางที่ ไหล่ เขาโมโห เขาพูดว่า “มึงยิงกูเหรอ” หลังจากนั้นก็ชักปืนพก 11 มม. ยิงใส่ทหาร ถูกนายสิบคนหนึ่งมีบาดแผลรูกระสุนที่ต้นขาซ้าย และถูกพลทหารอีกคนที่บริเวณขา ผมได้ทำการห้ามเลือดด้วยผ้าแต่งแผลและสายรัดห้ามเลือด (Tourniquet) แล้วส่งรถกู้ภัยต่อ

Image

หลังจากเหตุปะทะช่วงแรกสักราวๆ ½ - 1 ชม. ทั้ง 2 ฝ่ายก็เจรจากัน ผู้ชุมนุมขอให้ทหารถอยออกไป ส่วนทหารขอให้ผู้ชุมนุมถอยเพื่อลากเอารถที่เสียหายออกมา ก็ตกลงกันได้ ต่างฝ่ายจึงถอยออกห่างจากกันประมาณ 20 เมตร ซึ่งช่วงนั้นผมและเจ้าหน้าที่ได้ทำการลำเลียงผู้ป่วยเจ็บออกไปได้หมดแล้ว ทั้งผู้ชุมนุมและทหารก็ต่างนั่งพักตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ของตน

ในระหว่างนั้นก็มีประชาชนเอาน้ำ เอาของกิน เอาผ้าเย็นมาให้ทั้งฝ่ายทหารและผู้ชุมนุม เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงราวๆหกโมงเย็น (หลังเคารพธงชาติ) ทางทหารจึงได้รับคำสั่งให้ทำการ ขอคืนพื้นที่ชุมนุมอีกครั้ง โดยตั้งขบวนแถวแรกจำนวน 1 กองร้อย ด้วยแนวโล่และกระบอง และมีกำลังด้านหลังมีปืน M16 เพื่อทำการยิงขู่ขึ้นฟ้าในกรณีที่จำเป็น กำลังของทหารสามารถผลักดันผู้ชุมนุมให้ถอยร่นจากบริเวณปากทางเข้าถนนข้าวสาร จนเกือบจะถึงถนนราชดำเนินนอก ซึ่งตอนนั้นผมอยู่หลังกองร้อยที่อยู่ด้านหน้า (ชุดโรโบคอป โล่ กระบอง)

โดยมีผู้บังคับกองพันและผู้บังคับการกรมคอยสั่งการอยู่ด้านหน้าของผม (หลังแถวกองร้อย) ลักษณะการจัดแนวจะเป็นแถวหน้า กระดานประมาณ 4-6 แถว ขณะนั้นผมอยู่ที่ริมฟุตบาทถนนข้าวสาร

ในระหว่างนั้นผู้ชุมนุมเริ่มมีการใช้อาวุธที่ร้ายแรงมากขึ้น เช่น ขว้างแก๊สน้ำตาใส่ ขว้างระเบิดเพลิง (โมโรตอฟ) จนกระทั่งมีการเปิดถังแก๊สใส่ทหาร (โชคดีที่ไม่มีใครจุดไฟ มิเช่นนั้นทหารรวมทั้งผมคงถูกไฟคลอกตายแน่) จนกระทั่งเหตุการณ์สำคัญที่สุดก็เกิดขึ้น ...

Image

ผมจำได้ติดตาเลยว่า ตอนนั้นมีระเบิดควันลูกหนึ่งโยนมาตกที่บริเวณแถวทหารหน้าสุด ซึ่งตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นแก๊สน้ำตา จึงรีบนำผ้าพันคอปิดจมูก และเตรียมถอยกลับออก แต่ตอนนั้นทั้งทหารและผมก็โดนแก๊สน้ำตา 3-4 ครั้งแล้ว จึงรู้โดยทันทีว่านั่นไม่ใช่แก๊สน้ำตา เป็นระเบิดควันเฉยๆ
ผมได้ ยินเสียงผู้พันสั่งว่า "ไม่ใช่แก๊ส ไม่ต้องถอย ตั้งแนวต่อไป" แถวทหารก็เริ่มตั้งแนวและผลัก ดันต่อ ผมเองก็ค่อยๆเดินตามหลังแถวทหารไป หลังจากนั้นไม่ถึง 1 นาที ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณหน้าแถวทหาร (ห่างจากเท้าของทหารแถวแรกไม่กี่เมตร) ผมยอมรับตามตรงว่าทั้งชีวิตไม่ เคยเห็นระเบิด M79 มาก่อน

แต่สิ่งที่เห็นคล้ายกับประทัดยักษ์ระเบิดที่พื้นถนน แต่ปกติประทัดยักษ์ควรจะมีแต่เสียงดังกับควัน แต่สิ่งที่เห็นกลับมีประกายไฟกระจายออกมาด้วย ผมก็คิดอยู่ว่า “ทำไมประทัดมันมีประกายไฟด้วย” จุดที่ระเบิดตกห่างจากผมไปราวๆ 10 เมตร

หลังจากนั้นก็มีอีกลูกหนึ่งตกหลังผมไปทางหน้าแนวทหารที่ 2
ผมได้ยินเสียงผู้การสั่งว่า “มันเล่นของจริง ทุกคนถอย” หลังจากนั้นแถวของเราก็แตกถอยมา ด้านหลัง นายสิบพยาบาลของผมคนหนึ่งดึงผมให้หลบออกมาทางฟุตบาทให้หลบ ผมหันหลังกลับมาทางถนน เห็นคนเจ็บนอนเลือดอาบอยู่ราวๆ 10-20 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นทหารเป็นลูกน้องในกองพันของผม บางคนเมื่อวานเพิ่งมาขอยา บางคนยังเคยกินข้าวด้วยกันไม่นานนี้เอง

Image

ตอนนั้นผมยอมรับจริงๆว่าเบลอไปหมดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปทำด้วยสัญชาตญาณ ภาพที่เห็นคือทหารนอนเลือดอาบ ตาลอย ตามร่างกายมีสะเก็ดระเบิด และบางคนมีรูกระสุนปืนด้วย เพื่อนทหารต่างพากันช่วยลากออกมาจากจุดที่ระเบิด ร้องเรียก “หมอ ช่วยด้วย” “หมอ ดูเพื่อนผมด้วย”
“หมอ หมอ ช่วยเพื่อนผมด้วย” บรรยากาศตอนนั้นหลายท่านคงเห็นจากในคลิปวีดีโอหรือในสื่อต่างๆ แต่ ณ สถานที่เกิดเหตุจริงมันยิ่งกว่านั้น มันไม่รู้จะอธิบายยังไง ทั้งตกใจ ทั้งหดหู่ ทั้งเศร้าใจ

แม้ว่าผมจะเป็นแพทย์ แต่สิ่งที่ทำได้ผมก็ทำได้เพียงเข้าไปช่วยลากคนเจ็บ
เข้าไปช่วยกันห้ามเลือดด้วยผ้าพันคอ เพราะตอนนั้นทั้งตัวไม่มีอุปกรณ์อะไรติดตัวเลย มีแต่ stethtoscope (หูฟัง) ไม่มีสายรัดห้ามเลือด ไม่มีผ้าพันแผล สมัยเป็น นพท.ปี 6 ผมเคยเรียน วิชาเวชปฎิบัติการยุทธ (ปฎิบัติการเพชราวุธ)

ผมรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้คือ Care under fire แต่ผมเพิ่งจะเข้าใจจริงๆว่า หัวใจของ care under fire คื เอาชีวิตตัวเองให้รอด แล้วเอาคนเจ็บออกจากบริเวณสังหาร (Killing zone) ให้เร็วที่สุด ลืมเรื่องการปฐมพยาบาล ลืมเรื่อง primary survey หรือ ABCD ที่เคยเรียนไปได้เลย เพราะขณะช่วยเอาคนไข้ออก ก็มีทั้งระเบิด M79 ระเบิดขว้าง ลูกเกลี้ยง M26 เสียงปืน (ตอนหลังเพื่อนผู้หมวดบอกว่าเขา มีทั้ง M16, AK47 และปืนพก)

ขณะนั้นรถกู้ภัย รถพยาบาล จอดอยู่บริเวณหัวถนนตะนาว
ใกล้กับวงเวียนบางลำพู รถไม่กล้าขับเข้ามาเพราะยังมีระเบิดตกอยู่เรื่อยๆและมีเสียงปืนดังอยู่ตลอด จากฝั่งผู้ชุมนุม ผมวิ่งไปเรียกตรงกลางทางให้รถพยาบาลเข้ามา (แต่ตอนนั้นก็รู้อยู่แล้วว่า ถ้าเป็นตัวเองก็คงไม่กล้าขับรถเข้ามาหรอก) ขอบคุณพี่ๆกู้ภัยหลายคนช่วงนั้นที่เสี่ยงตาย วิ่งเข้ามาช่วยพวกเราลากผู้ป่วย

ตอนนั้นผู้ป่วยทั้งหมดถูกลำเลียงออกมารวมกันบริเวณเกาะกลางถนนตรงแยกบางลำพู
ผมช่วยกันลำเลียงผู้ป่วยออกมาได้ 2-3 คน ใส่รถกู้ภัย หลังจากนั้นพอจะกลับเข้าไปช่วย สิ่งที่เห็นก็คือฝ่ายตรงข้ามก็ยิงระเบิดไล่หลังมาเรื่อยๆ จนเกือบถึงหัวถนนตะนาวตรงหัวมุมวัดบวรนิเวศฯ ทหารฝ่ายเราต้องเริ่มคว้าปืนมายิงคุ้มกันให้พวกที่ลำเลียงผู้ป่วยออกมาตรง ฟุตบาท 2 ข้างของถนน ตะนาว

ผมไม่สามารถเข้าไปในบริเวณถนนตะนาวได้อีกแล้ว เพราะบริเวณนั้นกลายเป็น killing zone ผมจึงต้อง หลบอยู่หลังรถกู้ภัยตรงวงเวียนบางลำพู (พร้อมๆกับบอกให้พี่ๆกู้ภัยก้มหัวหมอบ ต้องเอาชีวิตตัวเองรอดก่อนไปช่วยคนอื่น)

จุดนั้นมีการปะทะอยู่นานประมาณ 15-20 นาที ฝ่ายอำนวยการของผมแจ้งให้ทราบในภายหลังว่านับระเบิด M79 ได้เกือบ 15 ลูก ระเบิดขว้าง M26 อีก 2 ลูก รวมทั้งมีพลทหารคนหนึ่งซึ่งผมไปรับหลังจากกลับจาก รพ. บอกผมว่า เขาเห็นแสง laser pointer สีเขียวคอยส่องอยู่แถว ศีรษะของทหารแถวหน้า คาดว่าน่าจะมีคนซุ่มยิงมาจากบริเวณอาคารสูงบริเวณแยกคอกวัว
แต่คงไม่พบเป้าหมายซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา เพราะแต่ละคนต่างกระจาย ไม่รวมกัน และมี รปภ. คุ้มกันไม่มากนัก หลังจากนั้นเราได้ลำเลียงผู้ป่วยทั้งหมดขึ้นรถพยาบาลได้หมด ฝ่ายนั้นเริ่มยิงตอบโต้มากขึ้น ผมเห็นไม่ปลอดภัยจึงขอให้รถกู้ภัย รวมทั้งรถจี๊ปพยาบาลไปหลบอยู่ในซอยบางลำภู
ฝ่าย นั้นก็ยังคงพยายามยิงระเบิดใส่ท้ายขบวนรถของเราที่จอดอยู่ถนนริมวัดบวร นิเวศฯ ซึ่งคาดว่าหากไม่มีทหารของเราที่คอยยิงคุ้มกันตอนลำเลียงผู้ป่วยและถอยกลับ รถหลายคันคงถูกยิงระเบิด ทหารและประชาชนแถวนั้นคงตายอีกเป็นจำนวนมาก

ต่อมาผู้บังคับหน่วยของเราจึงขอหน่วยเหนือในการถอนกำลัง ซึ่งกว่าจะเคลื่อนย้ายออกไปได้หมด ก็ต้องใช้เวลานานเพราะรถมีจำนวนมาก และการจราจรแถวนั้นก็ถูกปิดกั้นบางส่วน แถมตอนเราถอนตัวฝ่ายตรงข้ามก็ยังพยายามยิงระเบิดใส่พวกเราอีกด้วย

Image

ในช่วงก่อนถอนตัวผมจำได้ว่ามีเด็กวัยรุ่นใส่เสื้อแดง 2 คน ขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดข้างๆรถจี๊ปพยาบาล แล้วพูดด้วยน้ำเสียงยั่วโมโหว่า “หน่วยพยาบาลคงไม่โดนอะไรหรอก มั้ง มีคนตายด้วย พวกพี่ยิงคนเหรอ”
ผมยอมรับว่าแม้ว่าปกติผมจะไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน แต่จากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาที่ประสบ ผมเลือดขึ้นหน้า อารมณ์ตอนนั้นคุกรุ่นเต็มที่ ผมพูดจริงๆ ผมอยากลงไปต่อยเด็กคนนั้น

แต่ผม ก็อดทนแล้วตอบกลับไปว่า “แล้วทีพวกน้องยิงระเบิดใส่พวกพี่ล่ะ น้องยิงทั้งระเบิด น้องขว้างทั้งระเบิด แถมเอาอาวุธสงครามยิงใส่ทหาร ทหารแถวหน้าเค้ามีแต่โล่กับกระบอง ป้องกันตัวเองอะไรไม่ได้เลย เค้าก็มีครอบครัว มีลูกมีเมีย แล้วนี่ที่ทหารยิงก็เพื่อคุ้มกันคนเจ็บกับตอนถอนตัว แล้วน้องจะให้ทหารเอาโล่กับกระบองไปไล่ตีไอ้พวกที่ยิงระเบิดใส่หรือไง น้องไสหัวไปเลย ไสหัวไปหลบระวังลูกหลงจากระเบิดที่พวกน้องยิงมาด้วยแล้วกัน”
เด็กคนนั้นอึ้งไปแล้วก็ขี่รถมอเตอร์ไซด์ออกไป เราถอนตัวออกจากจุดตรงแยกคอกวัวเป็นหน่วยสุดท้ายกลับที่ร่วมพลเดิม ซึ่งก็หลงทางไปทางวังสวนจิตรลดา เนื่องจากเราไม่ใช่ทหารกรุงเทพจึงไม่รู้เส้นทาง

คืนนั้นพอผมกลับมาได้ พบกับผู้พัน พบกับผู้กองและเพื่อนผู้หมวด จึงได้รู้ว่าในขณะที่หน่วยของผมถอนตัวออกมาทางถนนตะนาว มีอีกกองร้อยที่ต้องถอยร่นออกมาทางถนนข้าวสาร โดยมีผู้บังคับกองพันอีก 2 คน และรองผู้บังคับกองพันอีกคน

ผู้พันคนหนึ่งถูกยิงจากฝั่งตรงข้ามเข้าที่สีข้าง เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามกราดยิงปืนซึ่งคาดว่าเป็น M16 เพื่อนผมบังผู้พันของเขาอยู่แต่ กระสุนเฉี่ยวข้างตัวไปถูกผู้พัน แต่ที่น่าเศร้าคือมีนายสิบของต่างหน่วยอีกคนถูกยิงทะลุหมวกเหล็ก เสียชีวิตคาที่ นายสิบที่เป็น รปภ. หลายคนก็ถูกยิงเข้าที่ขา โชคดีมากๆและต้องขอขอบคุณเจ้าของผับแห่งหนึ่งที่ถนนข้าวสาร ที่เปิดร้านนำคนเจ็บเข้ามา ให้เด็กในร้านช่วยปฐมพยาบาล ทำแผล ห้ามเลือด ปิดประตูหน้าร้าน และติดต่อตำรวจและรถกู้ภัยให้มารับที่หลังร้านซึ่งทะลุออกทางถนนอีกเส้นหนึ่ง

Image

มีทหารประมาณ 1 กองร้อยที่ ไม่สามารถออกมาขึ้นรถได้เพราะหลงเข้าไปในถนนข้าวสารและถูกปิดทางด้านถนนตะนาวไว้ ก็ต้องวิ่งออกมาทางถนนสามเสนไปยังที่รวมพลซึ่งอยู่ห่างเกือบ 5 กม.

ในขณะที่เกิดเหตุการณ์โทรศัพท์ มือถือของผมแบตหมด พอกลับมาชาร์ทแบต ก็พบว่ามีหลายคนโทรเข้ามา หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของผมที่ วพม. ผมโทรกลับไปจึงทราบว่ามีนายทหารหลายคนถูกระเบิด หนึ่งในนั้น arrest (เสียชีวิต) ก่อนมา รพ. ต่อมา CPR (ปั๊มหัวใจ) ขึ้น และต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองด่วน ซึ่งนายทหารคนนั้นเป็นเพื่อนกับอาจารย์ที่พระมงกุฎของผม

แต่อาจารย์จำผิดคนคิดว่าเป็นผู้บังคับกองพันของผมจึงรีบโทรหาผมแต่มือถือผมแบตหมด จึงให้เพื่อนติดต่อในภายหลังจึงทราบว่าคือพี่เปา (พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม) ซึ่งอยู่รุ่นเดียวกับผู้พันของผม

คืนนั้นผมกินข้าวไม่ลง
กว่าจะนอนตาหลับได้ก็เกือบตี 3 ซึ่งภายหลังอาจารย์ก็โทรมาบอก ว่าพี่เปาเสียแล้วให้บอกผู้พันผมด้วย ผมหลับไปกลางพื้นโรงเก็บรถที่ที่รวมพล ตื่นขึ้นมาตอน 6 โมง ผมไม่ฝันร้าย แต่ผมอยากให้เรื่องที่ผมจำได้มันเป็นแค่ความฝัน

วันรุ่งขึ้นผมได้ไป รพ.พระมงกุฎ เพื่อติดตามผู้ป่วยและประสานงานกับอาจารย์ที่ รพ.พระมงกุฎ วันนั้นเองผมได้ทราบว่ามีทหารของผมเกือบ 10 คนที่บาดเจ็บตอนปะทะช่วงแรกและที่ถูกสะเก็ด ระเบิด บาดเจ็บเล็กน้อย ที่ส่งไป รพ.วชิรพยาบาล จ่าคนหนึ่งติดต่อมาว่าเขาติดอยู่ที่วชิรพยาบาล แต่มีเสื้อแดงมาปิดล้อม ทหารบางคนที่บาดเจ็บไม่มาก ทาง ER ให้คัดแยกอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

พอผู้ชุมนุมเสื้อแดงมาส่งคนป่วยของเขาที่เจ็บ ก็มาไล่กระทืบทหารของผมที่นอนอยู่ ทหารต้องหนีตาย บางคนต้องปีนดาดฟ้าหนี แต่ขอขอบคุณพี่ๆน้องๆหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รพ.วชิรพยาบาล ที่ช่วยกันพาทหารไปหลบที่บริเวณที่ปลอดภัยหลัง รพ. หาชุดไปรเวทให้ใส่ และให้พักอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัยไปก่อน

ทหารบางคนเล็ดลอดออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยที่เอาเสื้อเครื่องแบบ ใส่ทับให้ขึ้นรถกู้ภัย เอาวิทยุกับอุปกรณ์ออกมาใส่กระเป๋า EMS แล้วมาส่งให้ที่รวมพล ผมเห็นทหารหลายๆคนเจ็บ เห็นทหารที่เป็นลูกน้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเจ็บ

ผมอาจจะโชคดีที่ไม่บาดเจ็บอะไร (แต่ตอนหลังมาคิดก็ยังคิดอยู่เลยว่า รอดมาได้ยังไงเนี่ย ^_^) แต่บาดแผลในจิตใจก็มีอยู่ใน หัวใจทหารทุกๆคน
ผม น้ำตาซึมทุกวันที่ไปเยี่ยมลูกน้องที่เจ็บ ผมเห็นผู้การ รองผู้การ ผู้พันของผมพยายามกลั้นน้ำตาทุกครั้งที่เห็นลูกน้องตัวเองเจ็บ) เฉพาะหน่วยของผม มีคนเจ็บที่ต้องนอน รพ. เกือบ 80 คน บาดเจ็บเล็กน้อยที่ไม่ได้นอน รพ. อีก 60 กว่าคน ผมขอเถอะครับ ...


มีประชาชนบางคนถามผมว่าผมโกรธเสื้อแดงมั้ย ผมแค้นเค้ามั้ย ผมตอบไปว่า แม้ผมจะรู้สึกโกรธ แต่ผมแยกแยะได้ ผมเคยเจอผู้ชุมนุมทั้งที่ราบ 11 ที่ลาดหลุมแก้ว คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่จะมาชักปืนยิงใส่หรือโยนระเบิดใส่ เกือบทั้งหมดเป็นคนธรรมดาที่เค้ามาเรียกร้องในสิ่งที่เค้าต้องการ
แต่ เราอย่าตกเป็นเครื่องมือของคนบางคน (จะเป็นใครผมก็ไม่ทราบ แต่น่าจะคิดกันได้นะครับ)อย่าให้ใครบางคนใช้ทั้งคนเสื้อแดง ใช้ทหารเป็นเพียงหมากบนกระดาน ให้เราต่างฝ่ายต่างเจ็บต่างล้มตายเพื่อผลประโยชน์ของคนบางคน


Image

ประเทศเราจะล่มสลายอยู่แล้วนะครับเห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่ประเทศชาติ อย่าให้ใครแค่ไม่กี่คนมาทำลายประเทศไทยของเราเลย


แต่อย่างไรก็ตามแม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตก็ยังมีเรื่องดีๆ ขอบคุณพี่ๆน้องๆเพื่อนๆร่วมชาติทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือคนเจ็บโดยไม่แบ่งสี ไม่แบ่งความคิด ผมซาบซึ้งในน้ำใจของทุกๆท่านมาก

หากไม่มีพวกท่าน ผมคงไม่สามารถพาคนเจ็บออกมาได้ขนาดนี้ ดีไม่ดีผมอาจจะโดนไปด้วยก็ได้

เหนือสิ่งอื่นใด ตลอดระยะเวลาที่เรียนในวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ผมรับรู้รับทราบมาโดยตลอดถึงภารกิจของแพทย์ทหาร ถึงตอนนี้อารมณ์ของผมจะตกอยู่ในความเศร้า ตกอยู่ในความหดหู่ แต่ผมก็ภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของแพทย์ทหาร ที่ได้ทำหน้าที่เป็นวีรบุรุษในแนวหน้า (Heroes in the front line) อย่างที่ทหารขนานนามเหล่า แพทย์ของเรา
ถึงแม้ว่า “การเป็น แพทย์ทหารนั้นมันเหนื่อย” แต่มันก็ภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นแพทย์ทหารของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ได้เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ภาพที่ได้ประสบมา ผมคงจดจำไปจนวันตาย (เพราะตอนนี้มันติดตาแล้วครับ ลืมไม่ลง)


ขอให้พระบารมีของพระองค์ท่านคุ้มครองเพื่อนทหารและประชาชนทุกคนให้ปลอดภัย และคุ้มครองให้ประเทศชาติของเราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
ท้ายที่สุด ... ขอคารวะหัวใจของพี่น้องผองเพื่อนทหารจากใจจริง


จาก...แพทย์ทหาร


Image
Image
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 4:11 am



พันเอกร่มเกล้่า ธุวธรรม
My Hero ตลอดกาลในหัวใจ


ความผิดพลาดประการเดียวในการปฎิบัติราชการของท่านในครั้งนี้ก็คือ
ท่านคิดและเชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ศัตรู ไม่มีอาวุธ และเป็นพวกหลงผิด


พวกมันเป็นศัตรูของชาตินับแต่นาทีแรกที่มันเข้าร่วมกับพวกที่ไม่คิดว่าตน
เป็นพสกนิกรในพระองค์และพร้อมจะออกมาทำลายชาติ

พวกมันตระเตรียมอาวุธนับแต่วันแรกที่ออกมาชุมนุม
พวกมันไม่เคยหลงผิดแต่เป็นพวกที่เชื่ออย่างบริสุทธิใจและเป็นพวกรับจ้างที่แยกดีชั่วไม่ได้
กระหน่ำซ้ำได้แม้กระทั่งคนที่ไม่ใช้อาวุธทำร้ายตัวเอง
ทั้งๆตอนนั้นทหารโดน M79 ไปแล้วชุดใหญ่

Image

พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 25(ตท.25) นักเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 36 เพื่อนๆเรียกชื่อเล่นกันว่า”เปา”ก่อนมาดำรงตำแหน่งที่ พล.ร.2 รอ. เป็น ผบ.ฉก.35 (ยศ พ.ท.) ดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ในพื้นที่ อ.สุคิริน และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เป็นเวลากว่า6เดือน โดยปฏิบัติการเดินเท้า เข้าทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม บอกถึงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ในครั้งนั้นว่า ตั้งแต่ลงพื้นที่ 6 เดือน กระสุนไม่เคยออกจากกระบอกแม้แต่นัดเดียว“การแก้ไขปัญหามี 2 อันดับ คืออันดับแรกแก้ที่ปลายเหตุ หมายความว่าให้คนไทยพุทธป้องกันการละทิ้งถิ่นฐาน และทำให้พี่น้องมุสลิมกลาง ให้ความร่วมมือกับรัฐ ส่วนอันดับสอง คือการแก้ที่สาเหตุ เป็นการแก้ไขในระยะยาว ที่ต้องทำให้คนในพื้นที่เกิดความรู้สึกต่อต้านกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ผมเข้าไปในพื้นที่ ใช้วิธีเข้าไปคุยกับทุกหลังคาเรือน หากเรารู้ว่าคนนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงแต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ เราจะเข้าไปคุยกับเขาบ่อยๆ ซึ่งสามารถทำให้ลดการเกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้เนื่องจาก เมื่อเราเข้าไปพูดคุยเป็นมิตรกับเขาบ่อยๆ เขาจะเกรงใจ เราจะหยุดการฆ่าด้วยการฆ่าไม่ได้”

“ผมเดินเข้าไปบอกถึงความเป็นคนไทยกับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นคนไทยเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปบอกชาวบ้านว่า ผมเป็นจีน มาจากซัวเถา เพราะแม่ผมเป็นคนจีน คุณมาจากไหนไม่รู้ พูดภาษายาวี แต่เราเป็นคนไทยด้วยกัน เขาก็งง แล้วถามผมว่าแล้วคนไทยคืออะไร ผมก็บอกไปว่าก็พวกเราทั้งหมดคือคนไทย บางทีผมยังต้องเอาประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวร ลงไปบอกกับพี่น้องในพื้นที่ว่า นักรบจนถึงชนชั้นขุนนางในอดีตก็มีคนมุสลิม เราร่วมรบกันมา อยู่ร่วมกันมานานแล้ว ปลุกความรักชาติให้เขา” ทั้งหมดเป็นแนวความคิดและแนวปฏิบัติของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ฉก.35 ในพื้นที่ อ.สุคิริน และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส


พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ.ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จากกองกำลังบูรพา ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปะทะระหว่างกำลังทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อคืน(10 เม.ย.)

พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ.ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จากกองกำลังบูรพา ที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์ปะทะระหว่างกำลังทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อคืน(10 เม.ย.) ที่ผ่านมา ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า พ.อ.ร่มเกล้า นายทหารกล้าผู้นี้ ถูกคนเถื่อนชี้เป้าให้ยิง หรือถูกลูกหลงจากกระสุนจริงของคนเถื่อน

Image

พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 25 (ตท.25) นักเรียนนายร้อยจปร.รุ่น 36 เพื่อนๆเรียกชื่อเล่นกันว่า”เปา”ก่อนมาดำรงตำแหน่งที่ พล.ร.2 รอ. เป็นผบ.ฉก.35 (ยศ พ.ท.) ดำเนินการด้านยุทธศาสตร์ในพื้นที่ อ.สุคิริน และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เป็นเวลากว่า 6 เดือน โดยปฏิบัติการเดินเท้า เข้าทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พ.อ.ร่มเกล้า บอกถึงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ในครั้งนั้นว่า ตั้งแต่ลงพื้นที่ 6 เดือน กระสุนไม่เคยออกจากกระบอกแม้แต่นัดเดียว

“การแก้ไขปัญหามี 2 อันดับ คืออันดับแรกแก้ที่ปลายเหตุ หมายความว่าให้คนไทยพุทธป้องกันการละทิ้งถิ่นฐาน และทำให้พี่น้องมุสลิมกลาง ให้ความร่วมมือกับรัฐ ส่วนอันดับสอง คือการแก้ที่สาเหตุ เป็นการแก้ไขในระยะยาว ที่ต้องทำให้คนในพื้นที่เกิดความรู้สึกต่อต้านกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ผมเข้าไปในพื้นที่ ใช้วิธีเข้าไปคุยกับทุกหลังคาเรือน หากเรารู้ว่าคนนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรง แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ เราจะเข้าไปคุยกับเขาบ่อยๆ ซึ่งสามารถทำให้ลดการเกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้เนื่องจาก เมื่อเราเข้าไปพูดคุยเป็นมิตรกับเขาบ่อยๆ เขาจะเกรงใจ เราจะหยุดการฆ่าด้วยการฆ่าไม่ได้”

“ผมเดินเข้าไปบอกถึงความเป็นคนไทยกับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นคนไทยเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปบอกชาวบ้านว่า ผมเป็นจีน มาจากซัวเถา เพราะแม่ผมเป็นคนจีน คุณมาจากไหนไม่รู้ พูดภาษายาวี แต่เราเป็นคนไทยด้วยกัน เขาก็งง แล้วถามผมว่าแล้วคนไทยคืออะไร ผมก็บอกไปว่าก็พวกเราทั้งหมดคือคนไทย บางทีผมยังต้องเอาประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวร ลงไปบอกกับพี่น้องในพื้นที่ว่า นักรบจนถึงชนชั้นขุนนางในอดีตก็มีคนมุสลิม เราร่วมรบกันมา อยู่ร่วมกันมานานแล้ว ปลุกความรักชาติให้เขา” ทั้งหมดเป็นแนวความคิดและแนวปฏิบัติของ พ.อ.ร่มเกล้า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ฉก.35 ในพื้นที่ อ.สุคิริน และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส

หลังเข้าดำรงตำแหน่งรอง เสธ.พล.ร.2 รอ. แล้ว ได้ปฏิบัติภาระกิจสำคัญ คือการเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อช่วงเมษาเลือดปี 2552 โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ แต่ภายหลัง ฝ่ายตรงข้ามพยายามปลุกปั่นประชาชนว่า ทหารฆ่าประชาชน ทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า ต้องเดินสาย นำวิดีโอบันทึกภาพเคลื่อนไหว ที่เป็นทั้งการเคลื่อนกำลังพล การตั้งเป็นแนวกั้น ฉายเพาเวอร์พอยต์ อธิบายการทำงานของทหารถึงการสลายชุมนุม ที่มีการเจรจากับผู้ชุมนุม ทั้งจากทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ของ กทม. รวมถึงชาวบ้านย่านแฟลตดินแดง โดยย้ำว่า การทำงานของทหารเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินทุกประการ ซึ่งการเดินสายอธิบายถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เขาได้รับฉายาจากฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะนายจักรภพ เพ็ญแขว่า เป็น”เสธ.เพาเวอร์พอยต์”

นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า…พ.อ.ร่มเกล้า คือนายทหารที่เคยเป็นผู้แทนของกองทัพบก เข้าให้ข้อมูลเรื่องการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสามเหลี่ยม ดินแดง เมื่อเดือนเมษายน 2552 ต่อคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์บริเวณแยกดินแดง ซึ่งเป็น อนุกรรมการฯที่อยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุสลายการชุมนุมของ รัฐสภา ที่มีการแต่งตั้งให้ วุฒิสภา เป็นประธานตรวจสอบในแต่ละ คณะอนุกรรมการ

การเข้าชี้แจงของ พ.อ.ร่มเกล้า ในวันนั้น พ.อ.ร่มเกล้า ถือเป็นทหารที่ได้แสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า การปฎิบัติการในเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ไม่มีพวกแดงเทียม ในการออกมาปฎิบัติการ ตามที่กลุ่มคนเสื้อแดง พูดเพื่อให้พวกตนพ้นผิด พร้อมกับยืนยันว่า กลุ่มมือที่สาม ไม่มีเด็ดขาด แต่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ที่แยกกันทำงาน โดยมีเป้าหมายเดียวกัน

ที่สำคัญ พ.อ.ร่มเกล้า ยังสามารถแสดงพยานหลักฐานต่างๆประกอบการชี้แจง มีน้ำหนักเพียงพอ ทำให้ อนุกรรมการฯเชื่อว่าการปฎิบัติหน้าที่ในการสลายการชุมนุมของทหารในวันนั้น ได้ทำอย่างถูกต้องตามหลักสากล ทำให้ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย และ นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว และร่วมรับฟังการชี้แจงในวันนั้น ถึงกับแสดงอาการไม่พอใจการชี้แจงของ พ.อ.ร่มเกล้า เป็นอย่างยิ่ง

จากความไม่พอใจการชี้แจง ทั้งนายวรวัจน์ และนายชลน่าน ได้พูดด้วยถ้อยคำในทำนองไม่ให้เกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นทหารของ พ.อ.ร่มเกล้า โดยเฉพาะ นายชลน่าน พูดออกมาว่า”คุณไม่เหมาะที่จะเป็นทหารแล้ว”ทำให้อนุกรรมการ ที่เข้าร่วมรับฟังในวันนั้น ถึงกับรู้สึกแปลกใจ และก็ได้รับรู้กันโดยทั่วไปของบุคคลที่เข้าร่วมประชุมในวันนั้น

นอกจากนั้นในการเข้าให้ข้อเท็จจริงในวันดังกล่าว นายวรวัจน์ พยายามที่จะสอบถามถึงผู้สั่งการที่แท้จริง โดยตำหนิฝ่ายทหารว่าไม่ควรโบ้ยไปกันไปมา ทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “ผมพูดตรงๆ ไม่เคยโบ้ยใคร ผมเป็นทหารไม่ใช่นักการเมือง”

Image

พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรี
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา

Image

...นี่คือคำกล่าวของ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการ พล.ร.2 รอ. นายทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายผู้ชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา

“ถามว่าโกรธหรือไม่ บอกได้เลยว่า ไม่โกรธ ไม่แค้น แต่เสียใจ อยากจะบอกกับทุกฝ่ายว่า ให้มองถึงอนาคตของชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เมื่อทุกคนเห็นประโยชน์แต่ของตัว เองเป็นที่ตั้ง โดยไม่คิดถึงประโยชน์ของชาติ ชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร หากไม่มีคนเสียสละเพื่อชาติ อย่างพี่เปาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ อยากขอร้องว่า อย่าอ้างทำเพื่อประชาธิปไตย หรือประเทศชาติมาเป็นข้ออ้าง จะทำให้เกิดความเสียหายของบ้านเมือง เราทั้งสองตกกันกันว่า ไม่อยากมีลูกและอายุทั้งคู่ก็มากแล้ว อีกทั้งพี่เปาพูดเสมอว่า อยากจะเอาเวลาทั้งหมดทำงานให้แผ่นดิน”

“พี่เปาเสียสละชีพเพื่อรักษาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดิฉันและครอบครัวรู้สึกปลาบปลื้ม ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ มาในงานศพ พี่เปาพูดอยู่เสมอว่า เกิดมาต้องรับใช้แผ่นดิน ราชวงศ์จักรี และราชบัลลังก์ แม้จะแลกด้วยชีวิตก็ยอม อยากจะบอกคนไทยรักกัน สามัคคีกัน อย่าเห็นทหารเป็นศัตรู ทหารทุกคนมีความเสียสละทำงานเพื่อชาติเพื่อส่วนรวม”

Image

“ผมไม่โกรธ ไม่คับแค้นใจหรอกครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ถ้าผมยิงสวนไปก็อาจถูกพลเรือน ที่มาร่วมชุมนุมธรรมดา ผมไม่ยิงคนไทยด้วยกันเองครับ “เราอย่าไปโมโหพวกเขา พวกเขาแค่โดนหลอกมาด้วยความไม่รู้เท่านั้น””

“เราถูกยิงมาจากบนตึก..พวกเขาเริ่มระดม ยิงและปาระเบิดใส่เราจากบนตึก”


นายทหารระดับพลตรี(พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ.)ท่านนอนอยู่บนเตียง ที่ขามีเหล็กเสียบเพื่อดามขาที่หักสองท่อน ร่องรอยสะเก็ดระเบิดเต็มไปตามร่างกายของท่าน

พ.อ.ร่มเกล้า ไม่ใช่นายทหารระดับสูงเพียงคนเดียวที่ตกเป็นเป้าสังหาร เพราะยังมีนายทหารระดับนายพลอย่าง พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล ร. 2 รอ. ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ถึงขั้นขาหัก 3 ท่อน และระดับผู้พันอย่าง พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิเดช ผู้บังคับกองพัน ทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 2 รอ.) ถูกสะเก็ดระเบิดจนต้องผ่าตัดสมองด้วย

ที่น่าสนใจก็คือทั้งหมดเป็นนายทหารสาย "บูรพาพยัคฆ์" จากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ขณะที่พลทหารอีกจำนวนหนึ่งที่เสียชีวิต ก็สังกัดหน่วยทหารหน่วยนี้เช่นกัน

ในสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เหตุใดกองกำลังไม่ทราบฝ่ายชุดดำ
ที่ปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมเสื้อแดง จึงเลือกเป้าได้อย่างแม่นยำยิ่ง!


ภาพหนึ่งในทีมซุ่มยิงของกลุ่มก่อการร้าย
Image

เลเซอร์ชี้เป้าสังหารทหาร

Image

“บูรพาพยัคฆ์” ก็ยังคงสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี และยิ่งใหญ่
สมกับที่เป็น“บูรพาพยัคฆ์ “ ในสายตาของประชาชนทั้งประเทศ
ท่านไม่ได้แพ้ศึกหรอกครับ แต่ท่านได้เสียสละอย่างยิ่งใหญ่
ในการปกป้องประเทศชาติ สถาบัน และประชาชน ในขณะที่ท่านเข้าปฏิบัติการ
ท่านยังคิดอยู่เสมอว่า กลุ่มผู้ก่อการร้าย ก่อการจลจล
กลุ่มกบฏที่อยู่ตรงหน้าท่านก็คือคนไทย
ท่านไม่มีได้ความคิดจะทำร้ายพวกเขาแม้แต่น้อย
พวกท่านจึงไม่มีอาวุธนอกจากโล่ห์ และกระบองในการปราบจลาจลเท่านั้น

แต่ท่านถูกลอบกัด.... เทียบกันไม่ได้หรอก
กับหัวโจกสัด(เสธ)แดง ที่คุยว่าตัวเองเก่ง เอาชนะทหารได้
พวกคุณกับกองกำลังชุดดำ ก็แค่ขี้ข้ารับใช้ และได้ตายอย่างสมเกลียด

พ.อ.ร่มเกล้า เหล่า“บูรพาพยัคฆ์.”และทหารกล้าที่เสียสละทุกคน
เป็นความภูมิใจของประเทศชาติ.....พวกเราขอน้อมคารวะ


คืนแห่งความสูญเสียของ “บูรพาพยัคฆ์”
ไว้อาลัยแด่ทหารทุกท่าน....ขอให้ทุกดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ
พวกเราจะไม่ลืมคุณความดีของพวกท่าน



Image

เสียงจากทหาร พล.ร.2 รอ. หรือ “บูรพาพยัคฆ์”

ขอแสดงความเสียใจที่ต้องสูญเสียพลเอกร่มเกล้าและทหารหาญอีกหลายคน ที่น่ายกย่องเป็นอย่างมากคือถึงแม้จะถูกทำร้าย ท่านมีปืนอยู่ในมือก็ไม่เอามายิงคนเสื้อแดง ที่เข้ามาทำร้าย บางคนเลยถูกแย่งปืนแล้วกลับนำมาใช้ทำร้ายพวกท่าน ท่านเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว...ท่านทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว


“10 เมษาเลือด” ในส่วนของทหารบาดเจ็บ 210 นาย บาดเจ็บสาหัส 90 นาย และเสียชีวิต 4 นาย แต่เป้าโจมตีหลัก คือ พล.ต.วลิต และ พ.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเบื้องลึกต้องการพุ่งเป้าไปที่ พล.ร.2 รอ. หรือ “บูรพาพยัคฆ์” จาก จ.ปราจีนบุรี เพื่อหวังแก้แค้นจากการปฏิบัติการของ พล.ร.2 รอ. ซึ่งสร้างผลงานที่สามเหลี่ยมดินแดงเมื่อสงกรานต์ปีที่แล้วโดยไม่มีผู้เสียชีวิต และได้รับรางวัลชมเชยจากกองทัพบก (ทบ.) และในฐานะที่เป็นทหารที่โดดเด่น

“ผมไม่โกรธ ไม่คับแค้นใจหรอกครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ผมอยากให้พวกเขาคุยกันมากกว่า...ถ้าผมยิงสวนไปก็อาจถูกพลเรือน ที่มาร่วม ชุมนุมธรรมดา เราเห็นอยู่เรารู้อยู่ มันทำพวกเขาไม่ลง... ผมไม่ยิงคนไทยด้วยกันเองครับ”
“เราอย่าไปโมโหพวกเขา พวกเขาแค่โดนหลอกมาด้วยความไม่รู้เท่านั้น”


“เราถูกยิงมาจากบนตึก..พวกเขา เริ่มระดม ยิงและปาระเบิดใส่เราจากบนตึก” ทหารหาญเหล่านี้ยังพยายามหาคำ ตอบว่าฝ่ายไหนที่ลอบทำร้าย พวกเขา“ผมยังไม่มี โอกาสไปเยี่ยมพี่ๆน้องๆที่โดนระเบิดด้วยกันเลย.... เราร่วมทุกข์ร่วมสุข...สะเก็ด ระเบิดเราก็แบ่งกันรับ”

สีหน้าเศร้าเมื่อกล่าวถึงผู้พันร่มเกล้า.... “ไม่น่าเป็นเขา ไม่น่าเป็นใครเลย”


“พวกผมประจำการอยู่หลายวัน ลูกน้องเราก็ล้า” เสียงของท่านผู้พันท่านหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมา “หลังจากที่เราโดนโจมตี เราเอาทหารที่บาดเจ็บขึ้นรถ โบกมือแล้วว่าเราขอเอาทหารบาด เจ็บออกไป พวกเขาไม่ยอม เราจะเลี้ยวออกทางใต้สะพานพระราม 8 พวกเขาก็ไม่ให้ จะไปข้างหน้าเราก็ไปไม่ได้ ทหารบาดเจ็บเต็มรถ เสียงร้องระงมทั้งรถ เขาลากลูกน้องผมที่บาดเจ็บลง จากรถไปซ้อม ไปกระทืบซ้ำ...เพราะขาผมเจ็บสะเก็ดระเบิดมัน ฝังอยู่...”


กลุ่มฮาร์ดคอร์เสื้อแดงได้โจมตีโดยใช้เอ็ม 79 ถล่มใส่ พล.ต.วลิต เข้าที่ขา กระดูกหัก 3 ท่อน ส่วน “เสธ.เปา” พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการ พล.ร.2 รอ. เตรียมทหารรุ่น 25 ซึ่งเป็นนายทหารที่เดินติดตาม พล.ต.วลิต ได้เสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79


พ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช ผู้บังคับกองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 19 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.12 พัน.2 รอ.) บาดเจ็บสาหัส เพราะสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศีรษะ เจาะกะโหลกเข้าสมองซีกขวา ต้องผ่าตัดเปิดสมองที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


ยอดทหารที่บาดเจ็บสาหัส 90 นาย มี พ.ท.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ (ม.พัน.3 รอ.) เกียกกาย ถูกสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ที่ขาทั้งสองข้าง ยังไม่สามารถเดินได้


“มันเป็นสงครามกลางเมืองที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย และไม่เคยคิดว่าตัวผมจะต้องมาพบเจอ ทหาร|ไม่เคยคิดจะยิงประชาชน ไม่ทำร้ายประชาชน แต่ทหารเราถูกทำร้ายก่อน ถูกยิงระเบิด ถูกยิง เราก็ทำแค่ยิงป้องกันตัว ถ้าทหารเราคิดจะทำประชาชนก็คงจะยิง แล้วก็คงตายกันมากกว่านี้ แต่ทหารเราไม่ทำ เราต้องยอม” ผบ.ม.พัน.3 รอ. กล่าว


ImageImageImageImageImage
Image
Image
Image
Last edited by noway2know on Sun Jun 06, 2010 4:36 am, edited 2 times in total.

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 4:12 am

จากปากเสื้อแดง ทหารไม่ได้ยิง แต่คนยิงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม



เสียงจากแดงกลับใจ
เราเป็นเสื้อแดงที่เพิ่งไปร่วมชุมนุมในครั้ง นี้เป็นครั้งแรกไปมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ไปด้วยศรัทธาในตัวอดีตนายก ทักษิณ
เพิ่งได้ไปฟังการปราศัยและการวิดิโอลิงค์ไปตั้งแต่บ่ายจนถึงดึก
พบเห็นอะไรมากมายรวมถึงการปราศัยของคนต่างๆบนเวที
และได้รู้ว่าออพวกนี้ก็เป็นเสื้อแดง
เราเริ่มมีคำถามเกิดขึ้นในใจเราตลอดเวลาที่เราเดินและนั่งและฟังอยู่ในม็อบ
เราได้ดูและฟังวิดีโอลิงค์จากอดีตนายกด้วยใจกลางๆ
เพราะเราได้เห็นและได้ฟังมาตั้งแต่บ่าย เราได้เห็นและฟังอะไร
เราได้เห็นคน ต่างจังหวัด คนจรจัด ที่นั่งๆนอนๆอยู่
คนกรุงเทพที่มากันในตอนหัวค่ำ เราได้เห็นคนที่เราคิดย้ำเราคิดว่า
ไม่น่าจะเป็นชนชั้นนำในสังคมได้ เช่นดาราที่เราไม่เคยชอบในพฤติกรรม
ได้เห็นพวกที่มีชื่อเสียงหน่อยใน สังคมที่ผลัดกันขึ้นเวที่ ด่ากันอย่างเมามัน
และดูเหมือนไร้สติเราเริ่มเกิดคำถามกับตัวเองพวกคนพวกนี้หรือ
ที่จะมาทำงานให้กับอดีดนายกทักษิณ

ไม่นับรวมภาพที่เราเห็นตั้งแต่บ่ายที่เราเห็นคือคนที่เค้าบอกมาเรียกร้อง
ประชาธิปไตยนั่งจับกลุ่มคุยกันด้วยภาษาอิสาน
พร้อมกับเหล้าและเบียร์อยู่กลางวงกระจายเป็นหย่อมๆหลายๆกลุ่ม
บางกลุ่มก็ยกแก้วเหล้าให้เราเมื่อเราเดินผ่าน
ตกค่ำเราหาที่นั่งเหมาะๆผู้คนเริ่มทยอยกันมาส่วนมากจะดูเหมือน
พวกที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ แกนนำทั้งสามท่านเริ่มผลัดกันขึ้นเวที

เราตั้งมั่นจะทำใจเป็นกลางและรวมถึงเราอยากเห็นกับตา
ว่าพวกเรามาเรียกร้องกันเป็นแสนจริงๆ
เราสังเกตุด้วยสายตาเราคร่าวๆไม่น่าถึงแสน

เพราะหางแถวทั้งสองด้านไปเลยกึ่ง กลางระหว่างทางไปถึงอนุเสาวรีย์ฯด้วยซ้ำ
และอีกด้านหนึ่ง อยู่แค่พื้นที่ในการชุมนุมไม่เลยไปถึงแยก จปร.
กลับมาที่แกนนำทีเริ่มพูด เรื่องเลวร้ายของรัฐบาลและนายกอภิสิทธิ์ รวมถึงอำมาตย์
ถึงวันนี่เองเราเพิ่งจะเข้าใจว่าอำมาตย์ หมายถึงใคร เค้าหมายถึงพวกองค์มนตรี
และเรืองคลิปเสียงสั่งฆ่าประชาชนของนายกอภิสิทธิ์ ซึ่งเราได้รับรู้มาแล้วว่าเป็นการตัดต่อ
แต่แกนนำพยายามพูดว่าเป็นเสียงของนายกอภิสิทธิ์จริงจนถึงขนาดให้มีการสาบานถึงตรงนี้
เรารู้สึกเหมือนโดนดูถูกอย่งแรง เหมือนเราโง่มานั่งให้เค้าหลอก

ซึ่งเราบอกแต่แรกแล้วว่า เราจะทำใจกลางๆนั่งฟัง เราก็ทนฟังต่อ
จบเพื่อรอวิดิโอลิงค์จากท่านทักษิณ
สุดท้ายท่านวิดีโอลิงค์มาเราตื่นเต้นได้ฟังเสียงท่านสดๆ เราตั้งใจฟังอย่างมาก
ท่านพูดเรื่องอำมาตย์เหมือนแกนนำ และเรื่องอะไรอีกเรื่องของท่านหนึ่งที่เกี่ยวกับประชาชน
ว่าควรจะมอ อำนาจให้ประชาชนได้แล้วไม่ควรยึดติดอะไรทำนองนี้
เราก็เริ่มสงสัยว่าอดีตนายกพูดถึงใคร พอนายกทักษิณพูดว่า
ท่านก็อายุแปดสิบกว่าแล้วไม่นานก็ตายแล้ว ควรจะหยุดได้แล้ว
เราอึ้งนำตาไหลการตกผลึกทางความคิดทำงานทันที
ที่เราได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับการล้มสถาบันแต่ยังไม่เชื่อ


เพราะเราไม่เห็นและไม่มีข้อมูล เรานึกว่าเป็นการใส่ร้ายท่านทักษิณ
แต่วันนี้เราได้เห็นและได้ยินสองหู

เราลุกขึ้นยืน เริ่มมองหาทางเดินออก อยากกลับบ้านและออกจากที่นี่เร็วที่สุด
เราไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาตร์อันชั่วช้านี้
ป้าที่นั่งข้างๆทักว่าจะกลับแล้วหรือหนูรถยังไม่ออกหรอก
เค้าบอกจะขึ้นรถกลับได้ต้องประมาณเที่ยงคืน
เนี่ยป้าก็รอเวลาอยู่ อีกนานนั่งฟังท่านให้จบก่อนซิ

เรากลับถึงหอพักรีบถอดเสื้อสีแดงออกและนำมันไปทิ้งลงขยะ
เรารู้สักรังเกียจมันขึ้นมาทันทีทั้งเมื่อเช้าเรายังใส่มันด้วยความภูมิใจ
เราเขียนมาไม่ต้องการให้ใครมายินดีกับเรา แต่เราต้องการระบายความอัดอั้นตันใจ
นี่เราจะกลับไปบอกพ่อแม่พี่น้องเรา ยังไงให้เข้าใจว่าพวกเรากำลังโดนหลอก

จากวันนั้นเราเหมือนคนบ้าได้แต่นั่งหน้าเครื่องคอมค้นหาข้อมูลอีกด้านของอดีตนายก
เราเริ่มรับข้อมูลสองด้าน เมื่อก่อนหากเราได้เมล์มาหาก
เป็นข้อมูลที่ให้ร้ายต่อนายกทักษิณเราจะลบทิ้งทันที

ไม่เคยอ่านเพราะเชื่อมันในตัวท่านเหมือนพวกบ้านเราที่ต่างจังหวัด
เราคงไม่ต้องเขียนไปมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้เราอ่านข้อมูลอีกด้านหนึ่งอย่างกระหาย
เหมือนจะสร้างความมั่นใจว่า คราวนี้เราคิดไม่ผิด
เราอยากจะบอกคุณทักษิณว่า
คุณเลวได้ใจเราจริงๆ คุณหลอกตาสีตาสาให้มาทนทุกข์เพื่อคุณ
ให้เค้ามาตายแทนคุณ

แต่พวกคุณและตระกูลคุณกลับเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง
ที่พวกคุณขนไปจากเมืองไทย
-รักในหลวงที่สุด-

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 4:15 am

เก็บตกภาพทหาร My Hero เรารักคุณ
ขอบคุณภาพทั้งหมดจาก : Michael Yon
http://www.facebook.com/album.php?id=207730000664&aid=135781&s=160&hash=8500143accb870ac42a1fb86353673b3#!/album.php?id=207730000664&aid=135781&s=100&hash=1ea5cfa73f0a5df2ca6bb5f420d3ef4d
Image
Image
Image
Image
Image
Image

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

Re: เก็บตกค่ายเสื้อแดง....รวมพลชนชั้นไพร่(มันบอกเอง)

Postby noway2know » Sun Jun 06, 2010 4:21 am



"ทหารชุด ปจว." เกลี้ยกล่อม มวลชน "เสื้อแดง" :lol:

บรรยากาศการปิดล้อมหน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ท่ามกลางแดด เปรี้ยงของเที่ยงวันที่ 15 มีนาคม 2553 ของกลุ่มคนเสื้อแดง หวังสร้างแรงกดดันถึงขีดสุดให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา จบลงแบบชิลๆ เกินคาด

ความดีความชอบ ด้านหลักส่วนหนึ่งในการคลี่คลายสถานการณ์ครั้งนี้ คงต้องยกให้ลูกล่อลูกชนอันแพรวพราวของกำลังพลจากกองพันปฏิบัติ การจิตวิทยา (ปจว.) กรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ซึ่งถูกส่งมาสร้างความครื้นเครงโดยเฉพาะ

ปฏิบัติการดับไฟอารมณ์ของชุด ปจว. เริ่มเปิดฉากขึ้น
ตั้งแต่ชุดล่วงหน้าที่นำโดยมอเตอร์ไซค์นับร้อยคันมาถึง โดยมีการเปิด “เพลง พระราชนิพนธ์” เพื่อผ่อนคลายอารณ์

จากนั้นก็กล่าวทักทายแฟนๆ เอ๊ย ผู้ชุมนุมราวกับศิลปินในคอนเสิร์ตว่า “ขอเสียงคนเสื้อแดงหน่อย” และ “ขอเสียงตีนตบหน่อย” ซึ่งได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าด พลางเขย่าตีนตบต้อนรับเกรียวกราว

แต่ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้จริงๆ คือ การเว้าภาษาถิ่น โดยเฉพาะ “ภาษาอีสาน” ทักทายผู้ชุมนุมที่มาจากดินแดนที่ราบสูง และฝากเนื้อฝากตัวว่า ทหารที่มาปฎิบัติหน้าที่ก็เป็นเหมือนลูกหลานของผู้ชุมนุมทั้งนั้น

ส่วน แกนนำม็อบ โดยเฉพาะ วีระ มุสิกพงศ์ ก็เจอลูกอ้อนไปเต็มๆ เพราะคุณน้องทหารเล่นเรียก “พี่วีระ” ทุกคำ จนพี่วีระตอบกลับเสียงอ่อนเสียงหวานไม่แพ้กัน

แม้แต่ข่าวลือว่า มีทหารแฝงตัวติดอาวุธ เข้ามาก่อเหตุ ชุด ปจว.ก็อุตส่าห์หามุกมาปล่อยจนหายเครียดกันได้

“ไม่ต้องกลัวนะครับว่า ทหารจะทำอันตรายด้วยอาวุธ เพราะทหารไม่มีใครติดอาวุธ หรือถ้าจะจับแก้ผ้าตรวจอาวุธ ก็จะเจอแต่อาวุธประจำตัว ไม่ใช่อาวุธประจำกาย เล็กใหญ่แล้วแต่พ่อให้มา”

ปล่อยมุกถึงขนาดนี้ก็ยังไม่หายระแวงอีก เลยปล่อยไปอีกดอก

“ถ้าจับคนปลอมแต่งชุดทหารจะไปทำร้ายประชาชน ก็ขอให้ช่วยกันจับให้มั่นคั้นให้ตาย ต้องถามแล้วให้พูดภาษาอังกฤษ อย่าให้เยส ต้องเอาให้โนๆ ให้บวมๆ จัดการให้หนำใจเลย แล้วส่งให้เรา เราจะซ้ำให้ หรือจะดองเค็มดองเปรี้ยว ก็แล้วแต่ท่าน

เล่นเอาฮากระจาย...ตั้งแต่แกนนำยันผู้ชุมนุม

ส่วนทหารเองก็เกรงว่า ผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไปอออยู่บนสะพานหน้าราบ 11 จะแอบโยนของชำร่วย หรือระเบิดอะไรลงมา เลยแกล้งอำว่า ขอให้คนที่อยู่บนสะพานรีบลงมา เพราะกลัวสะพานรับน้ำหนักไม่ไหว

ได้ ผล !! เพราะม็อบที่ยัดทะนานกันอยู่บนสะพานลอย วิ่งกรูลงมาข้างล่างแทบไม่ทัน

ขณะที่มุกในครอบครัวก็จัดไปอย่าให้เสีย เพราะหลังจากฟังแกนนำปราศรัยได้ความว่า ขอให้ทหารสนับสนุนม็อบ เพราะแม่บ้านทหารก็ล้วนแต่หนุนหลังเสื้อแดงทั้งนั้น ชุด ปจว.เลยเล่นมุกตามน้ำทันที

“เมื่อ คืนเมียผมก็บอกให้ดูแลพวกพี่ให้ดีๆ เพราะเงินเดือนพวกผมก็มาจากกาษีพวกพี่ๆ ถ้าผมไม่ดูแลดีๆ เดี๋ยวมันไม่ให้นอนด้วย”

ช็อตนี้..ดูเหมือนจะฮานานกว่าใครเพื่อน

นอกจากจะเล่นมุกดับไฟม็อบแล้ว ชุด ปจว.ยังใช้กลยุทธ์เร่ง “กำลังวัตต์” ของเครื่องขยายเสียงกลบเสียงปราศรัยของแกนนำได้ชะงัด สร้างความหงุดหงิดใจให้แกนนำเหลือหลาย

“ไม่ยุบสภา ก็ไม่ยุบ แต่ช่วยลดเสียงลงได้ไหม ขอพูดสักหน่อย คนเสื้อแดงจะกลับแล้ว” พี่วีระ โพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย

จากนั้นแกนนำคนเสื้อแดงแก้เกมด้วยการขอให้รถผู้ชุมนุมที่มีเครื่องเสียง เปิดเพลงสู้กับเครื่องเสียงของทหารพร้อมๆกัน แต่ก็ไม่อาจสู้เครื่องเสียงทหารที่มีกำลังขับสูงกว่ากันมากได้

เท่ากับว่าการสื่อสารระหว่างแกนนำกับผู้ชุมนุมถูก “ตัดขาด” ไปโดยปริยาย และทำให้ม็อบหน้าราบ 11 ไปเร็วกว่าที่คิด

Image

ยุทธศาสตร์ถูกแปรเป็นยุทธวิธีโดยชุด ปจว.ของหน่วยรบพิเศษ ที่มีประสบการณ์งานมวลชนในภาคใต้มาอย่างโชกโชน ผนวกกับเครื่องเสียงชั้นเลิศที่มีสนนราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน...ปฏิบัติการ ปจว.ที่สมรภูมิราบ 11 จึงราบคาบง่ายดายเกินคาด!!

พ.ท.กอสิน กัมปนยุทธ ผู้บังคับกองพันปฏิบัติการทางจิตวิทยา เผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ใช้กำลัง 2 ชุด ชุดแรก อยู่ตรงทางเข้า ร.11 รอ. ส่วนชุดที่สอง ปักหลักอยู่ที่ ร.11 พัน.2 รอ.

ส่วนกลยุทธ์ในการเอา ชนะใจมวลชนจะต้องพูดไม่ให้เกิด "เงื่อนไข" ที่จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี แต่จะเลือกพูดแต่สิ่งที่ดีๆ ทำให้เกิดความรักความเข้าใจกัน

จ.ส.อ.สุรชา พระพลศรี สังกัดกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 เสริมว่า เคล็ดลับในการพูดกับผู้ชุมนุมต้องสร้างความเป็นกันเองให้ได้เสียก่อน แต่จะไม่พูดถึงเรื่อง "การเมือง" เด็ดขาด

ที่สำคัญต้องคิดว่าผู้ชุมนุมเหมือนญาติพี่น้องของเรา ส่วนการใช้ "ภาษาถิ่น" ก็เพื่อให้เกิดความรู้สึกเสมือนพวกเดียวกัน

จ.ส.อ.บุญธรรม แก่นแก้ว ชุด ปจว.สังกัดเดียวกัน ย้ำว่า เมื่อเขาเป็นไฟ เราต้องเป็นน้ำดับไฟ ซึ่งในการปฏิบัติงานจะต้องใจเย็นที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง

นางสุนทริยา กาสา เจ้าหน้าที่กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 ซึ่งเว้าภาษาอีสานกับผู้ชุมนุม บอกว่า ที่เลือกพูดภาษาอีสาน เพราะเห็นว่าผู้ชุมนุมมาจากภาคอีสานเยอะจึงไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบประสาคนบ้านเดียวกัน

ส่วนการใช้เสียงผู้ชายอย่างเดียวก็แข็งเกินไปจึงใช้เสียง ผู้หญิงมาเบรกอารมณ์ ซึ่งถือว่าน่าพอใจที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย...สุดท้ายก็ไม่มีการปะทะกันให้ เสียเลือดเนื้ออย่างที่วิตกกังวลกัน

ขอบคุณ "ทหารชุด ปจว." :lol: :lol: :lol:

รักในหลวง หวงแผ่นดิน
เกลียดเสื้อแดง จะรัฐบาล ม.แม้ว หรือ ม.มาร์ค ก็น่าผิดหวัง เลวพอๆกัน
ไปม๊อบมา ไปก็บอกว่าไป..ไม่ใช่ประเภท....ตุลาคมก็อยู่นะ(โกหก)
http://www.baanpud.net/forum/index.php....http://www.prachathon.org/forum/
User avatar
noway2know
 
Posts: 7750
Joined: Thu May 20, 2010 12:19 am

PreviousNext

Return to สภากาแฟ



cron