พบปืนทราโว่ของทหารที่หายไปในห้องของ นปช ข่าวรอยเตอร์กรุงเทพฯ 27 พ.ค.53-พลตำรวจโทสัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการตรวจค้นโรงแรมสวัสดี ซอยหลังสวน 5 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน หลังสืบทราบว่าแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.และชายชุดดำเข้าพักอาศัยระหว่างชุมนุมการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
จากการตรวจค้นพบปืนทราโว่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ถูกยึดไประหว่างผลักดันผู้ชุมนุมที่บริเวณสี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .223 มม.จำนวน 98 นัด ดาบปลายปืน 1 เล่ม เสื้อคลุมของเจ้าหน้าที่กาชาด 1 ตัว อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กระสุนปืนเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด วิทยุสื่อสาร กางเกงลายพรางทหารเสื้อยืดสีดำและของกลางอื่น ๆ อีกหลายรายการสำหรับปืนทราโว่และปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ เจ้าหน้าที่พบซุกซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำภายในห้องพักเลขที่ 407 ส่วนของกลางอื่น ๆ ค้นพบบริเวณกำแพงเชิงบันไดหนีไฟชั้น 2 ของโรงแรม อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าโรงแรมดังกล่าวมีนายพายัพ ปั้นเกตุ และนายขวัญชัย ไพรพนา เข้าพักอาศัยซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอจากของกลางที่ยึดได้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไปนอกจากนี้พลตำรวจโทสัณฐาน ยังแถลงผลจับกุมนายคำหล้า ชื่นชม อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ กทม. พร้อมของกลางหมวกนิริภัยและเสื้อยืดคอกลมสีดำ ชุดที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมทั้งชิงเอาอาวุธปืนเอ็ม 16 หลบหนีไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้าระงับเหตุความรุนแรง บริเวณสามเหลี่มดินแดง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม2553จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้เข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง และร่วมกันผู้ชุมนุมคนอื่นๆก่อเหตุชิงปืนเอ็ม 16 ของทหารจริงโดยนำไปทิ้งในคลองสามเสนบริเวณหน้าโรงแรมเซนจูรี่ปาร์ค ซึ่งพลตำรวจโทสันฐานระบุว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ไปงมหาแล้วแต่ไม่พบตามคำให้การของผู้ต้องหาจึงคาดว่าน่าจะมีผู้ชุมนุมงมเอาอาวุธปืนดังกล่าวไปแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์กับนายคำหล้าพร้อมทั้งเร่งติดตามจับกุมผู้ที่ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป.
นายโชคอำนวย สุรการ - การ์ด นปช.เผยเพิ่งออกจากคุกในข้อหาพยายามฆ่าเมีย ยังไม่มีงานทำ จึงคิดจะเข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง
วันนี้( 17 พ.ค.) ร.ต.ท.ยุทธศิลป์ พละสาร พนักงานสอบสวน สน.พญาไท รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ตั้งด่านบริเวณหน้าโรงแรมเอเซีย ซอยมหานาค แขวงและเขตราชเทวี ว่าได้จับกุมตัว นายโชคอำนวย สุรการ อายุ 43 ปี พร้อมอาวุธปืนปากกาและกระสุน .38 วิทยุสื่อสาร กล้องถ่ายรูป ผ้าพันคอ นปช. หมวกไอ้โม่งสีดำ โทรศัพท์มือถือ พร้อมด้วยรถ จยย. ยามาฮ่า รุ่น นูโว สีดำ ทะเบียน วกธ 192 กทม. จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.พญาไท
จากการสอบสวน นายโชคอำนวย ให้การว่า ตนเองเพิ่งออกจากคุกมาได้ประมาณ 2 เดือน ในข้อหาพยายามฆ่าภรรยาตนเอง โดยก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพขับรถรีมูนซีน แต่ตอนนี้ไม่มีงานทำ จึงคิดจะเข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยบอกกับภรรยาว่า จะไปร่วมชุมนุม 2 วัน และได้ยืมปืนปากกาของหลานมาจากบ้าน เพื่อมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ โดยตนอยากจะเป็นการ์ด นปช. แต่ก็ไม่ได้ไปสมัคร ส่วนวิทยุสื่อสารนั้น เพื่อนที่เป็นการ์ด นปช.ได้ฝากไว้
"ก่อนถูกจับกุมตนได้ขี่รถ จยย. จากภายในที่ชุมนุม โดยจะพาหญิงสาวที่รู้จักกันในที่ชุมนุมไปเที่ยวบริเวณย่านอนุสาวรีย์ แต่มาเจอทหารตั้งด่านตรวจ จึงถูกจับกุมดังกล่าว" นายโชคอำนวย กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่ สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในครอบครอง และทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป.
ขยายผลจากการจับกุมนายโชคอำนวย
ศอฉ.แฉM67บ้านเมียการ์ดแดงโยงบึ้มกรุงพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (โฆษก บช.น.) แถลงผลการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่า จากการขยายผลการดำเนินคดีต่อเนื่องกรณีจับกุมนายโชคอำนวย หรือนายโชค สุรการ เป็นการ์ด นปช. ผู้ต้องหาที่ถูกจับเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา พบมีอาวุธปืนปากกา และเอกสารอื่น ถูกดำเนินคดีมีอาวุธปืนที่น่าสนใจคือวันที่ถูกจับมีนางพะยอม หนูสูงเนิน ภรรยาอยู่ด้วย แต่หลักฐานไม่ถึงจึงไม่ได้ควบคุมตัว แต่ต่อมาในวันที่
18 พ.ค. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านนางพะยอมและพบหลักฐานสำคัญหลายรายการ เช่น ระเบิดเอ็ม 67 ปรากฏว่าระเบิดเหล่านั้นมีตำหนิมีการขูดลบหมายเลขในกระเดื่องด้วยปากกาเมจิ สีน้ำเงิน ซึ่งนางพยอมรับว่าเป็นของนายโชคอำนวยมาฝากไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนางพยอมไว้เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พนักงานสอบสวนนำหลักฐานมาพิสูจน์และตรวจสอบเทียบ เคียงกับหลักฐานที่พบจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.-19 พ.ค.ก็พบว่าระเบิดเอ็ม 67 ที่พบในบ้านของนางพะยอมมีพยานหลักฐานตรงกันกับเหตุระเบิดที่เกิดบ่อยครั้งใน ช่วงนั้น เช่น เหตุระเบิดแขวงการทางธนบุรีบางพลัด วันที่ 23 มี.ค. และวันที่ 24 มี.ค. เหตุระเบิดกรมบังคับคดีบางขุนนนท์ วันที่ 26 มี.ค. ระเบิดที่สำนักงานอัยการสูงสุด ระเบิดหน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 บริเวณหน้าบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ครั้ง หน้ามูลนิธิรัฐบุรุษ หน้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที บริเวณสวนลุมไนท์พล่าซ่า รวม 7-8 ครั้ง เป็นลักษณะเดียวกันทั้งหมด และมีพยานหลักฐานยืนยันนอกจากนี้ยังพบหลักฐานยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับการจับคนร้าย 2 คน คือ นายบัณฑิต สิทธิชุม และนายสุมนัฐ ปุนละเวศ กรณียิงอาร์พีจีเข้าใส่กระทรวงกลาโหมและวัดพระแก้ว ซึ่งระเบิดที่ปรากฏในรถของคนร้าย ส่วนหนึ่งมาตรงกับระเบิดในบ้านนางพะยอมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจสรุปการจับกุมหลักฐานดังกล่าวไว้ 3 ประเด็น คือ 1.แหล่งที่มาของระเบิดทั้งหมดน่าจะมาจากแหล่งเดียวกัน 2.กลุ่ม นปช.ที่จับได้น่าจะเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง และ 3.คนร้ายเริ่มใช้ระเบิดตั้งแต่ก่อนการชุมนุมใช้ต่อสู้เจ้าหน้าที่จนถึงวัน ที่ 19 พ.ค. ซึ่งทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าระเบิดบ่อยครั้งเป็นการดำเนินการเป็นระบบอย่างต่อเนื่องขณะที่ในส่วนคดีที่ศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 4 คน กรณีคนร้ายวางเพลิงเซ็นทรัลเวิร์ล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงครามได้จับกุมตัวตามหมายจับ ซึ่งพลเรือนดีแจ้งมา ชื่อนายสายชล แพบัว โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นคนเดียวกับภาพถ่าย อยู่ในสถานที่เกิดเหตุและร่วมชุมนุมจริง แต่ปฏิเสธประเด็นการวางเพลิง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ดีเอสไอต่อไป
ในส่วนของกองปราบปราม ได้รายงานผลปฏิบัติเพิ่มเติม คือ แกนนำที่มอบตัววันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะนี้ครบรอบควบคุมตัวครั้งที่ 3 คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายนิสิต สินธุไพร นายวิภู แถลงพัฒนภูไท นายขวัญชัย ไพรพนา วันนี้ได้ขออนุมัติศาลควบคุมตัวต่อตั้งแต่วันที่ 9-15 มิ.ย. ซึ่งศาลอนุมัติ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้จับกุมคนร้ายคดีเกี่ยวกับความมั่นคง 7 ราย คือ 1.นายชัชวาล ศรีจำปา ซึ่งพบว่ามีหลักฐานลอบวางเพลิง 3 แห่ง คือ ศาลากลางอุบลราชธานี ธนาคาร และหน้ากองบิน 1 จ.อุบลราชธานี 2.นายมานพ วิเศษประสิทธิ กรณีวางเพลิงที่อุบลราชธานี 3.น.ส.พัชรมล เพชรงาม ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ จ.อบุลราชธานี 4.นายยุทธพงษ์ ทองคำ หมายจับก่อความวุ่นวายในวันชุมนุม ขณะนี้ควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี 5.นายสมบัติ มากทอง มีข้อมูลเป็นกลุ่มการ์ด นปช.ที่ใช้ความรุนแรง ขณะนี้ควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ อ.ชะอำ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 6.นายสายชล แพบัว เผาเซ็นทรัลเวิร์ด และ 7.นายโชคอำนวย ซึ่งจะมีข้อหาเพิ่มเติม
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาทำความผิดตามพรก.ฉุกเฉินฯ และกฎหมายอาญา ซึ่งถูกควบคุมอยู่ในพื้นที่ กทม. ของ บช.น.ทั้งสิ้น จำนวน 221 ราย โดยควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯแจ้งวัฒนะ และตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 40 รายถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ ปทุมธานี สมุทรปราการ และอยุธยา และตำรวจภูธรภาค 3 จำนวน 34 ราย อยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 105 นายอยู่ที่เรือนจำขอนแก่น มุกดาหาร และอุดรธานี , ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 20 ราย อยู่ที่เรือนจำเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตำรวจภูธรภาค 7 อยู่ที่เรือนจำ นครปฐม รวมทั้งสิ้น 422 ราย สำหรับตำรวจในพื้นที่อื่น ไม่มีการควบคุมตัว คือตำรวจภูธรภาค 2 (ตะวันออก) และ ตำรวจภูธรภาค 6 (ภาคเหนือตอนล่าง) รวมถึง ตำรวจภูธร ภาค 8 และ 9 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับบุคคลสูญหาย ที่ญาติได้เข้าไปแจ้งความกับทุกสถานีตำรวจ 1,400 กว่าสถานี ซึ่งขณะนี้มีมาแจ้งความเจ้าหน้าที่จำนวน 20 คนโดยมีหลักฐานและญาติยืนยัน กระจายทั้ง ตำรวจภูธร ภาค 1-2-3 ซึ่งในส่วนนี้มีรายชื่อที่ถูกดำเนินคดีเพียง 1 ราย และ มีหมายจับ 1 คน คือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อย่างไรก็ตาม ได้มีการเปรียบเทียบกับข้อมูลของมูลนิธิกระจกเงาหรือพรรคฝ่ายค้าน ที่ระบุว่ามีผู้สูญหายทั้งหมด 74 ราย ซึ่งตัวเลขจะแตกต่างกันระหว่างยอดของ ศอฉ.และมูลนิธิกระจกเงา
ที่ประชุม ศอฉ. ได้มอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหนังสือไปที่มูลนิธิกระจกเงาขอรายชื่อทั้งหมดเพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าสูญหายจริงหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการพิสูจน์ทราบ และตามหา หากไม่ได้สูญหายจริงก็ต้องดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จ รวมถึงประชาชนที่ไปแจ้งความกับมูลนิธิกระจกเงา และที่อื่นๆ ว่ามีคนสูญหาย ก็ให้มาแจ้งกับสถานีตำรวจที่ใกล้บ้านที่สุด โดยวันพรุ่งนี้ (9 มิ.ย.)กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะนำรายชื่อผู้สูญหายทั้งหมดขึ้นเว็บไซต์เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อมูลได้ ซึ่งขณะนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวบรวมรายชื่อเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำขึ้นสู่เว็บไซต์แล้ว
http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/33105/%E0%B8%A8%E0%B8%AD-%E0%B9%81%E0%B8%89M67%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87ดีเอสไอ เผยมือบึ้มวัดพระแก้วรับ 5 แสน เปิดแผนการเสื้อแดงหวังก่อวินาศกรรมสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญ พร้อมเชิญสอบเพิ่มอีก 3 ราย พบเป็นตำรวจเคยก่อเหตุทุบรถนายกฯที่ พัทยาเมื่อเวลา 21.00 น. ที่กรมทหาราบที่ 11นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผ่านรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบ การสืบสวนสอบสวน คดีพิเศษ กรณีการก่อการร้ายที่เกี่ยวกับความไม่สงบในบ้านเมืองขณะนี้ กรณีการจับกุมคนร้ายใช้เครื่องยิงระเบิด อาร์พีจี ยิงใส่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว แต่เกิดผิดพลาด สืบเนื่องจากมเอวันที่ 20 มีนาคม เวลาประมาณ 22.00 น เกิดเหตุคนร้าย ใช้อาวุธสงครามยิงใส่บริเวณกระทรวงกลาโหม เขตพระนคร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1ราย และสานโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย
จากการสืบ สวนสอบสวนที่นำโดย พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต. จักรทิพย์ ชัยจินดา และพล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ทำให้สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ 2 รายตามหมายจับของศาลอาญา คือ
1.ส.ต.ต. บัณฑิต สิทธิทุม ซึ่ง ออกจากราชการไปนานกว่า 10 ปี อายุ 43 ปี 2.นายศุภณัฐ หุลเวช หรือโก้ โดยกล่าวหาว่าทั้ง 2คนร่วม กันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนคือเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี ที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังได้อาศัยอำนาจตาม พรก.ฉุกเฉินเชิญตัวบุคคลอีก3ราย เพื่อทำการซักถาม
1.นายภาสกร หรือสมนึก ศิริรัตน์ อายุ 50 ปี
2.นายวายุภักดิ์ โนรี อายุ 48 ปี และ
3.พ.ต.ท. ศุภชัย ผุยแก้วคำ อายุ 39 ปี ซึ่งเคยโดนคดีก่อเหตุทุบรถ นาย อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่พัทยา
นาธาริต กล่าวต่อว่า ผลจากการสอบสวน ปรากฏว่า
-ส.ต.ต. บัณฑิต ผู้ต้องหาที่1 เป็นเพื่อนกับพ.ต.ท.ศุภชัย ซึ่งมีภรรยาเป็นแกนนำคนเสื้อแดงพัทยา โดยส.ต.ต.บัณฑิต มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธสงครามจากการรับราชการในเขตชายแดน ได้ทำหน้าที่ขับรถและดูแลความปลอดภัยให้กับนาง จุรีพร สินธุไพร ภรรยาของพ.ต.ท.ศุภชัย -ส.ต.ต. บัณฑิต ให้การรับสารภาพ ในวันนี้เมื่อถูกจับกุมว่าได้เดินทางเข้าทกทม.พร้อมกับนางจุรีพร เพื่อเจ้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้า ซึ่งพ.ต.ท.ศุภชัยบอกว่าการจะร่วมต่อสู้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคนเสื้อแดงจะต้องก่อวินาศกรรมสถานที่สำคัญของทางราชการหรือสถานที่สำคัญที่ประชาชนยึดเหนี่ยว จึงได้สั่งการให้เตรียมระเบิดอาวุธสงครามและยานพาหนะ พ.ต.ท.ศุภชัย ได้ให้นำเครื่องยิงอาร์พีจี ไปยังที่เกิดเหตุ และได้มอบเงินเป็นค่าตอบแทน 5 แสนบาทต่อมาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ส.ต.ต.บัณฑิต ได้ร่วมมือกับพวก ร่วมกันกระทำความผิด โดยยิงลุกระเบิดอาร์พีจี มีเป้าหมายคือ วันพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว แต่ เป็นโชคดีของบ้านเมืองหัวระเบิดไปติดสายไฟที่อยู่ใกล้จึงไม่ถูกเป้า จึงรีบทิ้งอาวุธปืนไว้ในรถแล้วหลบหนีไป“ผมในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีก่อการร้ายซึ่งเกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ขณะนี้และในฐานะคณะกรรมการศอฉ.ของวิงวอนประชาชน อย่าได้เข้าไปในบริเวณที่ชุมนุมที่เป็นการชุมนุมโดเยผิดกฎหมายของบ้านเมือง ขณะนี้เพื่อหลีกเหลี่ยงเหตุร้ายที่จะเกิดภัยอันตรายทั้งชีวิตร่างกายและ ทรัพย์สิน และในโอกาสนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทวงยุติธรรม ใคร่ของความร่วมประชาชนแจ้งเบาะแสแหล่งคนร้ายที่หลบซ่อน ที่พักพิง หรือมีอาวุธร้ายแรงต่างๆ หากได้พบเบาะแสต่างๆของให้แจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ 1202 ทางกรม สอบสวนคดีพิเศษจะรีบติดต่อประสานงาน และจะมีมาตรการดูแลในการคุ้มคอรงพยาน และความร่วมมือของแประชาชนในครั้งนี้จะช่วยระงับเหตุร้ายของบ้านเมืองตอนนี้ ได้เป็นอย่างดี” นายธาริตกล่าว
http://www.posttoday.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/25753/%E0%B8%A8%E0%B8%AD%E0%B8%89-%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7
บุกค้นบ้าน"ศุภชัย" ยึดเอกสาร โยงแก๊งอาร์พีจีดีเอสไอนำกำลังบุกค้นบ้านพัก "พ.ต.ท.ศุภชัย" โยงแดงพัทยา ผู้ต้องสงสัยจ้างวาน "ส.ต.ต." นอกราชการ ใช้อาร์พีจียิงถล่มวัดพระแก้วฯ ค่าจ้าง 5 แสนบาท พร้อมยึดเอกสารจำนวนหนึ่ง
จากกรณีผลการสืบสวนสอบสวน ปรากฏว่า ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ อายุ 41 ปี พงส.(สบ 3) สภ.พัทยา ซึ่งมีภรรยา คือ นางจุรีพร สินธุไพร ซึ่งเป็นแกนนำเสื้อแดงพัทยา โดย ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม มีความเขี่ยวชาญด้านการใช้อาวุธสงครามจากการรับราชการเขตชายแดน ทำหน้าที่ขับรถให้ นางจุรีพร ภรรยา พ.ต.ท.ศุภชัย และดูแลความปลอดภัยให้นาง นางจุรีพร โดย ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม สารภาพว่า เดินทางเข้ากทม.พร้อมนางจุรีพร เพื่อร่วมชุมนุมกับกลับกลุ่มเสื้อแดงผ่านฟ้าฯ ซึ่ง พ.ต.ท.ศุภชัย บอกว่า การจะร่วมต่อสู้ต้องก่อวินาศกรรมสถานที่สำคัญทางราชการ หรือสถานที่สำคัญที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชน จึงสั่งเตรียมอาวุธสงครามและยานพาหนะ โดย พ.ต.ท.ศุภชัย ให้นำเครื่องยิงอาร์พีจีไปที่เกิดเหตุและมอบเงินเป็นค่าตอบแทนให้ 5 แสนบาทเพื่อเป็นค่าตอบแทน ที่ตามได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้า
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 1 พ.ค.นายประวิช ชัยบัวแดง เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผกก.สภ.เมืองพัทยา นำกำลังตำรวจ กว่า 20 นาย บุกเข้าตรวจค้นที่บ้านพักของ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองพัทยา เลขที่ 80/60 หมู่บ้านแปซิฟิค พัทยาเหนือ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อค้นหาหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับคดี
โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักสูง 2 ชั้น หน้าบ้านมีบ้านชื่อ “บ้านตำนานคนอีสาน” พบเพียงนางทองปอน ภูดวงจิต อายุ 62 ปี ญาติของ พ.ต.ท.ศุภชัย อยู่ในบ้านกับหลานสาวอีก 2 คน โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาตรวจค้นอยู่นาน 30 นาที และสามารถยึดเอกสารจำนวนหนึ่งไว้ แต่ไม่เป็นการเปิดเผย
นางทองปอน เปิดเผยว่า ตนเป็นเพียงคนดูแลบ้านเท่านั้น ส่วนนางจุรีพร สินธุไพร ภรรยา พ.ต.ท.ศุภชัย ไม่อยู่บ้าน และตนเพิ่งจะเดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา เมื่อคืนที่แล้ว จึงทำให้ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก โดยขณะที่ตำรวจตรวจค้นก็มีเพียงนางธนกมล น้ำจันทร์ อายุ 49 ปี เพื่อนบ้านมาช่วยดู ซึ่งทางตำรวจได้ยึดเพียงเอกสารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผกก.สภ.เมืองพัทยา ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพนักงานสอบสวนชั้นสัญญาบัตร 3 ( สบ.3 ) เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ในเบื้องต้นทาง สภ.เมืองพัทยาได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมา 1 ชุด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และรอคำสั่งทาง ตำรวจภูธร ภาค 2 ว่าจะสั่งการให้ดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับตัว พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ต่อไป
http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B9%8C/%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2/25861/%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%A2%E0%B8%B6%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3เผยชื่อ22รายที่บช.ก.จับกุมได้แล้ว
ข่าวแจ้งว่าการดำเนินการและผลการปฏิบัติหมายจับและควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ในความรับผิดชอบของคณะพนักงาน สืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ที่ 145/2553 ซึ่ง พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน สรุปผลการดำเนินการ 1.ผู้ต้องหาตามหมายจับถูกจับกุมแล้ว 22 ราย ประกอบด้วย 1.นายเหวง โตจิราการ 2.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 3.นายนิสิต สินธุไพร 4.นายวีระ มุสิกพงศ์ 5.นายก่อแก้ว พิกุลทอง
6.นายขวัญชัย ไพรพนา 7.นายวิภูแถลง พัฒนภูไท 8.พล.ต.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล(เสียชีวิต) 9.นางวิกานดา ปักกาสัง 10.น.ส.รัศมี มาลาม
11.น.ส.ดวงมณี บุญรัตน์ 12.นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง 13.นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก 14.นาง ศิริวรรณ นิมิตศิลป์ 15.นายเมธี อมรวุฒิกุล
16.นายเชน แขนสันเทียะ 17.นายชยุต ไหลเจริญ 18.นายวายุภักดิ์ โนรี 19.นายภาสกร หรือสมนึก ศิริรักษ์
20.พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ 21.นายเรืองอำนาจ พุทธิวงศ์ และ22.นายมีชัย สินนาค
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1274702945&catid=01