กองเชียร์ไม่ต้องเถียงกัน
พวกเขาปรองดองกัน ในไมตรีซึ่งกันและกัน ผู้สมัครพรรคปชป.ชู นโยบายพรรค-สานต่อ"ทิวา"
ลงพื้นที่ไม่หวั่นถูกทุบรถ ขอบคุณ"สนธิลิ้ม"หนุนนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเขต 6 พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 1 กล่าวถึงนโยบายในการหาเสียงว่า สิ่งที่ตนต้องการสื่อคือ เลือก ส.ส.เข้าไปทำหน้าที่อะไร ส.ส.ต้องสามารถประสานกับหน่วยงานต่างๆ ได้ และในฐานะที่ตนเคยเป็นรองผู้ว่าฯกทม.ก็จะนำประสบการณ์ที่ได้มาปรับใช้ใน พื้นที่ ทั้งนี้ตนจะไม่ไปตอบโต้ในเรื่องการเมือง หรือโยงเอาปัญหาการชุมนุมมาเป็นตัวกำหนดให้ประชาชนในเขต 6 ตัดสินใจเลือกคนมาทำงาน และตนยังเชื่อและเน้นเรื่องการปรองดอง โดยจะชี้แจงว่าขณะนี้มีคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องอยู่แล้ว
ตนคงไม่ไปชี้แจงว่าใครทำอะไรผิด หากมีการพูดโจมตี หรือหมิ่นประมาท โดยไม่มีหลักฐานคิดว่า ศอฉ.และกกต.ก็คงจะตรวจสอบและตัดสินว่าสิ่งที่พูดเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในการหาเสียงครั้งนี้ ตนจะเน้นชูนโยบายของพรรค และผู้ว่าฯ กทม.ที่จะนำมาพัฒนาคุณภาพชีวิต และรายได้ประชาชนใน เขต 6 ให้ดีขึ้น เช่น ในเรื่องการศึกษา การผลักดันรถไฟสายสีส้ม เป็นต้น รวมทั้งนำนโยบายของนายทิวา เงินยวง มาสานต่อ
นอกจากนี้ ในสมัยที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯกทม. เรื่องข้อมูลในพื้นที่ตนมีอยู่แล้ว และยังมีผลงานการนำน้ำประปาเข้ามา การให้บริการที่เขตเบ็ดเสร็จ และในขณะที่เป็น ผช.รมว.ต่างประเทศ มีโอกาสเป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมประชุมโอไอซี ได้ล็อบบี้ประเทศต่างๆ ไม่ให้นำปัญหา 3 จว.ชายแดนภาคใต้ของไทยเข้าพูดคุยในเวทีโอไอซี สุดท้ายก็ถูกปัดจากโต๊ะไป ที่สำคัญยังได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งกงสุลฮัจย์ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นผลสำเร็จ
"ยอมรับว่าสิ่งที่ผมได้เปรียบในพื้นที่ คือ หลายคนยังรักอาจารย์ทิวา แต่เมื่อท่านเสียชีวิตก็ต้องมีคนมาแทน และผมประเมินว่า คนที่จะเป็นคู่แข่งของผม ต้องเป็นคนที่รู้พื้นที่กทม. ไม่คิดว่าจะเจอนักการเมืองอีกรูปแบบหนึ่งที่ขับเคลื่อนในสภา ซึ่งเขาอาจพร้อมทุกอย่าง แต่ลงพื้นที่หาเสียงไม่ได้ การที่จะเป็นผู้แทนราษฎร ต้องลงพื้นที่สัมผัสประชาชน แต่สิ่งที่เขาเลือกจะไม่ลงพื้นที่โดยใช้กระแสการเมืองระดับชาติ เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ทำ" นายพนิช กล่าว
นายพนิช ยังกล่าวยืนยันว่า ตนไม่รู้สึกกดดันในการลงเลือกตั้งซ่อมเขต 6 แม้จะมีคนประเมินว่าชนะเสมอตัว แพ้เสียหน้า ตนทำเต็มที่ถูกต้องตามกฎหมาย และภาพของตน คือ ขยัน เข้มแข็ง ถึงลูกถึงคน อยากบอกประชาชนว่า การเลือกตั้งต้องคิดเยอะๆ ดูดีๆ เลือกคนดีเข้าสภา เพราะวันนี้เป็นสนามแข่งขันระดับชาติ คุณสมบัติผู้สมัคร และการให้เกียรติประชาชน จะเป็นตัวตัดสิน ดังนั้นตนจึงลงพื้นที่หนักมาก และถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี ประชาชนให้ความสนใจการเมืองมาก แต่ก็ยอมรับว่าได้รับแรงต้านจากประชาชนบางส่วนที่ขยำโบชัวร์ของตนทิ้ง ทั้งนี้เชื่อว่ากระแสจัดตั้งก็เป็นอีกส่วน ซึ่งตนคงไม่ไปประเมิน แต่ก็ไม่ประมาทในช่วงเวลาที่เหลืออยู่น้อยมาก และรู้สึกเป็นการเลือกตั้งที่ตรงกับช่วงวันหยุดยาว ซึ่งรัฐบาลก็ต้องรณรงค์ให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้าให้มากในวันที่ 18 ก.ค.นี้ หากประชาชนใช้สิทธิ์ได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ประชาธิปไตยก็จะเข้มแข็ง
นายพนิช ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกทุบรถว่า ตนเชื่อว่า คนในพื้นที่ไม่มีปัญหา จะมีก็แต่นอกพื้นที่ เพราะคนกทม.อึดอัด เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ควรจะมีสิ่งเหล่านี้อีก ส่วนจะต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือไม่นั้น ตนคิดว่า ศอฉ.คงจะมีหน่วยงานดูแลรับผิดชอบระดับหนึ่ง แต่โดยส่วนตัวคงไม่มีอะไรพิเศษ แต่ก็ระมัดระวังตัวในการลงพื้นที่ เพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยระบุว่ามีการฮั้วกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองใหม่ ที่ถอนตัวไม่ส่งผู้สมัครนั้น นายพนิช กล่าวว่าตนไม่เคยคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องไปขอร้องใคร เพราะเรามีนโยบายอยู่แล้ว และไม่คิดว่าจะต้องมีพรรคเดียวที่ลง การที่พรรคการเมืองใหม่ถอนตัวก็ต้องไปถามเขาเอง ตนยังมั่นใจว่าประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องไปฮั้วกับใคร ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ระบุให้โหวตเลือกประชาธิปัตย์นั้น นายพนิช กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนายสนธิที่สนับสนุนตน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะนายสนธิเชื่อในนโยบายพรรค หรือเห็นผลงานประสบการณ์ของตน เมื่อถามว่าได้สอบถามนายกฯหรือไม่เหลือเวลากี่เดือนยุบสภา นายพนิช กล่าวว่า ขณะนี้กฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาแล้ว ไม่ว่าจะอยู่กี่ปี กี่เดือน ก็ต้องออกมา เพราะไม่รู้จะยุบสภาเมื่อไหร่ แต่โดยส่วนตัวตนตั้งใจจะอยู่จนสิ้นสภาชุดนี้ หากอยู่ไม่ได้ ก็ยินดีมาลงสมัครในพื้นที่นี้ เพราะครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และเป็นจุดที่ตนชอบเพราะต้องการพัฒนาพื้นที่ที่ขาดแคลน
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20100629/340414/%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%A1.%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99.htmlแถมด้วยข่าวเก่า
ปชป.ขอบคุณ กระแส พธม.ได้ส.ส.เพิ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลภาคกลาง กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2552 ที่ผ่านมาว่า พรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครในพื้นที่ภาคกลาง 6 คน ได้มา 5 คน ถือว่าน่าพอใจ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าทีมงานหาเสียงได้ลงพื้นที่จริงๆ อีกทั้ง ยังได้แรงสนับสนุนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ส่วนภาคเหนือที่ได้มา 1 เก้าอี้ ต้องยอมรับว่ากระแสพรรคดีขึ้นมาก
และต้องยอมรับความจริงว่า ส่วนหนึ่งได้รับกระแสจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย ซึ่งต้องขอบคุณพันธมิตร ไว้ในโอกาสนี้ด้วยผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิเกิดในจ.สุพรรณบุรี หรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ถ้าดูคะแนนที่สนับสนุนนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย สะท้อนถึงความผูกพันในตัวบุคคล ต่างกับที่คนใต้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ที่มองว่าพรรคเป็นสถาบัน ดังนั้นตราบใดที่นายบรรหารยังอยู่ คนสุพรรณบุรีก็ยังเลือก แต่ตามแนวทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ต้องสู้
http://tnews.teenee.com/politic/31335.html