ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

เรื่องการเมือง เชิญที่นี่เลยครับ
Forum rules
- ห้ามใช้คำพูดหยาบคาย
- ห้ามโพสกระทู้หรือข้อความที่ดูหมิ่นเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด

เชิญทุกท่านเข้าสู่บอร์ดใหม่ได้ที่ http://webboard.serithai.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ viewtopic.php?f=2&t=44976 ครับ

ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 12:52 pm

ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี)

ดร.โสภณ พรโชคชัย (http://www.facebook.com/pornchokchai)
25 กรกฎาคม 2553

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ศกนี้ มีเพื่อนใน facebook แนะนำให้ผมฟังบทสัมภาษณ์ “ฝ่าวิกฤติการเมืองไทย” ของพระมหาวุฒิชัย ซึ่งให้สัมภาษณ์ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และกำลังมีการต่อสู้ทางการเมืองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผมก็เพิ่งเคยฟังบทสัมภาษณ์นี้ ซึ่งปรากฏใน http://video.mthai.com/player.php?id=0M1221149318M0

ผมฟังความเห็นทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัยแล้ว จึงขออนุญาตแสดงความเห็นทั้งนี้เพื่อช่วยกันมองให้รอบด้าน และส่งเสริมการปุจฉาวิสัชนาเพื่อให้เกิดสังคมอุดมปัญญา ท่านที่สนใจร่วมให้ความคิดเห็นก็โปรดแสดงด้วยความสำรวมและช่วยกันพิจารณาในด้านเนื้อหาเป็นสำคัญ เพราะผู้ให้สัมภาษณ์เป็นพระสงฆ์ และแม้เป็นพระหนุ่มระดับมหาคราวลูกอายุเพียง 35 ปี แต่ทุกคนก็ควรแสดงความเคารพผ้าเหลืองด้วย ความเห็นของผมเป็นดังนี้ครับ

1. พิธีกรไปถามพระ ๆ ก็ต้องนึกถึงทางออกด้านพุทธศาสตร์ที่รำเรียนมาเป็นสำคัญ ถามนักเศรษฐศาสตร์ นักรัฐศาสตร์ ก็ได้มุมมองจากพื้นฐานความรู้นั้น ๆ แต่ว่าแต่ละศาสตร์โดด ๆ ก็คงไม่สามารถนำมาแก้ไขปัญหาการเมืองได้ การบอกว่านักการเมืองไม่มีธรรมะ แล้วในประเทศตะวันตกที่ไม่ได้นับถือพุทธศาสนา เขามีธรรมะข้อไหน ถ้าบอกว่าศาสนาอื่นก็มีธรรมะของพุทธแฝงอยู่ หรือว่าพุทธศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งของศาสนาอื่นหรืออย่างไร

2. ที่พระมหาวุฒิชัยบอกทำนองว่า (คณะราษฎร์) เอาพระราชอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ได้เอาทศพิธราชธรรมของพระมหากษัตริย์มาด้วย จึงทำให้ขาดธรรมะ ข้อนี้เป็นคำพูดที่ฟังดูดี น่าสนใจ แต่ในความเป็นจริง กษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม ก็เหมือนนักการเมือง การที่พระมหาวุฒิชัยพูดในห้วงแหลมคมของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรก็เท่ากับต้องการตำหนิว่ารัฐบาลในขณะนั้นไม่มีทศพิธราชธรรม ซึ่งจะจริงหรือไม่ผมคงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้

3. เรื่องที่ว่าประชาชนไม่มีศักยภาพในการตัดสินใจ โดยยกตัวอย่างความเชื่อแต่เดิมว่าโลกแบน ถ้าให้ประชาชนผู้ไม่รู้วิทยาการออกเสียงในสมัยโบราณว่าโลกกลมหรือแบบ ส่วนใหญ่ก็ต้องออกเสียงว่าโลกกลม กรณีศิลปวิทยาการนั้น เราไม่สามารถถามเสียงส่วนใหญ่ เช่นในขณะนี้เราก็คงไม่สามารถถามคนส่วนใหญ่ว่าจะสร้างจรวดไปดวงจันทร์ได้อย่างไร ต้องถามนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก แต่ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นเรื่องของปุถุชน ทุกคนรู้เท่าทันกัน เสียงส่วนใหญ่ย่อมถูกต้องเสมอ <1>

เสียงส่วนใหญ่คือสัจธรรม อย่างผมทำอาชีพการประเมินค่าทรัพย์สิน ผมทราบความจริงอย่างหนึ่งว่า ประชาชนส่วนใหญ่คือเสียงสวรรค์ คือความถูกต้อง ในตลาดเปิดทั่วไป ถ้าคนส่วนใหญ่ซื้อบ้านในราคาหนึ่ง ราคานั้นก็จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง ในความเป็นจริงอาจมีข้อมูลที่สูงหรือต่ำผิดปกติ (outliers) อยู่บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย อย่างไรก็ตาม “กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น” เช่น เสียงส่วนใหญ่ของโจรย่อมใช้ไม่ได้ แต่โจรก็ยังเป็นคนส่วนน้อยในสังคม

4. การที่บอกว่าประชาชนไม่มีศักยภาพ ในแง่หนึ่งอาจเป็นการให้ท้ายกับพวกเผด็จการรัฐประหาร ให้มาตัดสินใจแทนประชาชนโดยอ้างว่าประชาชนไม่มีศักยภาพอยู่ร่ำไป และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็มาโกงกิน เห็นได้ชัดตั้งแต่สมัยสฤษดิ์ และสามทรราช อาจรวมทั้ง รสช. หรืออาจรวม คมช. ด้วยก็ได้ มีใครเชื่อได้โดยสนิทใจว่ารัฐมนตรีในยุคสุรยุทธ์ใสสะอาดกว่ายุคอื่น

5. การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว

6. การอ้างว่า “Paris Hilton” ที่ได้รับการประกันตัวก็ยังต้องเข้าคุกอีกครั้งเพราะมีเสียงประชาชนไม่เห็นด้วย เรื่องนี้ศาลสหรัฐอเมริกาคงไม่ได้ตัดสินอะไรตามกระแสของสังคมเช่นที่พระมหาวุฒิชัยให้สัมภาษณ์ จากการค้นหาข้อมูลเบื้องต้น ไม่พบเรื่องการขอประกันตัวดังกล่าว แต่เป็นการขออภัยโทษ และจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วยกับการขออภัยโทษกับผู้ที่เห็นด้วยก็มีจำนวนนับหมื่น ๆ คนพอ ๆ กัน ไม่ใช่มีแต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด <2> อย่างไรก็ตามโดยนัยหนึ่ง การกล่าวอ้างเรื่องนี้ของพระมหาวุฒิชัยเป็นส่งสัญญาณให้รัฐบาลฟังเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กำลังเรียกร้องอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง

7. พระมหาวุฒิชัยบอกว่าถ้าจะแก้ปัญหาการเมืองเฉพาะหน้า ก็ต้องให้ทุกคนมีขันติธรรม สันติธรรม เมตตาธรรม นิติธรรม และสัจธรรม อันนี้ก็พูดกันไปครับ พูดอีกก็ถูกอีกอยู่นั่นเอง คือเหมือนกับบอกว่า ถ้าขาดความอดทนต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีขันติ ถ้าใจร้ายต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีเมตตา เป็นต้น ในที่นี้ถ้ายกหลักธรรมกันจริง ๆ ยังมีอีกหลายหลักธรรมที่ยกมาได้อีกเป็นโขยง เช่น มโนธรรม สัปปุริสธรรม ฆราวาสธรรม 4 อัปปมาทธรรม 7 พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และสังคหวัตถุ 4 เป็นต้น

8. พระมหาวุฒิชัยได้บอกว่าหลักการตัดสินใจนั้นมีอยู่ 3 อย่างคือ อัตตาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยยึดตนเองเป็นใหญ่จะทำให้เป็นทรราชได้ (เป็นการเตือน/ปรามรัฐบาลในขณะนั้น) โลกาธิปไตย เป็นการตัดสินใจโดยถือเสียงส่วนใหญ่ (ขณะนั้นรัฐบาลสมัครกุมเสียงส่วนใหญ่อยู่) ซึ่งก็ยังไม่ดีพอ และแนะให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของธรรมาธิปไตย โดยยึดธรรมะเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามหากไปค้นพระไตรปิฎกในส่วนของ “อธิปไตยสูตร” <3> ตามที่พระมหาวุฒิชัยอ้างถึง กลับปรากฏว่ามีสาระแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะพระไตรปิฎกสอนให้พระบรรลุธรรมโดยอาจพิจารณาจากตน จากโลกหรือจากธรรมเป็นสำคัญ ไม่ได้เกี่ยวกับการปกครองในทางโลกเลย

9. พระมหาวุฒิชัยได้ให้สัมภาษณ์ปิดท้ายว่าให้ทุกฝ่ายวางทิฐิลง เอาชีวิตของประชาชนไว้ดีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายถอยสักก้าวหนึ่ง การถอยของรัฐบาลก็คงหนีไม่พ้นการบอกเป็นนัยให้ยุบสภาหรือลาออก แต่ในสมัยพวกเสื้อแดงนับแสน ๆ ชุมนุมซึ่งมากกว่าพวกเสื้อเหลือง (ก่อนที่จะถูกหาว่าก่อการร้ายและมีอาวุธ) พระมหาวุฒิชัยก็ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นในลักษณะนี้เลย

ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับความเห็นของผม ก็ลองดูนะครับ ผมหวังว่าการเห็นต่างนี้คงจะมีประโยชน์เพื่อการทบทวน สอบทานและพัฒนาความคิดให้เหมาะสมกับความเป็นจริงยิ่งขึ้น แตกต่างทางความคิด คงไม่ใช่การแตกแยกนะครับ ที่สำคัญผมเคารพพระสงฆ์องคเจ้า และไหว้ผ้าเหลืองอยู่แล้วครับ แต่เราก็ควรใช้วิจารณญาณไตร่ตรองด้วยปัญญาเพิ่มเติม

อ้างอิง
<1> กาลามสูตร พ.ศ.2553: http://researchers.in.th/blog/006/3653

<2> โปรดอ่านเพิ่มเติมที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Hilt ... _jail_time

<3> พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 185 อธิปไตยสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby noona » Mon Jul 26, 2010 5:00 pm

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา :D ชาวพุทธอย่างเรา ๆ นิยมพิธีกรรมมากกว่า ที่จะใช้ความเพียรเพื่อให้เกิดสติ และปัญญา(ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะคะ)
User avatar
noona
 
Posts: 6433
Joined: Fri May 21, 2010 2:40 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby zereza » Mon Jul 26, 2010 5:15 pm

ธรรมะของพระพุทธองค์จะพูดที่ไหนพูดเมื่อไหร่ก็เป็นจริงเสมอ และไม่ว่าจะเอาเข้าไปจับกับเรื่องอะไรก็สามารถใช้ได้ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเมือง ดังนั้นในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง พระสงฆ์ก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองก็คือการชี้นำทางความคิด ดึงคนเข้าสู่วิถีทางแห่งปัญญา ผมก็ไม่เห็นว่าท่านจะทำเกินหน้าที่แต่อย่างใด ต่างกับพระบางจำพวกที่ถือไม้ถือธงออกตะลุมบอน อันนั้นผมถือว่าเกินหน้าที่ เรื่องคำพูดที่อ้างอิงมาผมเชื่อได้เลยว่าเอามาได้ไม่ครบ พระท่านพูดทุกวัน ท่านเทศน์ทุกวัน เนื้อหาจะมีแค่ที่เอามาได้อย่างไร นอกจากนี้ในเรื่องรายละเอียดทางปริยัติก็ป่วยการที่จะไปถกเถียงกันครับ
"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง"
"อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"
User avatar
zereza
 
Posts: 1312
Joined: Mon Apr 26, 2010 6:03 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby ปุถุชน » Mon Jul 26, 2010 5:48 pm

เข้ามาอ่านแล้วครับ....
ถ้าซอยคำถามและตั้งคำถามอย่างนี้
ต้องขอผ่านไปดีกว่า...
ไม่อาจจะใช้เวลาสั้นๆ
เรียงร้อยแสดงความคิดเห็นร่วมด้วย....
"ถ้าไม่มีการทุจริตตั้งแต่แรก เงื่อนไขการปฏิวัติก็คงไม่เกิด เพราะมันมีการแทรกแซงองค์กรอิสระตลอดเวลา ซึ่งการปฏิวัติก็เป็นการนำตัวคนผิดมาลงโทษ ผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคณะนิติราษฎร์จึงเสนอให้ถอยหลังไปแค่ 19 กันยา 2549".. อ.ไชยันต์ ไชยพร
User avatar
ปุถุชน
 
Posts: 11805
Joined: Mon Oct 13, 2008 5:19 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby ongard370 » Mon Jul 26, 2010 8:20 pm

ไม่ได้เข้ามาตอบ...แต่อยากถาม เคารพผ้าเหลือง...คืออะไร
โดยส่วนตัว เคารพแต่พระที่ปฏิบัติชอบ
ต้องเคารพทุกคนที่ห่มเหลืองหรือ :?: :?:
ต้องเคารพคนห่มเหลือง...ที่ถือธงเย้วๆๆนำหน้าม๊อบหรือ :?: :?:
ต้องเคารพคนห่มเหลือง(หรือห่มแดง)...ที่เอาเลือดไปสาดใส่คนอื่นหรือ :?: :?:
แล้วเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ...การกระทำที่เหมือนกันแต่เหตุต่างกันต้องแสดงความเห็นเหมือนกันหรือ :?: :?:
สุดท้าย...ความชอบธรรมวัดกันที่จำนวนคนเป็นแสนๆๆหรือ :?: :?:
ongard370
 
Posts: 175
Joined: Thu Dec 18, 2008 4:03 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby ridkun_user » Mon Jul 26, 2010 8:36 pm

สมัยนี้เขาสร้างความเด่นดัง โดยการแสดงความไม่เห็นด้วยกับบุคคลที่ประชาชนเคารพศรัทธา เหรอ :lol:
"...โลกนี้ไม่สมประกอบ เพราะบางคนชอบเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน"

อำนาจเป็นของปวงชน คือ ประชาธิปไตย
อำนาจเป็นของคนส่วนใหญ่ คือ กฎหมู่
User avatar
ridkun_user
 
Posts: 5458
Joined: Mon Nov 02, 2009 10:59 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby big j » Mon Jul 26, 2010 8:52 pm

สงสัยจะเป็นดร.ระดับเดียวกะดร.เหลิม
หมอนั่นบอกไม่เห็นทักษิณทำผิดกฎหมายตรงไหน
ทักษิณแค่ทำในสิ่งที่ไม่มีในกฏหมายห้ามไว้เท่านั้น
ดร.นี่ก็อีหรอบเดียวกันบอกนักการเมืองตะวันตกจะมีธรรมะของศาสนาพุทธได้ยังไง
ฟังแล้วเซ็งมะล่องก้องจิงๆ

คนเราในโลกนี้ไม่ว่านับถือศาสนาใด
จะต้องมีคุณธรรม(ethics)ที่เป็นสากลยึดเหนี่ยวไว้ไม่มากก็น้อย
ส่วนจะเรียกว่าศีลหรือธรรมหรืออะไรก็แล้วแต่คำสอนของศาสนานั้น
ดร.ซังกะบ๊วยคนนี้ดันมาถามหาธรรมะข้อไหนของศาสนาพุทธ

ยิ่งมาบอกอย่างเจือกรู้ด้วยว่ากษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม
แต่ดันไม่รู้ว่ารัฐบาลหลัดๆของคุณสมัครจะมีทศพิธราชธรรมจริงหรือไม่จริง...ฮ่วย
แถได้เหลือรับประทานดีแท้
User avatar
big j
 
Posts: 201
Joined: Sun Nov 02, 2008 4:22 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby loginofu » Mon Jul 26, 2010 9:17 pm

กลับไปขายที่หาตังเข้ากระเป๋าเหมือนเดิมเถอะ
หลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่โลกร้อน ยันโฉนดชุมชนเป็นงี้ตลอด
ชอบแสดงความคับแคบทางความคิดให้ชาวบ้านเขาดูถูก

พอมาเรื่องนี้ก็อวดเก่งแต่ในกะลาตั้งแต่ประโยคแรก "เป็นพระ" "ระดับมหา" "อายุ ๓๕" "เคารพผ้าเหลือง"
เวรกรรม เคยดูไหมว่าท่านพูดท่านทำอะไรมาบ้าง
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 9:23 pm

เคารพผ้าเหลืองก็คือ มหาวุฒิชัย แกเป็นพระ ไม่ใช่นายวุฒิชัย จะไปต่อว่าท่านไม่ได้ เราชาวพุทธต้องเคารพพระสงฆ์ แต่ใช่ว่าจะงมงายเชื่อตามสถานเดียวครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 9:26 pm

big j wrote:สงสัยจะเป็นดร.ระดับเดียวกะดร.เหลิม
หมอนั่นบอกไม่เห็นทักษิณทำผิดกฎหมายตรงไหน
ทักษิณแค่ทำในสิ่งที่ไม่มีในกฏหมายห้ามไว้เท่านั้น
ดร.นี่ก็อีหรอบเดียวกันบอกนักการเมืองตะวันตกจะมีธรรมะของศาสนาพุทธได้ยังไง
ฟังแล้วเซ็งมะล่องก้องจิงๆ

คนเราในโลกนี้ไม่ว่านับถือศาสนาใด
จะต้องมีคุณธรรม(ethics)ที่เป็นสากลยึดเหนี่ยวไว้ไม่มากก็น้อย
ส่วนจะเรียกว่าศีลหรือธรรมหรืออะไรก็แล้วแต่คำสอนของศาสนานั้น
ดร.ซังกะบ๊วยคนนี้ดันมาถามหาธรรมะข้อไหนของศาสนาพุทธ

ยิ่งมาบอกอย่างเจือกรู้ด้วยว่ากษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม
แต่ดันไม่รู้ว่ารัฐบาลหลัดๆของคุณสมัครจะมีทศพิธราชธรรมจริงหรือไม่จริง...ฮ่วย
แถได้เหลือรับประทานดีแท้


--- ไม่ได้อ่านประวัติผมจาก http://www.facebook.com/pornchokchai หรือครับ
--- กษัตริย์ในประวัติศาสตร์มีทศพิธราชธรรมกันทุกพระองค์ที่ไหนล่ะครับ
--- สมัครเลวหรือไม่ก็แล้วแต่มุมมอง ว่าแต่ว่า คุณไม่มีอะไรที่จะถกตามสาระหรือครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 9:27 pm

ridkun_user wrote:สมัยนี้เขาสร้างความเด่นดัง โดยการแสดงความไม่เห็นด้วยกับบุคคลที่ประชาชนเคารพศรัทธา เหรอ :lol:


- - - ผมก็ดังอยู่แล้วนะครับ ดังไประดับนานาชาติด้วย อ่านดูได้ที่ http://www.facebook.com/pornchokchai
- - - มีข้อถกที่เป็นสาระตรงไหน ก็เชิญนะครับ อย่าเพิ่งใช้อคติตัดสินคนครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby loginofu » Mon Jul 26, 2010 9:30 pm

เขาถึงเรียกผิดสาขาไงครับ
ไม่รู้เรื่องแล้วอยากบอกว่ารู้ ว่าดัง เป็นที่ยอมรับ
จริงๆน๊าาาาาา

ปล.ประวัติอะไรนั่นดูตั้งแต่สมัย FB ยังไม่เกิดที่แปะไว้คราวก่อนโน้นแล้ว
ก็ไม่ได้บอกว่าจบเปรียญประโยคไหนมานี่ :mrgreen:
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 9:30 pm

loginofu wrote:กลับไปขายที่หาตังเข้ากระเป๋าเหมือนเดิมเถอะ หลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่โลกร้อน ยันโฉนดชุมชนเป็นงี้ตลอด ชอบแสดงความคับแคบทางความคิดให้ชาวบ้านเขาดูถูก

พอมาเรื่องนี้ก็อวดเก่งแต่ในกะลาตั้งแต่ประโยคแรก "เป็นพระ" "ระดับมหา" "อายุ ๓๕" "เคารพผ้าเหลือง" เวรกรรม เคยดูไหมว่าท่านพูดท่านทำอะไรมาบ้าง


- - - ไม่รู้จริงนี่นา ผมไม่ได้เป็นนายหน้า ไม่พัฒนาที่ดินเอง เพื่อความเป็นกลางทางวิชาการและวิชาชีพครับ ลองอ่านดู http://www.facebook.com/pornchokchai
- - - ที่ผมว่าเป็นข้อ ๆ ไป ไม่เห็นด้วยตรงไหน ก็ว่ามาซี่ครับ ไม่ใช่เขียนด้วยอคตินะครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby loginofu » Mon Jul 26, 2010 9:36 pm

อืม..แค่นี้ยังไม่เข้าใจ
ที่บอกให้กลับไปขายที่ ก็บอกแล้วว่าเรื่องที่คุณชำนาญมันอยู่ตรงไหน
ประโยคอื่นของผมก็บอกแล้วว่าคุณไม่ชำนาญด้านไหน
คุณก็ยังอยากจะไปพูดเรื่องที่คุณไม่ชำนาญให้เขาดูถูกคุณเองนี่ครับ

ต้องให้อธิบายละเอียดกว่านี้ไหมเนี่ย
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby ่ีjuly666 » Mon Jul 26, 2010 10:00 pm

ผมบอกตามตรงนะว่าผมเป็นคนหาเช้ากินเช้า กลางวัน เย็น (ชนชั้นรากแก้ว) :lol: ไม่ค่อยได้อ่านนสพ.หรือดูข่าวทางทีวี แต่ผมรู้จักท่าน ว. แต่ผมไม่รู้จักเจ้าของกระทู้เลยจริงๆพับผ่าดิ๊... :lol:
User avatar
่ีjuly666
 
Posts: 15
Joined: Sun Jul 18, 2010 2:32 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby zereza » Mon Jul 26, 2010 10:32 pm

ธรรมะของพระพุทธองค์นั้นละเอียดลึกซึ้ง ประกอบด้วยทั้งสิ้น 84000 พระธรรมขันธ์ แม้แต่อริยสงฆ์สาวกที่สำเร็จพระอรหันต์ก็หาได้อธิบายธรรมะของพระพุทธองค์ได้ทุกข้อไม่ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นสิ่งที่นำมาสู่การถกเถียงกันว่าอย่างไรถูก อย่างไรผิด ใครทำถูก ใครทำผิด ต้องอาศัยการปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น ส่วนคำว่าธรรมะที่พระพุทธองค์กล่าวมีความหมายโดยรวมถึง"ธรรมชาติ"นั่นเอง หรือจะใช้คำว่า"สัจธรรม"ก็คงไม่ผิดนัก ดังนั้น ไม่แปลกอะไรที่จะสามารถนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ครับ

ณ เวลานั้นมีการสัมภาษณ์ ท่านก็ตอบไปตามที่พิธีกรถาม ท่านเป็นพระ จะให้ท่านตอบอย่างไรล่ะครับ จะให้ใช้อารมณ์ ไม่ต้องเอาธรรมะเข้าข่มอย่างนั้นหรือ? ท่านก็ตอบได้เหมาะสมแก่คำถามแล้ว และเรื่องวันนั้น เวลานั้น จะเอามาเทียบเคียงว่า วันนี้ทำไมไม่พูดอย่างนั้น อย่างนี้ มันถูกต้องหรือครับ ในเมื่อบริบทมันต่างกัน มันแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์แล้ว คนสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่คนเดิม คำถามก็ไม่ใช่คำถามเดิม แต่ท่านกลับจะมุ่งมั่นเอาคำตอบเดิมมันเป็นไปได้เหรอครับ?
"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง"
"อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"
User avatar
zereza
 
Posts: 1312
Joined: Mon Apr 26, 2010 6:03 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby big j » Mon Jul 26, 2010 10:36 pm

pornchokchai wrote:
big j wrote:สงสัยจะเป็นดร.ระดับเดียวกะดร.เหลิม
หมอนั่นบอกไม่เห็นทักษิณทำผิดกฎหมายตรงไหน
ทักษิณแค่ทำในสิ่งที่ไม่มีในกฏหมายห้ามไว้เท่านั้น
ดร.นี่ก็อีหรอบเดียวกันบอกนักการเมืองตะวันตกจะมีธรรมะของศาสนาพุทธได้ยังไง
ฟังแล้วเซ็งมะล่องก้องจิงๆ

คนเราในโลกนี้ไม่ว่านับถือศาสนาใด
จะต้องมีคุณธรรม(ethics)ที่เป็นสากลยึดเหนี่ยวไว้ไม่มากก็น้อย
ส่วนจะเรียกว่าศีลหรือธรรมหรืออะไรก็แล้วแต่คำสอนของศาสนานั้น
ดร.ซังกะบ๊วยคนนี้ดันมาถามหาธรรมะข้อไหนของศาสนาพุทธ

ยิ่งมาบอกอย่างเจือกรู้ด้วยว่ากษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม
แต่ดันไม่รู้ว่ารัฐบาลหลัดๆของคุณสมัครจะมีทศพิธราชธรรมจริงหรือไม่จริง...ฮ่วย
แถได้เหลือรับประทานดีแท้


--- ไม่ได้อ่านประวัติผมจาก http://www.facebook.com/pornchokchai หรือครับ
--- กษัตริย์ในประวัติศาสตร์มีทศพิธราชธรรมกันทุกพระองค์ที่ไหนล่ะครับ
--- สมัครเลวหรือไม่ก็แล้วแต่มุมมอง ว่าแต่ว่า คุณไม่มีอะไรที่จะถกตามสาระหรือครับ


1.ผมจำเป็นต้องอ่านด้วยหรือครับ
2.ประวัติศาสตร์ก็คือตำรา เราไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง จริงเท็จอย่างไรก็เป็นเรื่องที่อนุมานเอาตามหลักฐานตามทฤษฎี แต่คุณก็ฟันธงเชื่อไปแล้ว
3.แต่รัฐบาลสมัครเกิดขึ้นร่วมสมัยต่อหน้าต่อตาคุณ ดันไม่มีความเห็นแล้วต้องขึ้นกับมุมมองอีกด้วย มันจะมีสาระอะไรที่ต้องถกอีกล่ะวุ้ย
User avatar
big j
 
Posts: 201
Joined: Sun Nov 02, 2008 4:22 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby Sweet Chin Music » Mon Jul 26, 2010 10:44 pm

บทความนี้แสดงให้เห็นว่าผู้เขียน ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะเลยแม้แต่น้อย

ศีล สมาธิ ปัญญา กับ อริยะสัจ ๔ มันมีความเกี่ยวโยงกันอยู่แล้ว / ธรรมธิปไตย คืออะไร ?
ผู้เขียนบทความยังไม่รู้ความหมายของคำนี้เลย ดันทะลึ่งมาอวดรู้อีก
ทำดีได้ทำดี ทำชั่วได้ทำชั่ว
User avatar
Sweet Chin Music
Moderator
 
Posts: 3892
Joined: Mon Oct 13, 2008 1:40 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 10:47 pm

loginofu wrote:เขาถึงเรียกผิดสาขาไงครับ ไม่รู้เรื่องแล้วอยากบอกว่ารู้ ว่าดัง เป็นที่ยอมรับ จริงๆน๊าาาาาา ปล.ประวัติอะไรนั่นดูตั้งแต่สมัย FB ยังไม่เกิดที่แปะไว้คราวก่อนโน้นแล้ว ก็ไม่ได้บอกว่าจบเปรียญประโยคไหนมานี่ :mrgreen:

--- ต้องจบเปรียญจึงจะแสดงความเห็นต่อมหาวุฒิชัยได้หรือครับ
--- ??
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 10:50 pm

loginofu wrote:อืม..แค่นี้ยังไม่เข้าใจ ที่บอกให้กลับไปขายที่ ก็บอกแล้วว่าเรื่องที่คุณชำนาญมันอยู่ตรงไหน ประโยคอื่นของผมก็บอกแล้วว่าคุณไม่ชำนาญด้านไหน คุณก็ยังอยากจะไปพูดเรื่องที่คุณไม่ชำนาญให้เขาดูถูกคุณเองนี่ครับ ต้องให้อธิบายละเอียดกว่านี้ไหมเนี่ย


--- ที่ผมว่าคุณไม่รู้ว่าผมไม่ได้ทำงานนายหน้า คุณก็ผ่านเลย
--- ที่ผมไม่ได้เรียนจบเปรียญมา ก็ไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับธรรมะได้เลยหรือครับ
--- การแสดงความเห็นนี่ถ้าไม่ได้จบด้านนั้น แสดงไม่ได้เลย
--- ผมว่าถ้าผมจบเปรียญแต่ไม่ถึง เปรียญ 9 เท่ามหาวุฒิชัย ก็คงแสดงไม่ได้เช่นกันในสายตาคุณ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 10:51 pm

่ีjuly666 wrote:ผมบอกตามตรงนะว่าผมเป็นคนหาเช้ากินเช้า กลางวัน เย็น (ชนชั้นรากแก้ว) :lol: ไม่ค่อยได้อ่านนสพ.หรือดูข่าวทางทีวี แต่ผมรู้จักท่าน ว. แต่ผมไม่รู้จักเจ้าของกระทู้เลยจริงๆพับผ่าดิ๊... :lol:


--- แล้วยังไงครับ คุณควรเอาสาระที่ผมวิจารณ์มาพูด ทิ้งเปลือกเอาแก่นครับ
--- คุณไม่เห็นด้วยกับผมข้อไหน ก็ควรถกกันฉันมิตรตามข้อนั้น ๆ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 10:53 pm

zereza wrote:ธรรมะของพระพุทธองค์นั้นละเอียดลึกซึ้ง ประกอบด้วยทั้งสิ้น 84000 พระธรรมขันธ์ แม้แต่อริยสงฆ์สาวกที่สำเร็จพระอรหันต์ก็หาได้อธิบายธรรมะของพระพุทธองค์ได้ทุกข้อไม่ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นสิ่งที่นำมาสู่การถกเถียงกันว่าอย่างไรถูก อย่างไรผิด ใครทำถูก ใครทำผิด ต้องอาศัยการปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น ส่วนคำว่าธรรมะที่พระพุทธองค์กล่าวมีความหมายโดยรวมถึง"ธรรมชาติ"นั่นเอง หรือจะใช้คำว่า"สัจธรรม"ก็คงไม่ผิดนัก ดังนั้น ไม่แปลกอะไรที่จะสามารถนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ครับ

ณ เวลานั้นมีการสัมภาษณ์ ท่านก็ตอบไปตามที่พิธีกรถาม ท่านเป็นพระ จะให้ท่านตอบอย่างไรล่ะครับ จะให้ใช้อารมณ์ ไม่ต้องเอาธรรมะเข้าข่มอย่างนั้นหรือ? ท่านก็ตอบได้เหมาะสมแก่คำถามแล้ว และเรื่องวันนั้น เวลานั้น จะเอามาเทียบเคียงว่า วันนี้ทำไมไม่พูดอย่างนั้น อย่างนี้ มันถูกต้องหรือครับ ในเมื่อบริบทมันต่างกัน มันแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์แล้ว คนสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่คนเดิม คำถามก็ไม่ใช่คำถามเดิม แต่ท่านกลับจะมุ่งมั่นเอาคำตอบเดิมมันเป็นไปได้เหรอครับ?


---- คุณพูดอะไรครับ
---- ตกลงที่ผมแสดงความเห็น 9 ข้อ ท่านเห็นด้วยหรือไม่ในข้อไหน และมีเหตุผลอะไร เชิญบอกมาครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 10:55 pm

big j wrote:
pornchokchai wrote:
big j wrote:สงสัยจะเป็นดร.ระดับเดียวกะดร.เหลิม
หมอนั่นบอกไม่เห็นทักษิณทำผิดกฎหมายตรงไหน
ทักษิณแค่ทำในสิ่งที่ไม่มีในกฏหมายห้ามไว้เท่านั้น
ดร.นี่ก็อีหรอบเดียวกันบอกนักการเมืองตะวันตกจะมีธรรมะของศาสนาพุทธได้ยังไง
ฟังแล้วเซ็งมะล่องก้องจิงๆ

คนเราในโลกนี้ไม่ว่านับถือศาสนาใด
จะต้องมีคุณธรรม(ethics)ที่เป็นสากลยึดเหนี่ยวไว้ไม่มากก็น้อย
ส่วนจะเรียกว่าศีลหรือธรรมหรืออะไรก็แล้วแต่คำสอนของศาสนานั้น
ดร.ซังกะบ๊วยคนนี้ดันมาถามหาธรรมะข้อไหนของศาสนาพุทธ

ยิ่งมาบอกอย่างเจือกรู้ด้วยว่ากษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม
แต่ดันไม่รู้ว่ารัฐบาลหลัดๆของคุณสมัครจะมีทศพิธราชธรรมจริงหรือไม่จริง...ฮ่วย
แถได้เหลือรับประทานดีแท้


--- ไม่ได้อ่านประวัติผมจาก http://www.facebook.com/pornchokchai หรือครับ
--- กษัตริย์ในประวัติศาสตร์มีทศพิธราชธรรมกันทุกพระองค์ที่ไหนล่ะครับ
--- สมัครเลวหรือไม่ก็แล้วแต่มุมมอง ว่าแต่ว่า คุณไม่มีอะไรที่จะถกตามสาระหรือครับ


1.ผมจำเป็นต้องอ่านด้วยหรือครับ
2.ประวัติศาสตร์ก็คือตำรา เราไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง จริงเท็จอย่างไรก็เป็นเรื่องที่อนุมานเอาตามหลักฐานตามทฤษฎี แต่คุณก็ฟันธงเชื่อไปแล้ว
3.แต่รัฐบาลสมัครเกิดขึ้นร่วมสมัยต่อหน้าต่อตาคุณ ดันไม่มีความเห็นแล้วต้องขึ้นกับมุมมองอีกด้วย มันจะมีสาระอะไรที่ต้องถกอีกล่ะวุ้ย


-------- คุณไม่อ่านที่ผมเขียน แต่ต่อว่าเป็นฉาก ๆ โดยไม่มีสาระ นี่มันเหมาะหรือครับ
-------- ลองดู ผมวิจารณ์ไป 9 ข้อ คุณเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยข้อไหน ก็ว่ามา อย่าติเรือทั้งโกลนครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 10:57 pm

Sweet Chin Music wrote:บทความนี้แสดงให้เห็นว่าผู้เขียน ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะเลยแม้แต่น้อย

ศีล สมาธิ ปัญญา กับ อริยะสัจ ๔ มันมีความเกี่ยวโยงกันอยู่แล้ว / ธรรมธิปไตย คืออะไร ?
ผู้เขียนบทความยังไม่รู้ความหมายของคำนี้เลย ดันทะลึ่งมาอวดรู้อีก



ลองกลับไปอ่านดูที่ผมเขียนนะครับ "การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว"

แล้วธรรมาธิปไตยที่มหาวุฒิชัย กับที่เขียนในพระไตรปิฎกมันคนละเรื่องกันเลยครับ อ่านดูซี่ครับ อย่าเพิ่งพูดตามอคติครับ
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby รักเมืองไทย » Mon Jul 26, 2010 11:01 pm

เรียกเทศกิจด่วน :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:

ปล ผมไม่มีความรู้เรื่องศาสนาไม่กล้าแสดงความคิดเห็นกลัวจะเป็นบาป
User avatar
รักเมืองไทย
 
Posts: 190
Joined: Fri Mar 26, 2010 3:01 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby pornchokchai » Mon Jul 26, 2010 11:05 pm

รักเมืองไทย wrote:เรียกเทศกิจด่วน :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
ปล ผมไม่มีความรู้เรื่องศาสนาไม่กล้าแสดงความคิดเห็นกลัวจะเป็นบาป


--- ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ
--- วิจารณ์ความเห็นของพระ เพื่อให้เกิดสังคมอุดมปัญญา แค่อย่าไปจาบจ้วงผ้าเหลือง
--- ถ้าวิจารณ์ไม่ได้ผู้สวมเครื่องแบบพระก็ untouchable นะครับ
--- หรือไม่ยอมแตะเฉพาะพระรูปนี้ครับ
--- อย่าลืมนะครับ เราคุยกันด้วยความเคารพพระ ไม่ได้ดูถูก จาบจ้วงกันเลย
คนเราต้องเปิดใจกว้างรับฟังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าไปมีอคติหรือความหลงแต่แรกว่าพวกเขา พวกเรา ไม่เช่นนั้น ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ และที่สำคัญ เราควรมีความรัก ปรารถนาดีและเมตตาคู่สนทนาแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม นี่จึงเป็นกุศลแท้ครับ
User avatar
pornchokchai
 
Posts: 347
Joined: Wed Oct 15, 2008 6:04 am
Location: Bangkok

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby zereza » Mon Jul 26, 2010 11:22 pm

pornchokchai wrote:
zereza wrote:ธรรมะของพระพุทธองค์นั้นละเอียดลึกซึ้ง ประกอบด้วยทั้งสิ้น 84000 พระธรรมขันธ์ แม้แต่อริยสงฆ์สาวกที่สำเร็จพระอรหันต์ก็หาได้อธิบายธรรมะของพระพุทธองค์ได้ทุกข้อไม่ แต่ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นสิ่งที่นำมาสู่การถกเถียงกันว่าอย่างไรถูก อย่างไรผิด ใครทำถูก ใครทำผิด ต้องอาศัยการปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น ส่วนคำว่าธรรมะที่พระพุทธองค์กล่าวมีความหมายโดยรวมถึง"ธรรมชาติ"นั่นเอง หรือจะใช้คำว่า"สัจธรรม"ก็คงไม่ผิดนัก ดังนั้น ไม่แปลกอะไรที่จะสามารถนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้ครับ

ณ เวลานั้นมีการสัมภาษณ์ ท่านก็ตอบไปตามที่พิธีกรถาม ท่านเป็นพระ จะให้ท่านตอบอย่างไรล่ะครับ จะให้ใช้อารมณ์ ไม่ต้องเอาธรรมะเข้าข่มอย่างนั้นหรือ? ท่านก็ตอบได้เหมาะสมแก่คำถามแล้ว และเรื่องวันนั้น เวลานั้น จะเอามาเทียบเคียงว่า วันนี้ทำไมไม่พูดอย่างนั้น อย่างนี้ มันถูกต้องหรือครับ ในเมื่อบริบทมันต่างกัน มันแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์แล้ว คนสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่คนเดิม คำถามก็ไม่ใช่คำถามเดิม แต่ท่านกลับจะมุ่งมั่นเอาคำตอบเดิมมันเป็นไปได้เหรอครับ?


---- คุณพูดอะไรครับ
---- ตกลงที่ผมแสดงความเห็น 9 ข้อ ท่านเห็นด้วยหรือไม่ในข้อไหน และมีเหตุผลอะไร เชิญบอกมาครับ


ถ้าอยากให้ระบุข้อก็ได้ครับ พูดรวมๆเกินไปคงตีความลำบากสินะครับ ผมขอแย้งคุณในข้อ 9 ละกันครับ เพราะรายการวิทยุที่ผมฟังท่าน ว. (คลื่น 96.5) ในช่วงที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ท่านก็ได้แสดงความคิดเห็นในแนวทางเดิมก็คือ ให้รักษาชีวิตคนไว้ ใช้สติ หยุดความรุนแรง ที่ท่านสรุปว่า ท่าน ว. ไม่ได้แสดงความเห็นแบบเดียวกับกลุ่มพันธมิตรจึงไม่เป็นความจริงครับ เพียงแต่เวลาและโอกาสที่จะได้ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่ได้เหมือนช่วงตอนพันธมิตรชุมนุมเท่านั้นครับ

หรือ จะแย้งอีกข้อคือข้อแรกก็ตามที่กล่าวไปครับ ธรรมะก็คือธรรมชาติ บ้านอื่นเมืองอื่นไม่ได้นับถือพุทธแต่ก็ต้องใช้มโนธรรมในการบริหารใช่มั้ยครับ ถ้าบริหารตามใจชอบย่อมไม่สามารถบริหารความขัดแย้งภายในชาติได้ ดังนั้นผู้ที่ใช้มโนธรรมนำการบริหารย่อมถูกต่อต้านน้อยกว่าครับ

ส่วนข้อ 3 พระท่านอยู่ใกล้ชุมชนครับ ชาวบ้านจะมีระบบวิธีความคิดตัดสินใจอย่างไร พระท่านน่าจะพอดูออก ผมไม่เสนอความเห็นใดๆละกันครับ
"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง"
"อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"
User avatar
zereza
 
Posts: 1312
Joined: Mon Apr 26, 2010 6:03 pm

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby chanbaan » Mon Jul 26, 2010 11:36 pm

pornchokchai wrote:ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี)

ดร.โสภณ พรโชคชัย (http://www.facebook.com/pornchokchai)
25 กรกฎาคม 2553

2. ที่พระมหาวุฒิชัยบอกทำนองว่า (คณะราษฎร์) เอาพระราชอำนาจมาจากพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ได้เอาทศพิธราชธรรมของพระมหากษัตริย์มาด้วย จึงทำให้ขาดธรรมะ ข้อนี้เป็นคำพูดที่ฟังดูดี น่าสนใจ แต่ในความเป็นจริง กษัตริย์บางพระองค์ในอดีตก็ไม่ได้มีทศพิธราชธรรม ก็เหมือนนักการเมือง การที่พระมหาวุฒิชัยพูดในห้วงแหลมคมของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรก็เท่ากับต้องการตำหนิว่ารัฐบาลในขณะนั้นไม่มีทศพิธราชธรรม ซึ่งจะจริงหรือไม่ผมคงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้

4. การที่บอกว่าประชาชนไม่มีศักยภาพ ในแง่หนึ่งอาจเป็นการให้ท้ายกับพวกเผด็จการรัฐประหาร ให้มาตัดสินใจแทนประชาชนโดยอ้างว่าประชาชนไม่มีศักยภาพอยู่ร่ำไป และเมื่อเข้ามาแล้ว ก็มาโกงกิน เห็นได้ชัดตั้งแต่สมัยสฤษดิ์ และสามทรราช อาจรวมทั้ง รสช. หรืออาจรวม คมช. ด้วยก็ได้ มีใครเชื่อได้โดยสนิทใจว่ารัฐมนตรีในยุคสุรยุทธ์ใสสะอาดกว่ายุคอื่น

5. การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว

7. พระมหาวุฒิชัยบอกว่าถ้าจะแก้ปัญหาการเมืองเฉพาะหน้า ก็ต้องให้ทุกคนมีขันติธรรม สันติธรรม เมตตาธรรม นิติธรรม และสัจธรรม อันนี้ก็พูดกันไปครับ พูดอีกก็ถูกอีกอยู่นั่นเอง คือเหมือนกับบอกว่า ถ้าขาดความอดทนต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีขันติ ถ้าใจร้ายต้องทำอย่างไร คำตอบก็คือต้องมีเมตตา เป็นต้น ในที่นี้ถ้ายกหลักธรรมกันจริง ๆ ยังมีอีกหลายหลักธรรมที่ยกมาได้อีกเป็นโขยง เช่น มโนธรรม สัปปุริสธรรม ฆราวาสธรรม 4 อัปปมาทธรรม 7 พรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และสังคหวัตถุ 4 เป็นต้น

9. พระมหาวุฒิชัยได้ให้สัมภาษณ์ปิดท้ายว่าให้ทุกฝ่ายวางทิฐิลง เอาชีวิตของประชาชนไว้ดีกว่า อยากให้ทุกฝ่ายถอยสักก้าวหนึ่ง การถอยของรัฐบาลก็คงหนีไม่พ้นการบอกเป็นนัยให้ยุบสภาหรือลาออก แต่ในสมัยพวกเสื้อแดงนับแสน ๆ ชุมนุมซึ่งมากกว่าพวกเสื้อเหลือง (ก่อนที่จะถูกหาว่าก่อการร้ายและมีอาวุธ) พระมหาวุฒิชัยก็ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นในลักษณะนี้เลย
----------------------------

ผมไม่รู้ ผมไม่เห็น ผมไม่เข้าใจ
แต่ผมคิดว่า พันธมิตรเขาไม่ใช่ประชาชนที่เกิดจากสภาวะการเมืองปกติ แต่มีการซ้อนทับกันระหว่างประชาชนที่ต่อสู้ต่ออำนาจรัฐที่ขุนนางได้กุมอำนาจหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กับกลุ่มการเมืองที่อกหัก และสื่อที่ไม่มีอำนาจขายข่าวใดๆ ให้กับรัฐบาลในสมัยนั้นได้
-------------------------------
ดังนั้น ผมคิดว่า ทักษิณ ชินวัตร ผู้ที่ก้าวมาจากการโกงเพื่อน และใช้อำนาจปฏิวัติน้าชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งท่อน้ำเลี้ยงอันไม่มีที่สิ้นสุดอย่างสัมปทานดาวเทียมไทยคมแม้จะขายไปแล้วนั้น(ก็ยังถูกใช้เป็นทุนในการกระทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเพื่อให้ได้กำไรอันมหาศาลและซุกไว้ในต่างประเทศ) ผมเห็นว่า มันเป็นเรื่องที่น่าคิดและทบทวนต่อพฤติกรรมของนักการเมืองสายทักษิณให้ดี
------------------------------
แต่อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลใช้มาตรการใบอนุญาติดาวเทียมแทนสัมปทานดาวเทียม ก็หมายความว่า รัฐสามารถกำหนดรูปแบบการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมได้ แต่มันกลับเป็นเรื่องของสัญญาณโทรศัพท์เท่านั้นเท่าที่ติดตามข่าวสารมา แต่หากว่ามันสามารถยึดสัมปทานดาวเทียมมาเป็นของรัฐได้ โดยรัฐจะบริหารเปิดช่องสัญญาณเฉพาะส่วนที่ขอใช้ตามใบอนุญาติก็ถือว่าเหมาะสม อันนี้คือคำตอบว่า
.
รัฐบาลทักษิณ ซื่อสัตย์ต่อประชาชน หรือซื้อสัตย์จากประชาชน และเป็นผลให้พวกกระผมกับนักศึกษาล่ารายชื่อถอดถอนทักษิณออกจากตำแหน่งในช่วงปี 2548 ถ้าจำไม่ผิด ก่อนที่ทักษิณจะลากการเมืองเข้าสู่การยุบสภาทั้งๆ ที่มีเสียงในการสนับสนุนเพื่อบริหารประเทศล้นฟ้าล้นดิน และยังมีระยะเวลาในการบริหารประเทศอีกยาวนานเพียงพอต่อการต่อสู้คดีความในชั้นศาลหากตนถูกยื่นถอดถอนเป็นผลสำเร็จจริง
-------------------------
ผมพูดตรงๆ ว่า อำนาจในการบริหารประเทศนั้น ท่านอาจคิดว่าควรเป็นของประชาชน อันนี้ผมว่าจริงๆ ก็เป็นของประชาชนมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลกลาง ซึ่งเมื่อรัฐบาลกลางปฏิรูปการเมืองการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ เพราะเชื่อว่าต่อไประบบโทรคมนาคมจะก้าวหน้าไปมาก และทำให้การเมืองการปกครองของเรานั้นสามารถบริหารจัดการด้วยรัฐบาลกลางเป็นศูนย์กลางอำนาจโดยง่าย และที่สำคัญ เพื่อรวมประเทศให้ประเทศตามหลักสากลอีกด้วย ไม่ใช่บริหารแบบหลวมๆ ใครจะไปขึ้นกับเมืองใดเมื่อใดก็ทำตามใจชอบ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดที่ทำให้ประเทศสยามเป็นประเทศอย่างสมบูรณ์และเป็นรากฐานของประเทศไทยในปัจจุบันอีกด้วย
.
แต่เมื่อมีการปฏิวัติราชประหารยึดอำนาจเบ็ดเสร็จจากพระมหากษัตริย์ เรียกง่ายๆ ก็คือ การปล้นพระราชอำนาจนั้นเองนั้น ในปี 2475 เรื่อยมา โครงสร้างการเมืองการปกครองไทยก็นำมาสู่การแตกแยกในแผ่นดินตามลำดับ เพราะทำให้การใช้อำนาจของนักการเมืองยิ่งมีอิสระ และทำให้เสียงโจร(จากประชาชนที่เห็นแก่พวกพ้อง)สามารถสะท้อนออกมาเป็นพรรคพวก และยึดอำนาจรัฐสภาหรือที่เรียกกันว่า เผด็จการรัฐสภา ซึ่งในปัจจุบันก็เกิดทฤษฎีเกลือจิ้มเกลือ หนามหยอกต้องเอาหนามบ่ง จนสภาพการเมืองกลายเป็นระบบตาต่อตาฟันต่อฟันไปแล้ว ซึ่งยิ่งทำให้ระบบการเมืองของเรานั้นถึงขั้น ขาวจับมือดำ ดำเจ้ามือขาว เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น และนั้นทำให้เสถียรภาพของแต่รัฐบาลนั้นไม่ค่อยมี เช่นในปี 2548 ดำเป็นนายกฯ มีขาวนิดหน่อยเพราะต้องได้ตำแหน่งสำคัญในการบริหารประเทศ เจ้าดำเป็นนายกฯ ก็ดันถูกล่ารายชื่อถอดถอน สรุป ไปไม่รอด เอารัฐสภาเป็นที่พึ่ง เกิดเผด็จการรัฐสภา ยึดอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติด้วยช่องว่างทางกฏหมาย ยุบสภา และจัดการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 2 เมษายน 2549 แถมยังแทรกแซงการเลือกตั้งจนเป็นผลให้การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะไปในทันที เขาทำไปเพื่ออะไร อันนี้มีคำตอบในตัวมันเองอยู่แล้วใช่หรือไม่
----------------------------
สิ่งต่างๆ เหล่านั้น จะบอกว่าการเมืองของเรานั้นเป็นประชาธิปไตย เพราะนักการเมืองมาจากการเลือกตั้ง ผมว่าไม่จริง สมัยก่อนเราเลือกคนเพื่อเข้าสู่กระบวนการแข่งขัน เดียวนี้ เขาบังคับให้เราเลือก เลือกใครละ ก็คนในแต่ละพรรคการเมืองไง เดียวนี้คำว่าพรรคการเมืองมันก็คือกลุ่มผลประโยชน์ ที่มีการหลอกใช้ประชาชนอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในรัฐสภา ทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ มันไม่เป็นอิสระต่ออำนาจของผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์เป็นเบื้องต้นแล้ว เรายังมาสร้างค่านิยมที่ผิดๆ ด้วยการเห็นแก่ตัวแย่งชิงกันและกัน มองประชาชนด้วยกันว่าต่ำต้อยกว่า พยายามถีบตัวให้สูงกว่า ทั้งๆ ที่เราเป็นประชาธิปไตย ทำไมเรายังกัดกันเหมือนหมา ทำไมไม่หันหน้าเข้าหากัน แล้วมองดูความทุกข์ยากของประชาชนที่เป็นเพื่อนร่วมชาติและที่พวกนักการเมืองหลอกใช้สิว่า พวกเขานั้นลำบากแค่ไหน แล้วก็หันหน้าเข้ามาแก้ไขปัญหา ฝ่ายค้านก็หาข้อมูลให้ได้มากที่สุด หากรัฐบาลทำดีแล้ว ก็ยกมือสนับสนุนได้ หากทำไม่ดีก็กระทู้ถามสด ว่าทำไมรัฐบาลจึงแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยวิธีนี้ ไม่ใช่อะไรๆ ก็สร้างปัญหากันในชาติบ้านเมือง โจมตีกัน คิดว่าตนนั้นถูก ความจริงการเมืองไทยหรือพรรคการเมืองไทยนั้นขาดหลักธรรมที่ว่า ขันติ ก็คือความอดทนต่อสิ่งที่มากระทบ หรือมายั่วยุให้เกิดการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น เช่น เขามายั่วให้เราโลภ เราโลภ เราเบียดเบียนผู้อื่นในทันที บางทีเขาบอกว่าให้เราไปทำงานเพื่อประชาชนจะได้โล่ เราก็ทำจนเบียดเบียนตัวเอง ทั้งสองส่วนนี้เพราะเราไม่อดทน เราคล้อยตามสิ่งที่มากระทบ ทำให้เราคล้อยตาม ขาดขันติธรรม มีนิวรคิดว่าเป็นพวกตนพูดอะไรก็ต้องเชื่อ สุดท้ายมันก็ไปไม่รอด จมลงสู่การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย หาเหตุผล หรือความเที่ยงธรรมไม่เจอ จนเชื่อว่าพวกตนนั้นแหละดี นั้นแหละถูกต้อง กัดกันเหมือนหมาในที่สุด
Last edited by chanbaan on Mon Jul 26, 2010 11:54 pm, edited 2 times in total.
อุดมการณ์ไม่ใช่คลิก แต่ต้องคิด คิดไปเรื่อยเลยวุ่ย
พุทธเจ้านำทาง ธรรมประคองใจ จิตใจวุ่นวาย ผิดพลาดพลั่งเผลอ มันเป็นสัจจะธรรมของคนที่ยังคน(เราเอง)
"เกลียดปฏิวัติไทยคม ชื่นชมปฏิวัติสีขาว เกลียดนักการเมืองขี้ฉอ ชื่นชอบนักการเมืองยึดมั่นอุดมการณ์"
User avatar
chanbaan
 
Posts: 2001
Joined: Wed Aug 19, 2009 9:25 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby loginofu » Mon Jul 26, 2010 11:52 pm

pornchokchai wrote:
Sweet Chin Music wrote:บทความนี้แสดงให้เห็นว่าผู้เขียน ไม่มีความรู้เรื่องธรรมะเลยแม้แต่น้อย

ศีล สมาธิ ปัญญา กับ อริยะสัจ ๔ มันมีความเกี่ยวโยงกันอยู่แล้ว / ธรรมธิปไตย คืออะไร ?
ผู้เขียนบทความยังไม่รู้ความหมายของคำนี้เลย ดันทะลึ่งมาอวดรู้อีก



ลองกลับไปอ่านดูที่ผมเขียนนะครับ "การพูดว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อประชาชนต้องมีศีล สมาธิ และปัญญานั้น ใคร ๆ ก็พูดได้กับแนวทางการแก้ปัญหาแบบครอบจักรวาลอย่างนี้ การพูดอย่างนี้อาจกลายเป็นการไม่นำพาต่อการศึกษาถึงสาเหตุของปัญหาตามอริยสัจ 4 เข้าทำนองเอาแต่ท่องมนต์ ท่องคาถา การแก้ปัญหาแบบข่มใจจึงมักทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หลายคนพอนั่งสมาธิก็ใจสงบชั่วคราว พอออกจากสมาธิก็กลัดกลุ้มดังเดิม และนี่เองศาสนาจึงถูกทำให้กลายเป็นยาเสพติดที่ให้ผลชั่วคราว"

แล้วธรรมาธิปไตยที่มหาวุฒิชัย กับที่เขียนในพระไตรปิฎกมันคนละเรื่องกันเลยครับ อ่านดูซี่ครับ อย่าเพิ่งพูดตามอคติครับ


คุณเอ๊ยยย เป็นชาวพุทธท่านเอ่ยหลักมาให้คิด คิดต่อเองเห็นเองไม่รู้ไปศึกษาเพิ่มเองไม่ได้เลยเหรอครับ
ระยะเวลาแค่นั้นจะให้ท่านต้องมาอัตถาธิบายให้ละเอียดยิบเลยหรือไง
แล้วรู้หรือเปล่า แม้แต่ "อริยสัจ 4" คำเดียว ท่านจะใช้ กรรมุนาวิตตีโลโก หรือ ตถตา หรืออะไรก็ได้อีก 108
ทำไมท่านถึงใช้ "อริยสัจ 4"
ทำไมคำว่าต้องใช้ "ศีล สมาธิ ปัญญา" ไม่เป็น "ปัญญา ศีล สมาธิ" หรือก็มั่วเป็น "ศีล มุธิตา อุเบกขา"
คุณยกตัวอย่างสมาธิ คือการนั่งสมาธิ ไม่รับไม่รู้เรื่องราว
อย่างนี้แหละ เขาเรียกว่า "เป็นชาวพุทธแต่ปาก"

หรือแม้แต่ประโยคง่ายๆของผม คุณยังไม่รู้ความหมายเลย
จะไปวิจารณ์ท่าน ว. ที่ท่านพูดภาษาธรรม(แม้จะพูดให้ง่ายแล้วก็เถอะ) ได้ยังไง
http://www.prachathon.org/forum/index.php
ทางเข้าบอร์ดสำรอง http://siamseri.orgfree.com/
ประชาทนธิปไตย : ทนได้ก็ทนไป
loginofu
 
Posts: 10316
Joined: Mon Oct 13, 2008 3:22 am

Re: ความเห็นต่อบทสัมภาษณ์ทางการเมืองของพระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี

Postby kimtycoon » Mon Jul 26, 2010 11:56 pm

ขออนุญาต EDIT ความเห็นทั้งหมดของผมออกครับ เนื่องจากมีเนื้อบางส่วนที่ผมรู้สึกว่าไม่เหมาะสม
Last edited by kimtycoon on Tue Jul 27, 2010 12:46 am, edited 1 time in total.
User avatar
kimtycoon
 
Posts: 28
Joined: Wed Jun 23, 2010 1:19 am

Next

Return to สภากาแฟ



cron